ขอ สอบพัฒนาทักษะการคดิ วิเคราะห กลมุ สาระการเรียนรู วทิ ยาศาสตร ชน้ั ประถมศึกษาปท ี่ 3 หนวยท่ี 1 ชีวติ สมั พนั ธ จํานวน 30 ขอ จงกา ทับตวั อักษรตรงกบั ตวั เลอื กที่ตอ งการลงในกระดาษคาํ ตอบ 1. ใชข อความที่กาํ หนด ตอบคาํ ถามขอ 2-3 จากภาพ ขอ ใดเปน ลกู ของสตั วทีก่ ําหนด 1 สีขน 2 ลกั ยิม้ ก. 3 ใบหู 4 ลักษณะหาง ข. 5 เสน ผม 6 ช้นั ของหนังตา ค. 2. ขอ ใดเปนลักษณะทางพนั ธุกรรมของสตั ว ง. ก. 1-3-6 ข. 3-4-5 ค. 1-2-3 ง. 1-3-4 3. ขอ ใดเปนลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมของคน ก. 1-2-3-4 ข. 2-3-5-6 ค. 3-4-5-6 ง. 2-3-4-6 4. ตวั เราควรมหี นา ตาเหมอื นใคร ก. พอแม ข. เพ่ือนสนทิ ค. เพอื่ นบาน ง. ญาตทิ ี่ใกลชิด 1
ใชข อ มลู ในตาราง ตอบคาํ ถามขอที่ 5 – 7 9. ขอใดกลาวถูกตอ ง สมาชกิ ใน ลักษณะทางพนั ธกุ รรม ก. สง่ิ มชี วี ิตชนิดใดก็เกิดจากสงิ่ มีชวี ิต ครอบครัว ผมตรง ผมหยกิ ชนดิ นน้ั ปู 9 ข. ลกู จะมลี ักษณะคลา ยคลึงกบั พอแม ค. ลักษณะของพอ แมจะมกี าร ยา 9 ถายทอดไปยังลูก ตา 9 ยาย 9 ง. ถูกทกุ ขอ 10. จากภาพ พอ 9 ลูกกระตา ยตวั นี้ แม 9 นาจะเปน ลกู ของ ลกู 9 กระตา ยตัวใด 5. พอไดร บั การถา ยทอดลักษณะผมตรงจากใคร ก. ข. ก. ตา ข. ยา ค. แม ง. ถกู ทุกขอ ค. ง. 6. แมไ ดรบั การถา ยทอดลักษณะผมตรงจากใคร ก. ตา ข. ยา ค. พอ ง. ถกู ทกุ ขอ 7. ลูกไดรับการถายทอดลกั ษณะผมหยกิ จากใคร 11. ขวัญ เปน ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมท่ปี รากฏ อยบู นสว นใดของรางกาย ก. ปู ยา ข. ตา ยาย ก. แกม ข. ตา ค. พอ แม ง. ปู ยาย ค. ศีรษะ ง. ปาก 8. ขอใดไมใ ชล ักษณะทถ่ี ายทอดทางพนั ธกุ รรม 12. กอนฝนจะตก เรามักพบเหน็ มดขนยา ยไข ก. เกห อลิน้ ได เปนเพราะเหตใุ ด ข. เอมีใบหนา รปู ไข ก. เพอ่ื หนีน้ํา ค. โตงมหี นงั ตาชนั้ เดยี ว ข. เพือ่ ใหไขไ ดร ับความอบอุน ง. ตอ ยชอบพดู โกหก ค. เพือ่ หาแหลง อาหารใหม ง. เพอื่ ใหไขฟ ก ไดสะดวก 2
13. เมื่อใชมอื กดผกั กระเฉดใหจ มนา้ํ แลว 17. สัตวบางชนดิ สามารถพรางตัวให ปลอยมอื ผลเปนอยา งไร กลมกลนื กับสงิ่ แวดลอม เพอ่ื เหตุผลใด ก. ตน ผกั กระเฉดจมน้าํ ก. เพื่อใหเ กดิ ความสวยงาม ข. ตน ผักกระเฉดลอยน้ํา ข. เพื่อหลบหลีกศตั รู ค. ตน ผกั กระเฉดสลัดนวม ค. เพ่ือหาอาหาร ง. ตนผักกระเฉดกางใบออก ง. ถกู ทัง้ ขอ ข. และ ค. 14. จากคาํ ตอบในขอ 12 เปน เพราะเหตใุ ด 18. สาหรา ย มกี ารปรบั ตวั เพอื่ ลดการตาน ก. เพราะมีนวมหมุ บริเวณลําตน ของกระแสนํา้ อยางไร ข. เพราะมีลาํ ตน แข็งแรง ก. มใี บแผเ ปนแผน ค. เพราะลําตนมรี พู รุน ข. มีลําตนออน เรียวยาว ง. เพราะลาํ ตนพองเปน กระเปาะ ค. มีลาํ ตนกลวง และเบา ง. มีลําตนสูง เรยี วเล็ก 15. ตนกระบองเพชรมลี กั ษณะใดทเี่ หมาะ สาํ หรบั การอยทู ่ที ะเลทราย 19. ขอ ใดไมใชการปรบั ตวั ของพชื ก. มีลาํ ตนสูงใหญ ใบดก เพือ่ ใหเ กดิ ก. ตาํ ลงึ มีมอื เกาะ ความชมุ ช้ืน ข. มะมวงมีผลท่กี นิ ได ข. สามารถเคล่อื นไหวเพื่อหาแหลงนา้ํ ค. ผักกระเฉดมนี วมหมุ ลําตน ทอ่ี ยหู างไกลได ง. โกงกางมรี ากคํ้าจนุ ทย่ี าวและ ค. เปล่ียนใบเปนหนามเพื่อลดการคายน้ํา แข็งแรง ง. ไมตองใชน้ําในการดาํ รงชีวติ 20. เมล็ดพชื ทต่ี องอาศยั สัตวชว ยในการ 16. สัตวใ นขอ ใดมีลายของลาํ ตัวใหด กู ลมกลนื ขยายพนั ธุ จะมีลกั ษณะอยางไร กบั ที่อยูอาศยั ก. มีหนาม ก. สมเสร็จ ข. มเี ปลือก ข. หมีแพนดา ค. ดีดตวั ไดไกล ค. นกกระจอกเทศ ง. เบาและมีปก ง. เสอื ลายพาดกลอน 3
21. หลักฐานใดทบี่ อกใหค นรวู า เคยมไี ดโนเสาร 24. ความสมั พันธใ นแบบที่ 2 กบั แบบที่ 4 อาศัยอยใู นโลก มลี กั ษณะคลา ยคลงึ กนั แตแ ตกตา งกัน ก. มีหนงั สือบันทึกไว ในขอ ใด ข. มีผูเคยพบเห็นไดโนเสารท ่ียังมีชีวติ ก. ความสัมพนั ธใ นแบบท่ี 2 สง่ิ มชี ีวิต ค. มีการขุดพบซากฟอสซลิ ทง้ั 2 ไมส ามารถแยกจากกันได ของไดโนเสาร ข. ความสัมพันธใ นแบบท่ี 4 สง่ิ มีชีวติ ง. ถกู ทกุ ขอทกี่ ลาวมา ทัง้ 2 ไมสามารถแยกจากกนั ได ใชขอความทีก่ าํ หนด ตอบคําถามขอ 22-25 ค. ความสมั พนั ธใ นแบบท่ี 2 สงิ่ มีชวี ิต รปู แบบความสมั พันธของส่งิ มชี วี ติ หนึง่ ไดร ับประโยชนน อ ยกวา อีก 1. แบบเหย่ือกบั ผูล า สิง่ มชี ีวติ หนงึ่ 2. แบบไดประโยชนร ว มกนั ง. ความสัมพันธใ นแบบที่ 4 สงิ่ มชี วี ิต 3. แบบอิงอาศัยกนั หน่ึงไดร บั ประโยชนน อยกวาอกี 4. แบบพ่งึ พากนั สงิ่ มีชวี ิตหนง่ึ 5. แบบปรสติ 25. ส่ิงมีชีวติ คใู ดไมไ ดมีความสมั พนั ธ 22. สิง่ มีชวี ติ คูใ ดไมไ ดม ีความสมั พันธก ันใน แบบที่ 3 แบบท่ี 1. ก. กลว ยไมก บั ตน ไมใหญ ก. สงิ โต – มา ลาย ข. เหาฉลามกบั ปลาฉลาม ข. กงิ้ กา – แมลง ค. กาฝากกบั ตนไมใหญ ค. นกกระสา – ปลา ง. นกแรงกับเสอื ง. เหบ็ – สนุ ัข 26. ความสมั พันธท ่ีสัตวใหญก ินสัตวเ ลก็ 23. จากคําตอบในขอ 22 สง่ิ มีชีวติ คูน ้นั มี เปน อาหาร เปน ความสมั พนั ธแบบใด ความสัมพนั ธใ นแบบใด ก. แบบไดป ระโยชนรว มกัน ก. แบบที่ 5 ข. แบบปรสติ ข. แบบที่ 4 ค. แบบอิงอาศัยกนั ค. แบบท่ี 3 ง. แบบเหย่ือกับผลู า ง. แบบที่ 2 4
27. พยาธมิ คี วามสมั พันธกบั คนในลกั ษณะใด 29. ความสัมพนั ธค ใู ดแตกตางจากพวก ก. แบบเหย่ือกบั ผลู า ก. ควาย – นกเอ้ียง ข. แบบปรสิต ข. จิ้งจก – แมลง ค. แบบพ่งึ พา ค. นก – หนอน ง. แบบองิ อาศยั ง. งู – กบ 28. ความสมั พันธใ นลักษณะท่ฝี า ยหนง่ึ ไดร ับ 30. ความสมั พันธใ นลักษณะใดทีส่ ง่ิ มชี ีวิต ประโยชน และอกี ฝา ยหนึ่งไมไ ดร บั ฝา ยหนงึ่ ตอ งเสียประโยชนจ ากสง่ิ มีชวี ติ ประโยชน แตไ มเ สยี ประโยชน อกี ฝายหน่งึ เปน ความสมั พันธแบบใด ก. แบบปรสติ ก. แบบอิงอาศยั กนั ข. แบบเหยือ่ กับผลู า ข. แบบพง่ึ พากนั ค. แบบองิ อาศัยกนั ค. แบบปรสิต ง. ถกู ท้งั ขอ ก. และ ข. ง. แบบไดป ระโยชนร วมกัน 5
Search
Read the Text Version
- 1 - 5
Pages: