2 ปี ของรัฐบาลทกั ษิณ MK-Matichon 1 ม่งิ สรรพ์ ขาวสอาด สถาบนั วจิ ยั สงั คม มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่การทอ่ งเที่ยว หลงั จากท่ีประเทศได้ประสบวิกฤตทางเศรษฐกิจตงั้ แตป่ ี 2540 มาจนบดั นี ้ภาคเศรษฐกิจการผลิตเพ่ือการส่งออกก็ยงั ไม่ฟื ้นตวั มากนกั แต่การท่องเท่ียวเป็ นภาคท่ีประสบความสาเร็จด้านรายได้ท่ีเป็ นเงินตราต่างประเทศอยู่ตลอดเวลา ภาคเศรษฐกิจการท่องเที่ยวได้เข้ามามีบทบาทสาคญั ในเศรษฐกิจไทยมากขนึ ้ ตามลาดบั ทกุ วนั นีท้ รัพยากรทอ่ งเท่ียวของไทยได้เสื่อมโทรมลงตามลาดบั อีกทงั้ บริการในภาครัฐสว่ นตา่ งๆ ซ่งึ เป็ นปัจจยั สาคญั ท่ีทาให้การทอ่ งเท่ียวสะดวก สะอาด ปลอดภยั ก็มีอปุ สรรคและข้อจากดัอย่มู าก อีกทงั้ ภาคเอกชนบางส่วนก็ยงั ทาการฉ้อฉลขดู รีดนกั ท่องเที่ยว ทาให้การท่องเที่ยวไทยมีภาพลักษณ์ที่เลวและเข้าสู่กับดกั และราคาต่า (low price trop) พูดง่ายๆ ก็คือประเทศไทยเป็ นแหล่งท่องเท่ียวราคาถูก (Cheap tourism) การท่องเที่ยวจะยั่งยืนได้ก็ต่อเมื่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทงั้ หลาย รวมทงั้ องคก์ ร ภาครัฐ ภาคเอกชนตา่ งๆ ได้มาร่วมกนั จดั การเชิงอนรุ ักษ์อยา่ งเหมาะสม การท่องเท่ียวจะไม่สามารถจัดการอย่างยั่งยืนได้ หาก ขาดการประสานงานกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ ทงั้ ในภาครัฐและภาคเอกชนให้มุ่งสู่ความมีคุณภาพ มาตรฐาน ประสิทธิภาพตลอดจนการให้ความรู้ต่อเยาวชนไทยและชุมชนท่องเท่ียวให้เกิดความเข้าใจในเอกลกั ษณ์และความเป็ นไทย ทาให้การทอ่ งเที่ยวสะดวก สะอาด ปลอดภยั ได้ความรู้และเกิดความปิ ติสขุ พร้อมๆกนั ทา่ นนายกรัฐมนตรี พ.อ.ทกั ษิณ ชินวตั ร ได้ให้ความสนใจกบั การทอ่ งเที่ยวมาตงั้ แตต่ ้น ในประเดน็ วา่ ด้วยการทอ่ งเท่ียวเป็นประเด็นที่ใช้จดั เวิร์กชอ็ ป (Workshop) แรกๆ ของรัฐบาลนี ้ในการประชมุ ครัง้ นนั้ มีสาระสาคญั ท่ี ททท. เป็ นผ้เู ตรียมไว้ ก็คือการทาให้ “การท่องเท่ียวย่ังยืน” เป็ นวาระแหง่ ชาติ การทอ่ งเที่ยวท่ีนีไ้ มไ่ ด้หมายความในวงแคบแคอ่ ตุ สาหกรรมทอ่ งเท่ียว แตร่ วมไปถึงทรัพยากรด้านการทอ่ งเท่ียว โบราณสถาน ศิลปวฒั นธรรม ส่ิงแวดล้อมตามธรรมชาติและวิถีชมุ ชนและที่จริงรวมไปถึงคนไทย (ที่ตกเป็ นทรัพยากรของการทอ่ งเที่ยวไปโดยไมร่ ู้ตวั ) อีกด้วย แตผ่ ลของการประชุมท่ีปรากฏเป็ นข่าวเด่นในหน้าหนงั สือพิมพ์ ได้แก่ การประกาศให้มีเขตปลอดภาษีในเมืองท่องเท่ียวสาคญั ๆ และยงั มีมตทิ ่ีสาคญั อื่นๆ ซงึ่ ทา่ นนายกฯ ก็ได้มีคาสง่ั ในที่ประชมุ ให้แก้ไขคอขวดต่างๆ ในการบริหารงานที่สาคญั คือ ตงั้ หน่วยงานกลางเพ่ือประสานงานด้านการท่องเที่ยว 1
MK-Matichon 1เพราะ ททท. มีภารกิจหลกั ด้านการตลาดและไม่ใช่หน่วยราชการจึงไม่อาจประสานงานในระบบราชการได้เตม็ ที่ หลงั จากวนั นนั้ ก็มีการประกาศการใช้เงินเพ่ือกระต้นุ เศรษฐกิจ ซงึ่ เป็ นวิธีการบริหารใหม่ที่รัฐบาลก็คิดขึน้ มาเพื่อให้หน่วยงานของรัฐตอบสนองต่อนโยบายมากขึน้ โครงการท่องเท่ียวท่ีสาคญั ก็คือ การพฒั นาเกาะช้าง ซึง่ ตอ่ มารัฐบาลก็ได้แสดงที่น่าสนบั สนนุ อย่างสาคญั โดยได้มีการประชมุ ครม. สญั จรกนั ที่เกาะช้าง นอกจากนนั้ ก็ยงั มีการโครงการอื่นๆ ที่เป็นที่มาของความขดั แย้งระหวา่ งวงั นา้ เย็นและวงั บวั บาน มาตรการสาคัญถัดมาที่สาธารณชนได้ประจักษ์ ได้แก่การโหมประชาสัมพันธ์เที่ยวเมืองไทย เช่น “เท่ียวเมืองไทยไปได้ทุกเดือน” ซึ่งใช้งบประมาณ ประมาณ 300 ล้านบาท แต่ผลงานของสานกั งานเพื่อการประสานการทอ่ งเท่ียวแทบจะไมเ่ ป็นที่ประจกั ษ์ วาระแหง่ ชาติวา่ ด้วยการทา “การทอ่ งเท่ียวยงั่ ยืน” ไม่ใช้ความคดิ ท่ีผดุ ขนึ ้ มาเองของ ททท.แต่ได้มาจากการนาโพลท่องเที่ยวท่วั ประเทศโดยสอบถามประชาชน 3,000 คน ประชาชนผู้ให้สมั ภาษณ์เห็นว่าการอนุรักษ์ทรัพยากรท่องเที่ยวให้ยัง่ ยืนไปถึงลูกหลานนับเป็ นภารกิจที่สาคญัท่ีสดุ ด้านพฒั นาการท่องเที่ยว (50% ของผ้ใู ห้สมั ภาษณ์) ส่วนการให้ข้อมูลด้านการท่องเที่ยวแก่ประชาชนไทยได้รับการร้องขอเพียงร้อยละ 22 ของผ้ใู ห้สมั ภาษณ์ ร้อยละ 15 ต้องการให้รัฐพฒั นาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ส่วนที่เหลือ (13%) เห็นว่ารัฐควรให้ความสาคญั กับการประชาสมั พันธ์การทอ่ งเท่ียวให้คนตา่ งชาติ ประเดน็ ท่ีน่าสนใจมาก ก็คือ ประเด็นที่ท่านนายกฯ ยกขนึ ้ มาในการประชมุ เวิร์กซ็อป เป็ นภาษาองั กฤษว่าการท่องเที่ยวของเราไม่มี “stories to tell” (หรือเรื่องราวท่ีนาไปเล่าขานได้) ในประเด็นนีก้ ็ดูเหมือนกับว่าไม่มีความคืบหน้า การให้บริการการท่องเท่ียวเน้นการสร้ างสินค้าท่องเท่ียวใหม่ (ซ่ึงก็ยังไม่สะดวก สะอาด ปลอดภัย) มากกว่าการให้ข้อมูลสาระ ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์วัฒนธรรมเหล่านีย้ ังสามารถประยุกต์ในอุตสาหกรรมให้เกิดมูลค่าเพ่ิมมากขึน้กวา่ เดิม และจะช่วยทาให้เราสามารถสลดั หลดุ ออกจากวงจรอบุ าทว์ของกบั ดกั ราคาต่าได้อีกด้วยเพราะในโลกยุคท่ีอิงความรู้ (knowledge based economy) ความรู้สร้ างรายได้มากยิ่งกว่าแรงงานและทนุ ดงั นนั้ ถ้าจะประเมินผลงานของรัฐบาลตามความต้องการของประชาชนแล้วก็จะเห็นได้ว่านา่ ผิดหวงั เพราะรัฐบาลยงั เน้นการพฒั นาเพ่ือรองรับความเจริญเตบิ โตของอตุ สาหกรรมทอ่ งเที่ยวเป็ นหลกั การประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวก็มุ่งโฆษณามากกว่าการสร้างสาระและความรู้รัฐบาลอาจแก้ตวั ได้ว่าเป็ นช่วงของการปฏิรูปราชการ การวางแผนและการพัฒนาการท่องเที่ยวด้านกายภาพกาลงั จะถกู ถ่ายโอนไปยงั กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาท่ีจดั ตงั้ ขนึ ้ มาใหม่ แตก่ ระทรวงใหม่ท่ีจะดแู ลด้านการท่องเที่ยวมีบุคลากรเพียงประมาณ 150 คน ในขณะท่ีด้านกีฬามีถึงเกือบ 2
MK-Matichon 12,000 คน ข้าราชการด้านการท่องเท่ียวในกระทรวงนีไ้ ด้โอนมาจากกระทรวงศึกษาและพลศึกษาขาดทกั ษะและประสบการณ์ด้านการท่องเท่ียว ภารกิจในปี 2546 ของกระทรวงฯ จึงนบั ว่าใหญ่หลวงนกั เทียบกบั กาลงั คนท่ีมีอยู่ ภารกิจสาคญั ของกระทรวงใหม่ในปี หน้า ภารกิจแรกก็คงเป็ นการสานต่อวาระแห่งชาติด้านการท่องเที่ยวยง่ั ยืน การพฒั นาบคุ คลากรและองค์กรของกระทรวง และที่สาคญั ก็คือพฒั นาบคุ ลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินด้านการทอ่ งเที่ยว การเช่ือมโยงแผนทอ่ งเท่ียวของชาตกิ บัแผนของจงั หวดั การจดั ขนั้ และมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยว ฯลฯ การปฏิรูปข้อมูลสาระความรู้ด้านการทอ่ งเท่ียวทาให้มี stories to tell และต้องไม่ลืมการผสานโครงการหนึง่ ผลิตภณั ฑ์หนงึ่ ตาบลเข้ากบั การทอ่ งเท่ียวเพื่อให้ฝันนนั้ เป็นจริง หนังสือพมิ พ์มตชิ นรายวัน ฉบับประจาวันท่ี 31 ธันวาคม 2545 3
Search
Read the Text Version
- 1 - 3
Pages: