Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มืออาจารย์ที่ปรึกษา

คู่มืออาจารย์ที่ปรึกษา

Published by ev, 2022-08-19 02:05:00

Description: คู่มืออาจารย์ที่ปรึกษาของวิทยาลัยในสังกัดพระบรมราชชนก

Search

Read the Text Version

ค่มู อื อาจารย์ทีป่ รึกษา ของวิทยาลัยในสังกดั สถาบนั พระบรมราชชนก สถาบันพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสขุ พ.ศ. ๒๕๖๔

ก คำนยิ ม สถาบันพระบรมราชชนกเป็นสถาบันการศึกษาเฉพาะทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์และสุขภาพ ทีจ่ ดั การศกึ ษา ระดับอุดมศึกษา ทำหน้าที่ผลิตและพัฒนาบุคลากรตามความต้องการของกระทรวงสาธารณสุข โดยมีวิทยาลยั ในสังกัด จำนวน ๓๙ แห่ง การจัดการศึกษาของวิทยาลัยในสังกัดมุ่งเน้นการผลิตบัณฑิตให้มีคุณลักษณะ ที่พึงประสงค์ คือ นักศึกษามีความรู้และทักษะทางวิชาชีพ มีทักษะในศตวรรษที่ ๒๑ มีทัศนคติที่ดี ยึดมั่น ในคุณธรรมจริยธรรมและจรรยาบรรณของวิชาชีพ เป็นผู้ใฝ่เรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องเรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นผู้ให้บริการด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ มีทักษะในการดูแลสุขภาพชุมชน สามารถวิจัยและนำผลวิจัยมาใช้ เพ่อื การพฒั นาคุณภาพงาน การผลิตบัณฑติ ให้มีคณุ ภาพและประสิทธภิ าพต้องอาศัยปัจจัยและกระบวนการที่ดี และเหมาะสม และเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า อาจารย์ถือเป็นบุคลากรหลักหรือปัจจัยหลักที่มี ความสำคัญ ในการผลติ บัณฑิตให้มีคุณภาพ อาจารยน์ อกจากจะทำหน้าท่ีสอนแล้วยังมีภารกจิ ทส่ี ำคญั ท่ีต้องทำหน้าท่ีควบคู่ กันคือ การเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาให้กับนักศึกษาซึ่งสถาบันการศึกษามอบหมายให้รับผิดชอบติดตาม ดูแล ให้การชว่ ยเหลอื ประสานงาน แนะนำใหค้ ำปรกึ ษาทัง้ ดา้ นการศกึ ษาและใชช้ ีวิตในระหวา่ งการศึกษา สถาบันพระบรมราชชนก โดยกองกิจการนักศึกษาและกิจการพิเศษ ตระหนักถึงความสำคัญ ในการทำหน้าทีอ่ าจารย์ทีป่ รึกษา และเพ่ือใหอ้ าจารย์ท่ปี รึกษาสามารถปฏบิ ัตหิ นา้ ที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและ ประสิทธิผลต่อไป จึงได้จัดทำคู่มืออาจารยท์ ีป่ รึกษาข้ึนโดยรวบรวบแนวทางปฏิบัติ ในการให้คำแนะนำปรกึ ษา ของอาจารย์ที่ปรึกษา หลักการ เทคนิควิธีการให้คำปรึกษา และจรรยาบรรณอาจารย์ที่ปรึกษา รวมท้ังระบบ และกลไกการดำเนนิ การให้คำปรกึ ษาของวิทยาลัยในสงั กัด กองกจิ การนักศึกษาและกจิ การพิเศษ สถาบันพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุข

สารบญั หน้า ๑ สว่ นที่ ๑ บทนำ ๑ ประวตั ิความเปน็ มาในการจดั การศกึ ษาของสถาบันพระบรมราชชนก ๒ วตั ถุประสงค์และหนา้ ท่ีของสถาบนั พระบรมราชชนก ๓ โครงสร้างสถาบนั พระบรมราชชนก ๓ ปรชั ญา ปณิธาน วสิ ยั ทศั น์ ของสถาบนั พระบรมราชชนก ๔ ค่านิยมองคก์ รของกระทรวงสาธารณสุข (MOPH) ๔ อัตลกั ษณ์บณั ฑิต ของสถาบนั พระบรมราชชนก ๕ มาตรฐานที่เกยี่ วข้องกับการผลติ บัณฑิตระดับอุดมศึกษา ๗ หลกั สูตรท่จี ัดการศึกษาในสถาบันพระบรมราชชนก ๙ ๙ สว่ นที่ ๒ ระบบอาจารย์ทป่ี รึกษา ๑๐ หลกั สำคัญของกระบวนการให้คำปรึกษา ๑๑ ความสำคัญของอาจารย์ที่ปรึกษา ๑๒ วตั ถปุ ระสงค์ของระบบการให้คำปรกึ ษาวิชาการระดับปริญญาตรี ๑๓ เทคนคิ การให้คำปรึกษาสำหรับอาจารย์ทีป่ รึกษา ๑๘ การให้คำปรึกษานักศึกษา ๑๙ เทคนคิ การให้คำแนะนำและการให้คำปรกึ ษา ๑๙ คุณลกั ษณะของครผู ูใ้ หค้ ำปรึกษา ๒๐ จรรยาบรรณของอาจารย์ที่ปรึกษา ๒๐ องคป์ ระกอบท่ีเกยี่ วข้องของระบบการใหค้ ำปรึกษา ๒๔ บุคลากรทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับระบบการใหค้ ำปรึกษา ๒๔ ๒๔ สว่ นท่ี ๓ ระบบอาจารยท์ ี่ปรึกษาของสถาบันพระบรมราชชนก ๒๕ นโยบายการให้คำปรึกษาของสถาบนั พระบรมราชชนก ๒๕ วัตถุประสงค์ของระบบอาจารยท์ ีป่ รึกษาสถาบันพระบรมราชชนก ๓๐ โครงสรา้ งการบริหารระบบการใหค้ ำปรกึ ษา ของสถาบนั พระบรมราชชนก ๓๑ บทบาทหนา้ ท่ีของการให้คำปรกึ ษาในแตล่ ะระดบั ระบบ กลไกการใหค้ ำปรึกษา สถาบันพระบรมราชชนก ๓๓ ๓๕ เอกสารอ้างอิง ๓๖ ภาคผนวก ๓๗ ๓๘ แบบการคัดกรองนักศึกษารายบคุ คล ๓๙ แบบบันทึกการคัดกรองนักศึกษาในความดแู ล ๔๐ บนั ทึกการให้คำปรึกษานักศึกษา แผนการพัฒนานักศึกษา (รายคน) แบบบนั ทึกการสง่ ต่อนักศึกษา แบบบันทึกการให้คำปรกึ ษา/แนะนำ แบบรายงานการปฏิบัตหิ นา้ ที่อาจารย์ที่ปรึกษา

๑ สว่ นท่ี ๑ บทนำ สถาบันพระบรมราชชนก เป็นสถาบันอุดมศึกษาเฉพาะทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ ที่มีภารกิจหลัก ในการผลิตและพัฒนาบุคลากรตามความต้องการของกระทรวงสาธารณสุข ให้การศึกษา ส่งเสริมวิชาการและ วิชาชีพ ทำการสอน ทำการวิจัย ให้บริการทางวิชาการแก่สังคม และทะนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม เพื่อรองรับระบบสุขภาพของชุมชนและของประเทศ ให้มีคุณภาพและปริมาณที่เพียงพอเพื่อตอบสนอง ความตอ้ งการของกระทรวงสาธารณสุขและการใหบ้ ริการกับประชาชน โดยมีวทิ ยาลยั ในสังกัด จำนวน ๓๙ แหง่ ประวัตคิ วามเปน็ มาในการจดั การศึกษาของสถาบนั พระบรมราชชนก วิวัฒนาการของการจัดการศึกษาและการพัฒนากำลังคนด้านสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข แบง่ เปน็ ๖ ระยะ คือ (สถาบันพระบรมราชชนก, ๒๕๔๐) ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๓๒๕ – ๒๔๓๑) เป็นระยะก่อนมีการผลิตกำลังคนด้านสุขภาพอย่างเป็นระบบ เป็นระยะที่การศึกษาและการฝึกอบรมด้านการแพทย์ อาศัยการถ่ายทอดความรู้ผ่านทางครอบครัวและจารึก ไวต้ ามกำแพงวัด ยังไมม่ ีรปู แบบโครงสรา้ งองค์กร ผู้ให้บรกิ ารการแพทยแ์ ผนไทยจะเป็นผถู้ ่ายทอดความร้ดู ว้ ย ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๔๓๒ – ๒๔๖๐) เป็นระยะเริ่มผลิตแพทย์และพยาบาลอย่างเป็นระบบ เป็นระยะจุดเปลี่ยนที่สำคัญต่อระบบการผลิตและพัฒนากำลังคนด้านสุขภาพไปสู่การแพทย์ตะวันตก มีการจัดตั้งโรงเรียนแพทยากร โรงเรียนแพทย์ผดุงครรภ์และหญิงพยาบาล โดยการผลิตมีความใกล้ชิดกับ ระบบบรกิ ารทางการแพทย์และสาธารณสุข ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๔๖๑ – ๒๔๙๓) เป็นระยะปรับมาตรฐานการผลิตกำลังคนระดับสูง และเริ่มการผลิตกำลังคนระดับล่าง กรมมหาวิทยาลัย กระทรวงศึกษาธิการ ผลิตกำลังคนให้กับสถานบริการ ทั้งหมด มีการปรับปรุงการศึกษาแพทย์ให้เข้าสู่ระดับมาตรฐานสากล ปรับหลักสูตรเป็นระดับปริญญา มีการผลิตบุคลากรสาขาอื่น เช่น ทันตแพทย์ เภสัชกร ส่วนด้านการศึกษาพยาบาลได้มีการพัฒนาควบคู่ไปกบั การศึกษาแพทย์ ขณะเดียวกนั กรมสาธารณสุขเร่ิมผลติ ผดุงครรภ์และผชู้ ว่ ยแพทย์ โดยมุ่งผลติ เพอ่ื ใช้เองเฉพาะ ในระบบราชการ นอกจากน้ันแล้วภาคเอกชนเร่ิมมบี ทบาทในการผลิตพยาบาลโดยการผลิตยงั คงใกล้ชิดอยู่กับ ระบบบริการ ในพ.ศ. ๒๔๘๕ มีการจดั ตัง้ กระทรวงสาธารณสุข รวมการผลติ กำลังคนดา้ นสาธารณสุขเขา้ ด้วยกัน ระยะที่ ๔ (พ.ศ. ๒๔๙๒ – ๒๕๑๖) เป็นระยะที่มีการผลิตกำลังคนด้านสุขภาพทีไ่ ม่ใชว่ ิชาชพี อย่างเป็นระบบ โดยเป็นการผลิตเพื่อใช้เองในระบบบริการของรัฐ เริ่มมีการผลิตพนักงานอนามัย บุคลากร สายสนับสนุนงานบริการอื่น ๆ เช่น เจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์การแพทย์ สาขาพยาธิวิทยา สาขาเซลล์วิทยา เป็นต้น อีกทั้งยังมีการพัฒนาบุคลากรระหว่างประจำการเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรบางสาขา โดยเน้น การเพิ่มความเชี่ยวชาญเฉพาะเรื่อง เช่น การอบรมพยาบาลเป็นวิสัญญีพยาบาล เป็นต้น ใน พ.ศ. ๒๕๐๒ มีการโอนการศึกษาระดับวิชาชีพไปอยู่ในความรับผิดชอบของกรมมหาวิทยาลัย สำนักนายกรัฐมนตรี ซ่งึ เปล่ียนเป็นทบวงมหาวิทยาลยั ผลติ กำลังคนเพ่อื ตอบสนองระบบบริการทัว่ ประเทศ ระยะที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๑๗ – ๒๕๓๕) เป็นระยะปรับขยายโครงสร้างและมาตรฐานการศึกษา ระยะนี้มีการปรับปรุงโครงสร้างของกระทรวงสาธารณสุขครั้งใหญ่ กรมต่าง ๆ ๕ กรม ของกระทรวงสาธารณสุข มีการผลิตกำลังคนใช้เองกระจายไปตามความชำนาญเฉพาะสาขา และความรับผิดชอบในการให้บริการ เช่น สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข รับผิดชอบ บริการสาธารณสุขผสมผสาน จะดูแลกองงานวิทยาลัย

๒ พยาบาลและกองฝึกอบรม ซึ่งผลิตพยาบาล พนักงานอนามัย เป็นต้น ในช่วงนี้มีการขยายสถานศึกษา จำนวนมากเพื่อตอบสนองต่อการขยายสถานบริการสุขภาพในชนบทของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งสถานศึกษา ของกระทรวงสาธารณสุขและสถานศึกษาของทบวงมหาวทิ ยาลัย และเรมิ่ มกี ารผลิตแพทย์ในภาคเอกชนเป็นครั้งแรก ระยะที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๓๖ – ๒๕๖๒) เป็นระยะการสร้างเอกภาพในการบริการการศึกษาของ กระทรวงสาธารณสุข ใน พ.ศ. ๒๕๓๖ มีการตราพระราชกฤษฎีกาให้รวมสถานศึกษาในสังกัดกรมกองต่าง ๆ ในกระทรวงสาธารณสุขจัดต้ังเป็น “สถาบันพฒั นากำลังคนด้านสาธารณสุข” ซงึ่ ตอ่ มาเปลย่ี นชอ่ื เป็น “สถาบัน พระบรมราชชนก” เพื่อดูแลงานด้านการผลิตและพัฒนากำลังคนด้านสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข มีการใช้นโยบายประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งในและนอกกระทรวงสาธารณสุ ข เพื่อผลิต และพัฒนากำลังคนด้านสุขภาพ และเป็นระยะที่กลับไปสู่การทำงานผสมผสานและร่วมมือกับระบบบริการ สาธารณสุขและระบบการศึกษานอกกระทรวงสาธารณสุขมากขึ้น นอกจากนั้นแล้วยังมีโครงการผลิตแพทย์ เพม่ิ เพื่อชาวชนบทเปน็ โครงการรว่ มระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและทบวงมหาวิทยาลัย โดยผสู้ ำเร็จการศึกษา ปฏบิ ัติงานในกระทรวงสาธารณสุขทงั้ หมด เป็นครง้ั แรกทก่ี ระทรวงสาธารณสขุ ผลติ แพทยใ์ ชเ้ อง ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศราชวโรดมบรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้า เจ้าอยู่หัว มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยสถาบัน พระบรมราชชนก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติสถาบันพระบรมราชชนกพ.ศ. ๒๕๖๒ ขึ้นไว้และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๔๓ ก วันที่ ๕ เมษายน ๒๕๖๒ ให้สถาบัน พระบรมราชชนกเป็นสถาบันอุดมศึกษาเฉพาะทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพที่จัดการศึกษาระดับอุดมศึกษา ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการศึกษาแห่งชาติ มีฐานะเป็นนิติบุคคล และเป็นสว่ นราชการตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการ งบประมาณอยใู่ นสังกัดกระทรวงสาธารณสขุ โดยมวี ิทยาลยั ในสงั กัดรวมทั้งส้นิ ๓๙ แห่ง เป็นวทิ ยาลัยพยาบาล จำนวน ๓๐ แห่ง วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จำนวน ๗ แห่ง วิทยาลัยเทคโนโลยีทางการแพทย์และ สาธารณสุข กาญจนาภิเษก จำนวน ๑ แห่ง และวิทยาลัยการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี จำนวน ๑ แหง่ วัตถปุ ระสงคแ์ ละหน้าทีข่ องสถาบนั พระบรมราชชนก ตามพระราชบัญญัติสถาบันพระบรมราชชนก พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๔๓ ก วันที่ ๕ เมษายน ๒๕๖๒ มาตรา ๗ กำหนดให้สถาบันมีวัตถุประสงค์เพื่อผลิต และพัฒนาบุคลากรตามความต้องการของกระทรวงสาธารณสุข ให้การศึกษา ส่งเสริมวิชาการและวิชาชีพ ทำการสอน ทำการวิจัย ให้บริการวิชาการแก่สังคม และทะนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม และ มาตรา ๘ ให้สถาบนั มหี น้าทด่ี งั น้ี (ราชกิจจานเุ บกษา, ๒๕๖๒) ๑. ผลิตบัณฑิตและพัฒนาบุคลากรให้สอดคล้องกับแนวนโยบายแห่งรัฐ เพื่อให้มีความรู้ ความสามารถทางวิชาการและทักษะในวิชาชีพมีคุณธรรม จริยธรรม มีความสำนึกต่อสังคมและเพื่อให้ มีศกั ยภาพในการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง ๒. จัดการศึกษา วิจัย ส่งเสริม สนับสนุนการวิจัย เพื่อสร้างหรือพัฒนาองค์ความรู้ และนำ ความรนู้ ้นั ไปใช้เพ่อื ประโยชน์ในการพฒั นาสังคมและประเทศชาติ

๓ ๓. พัฒนาองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพให้มีมาตรฐานและคุณภาพทางวิชาการ ให้เปน็ ท่ียอมรับในระดับประเทศและนานาชาติ ๔. ส่งเสริมใหเ้ กิดโอกาสและความเสมอภาคทางการศกึ ษาตามความต้องการของชุมชน ๕. ให้บรกิ ารทางวิชาการแก่สังคมโดยเน้นความร่วมมือกบั ชุมชน ๖. ให้บริการด้านการแพทย์และการสาธารณสขุ ๗. ส่งเสรมิ และทะนุบำรุงศิลปะและวฒั นธรรม โครงสร้างสถาบันพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุข สถาบันพระบรมราชชนก สำนกั งานสภาสถาบนั สภาสถาบนั สำนกั งานสภาวชิ าการ สภาวชิ าการ อธิการบดี สภาคณาจารย์และผปู้ ฏิบัตงิ าน หนว่ ยตรวจสอบภายใน กพร. สำนักงานอธิการบดี คณะพยาบาลศาสตร์ - กองกลางและประชาสมั พันธ์ - กองทรพั ยากรบุคคล - สำนกั งานคณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ - กองบริหารการคลังและพัสดุ - กองกฎหมาย - วิทยาลยั พยาบาล/วิทยาลัย - กองยทุ ธศาสตรแ์ ละวิเทศสัมพันธ์ พยาบาลบรมราชชนนี ๓๐ แห่ง สำนักวิชาการ คณะสหเวชศาสตร์ - กองส่งเสรมิ วชิ าการและคณุ ภาพการศกึ ษา - สำนกั งานคณบดีคณะสาธารณสขุ ศาสตร์และสหเวชศาสตร์ - กองทะเบียนและประมวลผล - วิทยาลัยการสาธารณสขุ สิรินธร ๗ แหง่ - กองวิจัยและพฒั นานวัตกรรม - วิทยาลัยเทคโนโลยที างการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ กาญจนาภเิ ษก ๑ แหง่ - กองกิจการนกั ศึกษาและกจิ การพเิ ศษ - วิทยาลยั การแพทยแ์ ผนไทยอภัยภูเบศร จงั หวดั ปราจีนบรุ ี ๑ แห่ง - กองบรกิ ารวชิ าการ - กองเทคโนโลยีดจิ ิทลั เพื่อการศึกษาและวทิ ยบรกิ าร ปรัชญา ปณธิ าน วิสัยทศั น์ ของสถาบันพระบรมราชชนก ปรชั ญา ความสำเร็จท่ีแท้จรงิ อย่ทู ก่ี ารนำความรู้ไปประยุกตใ์ ช้เพ่ือประโยชนส์ ุขแก่มวลมนุษยชาติ “ True success is not in the learning, but in its application to the benefit of mankind” ปณธิ าน ปัญญาเพ่ือเสรมิ สร้างพลังสังคมมนษุ ย์ “Wisdom for Human society Empowerment”

๔ วิสัยทศั น์ “เป็นผู้นำและต้นแบบสถาบนั อดุ มศกึ ษาในรูปแบบบรู ณาการ การสร้างคน สร้างความรู้ สร้างนวตกรรมท่ใี ชไ้ ดจ้ ริงทางวิทยาศาสตรส์ ุขภาพ โดยชมุ ชน เพ่ือชุมชน สู่สากล แขง่ ขันไดแ้ ละยง่ั ยนื ” วัฒนธรรมองค์กร “รว่ มแรงร่วมใจ รักใคร่ผกู พนั ม่งุ ม่นั รับผดิ ชอบ ส่งมอบคณุ ธรรม” อตั ลกั ษณ์ “วินยั หนา้ ท่ี เสยี สละ สัจจะ สามัคคี กตเวที” สมรรถนะหลกั Critical Thinker Community Engagement Communicator Collaborator Creator ค่านยิ มองคก์ รของกระทรวงสาธารณสุข (MOPH) กระทรวงสาธารณสุข ได้กำหนดคุณค่าหลัก (Core Value) ของบุคลากรในวงการสาธารณสุขไว้ ๔ ประการ คือ MOPH ซึ่งสถาบันพระบรมราชชนกในฐานะเป็นหน่วยหนึ่งในองค์กรจึงร่วมขับเคลื่อนและใช้ ค่านยิ มองคก์ รตามกระทรวงสาธารณสขุ ซง่ึ มีองค์ประกอบดงั น้ี • M : Mastery เป็นนายตนเอง คือ เป็นบุคคลที่หมั่นฝึกฝนตนเองให้มีศักยภาพ ยึดมั่นในความถูกต้อง มีวินัย ปฏิบัติตามกฎระเบียบ บนพื้นฐานของการมีสำนึก รับผิดชอบ คุณธรรม จริยธรรม และดำรงตนตาม หลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง • O : Originality เรง่ สรา้ งสิ่งใหม่ คือ สร้างสรรค์นวตั กรรม ส่งิ ใหม่ ท่ีเหมาะสมและมปี ระสทิ ธภิ าพ เพื่อใหเ้ กดิ ประโยชนต์ อ่ ระบบสุขภาพ • P : People centered ใสใ่ จประชาชน คือ ตอ้ งยึดประชาชนเปน็ ศนู ย์กลางในการทำงานเพือ่ ประโยชน์อันดแี กป่ ระชาชน โดยใช้หลักเข้าใจ เขา้ ถงึ พ่งึ ได้ • H : Humility อ่อนนอ้ มถอ่ มตน คือ มสี ัมมาคารวะ มีนำ้ ใจ ให้อภยั รับฟงั ความเห็น เสียสละเพื่อประโยชน์ สว่ นรวม อัตลกั ษณบ์ ณั ฑิต ของสถาบนั พระบรมราชชนก (สถาบนั พระบรมราชชนก, ๒๕๕๔) “บริการสขุ ภาพด้วยหัวใจความเป็นมนษุ ย”์ หมายถึง การให้บริการที่เป็นมิตร มีความรัก ความเมตตา ใส่ใจในปัญหาและความทุกข์ของ ผู้รับบริการและผู้เกี่ยวข้อง ให้บริการตามปัญหาและความต้องการของผู้รับบริการที่เป็นจริง โดยรับฟังความ คิดเห็นของผู้รับบริการเป็นหลัก ซ่งึ ประกอบด้วย

๕ S : Service Mind จติ บริการ ให้บริการที่เป็นมิตร ด้วยความเต็มใจโดยเข้าใจผู้อื่นตามเง่ือนไขที่เฉพาะของบุคคลนั้น ๆ โดยไม่หวัง ส่งิ ตอบแทน และเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน ให้บริการด้วยความใส่ใจในปัญหา และความทุกข์ของผู้รับบริการ และผ้เู ก่ยี วข้อง ตามปัญหาและความตอ้ งการของผ้รู บั บรกิ ารที่สอดคล้องกบั บริบทและสภาพความเปน็ จริง A : Analytical Thinking การคดิ เชงิ วเิ คราะห์ การคิดที่อยู่บนฐานการมีข้อมูลที่หลากหลายตามสภาพความเป็นจริงของโลก ของชีวิต เพื่อประเมินสภาพการณ์ตามความจริงอย่างเป็นระบบ รวบรวมข้อมูลที่เป็นจริงอย่างเป็นระบบโดยใช้ กระบวนการเรยี นรู้และกระบวนการคิดอย่างต่างต่อเนื่อง วเิ คราะห์ปญั หาและความต้องการบนฐานข้อมูลจริง ของผู้รบั บรกิ าร เชอ่ื มโยงความรวู้ ชิ าการเข้าส่กู ารแก้ปญั หาและความต้องการท่ีแทจ้ รงิ ของผู้รบั บริการ สามารถ วางแผนให้บริการสุขภาพได้อย่างสอดคล้องกับบริบทชีวิตจริง พัฒนาตนเองโดยไม่ยึดติดกับกรอบแนวคิด หรือความร้วู ิชาการ หรอื ประสบการณข์ องตนเองเพียงอยา่ งเดยี ว P : Participation การมีส่วนร่วมของผูร้ ับบรกิ าร การให้บริการที่คำนึงถึงความแตกต่างของบุคคล ที่มีผลต่อพฤติกรรมสุขภาพของผู้รับบริการ โดยให้บริการที่ตรงกับปัญหาและความต้องการของ ผู้รับบริการ ให้ผู้รับบริการมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพ ของตนเองและครอบครัว กระตุ้น ส่งเสริมให้ผู้รับบริการมีการพัฒนาศักยภาพสามารถแก้ปัญหาสุขภาพ ของตนเองและครอบครัวเพื่อนำไปสกู่ ารพ่งึ ตนเองดา้ นสขุ ภาพได้ มาตรฐานท่เี ก่ยี วข้องกบั การผลติ บัณฑิตระดับอดุ มศกึ ษา ๑. พระราชบัญญตั กิ ารอดุ มศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๒ (ราชกจิ จานุเบกษา, ๒๕๖๒) ตามพระราชบญั ญัตกิ ารอดุ มศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๒ ในมาตรา ๕ กำหนดวตั ถุประสงคข์ องการจดั การศึกษาระดบั อดุ มศึกษา ไวด้ ังนี้ ๑) พัฒนาทรัพยากรบุคคลให้มีความเชี่ยวชาญตามสาขาวิชาการหรือวิชาชีพที่ตนถนัด สามารถตอบสนองตอ่ ความต้องการของประเทศและสร้างขดี ความสามารถในการแข่งขันในระดับโลกได้ ๒) พฒั นาบคุ คลให้เป็นมนุษย์ท่สี มบรู ณ์ท้ังร่างกาย จติ ใจ สตปิ ัญญา ความรู้ และทักษะที่จำเป็น เป็นคนดี มีวินัย ภูมิใจในชาติ เข้าใจสังคมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต สามารถปรับเปลี่ยนตนเองเพื่อ รองรับสังคมโลกที่จะเปลี่ยนแปลงในอนาคต มีความรับผิดชอบต่อครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ รว่ มกันแกป้ ญั หาสงั คม และสามารถอยู่ร่วมกบั ผอู้ ่ืนไดอ้ ยา่ งมีความสุข ๒. มาตรฐานอุดมศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๑ (ราชกิจจานุเบกษา, ๒๕๖๑) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสำคัญของการจัดการศึกษา เพื่อให้ผู้สำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษา มีคุณลักษณะของคนไทยที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศไทยสู่ ความมั่นคง มงั่ คัง่ และย่ังยนื ได้กำหนดมาตรฐานดา้ นผเู้ รยี น ไว้ด้งน้ี ๑) เปน็ บุคคลทีม่ ีความรูค้ วามสามารถ และความรอบรู้ด้านต่างๆ ในการสรา้ งสัมมาอาชพี ความมั่นคง และคุณภาพชีวิตของตนเอง ครอบครัว ชุมชน และสังคม มีทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยเป็นผู้มีคุณธรรม ความเพียร มุ่งม่นั มานะ บากบน่ั และยึดม่นั ในจรรยาบรรณวชิ าชพี ๒) เป็นผ้รู ว่ มสรา้ งสรรค์นวัตกรรม มที กั ษะศตวรรษท่ี ๒๑ มคี วามสามารถในการบรู ณาการศาสตร์ ต่าง ๆ เพื่อพัฒนาหรือแก้ไขปัญหาสังคม มีคุณลักษณะความเป็นผู้ประกอบการรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง ของสังคมและของโลก สามารถสร้างโอกาสและเพ่ิมมูลค่าให้กบั ตนเอง ชมุ ชน สังคม และประเทศ

๖ ๓) เป็นพลเมืองทเ่ี ข้มแขง็ มคี วามกลา้ หาญทางจริยธรรม ยึดมน่ั ในความถูกต้อง รู้คุณค่า และรกั ษค์ วามเป็นไทย รว่ มมอื รวมพลังเพื่อสร้างสรรค์การพัฒนาและเสริมสร้างสันติสุขอย่างย่ังยืนท้ังในระดับ ครอบครัว ชมุ ชน สงั คม และประชาคมโลก ๓. กรอบมาตรฐานคุณวฒุ ิระดับอดุ มศึกษา เพื่อใหก้ ารจดั การศกึ ษามุง่ สเู่ ป้าหมายเดียวกันในการผลิตบัณฑิตไดอ้ ย่างมีคุณภาพ และเป็นกรอบ มาตรฐานให้สถาบันอุดมศึกษาใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาหรือปรับปรุง หลักสูตร การจัดการเรียนการสอน และพฒั นาคณุ ภาพการจดั การศึกษา และการรบั รองมาตรฐานคุณวฒุ ใิ นระดบั อุดมศึกษา กระทรวงศกึ ษาธิการ โดยสถาบันพระบรมราชชนก มีการจัดการศึกษา ๓ ระดับคือ ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ระดับ ปรญิ ญาตรี และระดบั ปรญิ ญาโท ๑) คณุ วฒุ ิอาชีวศกึ ษาระดับประกาศนยี บตั รวชิ าชพี ชั้นสงู กาํ หนดใหผ้ ูส้ าํ เรจ็ การศึกษา มคี ุณภาพครอบคลมุ อย่างนอ้ ย ๓ ดา้ น คอื - ด้านคณุ ลักษณะทพี่ งึ ประสงค์ - ดา้ นสมรรถนะหลักและสมรรถนะทั่วไป - ดา้ นสมรรถนะวชิ าชพี เพื่อใหผ้ ูส้ ำเร็จการศึกษาสามารถประยุกต์ใชค้ วามรู้และทักษะในวชิ าการท่สี ัมพันธ์กับวิชาชีพ ในการวางแผน แก้ปัญหาและจัดการทรัพยากรในการดําเนินงานได้อย่างเหมาะสม มีส่วนร่วมในการพัฒนา วิชาการริเริ่มสิ่งใหม่ มีความรับผิดชอบต่อตนเอง ผู้อื่นและหมู่คณะ เป็นอิสระในการปฏิบัติงานที่ซับซ้อนหรือ จัดการงานผู้อื่น มีส่วนร่วมที่เกี่ยวกับการวางแผน การประสานงาน และการประเมินผล รวมทั้งมีคุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณวิชาชพี เจตคติและกจิ นสิ ยั ท่ีเหมาะสมในการทำงาน ๒) คณุ วุฒิบณั ฑิตระดับอดุ มศกึ ษา คุณภาพของบณั ฑติ ทกุ ระดบั คุณวุฒิและสาขา/สาขาวชิ าตา่ ง ๆ ตองเป็นไปตาม มาตรฐานผลการ เรียนรู้ ทีค่ ณะกรรมการการอดุ มศึกษากำหนดและต้องครอบคลมุ อยา่ งน้อย ๕ ด้าน คอื - ด้านคุณธรรม จริยธรรม (Ethics and Moral) หมายถึงการพัฒนานิสัยในการประพฤติ อยางมีคุณธรรม จริยธรรมและดวยความรับผิดชอบทั้งในสวนตนและสวนรวม ความ สามารถในการปรับวิถี ชวี ติ ในความขัดแยงทางคา่ นิยม การพฒั นานสิ ัยและการปฏิบตั ิตนตามศีลธรรมทงั้ ในเรอื่ งสวนตัวและสงั คม - ด้านความรู้ (Knowledge) หมายถึงความสามารถในการเขาใจการนึกคิดและการนําเสนอ ขอมูลการวิเคราะห์และจําแนกขอเท็จจริงในหลักการทฤษฎีตลอดจนกระบวนการตาง ๆ และสามารถเรียนรู้ ดว้ ยตนเอง - ด้านทักษะทางปญญา (Cognitive Skills) หมายถึงความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ และใชความรูความเขาใจในแนวคิดหลักการทฤษฎีและกระบวนการต าง ๆ ในการคิดวิเคราะห์และ การแกปญหาเม่ือตองเผชิญกบั สถานการณใหม่ ๆ ทีไ่ มไดคาดคิดมากอน - ด้านทักษะความสัมพันธระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ (Interpersonal Skills and responsibility) หมายถงึ ความสามารถในการทำงานเปนกลุมการแสดงถึงภาวะผูนาํ ความรับผิดชอบตอตนเอง และสงั คมความสามารถในการวางแผนและรบั ผิดชอบในการเรยี นรูของตนเอง

๗ - ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสารและการใช เทคโนโลยีสารสนเทศ (Numerical analysis, Communication and Information Technology Skills) หมายถึงความสามารถ ในการวิเคราะห์เชงิ ตัวเลข ความสามารถในการใชเทคนิคทางคณิตศาสตรและสถติ ิความสามารถในการส่ือสาร ทงั้ การพูดการเขียนและการใช เทคโนโลยสี ารสนเทศ สำหรับบางสาขาวิชาตองการทักษะทางกายภาพสูง เชน วิทยาศาสตรการแพทย์ การพลศึกษา ตองเพิ่มการเรยี นรูทางดานทักษะพสิ ัย (Domain of Psychomotor Skill) หรอื ทกั ษะการปฏิบัตเิ ชงิ วชิ าชีพ หลักสตู รท่จี ัดการศึกษาในสถาบนั พระบรมราชชนก สถาบันพระบรมราชชนก เป็นสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษา ตามพระราชบัญญัติสถาบัน พระบรมราชชนก พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่จัดการศึกษาในหลักสูตรด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ ในปัจจุบัน เปิดสอน ในหลกั สตู รตา่ ง ๆ ดังน้ี ๑) หลกั สตู รระดบั ปรญิ ญาตรี ปัจจบุ นั เปิดสอนหลกั สตู ร คณะพยาบาลศาสตร์ หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต คณะสาธารณสุขศาสตรแ์ ละสหเวชศาสตร์ หลักสตู รสาธารณสุขศาสตรบัณฑติ (สาขาวิชาสาธารณสุขชุชมชน) หลกั สตู รสาธารณสุขศาสตรบัณฑติ (สาขาวชิ าทันตสาธารณสุข) หลักสูตรการแพทย์แผนไทยบัณฑิต สาขาวชิ าการแพทย์แผนไทย หลักสูตรการแพทยแ์ ผนไทยประยกุ ตบ์ ัณฑติ สาขาวิชาการแพทยแ์ ผนไทยประยกุ ต์ หลักสูตรวิทยาศาสตรบณั ฑิต สาขาวิชาเวชระเบียน หลักสตู รวิทยาศาสตรบณั ฑติ สาขาวิชารงั สเี ทคนคิ หลกั สตู รวทิ ยาศาสตรบณั ฑิต สาขาวิชาอาชวี อนามัยและความปลอดภยั ๒) หลกั สูตรต่ำระดบั ปรญิ ญาตรี ปัจจบุ ันเปดิ สอนหลักสูตร คณะพยาบาลศาสตร์ หลักสตู รประกาศนยี บตั รผชู้ ว่ ยพยาบาล (หลกั สูตร ๑ ปี) คณะสาธารณสขุ ศาสตร์และสหเวชศาสตร์ หลักสูตรประกาศนียบตั รวชิ าชพี ช้นั สูง สาขาวิชาเวชระเบียน หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชพี ช้นั สงู สาขาวชิ าเทคนิคเภสัชกรรม หลกั สตู รประกาศนียบตั รวชิ าชพี ช้นั สงู สาขาวชิ าปฏิบัตกิ ารฉกุ เฉนิ ทางการแพทย์ ๓) หลักสตู รระดบั บณั ฑติ ศกึ ษา เปิดสอนหลักสตู ร คณะสาธารณสขุ ศาสตร์และสหเวชศาสตร์ หลกั สตู รสาธารณสขุ ศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสาธารณสุขชมุ ชน ทั้งนี้ ในสถาบันพระบรมราชชนก มีนโยบายที่จะขยายคณะด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพเพิ่มขึ้น เช่น คณะแพทยศาสตร์ คณะแพทย์แผนไทย คณะสหเวชศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์พื้นฐาน จึงมีผลให้อนาคตสถาบันพระบรมราชชนก จะดำเนินการจัดการศึกษา ในหลักสตู รดา้ นวิทยาศาสตร์สขุ ภาพท่ีครอบคลมุ ทุกหลกั สูตร

๘ ในการจัดการศึกษา จำเป็นต้องวิเคราะห์องค์ประกอบต่าง ๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ผู้สำเร็จการศึกษา บรรลุตามเป้าหมายการศึกษาที่กำหนด นอกจากระบบการจัดการศึกษาตามหลักสูตรแล้ว ระบบอาจารย์ ที่ปรึกษาทั้งการปรึกษาทางวิชาการและการใช้ชีวิตแก่นักศึกษา เป็นอีกประเด็นที่มีความสำคัญยิ่ง เพราะช่วย หล่อหลอมนักศึกษาให้เป็นคนเก่ง คนดี และสามารถสำเร็จการศึกษาได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด สถาบัน พระบรมราชชนกจึงให้ความสำคัญในภารกิจอาจารย์ที่ปรึกษาของวิทยาลัยในสังกัด และเห็นว่าอาจารย์ ที่ปรึกษาถือเป็นส่วนหน่ึงของกระบวนการผลิตที่มีส่วนสง่ เสริม สนับสนุนให้นักศกึ ษาเรียนรู้ได้อย่างมีความสุข ชว่ ยสง่ เสริม สนบั สนุนให้นกั ศกึ ษาสำเร็จการศึกษาเป็นบัณฑิตท่ีพึงประสงค์ได้ตามท่ีสถาบันมุ่งหวัง จึงเห็นควร จัดทำค่มู อื อาจารย์ทีป่ รกึ ษาของวิทยาลยั ในสังกัดสถาบันพระบรมราชชนก เพ่ือใชเ้ ป็นแนวทางปฏบิ ตั ติ อ่ ไป

๙ ส่วนท่ี ๒ ระบบอาจารย์ทีป่ รึกษา ปัจจัยสำคัญที่สุดเกี่ยวกับคุณภาพการศึกษาคือ กระบวนการจัดการเรียนการสอนซึ่งประกอบด้วย การจัดการสอนของผู้สอน ความพรอ้ มในการเรียนของผู้เรยี น และส่ิงสนับสนนุ ทเ่ี อ้ือต่อการเรียนรู้ของสถาบัน ดังนั้นสถาบันอุดมศึกษาจึงจำเป็นต้องจัดให้มีระบบอาจารย์ที่ปรึกษาให้กับนักศึกษาตั้งแต่แรกเข้า เพราะเป็น กลไกที่สำคัญในกระบวนการผลิตบัณฑิต ที่จะช่วยในการผลิตบัณฑิตมีคุณภาพตามปรัชญาของหลักสูตร และสถาบัน และนักศึกษาสามารถสำเร็จการศึกษาเป็นบัณฑิตที่พึงประสงค์ของสังคม และตามตัวบ่งช้ี การประกันคุณภาพการศึกษาระดับคณะ และระดับสถาบันของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กำหนดใหจ้ ดั บรกิ ารใหค้ ำปรึกษาแกน่ ักศกึ ษาทางวิชาการ และการใช้ชวี ิตแก่นักศกึ ษา หลักสำคัญของกระบวนการให้คำปรกึ ษา ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๔๕ ในมาตรา ๖ กำหนดไวว้ า่ การจดั การศึกษาต้องเปน็ ไปเพื่อพัฒนาคนไทยใหเ้ ป็นมนษุ ย์ท่สี มบูรณ์ท้ังร่างกายจิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ดังนั้นในการจัดการศึกษาของทุกสถาบันการสึกษา จึงต้องมีระบบการให้คำปรึกษาควบคู่กับการจัดการเรียน การสอน ซึ่งการให้คำปรึกษาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการให้คำปรึกษาวิชาการเชิงพัฒนาในสถาบันอุดมศึกษา มหี ลักการสำคัญตามทฤษฎีของวนิ สตนั (Winston Theory อ้างถึงใน สลักจติ ศรธี ราดล และจริ าพร บญุ ช่วย, ๒๕๕๗) ดงั นี้ ๑. การให้คำปรึกษาวิชาการเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่อง โดยการพบปะกันระหว่างอาจารย์ที่ปรึกษา วิชาการกับนักศึกษา ควรเป็นการพบปะที่มีทิศทางและเป้าหมายที่แน่นอน ทั้งสองฝ่ายต้องมีความรับผิดชอบ และมีข้อตกลงร่วมกัน ต้องรูว้ า่ จะใหค้ ำปรึกษาเรื่องอะไร และไมค่ วรให้คำปรึกษาในเรอ่ื งใด ซง่ึ มิได้หมายความ วา่ ต้องขอลายเซน็ เพอ่ื พิจารณาคำรอ้ งหรอื ลงทะเบียนเรยี นเท่านัน้ ๒. การให้คำปรึกษาวิชาการจะต้องเน้นในเรื่องการพัฒนาคุณภาพชีวิต และเพิ่มพูนประสบการณ์ นักศึกษาระหว่างอยู่ในมหาวิทยาลัย อาจารย์ที่ปรึกษาวิชาการควรเข้าใจในบทบาท หน้าที่ของอาจารย์ท่ี ปรึกษา ซึ่งการส่งเสริมให้นักศึกษาเกิดการพัฒนานั้น อาจารย์ที่ปรึกษาจะต้องรู้ว่าการจัดกิจกรรมต่าง ๆ จะ สง่ ผลต่อตวั นกั ศึกษาอยา่ งไร เพมาะสมอยา่ งไร ๓. การให้คำปรึกษาวิชาการจะต้องยึดเป้าหมายเป็นหลัก อาจารย์ที่ปรึกษาควรแนะนำให้นักศึกษา รู้จักเป้าหมายในการพัฒนาตนเอง และท้าทายให้นักศึกษารู้จักคิดถึงเป้าหมายที่ตัวเองต้องการเมื่อสำเร็จ การศกึ ษา ๔. การให้คำปรึกษาวิชาการ อาจารย์ที่ปรึกษาตอ้ งมีมนุษยสมั พันธ์เป็นหลัก และจะต้องถือเป็นความ รับผิดชอบเบื้องต้นในการให้คำแนะนำปรึกษาแก่นักศึกษา ในการที่จะทำให้การให้คำปรึกษาดำเนินไปด้วยดี อาจารย์ที่ปรึกษาต้องถือเป็นบทบาทโดยตรง นอกเหนือจากภาระงานสอน นอกจากนี้อาจารย์ที่ปรึกษา วชิ าการจะตอ้ งเป็นผ้ฟู ังทด่ี ี ต้องแสดงให้เหน็ ถงึ ความยนิ ดีทจี่ ะให้ความชว่ ยเหลอื นกั ศกึ ษาด้วยความเตม็ ใจ ๕. การให้คำปรึกษาวิชาการ อาจารย์ทป่ี รึกษาควรเป็นแบบอย่างท่ีดีแกน่ ักศึกษา เช่น การรู้จักวางตัว ในสถานการณ์ต่าง ๆ ความรับผิดชอบ เพื่อกระตุ้นให้นกั ศึกษาเกดิ การพัฒนา ซึ่งการแสดงออกทางพฤตกิ รรม จะเป็นการกระตุ้นให้นักศึกษาเกิดการพัฒนา และเป็นการเรียนรู้ทักษะพื้นฐานที่จำเป็นในการดำรงชีวิต และ การชว่ ยเหลอื สังคม

๑๐ ๖. การใหค้ ำปรกึ ษาวชิ าการ จะประสบผลสำเรจ็ เม่ือผูบ้ ริหารส่งเสรมิ และสนบั สนนุ ในการฝึกทักษะที่ จะช่วยส่งเสริมให้ระบบการให้คำปรึกษาประสบความสำเร็จ โดยความร่วมมือของอาจารย์ที่ปรึกษา เพราะอาจารย์ เป็นผเู้ ชย่ี วชาญดา้ นวิชาการและกจิ กรรมนกั ศึกษา ซึ่งจะชว่ ยให้การพัฒนานักศึกษามคี วามสมบูรณ์มากย่ิงขึ้น ๗. อาจารย์ที่ปรึกษาวิชาการควรพยายามใช้ทรัพยากรในสถาบันให้เป็นประโยชน์มากที่สุด โดยประสาน ความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การสร้างระบบและปรับปรุงข้อมูลต่าง ๆ ให้เป็นปัจจุบัน ทัง้ ขอ้ มลู ด้านวิชาการ การบรกิ ารนักศึกษา ซง่ึ มีความจำเป็นตอ่ ความสำเรจ็ ของการให้คำปรกึ ษา ความสำคญั ของอาจารยท์ ี่ปรึกษา การศึกษาเป็นกระบวนการพัฒนาคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เพื่อเป็นรากฐานและเครื่องมือสำคัญ ในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม การบรรลุเป้าหมายนั้นจะต้องมีระบบการพัฒนาให้ถูกทิศทาง มีความรู้ มีความสามารถ มีโลกทัศน์ที่กว้างไกล ทันเหตุการณ์ ทั้งน้ีภารกิจที่สำคัญของสถาบันอุดมศึกษา คือ การพัฒนาคุณภาพบัณฑิต ให้เป็นผู้มีความเป็นเลิศทางวิชาการ มีบุคลิกภาพที่สมบูรณ์มีมนุษยสัมพันธ์ มีความรู้ คู่คุณธรรม มีความสามารถในการประกอบอาชีพและเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม ภารกิจดังกล่าว จะสําเร็จลุล่วงด้วยดี ต้องอาศัยองค์ประกอบหลายประการ เช่น ปรัชญาของสถาบัน สภาพแวดล้อม ระบบ การทำงาน และการปฏิบัติตามภารกิจทรี่ ับผิดชอบของคณาจารย์ นกั ศึกษาและเจ้าหน้าที่ฝ่ายตา่ ง ๆ นอกจากน้ี องคป์ ระกอบสำคญั ที่ คือระบบอาจารย์ทปี่ รกึ ษา อาจารยท์ ่ปี รกึ ษามีบทบาทสำคัญต่อความสำเร็จของนกั ศึกษา ต้องชว่ ยเหลือนกั ศกึ ษาในการปรับตัวเอง เมื่อเข้ามาสู่สถานศึกษาใหม่ เช่น การปรับตัวกับเพื่อนใหม่ ปรับตัวในการเรียน โดยเฉพาะการปรับตัวของ นกั ศึกษาในระดับอุดมศึกษา นักศึกษาต้องรับผิดชอบตัวเองมากข้ึน ซง่ึ ในระยะแรกนักศึกษาอาจยังไม่สามารถ ปรับตัวไดจ้ ะเกิดความคับข้องใจ อาจารย์ทป่ี รกึ ษาจึงมีบทบาทสำคัญท่ีจะช่วยนักศึกษา ใหป้ ระสบความสำเร็จ ในการปรับตัว และช่วยเหลือเมื่อนักศึกษาประสบปัญหา การช่วยให้นักศึกษาเรียนอย่างมีความสุขและ จบการศึกษาอย่างมีคุณภาพ คอื เปา้ หมายของการทำหน้าท่ีของอาจารยท์ ี่ปรึกษา อาจารย์ท่ีปรึกษามีบทบาท สำคญั ดังนี้ ๑. บทบาทของอาจารย์ทป่ี รกึ ษาทางวิชาการ อาจารยท์ ่ีปรกึ ษา เปน็ ผใู้ ห้การชว่ ยเหลือและสนบั สนนุ ใหน้ ักศกึ ษาประสบความสำเรจ็ ในการศึกษา อาจารย์ท่ปี รึกษาจึงมีบทบาทสำคัญทางดา้ นวชิ าการ ดงั นี้ (๑) การวางแผนการเรยี นใหจ้ บการศึกษาในเวลาท่ีกำหนดตามหลักสตู ร (๒) ตดิ ตามผลการเรียนของนกั ศกึ ษา ใหค้ ำแนะนำในกรณมี ีปัญหาการเรียนวิชาใดวิชาหน่งึ (๓) สนับสนนุ การเรยี นของนกั ศึกษาทีม่ คี วามสามารถพิเศษใหป้ ระสบผลสำเรจ็ สูงสดุ (๔) ทำงานร่วมกบั นกั ศึกษาในการวางแผนการประชมุ และกิจกรรมสัมพนั ธ์ การสรา้ ง ความคุ้นเคย ให้มีความสัมพันธ์ที่ระหว่างนักศึกษา และระหว่างครูกับศิษย์ ที่จะช่วยส่งเสริมการเรียนของ นักศึกษา (๕) ใหค้ ำปรึกษาและช่วยเหลือนักศึกษาเกี่ยวกับวิธีการเรียนในสถาบันอุดมศึกษา เช่น การจดบันทึก คำบรรยาย การศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเอง การอ่านตำรา การเขียนรายงาน การนำเสนอรายงาน แก้ไขปัญหา ผลการเรียนตำ่ เปน็ ตน้ ๒. การใหค้ ำปรึกษาเกีย่ วกับการปรบั ตวั นักศึกษาในระดบั อดุ มศึกษาอยู่ในช่วงวยั ของการเปลี่ยนแปลงท้ังทางรา่ งกาย อารมณ์ สังคมและ

๑๑ สติปัญญา ประกอบกับการที่นักศึกษาต้องเปลี่ยนรูปแบบการศึกษาและการใช้ชีวิตที่ต่างจากการศึกษาระดับ มัธยม จึงอาจส่งผลต่อการปรับตัวได้ อาจารย์ที่ปรึกษาจึงมีบทบาทสำคัญในการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการ ปรบั ตัว ดงั น้ี (๑) ปญั หาเก่ยี วกับการคบเพ่ือน อาจารยท์ ีป่ รกึ ษาจะต้องใหค้ ำแนะนำเก่ียวกบั การปรบั ตัวในการ คบเพ่ือนใหม่ ต้องระมดั ระวังเร่อื งยาเสพติด ความประพฤตทิ างเพศท่ีไม่เหมาะสม เปน็ ต้น (๒) ปญั หาเก่ียวกบั สุขภาพจติ อาจารยท์ ่ปี รึกษาจะต้องคอยตรวจสอบดู นกั ศกึ ษาบางคนมปี ัญหา ทางด้านสุขภาพจิตที่เนื่องมาจากปัญหาต่างๆ เช่น ปัญหาการเรียน ปัญหาเรื่องการเดินทาง ปัญหาเรื่องการ ปรับตัว เป็นต้น ปัญหาเหล่านีจ้ ะมีผลกระทบต่อสขุ ภาพจิต ทำให้เกิดผลกระทบต่อการดำรงอยู่ และการเรียน ในห้องเรียน อาจารย์ที่ปรึกษาจึงมีบทบาทเหมือนพ่อแม่ที่ต้องคอยดูแลเอาใจใส่ หมั่นคอยสังเกตพฤติกรรม และคอยชว่ ยเหลอื (๓) ปญั หาเก่ยี วกับคา่ ใชจ้ า่ ย มคี ่าใช้จ่ายทเ่ี ปลีย่ นแปลงไปจากเดิม มีค่าใชจ้ ่ายสงู ขึน้ ทง้ั ในการใช้ จ่ายส่วนตัวและการเรียนท่ีสูงขึ้น อาจารย์ที่ปรึกษาจึงมีบทบาทในการให้คำแนะนำเกี่ยวกับกองทุนกู้ยืมเพ่ือ การศึกษา การหาแหลง่ ทนุ การศึกษา รวมทง้ั บริหารการเงนิ (๔) ปัญหาความขัดแย้ง ทีอ่ าจกอ่ ให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง อาจเนอื่ งมาจากสาเหตตุ า่ งๆ เช่น การรับน้องใหม่ ความใขัดแย้งในการปรับปตัวกับเพื่อนใหม่ รวมทั้งความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นในตัวนักศึกษา จากการไม่สามารถปรับตัวในเรื่องต่างๆ ได้ ย่อมเกิดความขัดแย้ง ก่อให้เกิดความเครียด ซึ่งอาจนำไปสู่ พฤติกรรมก้าวร้าว ทำร้ายเพ่ือน ทำร้ายตนเอง เป็นต้น ๓. การใหค้ ำปรกึ ษาในการทำกิจกรรมของนักศกึ ษา การเข้าร่วมกจิ กรรมของนกั ศกึ ษามคี วามหมายและมีคณุ คา่ ทเี่ ปน็ พ้ืนฐานในการปฏิบัตงิ าน ภายหลังจบการศึกษา เพราะนักศึกษาจะได้เรียนรู้การเป็นผู้นำ ผู้ตาม ผู้ประสานงานและผู้สนับสนุน ดังน้ัน อาจารยท์ ป่ี รกึ ษาจึงควรสนับสนุน เสนอแนะในการเขา้ รว่ มกจิ กรรมทางวิชาการและกิจกรรมทางสงั คม ดังนี้ (๑) การสนับสนนุ กำกบั ติดตามใหน้ กั ศกึ ษาเข้าร่วมกิจกรรมทางวิชาการทั้งภายนอกและภายใน สถาบัน (๒) การปลกู ฝังความรบั ผดิ ชอบต่อตนเองและสังคม (๓) การดูแลรกั ษาสขุ ภาพของตนเองในการเข้าร่วมกจิ กรรม (๔) พฒั นาทักษะการทำงานของตนเองในการทำงานรว่ มกบั ผ้อู นื่ อยา่ งเป็นระบบ และเรยี นรู้ วิธีการปรับปรุงการทำงานอย่างต่อเน่ือง (๕) การแบง่ เวลาในการทำกิจกรรมให้เหมาะสมกบั การเรยี น (๖) ปลูกจติ สำนกึ ของนักศกึ ษาให้ตระหนกั ในคุณค่าของมรดกของชาติ เชน่ ศลิ ปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีและความเป็นไทย รวมท้ังสง่ิ แวดลอ้ มรอบตัวนักศกึ ษา และสถานศึกษาให้สะอาดเป็น ระเบียบเรียบร้อย สวยงาม เปน็ ต้น จึงเห็นได้ว่าจากบทบาทของอาจารย์ที่ปรึกษาจะ เห็นได้ชัดเจนว่า อาจารย์ที่ปรึกษามีบทบาทสำคัญ มากต่อการสำเร็จในการเรียน และการดำเนินชีวติของนักศึกษา ซึ่งในระยะเวลาของการเป็นนักศึกษาต้อง เผชิญกับปัญหาด้านการเรียน เรื่องส่วนตัว เรื่องของสังคม ฯลฯ ดังนั้นการที่อาจารย์ที่ปรึกษาจะทำหน้าที่ให้ คำปรึกษาและดูแล นักศึกษาให้มีคุณภาพได้ ต้องมีการเรียนรู้ เทคนิควิธีการที่เหมาะสมในการเป็นอาจารย์ ที่ปรึกษาท่ีดี จงึ จะช่วยใหป้ ระสบความสำเร็จในการใหค้ ำปรึกษา วตั ถุประสงคข์ องระบบการใหค้ ำปรึกษาวชิ าการระดับปรญิ ญาตรี ๑. เพื่อให้เกิดกระบวนการติดต่อสื่อสารระหว่างมหาวิทยาลัยกับนิสิตนักศึกษา สร้างความอบอุ่นใจ เป็นท่ีพง่ึ พรอ้ มจะชว่ ยเหลอื นิสติ นักศกึ ษา

๑๒ ๒. เพอื่ ใหค้ ำปรึกษาแนะนำดา้ นวิชาการเกี่ยวกบั หลักสูตร ลักษณะรายวชิ าที่เรยี น การเลือกวิชาเรียน การลงทะเบียนเรยี น วิธกี ารเรยี นและการวัดผล ทัง้ นี้เพ่ือให้นิสติ นกั ศึกษาสามารถศกึ ษาจนสำเรจ็ ครบตามหลักสูตร ๓. เพื่อสนับสนุนการบรหิ ารงานของสถาบันการศึกษา ช่วยให้นิสิตนักศึกษามีความเข้าใจกฎระเบียบ ขอ้ บังคับ ประกาศ คำสั่ง และบริการตา่ ง ๆ ของสถาบนั การศกึ ษา ๔. เพื่อช่วยส่งเสริมนิสิตนักศกึ ษาให้สามารถพัฒนาการดำเนินชีวิตอยู่ในสถานศึกษาและแก้ปัญหาได้ อยา่ งเหมาะสม เทคนิคการให้คำปรึกษาสำหรับอาจารยท์ ป่ี รกึ ษา อาจารย์ทปี่ รึกษาตอ้ งมีความเขา้ ใจ ในเทคนิควิธีการทจ่ี ะสามารถให้คำปรึกษา และสนบั สนุนนักศึกษา นักศึกษาในความดูแลได้อย่างมีคุณภาพ เพือ่ สร้างความอบอนุ่ ใจและเป็นทพ่ี ่ึงให้กับนักศึกษาในระหว่างศึกษา ในสถาบนั อดุ มศึกษา ซงึ่ มเี ทคนิคท่ีสำคญั ดงั ต่อไปนี้ (สามารถ อยั กร, ๒๕๕๙) ๑. เทคนิคในการสรา้ งสมั พนั ธภาพกับนกั ศึกษา โดยอาจารย์ท่ปี รกึ ษาต้องพยายามสร้างสัมพนั ธภาพ ที่ดีให้เกดิ กับนักศึกษา เพื่อให้นักศึกษารู้สึกอบอุ่นใจและ กล้าที่จะเข้ามาขอคำปรึกษา จึงนับว่าถือเป็นเทคนิค แรกท่สี ำคญั ในการเป็นอาจารยท์ ปี่ รึกษาที่ดี เทคนิคในการสร้างสมั พนั ธภาพกบั นกั ศึกษา ประกอบด้วย (๑) ย้ิมแยม้ แจม่ ใส เพ่ือสร้างบรรยากาศทเ่ี ป็นมิตร และความรสู้ กึ อบอ่นุ ใหก้ ับนกั ศกึ ษา (๒) มบี คุ ลกิ ทเี่ ปดิ เผยตรงไปตรงมา ไมม่ คี วามลบั กับนักศกึ ษา (๓) มีความเอาใจใสน่ ักศกึ ษา และมคี วามเมตตากรุณา (๔) มคี วามจรงิ ใจกับนักศกึ ษาและปฏิบัตติ นอยา่ งเสมอต้น เสมอปลาย (๕) ยอมรบั คุณค่าของนกั ศกึ ษา และยอมรับความแตกต่างระหวา่ งบคุ คลทั้งเรื่องแนวคดิ ทัศนคติ เพศ ช่วงของวยั ของนักศกึ ษา ฯลฯ (๖) พยายามเรยี นรเู้ พื่อทำความเขา้ ใจความรู้สกึ ของนักศึกษาอย่างจริงจังและจรงิ ใจ ๒. เทคนคิ การใหค้ ำแนะนำ เป็นเทคนิควธิ ีการทอ่ี าจารย์ทีป่ รึกษาตอ้ งใหค้ วามชว่ ยเหลือด้านขอ้ มลู แก่นักศึกษาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยส่วนใหญ่การให้คำแนะนำมักเกี่ยวข้องกับกฎ ระเบียบ แนวปฏิบัติ ข้อบังคับที่ใช้อยู่เป็นประจำในสถาบัน เช่น การลงทะเบียนเรียน การเพิ่ม-ลดรายวิชาเรียน จำนวนชั่วโมงใน การร่วมกิจกรรม การกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา หรือปัญหาเล็กน้อยที่อาจารย์ที่ปรึกษาอาจให้คำแนะนำ เพื่อให้ นักศึกษาสามารถแก้ปัญหาได้ หรือการให้คำแนะนำปัญหาที่เกี่ยวกับอารมณ์ ปัญหาบุคลิกภาพ หรือปัญหาท่ี ตอ้ งตดั สินใจอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง เชน่ การศึกษาตอ่ การเลือกอาชีพ เป็นตน้ ๓. เทคนคิ การใหค้ ำปรึกษา ถอื ว่าเป็นกระบวนการสำคัญที่ชว่ ยเหลือให้นกั ศึกษาเข้าใจตนเองสภาพแวดล้อม และปัญหาทีเ่ ผชิญอยู่ สามารถใช้ความเข้าใจดังกล่าวมาแก้ปัญหาหรือตัดสินใจในการเลือกเป้าหมายการดำเนนิ ชวี ิต ทเี่ หมาะสมกบั ตนเองและเพื่อการปรบั ตวั ท่ีดีในอนาคต โดยเทคนิคการใหค้ ำปรกึ ษาที่สำคญั ทอ่ี าจารย์ที่ปรึกษา ควรทราบ มีดงั ตอ่ ไปน้ี (คณะกรรมการการอุดมศึกษา, ๒๕๕๔) (๑) การฟัง (Listening) เป็นการแสดงความสนใจตอ่ นกั ศึกษา โดยใช้สายตาสงั เกตท่าทางและ พฤติกรรม เพื่อให้ทราบว่าอะไรเกิดขึ้นกับนักศึกษา เทคนิคการฟังนี้ ประกอบด้วย การใส่ใจ ซึ่งมีพฤติกรรมท่ี ประกอบด้วย การประสานสายตา การวางทา่ ทางอยา่ งสบาย การใช้มือประกอบคำพดู ที่แสดงถึงความสนใจต่อ นักศึกษา ในการฟังนี้ บางครั้งอาจารย์ที่ปรึกษาอาจสะท้อนข้อความหรอื ตีความให้กระจ่างชดั หรือถามคำถาม เพื่อใหท้ ราบถึงปัญหาและความตอ้ งการของนักศกึ ษา (๒) การนำ (Leading) เปน็ การกระตุ้นใหน้ ักศึกษาได้สำรวจ และกล้าแสดงออกถงึ ความรูส้ ึก เจตคติ ค่านิยมหรอื การกระทำของตน (๓) การเรียบเรียงคำพูดใหม่ (Paraphrasing) เป็นการตรวจสอบว่าอาจารย์ที่ปรึกษาเข้าใจ นักศึกษาในสิง่ ทน่ี ักศึกษาตอ้ งการ

๑๓ (๔) การสะท้อนกลับ (Reflecting) เป็นการช่วยทำให้นักศึกษาเข้าใจตนเอง เกี่ยวกับความรู้สึก ประสบการณ์ หรอื ปัญหาไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งยิ่งขึน้ (๕) การเผชิญหน้า (Confrontation) เป็นเทคนิคที่อาจารย์ที่ปรึกษาใช้ในกรณีที่พบว่านักศึกษา มคี วามขัดแย้งกนั ในความคิด ความรสู้ กึ และพฤติกรรม โดยการนําความขัดแย้งมานาํ เสนอในรปู ประโยคบอกเล่า และจะใช้คําว่า “และ” เชื่อมระหว่างความขัดแย้ง ๒ ประเด็น โดยห้ามใช้คําว่า “แต่” เชื่อมโดยเด็ดขาด เพราะจะเปน็ การตําหนิ (๖) การตั้งคําถาม (Questioning) อาจารย์ที่ปรึกษาควรใช้คําถามที่เหมาะสมและใช้คําถาม เพอ่ื ให้ไดค้ าํ ตอบทีแ่ น่ชัดโดยมีจุดมงุ่ หมายจะสร้างความเข้าใจในแง่มมุ ตา่ งๆของนักศกึ ษา (๗) การตีความ (Interpretation) เป็นกระบวนการที่อาจารย์ที่ปรึกษา อธิบายความหมาย ของเหตุการณ์ให้นักศึกษาได้เข้าใจปัญหาของตนเองในด้านอื่นท่ีอาจยังไม่ได้มองมาก่อน และช่วยให้นักศึกษา ไดเ้ ขา้ ใจถึงปญั หาของตนเองให้กว้างขวางมากยง่ิ ขึน้ (๘) การสรุป (Summarizing) เปน็ เทคนิคที่อาจารยท์ ี่ปรึกษาใช้ เพอ่ื สรปุ เรื่องราวต่างๆ ของนักศึกษา อันเนื่องมาจากความรู้สึกที่สับสน เพราะมีเรื่องราวต่างๆ ที่เป็นปัญหามากมาย หรือสามารถใช้ในการสรุป ในโอกาสท่จี ะสน้ิ สุดการให้คำปรกึ ษา (๙) การให้ขอ้ มูล (Information) เป็นการให้ขอ้ มูลด้านการศกึ ษา อาชีพ และสภาพแวดล้อมทางสังคม เพอ่ื ให้นักศึกษาสามารถตัดสินใจหรอื เหน็ ลู่ทางในการแกป้ ัญหา (๑๐) การให้กำลังใจ (Encouragement) เป็นการพูดเพื่อช่วยกระตุ้นให้นักศึกษา กล้าสู้ปัญหา เกดิ ความมั่นใจ และพร้อมทจ่ี ะแกไ้ ขปัญหา (๑๑) การเสนอแนะ (Suggestion) เป็นการเสนอความคิดเห็นที่เหมาะสม เพื่อนำไปสู่การแก้ไข ปญั หาโดยเปิดโอกาสใหน้ ักศึกษาได้ใชเ้ หตุผลในการตัดสนิ ใจไดด้ ้วยตนเอง การให้คำปรกึ ษานกั ศึกษา (Counseling for Students) (พนม เกตมุ าน, https://drpanom.wordpress.com/2019/06/08/ เข้าถึงวันท่ี ๑ ธันวาคม ๒๕๖๔) การให้คำปรึกษา เป็นกระบวนการช่วยเหลือให้คดิ และตัดสินใจแก้ไขปัญหาของตนเองได้ ด้วยการใช้ เทคนิคต่าง ๆ ของการสร้างความสัมพันธ์ การสื่อสาร ความเข้าใจและมีความรู้สึกอยากช่วยเหลอื ทั้งนี้การให้ คำปรึกษานักศึกษา นอกจากอาจารย์จะมีความรู้และทักษะการให้คำปรึกษาแล้ว ควรมีความรู้ความเข้าใจ นักศึกษา เพื่อให้นกั ศกึ ษาเกิดความเขา้ ใจตนเอง เข้าใจปญั หา ได้ความร้แู ละทางเลือกในการแกป้ ัญหาน้ันอย่าง เพยี งพอ มสี ภาพอารมณแ์ ละจติ ใจที่พร้อมจะคดิ และตดั สินใจดว้ ยตัวเอง เพอ่ื จะสามารถให้คำปรึกษาได้อย่างมี ประสิทธิภาพ หลกั การใหค้ ำปรกึ ษา ๑. การเริ่มต้นสร้างความสัมพันธ์ที่ดี เป็นกระบวนการที่อาจารย์ผู้ให้คำปรึกษาต้องทำให้นักศึกษาเกิด ความรสู้ ึกอบอุ่น สบายใจ และไว้วางใจ กระทำได้โดย (๑)การจัดสิ่งแวดล้อม ห้องให้คำปรึกษาควรความมิดชิด เป็นสัดส่วน ไม่มีเสียงรบกวน ไม่มีคน เดินผา่ นไปมา บรรยากาศมีความสงบและเป็นกนั เอง (๒) ทา่ นั่ง ควรเปน็ ลักษณะตง้ั ฉากกนั ไม่ควรเผชญิ หน้ากนั ตรงๆ เย้ืองกันเล็กนอ้ ย ใกล้กนั พอที่จะ แตะไหลไ่ ด้ (๓) ก่อนการเรม่ิ ตน้ สัมภาษณ์ ควรจดั ลำดบั การสัมภาษณ์ให้ดี (ถ้าพ่อแมม่ าด้วย ควรพบนกั ศึกษา พรอ้ มพอ่ แมส่ ้ันๆ เพือ่ ทำความเข้าใจปญั หาเบือ้ งต้นก่อน หลังจากน้ันจึงขอสมั ภาษณน์ กั ศึกษาตามลำพงั ) (๔) เปิดการสนทนานำให้เกิดความผ่อนคลายเป็นกันเอง (small talk) เช่น “วันนี้มากันกี่คน มาอยา่ งไร รถตดิ หรอื ไม่ น่ังรอนานหรอื ไม่ อากาศเป็นอยา่ งไร…ฯลฯ” (๕) แนะนำตวั เอง สถานท่ี วัตถปุ ระสงค์ของการคุยกนั เวลาทจ่ี ะคุยกัน เช่น

๑๔ “ผมชื่อ…….. เป็นอาจารยท์ ำงานทน่ี ”่ี “ห้องน้ีเป็นห้องสัมภาษณ์ มผี มและผชู้ ่วยอีกหนง่ึ คนเท่านน้ั ห้องนม้ี ีกลอ้ งโทรทัศน์วงจรปิด แตข่ ณะนจี้ ะไมใ่ ช้ ถา้ มีการใชเ้ มอ่ื ใดจะขออนุญาตทกุ คนก่อนทกุ ครงั้ ” “ช่วงแรกนี้ ขอคยุ ดว้ ยกบั ทุกคนทัง้ หมดสน้ั ๆก่อน หลังจากนน้ั จะขอคยุ สว่ นตัวกบั ……..(ชื่อ) ตอนหลงั ” “วันนีม้ ีใครมากนั บ้าง อยากรู้จกั ทกุ คน ขอใหช้ ว่ ยแนะนำตัวกันกอ่ น ดไี หมครบั ” (๖) อาจารย์ควรแนะนำครอบครัวว่า บางช่วงจะขอสัมภาษณ์นักศึกษาตามลำพังด้วย ถ้ามีสิ่งท่ี ไมก่ ล้าเล่ากบั พ่อแม่ จะไดม้ ีโอกาสพูดไดอ้ ยา่ งสบายใจ และเปน็ เรอ่ื งปกตทิ จี่ ะขอคุยตามลำพัง “อาจารยข์ อคุยกับ….. ตามลำพงั สักครู่ หลังจากนั้นจะขอคยุ กับพ่อแม่ในตอนทา้ ยอีกครง้ั ” (๗) การพบกับพ่อแม่ในช่วงสุดทา้ ย เพื่อรวบรวมข้อมูลทั้งหมด และอาจมีสิ่งที่พ่อแม่อยากเล่าให้ ฟังเพิ่มเติมที่ไม่อยากเล่าต่อหน้านักศึกษา ช่วงสุดท้ายจะเป็นโอกาสที่สรุปผลที่ได้ในการสัมภาษณ์ครั้งน้ี และวางแผนการช่วยเหลือต่อไป กอ่ นจบควรเปิดโอกาสให้พอ่ แม่ซกั ถาม (๘) การใช้ภาษาพูด น้ำเสยี ง การเน้นคำ การใช้ สรรพนาม การทำความเขา้ ใจภาษาของนกั ศึกษา ควรใช้ภาษาที่เข้าใจกันง่าย เป็นกันเอง พยายามเข้าใจและยอมรับภาษานักศึกษา แต่ไม่จำเป็นต้องใช้ภาษา นกั ศกึ ษา (๙) เรอื่ งทไ่ี ม่อยากเล่าในชว่ งแรก ควรขา้ มไปกอ่ น แตท่ ้ิงทา้ ยไว้วา่ มคี วามสำคญั ทีน่ ่าจะกลับมาคุย กันอกี ในโอกาสต่อไป “เร่ืองนนี้ า่ สนใจมาก อาจมีส่วนสำคญั ทเี ดียว แต่….ยงั ไม่อยากเล่าในตอนน้ี ก็ไม่เป็นไร เอาไว้ เมือ่ พรอ้ มที่จะเลา่ แล้วค่อยเลา่ กไ็ ด้ จะขอคุยเรื่องอื่นกอ่ น แลว้ จะขอย้อนกลับมาคุยเร่ืองนี้ตอนหลัง ดไี หม” (๑๐) การใช้ภาษากาย การสัมผัส สีหน้า แววตา ท่าทาง ให้เกิดความเป็นกันเอง อยากเข้าใจ อยากช่วยเหลือ ไมต่ ดั สินความผดิ หรือแสดงการไมเ่ ห็นด้วยกับพฤติกรรมหรือสิง่ ท่นี ักศึกษาเปดิ เผย ๒. การสำรวจลงไปในปญั หา หรือสาเหตุทีท่ ำให้ต้องมาพบ การรักษาความลับ(confidentiality) ก่อนการสำรวจลงลึกในประเด็นปัญหา ควรสังเกตท่าที ความรว่ มมือ การเปดิ เผยข้อมูล วา่ นกั ศึกษามคี วามไว้วางใจมากน้อยเพยี งไร มีเร่ืองใดทีย่ ังกงั วล เช่น เร่ืองการ เก็บรกั ษาขอ้ มูล ควรใหค้ วามม่นั ใจเร่อื งนี้ “เรื่องที่คุยกันนี้ คงไม่นำไปบอกพ่อแม่ หรือคนอื่นๆฟัง ถ้ามีเรื่องที่จะบอกพ่อแม่ จะขอ อนุญาตก่อน เรื่องท่ีจะบอกคงเปน็ เร่ืองท่ียนิ ยอมแล้ว” ทั้งน้ีเทคนิคการถาม ในตอนต้นควรสอบถามถึงความเข้าใจถึงการมาพบอาจารย์ มาได้อย่างไร พ่อแมบ่ อกวา่ อยา่ งไร คิดอยา่ งไรในตอนแรก “เมื่อสักครู่พ่อแม่เล่ามา คิดอย่างไรบ้าง มีตอนไหนที่ไม่เหน็ ด้วย ไม่เป็นความจริงบ้างหรือไม่ มอี ะไรท่ีจะเลา่ เพ่มิ เตมิ ตรงไหนอีกบ้าง” “ชว่ ยเลา่ ใหฟ้ งั ว่าเกิดอะไรขนึ้ ” “ปัญหาคืออะไร” ในการสำรวจเพื่อให้ได้ปญั หา หรือสาเหตุ อาจารย์สามารถใช้เทคนิคต่าง ๆ ดังนี้ ๒.๑ การใช้คำถาม (๑) คำถามปลายเปิด (open-ended question) เป็นคำถามที่มีคำตอบได้หลากหลาย มักใช้ในการสอบถามเบ้ืองต้น ในระยะแรก ๆ ของการสัมภาษณ์ ที่ยังไม่แน่ใจวา่ จะตอบอย่างไร การใช้คำถาม ปลายเปิด มักจะได้คำตอบที่ตรงกับสิ่งที่นักศึกษาคิด กังวล เป็นห่วง หรือรู้สึกว่าเป็นปัญหาอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่มี ความสำคญั มาก เน่อื งจากปัญหาท่ีคดิ อาจไม่ตรงกบั ปญั หาที่คนอ่นื เปน็ ห่วงอยู่

๑๕ “อยากใหอ้ าจารย์ช่วยเรือ่ งอะไร” “เรอ่ื งอะไรที่ทำใหไ้ มส่ บายใจ” (๒) คำถามปลายปิด (close-ended question) เป็นคำถามที่คาดหวังคำตอบว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่ เท่านั้น ใช้ในกรณีที่ต้องการตรวจสอบว่า มีหรือไม่มีสิ่งที่ผู้สัมภาษณ์สงสัยอยู่ มักใช้ในการสำรวจปัญหา อยา่ งเปน็ ระบบ ไม่ควรใช้ในช่วงแรก ๆ ของการสมั ภาษณ์ เพราะอาจปดิ กัน้ การเปิดเผยปัญหาทแ่ี ท้จรงิ “นอนหลบั ดไี หม” “เบอ่ื อาหารหรอื ไม่” “ท้อแทไ้ หม” (๓) คำถามนำ (leading question) เป็นคำถามที่ส่งเสริมให้ตอบไปในทิศทางนั้น มักใช้ใน กรณีทีน่ ักศึกษาลังเลทจ่ี ะตอบ เชน่ “เพ่อื นเคยชวนใหล้ องใชย้ าเสพตดิ เหมอื นกนั ใช่ไหม” “ยาน่ีรสชาตเิ ป็นอยา่ งไร ชอบไหม” ๒.๒ การกระตนุ้ ให้เลา่ เรอ่ื ง (facilitation) “ทราบเบือ้ งตน้ มาว่า.. คณุ พอ่ คุณแม่ร้สู กึ เป็นหว่ งท…ี่ ..” “ที่จริงคุณพ่อคุณแม่เล่าให้อาจารย์ฟังบ้างแล้ว แต่อยากฟังจาก…(ชื่อ) เอง ลองเล่าให้ฟังว่า เกิดอะไรขน้ึ ” “พอ่ แมก่ ังวลว่า…” “พอ่ แม่อยากจะทำความเข้าใจปญั หามากข้นึ จึงชวน……มาคยุ กบั อาจารย์” “คดิ อย่างไรบ้าง รู้สกึ อย่างไร ยังโกรธพอ่ แมห่ รอื ไม่ เมอื่ รเู้ หตุผลอย่างนแ้ี ลว้ ” ๒.๓ การสะทอ้ นความรูส้ กึ (reflection of feeling) “…รูส้ ึกไม่พอใจที่อาจารยด์ ”ุ “…โกรธทีถ่ กู ทำโทษ” “…..อึดอัดใจท่ถี ามถงึ เร่อื งนี้” “….กงั วลใจจนนอนไม่หลบั ” การสะท้อนความรู้สึกจะช่วยให้เกิดความรูส้ ึกวา่ เขา้ ใจความรู้สึก เกิดความสัมพันธ์ท่ีดีต่อกัน การ สะท้อนความรูส้ กึ ชว่ ยในการตอบคำถาม หรือตอบสนองบางสถานการณ์ได้ เช่น : นักศกึ ษา (พดู อย่างโกรธๆว่า) “อาจารย์ไมเ่ ข้าใจผมหรอก” : อาจารย์ (ใชเ้ ทคนิคการสะท้อนความรู้สึก) “คณุ คงรู้สึกหมดหวงั คิดว่าไมม่ ใี ครเข้าใจปัญหานี้” ๒.๔ การสะท้อนความคิด ความเห็น ความเชื่อ (reflection of thinking, attitudes, believes) บางครัง้ การสะทอ้ นความคิดนกั ศกึ ษา จะช่วยใหเ้ กดิ ความรสู้ กึ ท่ดี ีต่อกนั กบั อาจารย์ และช่วยให้ นักศึกษาหยุดคิดถึงสิ่งที่ตนเองคิด และในหลายโอกาสช่วยให้นักศึกษาเห็นความสัมพันธ์ของความคิด ความร้สู ึก และพฤตกิ รรมของตนเองได้ ตวั อย่างเช่น “….คดิ วา่ พ่อแมไ่ ม่เขา้ ใจ” “…คดิ ว่าถา้ ขออนญุ าตก่อน พอ่ คงปฏเิ สธ” บางจงั หวะ การสะท้อนความคดิ ก็ชว่ ยแกไ้ ขสถานการณ์ได้ เชน่ : นักศกึ ษา (พดู อย่างโกรธๆว่า) “ลองมาเปน็ ผมบ้างสิ อาจารยจ์ ะทำอย่างไร” : อาจารย์ (ใชเ้ ทคนคิ การสะทอ้ นความคิด) “…คงคิดวา่ เร่อื งน้ีเกิดขึ้นกบั ใคร ก็คงยากท่ีจะตดั สนิ ใจ” ๒.๕ การยอมรับ (unconditioned positive regard) “เรอ่ื งใดทพ่ี ูดลำบาก หรืออธิบายไม่ได้ ขอให้บอกดว้ ย” “ใครๆที่อยู่ในสภาพเดยี วกับ…… คงจะทำใจยอมรบั ไดล้ ำบากเหมือนกนั ”

๑๖ “บางทีมันก็ยากทจี่ ะเล่า เร่ืองท่คี อ่ นข้างส่วนตัวอยา่ งนี้ เอาไวพ้ ร้อมแลว้ ค่อยเลา่ กไ็ ด้” “เรอ่ื งไหนท่ียงั ไม่พรอ้ มจะคุย ขอให้บอก” ๒.๖ การสำรวจลงลกึ (exploration) “มีอะไรทีท่ ำใหร้ สู้ กึ หนกั ใจ กังวลใจ หงดุ หงดิ ใจ” “ถา้ เปน็ ไปได้ อยากใหม้ ีการเปลีย่ นแปลงอะไรในบ้าน” “อยากใหพ้ อ่ แม่เป็นอยา่ งไร” “ปญั หาอ่ืนๆในบ้านละ มอี ะไรหนักใจหรือไม”่ (ลองสำรวจในเรื่องอื่นๆ ในตอนท้าย เช่นเรื่อง ความสมั พนั ธข์ องพ่อแม่ ความสมั พนั ธ์กับน้อง หรอื ญาตคิ นอ่นื ๆ) “วางแผนไวอ้ ยา่ งไรบ้าง ระยะส้ัน ระยะยาว” ๒.๗ การถามความคิดและความรู้สึก (exploring the feeling and thinking) นอกจากเทคนิค การสะท้อนความคิดความรู้สึกข้างต้นแล้ว บางครั้งการสอบถามความคดิ ความรู้สึก จะช่วยให้เข้าใจนักศึกษา มากขนึ้ และสรา้ งความรู้สึกที่ดีตอ่ กันได้มาก เช่น “คณุ แมท่ ำแบบนัน้ …… คดิ อย่างไรบา้ ง” “โดนเหตุการณแ์ บบนั้น … รู้สกึ อยา่ งไร” ๒.๘ การแสดงทศั นคติทีด่ ีต่อนักศึกษา (rapport, nonjudgmental attitude) ควรมคี วามเข้าใจ (understanding) ยอมรับ, (unconditional positive regard) มองในแง่ดีเป็นกลาง (neutral) อยากช่วยเหลือ (empathy) เหน็ ใจ (sympathy) “ความสนใจเร่อื งเพศในนักศกึ ษา ไมใ่ ชเ่ ร่อื งผดิ ปกติ ……มคี วามสนใจเรื่องน้บี า้ งไหม” “เพือ่ นบางคนอาจมยี าเสพติดมาชกั ชวนกัน …….เคยเห็นบ้างไหม เคยลองบา้ งไหม” ๒.๙ การให้นกั ศกึ ษาได้ระบายความรสู้ กึ (ventilation) “บางทกี ารรอ้ งไห้ หรอื ได้ระบายความทกุ ข์ใจไม่สบายใจก็ชว่ ยใหใ้ จสบายขนึ้ ” “อาจารยอ์ ยากให…้ ..เลา่ เรื่องที่อาจไม่สบายใจ แตอ่ าจทำใหเ้ ราเข้าใจเหตกุ ารณด์ ีขน้ึ ” ๒.๑๐ การสรปุ ความ (summarization) “ปัญหาใหญ่เรอื่ งหนึ่ง คอื แม่ไมค่ อ่ ยเข้าใจความตอ้ งการของ…..” “หลายครง้ั ท่ี……..กท็ ำอะไรดว้ ยอารมณ์ แตก่ ็มาคิดเสียใจทหี ลัง” ๒.๑๑ การชมเชย (positive reinforcing) “อาจารยค์ ดิ วา่ เป็นการดีมาก ที่…อยากจะเข้าใจตัวเอง ….อยากแก้ไขเปลี่ยนแปลง” “ดนี ะท่ี…มีความสนใจเรอื่ งการเรียน” ๓. การสรปุ และเลอื กประเด็นทีส่ ำคัญรว่ มกัน เป็นการเลอื กประเดน็ ทสี่ ำคญั และนกั ศกึ ษายอมรับเพ่อื ทำงานร่วมกนั ควรเปน็ เร่อื งตอ่ ไปนี้ (๑) เรื่องที่นักศึกษารู้สึกว่าเดือดร้อน ต้องการความช่วยเหลือ เช่น อาการทางร่างกายจาก ความเครียด อาการย้ำคิดย้ำทำ อารมณซ์ ึมเศรา้ ความไมเ่ ข้าใจของพ่อแม่ การถกู จำกัดสิทธติ า่ งๆ (๒) เรื่องที่นักศึกษาอยากให้เปลี่ยนแปลง เช่นความสัมพันธ์ภายในบ้านที่ไม่ค่อยดี การยินยอมให้ ในส่ิงทน่ี กั ศึกษาต้องการ เช่น เวลาไปกับเพอ่ื น เงิน โทรศัพท์ การเลือกเรื่องมคี วามสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้ เขา้ ถึงปญั หาทแี่ ทจ้ ริง การเลือกควรใหน้ กั ศึกษามีสว่ นร่วม เชน่ “เราจะตั้งเปา้ หมายเร่ืองใดก่อนดี” “เรอื่ งเวลาเครยี ด แลว้ อาการปวดหวั น่าสนใจเหมอื นกนั ไม่ทราบวา่ ….คิดอยา่ ง” “เร่อื งความไม่เขา้ ใจกนั ในบา้ น มีความสำคญั ตอ่ ……จนอยากให้มกี ารเปลีย่ นแปลงไหม” “…..คงอยากใหผ้ ลการเรียนดีขน้ึ กว่านี”้ “ปัญหาการเรยี นน่าจะเป็นผลของอารมณ์ คดิ อยากจะแกไ้ ขอย่างไร”

๑๗ “ลองช่วยกนั เลอื กเรื่องทนี่ ่าจะแกไ้ ขกนั ได้กอ่ น” “เคยคดิ จะแกไ้ ขอยา่ งไรแล้วบ้าง” “สรปุ แลว้ คดิ ว่าเราน่าจะม่งุ ประเดน็ น้ี….. ก่อนจะดีไหม” ๔. ตั้งเป้าหมายในการทำงานตอ่ ไปดว้ ยกัน เมื่อผู้สัมภาษณ์ได้ข้อมูลเพียงพอแล้ว ต่อไปคือการแก้ไขปัญหา โดยวิธีการ เป้าหมายร่วมกับ นักศึกษา ควรช่วยกันคิดและให้ออกมาเป็นความต้องการของนักศึกษาจริงๆ และควรจะครอบคลุมประเด็น หลกั ๆของปญั หา การแกไ้ ขตอ่ ไปจะเกดิ ในด้านต่างๆ คอื (๑) การเปลยี่ นแปลงของตนเอง เช่น การสงั เกตอารมณ์ตนเองให้มากข้นึ มกี ารจัดการกับอารมณ์ ไดด้ ี ควบคมุ ตัวเองได้ ย้งั ใจตัวเองไดม้ ากข้นึ จัดระเบียบวนิ ยั ของตัวเอง เอาใจใส่เรือ่ งสว่ นตวั มากขึ้น รับผดิ ชอบ ส่วนรวมมากขึ้น (๒) สร้างแรงจูงใจให้เกดิ การเปลี่ยนแปลงแกไ้ ขตนเอง “อาจารย์คิดว่า ถ้า….แสดงความรับผิดชอบโดย……. คุณพ่อคุณแม่ คงจะไว้วางใจมากข้ึน การจะขออนญุ าตไปกับเพ่ือนน่าจะง่ายข้ึนด้วย” (๓) ใหค้ วามหวงั และโอกาสทจ่ี ะเกดิ การเปลีย่ นแปลงในทางท่ดี ีขน้ึ “อาจารยจ์ ะช่วยอธิบายให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจความต้องการของนักศึกษามากขึน้ แต่…ก็ต้อง ช่วยอาจารย์ทำให้พ่อแม่ไว้ใจ เช่น การรักษาคำพูด ถ้าเราพยายามแล้วพ่อแม่ยังไม่เปลี่ยนแปลง ขอให้กลับมา เลา่ ใหอ้ าจารยฟ์ ังด้วย” (๔) อธิบายสิ่งทจี่ ะวางแผนรว่ มกับพอ่ แม่(clarification) “หลังจากนี้อาจารยจ์ ะคยุ กับพอ่ แม่ สิ่งที่อาจารย์จะพดู คอื อธบิ ายให้ทา่ นเขา้ ใจว่า……… และ จะชว่ ยใหท้ า่ นยืดหยุ่นกบั ……บ้างเชน่ อาจจะอนุญาตใหไ้ ปกับเพ่ือนได้ในวันหยุด แตจ่ ะขออนุญาต ต้องบอกกัน ก่อนในเรือ่ งรายละเอยี ด เชน่ ไปทีไ่ หน กบั ใคร เวลาใด จะกลับเมือ่ ไร อยา่ งนี้จะดไี หม ฯลฯ” “อาจารย์ยงั ไม่แนใ่ จวา่ จะพูดใหพ้ อ่ แมเ่ ปลี่ยนแปลงได้มากน้อยแคไ่ หน แตเ่ ทา่ ท่ีคุยกบั เขาแล้ว ก็เห็นว่าน่าจะรับฟังอาจารย์บ้าง แต่นิสัยใจคอคนตามปกตินั้น จะเปลี่ยนแปลงทันทีคงยาก แต่ก็น่าทดลองดู ให้โอกาสทา่ นเปลีย่ นแปลงก่อน ถ้าไมส่ ำเร็จเราจะกลับมาคยุ กนั ใหม่” ๕. ปฏิบตั ิ (Working through) เป็นกระบวนการแก้ไขเปลี่ยนแปลง คิด ตัดสินใจ ฝึกฝนตนเอง เพื่อให้แก้ไขปัญหา สร้างสิ่งใหม่ มักจะเกิดข้ึนในระยะเวลาต่อมา ทเ่ี รมิ่ มีความสัมพันธด์ ีต่อกนั แล้ว ผูใ้ ห้คำปรึกษาจะใช้เทคนิคต่างๆที่ทำให้เกิด การเรียนรู้ และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในระยะยาว ขั้นตอนนี้มักใช้เวลานานพอสมควร กว่าจะบรรลุตาม วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ในการสัมภาษณ์นั้น เมื่ออาจารย์จะรวบรวมข้อมูลมากพอ จนสามารถวางแผนการ ช่วยเหลือต่อไปได้แล้ว ต่อไปก็จะพยายามโน้มน้าว ให้นักศึกษามีแรงจูงใจที่จะแก้ไขในขั้นตอนแรกนี้ และใน การพบกันครั้งต่อไป การเริ่มการช่วยเหลือจะทำได้ง่าย ในการสัมภาษณ์นักศึกษาครั้งแรก ไม่ควรพยายาม แก้ไขเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมให้ได้ทันที การให้คำแนะนำที่เร็วเกินไป นอกจากจะไม่ได้ผล นักศึกษามักไม่เช่ือ แล้ว อาจรบกวนความสัมพันธ์ที่เป็นเป้าหมายหลักของการสัมภาษณ์ในระยะแรก เนื่องจากนักศึกษาอาจจะ รู้สึกว่า อาจารย์ทำตัวเหมือนพ่อแม่ หรืออาจารย์ของเขา อาจารย์ควรอธิบายให้นักศึกษาเข้าใจถึงปัญหา สาเหตขุ องปญั หา ขั้นตอนการช่วยเหลือตอ่ ไป เช่น “จากข้อมูลที่เล่ามาทั้งหมด อาจารย์คิดว่า อาการต่างๆเกิดจากอารมณ์ซึมเศร้า อาการนี้พบได้ บอ่ ย และเปน็ สาเหตขุ องปญั หาตา่ งๆ แตส่ ามารถรกั ษาได้ การชว่ ยเหลอื ต่อไปคอื …………………” “ความคดิ ท่ีวนเวียนเช่นน้ี คอื อาการของโรคยำ้ คดิ ย้ำทำ อาจารย์คดิ ว่าน่าจะมีการตรวจเพมิ่ เตมิ คือ….” “ความไม่เขา้ ใจกนั ภายในบ้านมมี าก จนทำให้ทุกคนเกิดความเครยี ด ปัญหาน้นี ่าจะแกไ้ ขโดย…..”

๑๘ “อาจารย์คิดว่า การตรวจทดสอบบางอย่างอาจจะช่วยให้เข้าใจสาเหตุของปัญหามากขึ้น จะแนะนำวา่ นา่ จะ..” “อาจารย์ยงั ไม่คอ่ ยเขา้ ใจบางอย่างในบา้ น อยากจะขอพบคุณพ่อในการนัดคร้ังต่อไป ..คดิ อยา่ งไร” ๖. การสรปุ และยุติการสัมภาษณ์หรือการใหค้ ำปรกึ ษา(Termination) ในการสัมภาษณ์ทุกครั้ง การยุติการสนทนาในตอนท้ายการสัมภาษณ์ มีความสำคัญมากเช่นกัน ในการสรุปสง่ิ ทไ่ี ด้คยุ กนั การวางแผนต่อไปว่าจะทำอะไร ตอบคำถามที่นักศึกษาอาจจะมี กำหนดการนัดหมาย คร้งั ตอ่ ไป การยุติการสมั ภาษณไ์ ดด้ จี ะชว่ ยใหน้ ักศึกษารว่ มมือมาติดตามการให้คำปรึกษา และให้รว่ มมือในการ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือ ร่วมมือในการรักษาต่อไป การสัมภาษณ์ครั้งแรกไม่จำเป็นต้องให้ได้ข้อมูลทุกอย่างครบ บางเร่ืองทน่ี ักศกึ ษายังไมพ่ ร้อมจะเปิดเผย อาจต้องรอใหน้ กั ศกึ ษาเกิดความไว้วางใจ และเปดิ เผยในครั้งต่อ ๆ ไปกไ็ ด้ “คุยกนั มานานแลว้ ไม่ทราบว่า ……อยากจะถามอะไรอาจารย์บา้ ง” “อาจารยด์ ีใจที่….ให้ความร่วมมอื ดีมาก อาจารย์อยากจะพบเพอื่ คุยกนั อีกหลงั จากน้ี” “หลังจากนี้แล้ว อาจารย์จะพบกับพ่อแม่สั้นๆ อธิบายให้ท่านเข้าใจ หลังจากนั้นจะนัดกันคร้ัง ต่อไปในสปั ดาหห์ น้า” ในกระบวนการให้คำปรึกษาระยะยาว การสนิ้ สุดการให้คำปรึกษาควรมกี ารเตรียมตัวลว่ งหน้า เพ่ือให้ นักศึกษาเตรียมใจยุติการพบปะกัน ซึ่งอาจเกิดความวิตกกงั วลต่อการพลัดพราก และอาจเกดิ อาการของความ วิตกกงั วลได้มาก ทำให้ยตุ ิการให้คำปรึกษาไดย้ าก เกิดภาวะติดผู้ให้คำปรึกษา ระบบอาจารยท์ ่ปี รกึ ษาและแนว ปฏิบตั ขิ องวทิ ยาลยั ในสงั กัดสถาบนั พระบรมราชชนก เทคนคิ การให้คำแนะนำและการใหค้ ำปรึกษา การให้คำปรึกษาแก่นักศึกษา เพ่ือให้นักศึกษามีความสุขในการเรียน เป็นงานทีส่ ำคัญของสถานศึกษา ดงั นั้นอาจารย์ท่ปี รกึ ษาและแนว จึงตอ้ งใช้เทคนิคการใหค้ ำแนะนำและการให้คำปรึกษาท่สี ำคัญ ดังนี้ ๑. การใหค้ ำแนะนำ (Advising) เปน็ วธิ ีทอ่ี าจารยท์ ่ปี รกึ ษาให้การชว่ ยเหลือแก่นักศึกษามากท่ีสุด ส่ิงที่ อาจารย์ที่ปรึกษาแนะนำนักศึกษา มักจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ กฎ ระเบียบหรือวิธีปฏิบัติที่ใช้กันอยู่เป็นประจำ เช่น การลงทะเบียนเรียน การเพิ่ม-ถอนวิชาเรียนหรือปัญหาที่อาจารย์ที่ปรึกษาซึ่งเป็นผู้ที่มีวุฒิภาวะและ ประสบการณม์ ากกวา่ สามารถช่วยนกั ศึกษาได้ ๒. การให้คำปรึกษา (Counseling) เป็นกระบวนการช่วยเหลือให้นักศึกษา เข้าใจตนเอง สภาพแวดล้อม และปัญหาที่เผชิญอยู่และสามารถใช้ความเข้าใจดังกล่าว มาแก้ปัญหา หรือตัดสินใจเลือกเป้าหมายในการ ดำเนินชีวติ ท่เี หมาะสมกบั ตนเอง ดังนนั้ เทคนคิ ในการให้คำปรกึ ษา ทส่ี ำคัญท่ีอาจารยท์ ี่ปรึกษาควรทราบ มดี งั น้ี (๑) การฟัง (Listening) เป็นการแสดงความสนใจต่อนักศึกษา โดยใช้สายตาสังเกตท่าทางและ พฤติกรรม เพื่อให้ทราบว่าอะไรเกิดขึ้นกับนักศึกษา เทคนิคการฟังนี้ประกอบด้วยการใส่ใจ ซึ่งมีพฤติกรรม ท่ปี ระกอบดว้ ยการประสานสายตาการวางท่าทางอย่างสบาย การใช้มือประกอบการพูด ที่แสดงถึงความสนใจ ต่อนักศึกษา ในการฟังนี้บางครั้งอาจารย์ที่ปรึกษาอาจสะท้อนข้อความหรือตีความให้กระจ่างชัดหรือถาม คำถามเพ่อื ให้ทราบถงึ ปญั หาและความต้องการของนักศึกษา (๒) การนำ (Leading) เปน็ การกระตุน้ ให้นักศึกษาไดส้ ำรวจ และ กลา้ แสดงออกถึงความรสู้ กึ เจตคติ ค่านยิ ม หรอื การกระทำของตน (๓) การเรียบเรียงคำพูดใหม่ (Paraphrasing) เป็นการตรวจสอบว่าอาจารย์ที่ปรึกษาเข้าใจ นกั ศึกษาในสิ่งท่ีเขาต้องการ (๔) การสะท้อนกลับ (Reflecting) เป็นการช่วยทำให้นักศึกษาเข้าใจตนเอง เกี่ยวกับความรู้สึก ประสบการณ์ หรอื ปัญหาได้อย่างถูกต้องยงิ่ ขึน้

๑๙ (๕) การเผชิญหน้า (Confrontation) เป็นเทคนิคที่อาจารย์ ที่ปรึกษาใช้ในกรณที ี่พบว่านักศึกษา มีความขัดแย้งกันในความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรม โดยการนำความขัดแย้งมานำเสนอในรูปประโยคบอกเล่า และจะใชค้ ำวา่ “และ” เช่อื มระหว่างความขัดแย้ง ๒ ประเด็น โดยห้ามใช้คำว่า “แต”่ เชือ่ มโดยเดด็ ขาดเพราะ จะเป็นการตำหนิ (๖) การตงั้ คำถาม (Questioning) อาจารยท์ ปี่ รกึ ษาควรใช้คำถามทเี่ หมาะสมและใชค้ ำถามเพือ่ ให้ ไดค้ ำตอบท่แี นช่ ดั โดยมจี ดุ มุ่งหมายจะสร้างความเขา้ ใจในแงม่ ุมต่างๆของนกั ศึกษา (๗) การตีความ (Interpretation) เป็นกระบวนการที่อาจารย์ที่ปรึกษาอธิบายความหมายของ เหตุการณ์ให้นักศึกษาได้เข้าใจปัญหาของตนเอง ในด้านอื่นที่อาจยังไม่ได้มองมาก่อน และช่วยให้นักศึกษา ได้เข้าใจถึงปญั หาของตนเองใหก้ วา้ งขวางมากยงิ่ ข้นึ (๘) การสรุป (Summarizing) เป็นเทคนิคที่อาจารย์ที่ปรึกษาใช้เพ่ือสรุปเร่ืองราวต่างๆ ของนักศึกษา อันเนื่องมาจากความรู้สึกที่สับสน เพราะมีเรื่องราวต่าง ๆ ที่เป็นปัญหามากมาย หรือสามารถใช้ในการสรุป ในโอกาสท่ีจะสน้ิ สดุ การใหค้ ำปรึกษา (๙) การให้ข้อมูล (Information) เป็นการให้ข้อมูลด้านการศึกษาอาชีพและสภาพแวดล้อมทางสังคม เพ่ือให้นักศึกษาสามารถตัดสินใจหรอื เห็นลู่ทางในการแกป้ ัญหา (๑๐) การให้กำลังใจ (Encouragement) เป็นการพูดเพื่อช่วยกระตุ้นให้นักศึกษา กล้าสู้ปัญหา เกิดความมัน่ ใจ และ พร้อมท่จี ะแกไ้ ขปัญหา (๑๑) การเสนอแนะ (Suggestion) เป็นการเสนอความคิดเห็นที่เหมาะสม เพื่อนำไปสู่การแก้ไข ปัญหาโดยเปดิ โอกาสให้ได้ใชเ้ หตผุ ลในการตัดสินใจได้ดว้ ยตนเอง คณุ ลกั ษณะของครผู ้ใู หค้ ำปรึกษา (จีน แบร่ี, ๒๕๓๘) ผู้ทจ่ี ะทำหน้าทใี่ หค้ ำปรกึ ษาได้อย่างมีประสิทธภิ าพควรมลี ักษณะสว่ นตัว ดังต่อไปนี้ ๑. รจู้ กั และยอมรับตนเอง ๒. อดทน ใจเย็น ๓. จริงใจ และตั้งใจช่วยเหลอื ผอู้ ืน่ ๔. มีทา่ ทีทเ่ี ป็นมิตร และมองโลกในแงด่ ี ๕. ไวต่อความรู้สกึ ของผอู้ ืน่ และชา่ งสงั เกต ๖. ใชค้ ำพดู ได้เหมาะสม ๗. เปน็ ผรู้ ับฟงั ทด่ี ี นอกจากน้ียังควรมีคุณลกั ษะทสี่ ำคัญ คอื มีบคุ ลิกภาพท่ีดี และการรกั ษาความลับ จรรยาบรรณของอาจารยท์ ป่ี รึกษา (สำนักงานคณะกรรมการการอดุ มศึกษา, ๒๕๕๔) ๑. คำนงึ ถึงสวัสดภิ าพและสิทธปิ ระโยชนข์ องนิสติ นักศกึ ษา ๒. รักษาความลับของนสิ ติ นกั ศึกษา ๓. พยายามช่วยเหลือนิสิต นักศึกษาจนสุดความสามารถ หากมีปัญหาใดที่เกินความสามารถ ทจ่ี ะช่วยเหลือได้ ก็ควรดำเนินการส่งต่อนสิ ิต นักศึกษา ไปรบั บริการจากผู้เชีย่ วชาญทางดา้ นน้ันโดยตรง ๔. ไม่วิพากษ์วิจารณ์บุคคลหรือสถาบันการศึกษาให้นิสิต นักศึกษาฟังในทางที่ก่อให้เกิด ความเส่ือมเสียแกบ่ ุคคลหรือสถาบัน ๕. เป็นผู้ที่มีความประพฤติที่เหมาะสมตามจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพในสาขาที่ตนสอนและ มศี ีลธรรมจรรยาทดี่ งี าม เพอ่ื เปน็ แบบอย่างทีด่ ีแกน่ สิ ิต นกั ศกึ ษา

๒๐ ๖. ปฏิบัติหน้าที่ในการให้คำปรึกษาวิชาการแก่นิสิต นักศึกษาในความดูแลทุกคนด้วยความเสมอภาค ๗. ปฏิบัตติ นด้วยความรับผดิ ชอบตอ่ ตนเอง ผอู้ นื่ สังคม และประเทศชาติ องค์ประกอบท่ีเก่ียวข้องของระบบการให้คำปรึกษา ปจั จัยนำเข้า กระบวนการ ผลผลติ -นโยบายเกี่ยวกับระบบการ -การดำเนินงานตามหน้าท่ี -มกี ารติดต่อส่ือสารระหว่างอาจารย์ ใหค้ ำปรึกษา และข้อปฏิบัติของบุคลากร และนักศกึ ษาเพ่ือให้คำปรึกษา -บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับ ในระบบการใหค้ ำปรึกษา -นกั ศึกษามีความเขา้ ใจเกีย่ วกับ ระบบการใหค้ ำปรึกษา -การปฏิบัติการให้คำปรึกษา หลักสตู ร ลักษณะรายวชิ าท่ีเรยี น -เครื่องมือและข้อมูลในการ ของอาจารย์ที่ปรึกษา ตาม วธิ ีการเรยี นและการวัดผล ใหค้ ำปรึกษา หลักการให้คำปรึกษา -นกั ศกึ ษามีความเขา้ ใจกฎระเบยี บ -ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ขอ้ บังคับ ประกาศ คำส่ัง และบริการ และการส่อื สาร ต่าง ๆ ของ สถานศกึ ษา -งบประมาณการดำเนนิ งาน -นักศึกษามคี วามพึงพอใจต่อระบบ การใหค้ ำปรึกษา -นกั ศกึ ษาสามารถปรบั ตวั และแก้ไข ปญั หาได้อย่างเหมาะสม ขอ้ มูลป้อนกลับ แผนภมู ิที่ ๑ องคป์ ระกอบที่เกย่ี วข้องของระบบการใหค้ ำปรึกษา บคุ ลากรท่ีเกย่ี วข้องกับระบบการให้คำปรกึ ษา ในสถาบันการศึกษา ระดบั อุดมศึกษา ประกอบด้วย (สำนกั งานคณะกรรมการการอุดมศึกษา, ๒๕๕๔) ๑. อธกิ ารบดี มหี น้าที่ (๑) กำหนดนโยบายให้ทุกคณะนำระบบการให้คำปรึกษาวิชาการระดับปริญญาที่ครอบคลุม การใช้คำปรึกษาวิชาการ การใช้ชีวิต และการแก้ไขปัญหาเพื่อการปรับตัวอย่างเหมาะสม สามารถใช้ชีวิต ในสถานศึกษาไดอ้ ยา่ งมคี วามสุขและศกึ ษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ (๒) แต่งตงั้ คณะกรระมการให้คำปรึกษาระดบั คณะฯและระดับสถานศึกษา (๓) ให้ความสำคัญและสนับสนุนคณะกรรมการการให้คำปรึกษา (๔) สร้างแรงจูงใจให้อาจารย์ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาระดับคณะฯและระดับสถานศึกษา ดำเนินการอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ (๕) จัดสรรบประมาณอย่างเพยี งพอ สำหรับการดำเนนิ งานและพัฒนาระบบการให้คำปรึกษา วิชาการ ใหป้ ระสบความสำเรจ็ ๒. คณะกรรมการการใหค้ ำปรกึ ษาระดบั สถาบนั มีหน้าที่ (๑) พฒั นาระบบและดำเนนิ การตามระบบการใหค้ ำปรกึ ษาวิชาการของสถาบัน

๒๑ (๒) จัดทำคู่มืออาจารยท์ ่ีปรึกษาและแบบฟอร์มต่าง ๆ ท่เี ก่ียวข้อง (๓) ประสานงานและผลักดันให้เกิดการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั ระบบการให้คำปรึกษา (๔) ประสานงานให้การอบรมอาจารย์ทีป่ รึกษาเป็นส่วนหน่ึงของการปฐมนิเทศอาจารย์ใหมท่ ุกครัง้ (๕) ประชาสมั พนั ธร์ ะบบการให้คำปรึกษาวิชาการระดบั ปริญญาทางเวบ็ ไซตข์ องสถานศึกษา (๖) ประสานงานให้ระบบการให้คำปรึกษาวิชาการระดับปริญญาเป็นส่วนหนึ่งของระบบการ ประกันคณุ ภาพการศกึ ษาของสถานศึกษาอยา่ งชดั เจน (๗) จัดให้มกี ารประเมินผลระบบงานการให้คำปรกึ ษาวชิ าการระดับปริญญาเป็นประจำทุกปีการศึกษา (๘) นำผลการประเมินระบบการให้คำปรึกษาวิชาการมาปรับปรุงระบบการให้คำปรึกษาวิชาการของ สถานศกึ ษา และของสถาบนั (๙) แจ้งผลการประเมินระบบการให้คำปรึกษาระดับปริญญาให้คณบดีทราบและปรับปรุงการ ดำเนนิ งานของระบบการใหค้ ำปรึกษาวิชาการระดบั ปริญญาของคณะและสถาบนั ๓. คณบดี มีหนา้ ที่ (๑) นำนโยบายเกีย่ วกบั ระบบการให้คำปรึกษามาถา่ ยทอดสสู่ ถานศึกษา (๒) แตง่ ตงั้ คณะกรรมการการให้คำปรกึ ษาของคณะ (๓) ให้ความสำคญั และสนับสนุนระบบการใหค้ ำปรกึ ษาของคณะ (๔) สร้างแรงจงู ใจให้อาจารย์ปฏิบตั ิหน้าท่ีในการให้คำปรึกษาแนะแนวอย่างมปี ระสิทธิภาพ (๕) จัดสรรงบประมาณ สำหรับการดำเนินงานของคณะกรรมการการให้คำปรึกษาของคณะ อยา่ งเพยี งพอ ๔. คณะกรรมการการให้คำปรกึ ษาระดับคณะ มหี น้าที่ (๑) นำระบบการให้คำปรึกษาวิชาการมาดำเนนิ การ (๒) จัดสัมมนาหรอื ฝกึ อบรมอาจารย์ทป่ี รกึ ษาวิชาการของคณะ ใหม้ ีความรู้ความ เข้าใจบทบาทหนา้ ทีแ่ ละขอ้ ปฏิบัตขิ องอาจารย์ทป่ี รกึ ษา ตลอดจนเทคนิคและทักษะในการใหค้ ำปรึกษา รวมท้ัง ทักษะการใชค้ อมพวิ เตอรเ์ พื่อการส่ือสาร (๓) จัดหาเคร่ืองมอื เพ่อื ใช้ในการให้คำปรึกษาแก่อาจารย์ท่ีปรึกษาวชิ าการระดับปรญิ ญาตรี (๔) ประสานงานกับหัวหน้าภาควิชาเพื่อจัดนิสิตนักศึกษา ให้อาจารย์ที่ปรึกษาวิชาการดูแล รับผิดชอบกลุ่มละประมาณ ๓๐ คนและเสนอแตง่ ตงั้ อาจารย์ทีป่ รกึ ษาวชิ าการ ตอ่ คณบดี (๕) จดั ใหน้ สิ ิตนักศึกษาชนั้ ปีท่ี ๑ พบอาจารย์ทีป่ รึกษาภายหลังการจัดปฐมนิเทศนิสติ นักศึกษาใหม่ (๖) เป็นที่ปรกึ ษาของอาจารย์ทป่ี รึกษาวิชาการของคณะ (๗) ศึกษาปัญหาท่ที ำให้นสิ ติ นักศึกษาจำนวนมากมีผลการเรยี นตกต่ําและหาทางแกไ้ ขปญั หาดงั กล่าว (๘) รวบรวมปัญหาและอุปสรรคของอาจารยท์ ี่ปรึกษาวิชาการของคณะ (๙) นำผลการประเมินระบบงานการให้คำปรึกษาวิชาการ และปัญหาอุปสรรคของอาจารย์ที่ปรึกษา วิชาการมาปรับปรงุ ระบบการให้คำปรึกษาวชิ าการระดบั คณะใหม้ ีประสทิ ธิภาพ (๑๐) ส่งเสริมระบบพีช่ ว่ ยน้องและเพื่อนชว่ ยเพ่ือนให้เปน็ ผูช้ ่วยอาจารยท์ ่ปี รึกษา

๒๒ ๕. หนา้ ทีข่ องอาจารย์ที่ปรกึ ษาวิชาการ (๑) หนา้ ที่ของอาจารยท์ ป่ี รึกษาด้านท่วั ไป มหี น้าที่ ๑) ทำหนา้ ท่ีเปน็ ตัวแทนของสถาบันเพ่ือดแู ลชว่ ยเหลอื นิสติ นกั ศึกษาทรี่ ับผิดชอบ ๒) ชี้แจงให้นักศกึ ษาเขา้ ใจหน้าทีข่ องอาจารย์ทปี่ รึกษาและขอ้ ปฏิบตั ิของนักศึกษา ๓) สรา้ งความสมั พนั ธอ์ ันดีกับนกั ศกึ ษาท่รี บั ผิดชอบ ในฐานะครกู บั ศิษย์ ๔) พจิ ารณาคำรอ้ งต่าง ๆ ของนกั ศึกษาในส่วนทเี่ กยี่ วข้องกับหนา้ ท่ขี องอาจารยท์ ่ปี รกึ ษาให้ทนั เวลา ๕) ประสานงานกับอาจารย์ผู้สอนและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการ สอนวชิ าการ เพ่อื ชว่ ยเหลอื นักศกึ ษาในกรณที ีม่ ีปญั หา ๖) ตดิ ต่อกบั นักศกึ ษาด้วยวิธกี ารต่างๆ โดยใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สาร ๗) เกบ็ ข้อมูลที่สำคัญของนักศกึ ษาที่รับผดิ ชอบไวเ้ ป็นความลับ ๘) ให้การรับรองนักศึกษา เมื่อนักศึกษาต้องการ นำเอกสารไปแสดงแก่ผู้อื่น เช่น การศึกษา ต่อ การขอรบั ทนุ การศกึ ษา เป็นตน้ ๙) จดั ทำระเบียนสะสมของนักศึกษาที่รบั ผดิ ชอบ ๑๐) ให้ความร่วมมือกบั คณะกรรมการการให้คำปรกึ ษาวิชาการ ระดับคณะ ๑๑) พจิ ารณาตกั เตอื นนักศกึ ษาทีม่ คี วามประพฤติ ไม่เหมาะสม หรือแต่งกายไมเ่ รียบรอ้ ย ๑๒) ประสานงานกบั ผูป้ กครองนิสิตนกั ศึกษาเมื่อนักศึกษามีปญั หา ๑๓) ติดตามนักศึกษาในความรบั ผดิ ชอบทีข่ าดเรียนหรอื มปี ัญหาอื่นๆ (๒) หนา้ ที่ของอาจารย์ทีป่ รึกษาด้านวิชาการ ๑) ให้คำแนะนำนักศึกษาในการค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับ กฎระเบียบ ข้อบังคับ หลักสูตร และวิธกี ารศึกษา ๒) ให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่นักศึกษาที่เกี่ยวกับ กฎ ระเบียบและข้อบังคับที่สำคัญมาก ซึ่งอาจ ทำให้นักศกึ ษาตอ้ งถูกลงโทษทางวนิ ยั ๓) ให้คำปรกึ ษาแก่นักศกึ ษาโดยใช้ข้อมลู ภูมิหลงั ความสนใจและความสามารถของนักศึกษา เพือ่ การวางแผนประกอบอาชพี และแผนการศึกษา ๔) ให้คำปรึกษาแกน่ ักศึกษาเกีย่ วกบั หลักสูตรและการเลือกวชิ าเรียนให้เหมาะสมกับแผนการ ศึกษาของนกั ศกึ ษาและเปน็ ไปตามหลักสตู ร ๕) วิเคราะห์ผลการเรียนและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการลงทะเบียนเรียนให้เหมาะสมกับ คะแนนเฉลีย่ สะสมของนักศกึ ษา ๖) ควบคุมการลงทะเบียนเรียนของนักศึกษาให้เป็นไปตามโครงสร้างของหลักสูตรและ ระเบียบขอ้ บังคบั ของมหาวทิ ยาลยั ๗) ให้คำปรึกษาแกน่ กั ศึกษาในการเพ่มิ -ถอนวชิ าเรียน ๘) ใหค้ ำปรกึ ษาแกน่ ักศึกษาในการเลือกวชิ าเอก-โท ๙) ใหค้ ำแนะนำแก่นกั ศกึ ษาเกีย่ วกับการเรยี นการคน้ คว้า ๑๐) ให้คำแนะนำและดแู ลอยา่ งใกลช้ ิดแก่นักศึกษาท่ีมคี ะแนนเฉลยี่ สะสมตาํ่ กวา่ ๒.๐๐ ๑๑) ให้คำปรึกษาแนะนำหรอื ชว่ ยเหลอื นักศกึ ษาเพือ่ การแก้ไขปญั หาด้านการเรยี น ๑๒) ให้คำปรกึ ษา แนะนำเกย่ี วกับการศกึ ษาต่อในระดบั ทส่ี งู ข้ึน ๑๓) ใหค้ ำแนะนำนักศึกษาให้ตรวจสอบการเรยี นรายวิชาของนกั ศกึ ษาใหค้ รบหลกั สูตร

๒๓ (๓) หน้าท่ขี องอาจารยท์ ่ีปรึกษาด้านการพฒั นานกั ศึกษา ๑) ใหค้ ำแนะนำเกยี่ วกับบริการต่างๆ ในมหาวทิ ยาลัยและชมุ ชน ๒) ให้คำปรึกษาเบื้องต้นเกี่ยวกับปัญหาทางด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิตหากมีปัญหาใดที่เกิน ความสามารถทจี่ ะช่วยเหลือได้ กค็ วรส่งต่อนักศกึ ษาไปรับบรกิ ารจากผู้เช่ยี วชาญทางดา้ นนั้นโดยตรง ๓) ให้คำปรกึ ษาเกย่ี วกบั การดำเนินชีวิตอย่างปลอดภยั ๔) ให้คำปรึกษาแนะนำทางด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรมตามปรชั ญาของมหาวิทยาลยั ๕) ใหค้ ำแนะนำเกีย่ วกบั การเข้ารว่ มกจิ กรรมนกั ศกึ ษา ๖) ให้ข้อมลู เก่ยี วกับอาชพี ที่เป็นประโยชนต์ ่อนักศกึ ษา จะเห็นได้ว่าการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนานักศึกษาให้เป็นบัณฑิตที่สมบูรณ์พร้อมนั้นมีองค์ประกอบ หลายประการ การให้คำปรึกษาวิชาการเป็นองค์ประกอบสำคัญประการหนึ่งที่จะช่วยพัฒนานักศึกษาให้เป็น บัณฑิตที่พึงประสงค์ของสังคมและถือเป็นกลไกสำคัญท่ีจะช่วยเสริมสร้างการเรยี นรู้ให้กับนกั ศึกษาโดยเฉพาะ อยา่ งยิ่ง ช่วยบรรเทาและแกไ้ ขปัญหาของนกั ศึกษาตามสภาพสงั คมที่เปล่ยี นแปลงไป

๒๔ สว่ นที่ ๓ ระบบอาจารย์ทป่ี รึกษาของสถาบนั พระบรมราชชนก สถาบันพระบรมราชชนก เป็นสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาเฉพาะทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ ที่จัดตั้งขึ้นตาม พระราชบัญญัติสถาบันพระบรมราชชนก พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามมาตรา ๗ กำหนดให้สถาบัน มีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตและพัฒนาบุคลากรตามความต้องการของกระทรวงสาธารณสุข ให้การศึกษา ส่งเสริม วิชาการและวิชาชีพ ทำการสอน ทำการวิจัย ให้บริการวิชาการแก่สังคม และทะนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม และ มาตรา ๘ (๑) ผลิตบัณฑิตและพัฒนาบุคลากรให้สอดคล้องกับแนวนโยบายแห่งรัฐ เพื่อให้มีความรู้ ความสามารถทางวิชาการและทักษะในวิชาชีพมีคุณธรรม จริยธรรม มีความสำนึกต่อสังคมและเพื่อให้มี ศักยภาพในการเรียนรู้ด้วยตนเอง ในการบัณฑิตให้ได้ผลลัพธ์ที่พึงประสงค์ ระบบอาจารย์ที่ปรึกษา มคี วามสำคญั เปน็ อย่างยิง่ จงึ กำหนดระบบอาจารยท์ ปี่ รกึ ษาของสถาบนั พระบรมราชชนก รายละเอยี ดดังน้ี นโยบายการใหค้ ำปรกึ ษาของสถาบนั พระบรมราชชนก สถาบันพระบรมราชชนก กำหนดนโยบายการให้คำปรึกษาของสถาบันพระบรมราชชนก โดยผ่าน กระบวนการมสี ว่ นรว่ มใหก้ ารระดมความคิดของอาจารย์ผู้รบั ผิดชอบการใหค้ ำปรึกษาแกน่ ักศึกษา ๑. เน้นการเคารพศกั ดศ์ิ รีความเป็นมนุษย์ และการมีสว่ นรว่ ม ๒. สนับสนุนให้มกี ารจัดบริการใหค้ ำปรึกษา ดา้ นวิชาการ และทกั ษะชีวิต มีสถานที่และสภาพแวดล้อม ที่เหมาะสมสำหรบั การใหค้ ำปรึกษาในทกุ วทิ ยาลัย ๓. สนับสนุนให้มีการจัดทำค่มู ือการใหค้ ำปรึกษาแก่นักศกึ ษา ๔. พัฒนาบคุ ลากรใหม้ ีความพรอ้ มในการให้คำปรึกษา ๕. เสริมสร้างและพฒั นาศักยภาพนกั ศึกษาให้เป็นมนุษยท์ ่สี มบรู ณ์ ๖. เสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนผ่านกระบวนทัศน์ที่เติบโต (transformative learning to growth mindset) ๗. เนน้ การดำเนินการภายใตจ้ รรยาบรรณการให้คำปรกึ ษาอย่างเคร่งครัด วตั ถุประสงค์ของระบบอาจารยท์ ป่ี รกึ ษาสถาบนั พระบรมราชชนก ๑. เพ่ือจดั ให้มบี ริการใหค้ ำปรกึ ษาทางวิชาการและการใชช้ วี ิตแก่นักศึกษาของสถาบัน ๒. เพื่อให้อาจารย์ที่ปรึกษาได้ทราบแนวทางในการให้คำปรึกษา และให้คำแนะนำนักศึกษาเกี่ยวกับ หลักสูตร การลงทะเบียนเรียน ลักษณะรายวิชา วิธีการเรียน และการวัดผลการศึกษา เพื่อให้สามารถแนะนำ นกั ศกึ ษาได้เขา้ ใจและเตรียมตวั ในการเรียน ๓. เพื่อให้การแนะนำเกี่ยวกับข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ และแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ของสถาบันพระบรมราชชนก คณะ และวิทยาลัย รวมทั้งการให้บริการและสวัสดิการต่าง ๆ ที่ทางสถาบัน พระบรมราชชนก คณะ และวทิ ยาลยั จัดให้กับนกั ศกึ ษา ๔. เพื่อให้เป็นที่พึ่งของนักศึกษา รับฟังปัญหา และให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อให้นักศึกษาสามารถ แก้ปญั หาต่าง ๆ ได้ และสามารถใชช้ วี ติ อยูใ่ นวิทยาลัยอยา่ งมีความสุข ๕. เพ่อื ช่วยเหลอื พัฒนาบุคลิกภาพของนักศึกษาใหม้ ีความสมบูรณ์ทั้งดา้ นวิชาการและวชิ าชีพ ๖. เพ่ือชว่ ยเหลือดา้ นการปรับตวั ให้นักศกึ ษาสามารถใชช้ วี ิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสขุ

๒๕ ๗. เพื่อสรา้ งความสัมพนั ธแ์ ละความเขา้ ใจอันดรี ะหว่างนกั ศึกษาและคณาจารยใ์ นวิทยาลยั เพื่อพัฒนา นกั ศึกษาใหม้ ีอัตลักษณข์ องวิทยาลยั คือ การบรกิ ารด้วยหวั ใจความเป็นมนษุ ย์ โครงสร้างการบริหารระบบการให้คำปรึกษา ของสถาบันพระบรมราชชนก สถาบันพระบรมราชชนก มีระดับการแบ่งโครงสร้างองค์กรเป็น ๓ ระดับ คือ ระดับสถาบัน ระดับ คณะ และระดับวิทยาลัย โดยการจัดการศึกษาดำเนินการที่ระดับวิทยาลัย โครงสร้างการบริหารระบบการให้ คำปรกึ ษา ของสถาบนั พระบรมราชชนก จงึ กำหนดการดำเนินการดังน้ี อธกิ ารบดี รองอธิการบดีดา้ นกิจการนกั ศึกษา คณะกรรมการการให้คำปรกึ ษาระดับสถาบนั คณบดี คณะกรรมการการให้คำปรึกษาระดับคณะ คณะกรรมการการให้คำปรกึ ษาระดับวทิ ยาลยั ผูอ้ ำนวยการวทิ ยาลยั รองผ้อู ำนวยการวิทยาลัยท่รี ับผดิ ชอบงานให้คำปรึกษา หัวหนา้ งานท่รี ับผิดชอบงานให้คำปรกึ ษา อาจารย์ที่ปรึกษา บทบาทหนา้ ท่ขี องการให้คำปรกึ ษาในแตล่ ะระดบั คณะกรรมการการใหค้ ำปรึกษาระดับสถาบนั องคป์ ระกอบ ๑. อธกิ ารบดี ทีป่ รกึ ษา ๒. รองอธิการบดีทีด่ ูแลงานดา้ นพฒั นานักศกึ ษา/กจิ การนักศึกษา ประธาน ๓. ผ้แู ทนรองคณะบดีทกุ คณะทด่ี ูแลงานด้านพฒั นานกั ศึกษา/กจิ การนักศกึ ษา กรรมการ ๔. ผ้รู บั ผิดชอบงานดา้ นพัฒนานักศกึ ษา/กจิ การนักศกึ ษาของสถาบัน กรรมการ และเลขานุการ บทบาทหน้าท่ี ๑. พัฒนาระบบและกลไกการดำเนินการดา้ นการให้คำปรึกษาของสถาบัน และเผยแพร่ผ่าน ชอ่ งทางต่าง ๆ ๒. เผยแพร่นโยบายการให้คำปรึกษาของสถาบัน ให้คณะและวิทยาลัยนำไปใช้เป็นแนวทาง ในการดำเนนิ การ ๓. จัดทำคู่มืออาจารย์ที่ปรึกษาระดับสถาบันเพื่อเป็นแนวทางการดำเนินงานให้กับคณะ และวิทยาลัย

๒๖ ๔. ประสานงานและผลักดันให้เกิดการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ทเ่ี ก่ยี วข้องกบั ระบบการใหค้ ำปรึกษา ๕. ประสานงานเพื่อจัดทำฐานขอ้ มูลที่เป็นประโยชนต์ ่อการให้คำปรกึ ษาแก่นักศึกษา และให้ ระบบการให้คำปรึกษาเปน็ ส่วนหนึ่งของระบบการประกันคุณภาพการศึกษาของสถาบนั อยา่ งชัดเจน ๖. จัดให้มีการประเมินผลระบบงานการให้คำปรึกษาเป็นประจำทุกปีการศึกษา และนำผลการ ดำเนนิ งานมาวางแผนปรบั ปรุง ๗. แจ้งผลการประเมินระบบการให้คำปรึกษาใหค้ ณบดีทราบ เพ่อื นำไปวางแผนปรับปรงุ ต่อไป ๘. หนา้ ท่ีอ่ืน ๆตามทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย คณะกรรมการการให้คำปรกึ ษาระดับคณะ องคป์ ระกอบ ๑. คณบดี ทปี่ รึกษา ๒. รองคณบดีทด่ี ูแลงานดา้ นพัฒนานักศึกษา/กิจการนักศึกษา ประธาน ๓. ผ้แู ทนรองผูอ้ ำนวยการวทิ ยาลัยท่ีดูแลงานดา้ นพฒั นานกั ศึกษา กรรมการ /กจิ การนักศึกษา ที่ได้จากการเลือกกันเอง จำนวน ๕ คน แต่ไม่เกนิ ๗ คน ๔. ผ้รู ับผดิ ชอบงานด้านพฒั นานกั ศกึ ษา/กิจการนักศึกษาของคณะ กรรมการ และเลขานุการ หมายเหตุ ทง้ั น้ีคณะอาจพิจารณาเพ่ิมผรู้ ับผดิ ชอบภารกจิ อนื่ ๆ ตามบริบทของแตล่ ะวทิ ยาลัย บทบาทหน้าท่ี ๑. จัดทำระบบและกลไกการให้คำปรกึ ษาของคณะเพื่อใช้เปน็ แนวทางในการดำเนนิ งาน ๒. นำนโยบายการใหค้ ำปรกึ ษาของสถาบันไปประยุกต์ใช้เหมาะสมกับบริบทการดำเนินงานระดับคณะ ๓. จัดสัมมนาหรือฝึกอบรมอาจารย์ทีป่ รึกษาของคณะ ให้มีความรู้ความเข้าใจบทบาทหน้าท่ี และข้อปฏิบัติของอาจารย์ที่ปรึกษา ตลอดจนเทคนิคและทักษะในการให้คำปรึกษา รวมทั้งทักษะการใช้ คอมพวิ เตอรเ์ พอื่ การส่อื สาร ๔. จัดสรรงบประมาณและพัฒนาเครื่องมือที่จำเป็นเพื่อใช้ในการให้คำปรึกษาแก่อาจารย์ ท่ปี รกึ ษาของคณะ ๕. เปน็ ทป่ี รกึ ษาของอาจารย์ทีป่ รึกษาของวิทยาลยั ๖. วเิ คราะห์ผลสำเร็จของการให้คำปรกึ ษาของนักศกึ ษาในคณะ ๗. รวบรวมปญั หาและอปุ สรรคของอาจารย์ท่ีปรึกษาของคณะ เพ่ือวางแผนการให้คำปรึกษา ภาพรวมของคณะ และร่วมกันหาทางแก้ไขปญั หา ๘. นำผลการประเมินระบบงานการให้คำปรึกษา และปัญหาอุปสรรคของอาจารย์ที่ปรึกษา มาปรบั ปรงุ ระบบการใหค้ ำปรกึ ษาระดับคณะใหม้ ีประสทิ ธิภาพ ๙. จัดกิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการให้คำปรึกษาและแนะแนวนักศึกษา เพื่อการ พัฒนางานตอ่ ไป ๑๐. หนา้ ทอี่ นื่ ๆ ตามที่ไดร้ ับมอบหมาย

๒๗ คณะกรรมการการให้คำปรึกษาระดบั วิทยาลัย องค์ประกอบ ๑. ผู้อำนวยการวิทยาลยั ทป่ี รกึ ษา ๒. รองผูอ้ ำนวยการทดี่ แู ลงานด้านพฒั นานกั ศกึ ษา/กิจการนักศึกษา ประธาน ๓. ประธานหลกั สูตรหรอื ท่มี ีชอ่ื เรยี กเป็นอย่างอนื่ กรรมการ ๔. หัวหน้าฝ่าย/งานกจิ การนักศกึ ษาหรอื ท่มี ชี อ่ื เรียกเปน็ อยา่ งอ่นื กรรมการ ๕. อาจารยฝ์ า่ ยกิจการนกั ศึกษา กรรมการ และเลขานกุ าร หมายเหตุ ทง้ั นว้ี ิทยาลัยอาจพิจารณาเพิ่มผูร้ ับผิดชอบภารกิจอนื่ ๆ ตามบริบทของแตล่ ะวทิ ยาลัย บทบาทหนา้ ที่ ๑. พัฒนาระบบและดำเนนิ การตามระบบการใหค้ ำปรกึ ษาของวทิ ยาลยั ๒. กำหนดตารางเวลาอำนวยความสะดวกให้นักศึกษาเขา้ พบ เพื่อขอคำปรึกษาแนะนำอย่าง สมำ่ เสมอ ทงั้ ในการปรกึ ษาเปน็ รายบคุ คลหรอื เป็นกลุ่ม ๔. จดั ทำคู่มืออาจารยท์ ่ปี รึกษาระดับวิทยาลยั และแบบฟอรม์ ต่าง ๆ ท่เี กย่ี วข้อง ๕. ประสานงานและผลักดันให้เกิดการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของวิทยาลัย ทเ่ี กย่ี วข้องกับระบบการให้คำปรกึ ษา ๖. ประสานงานให้การอบรมอาจารยท์ ป่ี รึกษาเปน็ สว่ นหนึง่ ของการปฐมนิเทศคณาจารย์ใหม่ทุกคร้งั ๗. ประชาสมั พนั ธร์ ะบบการให้คำปรกึ ษาทางเวบ็ ไซต์วิทยาลัย ๘. ประสานงานใหร้ ะบบการใหค้ ำปรกึ ษาเป็นสว่ นหนึ่งของระบบการประกันคณุ ภาพ การศึกษาของวทิ ยาลัยอย่างชดั เจน ๙. จดั ให้มกี ารประเมินระบบการให้คำปรกึ ษาเป็นประจำทุกปกี ารศึกษา ๑๐. นำผลการประเมินระบบการใหค้ ำปรกึ ษามาปรับปรงุ ระบบการให้คำปรกึ ษาของวทิ ยาลัย ๑๑. แจง้ ผลการประเมินระบบการให้คำปรกึ ษาของแต่ละหลกั สูตรให้ผู้อำนวยการวิทยาลยั ทราบและปรบั ปรงุ การดำเนินงานของระบบการให้คำปรกึ ษา ๑๒. หนา้ ทีอ่ ่นื ๆ ตามท่ีได้รบั มอบหมาย อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ที่ปรึกษามีหน้าที่ให้การช่วยเหลือ และแนะนำนักศึกษาให้ประสบผลสำเร็จทั้งด้านวิชาการ วิชาชีพ มีสมรรถนะ ตามศักยภาพอย่างสงู สุด รวมทั้งช่วยให้นักศกึ ษาสามารถปรับตัวและดำรงชีพในวทิ ยาลัย อย่างเหมาะสมและมีอัตลักษณ์ที่พึงประสงค์ มีความสุขในการศึกษาและการใช้ชีวิตประจำวัน อาจารย์ ท่ีปรึกษาจึงมบี ทบาทหน้าท่ี ดังตอ่ ไปนี้ ๑. หนา้ ทีข่ องอาจารยท์ ่ีปรึกษาด้านทว่ั ไป ๑.๑ ดูแลให้การช่วยเหลือนักศึกษาที่ได้รับมอบหมาย (จำนวนอาจารย์ : นักศึกษาที่ดูแล ไม่เกิน ๑:๓๐ คน) ๑.๒ สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับแนวปฏิบัติของการเป็นนักศึกษาทั้งด้านหลักสูตร การศึกษา การใช้ชวี ติ และการปรับตวั ในการศกึ ษาระดับอุดมศึกษา ๑.๓ สร้างความสัมพันธ์อันดีกับนักศึกษาที่รับผิดชอบในฐานะครูกับศิษย์ เพื่อสร้างความ ไวว้ างใจให้นกั ศกึ ษา

๒๘ ๑.๔ พจิ ารณาคำรอ้ งต่าง ๆ ของนักศึกษาในส่วนท่ีเกี่ยวข้องกับหนา้ ที่ของอาจารยท์ ี่ปรึกษาให้ ทนั เวลา ๑.๕ ประสานงานกับอาจารยผ์ ูส้ อน แหล่งฝึกและหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการ เรียนการสอนทั้งภาคทฤษฎี ภาคทดลอง ภาคปฏิบัติ และภาคสนามเพ่ือช่วยเหลือนักศกึ ษาได้ทันเวลาในกรณี ทีม่ ปี ัญหา ๑.๖ ติดต่อกับนักศึกษาด้วยวิธีการต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อพิจารณาให้คำแนะนำ ให้การ ช่วยเหลือ รวมทั้งพิจารณาให้การช่วยเหลือ ตักเตือนนักศึกษาที่มีความประพฤติไม่เหมาะสม เพื่อการ เปลย่ี นแปลงพฤติกรรม ๑.๗ เกบ็ ข้อมลู ทสี่ ำคญั ของนักศกึ ษาทรี่ บั ผิดชอบไวเ้ ปน็ ความลบั ๑.๘ ให้การรับรองเอกสารสำคัญของนักศึกษา ในกรณีต่าง ๆ เช่น การศึกษาต่อ การขอ ทุนการศึกษา เปน็ ต้น ๑.๙ ใหค้ วามรว่ มมอื กบั คณะกรรมการการให้คำปรกึ ษาวิชาการระดับคณะ ๑.๑๐ ติดตามนักศึกษาในความรับผิดชอบท่ีมีปัญหาทางพฤติกรรมที่กระทบต่อการศึกษา และการใช้ชีวิต เช่น การขาดเรียน พฤติกรรมไม่พึงประสงค์ รวมทั้งประสานงานกับผู้ปกครองนักศึกษาเมื่อ นกั ศกึ ษามปี ัญหา ๑.๑๓ หนา้ ที่อ่นื ๆ ตามทไี่ ด้รับมอบหมาย ๒. หน้าทอี่ าจารยท์ ี่ปรกึ ษาด้านวิชาการ ๒.๑ ใหค้ ำปรึกษาแก่นักศึกษาเก่ียวกับหลักสูตร การลงทะเบยี นเรียน และการเลือกวิชาเรียน ให้เหมาะสมกบั แผนการศกึ ษาของนิสิตนักศกึ ษาและเปน็ ไปตามหลักสตู ร ๒.๒ ให้คำปรึกษาแก่นักศึกษาเกี่ยวกับวิธีการเรียน การศึกษาค้นคว้าที่เหมาะสมกับวิธีการ เรยี นในแต่ละวิธี โดยคำนึงถงึ ความแตกตา่ งของนักศึกษาแต่ละบุคคล ๒.๓ ตดิ ตามและวเิ คราะห์ผลการเรยี น คะแนนเฉลีย่ สะสมของนกั ศกึ ษา ๒.๔ ให้คำแนะนำนักศกึ ษาท่ีมีความเสี่ยงด้านผลการเรียน ซึ่งอาจมีแนวโนม้ ให้ซำ้ ชั้น หรือไม่ สำเรจ็ การศกึ ษาภายในระยะเวลาท่ีกำหนด เพ่อื การแก้ไขปัญหาด้านการเรยี น ๒.๕ ให้คำปรึกษาแกน่ กั ศึกษาในการเพิม่ หรอื ถอนวชิ าทเ่ี รียน ๒.๖ ให้ขอ้ มูลเกยี่ วกบั การศึกษาต่อ การอาชีพทเ่ี ป็นประโยชน์ต่อนกั ศกึ ษา ๒.๗ หนา้ ที่อ่นื ๆตามท่ีไดร้ บั มอบหมาย ๓. หนา้ ทอ่ี าจารย์ทปี่ รกึ ษาด้านการพัฒนานักศึกษา ๓.๑ ร่วมวางแผนในการพัฒนานักศึกษาเพื่อให้บรรลุตามอัตลักษณ์ และสมรรถนะที่พึง ประสงค์ ปรัชญาของสถาบัน ๓.๒ ใหค้ ำแนะนำเกย่ี วกบั บริการ และแหลง่ การให้บรกิ ารตา่ ง ๆ ทว่ี ทิ ยาลัยจดั ใหก้ ับนกั ศึกษา ๓.๓ ให้คำปรึกษาเบื้องต้นเกี่ยวกบั ปญั หาด้านสขุ ภาพกายและสุขภาพจติ หากมปี ัญหาใดที่ เกินความสามารถท่ีจะชว่ ยเหลือได้ ก็ควรสง่ ต่อนักศกึ ษาไปรับบรกิ ารจากผ้เู ชี่ยวชาญทางด้านน้ันโดยตรง ๓.๔ ให้คำปรกึ ษาเก่ียวกับการดำเนนิ ชวี ิตอย่างปลอดภัย และมีความสขุ ๓.๕ ให้คำปรึกษาแนะนำดา้ นคุณธรรม จริยธรรมตามปรัชญาของสถาบนั การศึกษา ๓.๖ ให้คำแนะนำเก่ียวกับการเขา้ ร่วมกจิ กรรมพัฒนานักศึกษา และกจิ กรรมเสริมหลกั สูตร รวมทั้งกิจกรรมจิตอาสา

๒๙ ๓.๗ หนา้ ท่อี น่ื ๆ ตามทไ่ี ด้รบั มอบหมาย สถาบันพระบรมราชชนก มีวิทยาลัยในสังกัดจำนวน ๓๙ วิทยาลัย การให้คำปรึกษาแก่นักศึกษาจึงใช้ ระบบที่หลากหลายกันตามบริบทของแต่ละวิทยาลัย เช่น ระบบครอบครัวเสมือน ระบบครอบครัวเดียวกัน ระบบพี่กับน้อง ระบบเถาว์ แต่ไม่ว่าจะใช้ระบบใด ทุกระบบการให้คำปรึกษามีเป้าหมา ยเดียวกัน คือ การพฒั นานักศึกษาใหเ้ ป็นบัณฑติ ดา้ นวิทยาศาสตร์สุขภาพที่สมบูรณ์พร้อมทั้งด้านความรู้ มคี ุณธรรม สามารถ ปฏิบัติงานได้อย่างมีความสุข มีอัตลักษณ์และคุณลักษณะบัณฑิตที่พึงประสงค์ตามที่กำหนดนั้น ดังนั้นเพื่อให้ การดำเนิน การดูแลนักศึกษาของวิทยาลัยในสังกัดสถาบันพระบรมราชชนกมีรูปแบบการดำเนินการที่สอด คล้องกับบริบทของการจัดการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ กองกิจการนักศึกษาและกิจการพิเศษ ร่วมกับ อาจารย์ผู้รับผิดชอบงานด้านการให้คำปรึกษานักศึกษา จึงได้จัดทำคู่มืออาจารย์ที่ปรึกษาและการบริการให้ คำปรึกษา เพ่อื ใช้เปน็ แนวทางในการดำเนนิ การด้านการให้คำปรึกษาใหม้ ีประสทิ ธิภาพตอ่ ไป

๓๐ ระบบและกลไกการใหค้ ำปรกึ ษาแกน่ ักศึกษาสถาบนั พระบรมราชชนก ผูร้ บั ผดิ ชอบ กระบวนการดำเนนิ งาน อธกิ ารบดี - กำหนดนโยบายระบบการใหค้ ำปรึกษาแกน่ กั ศกึ ษาสบช. - แต่งตัง้ คณะกรรมการใหค้ ำปรึกษาฯ ระดับสถาบัน แต่งตง้ั คณะกรรมการ - จัดสรรงบประมาณ ดำเนินงานและพัฒนาระบบการใหค้ ำปรึกษาฯ รายงานผลการดำเนินงาน คณะกรรมการการให้ - จัดทำระบบและกลไกการดำเนินงานด้านการให้คำปรึกษาแก่ คำปรึกษาแก่นกั ศกึ ษาสถาบนั นักศกึ ษาสบช. พระบรมราชชนก ระดบั - พัฒนาและปรับปรุงระบบการใหค้ ำปรึกษาของสถาบัน สถาบนั และกองกิจการ - จดั ทำคู่มืออาจารยท์ ี่ปรึกษาฯ ทีเ่ กี่ยวข้อง นกั ศกึ ษาและกิจการพิเศษ - แต่งตง้ั คณะกรรมการการให้คำปรกึ ษาฯ ระดับคณะ พัฒนาและปรบั ปรงุ ระบบ - จดั สรรงบประมาณสำหรับการดำเนนิ งานของคณะอยา่ งเพยี งพอ การใหค้ ำปรึกษาของ สถาบัน - ควบคมุ กำกับการดำเนินงานอาจารย์ท่ปี รึกษาของวิทยาลยั ใน สงั กัด คณบดี - ติดตาม ประเมินผลการดำเนินงานการใหค้ ำปรกึ ษาของวิทยาลยั ในสงั กัด แต่งต้งั คณะกรรมการ - พัฒนาและปรบั ปรุงระบบการใหค้ ำปรึกษาของคณะ รายงานผลการดำเนินงาน คณะกรรมการให้คำปรึกษา ระดบั คณะ พฒั นาและปรบั ปรงุ ระบบ การใหค้ ำปรกึ ษาของคณะ ผูอ้ ำนวยการวทิ ยาลยั - กำหนดนโยบายระบบการให้คำปรึกษาแก่นกั ศกึ ษาสบช. - จัดสรรงบประมาณสำหรับการดำเนินงานของวทิ ยาลยั แต่งตัง้ คณะกรรมการ - จัดทำระบบและกลไก ระดบั วิทยาลยั คณะกรรมการใหค้ ำปรกึ ษา - ควบคุม กำกับ ดแู ล ให้มีการดำเนินการตามระบบทก่ี ำหนดไว้ ระดับวิทยาลยั - ประเมินผลการดำเนินงานการใหค้ ำปรกึ ษาของวิทยาลัย - รายงานผลการดำเนนิ งาน (๑) ปัญหาอปุ สรรค (๒) รายงานผลการให้คำปรกึ ษา เฉพาะราย/กลุม่ ที่มีปัญหา เชน่ ตอ้ งส่งตอ่ ผู้เชยี่ วชาญ, พักการศึกษา, ลาออก โดยมี รายละเอยี ดพอสังเขปและผลลัพธ์

๓๑ เอกสารอา้ งอิง จนี แบรี่. (๒๕๓๘). ค่มู ือการฝกึ ทักษะในการให้คำปรกึ ษา. กรงุ เทพฯ : โรงพิมพ์จฬุ าลงกรณ์ มหาวทิ ยาลัย. ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรอ่ื ง มาตรฐานการอุดมศึกษา. (๒๕๖๑. ๑๗ สิงหาคม). ราชกจิ จานุเบกษา. (๒๕๖๒). เล่ม ๑๓๕ ตอนพเิ ศษ ๑๙๙ ง หนา้ ๑๙. พนม เกตุมาน. (๒๕๖๒). “การให้คำปรึกษานักศึกษา”. สืบค้นเม่ือ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ จากhttps:// drpanom.wordpress.com/2019/ 06/08/ พระราชบัญญัติสถาบันพระบรมราชชนก. (๒๕๖๒. ๕ เมษายน). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๑๓๖ ตอนท่ี ๔๓ ก หนา้ ๔๐. พระราชบัญญัติการอุดมศึกษา. (๒๕๖๒. ๑ พฤษภาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๕๗ ก หนา้ ๕๔. สามารถ อัยกร. (๒๕๕๙). “บทบาทของอาจารย์ที่ปรึกษาในสถาบันอุดมศึกษา” JOURNAL OF NAKHONRATCHASIMA COLLEGE. Vol.10 No.2 July – December 2016 สถาบันพระบรมราชชนก. (๒๕๔๐). จากวันนั้นถึงวันนี้กึ่งศตวรรษการจัดการศึกษาและพัฒนา กำลงั คนด้านสขุ ภาพ กระทรวงสาธารณสุข. กรงุ เทพฯ : องคก์ ารสงเคาระหท์ หารผ่านศกึ . สถาบันพระบรมราชชนก. (๒๕๕๔). คู่มือการดำเนินงานเพื่อให้เกิดอัตลักษณ์บัณฑิตสถาบัน พระบรมราชชนก สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสขุ กระทรวงสาธารณสุข. นนทบรุ ี : ยุทธรนิ ทรก์ ารพิมพ.์ สลกั จติ ศรีธราดล และจริ าพร บุญช่วย. (๒๕๕๗). รายงานการวจิ ยั บทบาทอาจารยท์ ่ปี รึกษาทค่ี าดหวัง ทปี่ ฏิบตั ิจรงิ และปญั หาเกยี่ วกับระบบอาจารยท์ ่ีปรกึ ษา. คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่. สำนักงานคณะกรรมการการอดุ มศึกษา. (๒๕๕๔). คมู่ ือการใชร้ ะบบการใหค้ ำปรึกษาวิชาการระดบั ปริญญาตรสี ถาบนั อดุ มศึกษาของรัฐ. กรุงเทพ. สหมติ รพริน้ ต้งิ แอนด์พับลสิ ชิ่ง จำกดั .

๓๒ ภาคผนวก

๓๓ แบบการคัดกรองนักศึกษารายบุคคล นักศึกษาหลักสตู ร..........................................ชั้นปที .ี่ ..... ร่นุ ท.่ี ..... ภาคการศึกษาท่ี.....ปกี ารศึกษา.............. ช่ืออาจารย์ทป่ี รกึ ษา.................................................................................................................................... ชื่อนักศกึ ษา...............................................................................................................เลขที่......................... 1. ด้านความสามารถ  ปกติ  เสยี่ ง  มปี ัญหา 1.1 ดา้ นการเรยี น  ปกติ  เสีย่ ง  มปี ญั หา [ ] ผลการเรียนเฉล่ยี 1.50 - 1.99 [ ] ผลการเรียนเฉลย่ี 2.00 - 2.20 [ ] ผลการเรียนเฉล่ีย 2.21 - 2.50 [ ] ผลการเรยี นเฉลย่ี 2.51 ขึ้นไป [ ] มาเรยี นสาย 2 ครัง้ ต่อสัปดาห์ [ ] อา่ น แปล ภาษาองั กฤษ ไม่คล่อง [ ] ขาดเรียนบ่อยโดยไม่มีสาเหตุ [ ] ตดิ I รายวิชา............................................. [ ] ตดิ D 2 รายวชิ าขึ้นไป [ ] ไมส่ ่งรายงานรายวิชา.................................. [ ] อ่นื ๆ ระบุ………………….…………..........................................................................................… 1.2 ดา้ นความสามารถอน่ื ๆ  ปกติ  เสย่ี ง  มปี ัญหา [ ] มี ระบุ ......................................................................................................................… [ ] ไมม่ ี (ไม่ชดั เจนในความสามารถด้านอน่ื นอกจากด้านการเรียน) 2. ด้านสขุ ภาพกาย  ปกติ  เสย่ี ง  มปี ัญหา [ ] ไม่มโี รคประจำตวั [ ]ปว่ ยเป็นโรครา้ ยแรง/เร้ือรงั [ ] มีโรคประจำตัว [ ]มีความบกพร่องทางการไดย้ นิ [ ] มีปัญหาดา้ นสายตา [ ]อนื่ ๆ ระบุ…………………………….……………… 3. ด้านสุขภาพจติ และสมั พันธภาพ  ปกติ  เสยี่ ง  มปี ัญหา 1) ด้านอารมณ์ [ ] ปกติ [ ] เสย่ี ง [ ] มปี ัญหา 2) ด้านความสมั พนั ธ์กบั เพ่ือน [ ] ปกติ [ ] เสย่ี ง [ ] มปี ญั หา 3) ดา้ นความสัมพันธก์ บั อาจารย์ [ ] ปกติ [ ] เส่ยี ง [ ] มปี ัญหา 4) ดา้ นความสัมพันธก์ ับบดิ ามารดา [ ] ปกติ [ ] เสย่ี ง [ ] มปี ัญหา 5) ดา้ นความสมั พันธก์ บั ผปู้ กครอง [ ] ปกติ [ ] เสย่ี ง [ ] มีปัญหา 4. ดา้ นครอบครวั  ปกติ  เส่ยี ง  มีปัญหา 4.1 สถานะทางเศรษฐกจิ  ปกติ  เสี่ยง  มีปัญหา [ ] รายไดค้ รอบครวั เพยี งพอต่อการใชจ้ ่าย [ ] ยงั ไมไ่ ด้ชำระค่าลงทะเบียนเรยี น [ ] รายไดค้ รอบครัวตำ่ กวา่ 3,000บาทต่อเดือน [ ] มภี าระหนสี้ ินจำนวนมาก [ ] ไม่มีเงินพอรบั ประทานอาหารกลางวนั [ ] บิดาหรือมารดาไม่ได้ทำงาน [ ] ไม่มีเงนิ ซ้ืออุปกรณ์การเรียน [ ] บดิ าและมารดาไม่ไดท้ ำงาน [ ] อน่ื ๆ ระบุ ............................................................................................................................… หมายเหตุ สามารถนำไปปรับใช้ตามบรบิ ทของแตล่ ะวิทยาลัย

๓๔ 4.2 สถานะของบิดามารดา  ปกติ  เส่ียง  มปี ัญหา [ ] พ่อแม่อยู่ดว้ ยกัน [ ] ครอบครัวรักใคร่กันดี [ ] พ่อแม่แยกทางกนั หรอื หยา่ [ ] มีความขดั แยง้ /ทะเลาะกันในครอบครวั [ ] บิดาหรอื มารดาเจบ็ ปว่ ยด้วยโรคเร้อื รงั [ ] บิดาและมารดาเจบ็ ป่วยดว้ ยโรคเรือ้ รงั [ ] บดิ าหรือมารดาทุพพลภาพ [ ] บิดาและมารดาทุพพลภาพ [ ] บิดาหรือมารดาเสียชวี ิต [ ] บิดาและมารดาเสียชีวิต [ ] อื่น ๆ ระบุ…………………………………………………………………………………………….………………… หมายเหตุ สามารถนำไปปรับใชต้ ามบรบิ ทของแต่ละวิทยาลัย 5. ดา้ นความประพฤติ  ปกติ  เสี่ยง  มปี ญั หา [ ] ความประพฤตเิ รยี บร้อย [ ] เคยไดร้ ับการตักเตือนจากอาจารย์ ดว้ ยวาจา [ ] เคยได้รบั การพิจารณาโทษระดบั 1 [ ] เคยได้รับการพจิ ารณาโทษระดบั 2 [ ] เคยได้รบั การพจิ ารณาโทษระดับ 3 [ ] อืน่ ๆ ระบุ………………………………………………… สรุป จากภาพรวมจากขอ้ มลู ท้งั 5 ดา้ น นกั ศึกษาจดั อยใู่ นกล่มุ  ปกติ หมายถงึ ปกตใิ นทกุ ดา้ นท่ีคดั กรอง  เสยี่ ง หมายถึง มีบางด้านปกตแิ ละเสี่ยง  มปี ัญหา หมายถงึ มีบางดา้ นปกติ/เสี่ยง/มปี ญั หา (หากมีปญั หาแม้ด้านเดียวให้ลงสรปุ ว่ามปี ัญหา) ลงชือ่ อาจารย์ผปู้ ระเมนิ .............................................................. (...............................................................) วนั เดอื นปที ่ปี ระเมนิ ..................................................................... หมายเหตุ สามารถนำไปปรับใช้ตามบรบิ ทของแต่ละวทิ ยาลัย

๓๕ แบบบันทกึ การคัดกรองนกั ศึกษาในความดแู ล คำช้แี จง ใหบ้ นั ทกึ ผลการคดั กรองนักศึกษา โดยทำเครื่องหมาย √ ใหต้ รงกบั เกณฑก์ ารคดั กรอง ท่ี ช่อื -สกุล ดา้ นการเรียน ดา้ นสขุ ภาพกาย ด้านสุขภาพจติ และ ด้านครอบครวั ด้านเศรษฐกจิ ดา้ นความประพฤติ สมั พนั ธภาพ ปกติ เส่ียง ปัญหา ปกติ เส่ียง ปัญหา ปกติ เสีย่ ง ปญั หา ปกติ เสย่ี ง ปญั หา ปกติ เสีย่ ง ปญั หา ปกติ เสย่ี ง ปัญหา 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 หมายเหตุ สามารถนำไปปรับใชต้ ามบรบิ ทของแตล่ ะวิทยาลัย ๓๕

บันทกึ การให้คำปรกึ ษานกั ศกึ ษา ๓๖ อาจารย์ท่ีปรึกษา.................................................................................................. การตดิ ตามเร่ืองท่ใี ห้คำปรกึ ษา ระหวา่ งวนั ที่ ...................................................... ในรอบกอ่ น ลำดับ ชื่อ-สกุลนกั ศึกษา ชั้นปี วนั ท่พี บ / ประเดน็ การพบพูดคุย ท่ี ให้คำปรกึ ษา ใหค้ ำปรกึ ษา 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. หมายเหตุ สามารถนำไปปรับใชต้ ามบรบิ ทของแตล่ ะวิทยาลยั ๓๖

๓๗ แผนการพฒั นานกั ศกึ ษา (รายคน) อาจารย์ที่ปรกึ ษา ................................................................................... ลำดบั ชื่อ-สกุล ชั้น ประเดน็ ทีต่ อ้ งพัฒนา กจิ กรรม/วิธกี ารพัฒนา ระยะเวลาในการ ผลการพัฒนานกั ศกึ ษา ปญั หาอุปสรรคที่ ที่ นักศกึ ษา ปี (รายละเอียด) ดำเนนิ การ/ พบ/แนวทางการ พฒั นา วางแผนการ ดำเนนิ งานตอ่ ไป หมายเหตุ สามารถนำไปปรับใช้ตามบรบิ ทของแตล่ ะวิทยาลยั ๓๗

๓๘ แบบบันทึกการสง่ ต่อนกั ศึกษา เรื่อง ขอความอนุเคราะห์ดูแลช่วยเหลือนกั ศกึ ษา เรยี น ………………………………………………………………….………………………………………………..……………………… สิง่ ทีส่ ่งมาด้วย …………….…………………….………………….…………………………………………………………………….… ดว้ ยนักศกึ ษาชื่อ……………...….............................................. หลักสูตร........................................ ช้ันปที .่ี ............. เลขท.ี่ ................มีพฤตกิ รรมสรปุ ได้ดงั น้ี ............................................................................................................................... ............................................... .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ไดด้ ำเนนิ การช่วยเหลือแล้วดงั น้ี ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. และยังพบพฤติกรรมดังต่อไปนี้ ............................................................................................................................. ................................................. ....................................................................................................................................................................... ....... ........................................................................................................................... ................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ข้อเสนอแนะอื่น ๆ ......................................................................................................................................... ..................................... ............................................................................................. ................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. จงึ เรียนมาเพ่ือขอความร่วมมือชว่ ยเหลือ ติดตาม แกไ้ ขปัญหา นกั ศึกษาดังกล่าวและได้ผล ประการใดกรณุ าแจง้ ใหท้ ราบด้วยจะเปน็ พระคุณยง่ิ ลงชอื่ อาจารย์ท่ีปรกึ ษา/อาจารยง์ านให้คำปรกึ ษา/อาจารยป์ ระจำช้ัน ................................................................. (.................................................................) วัน/เดอื น/ป.ี ................................................................ หมายเหตุ สามารถนำไปปรับใช้ตามบริบทของแตล่ ะวทิ ยาลัย

๓๙ แบบบนั ทกึ การใหค้ ำปรกึ ษา/แนะนำ คร้ังที่................ วนั ท.่ี ...................เดือน.....................................พ.ศ......................... ชือ่ -สกุลนักศึกษา (นาย/นาง/นางสาว).............................................................................ชน้ั ปที ี่.......................... หลักสูตร...........................................................................สาขาวชิ า(ถา้ มี)............................................................ ช่องทางตดิ ตอ่ อาจารยท์ ี่ปรึกษา ประเด็นการปรึกษา  มาพบด้วยตนเอง  ดา้ นการเรียน  โทรศัพท์  ดา้ นการปรบั ตวั  ผ่านระบบออนไลน์  ด้านครอบครวั  อ่ืน ๆ ระบุ..............................................  ดา้ นเศรษฐกจิ  อ่นื ๆ ระบ.ุ ............................................. ประเด็นการปรกึ ษา การใหค้ ำปรกึ ษา/แนะนำ/การเชว่ ยเหลือ ผลท่ีไดร้ ับ เวลาใหค้ ำปรึกษา.......................................................................................รวมประมาณ.............................นาที ลงชือ่ ...................................................... (............................................................) อาจารยท์ ป่ี รกึ ษา หมายเหตุ สามารถนำไปปรับใแชบ้ตบามราบยรงิบาทนขกอางรแปตฏ่ลิบะัตวทิหยนาา้ ลทัยี่อาจารยท์ ่ีปรกึ ษา

๔๐ เลขท่หี นังสอื ........................................ วิทยาลยั ...................................................... วันท่.ี ..............เดือน.......................พ.ศ.................. เรือ่ ง รายงานการปฏิบตั งิ านในหนา้ ทอี่ าจารย์ท่ีปรึกษา เรยี นผ้อู ำนวยการวทิ ยาลัย........................................................................................ ตามคำส่ังท.่ี ...................................วิทยาลยั .................................มอบหมายให้ขา้ พเจา้ เปน็ อาจารย์ท่ี ปรึกษานักศกึ ษา ประจำปีการศกึ ษา......................จำนวนรวม...................คน รายละเอียด ดงั น้ี นักศกึ ษาชน้ั ปที ่ี ๑ จำนวน...........................คน นักศึกษาชน้ั ปที ี่ ๒ จำนวน...........................คน นกั ศึกษาชั้นปที ่ี ๓ จำนวน...........................คน นกั ศกึ ษาชน้ั ปที ่ี ๔ จำนวน...........................คน ขอรายงานผลการปฏบิ ัตงิ านประจำภาคการศึกษาท.่ี .......................ปกี ารศึกษา........................................ดงั นี้ ๑. นักศกึ ษามาพบเพือ่ ขอรบั คำปรกึ ษา/แนะนำ จำนวน..............................ครั้ง ๒. ประชุมนักศึกษาทป่ี รกึ ษาจำนวน............................ครง้ั ๓. ผลการเรยี นของนักศึกษา  สอบผ่านทกุ รายวชิ า จำนวน................คน  สอบผา่ นบางรายวชิ า จำนวน................คน  พ้นสภาพ จำนวน................คน  ลาพักการศกึ ษา จำนวน................คน  ลาออก จำนวน................คน  อนื่ ๆ (ระบ)ุ ................ จำนวน................คน ๔. การส่งต่อนักศึกษาเพ่อื เข้ารบั การชว่ ยเหลอื /คำแนะนำจากผเู้ ชยี วชาญ จำนวน........................คน ประเด็นการส่งต่อ........................................................................................................................... ............................................................................................................................. .......................... ๕. เรอื่ งอ่นื ๆ ระบ.ุ ............................................................................................................................. จงึ รัยนมาเพื่อโปรดทราบและพจิ ารณา ลงชือ่ ...................................................... (............................................................) อาจารยท์ ่ปี รกึ ษา หมายเหตุ สามารถนำไปปรับใช้ตามบริบทของแต่ละวิทยาลัย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook