เร่ืองทวั่ ไปของประเทศไทยชื่อทวั่ ไป : ประเทศไทย, เมืองไทย, ไทย (Thailand)ชื่ออย่างเป็ นทางการภาษาไทย : ราชอาณาจกั รไทยชื่ออย่างเป็ นทางการภาษาองั กฤษ : The Kingdom of Thailandพระประมุข : พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ภูมิพลอดุลยเดชมหาราชหน่วยเงนิ : บาท (THB)เขตเวลา (Time Zone) : UTC+7 หรือ GMT+7 (เร็วกวา่ เวลามาตรฐานกรีนนิช 7 ชว่ั โมง)รหัสโทรศัพท์ระหว่างประเทศ : 66 (การโทรศพั ทม์ ายงั ประเทศไทยใหก้ ด +66 ตามดว้ ยหมายเลขปลายทาง)สัตว์ประจาชาติ : ชา้ งดอกไม้ประจาชาติ : ดอกราชพฤกษ์ หรือดอกคูน (อีสาน) หรือ ดอกลมแลง้ (เหนือ)ภาษาราชการ : ภาษาไทย (Thai)ธงชาติ : เป็นธง 3 สี 5 แถบ โดยมีสีแดงอยแู่ ถบที่ 1 และแถบที่ 5 มีสีขาวอยแู่ ถบท่ี 2 และแถบท่ี4 และมีสีน้าํ เงินอยแู่ ถบท่ี 3ลกั ษณะทางภูมศิ าสตร์ทวปี : เอเชียอนุทวปี : เอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้พกิ ดั ทตี่ ้ัง :- ทิศเหนือ จรดเส้นรุ้ง 20 องศา 25 ลิบดา 30 ฟิ ลิบดา เหนือ- ทิศใต้ จรดเส้นรุ้ง 5 องศา 37 ลิบดา- ทิศตะวนั ออก จรดเสน้ แวง 105 องศา 37 ลิบดา 30 พลิ ิบดา- ทิศตะวนั ตก จรดเสน้ แวง 97 องศา 22 ลิบดา ตะวนั ออกพืน้ ที่ : ประเทศไทยมีพ้ืนที่ 513,115 ตารางกิโลเมตร (198,115 ตารางไมล)์ หรือ 320 ลา้ นไร่ มีขนาดใหญ่เป็นอนั ดบั ที่ 50 ของโลก อนั ดบั 12 ของทวปี เอเชีย และอนั ดบั 3 ในเอเชียตะวนั ออก
เฉียงใต้ รองจากประเทศอินโดนีเซียและประเทศพม่าพรมแดน :- ทิศเหนือ ติดกบั ประเทศพม่า และ สปป.ลาว จุดสูงสุดอยทู่ ่ี อาํ เภอแม่สาย จงั หวดั เชียงราย- ทิศใต้ ติดกบั ประเทศมาเลเซียและทะเลอ่าวไทย จุดต่าํ สุดอยทู่ ี่ อาํ เภอเบตง จงั หวดั ยะลา- ทิศตะวนั ออก ติดกบั ประเทศกมั พชู าและ สปป.ลาว จุดตะวนั ออกสุดอยทู่ ่ี อาํ เภอศรีเมืองใหม่ จงั หวดั อุบลราชธานี- ทิศตะวนั ตก ติดกบั ประเทศพม่าและทะเลอนั ดามนั จุดตะวนั ตกสุดอยทู่ ี่ อาํ เภอแม่สะเรียง จงั หวดั แม่ฮ่องสอน แผนท่ีประเทศไทยและอาเซียนลกั ษณะภูมศิ าสตร์แยกตามภาคภาคเหนือ เป็นพ้นื ที่สูง มียอดเขาสูงสลบั ซบั ซอ้ นมากมาย มีเทือกเขาสาํ คญั คือเทือกเขาถนนธงชยั ซ่ึงยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทยคือดอยอินทนนท์ (สูง 2,565 เมตรจากระดบั น้าํ ทะเล)อยบู่ นเทือกเขาน้ี โดยต้งั อยใู่ นอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนทจ์ งั หวดั เชียงใหม่ ภาคเหนือยงั เป็นตน้ กาํ เนิดของแม่น้าํ สายสาํ คญั หลายสาย เช่น แม่น้าํ ปิ ง แม่น้าํ วงั แม่น้าํ ยม แมน่ ้าํ น่าน (แม่น้าํ ท้งั4 สายน้ีรวมกนั เกิดเป็นแม่น้าํ เจา้ พระยา) แม่น้าํ กก แม่น้าํ รวก แม่น้าํ สาย และแม่น้าํ เมย เป็นตน้นอกจากน้ีภาคเหนือยงั เป็นพ้นื ที่ป่ าไมท้ ี่สาํ คญั ของไทยดว้ ย
แผนท่ีภาคเหนือของไทย ภูมิประเทศภาคเหนือเป็นเทือกเขาสูงสลบั ซบั ซอ้ นภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ หรือที่คนไทยนิยมเรียกส้ันๆวา่ ภาคอีสาน มีลกั ษณะพ้ืนที่ส่วนใหญ่เป็นที่สูงหรือที่ราบสูง เรียกวา่ ที่ราบสูงโคราช มีภูเขาสูงอยทู่ ว่ั ไป ภาคอีสานเป็นพ้นื ท่ีที่แหง้ แลง้ท่ีสุดของไทย ดินไม่ค่อยเหมาะสมต่อการเพาะปลูกมากนกั แต่กลบั เป็นพ้ืนท่ีสามารถปลูกขา้ วพนั ธุ์ดีที่สุดของไทย (ขา้ วหอมมะลิ) ไดผ้ ลผลิตดีที่สุด แม่น้าํ สายสาํ คญั ของภาคอีสานคือแม่น้าํมูล แม่น้าํ ชี และแม่น้าํ โขง
แผนที่ภาคอีสานของไทย ภาคอีสานแหล่งปลูกขา้ วหอมมะลิท่ีสาํ คญัภาคกลาง เป็นท่ีราบลุ่มกวา้ งใหญ่ เรียกวา่ พ้ืนที่ลุ่มน้าํ เจา้ พระยา เป็นแหล่งเพาะปลูกท่ีสาํ คญั ท่ีสุดของประเทศ และเป็นแหล่งปลูกขา้ วท่ีสาํ คญั ท่ีสุดแห่งหน่ึงของโลก นอกจากแม่น้าํ เจา้ พระยาแลว้ ยงั มีแม่น้าํ ป่ าสกั (หรือแม่น้าํ ท่าจีน) เป็นแม่น้าํ สายรองอีกดว้ ย ทาํ ใหภ้ าคกลางมกั ไม่ประสบภาวะน้าํ แลง้
แผนท่ีภาคกลางของไทย ภาคกลางแหล่งปลูกขา้ วท่ีสาํ คญั ของโลกภาคใต้ มีพ้นื ท่ีเป็นทิวเขาสูงสลบั ที่ราบลุ่มและชายหาดทะเล เป็นแหล่งปลูกยางพาราท่ีใหญ่ท่ีสุดในประเทศไทย นอกจากน้ียงั เตม็ ไปดว้ ยหมู่เกาะท่ีสวยงามท้งั ฝ่ังอ่าวไทยและฝ่ังทะเลอนั ดามนันอกจากอาชีพปลูกยางพาราและอาชีพบริการดา้ นการท่องเที่ยวแลว้ ประชากรในภาคใตย้ งัประกอบอาชีพประมงและเหมืองแร่ดว้ ย
แผนที่ภาคใตข้ องไทย อ่าวมาหยา สถานที่เท่ียวยอดนิยมภาคตะวนั ออก พ้ืนที่ของภาคตะวนั ออกเป็นพ้ืนที่ลกั ษณะผสมผสาน กล่าวคอื ทางฝั่งตะวนั ออกของภาคเป็นเทือกเขาสูง ซ่ึงเป็นเสน้ พรมแดนระหวา่ งประเทศไทยและประเทศกมั พชู าตอนกลางของภาคเป็นท่ีราบซ่ึงเหมาะสมต่อการเพาะปลูก ผลผลิตหลกั ของพ้ืนที่ส่วนน้ีคือผลไม้เช่น ทุเรียน เงาะ มงั คุดและมะม่วง เป็นตน้ ส่วนทางฝั่งตะวนั ตกเป็นพ้นื ท่ีชายทะเลท่ีสวยงามและไดร้ ับความนิยมจากนกั ท่องเท่ียวทวั่ โลก เช่น พทั ยา บางแสน สัตหีบ หาดแม่ราํ พงึ หาดบา้ นเพ และแหลมแม่พมิ พเ์ ป็นตน้
แผนที่ภาคตะวนั ออกของไทย พทั ยา เมืองท่องเท่ียวชื่อกอ้ งโลกภาคตะวนั ตก พ้นื ที่ของภาคตะวนั ตกจะมีพ้ืนท่ี 3 ลกั ษณะผสมกนั กล่าวคือ ดา้ นตะวนั ตกที่ติดกบัประเทศพม่าจะเป็นทิวเขาสูงสลบั ซบั ซอ้ น เป็นป่ าไมท้ ่ีสาํ คญั แห่งหน่ึงของประเทศ เป็นท้งั ป่ าตน้ น้าํ และแหล่งอุทยานแห่งชาติขนาดใหญ่ เช่น อทุ ยานแห่งชาติแก่งกระจาน ตอนกลางของภาคเป็นท่ีราบลุ่มสามารถเพาะปลูกไดผ้ ลดี ส่วนดา้ นตะวนั ออกเป็นส่วนท่ีติดกบั ทะเล จึงเป็นแหล่งท่องเท่ียวที่สาํ คญั และมีช่ือเสียง เช่น หวั หินและชะอาํ เป็นตน้ นอกจากน้ีประชากรทางฝ่ังตะวนั ออกบางส่วนยงั ประกอบอาชีพประมงดว้ ย
แผนท่ีภาคตะวนั ตกของไทย ชายทะเลหวั หิน ที่เที่ยวสุดคลาสสิคลกั ษณะภูมอิ ากาศประเทศไทยมีลกั ษณะภูมิอากาศแบบร้อนช้ืน ซ่ึงหมายถึงมีอากาศร้อนและมีความช้ืนสูง แบ่งออกเป็น 3 ฤดู คือฤดูหนาว ฤดูฝน และฤดูร้อน โดยที่ฤดูหนาวเริ่มต้งั เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกมุ ภาพนั ธ์ ฤดูร้อนเริ่มต้งั แต่เดือนมีนาคมถึงเดือนถึงเดือนพฤษภาคม และฤดูฝนเร่ิมต้งั แต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนตุลาคม ยกเวน้ ทางภาคใตจ้ ะมีเพยี งแค่ 2 ฤดูเท่าน้นั คือฤดูร้อนและฤดูฝน (ฤดูหนาวของภาคอื่นจะกลายเป็นฤดูฝนเพิม่ เติมใหภ้ าคใตน้ อกเหนือไปจากฤดูฝนตามปกติ)
แม่คะนิ้งหรือน้าํ คา้ งแขง็ มกั เกิดข้ึนในฤดูหนาวที่ภาคเหนือของไทยในฤดูหนาว ภาคเหนือและภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือตอนบนจะมีอากาศท่ีหนาวเยน็ บางคร้ังอุณหภูมิยอดดอยลดลงต่าํ กวา่ 0 องศาเซลเซียส ในขณะที่ภาคอื่นจะมีอุณหภูมิสูงกวา่ โดยเฉล่ียช่วงหนาวสุดราว 15-25 องศาเซลเซียส ในขณะท่ีหนา้ ร้อนทวั่ ทุกภาคของประเทศจะมีอุณหภูมิช่วงสูงสุดอยใู่ นช่วง 35-40 องศาเซลเซียสประวตั ิของประเทศไทยประเทศไทยหรือชนชาติไทยมีประวตั ิความเป็นมาอนั ยาวนาน และในแผน่ ดินสุวรรณภูมิแห่งน้ีกม็ ีอาณาจกั รโบราณอยมู่ ากมาย เช่น อาณาจกั รขอมโบราณ อาณาจกั รทวาราวดี และอาณาจกั รศรีวชิ ยั เป็นตน้ ตามพงศาวดารของไทย ชนชาติไทยมีประวตั ิศาสตร์ยอ้ นหลงั ไปจนถึงอาณาจกั รโยนกและน่านเจา้ แต่หลกั ฐานต่างๆไม่ชดั เจนนกั ดงั น้นั เราจึงนบั ประวตั ิศาสตร์ของชนชาติไทยจากหลกั ฐานที่ชดั เจนเท่าน้นั นนั่ กค็ ือนบั ต้งั แต่สมยั อาณาจกั รสุโขทยั เป็นตน้ มานบั จากอาณาจกั รสุโขทยั เป็นตน้ มา ประเทศไทยไดผ้ า่ นยคุ หรืออาณาจกั รต่างๆมาแลว้ 4 ยคุ ดงั น้ี1. สมยั อาณาจกั รสุโขทยัอาณาจกั รสุโขทยั มีศูนยก์ ลางอยทู่ ี่จงั หวดั สุโขทยั ในปัจจุบนั มีความเจริญรุ่งเรืองอยใู่ นช่วงปีพ.ศ. 1792 ถึง พ.ศ. 1981 รวม 189 ปี ก่อนท่ีสุดทา้ ยจะถูกยบุ รวมกบั อาณาจกั รอยธุ ยา อาณาจกั รสุโขทยั ถูกสถาปนาข้ึนโดยพ่อขนุ ศรีอินทราทิตย์ และถือวา่ พ่อขนุ ศรีอินทราทิตยเ์ ป็นกษตั ริย์พระองคแ์ รกของชาติไทย อาณาจกั รสุโขทยั มีกษตั ริยป์ กครองท้งั หมด 8 พระองค์ รวมถึงพ่อขนุรามคาํ แหงมหาราชผทู้ รงคิดคน้ อกั ษรไทยดว้ ย
2. สมยั อาณาจักรอยธุ ยาอาณาจกั รอยธุ ยาไดเ้ ริ่มสถาปนาต้งั แต่ปี พ.ศ. 1893 ถึง พ.ศ. 2310 โดยสมเดจ็ พระเจา้ อู่ทอง โดยมีที่ต้งั อยู่ ณ จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยาในปัจจุบนั ต่อมาภายหลงั ไดผ้ นวกเอาอาณาจกั รสุโขทยั เขา้ไวเ้ ป็นส่วนหน่ึงดว้ ย อาณาจกั รอยธุ ยาเจริญรุ่งเรืองอยู่ 417 ปี มีพระมหากษตั ริยป์ กครองท้งั หมด33 พระองค์ โดยเสียกรุงใหก้ บั พม่าจาํ นวน 2 คร้ัง คร้ังแรกสมยั สมเด็จพระมหาจกั รพรรดิ เม่ือปีพ.ศ.2112 ต่อมาสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชทรงกอบกเู้ อกราชไดส้ าํ เร็จ (อยธุ ยาตกเป็นประเทศราชของพม่าเป็นเวลา 15 ปี ) ต่อมาอยธุ ยาตกเป็นเมืองข้ึนของพม่าอีกคร้ังในสมยั สมเดจ็ พระเจา้เอกทศั เม่ือปี พ.ศ. 2310 และคร้ังสมเดจ็ พระเจา้ ตากสินมหาราชทรงใชเ้ วลา 6 เดือนในการกอบกู้เอกราชคืน3. สมยั กรุงธนบุรีภายหลงั กอบกเู้ อกราชใหก้ บั กรุงศรีอยธุ ยาไดส้ าํ เร็จ สมเดจ็ พระเจา้ ตากสินมหาราชไดท้ รงยา้ ยเมืองหลวงจากอยธุ ยาลงมายงั เมืองธนบุรี เนื่องจากอยใู่ นชยั ภูมิท่ีดีกวา่ ประกอบกบั กรุงศรีอยธุ ยาไดร้ ับความเสียหายหนกั จากการโจมตีของพม่า จนยากจะบูรณะใหง้ ดงามดงั เดิมได้ อาณาจกั รกรุงธนบุรีต้งั อยู่ ณ เมืองธนบุรี (ปัจจุบนั ถูกผนวกรวมกบั จงั หวดั พระนครแลว้ เปล่ียนชื่อเป็นกรุงเทพมหานคร แต่คนส่วนใหญ่ยงั เรียกส่วนท่ีเคยเป็นจงั หวดั ธนบุรีวา่ ฝั่งธนบุรีหรือฝั่งธน)ระยะเวลาการต้งั อยขู่ องอาณาจกั รธนบุรีเพียงแค่ 15 ปี และมีสมเดจ็ พระเจา้ ตากสินมหาราชเป็นพระมหากษตั ริยเ์ พยี งพระองคเ์ ดียว4. สมยั กรุงรัตนโกสินทร์ภายหลงั การสิ้นสุดลงของอาณาจกั รกรุงธนบุรีในปี พ.ศ. 2325 พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงใหย้ า้ ยเมืองหลวงขา้ มฝั่งมายงั ฝั่งพระนครและทรงสร้างเมืองหลวงใหม่ซ่ึงกค็ ือพระบรมมหาราชวงั ในปัจจุบนั นบั จนถึงปัจจุบนั กรุงรัตนโกสินทร์มีอายคุ รบ 232 ปี เม่ือวนั ท่ี 6 เมษายน พ.ศ. 2557 ที่ผา่ นมา และนบั จนถึงปัจจุบนั มีพระมหากษตั ริยค์ รองราชสมบตั ิเป็นพระองคท์ ่ี 9 หรือรัชกาลท่ี 9 ทรงพระนามวา่ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หรือ ในหลวงองคป์ ัจจุบนั นน่ั เอง โดยทรงข้ึนครองราชยต์ ้งั แต่วนั ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2489และทรงครองราชยม์ าจนถึงปัจจุบนั เป็นปี ท่ี 68 นบั เป็นพระมหากษตั ริยท์ ี่ครองราชยน์ านท่ีสุดในโลก
ประชากร เชื้อชาติและภาษาขอ้ มูลจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ระบุวา่ ณ สิ้นปี พ.ศ. 2555 ประเทศไทยมีประชากรท้งั หมด 64,456,695 คน แบ่งเป็นชาย 31,700,727 คน และหญิง 32,755,968 คนประเทศไทยถือไดว้ า่ มีความหลากหลายทางเช้ือชาติมากที่สุดประเทศหน่ึง ประชากรไทยมีพ้ืนเพมาจากเช้ือชาติดงั น้ี ไทยแท้ (หรือไทยสยาม) ไทยเช้ือสายลาว ไทยเช้ือสายมอญ ไทยเช้ือสายเขมรชาวไทยเช้ือสายจีน ไทยเช้ือสายมลายู ไทยเช้ือสายชวา (หรือแขกแพ) ไทยเช้ือสายจาม(หรือแขกจาม) ไทยเช้ือสายเวยี ดนาม ไทยเช้ือสายพม่า และไทยเช้ือสายชาวเขาเผา่ ต่างๆ เช่นชาวกะเหรี่ยง ลีซอ ชาวมง้ ส่วย เป็นตน้ นอกจากน้ียงั มีแรงงานต่างดา้ วอีกไม่นอ้ ยกวา่ 3 ลา้ นคนอาศยั อยใู่ นประเทศไทย โดยเป็นแรงงานถูกกฏหมายเพยี ง 1,400,000 คน ท่ีเหลือเป็นแรงงานท่ีหลบหนีเขา้ เมืองอยา่ งผดิ กฏหมาย ภาพชาวเขาเผา่ แมว้ ในประเทศไทยประเทศไทยมีภาษาไทยเป็นภาษาราชการ แต่ในภาษาพดู ประชาชนนิยมใชภ้ าษาถิ่นในการส่ือสารกนั ภาษาถ่ินในประเทศไทยมีนบั ร้อยภาษา โดยท่ีภาษาถิ่นท่ีมีผใู้ ชม้ าก เช่น ภาษาไทยเหนือ หรือ ภาษาคาํ เมือง ภาษาไทยอีสาน ภาษาไทยใต้ ภาษายาวี ภาษาลาว (ลาวโซ่ง ลาวพวน)ภาษาเขมร ภาษาไทยโคราช ภาษาจีนแตจ้ ๋ิว ภาษาจีนกลาง ภาษามอญ ภาษาชาวเขาต่างๆ(กะเหร่ียง ขมุ มง้ มูเซอ ลีซอ) ภาษามอแกน และภาษาประจาํ ถิ่นอ่ืนๆศาสนาในประเทศไทยในประเทศไทย ประชาชนทุกคนมีเสรีภาพที่จะนบั ถือศาสนาใดกไ็ ดต้ ามแต่ศรัทธาของตน โดยท่ีพระมหากษตั ริยท์ รงเป็นพทุ ธมามกะและทรงอุปถมั ภท์ ุกศาสนา ศาสนาที่มีผนู้ บั ถือมากและ
ไดร้ ับการอุปถมั ภจ์ ากรัฐบาลและองคพ์ ระมหากษตั ริยไ์ ดแ้ ก่- ศาสนาพุทธ ในประเทศไทยมีผนู้ บั ศาสนาพุทธ 93.83%- ศาสนาอิสลาม ในประเทศไทยมีผนู้ บั ศาสนาอิสลาม 4.56%- ศาสนาคริสต์ ในประเทศไทยมีผนู้ บั ศาสนาคริสต์ 0.80%- ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ในประเทศไทยมีผนู้ บั ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู 0.086%- ศาสนาซิกข์ ในประเทศไทยมีผนู้ บั ศาสนาซิกข์ 0.011%หมายเหตุ ขอ้ มูลจากสาํ นกั งานสถิติแห่งชาติ ศาสนาพทุ ธ ศาสนาที่คนไทยส่วนใหญ่นบั ถือประเทศไทยเป็นอีกประเทศหน่ึงในโลกที่ประชาชนทุกศาสนาสามารถอยรู่ ่วมกนั ไดอ้ ยา่ งมีความสุข มีสิทธ์ิและศกั ด์ิศรีความเป็นมนุษยเ์ ท่ากนั ทุกประการ และไดร้ ับการคุม้ ครองโดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทยทุกฉบบั ตลอดมาอาหารการกนิอาหารหลกั ของคนไทยคือขา้ วและผลิตภณั ฑจ์ ากขา้ ว ท้งั ขา้ วจา้ ว ขา้ วเหนียว ขนมจีน ก๋วยเต๋ียวเป็ นตน้
อาหารไทยเป็นหน่ึงในอาหารท่ีไดร้ ับความนิยมมากที่สุดในโลก อนั เนื่องมาจากรสชาติที่โดดเด่น เครื่องปรุงท่ีหลากหลาย และส่วนผสมอาหารไทยส่วนมากไม่ใช่ใหเ้ พยี งแค่คุณคา่ ทางอาหาร แต่ยงั มีสรรพคุณทางยาท่ีช่วยร่างกายสามารถตา้ นทานต่อโรคต่างๆไดด้ ีอีกดว้ ย ขา้ ว อาหารหลกั ของคนไทยอาหารไทยในแต่ละภาคมีความแตกต่างกนั และมีเอกลกั ษณ์เฉพาะตวั อาหารแต่ละภาคที่มีชื่อเสียงมีดงั น้ีภาคเหนือ อาหารเหนือที่มีช่ือเสียงและไดร้ ับความนิยม เช่น น้าํ พริกหนุ่ม น้าํ พริกอ่อง แคปหมูน้าํ เง้ียว ขา้ วซอย ลาบ ลู่ แกงฮงั เล ยาํ ไก่ ยาํ ขนุน ไสอ้ วั่ แกงแค แกงหอยขม เป็นตน้ น้าํ พริกอ่อง อาหารข้ึนช่ือของภาคเหนือ
ภาคอสี าน อาหารอีสานมีหลายเมนูที่กลายเป็นอาหารที่ไดร้ ับความนิยมไปทวั่ ประเทศ เช่นสม้ ตาํ น้าํ ตก ไก่ยา่ ง ลาบ กอ้ ย ซกเลก็ ไส้กรอกอีสาน ตม้ แซบ เสือร้องไห้ ซุปหน่อไม้ เป็นตน้โดยแต่ละเมนูไดร้ ับการดดั แปลงใหม้ ีส่วนผสมและรสชาติใหเ้ หมาะกบั แต่ละทอ้ งถิ่น สม้ ตาํ เมนูยอดนิยมของคนอีสานและคนไทยทวั่ ไปภาคกลาง อาหารภาคกลางอาจเรียกไดว้ า่ เป็นมาตรฐานอาหารไทยท่ีไดร้ ับความนิยมไปทวั่ โลกอาหารภาคกลางท่ีมีชื่อเสียง เช่น ตม้ ยาํ แกงจืด แกงเลียง ตม้ กระทิ ตม้ ข่า ผดั ไท แกงเผด็ แกงเขียวหวาน แกงป่ า ตม้ โคลง้ ยาํ ประเภทต่างๆ ผดั ผกั ผดั เผด็ ของทอดต่างๆ ผดั กระเพรา ผดักระเทียม ผดั พริกแกง ขา้ วผดั ชนิดต่างๆ น้าํ พริกชนิดต่างๆ เป็นตน้ ตม้ ยาํ กงุ้ อาหารไทยภาคกลางที่ไดร้ ับความนิยมไปทว่ั โลก
ภาคใต้ อาหารใตข้ ้ึนช่ือเร่ืองรสชาติที่เขม้ ขน้ และเครื่องแกงที่เผด็ ร้อน อาหารใตท้ ่ีไดร้ ับความนิยม เช่น สะตอผดั กงุ้ ควั่ กลิ้ง แกงเหลือง แกงเผด็ ปลาต่างๆ แกงไตปลา แกงคว่ั ขา้ วหมกชนิดต่างๆ เป็นตน้ เนื่องจากความร้อนแรงของรสชาติอาหาร ดงั น้นั อาหารใตต้ อ้ งมีผกั สดแกลม้พร้อมน้าํ พริกกระปิ ดว้ ยเสมอ คว่ั กลิ้ง อาหารยอดนิยมของภาคใต้การเมืองการปกครองในปัจจุบนั ประเทศไทยปกครองดว้ ยระบอบประชาธิปไตย อนั มีพระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมุข เช่นเดียวกบั ประเทศองั กฤษ ประเทศญ่ีป่ ุน ประเทศมาเลเซีย ประเทศกมั พชู า และอีกหลายๆประเทศในยโุ รป โดยที่พระมหากษตั ริยท์ รงอยภู่ ายใตร้ ัฐธรรมนูญและทรงใชอ้ าํ นาจผา่ น3 ทาง หรือ 3 ฝ่ าย กล่าวคือ ทรงใชอ้ าํ นาจบริหารผา่ นทางนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ทรงใชอ้ าํ นาจนิติบญั ญตั ิผา่ นทางรัฐสภา และทรงใชอ้ าํ นาจตุลาการผา่ นทางศาลยตุ ิธรรม พระราชหตั ถเลขาของลน้ เกลา้ รัชกาลท่ี 7ในอดีตประเทศไทยเคยใชก้ ารปกครองระบอบอื่นมาแลว้ 2 ระบบคือ ระบอบพอ่ ปกครองลูกซ่ึงใชใ้ นสมยั อาณาจกั รสุโขทยั ในการปกครองระบอบน้ีพระมหากษตั ริยจ์ ะเปรียบเสมือนพ่อและ
ไพร่ฟ้าประชาชนจะเปรียบเสมือนลูก จากน้นั เปลี่ยนมาใชร้ ะบอบสมบูรณาญาสิทธิราชในสมยัอาณาจกั รอยธุ ยาจนถึงรัชสมยั ของพระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั หรือลน้ เกลา้ รัชกาลที่ 7แห่งจกั รีบรมราชวงศ์ ในระบอบน้ีจะเปรียบพระมหากษตั ริยเ์ หมือนสมมุตติเทพ และเปล่ียนมาเป็นระบอบประชาธิปไตยเม่ือปี พ.ศ. 2475 มาจนถึงปัจจุบนัพรรคการเมืองในประเทศไทยประเทศมีพรรคการเมืองหลายพรรค โดยในการเลือกต้งั ส.ส. แต่ละคร้ังจะมีพรรคการเมืองส่งผสู้ มคั รลงเลือกต้งั ไม่นอ้ ยกวา่ 50 พรรค พรรคการเมืองท่ีเป็นท่ีรู้จกั กนั ดีในประเทศไทย เช่นพรรคเพือ่ ไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพฒั นา พรรคภูมิใจไทย และพรรครักประเทศไทย เป็นตน้ โดยในการเลือกต้งั ในรอบ 10 ปี ที่ผา่ นมา มีพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์เท่าน้นั ที่แข่งขนั กนั เป็นแกนนาํ ในการจดั ต้งั รัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ พรรคการเมืองเก่าแก่ท่ีสุดของไทยการบริหารราชการแผ่นดนิประเทศไทยใชล้ กั ษณะการบริหารราชการแผน่ ดินแบบกระทรวง ทบวง กรม กล่าวคือมีกระทรวงที่ดูแลงานดา้ นต่างๆของประเทศจาํ นวน 20 กระทรวง โดยมีรัฐมนตรีประจาํ กระทรวงเป็นผกู้ าํ หนดนโยบายและมีปลดั กระทรวงเป็นผนู้ าํ นโยบายมาปฏิบตั ิโดยผา่ นกรมกองต่างในกระทรวงน้นั ๆหมายเหตุ นายกรัฐมนตรีเป็นหวั หนา้ ฝ่ ายบริหาร (กดเพื่อดู รายช่ือนายกรัฐมนตรีท้งั หมดของไทย) ดูแลภาพรวมของประเทศและกาํ กบั ดูแลรัฐมนตรีประจาํ กระทรวงทุกคน (กดเพือ่ ดู รายชื่อกระทรวงของไทย)
พระยามโนปกรณ์นิติธาดา นายกรัฐมนตรีคนแรกของไทย พลเอกประยทุ ธ์ จนั ทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบนัในส่วนภูมิภาคประเทศไทยแบ่งส่วนการปกครองเป็นจงั หวดั โดยมีท้งั หมด 77 จงั หวดั (กดท่ีน่ีเพื่อดูรายชื่อจงั หวดั ท้งั หมดในประเทศไทย) รวมกรุงเทพมหานคร โดยมีผวู้ า่ ราชการจงั หวดั เป็นหวั หนา้ ส่วนราชการของจงั หวดั ผวู้ า่ ราชการจงั หวดั เป็นขา้ ราชการระดบั 10 ของกระทรวงมหาดไทยซ่ึงข้ึนตรงกบั ปลดั กระทรวงมหาดไทยอีกทอดหน่ึง ยกเวน้ ผวู้ า่ ราชการกรุงเทพมหานครที่ไดร้ ับการเลือกต้งั โดยตรงจากประชาชนนอกจากระดบั จงั หวดั ประเทศไทยยงั มีการแบ่งการปกครองในหน่วยที่เลก็ ลงไปถึงระดบั อาํ เภอตาํ บลและหมู่บา้ น โดยท่ีระดบั อาํ เภอมีนายอาํ เภอเป็นหวั หนา้ หน่วยราชการ โดยข้ึนตรงต่ออธิบดีกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ส่วนระดบั ตาํ บลและระดบั หมู่บา้ นมีกาํ นนั และ
ผใู้ หญ่บา้ นเป็นผดู้ ูแลตามลาํ ดบั โดยที่ท้งั สองตาํ แหน่งน้ีตอ้ งไดร้ ับการเลือกต้งั โดยตรงจากประชาชนในพ้นื ที่ และท้งั สองตาํ แหน่งน้ีข้ึนตรงต่อนายอาํ เภอของพ้ืนที่น้นั ๆตาํ แหน่งผวู้ า่ ราชการจงั หวดั และนายอาํ เภอน้นั ถือวา่ เป็นเจา้ หนา้ ท่ีของรัฐ เป็นตวั แทนของส่วนกลางท่ีส่งไปทาํ หนา้ ที่ดูแลทุกขส์ ุขของประชาชนในพ้ืนที่ ในปัจจุบนั ประเทศไทยไดเ้ พ่มิการบริหารแบบองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ินข้ึนมา เพ่อื ใหป้ ระชาชนประชาชนในพ้ืนท่ีไดเ้ ลือกผบู้ ริหารทอ้ งถ่ินข้ึนมาดูแลความเป็นอยขู่ องตน ซ่ึงแบ่งออกเป็น 2 ระดบั คือ องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั (อบจ. : ดูภาพรวมท้งั จงั หวดั ) และองคก์ ารบริหารส่วนตาํ บล (อบต. : ดูแลเฉพาะในตาํ บลของตน) ในส่วนตาํ บลที่มีขนาดใหญ่น้นั จะไม่มีองคก์ ารบริหารส่วนตาํ บล แต่จะจดั ใหม้ ีสมาชิกสภาเทศบาลแทนการทหารและการป้องกนั ประเทศประเทศไทยมีทหารประจาํ การประมาณ 1,000,000 นาย แบ่งออกเป็น 3 เหล่าทพั คือ กองทพั บกกองทพั เรือ และกองทพั อากาศ โดยท้งั 3 เหล่าทพั ข้ึนตรงต่อกองบญั ชาการกองทพั ไทย(กองบญั ชาการทหารสูงสุดเดิม) ส่วนกองบญั ชาการกองทพั ไทยข้ึนตรงต่อกระทรวงกลาโหมอีกต่อหน่ึง กองทพั ไทยนบั วา่ มีความทนั สมยั มากเม่ือเทียบกบั ประเทศเพือ่ นบา้ นในกลุ่มอาเซียนเน่ืองจากกองทพั ไทยมีอาวธุ ยทุ โธปกรณ์ที่ครบถว้ นและทนั สมยั นน่ั เอง เช่น มีเครื่องบินขบั ไล่หลายฝงู บิน ท้งั F-16 และฝงู บินกริพเพน นอกจากน้ียงั มีเรือบรรทุกเครื่องบินหรือเรือหลวงจกั รีนฤเบศร ซ่ึงเปรียบเสมือนกองบญั ชาการรบเคลื่อนท่ีอีกดว้ ย เรือหลวงจกั รีนฤเบศรแห่งราชนาวไี ทย
เครื่องบินรบกริพเพนแห่งกองทพั อากาศไทยกระบวนการยตุ ธิ รรมและกฎหมายในประเทศไทยระบบกฏหมายของไทยเป็นระบบไต่สวน โดยที่โจทกแ์ ละจาํ เลยสามารถนาํ หลกั ฐาน เอกสารต่างๆมาแสดงต่อศาลเพื่อใหค้ าํ ใหก้ ารของตนมีน้าํ หนกั มากข้ึนได้ โดยระบบศาลของไทยใช้ระบบ 3 ศาล กล่าวคือมีศาลช้นั ตน้ ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา หากโจทกห์ รือจาํ เลยไม่เห็นดว้ ยกบั คาํ พิพากษาของศาลใด สามารถยน่ื เรื่องต่อศาลที่สูงข้ึนเพื่อใหเ้ ปล่ียนคาํ พพิ ากษาได้ แต่เมื่อศาลฎีกาตดั สินแลว้ จะไม่สามารถเปลี่ยนคาํ ตดั สินอีกได้ ศาลท้งั 3 ระดบั น้ีทาํ หนา้ ท่ีวนิ ิจฉยั และตดั สินคดีเก่ียวกบั คดีแพ่งและคดีอาญาทว่ั ไปนอกจากระบบศาลยตุ ิธรรม 3 ศาลขา้ งตน้ ประเทศไทยยงั มีศาลเฉพาะ ซ่ึงมีหนา้ ที่วนิ ิจฉยั คดีเฉพาะทาง เช่นศาลรัฐธรรมนูญ มีหนา้ ท่ีวนิ ิจฉยั และตดั สินคดีที่เกี่ยวขอ้ งกบั กฏหมายรัฐธรรมนูญ มีศาลเดียวไม่สามารถอุทธรณ์ผลการตดั สินได้ศาลปกครอง มีหนา้ ท่ีวนิ ิจฉยั และตดั สินคดีเก่ียวกบั การปกครอง ความขดั แยง้ ระวา่ งประชาชนและหน่วยงานของรัฐ ความขดั แยง้ ระหวา่ งหน่วยงานของรัฐดว้ ยกนั เอง หรือ ความขดั แยง้ระหวา่ งเจา้ หนา้ ที่ของรัฐกบั หน่วยงานของรัฐ เป็นตน้ มีสองศาลคือ ศาลปกครองกลางและศาลปกครองสูงสุด ผทู้ ่ีไม่เห็นดว้ ยกบั การตดั สินของศาลปกครองกลาง สามารถยน่ื เร่ืองใหศ้ าลปกครองสูงสุดวนิ ิจฉยั เพอ่ื เปล่ียนคาํ ตดั สินได้ศาลฎกี าแผนกคดีอาญาของผู้ดารงตาแหน่งทางการเมือง ท่ีมีหนา้ ท่ีวนิ ิจฉยั และตดั สินคดีเกี่ยวกบั นกั การเมือง มีศาลเดียว ไม่สามารถอุทธรณ์ผลการตดั สินได้
ศาลทหาร มีหนา้ ท่ีวนิ ิจฉยั และตดั สินคดีเก่ียวกบั การกระทาํ ผดิ ของทหาร หรือ การกระทาํ ผดิ ต่อคาํ ส่ังของทหารตามพระราชบญั ญตั ิกฏอยั การศึก มีศาลเดียว ไม่สามารถอุทธรณ์ผลการตดั สินได้เศรษฐกจิ ของประเทศไทยประเทศไทยมีขนาดทางเศรษฐกิจและดชั น้ีช้ีวดั ฐานะทางเศรษฐกิจที่น่าสนใจดงั น้ี- ผลิตภณั ฑม์ วลรวมภายในประเทศ (GDP) 11.38 ลา้ นลา้ นบาท สูงข้ึน 6.5% เม่ือเทียบกบั ปี พ.ศ.2555- อตั ราการขยายตวั ทางเศรษฐกิจในปี พ.ศ.2556 เท่ากบั 2.9%- รายไดเ้ ฉล่ียต่อหวั ประชากร $7,130/คน/ปี หรือเท่ากบั 228,160 บาท/คน/ปี คิดเป็น 19,013บาท/คน/เดือน สูงเป็นอนั ดบั ที่ 4 ในอาเซียนรองจากประเทศสิงคโปร์ บรูไน และมาเลเซีย- ประเทศไทยมีทุนสาํ รองระหวา่ งประเทศ 167,545.84 ลา้ นดอลล่าร์สหรัฐ (ขอ้ มูลถึงวนั ที่ 30พฤษภาคม 2557 – ธนาคารแห่งประเทศไทย)- ตลาดหุน้ ไทย มีขนาด Market Cap. 13,061,940.80 ลา้ นบาท (ขอ้ มูลถึงวนั ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ.2557 – ตลาดหลกั ทรัพยแ์ ห่งประเทศไทย)- อตั ราเงินเฟ้อทวั่ ไป 2.2% อตั ราเงินเฟ้อพ้ืนฐาน 1.0% (ขอ้ มูลปี พ.ศ. 2556 – ธนาคารแห่งประเทศไทย)- อตั ราการวา่ งงาน 0.6% (ขอ้ มูลปี พ.ศ.2556 – สาํ นกั งานสถิติแห่งชาติ)- ผปู้ ระกนั ตนกบั สาํ นกั งานประกนั สังคม 12,604,890 คน (รวมท้งั แบบภาคบงั คบั และแบบสมคั รใจ – ขอ้ มูลถึง 30 เมษายน 2557)- ยอดส่งออก 553,000 ลา้ นบาท ยอดนาํ เขา้ 606,558 ลา้ นบาท ขาดดุลสุทธิ 53,558 ลา้ นบาท(ขอ้ มูลถึง 30 เมษายน 2557 – กระทรวงพานิชย)์- ยอดหน้ีต่างประเทศของรัฐบาลไทย 3,884,155 ลา้ นบาท (ขอ้ มูลถึง 30 เมษายน 2557 –ธนาคารแห่งประเทศไทย)- ยอดหน้ีสาธราณะ 5,583,828.29 ลา้ นบาท (ขอ้ มูลถึง 30 เมษายน 2557 – สาํ นกั งานบริหารหน้ีสาธารณะ)การคมนาคมขนส่ งประเทศไทยมีการคมนาคมขนส่งที่ค่อนขา้ งหลากหลายและสะดวกสบาย โดยสามารถแบ่งออกไดเ้ ป็น 3 เส้นทางดงั น้ีการคมนาคมขนส่งทางบก การขนส่งทางบกของไทยแบ่งออกเป็นสองชนิดยอ่ ย คือการ
คมนาคมขนส่งทางถนนและการคมนาคมขนส่งระบบราง โดยที่ประเทศไทยมีถนนที่มีความยาวรวมกนั ท้งั สิ้น 64,000 กิโลเมตร และระบบรางความยาวท้งั สิ้น 4,346 กิโลเมตร โดยท่ีการขนส่งระบบรางในประเทศไทยเป็นระบบรางเดี่ยวสลบั กนั ว่ิง และอยใู่ นระหวา่ งการศกึ ษาที่จะเปลี่ยนไปเป็นระบบรางคู่เพ่ือเพ่มิ ความรวดเร็วในการใหบ้ ริการการคมนาคมขนส่งทางนา้ ประเทศไทยมีการคมนาคมขนส่งทางน้าํ ในหลายระดบั ท้งั ในระดบั คูคลองเช่นเรือโดยสารคลองแสนแสบ ระดบั แม่น้าํ เช่นการขนส่งสินคา้ และเรือโดยสารท่ีวิ่งใหบ้ ริการในแม่น้าํ เจา้ พระยา ระดบั ประเทศเช่นการขนส่งสินคา้ ทางเรือโดยเสน้ ทางเดินเรือระหวา่ งประเทศการคมนาคมขนส่งทางอากาศ ประเทศไทยมีระบบการคมนาคมขนส่งทางอากาศท่ีทนั สมยั และครอบคลุมเป็นอนั ดบั ตน้ ๆของเอเชีย กล่าวคือมีท้งั สายการบินภายในประเทศและสายการบินนานาชาติท่ีใหบ้ ริการท้งั การเดินทางของผคู้ นและการขนส่งาสินคา้ ทางอากาศ รายละเอียดของสนามบินหรือท่าอากาศยานในประเทศไทยมีดงั น้ี- สนามบินนานาชาติ 13 แห่ง ไดแ้ ก่ สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินเชียงใหม่ สนามบินเชียงราย สนามบินภูเกต็ สนามบินหาดใหญ่ สนามบินอู่ตะเภา สนามบินสมุยสนามบินกระบี่ สนามบินสุโขทยั สนามบินสุราษฎร์ธานี สนามบินอุดรธานี และสนามบินอุบลราชธานี- สนามบินภายในประเทศ สนามบินที่ใหบ้ ริการเฉพาะเที่ยวบินในประเทศของไทยมีท้งั หมด 25แห่ง รถไฟฟ้าบีทีเอส
การบินไทยรถไฟไทยเรือโดยสาร ท่าเรือ ทางด่วน
ภยั ธรรมชาติในประเทศไทยภยั ธรรมชาติในประเทศไทยมีอยหู่ ลายประเภท ดงั น้ีนา้ ท่วม – เป็นภยั ธรรมชาติที่ประเทศไทยตอ้ งประสบอยทู่ ุกปี เน่ืองจากประเทศไทยอยใู่ นเขตท่ีมีฝนตกชุก อีกท้งั ป่ าไมถ้ ูกทาํ ลายไปมากจนไม่สามารถอุม้ หรือดูดซบั ปริมาณน้าํ ฝนในแต่ละปีไดห้ มด ภาพน้าํ ท่วมใหญ่ พ.ศ.2554พายุฝนฟ้าคะนอง – เนื่องจากประเทศไทยอยใู่ นเขตมรสุมและเป็นแนวเคลื่อนตวั ผา่ นของพายทุ ่ีก่อตวั ข้ึนในทะเลจีนใต้ ดงั น้นั ในช่วงฤดูมรสุมประเทศไทยตอ้ งประสบกบั พายฝุ นขนาดใหญ่เช่นพายโุ ซนร้อนและพายไุ ตฝ้ ่ นุ ปี ละ 20-30 ลูก ถึงแมว้ า่ พายสุ ่วนใหญ่จะอ่อนกาํ ลงั ลงเมื่อเคล่ือนตวั ถึงประเทศไทย แต่กย็ งั สร้างความเสียหายหนกั ทุกปี เช่น น้าํ ท่วม แผน่ ดินถล่ม บา้ นเรือนประชาชนเสียหาย ตน้ ไมใ้ หญ่โค่นลม้ ไฟฟ้าดบั ถนนและสะพานชาํ รุดเสียหาย เป็นตน้แผ่นดนิ ไหว – ประเทศไทยมีรอยเลื่อนที่พร้อมจะเกิดแผน่ ดินไหวขนาดเลก็ อยหู่ ลายแห่งโดยเฉพาะในภาคเหนือ โดยเกิดการไหวค่อนขา้ งแรงคร้ังสุดทา้ ยที่จงั หวดั เชียงรายเม่ือวนั ที่ 5พฤษภาคม พ.ศ.2557 วดั ความส่ันสะเทือนได้ 6.3 ตามมาตราริกเตอร์ และมีอาฟเตอร์ช็อคตามมาอีกนบั พนั คร้ังตลอดระยะเวลาการไหวนานนบั เดือน สร้างความเสียหายเป็นวงกวา้ งเกือบท้งัจงั หวดั และผลของการไหวคร้ังน้ียงั สามารถรับรู้แรงสนั่ สะเทือนไดถ้ ึงกรุงเทพมหานครดว้ ย
ภาพความเสียหายจากแผน่ ดินไหว จงั หวดั เชียงรายนอกจากแผน่ ดินไหวในประเทศไทศแลว้ ประเทศไทยยงั ไดร้ ับผลกระทบจากแผน่ ดินไหวในพ้นื ที่รอบๆประเทศไทยอยบู่ ่อยคร้ัง เนื่องจากพ้ืนที่รอบประเทศไทยเป็นเขตเปลือกโลกท่ียงั ไม่สงบ เกิดการเคล่ือนท่ีบ่อย ผลกระทบคร้ังใหญ่ท่ีสุดคือ การเกิดแผน่ ดินไหวคร้ังใหญ่ขนาด 9.3ริกเตอร์ท่ีประเทศอินโดนีเซีย จนทาํ ใหเ้ กิดคลื่นยกั ษส์ ึนามิพดั ถล่มชายหาดประเทศต่างๆ(รวมถึงภาคใตข้ องไทย) จนทาํ ใหม้ ีผเู้ สียชีวติ มากกวา่ 200,000 คน เมื่อปี พ.ศ.2547ภัยแล้ง - ภยั แลง้ ในประเทศไทยเกิดข้ึนเกือบทุกปี โดยเฉพาะเม่ือปี ก่อนหนา้ มีปริมาณฝนตกนอ้ ยเขื่อนต่างๆไม่สามารถเกบ็ กกั น้าํ ไดต้ ามปริมาณที่ตอ้ งการ ทาํ ใหป้ ี ถดั ไปมีน้าํ ไม่เพียงพอต่อการอุปโภคและบริโภค โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ไม่เพยี งพอต่อการทาํ เกษตรกรรมท่ีใชน้ ้าํ มากและการไล่น้าํ เคม็ประเทศไทยกบั องค์กรระหว่างประเทศประเทศไทยเป็นสมาชิกขององคก์ รระหวา่ งประเทศหลายแห่ง ท้งั องคก์ รขนาดใหญ่และขนาดเลก็ ดงั น้ี- องคก์ ารสหประชาชาติ (United Nations, UN)- สมาคมประชาชาติเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน (ASEAN)- ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (Asean Economics Community, AEC)- องคก์ รการคา้ โลก (World Trade Organization, WTO)- การประชุมเอเชีย-ยโุ รป หรือ อาเซม (Asia-Europe Meeting, ASEM)- องคก์ รความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเซีย-แปซิฟิ ค (Asia-Pacific Economic Cooperation,APEC)
- องคก์ ารแรงงานระหวา่ งประเทศ (International Labour Organization, ILO)- กองทุนสัตวป์ ่ าโลกสากล (World Wildlife Fund, WWF)ความสัมพนั ธ์ระหว่างประเทศไทยกบั ประเทศอื่นประเทศไทยมีความสมั พนั ธ์กบั ต่างประเทศมาอยา่ งยาวนาน โดยมีการจดั ต้งั สถานทูตและสถานกงสุลในต่างประเทศจาํ นวนมาก และมีประเทศต่างๆเขา้ มาต้งั สถานทูตและสถานกลสุลในประเทศไทยมากมายเช่นกนั มีรายละเอียดดงั น้ี- สถานทูตไทยในต่างประเทศ มีท้งั หมด 65 แห่ง- สถานกงสุลไทยในต่างประเทศ มีท้งั หมด 27 แห่ง และสาํ นกั งานการคา้ ในไตห้ วนั 1 แห่ง- สถานทูตต่างประเทศในประเทศไทย มีท้งั หมด 74 แห่ง- สถานกงสุลต่างประเทศในประเทศไทย มีท้งั หมด 13 แห่งหมายเหตุ กดที่น่ี เพือ่ ดูรายชื่อสถานทูตและสถานกงสุลต่างประเทศประจาํ ประเทศไทยแหล่งท่องเทย่ี วในประเทศไทยประเทศไทยถือไดว้ า่ เป็นประเทศท่ีร่าํ รวยแหล่งท่องเที่ยวและมีความหลากหลายของแหล่งท่องเท่ียวมากท่ีสุดประเทศหน่ึงของโลก แหล่งท่องเท่ียวในประเทศไทยสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆไดด้ งั น้ี- แหล่งท่องเท่ียวเชิงประวตั ิศาสตร์ เช่น อุทยานประวตั ิศาสตร์ พพิ ธิ ภณั ฑสถานแห่งชาติ พพิ ธิ ภณั ฑว์ ถิ ีชีวติ อนุเสาวรียบ์ ุคคลสาํ คญั เมืองหรือแหล่งอารยธรรมเก่าแก่ และปราสาทหิน เป็นตน้- แหล่งท่องเท่ียวทางธรรมชาติ เช่น ภูเขา (ดอย/ภู) น้าํ ตก ถ้าํ เหว หนา้ ผา จุดชมววิ อุทยานแห่งชาติ วนอุทยาน เขตรักษาพนั ธุ์สตั วป์ ่ าเขตหา้ มล่าสตั วป์ ่ า ป่ าสงวนแห่งชาติ ทะเลสาบและบึงธรรมชาติ เป็นตน้- แหล่งท่องเท่ียวทางทะเล เช่น เกาะและหมู่เกาะต่างๆ ชายหาด แหลมและอ่าวต่างๆ เป็นตน้- แหล่งท่องเที่ยวทางศาสนาและความเชื่อ เช่น วดั โบสถ์ มสั ยดิ เจดียแ์ ละพระธาตุ เป็นตน้- แหล่งท่องเที่ยวสมยั ใหม่ เช่น หา้ งสรรพสินคา้ สวนน้าํ สวนนก สวนสัตว์ ตลาดน้าํ ตลาดนดัสถานแสดงพนั ธุ์สตั วน์ ้าํ ฟาร์มสตั วป์ ระเทศต่างๆ รีสอร์ท สถานตากอากาศ และสวนสาธารณะเป็ นตน้
ภูเกต็ แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม น้าํ ตกเอราวณัระบบการศึกษาในประเทศไทยประเทศไทยมีการจดั การเรียนการสอนต้งั แต่ระดบั เตรียมอนุบาลจนถึงระดบั ปริญญาเอก โดยมีโรงเรียนในระดบั ประถมศกึ ษาจาํ นวน 39,181 แห่ง (ขอ้ มูลถึง พ.ศ.2555) โรงเรียนมธั ยมศกึ ษาจาํ นวน 2,232 แห่ง (ขอ้ มูลถึงปี พ.ศ. 2556) และมีสถาบนั อุดมศกึ ษาและมหาวทิ ยาลยั ท้งั ของรัฐและเอกชนท้งั สิ้น 166 แห่ง (ขอ้ มูลถึง พ.ศ.2557) โดยมีมหาวทิ ยาลยั สงฆ์ 2 แห่งคือ มหาวทิ ยาลยัมหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั และ มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณ์ราชวทิ ยาลยั
Search
Read the Text Version
- 1 - 26
Pages: