Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชุดที่ 1 ดิน

ชุดที่ 1 ดิน

Description: ชุดกิจกรรมวิยาศาสตร์ หน่วย ทรัพยากรธรรมชาติ
ชุดที่ 1 ดิน

Keywords: ดิน

Search

Read the Text Version

51 ภาพท่ี 1.18 เน้ือดินชนิดตา่ ง ๆ ท่ีมา : บญุ ลอย มูลน้อย, 2559 สมบตั ิทางเคมขี องดิน ความเปน็ กรด-เบสของดนิ ความเปน็ กรด-เบสของดิน หรือท่ีเรยี กกนั ว่า “พเี อช” (pH) เปน็ คา่ ปฏิกิริยาดนิ วดั ได้จาก ความเขม้ ขน้ ของปรมิ าณไฮโดรเจนไอออน (H+) ในดนิ โดยท่ัวไปค่าพีเอชของดนิ จะบอกเป็นคา่ ตัวเลขตง้ั แต่ 1 ถึง 14 ถา้ ดนิ มคี ่าพีเอชน้อยกว่า 7 แสดงว่าดินนั้นเปน็ ดนิ กรด ยิง่ มีค่านอ้ ยกว่า 7 มาก ก็จะเปน็ กรดมาก หาก ต้องการแก้ปญั หาให้เติมปูนขาวหรือดนิ มาร์ล ถา้ ดินมีพีเอชมากกวา่ 7 แสดงว่าดนิ น้นั จะเปน็ ดินดา่ ง ย่งิ มีค่ามากกว่า 7 มาก ก็จะเปน็ ด่างมาก หาก ตอ้ งการแก้ปัญหาใหเ้ ติมผงกามะถัน ถา้ ดินท่มี ีพเี อชเทา่ กับ 7 พอดี แสดงวา่ ดินเป็นกลาง แต่โดยปกติแล้วพเี อชของดนิ ท่ัวไปจะมคี า่ อยู่ ในชว่ ง 5 ถงึ 8 เหมาะสาหรับปลูกพชื ทัว่ ไป พืชแต่ละชนดิ ชอบทจ่ี ะเจริญเติบโตในดินทีม่ ีชว่ งพีเอชต่าง ๆ กนั สาหรับพืชทัว่ ๆ ไปมักจะเจรญิ เตบิ โตในช่วงพเี อช 6 – 7 ซง่ึ เป็นช่วงทธ่ี าตอุ าหารพืชต่าง ๆ มีความเปน็ ประโยชน์สงู กว่าชว่ งพีเอชอ่นื ๆ บญุ ลอย มูลน้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา

52 เราสามารถตรวจสอบความเป็นกรด-เบสของในดินได้ด้วยอินดเิ คเตอร์ ซึ่งในการทดสอบต้องนาดินไป ละลายนา้ อินดิเคเตอร์ทีน่ ยิ มใชก้ ันมากมี 2 ประเภท คือ กระดาษลติ มัส และยูนิเวอรซ์ ลั อนิ ดิเคเตอร์ 1. กระดาษลิตมัส เปน็ อินดิเคเตอรท์ ่ีเรารจู้ กั กนั ดี กระดาษลิตมัสมี 2 สี ไดแ้ ก่ กระดาษลิตมัสสีแดง และกระดาษลิตมสั สีนา้ เงิน เมอื่ ใช้กระดาษลติ มสั ตรวจสอบสารละลายของดินจะสามารถ จาแนกสารได้เป็น 3 ประเภท ดงั น้ี - สารละลายท่ีมีสมบตั ิเป็นกรด จะเปลยี่ นสกี ระดาษลติ มัสจากสนี า้ เงินไปเป็นสแี ดง - สารละลายทม่ี สี มบตั ิเป็นเบส จะเปลย่ี นสกี ระดาษลิตมสั จากสแี ดงไปเปน็ สีนา้ เงนิ - สารละลายท่มี ีสมบตั เิ ปน็ กลาง จะไมท่ าปฏิกิริยากบั กระดาษลิตมสั ท้งั สีน้าเงินและสแี ดง กระดาษลิตมัสจงึ ไม่เปลย่ี นสี ภาพที่ 1.19 กระดาษลิตมัส ท่ีมา : บญุ ลอย มลู น้อย, 2559 2. ยนู ิเวอร์ซัลอินดิเคเตอร์ เปน็ อินดเิ คเตอร์ที่มีการเปล่ยี นสเี กอื บทุกคา่ pH จึงใช้ทดสอบหาคา่ pH ได้ดี อนิ ดิเคเตอร์ชนิดน้มี ที ้ังแบบที่เปน็ กระดาษและแบบสารละลาย บุญลอย มูลนอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา

53 ภาพที่ 1.20 กระดาษยนู ิเวอร์ซลั อนิ ดิเคเตอร์ ท่มี า : บญุ ลอย มูลนอ้ ย, 2559 https://www.youtube.com/watch?v=qnyOvsFcklc&feature=youtu.be ภาพท่ี 1.2 คลปิ วดี ิโอ แสดงสมบัตขิ องดิน ทมี่ า : บญุ ลอย มลู น้อย, 2561 ใบกจิ กรรมท่ี 4 เรอื่ ง แกไ้ ขปญั หาและพฒั นาดิน จดุ ประสงค์ของกจิ กรรม 1. อธบิ ายการใชป้ ระโยชน์ใหเ้ หมาะสมกับสภาพดนิ ในทอ้ งถิ่น 2. อธบิ ายการปรับปรุงคุณภาพดนิ ให้มีความเหมาะสมต่อการใชป้ ระโยชน์ คาชีแ้ จง ใหน้ ักเรยี นอา่ นรายละเอียดการสารวจชุดดินในจงั หวัดลาปาง โดยสานกั สารวจดนิ และวางแผนการใช้ดิน กรมพัฒนาทด่ี ิน แล้วหาแนวทางแก้ปัญหาและพฒั นาดนิ เพื่อใชป้ ระโยชน์ บญุ ลอย มลู น้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา

54 บญุ ลอย มลู นอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา

55 1. ปัญหาของกิจกรรมน้ีคอื อะไร 2. ข้อมูลการสารวจดนิ ข้างต้นมปี ระโยชนใ์ นดา้ นใดบ้าง 3. ปญั หาของชุดดนิ งาว และชดุ ดินลาปาง เหมือนและแตกต่างกนั อยา่ งไรบ้าง 4. มีวธิ กี ารแกป้ ัญหาและพฒั นาแต่ละชดุ ดินอยา่ งไรบ้าง 5. สรุปคาตอบของปัญหามอี ะไรบ้าง บญุ ลอย มลู น้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา

56 แบบบนั ทกึ กิจกรรมท่ี 4 เรื่อง แก้ไขปญั หาและพฒั นาดิน กจิ กรรม เรอ่ื ง แกไ้ ขปญั หาและพัฒนาดิน วันทท่ี ากจิ กรรม ........................................................... รายช่อื สมาชิกในกลุ่ม 1. .......................................................................... เลขที.่ ............. ชั้น ม.............. 2. .......................................................................... เลขที่.............. ช้นั ม.............. 3. .......................................................................... เลขท.ี่ ............. ช้ัน ม.............. 4. .......................................................................... เลขที่.............. ชัน้ ม.............. 5. .......................................................................... เลขท.ี่ ............. ชัน้ ม.............. จดุ ประสงค์ของกิจกรรม : ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. 1. ปญั หาของกิจกรรมนี้คืออะไร ............................................................................................................................... ............................................... ............................................................................................................................. ................................................. 2. ข้อมูลการสารวจดินข้างต้นมีประโยชน์ในด้านใดบ้าง ............................................................................................................................... ............................................... ............................................................................................................... ............................................................... 3. ปัญหาของชดุ ดินงาว และชดุ ดนิ ลาปาง เหมือนและแตกต่างกนั อย่างไรบ้าง ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. 4. มีวิธีการแกป้ ัญหาและพฒั นาแตล่ ะชดุ ดนิ อยา่ งไรบ้าง .............................................................................................................. ................................................................ บญุ ลอย มลู น้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา

57 ............................................................................................................................. ................................................. 5. สรปุ คาตอบของปัญหามอี ะไรบา้ ง ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ใบความรทู้ ี่ 4 เรอ่ื ง การสารวจดินและการใช้ประโยชน์ การสารวจดนิ งานสารวจดนิ เปน็ งานทีต่ ้องอาศยั หลักวิชาการหลายแขนงทัง้ ทางดา้ นปฐพีวิทยา ธรณีวิทยา และ ทางด้านภมู ิศาสตร์ ธรณสี ัณฐานวิทยา อุตนุ ยิ มวิทยา ตลอดจนวิชาทเี่ กยี่ วข้องกับปา่ ไม้ เกษตรศาสตร์ และ การใชป้ ระโยชน์ทดี่ นิ ตา่ ง ๆ เข้ามาใชใ้ นการศึกษาเพือ่ อธบิ ายถึงลกั ษณะและคุณสมบัติที่สาคญั ของดนิ กาเนิด ของดนิ และการจาแนกดิน ภาพท่ี 1.21 แสดงการ สารวจดนิ ที่มา : กรมพฒั นาทดี่ ิน, 2553 บญุ ลอย มลู นอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา

58 หลักในการสารวจดนิ ประกอบด้วย 4 ประการดว้ ยกนั คือ - การตรวจสอบดินในสนาม - การตัวอย่างดินในห้องปฏบิ ัติการ - การทาแผนทีด่ นิ - การทารายงานสารวจดิน เคร่อื งมอื และอุปกรณ์ท่ีใช้ในการสารวจดิน ได้แก่ - ภาพถ่ายทางอากาศและแผนที่พนื้ ฐาน - เคร่ืองมือสาหรบั ขดุ - เครอื่ งมือท่ีใชใ้ นการท าแผนที่ - อปุ กรณใ์ นการศึกษาลักษณะดนิ และเก็บตัวอย่างดิน - ขอ้ สนเทศตา่ ง ๆ ประโยชนข์ องการสารวจดิน ขอ้ มลู ท่ีไดจ้ ากการสารวจดนิ ซ่ึงได้บันทึกไว้ในรูปของแผนทดี่ ินและรายงานการสารวจดิน มปี ระโยชน์ ต่องานในหลายสาขา พอสรปุ ได้ดังนค้ี ือ - ใช้เป็นขอ้ มลู ข้ันพ้ืนฐาน ในการวางแผนการเกษตรระดบั ประเทศ ข้อมลู ดิน ดังกลา่ วจะไดม้ าจากการ สารวจดนิ อยา่ งหยาบ - ใชเ้ ป็นขอ้ มลู ในการวางแผนระดับไร่นาซ่ึงข้อมลู ท่ีไดน้ ัน้ ได้มาจากการสารวจดินอย่างละเอยี ด - ใชเ้ ป็นข้อมูลพ้ืนฐานในการวางโครงการการใชท้ ด่ี นิ - ใช้เปน็ ขอ้ มูลพน้ื ฐานในการวางแผนการพฒั นาดา้ นชลประทาน - ใช้ประโยชนใ์ นงานด้านวิศวกรรม - ใช้เปน็ แนวทางในการประเมินราคาท่ีดิน บุญลอย มูลน้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา

59 ตวั อยา่ งผลการสารวจดนิ ในอาเภอเมือง จังหวดั ลาปาง ชดุ ดินลาปาง (Lampang series: Lp) กลุม่ ชุดดนิ ท่ี 16 การจาแนกดิน Fine-silty, mixed, semiactive, isohyperthermic Typic (Aeric) Endoaqualfs การกาเนิด เกดิ จากตะกอนน้าพาบริเวณตะพักลานา้ และท่ีราบระหว่างเขา สภาพพื้นที่ ราบเรยี บถงึ ค่อนข้างราบเรียบ ความลาดชัน 0-2 % การระบายน้า เลว การไหลบา่ ของน้าบนผิวดิน ช้า การซึมผา่ นไดข้ องน้า ชา้ พืชพรรณธรรมชาตแิ ละการใช้ประโยชนท์ ี่ดนิ นาข้าว อาจใชป้ ลกู พืชไร่เช่น ข้าวโพด ถัว่ หรอื พชื ผัก ก่อนหรือ หลงั ปลูกขา้ ว การแพรก่ ระจาย พบมากในภาคเหนอื ตอนบน บรเิ วณตะพักลานา้ และทร่ี าบระหวา่ งเขา การจดั เรียงช้นั ดิน Apg-Btg ลกั ษณะและสมบตั ดิ ิน เปน็ ดินลกึ มาก ดนิ บนเป็นดินรว่ นปนทรายแปง้ ดินรว่ นหรอื ดินร่วนเหนยี วปนทราย แป้ง สีเทาปนชมพู สีน้าตาลปนเทาถึงสนี ้าตาลอ่อน มจี ุดประสนี ้าตาลแกห่ รือสีน้าตาลปนเหลือง ปฏิกิรยิ าดิน เป็นกรดจัดถงึ เป็นกรดเลก็ น้อย (pH 5.5-6.5) ดนิ ล่างเปน็ ดินรว่ นเหนียวปนทรายแป้งถงึ ดินร่วนปนดนิ เหนยี ว สีเทาปนชมพหู รือสีเทาอ่อน มจี ดุ ประสีนา้ ตาลแก่ สีนา้ ตาลปนเหลือง หรือสแี ดงปนเหลอื ง บางแห่งอาจมศี ิลา แลงอ่อนและกอ้ นลูกรังปะปนอยบู่ า้ ง ปฏกิ ิรยิ าดนิ เปน็ กรดจัดมากถึงเปน็ กรดจดั (pH 4.5-5.5) ชดุ ดนิ ทคี่ ล้ายคลงึ กนั ชุดดนิ หนิ กอง และชดุ ดินศรีเทพ ขอ้ จากดั การใช้ประโยชน์ ดินมีความอุดมสมบรู ณ์ต่า มีอนิ ทรยี วตั ถุต่า และมกั แนน่ ทบึ ใต้ชัน้ ไถพรวน ข้อเสนอแนะในการใช้ประโยชน์ ควรไถพรวนใหล้ ึก ปรับปรงุ ดินด้วยอนิ ทรยี วัตถุและใช้ปยุ๋ อนิ ทรีย์ร่วมกับ ป๋ยุ เคมเี พ่ือเพมิ่ ผลผลิต ในพ้นื ท่ชี ลประทาน นอกฤดูทานาอาจปลูกพืชไรห่ รือพชื ผักซ่ึงจะตอ้ งยกร่องและปรับ สภาพดินใหร้ ว่ นซุยและระบายน้าดีขน้ึ โดยการเพิ่มอินทรยี วตั ถุ บญุ ลอย มูลนอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา

60 ทม่ี า : กรมพัฒนาทด่ี ิน, 2553 การใช้ประโยชน์จากดิน 1. ประโยชนต์ ่อการเกษตรกรรม เพราะดนิ เปน็ ต้นกาเนิดของการเกษตรกรรมเปน็ แหล่งผลิต อาหารของมนุษย์ ในดนิ จะมอี ินทรยี วตั ถุและธาตุอาหารรวมทง้ั น้าท่ีจาเปน็ ต่อการเจรญิ เติบโตของพืช อาหารที่ คนเราบรโิ ภคในทุกวนั น้ีมาจากการเกษตรกรรมถึง 90% 2. การเล้ยี งสัตว์ ดนิ เปน็ แหล่งอาหารสัตว์ทง้ั พวกพืชและหญา้ ทีข่ ึ้นอยู่ ตลอดจนเป็นแหล่งทอี่ ยู่อาศัย ของสตั ว์บางชนดิ เชน่ งู แมลง นาก ฯลฯ 3. เปน็ แหล่งที่อยู่อาศัย แผ่นดนิ เปน็ ทต่ี ัง้ ของเมือง บา้ นเรือน ทาใหเ้ กดิ วัฒนธรรมและอารยธรรม ของชุมชนตา่ ง ๆ มากมาย 4. เปน็ แหลง่ เกบ็ กกั นา้ เน้ือดินจะมีสว่ นประกอบสาคัญ ๆ คอื ส่วนท่ีเปน็ ของแข็ง ได้แก่ กรวด ทราย ตะกอน และสว่ นทเี่ ปน็ ของเหลว คอื นา้ ซึ่งอยู่ในรูปของความช้ืนในดนิ ซ่งึ ถ้ามอี ยู่มาก ๆ ก็จะกลายเป็น นา้ ซมึ อยู่คอื น้าใต้ดนิ น้าเหล่านจี้ ะค่อย ๆ ซึมลงทต่ี ่า เชน่ แม่น้าลาคลอง อา่ งเก็บนา้ ทาให้เรามนี า้ ใช้ได้ ตลอดไป บุญลอย มลู นอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา

61 ใบความรู้ที่ 5 เรือ่ ง การปรบั ปรงุ คุณภาพดนิ สาเหตุการเสอื่ มคณุ ภาพของดนิ 1. สญู เสยี ธาตุอาหารพืชและอนิ ทรียวัตถุ การใชด้ ินปลกู พชื เป็นเวลานาน โดยขาดการบารงุ รกั ษาทา ให้ดนิ เสือ่ มคุณภาพลง เนื่องจากการปลกู พืชมีการไถเตรยี มดิน การเผาเพ่ือเตรียมดินทาให้โครงสรา้ งดินถกู ทาลาย และง่ายต่อการสูญเสียหน้าดนิ โดยการไหลบา่ ของน้าหนา้ ดิน หรอื การชะลา้ ง พังทลายของดนิ โดยเฉพาะในพื้นท่ีที่มีความลาด นอกจากน้มี กี ารนาผลผลติ ออกจากพืน้ ทีป่ ลูกซึ่งเปน็ การนาธาตอุ าหารออกไป ด้วย ถ้าไม่มีการใสเ่ พิม่ เติมให้กับดินและมีการปลูกพืชเพื่อเก็บเกีย่ วผลผลติ ซ้าอยเู่ ร่ือย ๆ ดินจะเสอื่ มความอดุ ม สมบรู ณล์ ง 2. มีการสะสมเกลือหรอื สารพษิ มากเกินไป พ้ืนทใี่ นประเทศไทยมีการสะสมเกลือในปริมาณมากจน จัดว่าเป็นดนิ เคม็ ครอบคลุมพ้ืนทปี่ ระมาณ 19 ลา้ นไร่ เกิดจากเกลือที่ปะปนอยู่ในชนั้ ใต้ดินหรอื ชัน้ หนิ ลึกลงไป ในดินประมาณ 2-3 เมตร เม่ือฝนแลง้ หรือความช้ืนในดินลดลงมีการระเหยนา้ จากผวิ ดนิ นา้ จากใตด้ ินจะซึม ขึน้ มา เม่ือมาถงึ เขตรากพืชจะเป็นอนั ตรายต่อพืชปลูก การใส่ปุ๋ยเคมใี นดินมากเกินไป ทาใหเ้ กดิ ความไมส่ มดุล ของธาตุอาหาร นอกจากนี้ของเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมก็เปน็ สาเหตุอย่างหน่งึ ทท่ี าให้เกิดการเส่ือมสภาพ ของดินเน่ืองจากโรงงานอุตสาหกรรมมีการปลดปลอ่ ยของเสียจากกระบวนการผลติ ทง้ั ในรูปของแข็ง ของเหลว และกา๊ ซ 3. การทาให้สภาพทางกายภาพของดินเส่ือมลง การปฏบิ ตั ติ ่อดินโดยไม่ถูกตอ้ งตามหลักวิชาการ โดยเฉพาะการทาการเกษตร เช่น การไถเตรียมดินในสภาพความชน้ื ไมเ่ หมาะสม การไถดินบ่อยครงั้ ทาให้ โครงสร้างของดนิ เสีย แนน่ ทึบ รากพชื แพรก่ ระจายไปไดอ้ ยา่ งจากัดส่งผลตอ่ การเจริญเตบิ โตของพชื การระบายนา้ ระบายอากาศไม่ดี เมอ่ื ฝนตกลงมาดนิ จะเกบ็ ความช้ืนได้น้อย แต่นา้ จานวนมากไหลบา่ ไปตามผวิ ดนิ ชะเอาความอุดมสมบูรณ์ของดินไปดว้ ย 4. การสญู เสยี หนา้ ดิน โดยท่ัวไปหน้าดนิ หรือดินบนเปน็ ส่วนทม่ี ีความอดุ มสมบูรณ์ และเหมาะต่อ การเจริญเติบโตของพชื มากท่ีสดุ การเปดิ ผิวดนิ โดยการตดั ไมท้ าลายป่า เพื่อนาพ้ืนท่มี าทาการเกษตร หรือ พัฒนาพ้ืนทเี่ พ่ือประโยชนอ์ ย่างอนื่ เช่น สร้างถนน สรา้ งเขื่อนหรอื แหลง่ น้า สร้างอาคารบ้านเรอื น เป็นการ ทาลายสิง่ ปกคลุมผวิ หน้าดนิ ทาให้งา่ ยต่อการชะลา้ งพังทลาย บุญลอย มูลน้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา

62 วธิ กี ารพัฒนาและอนรุ กั ษ์ดนิ วธิ กี ารพฒั นาและอนุรักษด์ ิน สามารถทาได้หลายวิธดี ังนี้ 1. การใช้วัสดคุ ลุมดิน เปน็ การนาเอาวสั ดุใด ๆ เชน่ ฟางข้าว หญา้ แหง้ ข้ีเล่ือยหรอื เศษตอซังหลงั จาก เกบ็ เกย่ี วผลผลติ ออกจากพืน้ ทีแ่ ลว้ คลมุ หนา้ ดนิ ไว้เพอื่ ป้องกันการเซาะกร่อนของดิน โดยชว่ ยป้องกนั หรอื ลด การกระแทกของดินจากเม็ดฝนและลม ลดการไหลบา่ ของน้า ชว่ ยรกั ษาความชนื้ ในดนิ เป็นการเพ่ิมอินทรีวตั ถุ ให้กบั ดิน แต่อาจมีปัญหาบา้ งคอื เปน็ แหลง่ เพาะพนั ธขุ์ องแมลงและโรคพชื ได้ กรณีทใ่ี ช้หญ้าไมแ่ หง้ สนิทอาจ ก่อให้เกดิ การงอกของหญ้ากลายเปน็ วชั พชื 2. การปลกู พืชคลมุ ดนิ เป็นการปลกู พืชที่มใี บหนาแนน่ เพ่ือปกคลุมผิวหนา้ ดนิ และมีระบบรากลึก และแนน่ เพื่อยึดหนา้ ดนิ ตัวอยา่ งเช่น พืชในวงศ์ถั่ว และวงศ์หญ้า การปลูกพชื คลุมดนิ ช่วยป้องกันแรงปะทะ ของเม็ดฝนตอ่ ดิน ชว่ ยดูดธาตุอาหารมาเกบ็ เอาไว้ทาให้ลดการสญู เสยี โดยการชะละลายไปกับน้าใต้ดนิ และเมื่อ ส่วนต่าง ๆ ของพชื ตายและถูกยอ่ ยสลายโดยจุลนิ ทรีย์ ดินก็จะกลายเป็นอินทรยี วัตถุ ส่งผลใหด้ นิ มีสภาพทาง กายภาพทเี่ หมาะสม กรณีใช้พืชตระกูลถ่วั ยังมีประโยชน์ ในแง่ทข่ี องการตรงึ ไนโตรเจนอีกด้วย 3. การปลูกพืชตามแนวระดับ เปน็ การไถพรวน หว่าน และเกบ็ เกี่ยวผลผลิตพชื ขนานไปตามแนว ระดบั เพื่อลดอัตราการชะล้างพงั ทลายของดิน สว่ นใหญเ่ ป็นการปลูกพชื ชนดิ เดยี ว หรือกลุ่มเดียวกนั ในพนื้ ที 4. การปลูกพืชตามแบบข้ันบนั ได การทาข้นั บนั ได เพ่ือช่วยลดความลาดเท และความเร็วของน้าท่ี ไหลบา่ ทาให้ปริมาณการสญู เสยี เนอื้ ดนิ นอ้ ยลง ป้องกนั การเกิดร่องน้า และช่วยให้ดินเก็บความชน้ื ได้มากขึ้น 5. การใชร้ ะบบปลูกพืช เป็นการปลูกพชื หลายชนดิ ในแปลงเดียวกนั อาจปลูกพร้อมกัน เหล่อื มฤดูกัน หรอื ปลูกคนละฤดูกไ็ ด้ จุดประสงคใ์ นแง่การอนุรกั ษ์ดินคือใหม้ พี ชื คลุมพน้ื ท่ตี ลอดเวลาและมากทสี่ ุดเปน็ การลด การชะลา้ งพังทายของดนิ และช่วยรกั ษาความชุ่มชืน้ ของดิน โดยท่ัวไปสามารถทาได้ 3 ลักษณะคือ การปลูก พชื หมุนเวียน การปลูกพืชแซม และการปลูกพืชเหลอ่ื มฤดู 6. การใช้หญ้าแฝกในการอนุรักษ์ดิน หญา้ แฝกเป็นพืชที่มีระบบรากหยัง่ ลึกลงไปในดนิ มากกว่าทจ่ี ะ แผข่ ยายออกมาทางดา้ นขา้ ง รากจานวนมากประสานแน่นกันเป็นรา่ งแหสามารถเกาะยึดดนิ ไดด้ ี การปลูกหญา้ แฝกให้ชิดกนั สามารถเป็นแนวกาแพงทม่ี ีชวี ิตปอ้ งกนั การชะลา้ งพังทลายของดินได้ บญุ ลอย มลู น้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา

63 แบบทดสอบหลังเรยี น เรอ่ื ง ดิน คาชี้แจง 1. แบบทดสอบเปน็ แบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือกจานวน 10 ข้อ ใช้เวลา 10 นาที 2. ให้นกั เรยี นเลือกคาตอบท่ถี ูกตอ้ งทส่ี ุดเพยี งคาตอบเดยี วแลว้ ทาเคร่ืองหมายกากบาท (×) ลงใน กระดาษคาตอบ 1. ในการแบ่งดินออกเปน็ ดนิ ช้นั บน และดินชนั้ ลา่ งใชเ้ กณฑ์อะไร ก. สีของเนื้อดิน ข. การตกตะกอน ค. ซากพชื ซากสัตว์ ง. ขนาดของเม็ดดิน 2. ลักษณะของดินชัน้ บนกับดินชนั้ ล่างแตกต่างกันตามข้อใด ก. ดนิ ช้ันบนมีฮวิ มสั มากกว่า ข. ดนิ ช้ันบนมคี วามพรุนน้อยกว่า ค. สขี องดินชั้นบนจางกว่าสขี องดนิ ชน้ั ลา่ ง ง. ดินช้ันบนมขี นาดของเมด็ ดินเล็กกวา่ 3. ดนิ ช้นั ลา่ งมกั มีสีอะไร เพราะเหตใุ ด ก. สดี า เพราะมีฮิวมสั ข. สีเทา เพราะมีแรโ่ ลหะมาก ค. สีแดง เพราะมีธาตุทองแดงมาก ง. สเี หลือง เพราะมอี อกไซดข์ องเหล็ก 4. โดยธรรมชาติ ดินมสี ว่ นประกอบข้อใดมากท่ีสุด ก. น้า ข. อากาศ ค. อนิ ทรยี วัตถุ ง. สารอนินทรีย์ บญุ ลอย มูลนอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา

64 5. สว่ นประกอบของดนิ ที่มีผลต่อความพรุนของดินคือขอ้ ใด ก. น้า ข. อากาศ ค. อินทรยี วตั ถุ ง. สารอนนิ ทรีย์ 6. ถ้าดนิ x มี pH = 7.5 ดนิ y มี pH = 8.0 และ ดิน Z มี pH = 6.5 ข้อใดสรุปได้ถูกต้อง ก. ดินท้ังสามชนิดเปน็ กรด ข. ดนิ ทง้ั สามชนดิ เปน็ เบส ค. ดนิ x และดิน y เปน็ เบส สว่ นดิน z เปน็ กรด ง. ดนิ x และดนิ y เป็นกรด ส่วนดิน z เป็นเบส 7. การแก้ไขดนิ ท่ีมคี ่า pH = 5.5 ซึง่ เหมาะกบั การปลกู ข้าว เพื่อให้เหมาะสมกบั การปลกู ฝา้ ย มคี ่า pH = 6.0–8.0 ต้องใชส้ ารใดปรับปรงุ ก. ผงกามะถัน ข. แคลเซียมซัลเฟต ค. แอมโนเนียมคลอไรด์ ง. แคลเซียมไฮดรอกไซด์ 8. กรณีดนิ เค็ม แสดงว่าดนิ มีสารใดมากทีส่ ดุ ก. ผงกามะถัน ข. โซเดียมคลอไรด์ ค. แอมโมเนียมซัลเฟต ง. แคลเซียมไอดรอกไซด์ 9. การจาแนกดินออกเป็น 3 ชนิด คอื ดินรว่ น ดนิ เหนียว และดนิ ทราย ใช้เกณฑใ์ นขอ้ ใด ก. สขี องดนิ ข. ลกั ษณะของเนื้อดนิ ค. ความพรนุ ของดิน ง. องคป์ ระกอบของดิน 10. ดินที่มีค่า pH ในช่วง 4.5–6.5 มสี ภาพตรงกับขอ้ ใด ก. กรดจดั z เบสจดั ข. เบสเลก็ นอ้ ย z เบสจดั บุญลอย มลู นอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา

65 ค. เบสจดั มาก z เบสเลก็ น้อย ง. กรดจดั มาก z กรดเล็กน้อย บญุ ลอย มูลนอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา

66 https://goo.gl/sNJpMV ภาพที่ 1.22 ข้อสอบออนไลน์ เร่อื ง ดิน ท่มี า : บุญลอย มลู น้อย, 2561 บญุ ลอย มูลน้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา

67 แผนผงั ความคิด (Mind Mapping) วันที่...................เดือน...................................พ.ศ.................................. ช่อื – สกลุ ................................................................................ช้ัน............เลขท่.ี ..............กลมุ่ ที่.................... คาช้แี จง ใหน้ กั เรียนเขียนแผนผังความคดิ (Mind Mapping) สรุปเกีย่ วกับดนิ บุญลอย มูลนอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา

68 บรรณานกุ รม กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (2551).หลกั สตู รแกนกลางศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551. กรงุ เทพ ฯ : โรงพิมพ์ชมุ นุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จากดั . กรมพฒั นาทด่ี นิ . (2552). ความรู้เรื่องดินสาหรับเยาวชน. กรุงเทพฯ : กรมพฒั นาทีด่ ิน. . (2553). การสร้างตัวของดนิ . สืบคน้ เม่ือ 15 พฤศจกิ ายน 2555, สืบค้นจาก http://osl101.ldd.go.th/easysoils/s_factor.htm . (2553). ความร้เู รอ่ื งดนิ . สบื ค้นเมื่อ 15 พฤศจกิ ายน 2555, สบื คน้ จาก http://osl101.ldd.go.th/easysoils/s_%20profile.htm . (2553). สีของดิน. สืบค้นเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2555, สืบค้นจาก http://osl101.ldd.go.th/easysoils/s_forming.htm กรมวิชาการ. (2546). ธรณวิทยานา่ รรู้ ะดับมธั ยมศึกษา. กรุงเทพฯ : ศนู ย์พฒั นาหนังสือกรมวิชาการ กระทรวงศกึ ษาธิการ. บัญชา แสนทวแี ละคณะ. (2554). หนงั สอื เรยี นรายวิชาพ้ืนฐาน กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ระดับชั้น มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 เล่ม 1. กรุงเทพฯ : วัฒนาพานิช. ประดบั นาคแกว้ และคณะ. (2551). หนงั สือเรียนสาระการเรียนรพู้ นื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ม.2. กรงุ เทพฯ : แมค็ , พมิ พันธ์ เดชะคุปตแ์ ละคณะ. (2548). หนังสอื เรียนสาระการเรยี นร้พู นื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ม.2. กรงุ เทพฯ : พฒั นาคุณภาพวชิ าการ. พิษณุ วงศ์พรชยั . (2548). ธรณีวทิ ยาเบื้องต้น. เชียงใหม่ : ภาควชิ าธรณีวทิ ยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. ยุพา วรยศและคณะ. (2553). หนังสือเรยี นรายวิชาพื้นฐาน กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ระดับช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 2. พิมพค์ รง้ั ท่ี 3. กรุงเทพฯ : อักษรเจรญิ ทัศน์. สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย.ี (2554). คู่มอื ครรู ายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ 3 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 เล่มท่ี 1 กล่มุ สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ ตามหลกั สตู ร แกนกลางการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551. พิมพ์ครงั้ ท่ี 1. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพรา้ ว. . (2558). หนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ 3 ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 เล่ม 1 กล่มุ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551. พิมพ์คร้งั ที่ 7. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพรา้ ว. บญุ ลอย มูลน้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา

69 ก คานา ชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว22101 สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 2 หน่วยการเรียนรู้ ทรัพยากรธรณี จัดทาขึ้นตามกรอบและมาตรฐาน การเรียนรู้ของกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยมีเน้ือหาสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เพ่ือประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์พ้ืนฐาน เป็น ชุดกิจกรรมท่ีมุ่งพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนทางวิทยาศาสตร์ และเพ่ือให้นักเรียนได้ฝึกกระบวนการสืบ เสาะหาความรู้และสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนมีความรู้ ความเขา้ ใจเกี่ยวกับทรพั ยากรธรณีท่ีอย่รู อบตัวของนักเรียน และสามารถนาความรไู้ ปใชใ้ นชีวติ ประจาวันได้ ซึ่ง ชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ เป็นชุดกิจกรรมท่ีอยู่บนฐานความคิด “ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21” ที่เน้น “กระบวนการเรียนรู้สาคัญกว่าความรู้” และ “กระบวนการหาคาตอบสาคัญกว่าคาตอบ” โดยปลูกฝัง การเรียนรู้จากรู้วิชาไปสู่ทักษะในการใชว้ ิชาเพอื่ การดารงชีวติ ในโลกแหง่ ความเปน็ จริงอยา่ งยงั่ ยนื ชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว22101 สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หน่วยการเรยี นรู้ ทรัพยากรธรณี มีทัง้ หมด 5 ชุด ดังนี้ ชดุ กจิ กรรมวิทยาศาสตร์ ชุดท่ี 1 ดิน ชุดกจิ กรรมวทิ ยาศาสตร์ ชดุ ท่ี 2 หนิ ชดุ กิจกรรมวทิ ยาศาสตร์ ชดุ ท่ี 3 แร่ ชุดกิจกรรมวทิ ยาศาสตร์ ชุดที่ 4 เช้ือเพลิงธรรมชาติ ชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ ชุดที่ 5 น้า ชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ ชุดท่ี 1 ดิน เป็นชุดกิจกรรมท่ีสร้างขึ้นเพื่อให้นักเรียนเข้าใจลักษณะและ สมบัติของดิน สามารถอธิบายลักษณะคุณสมบัติตามสภาพดินในแต่ละพ้ืนท่ี และเข้าใจถึงปัญหาของดินและ การปรับปรุงคุณภาพดิน โดยมุ่งเน้นให้นักเรียนได้ศึกษาและฝึกปฏิบัติการทดลอง รวมทั้งปลูกฝังจิต วิทยาศาสตรใ์ หเ้ กิดกบั ผเู้ รียนและสามารถนาความรู้ไปใชใ้ นชีวิตประจาวันได้ หวังเป็นอย่างย่ิงว่าชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ทุกชุด จะเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียนในการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ และสร้างให้นักเรียนเป็นผู้มีความใฝ่รู้ ใฝ่เรียน รักการสืบเสาะหาความรู้ สามารถเช่ือมโยงองค์ ความรู้สู่ชีวิตประจาวันของตนเอง และทาให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงข้ึน ตลอดจนมีเจตคติท่ีดีต่อ การเรียนวิทยาศาสตร์ ขอขอบคุณท่านผู้เช่ียวชาญท่ีตรวจสอบความถูกต้อง ผู้บริหารโรงเรียน ศึกษานิเทศก์ เพ่ือนครูและ นักเรียนท่ไี ด้ใหค้ วามรว่ มมอื ในการสรา้ งสรรค์ผลงานจนประสบความสาเร็จ บุญลอย มลู น้อย บุญลอย มูลน้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา

70 บญุ ลอย มลู นอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา

71 ข สารบญั เร่ือง หน้า คานา ………………………………………………………………………………………………………………………………………... ก สารบัญ …………………………………………………………………………………....……………………………………………….. ข คาแนะนาการใช้ชุดกิจกรรมวทิ ยาศาสตร์ ............................................................................................... ... 1 มาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ช้วี ัด จดุ ประสงค์การเรียนรู้ .................................................................................. 2 แบบทดสอบก่อนเรยี น ………………………………………………………..…………………………………………………….... 3 ใบกจิ กรรม เรอ่ื ง การเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี .............………………………………………………………………………………. 6 แบบบันทกึ กิจกรรม เรอื่ ง การเกิดปฏิกริ ิยาเคมี …......………………………………..……………………………………. 8 ใบความรเู้ รอ่ื ง การเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี …..…………….…………………………………………………………………………… 10 ใบงานเรือ่ ง การเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี …..…………..…………………………………………..……………………………………. 19 แบบทดสอบหลงั เรยี นเรื่อง การเกดิ ปฏกิ ิริยาเคมี …....…………………………………………………………………...... 23 แผนผงั ความคิด (Mind Mapping) …...…………………………………………………………………………………………. 26 บรรณานุกรม …………………………………………………………………………….……………….....….…………….………... 27 บุญลอย มูลน้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา

72 คาแนะนาการใช้ชดุ กจิ กรรมวิทยาศาสตร์ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว22101 โดยใช้ชดุ กิจกรรมวิทยาศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ ทรพั ยากรธรณี ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 2 มเี นื้อหาสาระทส่ี อดคล้องกบั หลกั สตู รสถานศึกษา โรงเรยี นแสลมวิทยา ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 สาระท่ี 6 กระบวนการ เปล่ยี นแปลงของโลก ให้นกั เรียนปฏิบตั ิตามขนั้ ตอน ดงั นี้ 1. นกั เรยี นควรฟงั คาอธบิ ายถึงความสาคญั ของชุดกจิ กรรมวทิ ยาศาสตร์ หนว่ ยการเรียนรู้ ทรัพยากร ธรณี 2. นกั เรียนควรแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 4-5 คน โดยคละความสามารถ นกั เรยี นในกลุ่มเปน็ เก่ง ปานกลาง และอ่อน 3. นกั เรยี นควรอ่านคาแนะนาการใช้ชุดกจิ กรรมวิทยาศาสตร์ ข้นั ตอนการเรียนโดยใชช้ ดุ กิจกรรม วทิ ยาศาสตร์ใหเ้ ข้าใจก่อนลงมือปฏิบัติ 4. นักเรียนควรศึกษาสาระการเรียนรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวช้ีวัดและจดุ ประสงค์การเรียนรู้ 5. นกั เรยี นควรทาแบบทดสอบก่อนเรยี น ซงึ่ มีทางเลือกให้นักเรยี นเลอื กทาข้อสอบทางออนไลนไ์ ด้ โดยใช้อุปกรณ์ส่ือสาร อาทิ โทรศพั ท์มือถือ หรือแท็บเลต็ ในการสแกน QR Code 6. วิธีสแกน QR Code มดี ังน้ีคือ ใชอ้ ุปกรณส์ ื่อสารเข้า Line และคล๊กิ เลอื กเมนู Add Friends จากนั้นเลอื กเมนู QR Code และถ่าย QR Code ท่ีปรากฏบนหนา้ กระดาษ ดังตวั อย่าง และสามารถเข้าทา ข้อสอบออนไลน์หรือศกึ ษาข้อมลู เพิม่ เติมได้ทันที 6. นกั เรยี นควรอา่ นรายละเอียดของชดุ กิจกรรมวิทยาศาสตรก์ ่อนลงมือปฏบิ ัตทิ ุกครั้ง 7. นกั เรยี นควรปฏิบตั ิตามคาชแี้ จงและตอบคาถามในกิจกรรมทุกข้อ 8. นักเรยี นสามารถดู VDO (ส่ือการเรียนร)ู้ เพ่มิ เติมทีแ่ ทรกอยูภ่ ายในเน้ือหาของชดุ กิจกรรม เพือ่ ชว่ ย ใหน้ ักเรยี นได้ความรู้เสริมเพิม่ เติมนอกเหนือจากเนื้อหาในรูปเล่มหนงั สอื ปกตไิ ดโ้ ดยการสแกน QR Code มี วิธีการสแกน QR Code ดังกลา่ วในขอ้ 6. 9. เมื่อเสร็จสิ้นการฝึกปฏิบัติแล้ว นักเรยี นร่วมกนั อภปิ รายเกย่ี วกบั กจิ กรรมท่ปี ฏิบัติ 10. นักเรียนศกึ ษาใบความรู้ ทาใบงาน ทาแบบทดสอบหลังเรียนและเขียนแผนผงั ความคิด ในการทา แบบทดสอบหลงั เรียนมีทางเลอื กให้นักเรยี นเลอื กทาข้อสอบทางออนไลน์ได้ โดยใช้อปุ กรณส์ ่อื สาร อาทิ โทรศัพท์มอื ถอื หรือแทบ็ เล็ต ในการสแกน QR Code ท่ปี รากฏและสามารถทาขอ้ สอบออนไลนไ์ ดท้ ันที บุญลอย มลู น้อย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา

73 บญุ ลอย มลู นอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา

74 คาแนะนาการใช้ E – Book ชุดกจิ กรรมวทิ ยาศาสตร์ ชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ ทรัพยากรธรณี สาหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2 ทั้ง 5 ชุดน้ี ได้จัดทาขึ้น 2 รูปแบบ คือแบบรูปเล่มหนังสือ และแบบ E - Book Online ซ่ึงครูผู้สอน และ นักเรียนสามารถศึกษา ค้นคว้า หาข้อมูลได้ผ่านระบบ Internet โดยมีวิธีการเข้าใช้งาน E – Book Online ดังนี้ 1. ใช้อุปกรณ์สื่อสาร อาทิ โทรศัพท์มือถือ หรือแท็บเลต็ ในการสแกน QR Code ที่ หนา้ ปกชุดกจิ กรรมวทิ ยาศาสตร์ ท้ัง 5 ชดุ 2. ใชอ้ ปุ กรณส์ ื่อสารเขา้ Line และคลกิ๊ เลือกเมนู Add Friends จากน้นั เลอื กเมนู QR Code และถ่าย QR Code บนหนา้ ปกหนังสอื ดงั ตวั อย่าง 3. เม่อื อปุ กรณส์ ื่อสารสามารถเข้าสู่ URL ของ E – Book Online แลว้ ใหผ้ ูใ้ ชค้ ล๊กิ เข้าไปสู่ E – Book เพอ่ื ทาการศึกษาขอ้ มลู ต่าง ๆ ของชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์เลม่ นน้ั ๆ ได้ทันที 4. สาหรับความพิเศษของ E – Book ชุดกิจกรรมวิทยาศาสตร์เลม่ น้ีคือ ผเู้ ข้าใชง้ าน สามารถคลิ๊กดู VDO (ส่อื การเรียนรู้) เพ่มิ เติมทแี่ ทรกอยู่ภายในเนอ้ื หาของชุดกจิ กรรม เพ่ือชว่ ยให้ผู้ศกึ ษาได้ ความรู้เสริมเพ่ิมเตมิ นอกเหนือจากเน้ือหาในรูปเลม่ หนังสอื ปกติ 5. สาหรับผใู้ ช้ที่เข้าใชง้ าน E – Book ชดุ กจิ กรรมวิทยาศาสตร์เลม่ นี้ หากมีความ ประสงค์จะพิมพ์ใบกิจกรรม แบบบนั ทกึ กจิ กรรม ใบงาน แบบทดสอบก่อนเรียนหรือแบบทดสอบหลงั เรยี น สามารถคลิก๊ ทส่ี ญั ลักษณ์เคร่ือง Printer ทหี่ น้านัน้ ๆ ไดท้ ันที บญุ ลอย มูลนอ้ ย โรงเรยี นแสลมวทิ ยา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook