Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ทักษะในศตวรรษที่ 21 เพื่อชีวิตและอาชีพ

ทักษะในศตวรรษที่ 21 เพื่อชีวิตและอาชีพ

Published by qowoeo750, 2020-11-04 17:50:26

Description: การสื่อสาร

Search

Read the Text Version

ชื่อโครงการ สื่อสารสมั พันธ์ ฝา่ ฟันด้วยความเข้าใจ โดย ชือ่ นางสาวเกษรนิ นามสกุล ครี ี รหัสนกั ศึกษา 624143004 ชื่อ นางสาวจรี าวรรณ นามสกุล ถวลิ วรรณ์ รหัสนกั ศึกษา 624143010 ช่ือ นางสาวปิตกิ าญจน์ นามสกลุ สงเกดิ รหัสนกั ศกึ ษา 624143013 ชือ่ นางสาวสุภาวดี นามสกุล ศรวี ะปะ รหสั นักศกึ ษา 624143014 ช่ือ นางสาวเกยี รตภิ ิวฒั น์ นามสกลุ วฒุ ิระวัฒน์ รหัสนักศกึ ษา 624143017 ชื่อ นางสาวธนาวฒุ ิ นามสกลุ จโิ สะ รหสั นักศึกษา 624143018 เสนอ อาจารย์วรรณี กองพิธี โครงการฉบบั น้เี ปน็ สว่ นหนงึ่ ของรายวชิ าทกั ษะในศตวรรษท่ี 21 เพอ่ื ชีวติ และอาชพี ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2563 คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสงขลา

ก คำนำ โครงการนี้ จดั ทาขึน้ เพ่ือให้นักศกึ ษาท่เี ขา้ รว่ มกิจกรรมได้รับความรู้ ความเข้าใจถงึ ความสาคัญของทกั ษะ communication : การสอ่ื สารอย่างถกู ต้องเหมาะสม เป็นหน่งึ ในทักษะ 5Cs ทักษะการส่ือสารเป็นทักษะการพูด เขียน และส่อื ภาษากายได้ตรงตามวัตถปุ ระสงค์ รบั ข้อมูล และตีความหมายได้ถกู ต้อง รวมถึงนาเสนอต่อผู้อื่นไดช้ ดั เจน ท้งั น้คี ณะผู้จัดทาหวงั เปน็ อย่างยิง่ วา่ โครงการเลม่ นี้จะเปน็ ประโยชน์ตอ่ ผทู้ ีศ่ ึกษาไดน้ าไป ประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ติ ประจาวนั และใช้ในการประกอบในการเรียนรใู้ นวิชาอน่ื ๆ คณะผู้จัดทาขอขอบคุณ อาจารยว์ รรณี กองพิธี ที่ไดช้ ้ีแนวทางในการจัดทารายงานครัง้ นี้ คณะผู้จัดทา 27 กนั ยายน 2563

สำรบัญ ข คำนำ หน้ำ สำรบญั ก สำรบญั ตำรำง ข บทที่ 1 บทนำ ค บทท่ี 2 เอกสำรและทฤษฎที ่ีเกี่ยวข้อง 1 บทที่ 3 วิธดี ำเนินงำนโครงกำร 5 บทที่ 4 ผลกำรดำเนนิ งำนโครงกำร 19 บทที่ 5 สรุปผล อภปิ รำย และขอ้ เสนอแนะ 21 เอกสำรอ้ำงองิ 25 ภำคผนวก 27 28

สำรบัญตำรำง ค ตารางท่ี 1.1 ข้ันตอนการดาเนินงาน หน้ำ ตารางที่ 1.2 กิจกรรมตามแผนการดาเนินงาน 2 ตารางท่ี 1.3 การประเมินผล (ตามวตั ถุประสงค์) 3 ตารางที่ 4.1 การจัดทากิจกรรมในโครงการ 4 ตารางท่ี 4.2 แบบประเมินผเู้ ขา้ ร่วมโครงการ 21 ตารางที่ 4.3 แบบประเมินผู้จัดทาโครงการ 22 23

1 บทท่ี 1 บทนำ 1. ความเปน็ มาและความสาคัญของโครงการ ในศตวรรษที่ 21 เป็นยุคข้อมูลขำ่ วสำรท่ีไร้พรมแดน มพี ัฒนำกำรและกำรเปลีย่ นแปลงอยำ่ ง มำกท้งั ทำงดำ้ นเทคโนโลยีและสังคม ดงั น้นั กำรดำรงชวี ติ อยใู่ นยุคศตวรรษที่ 21 ได้นั้นต้องมีทักษะ ตำ่ งๆทช่ี ว่ ยพฒั นำตนเองและปรบั ตัวใหท้ นั ตอ่ กำรเปลย่ี นแปลงทีจ่ ะเกิดขึน้ เรยี กวำ่ ทักษะกำรเรียนรู้ (Learning Skill) คอื 3R x 8C ซึง่ ในฐำนะนกั ศกึ ษำวชิ ำชพี ครู กำรศกึ ษำทักษะ 5Cs คือ ทกั ษะดำ้ น กำรทำงำนของครู เป็นทักษะที่สำคัญมำกในกำรจดั กำรเรียนรใู้ ห้กับผู้เรียน โดยทกั ษะ communication : กำรสื่อสำรอยำ่ งถูกต้องเหมำะสม เปน็ หน่ึงในทกั ษะ 5Cs ทกั ษะกำรสอ่ื สำรเปน็ ทักษะกำรพดู เขยี น และสอ่ื ภำษำกำยได้ตรงตำมวตั ถปุ ระสงค์ รบั ข้อมลู และตีควำมหมำยไดถ้ ูกตอ้ ง รวมถึงนำเสนอต่อผอู้ น่ื ได้ชดั เจน ปรับใช้สอ่ื และเทคโนโลยใี ห้เหมำะกับจดุ ประสงค์ และสำมำรถ ประเมินประสิทธิภำพของแต่ละส่ือไดส้ ื่อสำรได้ในทุกบริบทท่แี ตกตำ่ งหลำกหลำย ปจั จุบันกำรดำรงชีวิตในยุคศตวรรษที่ 21 นั้นต้องมีทักษะ communication : กำรสื่อสำร อย่ำงถูกต้องเหมำะสม เพ่ือพัฒนำตนเองและปรบั ตวั ให้เทำ่ ทันต่อกำรเปล่ียนแปลง จงึ จดั โครงกำร “สอ่ื สารสัมพันธ์ ฝา่ ฟันดว้ ยความเข้าใจ” ขึ้น เพ่อื ให้นักศึกษำที่เข้ำรว่ มกิจกรรมไดร้ บั ควำมรู้ ควำม เข้ำใจถึงควำมสำคัญของทักษะ communication : กำรส่อื สำรอยำ่ งถูกต้องเหมำะสม สำมำรถนำไป ประยกุ ตใ์ ช้ได้ในชวี ิตประจำวันและกำรดำรงชีวิตในยคุ ในศตวรรษที่ 21 2. วัตถุประสงค์ 2.1 เพื่อเรียนรู้กระบวนกำรทำงำน โครงกำรเร่ือง สอ่ื สำรสัมพนั ธ์ ฝ่ำฟนั ดว้ ยควำมเข้ำใจ 2.2 เพอ่ื จดั กจิ กรรม/เกม โดยใชท้ กั ษะ communication : กำรส่อื สำรอย่ำงถกู ตอ้ ง เหมำะสม ซง่ึ เป็นทักษะ 5Cs เรือ่ ง ส่ือสำรสัมพนั ธ์ ฝำ่ ฟันด้วยควำมเขำ้ ใจ 2.3 เพอื่ ให้ไดโ้ ครงกำร 1 เลม่ ของโครงกำรพฒั นำทกั ษะดำ้ นกำรทำงำนของครู (ด้ำนกำร จดั กำรเรยี นรู)้ โดยประยุกตใ์ ช้ทกั ษะ 5Cs เรอื่ ง สือ่ สำรสมั พนั ธ์ ฝำ่ ฟันดว้ ยควำมเข้ำใจ

2 3. เปา้ หมาย 3.1 เชิงปริมำณ นักศึกษำชน้ั ปีท่ี 1 โปรแกรมวชิ ำคณิตศำสตร์ คณะครศุ ำสตร์ มหำวทิ ยำลยั รำชภัฏ สงขลำ จำนวน 10 คน 3.2 เชงิ คณุ ภำพ นักศึกษำที่ได้เขำ้ ร่วมและคณะผ้จู ัดทำโครงกำร ได้มีควำมรู้ ควำมเข้ำใจ และเห็นถึง ควำมสำคญั ของทักษะ communication : กำรสอ่ื สำรอย่ำงถูกต้องเหมำะสม สำมำรถนำสงิ่ ที่ได้รับ ไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตประจำวันและปรบั ตวั ใหเ้ ขำ้ กบั ยุคศตวรรษท่ี 21 ได้ 4. วิธดี าเนินงาน ระหวำ่ งวันที่ เดือน 23 พฤศจิกำยน พ.ศ. 2563 ถงึ วันที่ 6 เดือน พฤศจกิ ำยน พ.ศ. 2563 โดยมีแผนกำรดำเนนิ งำน ดังน้ี 4.1 ขั้นตอนกำรดำเนนิ งำน ตำรำงที่ 1.1 ขัน้ ตอนกำรดำเนินงำน ลำดบั ท่ี ขน้ั ตอนกำรดำเนนิ งำน วนั ที่ 1 วันท่ี 2 วนั ที่ 3 วนั ท่ี 4 1 ศึกษำหัวข้อที่ไดร้ บั มอบหมำย 2 สำรวจและคน้ ควำ้ หำข้อมลู 3 จดั ทำโครงรำ่ งเพ่ือนำเสนอ 4 ลงมือปฏบิ ตั กิ ำรจัดทำโครงกำร 5 ทดลองใชผ้ ลงำน 6 ปรับปรุงและแก้ไข 7 นำเสนอโครงกำร 8 ประเมินผล

3 4.2 กิจกรรมตำมแผนกำรดำเนนิ งำน (จำนวนกิจกรรม ขน้ี อยกู่ บั แต่ละโครงกำร) ตำรำงท่ี 1.2 กจิ กรรมตำมแผนกำรดำเนนิ งำน รายละเอยี ดกจิ กรรม วันที่/เวลา สถานที่ ผรู้ บั ผดิ ชอบ กจิ กรรมที่ 1 ใบ้คำมหนั ตภยั 28 ตุลำคม 2563 ตึก 5 คณะจดั ทำ เวลำ 09.00 – 09.30 น. คณะครศุ ำสตร์ โครงกำร กิจกรรมท่ี 2 โจรเอย๋ เจำ้ คอื ใคร 28 ตลุ ำคม 2563 ตกึ 5 คณะจัดทำ เวลำ 09.30 – 10.00 น. คณะครุศำสตร์ โครงกำร กจิ กรรมที่ 3 ส่งสำรพรำยกระซิบ 28 ตลุ ำคม 2563 ตึก 5 คณะจัดทำ กจิ กรรมท่ี 4 ขอเพยี งเขำ้ ใจ เวลำ 10.00 – 10.30 น. คณะครุศำสตร์ โครงกำร Math Hearts 28 ตลุ ำคม 2563 ตึก 5 คณะจัดทำ เวลำ 11.00 – 11.30 น. คณะครุศำสตร์ โครงกำร 5. สถานทดี่ าเนนิ งาน ตกึ 5 คณะครุศำสตร์ มหำวทิ ยำลยั รำชภฏั สงขลำ 6. ผรู้ บั ผิดชอบโครงการ คณะผู้จัดทำโครงกำร

4 7. การประเมินผล (ตามวตั ถุประสงค์) ตำรำงที่ 1.3 กำรประเมินผล (ตำมวัตถุประสงค์) ตัวชว้ี ดั ควำมสำเรจ็ วิธีกำรประเมนิ (ตรวจผลงำน) 1. เพอ่ื เรียนรูก้ ระบวนกำรทำงำน โครงกำรเร่อื ง ส่อื สำร ประเมนิ จำกกำรจดบนั ทึกถึง สัมพนั ธ์ ฝำ่ ฟนั ดว้ ยควำมเข้ำใจ กระบวนกำรเรยี นรู้ 2. เพ่ือจดั กจิ กรรม/เกม โดยใชท้ กั ษะ communication : ประเมนิ จำกกิจกรรม/เกมที่ กำรสอื่ สำรอย่ำงถูกตอ้ งเหมำะสม ซึง่ เปน็ ทักษะ 5Cs เรื่อง จดั ทำขึ้นมำ สอ่ื สำรสัมพนั ธ์ ฝำ่ ฟนั ดว้ ยควำมเขำ้ ใจ 3. เพื่อให้ได้โครงกำร 1 เลม่ ของโครงกำรพัฒนำทกั ษะด้ำน ประเมินจำกรปู เล่มโครงกำร กำรทำงำนของครู (ดำ้ นกำรจัดกำรเรียนรู้) โดยประยุกต์ใช้ ทักษะ 5Cs เรือ่ ง สือ่ สำรสมั พันธ์ ฝำ่ ฟันดว้ ยควำมเข้ำใจ 8. ผลที่คาดว่าจะได้รบั 8.1 ไดเ้ รยี นรูก้ ระบวนกำรทำงำน โครงกำรเรื่อง สอ่ื สำรสมั พนั ธ์ ฝำ่ ฟันด้วยควำมเข้ำใจ 8.2 ไดจ้ ดั กิจกรรม/เกม โดยใชท้ กั ษะ communication : กำรสือ่ สำรอย่ำงถูกตอ้ ง เหมำะสม ซ่ึงเป็นทกั ษะ 5Cs เรือ่ ง ส่ือสำรสมั พันธ์ ฝำ่ ฟนั ด้วยควำมเขำ้ ใจ 8.3 ได้โครงกำร 1 เลม่ ของโครงกำรพัฒนำทักษะดำ้ นกำรทำงำนของครู (ด้ำนกำรจดั กำร เรยี นรู)้ โดยประยุกต์ใชท้ ักษะ 5Cs เรือ่ ง ส่ือสำรสมั พนั ธ์ ฝำ่ ฟันด้วยควำมเข้ำใจ

5 บทที่ 2 เอกสำรท่ีเกี่ยวข้อง ในกำรดำเนนิ โครงกำรพัฒนำตนเองโดยประยุกต์ใช้ทักษะในศตวรรษท่ี 21 คือ ทักษะ 5Cs เร่อื ง สอื่ สำรสมั พันธ์ ฝ่ำฝันด้วยควำมเขำ้ ใจ ผูจ้ ดั ทำไดร้ วบรวมแนวคดิ ทฤษฎีและหลกั กำรต่ำงๆ จำก เอกสำรทเี่ กี่ยวข้อง เพ่ือเปน็ แนวทำงในกำรจัดทำโครงกำรดังมีรำยละเอยี ดต่อไปน้ี 1. แนวคิด / ทฤษฎี ควำมรูต้ ่ำงๆเก่ียวกบั กำรพฒั นำผเู้ รยี นท่ีนำมำศึกษำ ประกอบกำรจัดทำโครงกำร 2. แนวคดิ / ทฤษฎี และเอกสำรท่ีเกี่ยวข้องกบั กำรเขียนโครงกำร กำรประเมินผล โครงกำร 1. แนวคิด / ทฤษฎี ความรู้ตา่ งๆเกย่ี วกับการพัฒนาผเู้ รียนทนี่ ามาศึกษาประกอบการ จัดทาโครงการ 1.1 ทกั ษะการเรยี นรู้ในศตวรรษท่ี 21 (3R8C) ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 (3R8C) กำรเรยี นรสู้ มยั ใหมต่ ั้งแต่อนบุ ำลหรือกอ่ นอนบุ ำลไปจนถึงจบ ปริญญำเอก จนแก่ ก็ ตอ้ งเรยี นให้ได้ท่ีเรยี กว่ำ \"Transformative Learning \"แปลวำ่ ตอ้ งเรยี นใหไ้ ด้องคป์ ระกอบสว่ นท่ีเป็น ผู้นกำรเปลย่ี นแปลง มีทักษะผนู้ ำ ภำวะผูน้ ำ และหมำยถงึ ว่ำเป็นผู้ทีจ่ ะเข้ำไป ร่วมกันสร้ำงกำร เปล่ยี นแปลง (โดยต้องเปลี่ยนตวั เองก่อน) เพรำะโลก สมยั ใหมท่ กุ อย่ำงเปลย่ี นตลอดเวลำเด็กตอ้ งมี ชวี ติ อีก ๕๐ - ๒๐ - ๗๐ ปี โลกมนั จะเปลย่ี นไปอยำ่ งนึกไม่ถึงเลยว่ำจะเปล่ยี นไปอย่ำงไร พวกเขำต้อง เปน็ สว่ นหนึ่งของกำรเปลยี่ นแปลง เขำต้องเปน็ ผู้หนงึ่ ทม่ี ีส่วนรว่ มสรำ้ ง กำรเปล่ียนแปลง หำกเขำไมท่ ำ อยำ่ งน้ัน เขำจะถูกเปลย่ี นแปลง ชวี ติ เขำ จะยำกลำบำกมำก เพรำะเขำจะเป็นผูถ้ ูกกระทำ และนี่คือ หัวใจของทักษะ กำรเรยี นรู้และกำรสร้ำงนวัตกรรม เป็นท่ีทรำบกันดวี ่ำเรำได้เขำ้ สู่ยคุ ดจิ ทิ ัลกนั แล้ว กำรเรียนกำรสอนแบบห้องเรียนยคุ เกำ่ จงึ ไมเ่ พียงพอที่จะเสริมสร้ำงทักษะควำมรู้ควำมสำมำรถให้เด็กในยุคนนี้ ำไปใชป้ ระกอบอำชีพใน อนำคตได้ จงึ ได้มีกำรสำรวจและวิเครำะห์ควำมต้องกำรของตลำดแรงงำน รวมทัง้ แนวโนม้ ของ

6 เทคโนโลยใี นองค์กรใหญ่ ๆ ท่ัวโลก และสรปุ เปน็ ทักษะที่จำเป็นในศตวรรษท่ี 21 (21st Century Skills) ซง่ึ เป็นทักษะท่ีเด็กในยุคนีต้ อ้ งมี โดยประกอบดว้ ย 3R x 8C และเม่ือยุคสมยั เปลย่ี นแปลง ควำมเจริญก้ำวหนำ้ ทำงเทคโนโลยที เ่ี กิดข้ึน ทำให้ วงกำรกำรศึกษำในประเทศไทยจำเป็นต้องตอบสนองต่อควำมท้ำทำยที่ต้องเผชิญอย่นู ้ี เรำต้องกำร รูปแบบกำรทำงำนทส่ี ำมำรถพัฒนำกรอบควำมคิดเพ่อื กำรเรยี นรู้แห่งศตวรรษที่ 21 เพื่อท่สี ำมำรถจัด กำรศึกษำตอบสนองตอ่ ควำมต้องกำรท่กี ำลังเปลยี่ นแปลงของสังคมซ่ึงเยำวชนไทยกำลังเผชญิ อยู่ โดย ท่ีในประเทศไทยนัน้ ได้ยดึ หลกั ของกำรจดั กำรเรยี นกำรสอนที่เนน้ ผู้เรยี นเป็นศนู ย์กลำง ตำมควำมคิด ของนักคอนสตรคั ติวสิ ต(์ Constructivist) ทเี่ ช่ือว่ำกำรเรียนร้เู กิดจำกกำรที่ผ้เู รียนเป็นผู้สร้ำงควำมรู้ คณุ ลักษณะของเด็กไทยในศตวรรษท่ี 21 จะต้องมคี ุณลักษณะทส่ี ำคัญ 3 ประกำร ประกำรแรก คือ มีทักษะที่หลำกหลำย เชน่ สำมำรถทำงำนร่วมกบั คนเยอะๆ ได้ อยำ่ งรวดเร็ว รบั ผิดชอบงำนไดด้ ว้ ยตนเอง และรู้จกั พลกิ แพลงกระบวนกำรแก้ไขปญั หำได้ ประกำรที่สอง คือ มองโลกใบนี้เปน็ โลกใบเลก็ ๆ ไมไ่ ดจ้ ำกดั ขอบเขตอยู่เฉพำะ ประเทศไทยเพื่อมองหำโอกำสใหมๆ่ ทม่ี ีอย่อู ย่ำงมำกมำย ประกำรสุดท้ำย คือ เด็กไทยยุคใหมต่ ้องมีทกั ษะดำ้ นภำษำเพรำะหำกพูดหรือใช้แต่ ภำษำไทยกเ็ หมือนกบั มี\"กะลำ\"มำครอบไว้ 1.2 หลกั 3Rs ท่ีควรรู้ 3Rs หลกั 3Rs ที่ควรรู้ 3Rs แบ่งออกเป็น - Reading กำรอ่ำน คอื อ่ำนออก อ่ำนจับใจควำมได้ มีนิสัยรกั กำรอำ่ น - (W)riting กำรเขียน คือ เขียนได้ สำมำรถสื่อสำรให้คนอื่นเข้ำใจ ย่อควำมเป็น สรุป ใจควำมสำคัญได้ ร้วู ธิ ีเขียนหลำยๆแบบ - (A)rithmetic คณติ ศำสตร์ คือ คิดเลขเป็น มที ักษะในกำรคดิ แบบนำมธรรม ปัจจบุ นั ทักษะ 3Rs ของ Sir William Curtis ได้รักกำรปรับเปล่ยี นมำเปน็ ทกั ษะ3ร. ซึง่ ไดร้ ับกำรปรับเปรียนมำนำนแล้ว คือ

7 รูอ้ ำ่ นรเู้ ขียน (literacy) คอื ไม่ใช่แค่อ่ำนออกเขยี นได้ (reading & writing) แต่ต้อง “อ่ำนเขำ้ ใจเขยี นรเู้ รื่อง” คอื เขำ้ ใจควำมหมำยของคำต่ำงๆ และสำมำรถส่ือสำรคำตำ่ งๆ เหล่ำนน้ั ออกมำไดอ้ ย่ำงถูกต้องเหมำะสม หรือ “รูศ้ ัพทร์ ้ภู ำษำ” ร้คู ณติ (numeracy) คือ ไมใ่ ช่แค่คิดเลขเปน็ (arithmetic) แตต่ อ้ งมีควำมสำมำรถ ตีควำมและเข้ำใจควำมคดิ ต่ำงๆ ที่สอ่ื สำรออกมำในรปู ของคณิตศำสตร์ (mathematics) เชน่ เลข คณติ , พชี คณิต, เรขำคณติ , ตรีโกณมิติ ฯลฯ และสำมำรถใชม้ ันให้เกิดประโยชนต์ ่อกำรดำเนินชวี ติ ได้ รู้ ICT (information and communications technology literacy) คือ เข้ำใจ และสำมำรถใชเ้ ทคโนโลยสี ำรสนเทศและกำรส่ือสำร อนั เป็นทกั ษะที่จำเปน็ อยำ่ งยิ่งในโลกปจั จบุ นั 8C คอื Critical Thinking and Problem Solving : มที ักษะในกำรคดิ วเิ ครำะห์ กำรคิด อยำ่ งมวี จิ ำรณญำณ และแก้ไขปญั หำได้ Creativity and Innovation : คิดอย่ำงสร้ำงสรรค์ คิดเชงิ นวัตกรรม Collaboration Teamwork and Leadership : ควำมร่วมมือ กำรทำงำนเป็นทมี และภำวะผูน้ ำ Communication Information and Media Literacy : ทกั ษะในกำรส่ือสำรและ กำรรู้เทำ่ ทันส่ือ Cross-cultural Understanding : ควำมเขำ้ ใจควำมแตกตำ่ งทำงวฒั นธรรม กระบวนกำรคิดข้ำมวัฒนธรรม Computing and ICT Literacy : ทักษะกำรใช้คอมพวิ เตอร์ และกำรรู้เท่ำทนั เทคโนโลยี ซงึ่ เยำวชนในยุคปจั จุบันมีควำมสำมำรถดำ้ นคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยอี ย่ำงมำกหรอื เป็น Native Digital สว่ นคนรุน่ เกำ่ หรือผสู้ งู อำยุเปรียบเสมือนเปน็ Immigrant Digital แต่เรำตอ้ งไม่อำยท่ี จะเรยี นรแู้ ม้วำ่ จะสูงอำยแุ ลว้ กต็ ำม Career and Learning Skills : ทักษะทำงอำชีพ และกำรเรียนรู้ Compassion : มคี ณุ ธรรม มีเมตตำ กรณุ ำ มรี ะเบยี บวินยั ซง่ึ เป็นคุณลักษณะ พ้นื ฐำนสำคญั ของทกั ษะขนั้ ต้นท้ังหมด และเป็นคณุ ลักษณะทเ่ี ด็กไทยจำเปน็ ต้องมี กำรคิดแบบมีวจิ ำรณญำณ (Critical thinking) คอื มีควำมสำมำรถในกำรคดิ วเิ ครำะห์ คิดอยำ่ งมี เหตผุ ล และต้องสำมำรถตดั สินคณุ ค่ำของเรือ่ งต่ำงๆ ที่คิดน้ันดว้ ย

8 2. แนวคดิ / ทฤษฎี และเอกสารทเ่ี กย่ี วข้องกบั การเขยี นโครงการ การประเมนิ ผล โครงการ 2.1 ทกั ษะ 5Cs \"ทักษะ 5C\" เป็นทักษะจำเป็นของครมู ืออำชีพในศตวรรษที่ 21 เพ่ือใชเ้ ป็นแนวทำง ปรบั วิธเี รยี น เปลย่ี นวธิ สี อนของเด็กกบั ครูไทย รวมท้ังไดน้ ำเสนอแผนกำรจัดกำรเรยี นรู้อยำ่ งงำ่ ย ให้ ผู้เรียนสร้ำงควำมรดู้ ว้ ยตนเอง ซ่งึ นับเปน็ หนงั สอื ที่งำ่ ยต่อกำรอำ่ น กำรเข้ำใจ และกำรนำไปใชใ้ น สภำพจรงิ Creativity and Innovation คิดสร้างสรรค์ คือ มคี วำมสำมำรถในกำร จินตนำกำรเพ่ือสร้ำงสรรค์ส่งิ ใหมๆ่ อันจะนำไปสู่ส่ิงใหม่หรอื ควำมคิดใหม่ๆ, วิธีกำรใหมๆ่ ที่เรยี กว่ำ นวตั กรรม (Innovation) Critical thinking and Problem Solving การคดิ แบบมวี จิ ารณญาณ คอื มี ควำมสำมำรถในกำรคดิ วเิ ครำะห์ คิดอย่ำงมเี หตผุ ล สำมำรถตัดสนิ คณุ ค่ำของเรื่องต่ำงๆ และรูจ้ กั ประยุกตว์ ธิ แี กป้ ัญหำมำใช้กับเรอ่ื งใหม่ Communication สื่อสารได้ถกู ต้องเหมาะสม คือ ต้องมีควำมสำมำรถใชศ้ ัพท์ใช้ ภำษำ, ใช้ ICT และใชจ้ ิตวทิ ยำเพอื่ ส่ือสำรกบั ผู้อนื่ ใหป้ ระสบควำมสำเร็จได้ Collaboration การทางานร่วมกนั คือ มีควำมสำมำรถในกำรทำงำนร่วมกับผู้อ่นื ได้, กำรร่วมมอื กับคนหลำยคนท่ีอำจมีพน้ื ฐำนตำ่ งกนั ท้งั แนวคิด, ควำมเชื่อ, หรือควำมรู้ เพอื่ ทำงำน หรือทำกจิ กรรมใดๆ ให้ประสบควำมสำเรจ็ Contemplate การใคร่ครวญอย่างลึกซ้ึงดว้ ยสตปิ ัญญา คือ แนวทำงหน่ึงท่ี เสรมิ สรำ้ งใหผ้ ู้เรยี นมคี วำมสมบรู ณม์ ำกขึน้ ด้วยกำรเสรมิ สร้ำงใหเ้ ป็นผู้ท่ีสำมำรถเรยี นรดู้ ้วยตนเอง มี กระบวนกำรคดิ ไตรต่ รอง มีทักษะในกำรใช้ชีวิตอย่ำงมีควำมสขุ จำกภำยใน

9 2.2 Communication สอ่ื สารได้ถูกตอ้ งเหมาะสม ความรูพ้ นื้ ฐานเรอื่ งการส่ือสาร กำรสอื่ สำรเปน็ ปจั จยั สำคญั ในกำรดำรงชีวติ มนษุ ยจ์ ำเปน็ ต้องติดต่อสอื่ สำรกนั อยู่ ตลอดเวลำ กำรส่ือสำรจึงเป็นปจั จยั สำคญั อย่ำงหน่ึงนอกเหนอื จำกปจั จัยพ้ืนฐำนในกำรดำรงชีวิตของ มนุษย์ กำรส่อื สำรมีบทบำทสำคัญตอ่ กำรดำเนนิ ชีวติ ของมนษุ ยม์ ำก กำรส่ือสำรมีควำมสำคญั อย่ำง ยิง่ ในปัจจุบนั ซึ่งได้ชื่อว่ำเป็นยุคโลกำภิวัตน์ เป็นยคุ ของข้อมลู ขำ่ วสำร กำรส่อื สำรมปี ระโยชนท์ งั้ ในแง่ บคุ คลและสงั คม กำรส่อื สำรทำใหค้ นมคี วำมร้แู ละโลกทัศน์ทก่ี ว้ำงขวำงขน้ึ กำรสอื่ สำรเป็น กระบวนกำรทท่ี ำใหส้ ังคม เจรญิ ก้ำวหนำ้ อย่ำงไมห่ ยุดยั้ง ทำใหม้ นุษย์สำมำรถสบื ทอดพัฒนำ เรียนรู้ และรบั รู้วฒั นธรรมของตนเองและสงั คมได้ กำรส่ือสำรเปน็ ปัจจยั สำคญั ในกำรพัฒนำประเทศ สร้ำงสรรค์ควำมเจริญก้ำวหน้ำแก่ชมุ ชน และสงั คมในทุกด้ำน ความหมายของการส่ือสาร คำว่ำ กำรสือ่ สำร (communications) มีที่มำจำกรำกศัพท์ภำษำลำติน ว่ำ communis หมำยถึง ควำมเหมอื นกันหรือร่วมกัน กำรส่อื สำร (communication) หมำยถึง กระบวนกำรถำ่ ยทอดข่ำวสำร ขอ้ มูล ควำมรู้ ประสบกำรณ์ ควำมรูส้ กึ ควำมคิดเห็น ควำมตอ้ งกำร จำกผสู้ ่งสำรโดยผำ่ นสื่อต่ำง ๆ ท่ีอำจเป็นกำรพูด กำรเขียน สญั ลกั ษณ์อื่นใด กำรแสดงหรือกำรจัด กจิ กรรมต่ำง ๆ ไปยังผรู้ บั สำร ซ่งึ อำจจะใช้กระบวนกำรส่อื สำรที่แตกตำ่ งกนั ไปตำมควำมเหมำะสม หรอื ควำมจำเป็นของตนเองและคสู่ อื่ สำร โดยมวี ัตถปุ ระสงคใ์ ห้เกิดกำรรบั ร้รู ่วมกันและมีปฏกิ ิริยำ ตอบสนองต่อกัน บรบิ ททำงกำรส่อื สำรท่เี หมำะสมเปน็ ปัจจยั สำคัญที่จะชว่ ยใหก้ ำรสื่อสำรสมั ฤทธผ์ิ ล ความสาคัญของการส่ือสาร กำรส่อื สำรมีควำมสำคญั ดังน้ี 1. กำรส่อื สำรเปน็ ปจั จัยสำคญั ในกำรดำรงชวี ติ ของมนุษยท์ ุกเพศ ทกุ วัย ไม่มใี ครที่ จะดำรงชวี ติ ได้ โดยปรำศจำกกำรส่ือสำร ทุกสำขำอำชีพก็ต้องใช้กำรส่ือสำรในกำรปฏิบัตงิ ำน กำร ทำธุรกจิ ต่ำง ๆ โดยเฉพำะสงั คมมนษุ ย์ทม่ี ีกำรเปลีย่ นแปลงและพัฒนำตลอดเวลำ พัฒนำกำรทำง สงั คม จึงดำเนินไปพร้อม ๆ กับพฒั นำกำรทำงกำรสอ่ื สำร

10 2. กำรสอ่ื สำรก่อให้เกดิ กำรประสำนสมั พันธ์กนั ระหวำ่ งบุคคลและสังคม ชว่ ย เสรมิ สรำ้ งควำมเข้ำใจอันดีระหว่ำงคนในสงั คม ชว่ ยสืบทอดวัฒนธรรมประเพณี สะท้อนใหเ้ หน็ ภำพ ควำมเจริญรุ่งเรือง วิถีชีวิตของผ้คู น ช่วยธำรงสงั คมให้อยู่ร่วมกนั เป็นปกติสุขและอย่รู ่วมกันอย่ำง สันติ 3. กำรส่อื สำรเปน็ ปัจจัยสำคญั ในกำรพฒั นำควำมเจรญิ กำ้ วหน้ำทั้งตัวบุคคลและ สงั คม กำรพัฒนำทำงสังคมในดำ้ นคณุ ธรรม จริยธรรม วทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฯลฯ รวมทั้ง ศำสตร์ในกำรสื่อสำร จำเป็นต้องพฒั นำอยำ่ งไม่หยุดย้ัง กำรส่ือสำรเปน็ เครอื่ งมือในกำรพัฒนำคณุ ภำพ ชีวติ ของมนุษย์และพฒั นำควำมเจริญก้ำวหน้ำในด้ำนตำ่ ง ๆ วตั ถุประสงคก์ ารส่อื สาร 1. เพอื่ แจ้งให้ทรำบ (inform) ในกำรทำกำรสื่อสำร ผู้ทำกำรส่อื สำรควรมีควำม ตอ้ งกำรที่จะบอกกลำ่ วหรอื ช้ีแจงขำ่ วสำร เรือ่ งรำว เหตกุ ำรณ์ หรอื สิง่ อน่ื ใดใหผ้ ู้รบั สำรไดร้ ับทรำบ 2. เพ่ือสอนหรือให้กำรศึกษำ (teach or education) ผทู้ ำกำรสอ่ื สำรอำจมี วัตถปุ ระสงคเ์ พ่ือจะ ถ่ำยทอดวิชำควำมรู้ หรอื เรื่องรำวเชงิ วชิ ำกำร เพ่ือให้ผู้รับสำรได้มโี อกำสพฒั นำ ควำมรูใ้ หเ้ พ่ิมพนู ย่ิงขึน้ 3. เพื่อสรำ้ งควำมพอใจหรือใหค้ วำมบนั เทงิ (please of entertain) ผูท้ ำกำร สอื่ สำรอำจ ใชว้ ตั ถปุ ระสงค์ในกำรส่ือสำรเพื่อสร้ำงควำมพอใจ หรือใหค้ วำมบนั เทงิ แก่ผู้รับสำร โดย อำศัยสำรท่ีตนเองสง่ ออกไป ไมว่ ่ำจะอยูใ่ นรูปของกำรพูด กำรเขยี น หรือกำรแสดงกริ ยิ ำตำ่ ง ๆ 4. เพื่อเสนอหรือชกั จงู ใจ (Propose or persuade) ผู้ทำกำรสอ่ื สำรอำจใช้ วัตถุประสงคใ์ น กำรสื่อสำรเพ่ือใหข้ ้อเสนอแนะ หรือชักจูงใจในสงิ่ ใดส่ิงหนึ่งต่อผู้รบั สำร และอำจชัก จงู ใจให้ผรู้ บั สำรมคี วำมคดิ คล้อยตำม หรือยอมปฏบิ ตั ติ ำมกำรเสนอแนะของตน 5. เพ่ือเรียนรู้ (learn) วัตถุประสงคน์ ีม้ ีควำมเกย่ี วข้องโดยตรงกับผู้รบั สำร กำร แสวงหำควำมรู้ ของผ้รู ับสำร โดยอำศยั ลักษณะของสำร ในกรณีน้มี ักจะเปน็ สำรที่มเี นื้อหำสำระ เกี่ยวกับวิชำควำมรู้ เปน็ กำรหำควำมรูเ้ พ่ิมเตมิ และเปน็ กำรทำควำมเข้ำใจกับเนื้อหำของสำรทผี่ ู้ทำ กำรส่อื สำรถำ่ ยทอดมำถึงตน

11 6. เพ่ือกระทำหรือตัดสินใจ (dispose or decide) ในกำรดำเนินชวี ติ ของคนเรำมี สงิ่ หนงึ่ ท่ีต้องกระทำ อยเู่ สมอก็คือ กำรตัดสนิ ใจกระทำกำรอยำ่ งใดอย่ำงหน่งึ ซึ่งกำรตัดสนิ ใจ น้ัน อำจได้รบั กำรเสนอแนะ หรอื ชกั จงู ใจใหก้ ระทำอยำ่ งนัน้ อย่ำงนี้จำกบุคคลอ่นื อยู่เสมอ ทำงเลือกใน กำร ตดั สนิ ใจของเรำจงึ ขน้ึ อยู่กบั ข้อเสนอแนะน้นั องคป์ ระกอบการส่ือสาร 1. ผสู้ ่งสำร (sender) หรือ แหล่งสำร (source) หมำยถึง บคุ คล กลุม่ บุคคล หรือ หน่วยงำนทท่ี ำหนำ้ ทใ่ี นกำรส่งสำร หรอื เปน็ แหล่งกำเนิดสำร ทเ่ี ปน็ ผู้เริ่มต้นสง่ สำรด้วยกำรแปลสำร นั้นใหอ้ ยู่ในรปู ของสัญลักษณ์ทม่ี นษุ ยส์ ร้ำงขน้ึ แทนควำมคดิ ไดแ้ ก่ ภำษำและอำกัปกริ ิยำต่ำง ๆ เพ่ือ สอ่ื สำรควำมคดิ ควำมรู้สึก ข่ำวสำร ควำมต้องกำรและวัตถุประสงคข์ องตนไปยังผรู้ ับสำรด้วยวิธีกำร ใด ๆ หรอื ส่งผำ่ นชอ่ งทำงใดก็ตำม จะโดยต้งั ใจหรอื ไมต่ ั้งใจกต็ ำม เช่น ผูพ้ ดู ผเู้ ขียน กวี ศิลปิน นกั จดั รำยกำรวิทยุ โฆษกรัฐบำล องค์กำร สถำบัน สถำนวี ทิ ยกุ ระจำยเสียง สถำนีวทิ ยุ โทรทศั น์ กองบรรณำธิกำรหนังสือพิมพ์ หนว่ ยงำนของรัฐ บริษทั สถำบนั ส่อื มวลชน เป็นต้น คณุ สมบตั ขิ องผู้ส่งสาร 1). เป็นผู้ทีม่ ีเจตนำแน่ชดั ทีจ่ ะให้ผู้อ่นื รบั รู้จดุ ประสงค์ของตนในกำรส่งสำร แสดง ควำมคิดเห็น หรอื วจิ ำรณ์ ฯลฯ 2). เปน็ ผทู้ มี่ ีควำมรู้ ควำมเข้ำใจในเน้ือหำของสำรที่ต้องกำรจะส่ือออกไปเป็นอย่ำง ดี 3). เป็นผทู้ มี่ ีบุคลิกลกั ษณะทดี่ ี มีควำมนำ่ เช่ือถือ แคลว่ คล่องเปดิ เผยจริงใจ และมี ควำมรบั ผดิ ชอบ ในฐำนะเป็นผู้สง่ สำร 4). เป็นผู้ทสี่ ำมำรถเขำ้ ใจควำมพรอ้ มและควำมสำมำรถในกำรรบั สำรของผรู้ บั สำร 5). เปน็ ผ้รู ู้จักเลอื กใช้กลวิธที เ่ี หมำะสมในกำรส่งสำรหรือนำเสนอสำร 2. สำร (message) หมำยถงึ เรื่องรำวท่มี ีควำมหมำย หรอื ส่งิ ตำ่ ง ๆ ที่อำจอยใู่ น รปู ของขอ้ มลู ควำมรู้ ควำมคิด ควำมตอ้ งกำร อำรมณ์ ฯลฯ ซึง่ ถ่ำยทอดจำกผูส้ ่งสำรไปยงั ผู้รบั สำร ใหไ้ ด้รบั รู้ และแสดงออกมำโดยอำศยั ภำษำหรือสัญลักษณใ์ ด ๆ ทสี่ ำมำรถทำให้เกดิ กำรรับรู้ร่วมกนั ได้ เช่น ขอ้ ควำมท่ีพูด ข้อควำมท่ีเขยี น บทเพลงท่ีร้อง รปู ท่ีวำด เรื่องรำวท่ีอ่ำน ท่ำทำงท่สี ื่อ ควำมหมำย เป็นต้น 2.1 รหัสสำร (message code)ไดแ้ ก่ ภำษำ สญั ลกั ษณ์ หรือสญั ญำณทม่ี นุษย์ใช้

12 เพ่ือแสดงออกแทนควำมรู้ ควำมคิด อำรมณ์ หรือควำมรสู้ ึกตำ่ ง ๆ 2.2 เนอ้ื หำของสำร (message content) หมำยถึง บรรดำควำมรู้ ควำมคดิ และ ประสบกำรณ์ที่ผู้ส่งสำรตอ้ งกำรจะถ่ำยทอดเพ่ือกำรรบั รู้รว่ มกัน แลกเปล่ียนเพอ่ื ควำมเข้ำใจร่วมกัน หรือโต้ตอบกนั 2.3 กำรจัดสำร (message treatment) หมำยถงึ กำรรวบรวมเนอื้ หำของสำร แล้ว นำมำเรียบเรียงให้เป็นไปอย่ำงมรี ะบบ เพอื่ ให้ได้ใจควำมตำมเนื้อหำ ทตี่ ้องกำรดว้ ยกำรเลอื ก ใช้รหสั สำรที่เหมำะสม 3. ส่อื หรือช่องทำง (media or channel) เปน็ องค์ประกอบที่สำคัญอีกประกำร หนง่ึ ในกำรส่อื สำร หมำยถึง สง่ิ ทเ่ี ปน็ พำหนะของสำร ทำหน้ำท่ีนำสำรจำกผูส้ ่งสำรไปยังผรู้ ับ สำร ผู้ส่งสำรตอ้ งอำศยั ส่ือหรือชอ่ งทำงทำหน้ำทีน่ ำสำรไปสู่ผู้รับสำร 4. ผู้รับสำร (receiver) หมำยถึง บุคคล กลุ่มบุคคล หรือมวลชนทรี่ บั เรือ่ งรำว ขำ่ วสำร จำกผสู้ ่งสำร และแสดงปฏิกิริยำตอบกลับ (Feedback) ตอ่ ผสู้ ่งสำร หรอื ส่งสำรตอ่ ไปถึง ผรู้ ับสำรคนอนื่ ๆ ตำมจดุ ม่งุ หมำยของผูส้ ง่ สำร เช่น ผู้เข้ำรว่ มประชมุ ผู้ฟังรำยกำรวิทยุ กลุ่ม ผฟู้ ังกำรอภิปรำย ผู้อำ่ นบทควำมจำกหนงั สอื พิมพ์ เปน็ ต้น คุณลกั ษณะของผู้ประสบความสาเรจ็ ในการส่ือสาร 1. มีควำมเข้ำใจเกีย่ วกบั เรื่องต่ำง ๆ 2. มที ักษะในกำรสือ่ สำร 3. เป็นคนชำ่ งสงั เกต เรียนรูไ้ ด้เร็ว และมีควำมจำดี 4. มคี วำมซอื่ ตรง มคี วำมกล้ำทจ่ี ะกระทำในสิง่ ท่ถี ูกต้อง 5. มีควำมคิดสขุ ุม รอบคอบ 6. มีควำมคิดริเรม่ิ สร้ำงสรรค์ 7. คิดและแก้ไขปญั หำเฉพำะหนำ้ ไดด้ ี 8. มีควำมสำมำรถแยกแยะและจัดระเบียบขำ่ วสำรต่ำง ๆ 9. มคี วำมสำมำรถในกำรเขียนได้รวดเร็วและมปี ระสทิ ธภิ ำพ 10. มีศิลปะและเทคนคิ กำรจูงใจคน 11. รูข้ ้ันตอนกำรทำงำน 12. มีมนษุ ยสมั พนั ธ์ดี

13 ลกั ษณะของการส่ือสารทด่ี ี กำรสง่ สำรโดยกำรพดู หรอื กำรเขยี น ทจี่ ะทำให้เกิดประสทิ ธผิ ลตอ่ กำรดำเนนิ ธุรกิจ ควรมีลกั ษณะสำคัญ ดงั นี้ 1. ควำมนำ่ เชื่อถือ(Credibility) หมำยถึง สำรที่สำมำรถทำใหผ้ ้รู บั สำรเกดิ ควำม เชื่อถอื ในสำรนน้ั 2. มีสำระ (Content) หมำยถงึ สำรน้นั มสี ำระ ให้ควำมพงึ พอใจ เร่งเร้ำ และชี้แนะ ใหเ้ กดิ กำรตดั สินใจ 3. ชดั เจน (Clearity) หมำยถงึ กำรเลอื กใช้คำ หรือข้อควำมที่เข้ำใจง่ำย ข้อควำมไม่ คลุมเครือ 4. เหมำะสมกบั โอกำส (Context) หมำยถึง กำรเลอื กใช้ภำษำและวิธสี ่งสำร ตลอดจนผ้รู บั ได้เหมำะสมกบั สังคมวัฒนธรรม และส่งิ แวดล้อม 5. ชอ่ งทำงกำรส่งสำร (Channels) หมำยถงึ กำรเลอื กวิธกี ำรสง่ ขำ่ วสำรได้ เหมำะสมและรวดเรว็ ทส่ี ดุ 5.1 ทำ่ ทำง (Gestures) กำรใช้ทำ่ ทำงในกำรแสดงออกน้นั จะต้องเป็นสำกลและเป็น ทีย่ อมรับมำกทสี่ ดุ หรอื สำมำรถทำให้ผอู้ นื่ เข้ำใจได้ 5.2 ภำษำพูด (Language Spoken) มนษุ ยท์ กุ ชนชำติตำ่ งมีภำษำพดู เป็นของ ตนเองมำแตโ่ บรำณกำล ภำษำพดู มีขอ้ จำกัดอยู่ 2 ประกำร คอื ระยะทำง (Space) กบั เวลำ (Time) 5.3 ภำษำเขยี น (Language Written) ภำษำเขยี นไม่ไดห้ มำยถึงตวั อักษรเท่ำนั้น แตร่ วมไปถึงรปู ภำพ สี เสน้ ขนำดของตวั อักษร หรอื สญั ลักษณ์ต่ำงๆทีแ่ สดงออกดว้ ยกำรเขยี น ก็ นับว่ำเปน็ กำรสอ่ื สำรโดยทำงภำษำเขียนทั้งสิน้ 6. ควำมต่อเนอ่ื งและแน่นอน (Continuity and Consistency) หมำยถึง กำร สื่อสำรทีก่ ระทำอยำ่ งต่อเนือ่ ง มีควำมแน่นอนถูกตอ้ ง

14 7. ควำมสำมำรถของผู้รับสำร (Capability of Audience) หมำยถงึ กำรเลือกใช้ วธิ ีกำรส่งสำรซ่งึ มน่ั ใจว่ำผูร้ ับสำรจะสำมำรถรับสำรไดง้ ำ่ ยและสะดวก โดยคำนึงถึงควำมรู้ เจตคติ อุปนิสยั ทักษะกำรใชภ้ ำษำ สังคมและวัฒนธรรมของผรู้ ับสำรเปน็ สำคญั ประเภทของการสื่อสาร กำรจำแนกประเภทของกำรสื่อสำร สำมำรถจำแนกไดห้ ลำยลกั ษณะตำมเกณฑ์ และ วัตถุ ประสงค์ที่จะนำมำพิจำรณำ โดยท่ัวไปสำมำรถจำแนกประเภทของ กำรส่ือสำรตำมเกณฑต์ ่ำง ๆ ดังนี้ 1.จำแนกตำมจำนวนผู้สอื่ สำร ซงึ่ จำแนกไก้ดงั นี้ 1. กำรสอื่ สำรภำยในตัวบุคคล หมำยถึง กำรสื่อสำรท่บี ุคคลเดียวเปน็ ทัง้ ผู้ สง่ สำร และผรู้ บั สำร เช่นกำรคิดอยู่คนเดยี ว กำรอ่ำนหนังสอื อยู่คนเดียว กำรพูดกบั ตัวเอง 2. กำรสอ่ื สำรระหว่ำงบุคคล หมำยถึง กำรส่ือสำรทม่ี บี ุคคลตัง้ แต่ ๒ คนขน้ึ ไป สอ่ื สำรกนั โดยเป็นท้ังผสู้ ง่ และผู้รับสลบั กันไป มองเห็นหน้ำตำกนั และพูดกนั ได้อยำ่ งท่วั ถงึ กำร ส่อื สำรประเภทนี้ถือได้ว่ำเป็นกำรส่อื สำรในลักษณะกลุ่มย่อย ที่ทกุ คนสำมำรถได้แลกเปล่ียนสำรกันได้ โดยตรง เชน่ กำรพูดคยุ กนั กำรสอนหนังสอื ในกลุ่มย่อย กำรประชมุ กลมุ่ ย่อย กำรเขยี นจดหมำย โตต้ อบกัน เปน็ ต้น 3. กำรสือ่ สำรกลมุ่ ใหญ่ หมำยถึง กำรส่อื สำรระหว่ำงคนจำนวนมำก ไม่อำจ มองเหน็ หน้ำตำได้อยำ่ งท่วั ถึง สมำชกิ ในกลุ่มไม่สำมำรถทำหนำ้ ที่เปน็ ทง้ั ผูส้ ง่ สำร และผรู้ ับสำรกันได้ ทกุ คน เพรำะมรี ะเบยี บวินยั เข้ำมำเก่ียวข้อง และจำนวนสมำชกิ กม็ ำกเกินไป เชน่ กำรบรรยำยในที่ ประชมุ กำรสอนหนังสอื ในห้องเรียน กำรกล่ำวคำปรำศรยั กำรพดู หำเสยี งเลือกตั้ง เปน็ ตน้ 4. กำรส่ือสำรองค์กำร เปน็ กำรสื่อสำรระหวำ่ งหนว่ ยงำนกับหนว่ ยงำน หรือ หน่วยงำนกบั บคุ คล โดยเนอ้ื หำของสำร และวัตถุประสงคใ์ นกำรสื่อสำรเป็นเรื่องทเี่ กี่ยวกบั ภำรกจิ และงำนขององค์กำร หรอื หน่วยงำนเทำ่ น้ัน เชน่ กำรส่ือสำรในบรษิ ทั กำรสื่อสำรในหนว่ ยรำชกำร กำรส่อื สำรในโรงงำนอตุ สำหกรรม เปน็ ตน้ 5. กำรส่อื สำรมวลชน หมำยถึงกำรสอื่ สำรที่มีไปยังประชำชนจำนวนมำกใน เวลำเดียวกนั หรือใกลเ้ คยี งกัน ซง่ึ ประชำชนจะอยู่กระจัดกระจำยทวั่ ไป เพอื่ ใหก้ ำรสื่อสำรเป็นไปอย่ำง รวดเรว็ จึงต้องอำศัยสื่อเป็นสื่อมวลชนซ่ึงมีอยู่ ๔ ชนิด ได้แก่ หนังสอื พิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และ ภำพยนตร์ เปน็ เครอ่ื งมือในกำรส่ือสำร

15 2. จำแนกตำมลักษณะกำรใช้ภำษำ จำแนกได้ ๒ ประเภท คือ 2.1 กำรสือ่ สำรทใ่ี ชภ้ ำษำถอ้ ยคำ หรอื กำรสื่อสำรเชงิ วัจนภำษำ เปน็ กำร สอื่ สำรทอ่ี ยใู่ นภำษำพูดหรือภำษำเขยี น ได้แก่ กำรส่ือสำรท่ีใช้ ภำษำพูดและภำษำเขยี น เชน่ กำรพูด บรรยำย กำรอภิปรำย กำรเขียนหนงั สือ เปน็ ตน้ 2.2 กำรสอ่ื สำรที่ไมใ่ ช้ภำษำถ้อยคำ หรอื กำรสือ่ สำรเชงิ อวจั นภำษำ เปน็ กำรส่ือสำรท่ีไม่ไดอ้ ยู่ในภำษำพูดหรอื ภำษำเขยี น ได้แก่ กำรสอ่ื สำร ทีใ่ ช้อำกัปกริยำท่ำทำง หรือ สญั ลักษณต์ ำ่ ง ๆ เชน่ กรยิ ำอำกำร ส่งิ ของ เวลำ รำ่ งกำย สถำนท่ี นำ้ เสียง เป็นตน้ 3. จำแนกโดยถอื เกณฑเ์ ห็นหนำ้ คำ่ ตำกัน คอื ยึดเอำตำแหน่งที่อยู่ของผู้ส่งสำร และ ผรู้ บั สำรเปน็ หลกั พจิ ำรณำ จำแนกไดเ้ ป็น ๒ ประเภท คือ 3.1 กำรส่อื สำรแบบเผชญิ หน้ำหรอื กำรสื่อสำรทำงตรง เป็นกำรสอ่ื สำรที่ผู้ ส่งสำร และผรู้ บั สำรอยใู่ นตำแหน่งทสี่ ำมำรถมองเห็นกัน โตต้ อบซักถำมกันไดท้ ันทีทนั ใด และมองเหน็ อำกปั กริยำซ่งึ กันและกันไดต้ ลอดเวลำทีท่ ำกำรสอื่ สำร เช่น กำรสนทนำกนั กำรเรยี นกำรสอนใน หอ้ งเรยี น กำรประชมุ สัมมนำ เปน็ ตน้ 3.2 กำรสื่อสำรแบบไม่เหน็ หน้ำหรือกำรส่ือสำรทำงออ้ ม เปน็ กำรสอื่ สำรที่ผู้ ส่งสำรและผรู้ บั สำรอย่ใู นตำแหนง่ ทีต่ ำ่ งกันทง้ั สถำนทแี่ ละเวลำ ไมส่ ำมำรถซักถำมหรือตอบโตไ้ ดใ้ น ทนั ทที ันใดและไม่สำมำรถสังเกตกริยำท่ำทำงซ่ึงกันและกันได้ โดยจะอำศัยส่ือกลำงเข้ำมำชว่ ย เช่น โทรเลขหนงั สอื พิมพ์ จดหมำย เปน็ ต้น 4.จำแนกโดยถอื เกณฑค์ วำมสำมำรถในกำรโตต้ อบกัน 4.1 กำรสื่อสำรทำงเดยี ว เป็นกำรสอ่ื สำรทผี่ ู้ส่งสำรและผ้รู บั สำรไม่มโี อกำส ได้โตต้ อบกัน อำจะเห็นหน้ำหรือไมเ่ หน็ กไ็ ด้ โดยผสู้ ่งสำรไม่เปดิ โอกำสใหผ้ ู้รบั สำรได้พูด หรือโต้ตอบกัน เชน่ ครูกำลงั สอนนักเรียน โดยไม่เปดิ โอกำสใหน้ กั เรียนได้ซักถำม หรือแสดงควำมคิดเหน็ เลย 4.2 กำรสอ่ื สำรสองทำง เปน็ กำรสือ่ สำรทผี่ ูส้ ง่ สำรและผรู้ บั สำรสำมำรถตอบ โตไ้ ดข้ ณะทำกำรส่ือสำร เชน่ กำรคยุ ตอบโตก้ ันทำงโทรศัพท์ กำรเรยี นกำรสอนท่เี ปิดโอกำสให้ นกั เรยี นไดซ้ ักถำม หรือแสดงควำมคดิ เห็น 5. จำแนกประเภทตำมเกณฑ์ควำมแตกต่ำงระหว่ำงผู้รบั สำรกบั ผู้สง่ สำร มี ๓ ประเภท คอื 5.1 กำรสื่อสำรระหวำ่ งเชื้อชำติ เป็นกำรสื่อสำรท่ีผู้ส่งสำรและผูร้ บั สำรตำ่ ง

16 เชือ้ ชำติ เปน็ คนละภำษำ ดังนน้ั กำรสื่อสำรประเภทนผี้ ูส้ ง่ สำรและผ้รู บั สำรตอ้ งศกึ ษำภำษำ วฒั นธรรม ประเพณี ค่ำนิยม ของผู้ท่ตี น เองสือ่ สำรด้วย เช่น ชำวไทยสื่อสำรกบั ชำวองั กฤษ เปน็ ตน้ ไมเ่ ชน่ นน้ั กำรสอื่ สำรอำจจะลม้ เหลวได้ 5.2 กำรส่ือสำรระหวำ่ งวฒั นธรรม เปน็ กำรส่อื สำรของคนต่ำงวฒั นธรรมกนั ซ่งึ ผู้ สง่ สำรและผูร้ ับสำรอำจเป็นคนในประเทศเดียวกนั พูดภำษำเดยี วกัน เช่น กำรสื่อสำรระหวำ่ งคน ไทยภำคกลำง กบั ภำคเหนือ คนไทยพน้ื รำบกบั คนไทยถเู ขำ เปน็ ต้น 5.3 กำรสื่อสำรระหว่ำงประเทศ เปน็ กำรส่ือสำรในระดับชำติ ผู้สง่ สำรและ ผู้รับสำร จะต้องปฏิบตั หิ น้ำที่ในฐำนะเปน็ ตัวแทนของชำติ กำรส่อื สำรประเภทน้มี ักเปน็ กำรส่อื สำรที่ เป็นทำงกำร 6. จำแนกโดยถือลักษณะเนื้อหำวชิ ำ จำแนกได้ ๘ ประเภท คอื 6.1 ประเภทขำ่ วสำร เปน็ กำรสอ่ื สำรทีเ่ น้นเอำสำขำวิชำท่เี ก่ียวขอ้ งกบั ระบบข่ำวสำร นำ ไปประยกุ ตใ์ ช้กับงำนด้ำนกำรกระจำยข่ำว กำรส่งขำ่ ว กำรนำข้อมูลที่เก็บไวม้ ำใช้ ตลอดจนกำรพฒั นำวธิ ี วเิ ครำะหร์ ะบบข่ำวสำร 6.2 กำรสื่อสำรระหวำ่ งบุคคล เปน็ กำรสอ่ื สำรท่มี ุ่งถึงทฤษฎีกำรส่อื สำรใน สถำนกำรณ์ต่ำง ๆ ตัง้ แต่กำรสื่อสำรแบบตวั ต่อตวั กำรสื่อสำรกลุม่ ยอ่ ย ตลอดจนกำรส่ือสำรกลมุ่ ใหญ่ 6.3 กำรสื่อสำรมวลชน เป็นกำรส่อื สำรท่มี งุ่ สง่ สำรไปสู่คนจำนวนมำกซึ่ง กระจัดกระจำยอยู่ในที่ต่ำงๆ ให้ได้รบั สำรเดียวกันในเวลำเดียวกัน หรือใกล้เคียงกนั 6.4 กำรสื่อสำรกำรเมอื ง เป็นกำรส่อื สำรทีม่ ีเน้อื หำไปในทำงกำรเผยแพร่ ข่ำวสำรกำร เมือง กำรประชำสมั พันธห์ ำเสยี ง กำรเผยแพร่ควำมรู้เก่ยี วกบั ระบบกำรเมอื ง กำรเลือกตั้ง ตลอดจนระบอบ กำรปกครอง 6.5 กำรสอ่ื สำรในองค์กำร เป็นกำรสือ่ สำรที่มีเนอ้ื หำใหท้ รำบถงึ ประสทิ ธผิ ล ของ กำรดำเนนิ งำนในองคก์ ำร หรอื หน่วยงำนทัง้ ในกำรบริหำรและกำรจดั กำร 6.6 กำรสอื่ สำรระหว่ำงบุคคลหรือกล่มุ บุคคล หมำยถึง บุคคลในประเทศ เดียวกัน สือ่ สำรตำ่ งๆวฒั นธรรมกัน หรือกำรส่อื สำรกับบุคคลตำ่ งประเทศ ต่ำงเชื้อชำตกิ ัน เน้อื หำของ สำรก็ยอ่ มเก่ยี วข้องกบั ทฤษฎี และพฤตกิ รรมทำงวฒั นธรรมด้วย 6.7 กำรสื่อสำรกำรสอน เป็นกำรสือ่ สำรที่มีเนอ้ื หำมุ่งเน้นถึงหลกั วิชำกำร กำรวจิ ยั กำรถำ่ ยทอดควำมรู้ ซึ่งอำจจะอยู่ในระบบกำรสอน หรือเทคโนโลยีกำรสอน เช่น กำรสอนใน

17 หอ้ งเรียน กำรสอนระบบทำงไกล เป็นต้น 6.8 กำรสื่อสำรสำธำรณสขุ เป็นกำรส่ือสำรท่ีมงุ่ เน้นเน้ือหำในกำรพฒั นำ สขุ ภำพ พัฒนำคณุ ภำพของชวี ติ ของประชำชน ตลอดจนกำรแก้ไขปัญหำระบบกำรสำธำรณสขุ กำร เผยแพร่ โนม้ น้ำว ใจใหป้ ระชำชนตระหนักในกำรพัฒนำสุขภำพพลำนำมยั ขอ้ ควรคานงึ เกีย่ วกบั การใช้ภาษาไทยในการสอ่ื สาร 1. ใช้คำท่กี ะทัดรดั เข้ำใจงำ่ ย ส่อื ควำมหมำยได้ชดั เจน 2. ใชค้ ำสุภำพ เหมำะสมแกโ้ อกำส ไม่ใชค้ ำหรือข้อควำมท่ีตีควำมหมำยไดห้ ลำยทำง 3. ใช้ขอ้ ควำมหรือประโยคทไี่ พเรำะ ไม่ใช้สำนวนหรือรปู ประโยคของ ภำษำต่ำงประเทศ 4. ใช้ภำษำท่สี ร้ำงสรรค์สงั คมและรกั ษำวัฒนธรรมประเพณีทด่ี ีงำมของชำติไทย ลกั ษณะการพูดทด่ี ี 1. เตรยี มตวั ด้วยกำรรักษำสุขภำพให้แข็งแรง แต่งกำยเหมำะสมกับงำนอำชีพ ใบหน้ำยม้ิ แย้มแจ่มใสตลอดจนศกึ ษำหวั ข้อหรือข้อมลู ข่ำวสำรท่ีจะพดู ด้วยกำรฝึกพดู เชน่ กำรฝึก ออกเสียงใหเ้ ป็นเสียงตำมธรรมชำติ แจม่ ใส 2. เตรียมสำร ได้แก่ กำรศกึ ษำข้อมูลข่ำวสำร ด้วยกำรหำข้อมลู ลำดบั ขั้นตอน เพ่อื ให้ผ้ฟู งั เขำ้ ใจงำ่ ย 3. พูดด้วยควำมมนั่ ใจ มีควำมชดั เจน เกีย่ วกบั เน้ือหำ คำพูดชัดถ้อยชัดคำ ควำม ชัดเจนของคำพดู แตล่ ะคำจะทำใหผ้ ู้ฟังเข้ำใจคำพูดของผู้พูดไดท้ นั ที กำรพูดให้มีควำมชัดเจนตอ้ ง พัฒนำทกั ษะในกำรสื่อสำร จำเป็นตอ้ งอำศยั กำรฝกึ ฝนและสมำธิ นอกจำกนี้น้ำเสียงจะสะท้อน อำรมณ์ของผู้พดู 4. สำรวจกำรพดู และแก้ไขข้อบกพร่องทเี่ กิดขึ้น สิง่ สำคญั และมีคุณค่ำสำหรบั กำร พูดคือกำรย้ิมให้บ่อยท่สี ุดในขณะท่ีพดู ศิลปะกำรพูดของนักธุรกิจในชีวติ ประจำวนั ของทกุ คนใชเ้ วลำ สว่ นใหญใ่ นกำรพดู คยุ หรอื สนทนำกบั ผ้คู น โดยเฉพำะนักธรุ กจิ กำรพดู เพ่ือโนม้ น้ำวให้ผู้ฟังหรือลกู คำ้

18 เกดิ ควำมศรัทธำ มคี วำมคิดเหน็ คลอ้ ยตำมเพื่อเกิดพฤติกรรมทีต่ ้องกำร คือ ให้ซื้อสนิ ค้ำหรอื บรกิ ำรนัน้ โดยผู้พูดจะต้องมีควำมจริงใจ ควำมปรำรถนำดี มีคณุ ธรรม จริยธรรม ฯลฯ ขน้ั ตอนการพดู 1. สร้ำงควำมสนใจ โดยใช้วิธกี ำรพูดท่ีเข้ำใจง่ำย สร้ำงควำมประทบั ใจให้กับผู้ฟัง 2. สร้ำงควำมเขำ้ ใจ ไดแ้ ก่ กำรพูดดว้ ยกำรยกตัวอย่ำง และเปรยี บเทยี บใหเ้ ขำ้ ใจ อยำ่ งชดั เจน 3. สร้ำงควำมเช่อื ถือ ไดแ้ ก่ กำรพูดอย่ำงมเี หตผุ ล มีแหล่งข้อมูล หรอื หลกั ฐำนอ้ำงองิ ประกอบกำรพดู สำมำรถสรำ้ งควำมเช่อื ถือให้กับผฟู้ งั ไดผ้ ลดี คณุ สมบตั ขิ องผพู้ ดู 1. มีศิลปะในกำรพดู โดยกำรพูดเรำ้ ใจผู้ฟัง และโน้มน้ำวใหผ้ ฟู้ ังเกิดควำมสนใจ เก่ยี วกบั เรอื่ งรำวท่ีผพู้ ดู ต้องกำรสื่อสำร 2. มคี วำมเชอื่ ม่นั เกีย่ วกบั เรื่องรำวท่ีพูด 3. มีควำมเปน็ กันเอง คือมีควำมเปน็ มติ รไมตรี ดว้ ยควำมย้ิมแย้มแจ่มใส 4. มคี วำมจรงิ ใจกับผู้ฟงั 5. มจี รรยำบรรณต่องำนอำชีพ โดยกำรพดู กบั ผู้ฟังด้วยควำมซ่ือสตั ย์สุจริ

19 บทที่ 3 วธิ ดี ำเนินงำน 1. วัสดุ อุปกรณ์ เคร่อื งมือ หรอื โปรแกรมทใ่ี ช้ 1.1 คอมพวิ เตอร์แบบพกพำ 1.2 อุปกรณ์ในฐำน ใบค้ ำมหันตภยั 1.2.1 ipad 1 เคร่อื ง 1.2.2 แอพชำเย็น 1.3 อปุ กรณ์ในฐำน โจรเอ๋ย เจ้ำคือใคร 1.3.1 กระดำษ A4 1.3.2 ปำกกำสี 1.4 อปุ กรณ์ในฐำน สง่ สำรพรำยกระซบิ 1.4.1 ipad 2 เคร่ือง 1.4.2 ประโยค 2 ประโยค 1.5 อปุ กรณ์ในฐำน ขอเพียงเข้ำใจ Math Hearts 1.5.1 กระดำษสีแข็ง 4 แผ่น 1.5.2 กรรไกร 1.5.3 ปำกกำสี 2. ข้ันตอนการดาเนินงาน 1. ข้ันวำงแผน – เตรียมกำร (Plan) 1.1 ศึกษำ วเิ ครำะหส์ ภำพปัจจบุ ัน ควำมตอ้ งกำร ข้อมูล ผลกำรดำเนนิ งำนที่ผำ่ นมำ 1.2 จดั ทำโครงกำร เสนอโครงกำร 2. ขน้ั ดำเนนิ กำร (Do) 2.1 จัดทำปฏทิ ินปฏบิ ัติงำน 2.2 ปฏบิ ัติงำน/กจิ กรรมทกี่ ำหนด

20 3. ขั้นประเมนิ ผล (Check) 3.1 สงั เกต ตดิ ตำม/ทดสอบ 3.2 ประเมินโครงกำร 4. ขัน้ ปรบั ปรุงพฒั นำ (Action) นำผลกำรประเมินกจิ กรรมไปวำงแผนพฒั นำกจิ กรรมในโอกำสตอ่ ไป 3. การประเมนิ ผลกจิ กรรม/โครงการ กำรติดตำมและประเมนิ ผลกำรดำเนินโครงกำร โดยกำหนดตัวช้วี ดั ผลสำเร็จตำมวัตถปุ ระสงค์ ของโครงกำร ไดด้ ำเนินกำรดังน้ี 1. เครือ่ งมือที่ใช้ เครอื่ งมอื ที่ใช้ในกำรเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู เปน็ แบบประเมินกจิ กรรม ที่ ออกแบบตำมตัวชี้วดั ทกี่ ำหนดไวต้ ำมวตั ถุประสงค์ของโครงกำรคือ แบบสอบถำม 2. การเกบ็ รวบรวม และวเิ คราะหข์ อ้ มลู ผลการดาเนนิ โครงการ 2.1 เพ่อื เรียนรู้กระบวนกำรทำงำน โครงกำรเรื่อง สื่อสำรสัมพันธ์ ฝ่ำฟนั ด้วยควำมเขำ้ ใจ 2.2 เพื่อจัดกจิ กรรม/เกม โดยใชท้ กั ษะ communication : กำรสือ่ สำร อยำ่ งถูกต้องเหมำะสม ซ่งึ เป็นทกั ษะ 5Cs เรอื่ ง ส่ือสำรสมั พันธ์ ฝำ่ ฟนั ดว้ ยควำมเขำ้ ใจ 2.3 เพือ่ ให้ไดโ้ ครงกำร 1 เลม่ ของโครงกำรพัฒนำทักษะดำ้ นกำรทำงำนของ ครู (ด้ำนกำรจัดกำรเรยี นร)ู้ โดยประยุกต์ใช้ทักษะ 5Cs เร่อื ง ส่ือสำรสมั พนั ธ์ ฝำ่ ฟันด้วยควำมเข้ำใจ

21 บทที่ 4 ผลกำรดำเนินงำน 4.1 ผลการดาเนนิ งาน ตำรำงที่ 4.1 กำรจดั ทำกจิ กรรมในโครงกำร รายละเอียดกิจกรรม วันที/่ เวลา สถานที่ ผู้รับผิดชอบ กิจกรรมท่ี 1 ใบ้คำมหนั ตภยั 28 ตุลำคม 2563 ตกึ 5 คณะจัดทำ เวลำ 09.00 – 09.30 น. คณะครุศำสตร์ โครงกำร กิจกรรมท่ี 2 โจรเอย๋ เจำ้ คือใคร 28 ตุลำคม 2563 ตึก 5 คณะจดั ทำ เวลำ 09.30 – 10.00 น. คณะครศุ ำสตร์ โครงกำร กจิ กรรมที่ 3 สง่ สำรพรำยกระซิบ 28 ตุลำคม 2563 ตกึ 5 คณะจัดทำ กิจกรรมที่ 4 ขอเพียงเขำ้ ใจ เวลำ 10.00 – 10.30 น. คณะครศุ ำสตร์ โครงกำร Math Hearts 28 ตุลำคม 2563 ตึก 5 คณะจัดทำ เวลำ 11.00 – 11.30 น. คณะครศุ ำสตร์ โครงกำร ผลการทากิจกรรม โครงกำรส่ือสำรสัมพันธ์ ฝำ่ ฝันด้วยควำมเข้ำใจ พบวำ่ ผจู้ ัดทำโครงกำรสำมำรถจัดทำ โครงกำรได้บรรลวุ ตั ถุประสงค์ทตี่ ้งั ไว้ คือ กำรเรยี นรกู้ ระบวนกำรทำงำน กำรจัดกิจกรรม/เกม โดยใช้ ทักษะ communication : กำรสือ่ สำรอย่ำงถกู ต้องเหมำะสม ซึง่ เปน็ ทักษะ 5Cs โดยกำรนำเสนอเปน็ เลม่ รำยงำนโครงกำร 1 เลม่ และผ้เู ขำ้ ร่วมโครงกำรไดใ้ ห้ควำมรว่ มมือในกำรเข้ำร่วมกจิ กรรมไดเ้ ป็น อยำ่ งดี

22 สรปุ ผลจากแบบประเมนิ แบบประเมนิ โครงการสอื่ สารสัมพนั ธ์ ฝ่าฟนั ด้วยความเข้าใจ 1. แบบประเมนิ ผู้เข้ารว่ มโครงการ ตำรำงที่ 4.2 แบบประเมนิ ผเู้ ขำ้ รว่ มโครงกำร รายการประเมิน คา่ เฉลี่ย S.D. ระดับความพึง พอใจ ดา้ นวทิ ยากร 4.64 0.51 ดีมำก 1. กำรถ่ำยทอดควำมรู้มคี วำมชัดเจน 4.64 0.51 ดีมำก 2. ควำมสำมำรถในกำรอธิบำยเนือ้ หำกิจกรรม 4.46 0.52 ดี 3. กำรใช้เวลำตำมทกี่ ำหนด 4.73 0.47 ดีมำก 4. กำรตอบข้อซักถำมในกิจกรรม 4.27 0.79 ดี ดา้ นสถานที่/ระยะเวลา 4.91 0.32 ดมี ำก 5. สถำนท่สี ะอำดและมีควำมเหมำะสม 4.64 0.51 ดีมำก 6. ควำมพรอ้ มของอปุ กรณ์ในกำรจัดกิจกรรม 7. ระยะเวลำในกำรจัดกิจกรรมมคี วำมเหมำะสม 4.46 0.52 ดี ด้านการนาไปประยกุ ต์ใช้ 4.46 0.52 ดี 8. สำมำรถนำกำรเรยี นรทู้ ี่ได้รับไปประยุกตใ์ ชใ้ นกำร ปฏิบตั ิกจิ กรรมอืน่ ๆได้ 4.55 0.52 ดีมำก 9. มีควำมม่นั ใจและสำมำรถนำกำรเรียนรู้ทีไ่ ดร้ ับไป 4.57 0.52 ดีมำก ใช้ได้ 10. สำมำรถนำกำรเรียนรู้ที่ไดไ้ ปเผยแพร่/ถำ่ ยทอดได้ รวม ผลกำรประเมนิ ของผเู้ ข้ำรว่ มโครงกำร พบว่ำ มคี ำ่ เฉลีย่ ควำมพึงพอใจรวม คือ 4.57 และคำ่ ส่วนเบยี่ งเบนมำตรฐำน คือ 0.52 ซง่ึ อยู่ในระดบั ควำมพงึ พอใจท่ีระดับดีมำก

23 2. แบบประเมินผู้จัดโครงการ ตำรำงท่ี 4.3 แบบประเมนิ ผู้จัดทำโครงกำร รายการประเมนิ ค่าเฉลย่ี S.D. ระดับความพึง พอใจ ด้านเนือ้ หา 4.33 0.52 ดี 1. ควำมนำ่ สนใจในกำรดำเนินเรือ่ ง 4.5 0.84 ดมี ำก 2. กำรเรยี งลำดบั เนอื้ หำเหมำะสม 4.67 0.52 ดีมำก 3. ควำมสอดคล้องของเน้ือหำแต่ละหน้ำ 4.33 0.52 ดี ด้านออกแบบและรูปภาพ 4.5 0.55 ดมี ำก 4. ควำมเหมำะสมกำรจดั วำงรปู ภำพ 4 0.89 ดี 5. ขนำดตวั อกั ษรมคี วำมเหมำะสมอ่ำนง่ำย 4.17 0.75 ดี 6. มสี สี ันสวยงำม สำมำรถมองเหน็ ได้ชัด 4.17 0.75 ดี 7. ควำมถูกต้องของภำษำทีใ่ ช้ 8. องคป์ ระกอบศิลปเ์ หมำะสม 4.33 0.52 ดี 4.17 0.41 ดี ด้านลักษณะรปู เล่ม 4.17 0.75 ดี 9. รูปเลม่ ภำยนอกสวยงำม 10. ขนำดของเล่มหนังสือมคี วำมเหมำะสม 4 0.63 ดี 11. จำนวนหนำ้ ของหนงั สือมีควำมสุข 4 0.64 ดี 4.17 0.41 ดี ดา้ นกระบวนการทางาน 4.33 0.52 ดี 12. ควำมรบั ผิดชอบในหน้ำท่ีที่ได้รับมอบหมำย 13. ยอมรบั ควำมคิดเห็นของสมำชกิ ในกลุ่ม 4.17 0.75 ดี 14. รว่ มแสดงควำมคดิ เหน็ ในกรทำงำน 4 0.63 ดี 15. ยอมรับบทบำทหนำ้ ที่ในฐำนะผนู้ ำและผ้ตู ำมทด่ี ี 4 0.63 ดี ด้านสถานท่ี/ระยะเวลา 4.33 0.52 ดี 16. สถำนทีส่ ะอำดและมีควำมเหมำะสม 17. ควำมพร้อมของอุปกรณ์ในกำรจัดกิจกรรม 18. ระยะเวลำในกำรจัดกจิ กรรมมีเหมำะสม ด้านการนาไปประยกุ ตใ์ ช้ 19. สำมำรถนำกำรเรยี นรู้ทไ่ี ด้รบั ไปประยุกต์ใชใ้ นกำร

24 ปฏิบตั ิกิจกรรมอืน่ ๆได้ 4.33 0.82 ดี 20. มคี วำมม่ันใจและสำมำรถนำกำรเรียนรทู้ ่ีได้รับไป ใช้ได้ 4.5 0.55 ดมี ำก 21. สำมำรถนำกำรเรยี นรู้ท่ีไดไ้ ปเผยแพร่/ถ่ำยทอดได้ 4.25 0.63 ดี รวม ผลกำรประเมินของผู้จดั โครงกำร พบวำ่ มีค่ำเฉลย่ี ควำมพึงพอใจรวม คือ 4.25 และคำ่ ส่วน เบี่ยงเบนมำตรฐำน คือ 0.63 ซึ่งอยู่ในระดับควำมพึงพอใจท่ีระดับดี

25 บทท่ี 5 สรุป อภปิ รำย และข้อเสนอแนะ 1. สรปุ ผลการดาเนนิ งาน 1. วตั ถปุ ระสงคข์ องโครงการ 1.1 เพ่อื เรยี นรู้กระบวนกำรทำงำน โครงกำรเร่ือง สอ่ื สำรสัมพันธ์ ฝ่ำฟันด้วยควำม เขำ้ ใจ 1.2 เพื่อจัดกจิ กรรม/เกม โดยใช้ทักษะ communication : กำรสื่อสำรอย่ำงถกู ตอ้ ง เหมำะสม ซึ่งเป็นทักษะ 5Cs เรอื่ ง ส่อื สำรสัมพันธ์ ฝำ่ ฟันด้วยควำมเข้ำใจ 1.3 เพอ่ื ให้ได้โครงกำร 1 เลม่ ของโครงกำรพัฒนำทกั ษะดำ้ นกำรทำงำนของครู (ดำ้ น กำรจดั กำรเรียนรู้) โดยประยุกต์ใช้ทกั ษะ 5Cs เร่อื ง สือ่ สำรสัมพันธ์ ฝำ่ ฟันดว้ ยควำมเข้ำใจ 2. กล่มุ เป้าหมาย นักศึกษำชัน้ ปที ี่ 1 โปรแกรมคณติ ศำสตร์ คณะครุศำสตร์ มหำวทิ ยำลัย คณติ ศำสตร์ มหำวทิ ยำลยั รำชภฏั สงขลำ จำนวน 10 คน 3. เคร่อื งมือทใี่ ช้ในการประเมินผล เคร่ืองมือที่ใช้ในกำรประเมินโครงกำร คือ แบบสอบถำม 4. สรปุ ผลการประเมินโครงการ 4.1 เพื่อเรยี นรู้กระบวนกำรทำงำน โครงกำรเรื่อง สือ่ สำรสัมพนั ธ์ ฝ่ำฟนั ด้วยควำม เข้ำใจ 4.2 เพ่ือจดั กิจกรรม/เกม โดยใช้ทักษะ communication : กำรสอื่ สำรอย่ำงถกู ต้อง เหมำะสม ซึง่ เป็นทักษะ 5Cs เรื่อง สอ่ื สำรสมั พันธ์ ฝำ่ ฟันด้วยควำมเขำ้ ใจ 4.3 เพือ่ ให้ไดโ้ ครงกำร 1 เล่มของโครงกำรพฒั นำทักษะด้ำนกำรทำงำนของครู (ดำ้ น กำรจัดกำรเรยี นร)ู้ โดยประยุกต์ใช้ทักษะ 5Cs เร่อื ง ส่ือสำรสัมพนั ธ์ ฝำ่ ฟันด้วยควำมเขำ้ ใจ 5. อภิปรายผล กำรประเมนิ โครงกำรเรื่อง ดำเนนิ ตำมรปู แบบกำรประเมินทุกขัน้ ตอนอยำ่ งเป็น ระบบ ผลกำรประเมนิ มีควำมเชอ่ื มนั่ เปน็ ไปตำมวัตถปุ ระสงคท์ ีก่ ำหนด คือ

26 1. เพ่อื เรยี นรูก้ ระบวนกำรทำงำน โครงกำรเร่ือง สื่อสำรสัมพนั ธ์ ฝำ่ ฟนั ดว้ ยควำม เขำ้ ใจ 2. เพ่อื จดั กิจกรรม/เกม โดยใช้ทกั ษะ communication : กำรสื่อสำรอย่ำงถูกตอ้ ง เหมำะสม ซึ่งเป็นทกั ษะ 5Cs เร่อื ง สอื่ สำรสัมพันธ์ ฝำ่ ฟันด้วยควำมเขำ้ ใจ 3. เพือ่ ให้ได้โครงกำร 1 เล่มของโครงกำรพัฒนำทกั ษะดำ้ นกำรทำงำนของครู (ดำ้ น กำรจดั กำรเรยี นรู้) โดยประยุกตใ์ ช้ทกั ษะ 5Cs เร่ือง สื่อสำรสมั พันธ์ ฝ่ำฟันด้วยควำมเข้ำใจ 2. ปัญหาและอปุ สรรคในการศกึ ษาคน้ คว้า 1. เวลำทใ่ี ช้ในกำรศึกษำคน้ คว้ำไม่มำกพอ 2. ภำระงำนในวชิ ำอื่นทำให้ดำเนนิ กำรไมเ่ ต็มประสทิ ธภิ ำพ 3. ใชเ้ วลำนำนในกำรจัดหำผ้เู ข้ำร่วมกจิ กรรมเพรำะเวลำวำ่ งไมต่ รงกบั คณะผ้จู ัดกิจกรรม 3. ข้อเสนอแนะ/แนวทางในการพัฒนา 1. แบ่งเวลำและใชเ้ วลำให้คุ่มค้ำในกำรศึกษำค้นควำ้ 2. จดั ทำตำรำงงำนและวำงแผนในกำรทำงำนอยำ่ งเป็นระบบ 3. วำงแผนปรกึ ษำและทำควำมเข้ำใจกบั ผู้เขำ้ ร่วมกจิ กรรมในกำรจดั สรรเวลำในกำรเข้ำร่วม กิจกรรม

27 บรรณานกุ รม ทักษะ3R.[ระบบออนไลน์].แหลง่ ทม่ี ำ https://sites.google.com/site/pimporntasee0024/hlak-3rs-4cs-thi-khwr-ru. (วนั ทีส่ ืบคน้ ข้อมูล 25 ตลุ ำคม 2563) จำมจรุ ี เอมโอฐ. 2561.ทกั ษะ 8C. [ระบบออนไลน์]. แหลง่ ท่ีมำ https://sites.google.com/site/praewjamjureesbt/khlang- bthkhwam/hxngsmudchiwit?tmpl=%2Fsystem%2Fapp%2Ftemplates%2Fprint %2F&showPrintDialog= . (วันทสี่ ืบคน้ ข้อมูล 25 ตลุ ำคม 2563) การสื่อสาร.[ระบบออนไลน์].แหล่งที่มำ https://sites.google.com/site/thaicommunication83/bth-thi-1-kar-suxsar. (วนั ทีส่ ืบคน้ ข้อมลู 26 ตุลำคม 2563) ขอ้ ควรคานงึ ในการใชภ้ าษาเพื่อการสอ่ื สาร.[ระบบออนไลน์].แหลง่ ทมี่ ำ https://sites.google.com/site/thaivibut/khx-khwr-khanung-ni-kar-chi-phasa- pheux-kar-suxsar. (วันท่สี บื คน้ ข้อมูล 26 ตุลำคม 2563)

28 ภาคผนวก ก. ภาพที่ ก.1 ก่อนเริ่มกิจกรรม ภาพที่ ก. 2 ก่อนเร่ิมกิจกรรม ภาพที่ ก.3 การเล่นกิจกรรมท่ี 1 ใบค้ ามหนั ตภยั

29 ภาพท่ี ก. 4 การเล่นกิจกรรมท่ี 1 ใบค้ ามหนั ตภยั ภาพท่ี ก.5 การอธิบายกิจกรรมที่ 2 โจรเอ๋ย เจา้ คือใคร ภาพท่ี ก. 6 การอธิบายกิจกรรมท่ี 2 โจรเอ๋ย เจา้ คือใคร

30 ภาพที่ ก.7 การเริ่มกิจกรรมท่ี 2 โจรเอ๋ย เจา้ คือใคร ภาพที่ ก.8 กิจกรรมท่ี 2 โจรเอ๋ย เจา้ คือใคร

31 ภาพที่ ก.9 กิจกรรมที่ 2 โจรเอ๋ย เจา้ คือใคร ภาพที่ ก.10 กิจกรรมท่ี 2 โจรเอ๋ย เจา้ คือใคร

32 ภาพท่ี ก.11 กิจกรรมท่ี 2 โจรเอ๋ย เจา้ คือใคร ภาพที่ ก.12 กิจกรรมที่ 3 ส่งสารพรายกระซิบ

33 ภาพท่ี ก.13 กิจกรรมที่ 3 ส่งสารพรายกระซิบ ภาพท่ี ก.14 กิจกรรมที่ 3 ส่งสารพรายกระซิบ

34 ภาพท่ี ก.15 กิจกรรมที่ 3 ส่งสารพรายกระซิบ ภาพท่ี ก.16 กิจกรรมที่ 3 ส่งสารพรายกระซิบ

35 ภาพท่ี ก.17 การเร่ิมกิจกรรมที่ 4 ขอเพยี งเขา้ ใจ Mathe Hearts ภาพท่ี ก.18 การเร่ิมกิจกรรมท่ี 4 ขอเพียงเขา้ ใจ Mathe Hearts

36 ภาพที่ ก.19 กิจกรรมที่ 4 ขอเพยี งเขา้ ใจ Mathe Hearts ภาพท่ี ก.20 กิจกรรมท่ี 4 ขอเพยี งเขา้ ใจ Mathe Hearts

37 ภาพท่ี ก.21 กิจกรรมที่ 4 ขอเพียงเขา้ ใจ Mathe Hearts ภาพที่ ก.22 กิจกรรมนนั ทนาการก่อนเขา้ กิจกรรม

38 ภาพที่ ก. 23 กิจกรรมนนั ทนาการก่อนเขา้ กิจกรรม ภาพท่ี ก.24 กิจกรรมนนั ทนาการก่อนเขา้ กิจกรรม ภาพที่ ก.25 กิจกรรมนนั ทนาการก่อนเขา้ กิจกรรม ภาพท่ี ก.26 กิจกรรมนนั ทนาการก่อนเขา้ กิจกรรม

39 ภาพที่ ก.27 กิจกรรมนนั ทนาการก่อนเขา้ กิจกรรม ภาพท่ี ก.28 กิจกรรมนนั ทนาการก่อนเขา้ กิจกรรม ภาพที่ ก.29 กิจกรรมนนั ทนาการก่อนเขา้ กิจกรรม

40 ภาพท่ี ก.30 กิจกรรมนนั ทนาการก่อนเขา้ กิจกรรม ภาพที่ ก.31 กิจกรรมนนั ทนาการก่อนเขา้ กิจกรรม

41 ภาพท่ี ก.32 กิจกรรมนนั ทนาการก่อนเขา้ กิจกรรม ภาพท่ี ก.33 กิจกรรมนนั ทนาการก่อนเขา้ กิจกรรม ภาพที่ ก.34 ช่วงพกั ระหวา่ งรอเล่นกิจกรรมตอ่ ไป

42 ภาพที่ ก.35 มอบของรางวลั ใหผ้ เู้ ขา้ ร่วมกิจกรรม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook