การสืบพนั ธ์ุของพชื ดอก นางสาวนิภาพร เขยี วอ่อน ครูโรงเรียนแม่เมาะวทิ ยา
ส่วนประกอบของดอก 1. วงกลีบเล้ียง Calyx 2. วงกลีบดอก Corolla 3. เกสรเพศผู้ Androecium 4. วงเกสรเพศเมีย Gynoecium
ลกั ษณะของดอก 1. ดอกสมบูรณ์ /ดอกครบส่วน (Complete flower) ดอกที่มีโครงสร้างครบท้งั 4 ส่วน เช่น ชบา 2. ดอกไม่สมบูรณ์/ดอกไม่ครบส่วน (Incomplete flower) : ดอกท่ีมี โครงสร้างไม่ครบ 4 ส่วน เช่น ตาลึง แตงกวา บวบ ฟักทอง
ลกั ษณะของดอก 1. ดอกสมบูรณ์เพศ (Perfect flower) ดอกท่ีมีเกสรเพศผแู้ ละเกสรเพศ เมียในดอกเดียวกนั 2. ดอกไม่สมบูรณ์เพศ (Imperfect flower) : ดอกที่มีเกสร เพศผหู้ รือเพศเมียเพียงอยา่ งเดียว
ตาแหน่งของ Ovary 1. Superior ovary: Hypogynous 2. Half-inferior ovary: Perigynous 3. Inferior ovary: Epigynous
ลกั ษณะของดอก 1. ดอกเดี่ยว (Solitary flower) มีดอกหน่ึงดอกในกา้ นดอก 1 กา้ น เช่น จาปี บวั 2. ช่อดอก (Inflorescences flower) ดอกหลายดอกในกา้ นดอก 1 กา้ น เช่น เขม็ มะลิ กะเพรา กลว้ ยไม้
ลกั ษณะของช่อดอกชนิดต่างๆ http://www.sc.mahidol.ac.th/wiki/lib/exe/detail.php?id [7-7-57]
ลกั ษณะของช่อดอกชนิดต่างๆ http://agri.kps.ku.ac.th/agron/main.php?pg=Economic_crops[7-7-57]
ลกั ษณะของช่อดอกชนิดต่างๆ http://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=2874&t= [7-7-57]
การสร้างเซลลส์ ืบพนั ธุข์ องพืช http://bio- g6.exteen.com/20110115/entry-1 [7-7-57]
การถ่ายละอองเรณู : Polination การท่ีละอองเรณูตกลงไปบนยอดเกสรเพศเมียของดอก ชนิดเดียวกนั มี 2 แบบ 1. การถ่ายละอองเรณูในดอกเดียวกนั หรือคนละดอก ในตน้ เดียวกนั (Self pollination) 2. การถ่ายละอองเรณูคนละดอกของตน้ ไมค้ นละตน้ ในพชื นิดเดียวกนั (Cross pollination)
การปฏิสนธิซอ้ นของพชื :Double fertilization http://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=2874 [7-7-57]
การปฏิสนธิซอ้ นของพชื :Double fertilization Double Sp(ne)rm + E(ng)g Z(2yng)ote Em(3bnr)yo Fertilization Sp(enrm) + Pol(a2r nnu)clei Primarry e(n3dno)sperm cell End(3osnp)erm http://coursewares.mju.ac.th:81/e-learning46/bi100/05.htm [7-7-57] http://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=2874 [7-7-57]
การเกิดผล โดยปกติหลงั การปฏิสนธิ รังไข่จะเจริญเป็นผล และ ออวลุ จะเจริญเป็นเมลด็ แต่ในพชื บางชนิด ออวลุ ไม่เจริญเป็นเมลด็ แต่รังไข่สามารถเจริญเป็น ผลได้ เช่น กลว้ ยหอม องุ่นไร้เมลด็ พชื บางชนิดผลเจริญมาจากฐานรองดอก เช่น ชมพู่ แอปเปิ ล สาล่ี ฝรั่ง
ลกั ษณะของดอกและการเกิดผล แบ่งไดเ้ ป็น 3 ชนิด 1. ผลเด่ียว (Simple fruit) เป็นผลท่ีเกิดจากดอกเดี่ยวหรือ ช่อดอก ซ่ึงแต่ละดอกมีรังไข่อนั เดียว เช่น ลิ้นจ่ี เงาะ ลาไย ทุเรียน ตะขบ
ลกั ษณะของดอกและการเกิดผล 2. ผลกลุม่ (Aggregate fruit) เป็นผลท่ีเกิดจากดอก 1 ดอก แต่มีหลายรังไข่ อาจอยแู่ ยกกนั หรือติดกนั กไ็ ด้ และอยบู่ น ฐานรองดอกเดียวกนั เช่น นอ้ ยหน่า จาปี กระดงั งา มณฑา สตรอเบอร่ี
ลกั ษณะของดอกและการเกิดผล 3. ผลรวม (Multiple fruit) เป็นผลเกิดจากของดอกยอ่ ยแต่ ละดอกของช่อดอกมารวมกนั เป็นผลใหญ่ เช่น ยอ ขนุน หม่อน สบั ปะรด
ส่ วนประกอบของผล 1. เนือ้ ผล หรือ pericarp (peri=around; karpos=fruit) เป็นส่วนที่เจริญมาจาก ผนงั ของ รังไข่ (ovary wall) epicarp (exocarp) เป็นส่วนผวิ นอกสุดของผล mesocarp เป็นเน้ือผลช้นั กลางอยถู่ ดั เขา้ มาจาก epicarp อาจมีเน้ือนุ่ม endocarp เป็นส่วนในสุด ส่วนใหญ่มีลกั ษณะบาง 2. เมลด็ (seed) เป็นส่วนที่เจริญมาจาก ovule
ประเภทของผล 1. ผลสด:Freshy fruit ผลที่แก่แลว้ มีเน้ือผลสดไม่แหง้ 1.1 ดรูพ drupe : stone fruit: pyrene fruit เช่น มะม่วง มะกอก พทุ รา มะปราง
ประเภทของผล 1.2 เบอร์รี Berry เช่น ผลของมะเขือเทศ องุ่น มะเขือ พวง มะเขือเปราะ มะเขือขื่น
ประเภทของผล 1.3 แบคแคท (baccate) เช่น กลว้ ย
ประเภทของผล 1.4 เพพโพ (pepo) หรือก้ดู (gourd) เช่น family Cucurbitaceae แตง แตงโม
ประเภทของผล 1.5 โพม (pome) หรือซูโดคาร์พ (pseudocarp) เช่น แอปเปิ ล แพร์ สาลี่
ประเภทของผล 1.6 เฮสเพอริเดียม (hesperidium) เช่น สกลุ สม้ (Citrus)
ประเภทของผล 2. ผลแห้ง (dry fruit) หมายถึง ผลที่เมื่อแก่แลว้ เน้ือผล กลายเป็นเปลือกแขง็ และแหง้ 2.1 ผลแห้งท่ีไม่แตก (indehiscent dry fruit) 2.1.1 อะคนี (achene) เช่น ผลของบวั
ประเภทของผล 2.1 ผลแห้งทีไ่ ม่แตก (indehiscent dry fruit) 2.1.2 ซีพซีลา (cypsela) เช่น ผลของทานตะวนั
ประเภทของผล 2.1 ผลแห้งที่ไม่แตก (indehiscent dry fruit) 2.1.2 คาริออพซิส (caryopsis) เช่น ผลของพชื ในวงศ์ หญ้า
ประเภทของผล 2.1 ผลแห้งท่ไี ม่แตก (indehiscent dry fruit) 2.1.4 นัท (nut) เช่น ผลของมะม่วงหิมพานต์ มะพร้าว กระจบั
ประเภทของผล 2.1 ผลแห้งทีไ่ ม่แตก (indehiscent dry fruit) 2.1.5 เอคอร์น (acorn) เช่น ผลของพืชในวงศก์ ่อ
ประเภทของผล 2.1 ผลแห้งที่ไม่แตก (indehiscent dry fruit) 2.1.6 ซามารา (samara) เช่น ผลของประดู่ สนทะเล สนประดิพทั ธ์
ประเภทของผล 2.1 ผลแห้งทไี่ ม่แตก (indehiscent dry fruit) 2.1.7 ซามารอยด์ (samaroid) เช่น ผลของยางนา เหียง พลวง เตง็ รัง รักใหญ่
ประเภทของผล 2.1 ผลแห้งที่ไม่แตก (indehiscent dry fruit) 2.1.8 ชิโซคาร์พ (schizocarp) เช่น ผลของตน้ ครอบจกั รวาล
ประเภทของผล 2.2 ผลแห้งทแี่ ตก (dehiscent dry fruit) หมายถึง ผล เม่ือแก่แลว้ เน้ือผลแหง้ และแตกออกจากกนั 2.2.1 ฟอลลเิ คลิ (follicle) เช่น ผลของจาปา จาปี รัก
ประเภทของผล 2.2 ผลแห้งทแี่ ตก (dehiscent dry fruit) 2.2.2 ซิลคิ (silique) เช่น ผลของผกั เส้ียน และผลของ พืชในวงศผ์ กั
ประเภทของผล 2.2 ผลแห้งทแี่ ตก (dehiscent dry fruit) 2.2.3 เลกกมู (legume) เช่น ผลของกระถิน หางนกยงู ฝรั่ง แดง
ประเภทของผล 2.2 ผลแห้งทแ่ี ตก (dehiscent dry fruit) 2.2.4 โลเมนต์ (loment) หรือ โลเมนตมั (lomentum) เช่น ผลของพฤกษ์ ไมยราพ นนทรี
ประเภทของผล 2.2 ผลแห้งทแี่ ตก (dehiscent dry fruit) 2.2.5 ครีโมคาร์พ (cremocarp) เช่น ผลของยหี่ ร่า บวั บก
ประเภทของผล 2.2 ผลแห้งทแ่ี ตก (dehiscent dry fruit) 2.2.6 แคปซูล (capsule) ผลท่ีเกิดจากดอกที่มีรังไข่ที่ มีหลายคาร์เพลเชื่อมกนั เม่ือผลแก่จะแตกไดห้ ลายแบบ 1. เซพตซิ ิดอลแคปซูล (septicidal capsule) เช่น ผลของกระเชา้ สีดา
ประเภทของผล 2.2.6 แคปซูล (capsule) 2. ลอคคูลซิ ิดอลแคปซูล (loculicidal capsule) เช่น ผล ของทุเรียน ฝ้ าย พดุ ตาน ตะแบก
ประเภทของผล 2.2.6 แคปซูล (capsule) 3. เซฟตริฟรากอลแคปซูล (septifragal capsule) เช่น ผลของ Epidendrum sp.
ประเภทของผล 2.2.6 แคปซูล (capsule) 4. พอริซิดอลแคปซูล (poricidalcapsule) เช่น ผลของฝ่ิ น
ประเภทของผล 2.2.6 แคปซูล (capsule) 5. เซอร์คมั ซิสไซล์แคปซูล (circumscissile capsule) เช่น ผลของหงอนไก่
ประเภทของผล 2.2.6 แคปซูล (capsule) 6. อูทริเคลิ (utricle) เช่น ผลของบานไม่รู้โรย
ส่ วนประกอบของเมลด็ เมลด็ (Seed) หมายถึง ออวลุ ท่ีไดร้ ับการปฏิสนธิและ เจริญเติบโตเตม็ ที่ เมลด็ ประกอบดว้ ยส่วนต่าง ดงั น้ี 1.เปลอื กหุ้มเมลด็ (seed coat) 2. เอนโดสเปิ ร์ม (endosperm) 3. เอม็ บริโอ (embryo)
ส่ วนประกอบของเมลด็ 1.เปลอื กหุ้มเมลด็ (seed coat) เป็นส่วนท่ีป้ องกนั ส่วนประกอบ ภายในของเมลด็ ไม่ใหไ้ ดร้ ับอนั ตราย เปลือกหุม้ เมลด็ เจริญมา จากผนงั ของออวลุ มี 2 ช้นั ประกอบดว้ ย 1.1 เปลอื กเมลด็ ช้ันนอก (testa or sclerotesta) เปลือกช้นั นอก น้ีมกั จะหนาและแขง็ เปล่ียนแปลงมาจากผนงั ออวลุ ช้นั นอก 1.2 เปลอื กเมลด็ ช้ันใน (tegment or sacrotesta) เปลือกช้นั ใน น้ีมกั จะเป็นเยอื่ บาง เปลี่ยนแปลงมาจากผนงั ออวลุ ช้นั ใน
ส่ วนประกอบของเมลด็ 2. เอนโดสเปิ ร์ม (endosperm) เป็นอาหารสะสมสาหรับตน้ อ่อน เอนโดสเปิ ร์มเกิดจากโพลาร์นิวคลีไอ (polar nuclei) รวม กบั สเปิ ร์ม เมลด็ พืชบางชนิดไม่เก็บอาหารสะสมไวใ้ นเอนโดสเปิ ร์ม (exalbuminous seed) เช่น เมลด็ ถว่ั เมลด็ พชื บางชนิดจะเก็บอาหารไวใ้ นเอนโดสเปิ ร์ม (albuminous seed) เช่น เมลด็ ของละหุ่ง
ส่ วนประกอบของเมลด็ 3. เอม็ บริโอ (embryo) เกิดจากการผสมของไข่กบั สเปิ ร์ม 3.1 ใบเล้ียง (cotyledon) เป็นโครงสร้างท่ีมีลกั ษณะคลา้ ยใบ พชื ใบเล้ียงคู่มีใบเล้ียงสองใบ พืชใบเล้ียงเด่ียวมีใบเล้ียงใบเดียว 3.2 ลาตน้ เหนือใบเล้ียง (epicotyl) จะเปล่ียนแปลงไปเป็นลาตน้ และใบ 3.3 ลาตน้ ใตใ้ บเล้ียง (hypocotyl) 3.4 รากแรกเกิด (radicle) เป็นส่วนที่จะเจริญไปเป็นรากแกว้ 3.5 ยอดแรกเกิด (plumule) เป็นส่วนที่จะเจริญไปเป็นลาตน้
ส่ วนประกอบของเมลด็ http://bistillusion.exteen.com/20110105/entry [10-8-57]
การงอกของเมลด็ 1. การงอกทชี่ ูใบเลยี้ งขนึ้ มาเหนือดนิ (Epigeal germination)
การงอกของเมลด็ 2. การงอกทฝ่ี ังใบเลยี้ งไว้ใต้ดนิ (Hypogeal germination)
Search