Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore นาฏศิลป์ 4/2

นาฏศิลป์ 4/2

Published by kulvadee jabprung, 2022-08-04 13:37:41

Description: นาฏศิลป์

Keywords: นาฏศิลป์

Search

Read the Text Version

นาฏศิลป์ น.ส.กุลวดี จับปรั่ง ม.4/2 เลขที่ 30

คำนำ รายงานเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของรายวิชานาฏศิลป์ เพื่อให้ผู้ที่สนใจ ในรายวิชานาฏศิลป์สามารถศึกษาหาความรู้จากรายงานเล่มนี้ได้ โดยเนื้อหาใน รายงานเล่มนี้เกี่ยวกับ คุณค่าและประโยชน์ของนาฏศิลป์ กระบวนการสืบทอด นาฏศิลป์ไทย การแสดงนาฏศิลป์ไทยในโอกาสต่างๆ ระบำ รำ ฟ้อน และการแสดง นาฏศิลป์พื้นเมืองของไทย การแสดงนาฏศิลป์พื้นเมือง เพลงเทิดเทิง เพลงกลอง ยาว และลำดับสุดท้าย บุคคลสำคัญในวงการนาฏศิลป์ไทย คณะผู้จัดทำคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดทำรายงานเล่มนี้จะมีข้อมูลที่เป็น ประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจในรายวิชานาฏศิลป์เป็นอย่างดี คณะผู้จัดทำ น.ส.ณิชาภัทร นุ่นเกต ม.4/2 เลขที่ 33

สารบัญ เนื้ อหา หน้า คุณค่าและประโยชน์ของนาฏศิลป์ 1 2 กระบวนการสืบทอดนาฏศิลป์ไทย 4 การแสดงนาฏศิลป์ไทยในโอกาสต่างๆ 8 12 ระบำ รำ ฟ้อน 13 และการแสดงนาฏศิลป์พื้นเมืองของไทย 17 25 การเเสดงนาฏศิลป์ไทยพื้นเมือง เพลงเถิดเทิง เพลงกลองยาว บุคคลสำคัญในวงการนาฏศิลป์ไทย บรรณานุกรม น.ส.สิริกร สุขเกษม ม.4/2 เลขที่ 40

1 คุณค่าและประโยชน์ของนาฏศิลป์ คุณค่าของนาฏศิลป์ นาฏศิลป์มีหลายแขนงและนาฏศิลป์ปลูกฝัง จริยธรรมและความเป็นเอกลักษณ์ของชาติ 1.ประติมากรรม คือ การปั้ น การแกะสลัก การหล่อ 2.วรรณกรรม เป็นบทประพันธ์ที่มีทั้งร้อยแก้วและ ร้อยกรอง บทละครและบทเพลง 3.สถาปัตยกรรม คือ การออกแบบสร้างฉากต่างๆ เช่น บ้านเรือน ปราสาท โบสถ์ ฉากธรรมชาติ 4.จิตรกรรม คือ การเขียนภาพในการแสดง การ แต่งหน้า การแต่งกาย 5.ดุริยางคศิลป์ คือ ศิลปะทางด้านดนตรี การขับ ร้อง ประโยชน์ของนาฏศิลป์ 1. สถาบันพระมหากษัตริย์จำเป็นต้องมีพิธี ต่างๆตามราชประเพณี 2. เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของคนไทยตั้งแต่เกิด จนตาย 3. สอนให้เป็นผู้รู้จักตนเอง น.ส.ณิชาภัทร นุ่นเกต ม.4/2 เลขที่ 33

2 กระบวนการสืบทอดนาฏศิลป์ไทย การสืบทอดนาฏศิลป์สมัยโบราณ เป็นการถ่ายทอดจากครูแบบตัว ต่อตัวโดยการจำ กระบวนการสืบทอดนาฏศิลป์สมัยปัจจุบัน ปัจจุบันวิชานาฏศิลป์เปิดสอนทุกระดับ โดยจัดทำสื่อการสอน และทำกิจกรรมเพื่อ ประเทืองปัญหาโดยใช้ระบบการเรียนการ สอนที่ผู้เรียนมีเป็นศูนย์กลาง การจัดกิจกรรมเพื่อสืบทอด วัฒนธรรมทางด้านนาฏศิลป์ นาฏศิลป์มีขนบธรรมเนียมประเพณีที่ยึดถือปฏิบัติสืบทอด มาตั้งแต่โบราณ ผู้ศึกษาวิชานาฏศิลป์จะต้องมีความ เคารพศรัทธาในบูรพาจารย์ ผู้ถ่ายทอดว ิชาในแก่ศิษย์ - พิธีไหว้ครู ครอบครู และรับมอบ เป็นกิจกรรมที่สะท้อนถึง ความเชื่อ เพื่อให้ศิษย์ใหม่ได้รู้จักพระนนามครูที่เป็น มหาเทพ พระฤาษี ยักษ์ เพื่อความเป็นสิริมงคล และ ป้องกันเสนียดจัญไร มีโอกาสได้รับการถ่ายทอดท่ารำอัน สูงสุด - คติความเชื่อเกี่ยวกับนาฏศิลป์ คติความเชื่อในเรื่อง ผิด ครู แรงครู ครูเข้า เป็นคติความเชื่อที่มีวัตถุประสงค์เพื่อ ขจัดภัยในเรื่องพิบัติ และนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคล เพื่อ ให้ศิษย์นาฏศิลป์ทุกคนปฏิบัติตาม น.ส.ณิชาภัทร นุ่นเกต ม.4/2 เลขที่ 33

3 กระบวนการสืบทอดนาฏศิลป์ไทย แนวทางการอนุรักษ์นาฏศิลป์ไทย - การค้นคว้าวิจัย ศึกษาและเก็บรวบรวมข้อมูล ภูมิปัญญาของไทยในท้องถิ่นด้านต่างๆ มุ่งศึกษาความ เป็นมาในอดีต - การอนุรักษ์ ปลุกจิตใต้สำนึกให้คนในท้องถิ่นตระหนัก ถึงคุณค่าแก่นสาระและความสำคัญของภูมิปัญญา ท้องถิ่น ส่งเสริมการจัดกิจกรรมตามประเพณีและ วัฒนธรรมต่างๆ - การฟื้ นฟู เลือกสรรภูมิปัญญาที่กำลังสูญหายหรือที่ สูญหายไปแล้วมาทำให้มีคุณค่าและมีความสำคัญต่อ การดำเนินชีวิตใน - การพัฒนา สร้างสรรค์และปรับปรุงภูมิปัญญาให้ เหมาะสมกับยุคสมัยและเกิดประโยชน์ในการดำเนิน ชีวีตประจำวัน - การถ่ายทอด นำภูมิปัญญาที่ผ่านมาเลือกสรรกลั่น กรองด้วยเหตุผลอย่างรอบคอบ แล้วถ่ายทอดให้คนใน สังคมได้รับรู้ ตระหนักถึงคุณค่า คุณประโยชน์และ ปฏิบัติได้อย่างเหมาะสม - ส่งเสริมกิจกรรม ส่งเสริมให้เกิดเครือข่ายการสืบสาน และพัฒนาภูมิปัญญาของชุมชน - การเผยแพร่แลกเปลี่ยน เผยแพร่ภูมิปัญญาท้องถิ่น ต่างๆด้วยสื่อและวิธีการต่างๆ อย่างกว้างขวาง น.ส.ณิชาภัทร นุ่นเกต ม.4/2 เลขที่ 33

การแสดงนาฏศิลป์ไทย 4 ในโอกาสต่างๆ การแสดงนาฏศิลป์ ในงานพระราชพิธี งานพระราชพิธีเฉลิมพระชนม์พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว น.ส.วิไลลักษณ์ สาเหล้ ม.4/2 เลขที่ 39

5 งานพระราชพิธีเฉลิมพระชนม์พรรษาสมเด็จพระบรมราชินีนาถ น.ส.วิไลลักษณ์ สาเหล้ ม.4/2 เลขที่ 39

6 การแสดงนาฏศิลป์ ในงานมงคลทั่วไป น.ส.วิไลลักษณ์ สาเหล้ ม.4/2 เลขที่ 39

7 การแสดงนาฏศิลป์ ในงานอวมงคล น.ส.วิไลลักษณ์ สาเหล้ ม.4/2 เลขที่ 39

ระบำ รำ ฟ้อน 8 และการแสดงนาฏศิลป์พื้นเมืองของไทย ระบำ รำ ฟ้อน คือ ศิลปะการร่ายรำอย่างหนึ่ง ที่มุ่งหมายเพียงเพื่อความสวยงามของท่าทางและ ความรื่นเริงบันเทิงใจ ไม่มีการดำเนินเป็นเรื่องราวกิริยาการเคลื่อนไหวเน้นให้เข้ากับจังหวะของดนตรี และจะมีเนื้ อเพลงหรือไม่มีก็ได้ ระบำ ระบำ หมายถึง ศิลปะของการร่ายรำที่แสดงพร้อมกันเป็นหมู่เป็นชุด ความงามของการแสดงระบำ อยู่ที่ความสอดประสานกลมกลืนกัน ด้วยความพร้อมเพรียงกัน อาจมีบทร้องหรือไม่มีก็ได้ แต่มีความพร้อมเพรียงในด้านกระบวนท่ารำ การเปลี่ยนท่า การแปรแถว ระบำ แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ระบำดั้งเดิมหรือระบำมาตรฐาน และระบำปรับปรุงหรือระบำเบ็ดเตล็ด ระบำมาตรฐาน คือ ระบำที่ฝึกหัดกันเป็นแบบมาตรฐานดั้งเดิม ลักษณะสำคัญ คือ การแต่งกายยืนเครื่องพระนาง ตลอดจนท่ารำ เพลงร้องและดนตรี มีกำหนดไว้เป็นแบบแผนที่มีลักษณะเฉพาะตัว ระบำปรับปรุง คือ ระบำที่ปรับปรุงขึ้นมาใหม่ การแสดงที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่ตามประสงค์ ตามเหตุการณ์ ตามสมัยนิยม และตามเนื้อเรื่องที่ผู้ประพันธ์ต้องการ น.ส.สิริกร สุขเกษม ม.4/2 เลขที่ 40

รำ 9 รำ หมายถึง การแสดงที่มุ่งความงามของการร่ายรำ เป็นการแสดงท่าทางลีลาของผู้รำ โดยใช้มือแขนเป็นหลัก รำแบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ รำเดี่ยว รำคู่ และรำหมู่ รำเดี่ยว คือ การรำที่ใช้ผู้แสดงเพียงคนเดียว รำคู่ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ รำคู่ในเชิงศิลปะการต่อสู้ ไม่มีบทร้อง และรำคู่ในชุดสวยงาม รำหมู่ เป็นการแสดงมากกว่า ๒ คนขึ้นไป น.ส.สิริกร สุขเกษม ม.4/2 เลขที่ 40

ฟ้อน 10 ฟ้อน หมายถึง การร่ายรำโชว์ความสวยงามเน้นความพร้อมเพรียง ท่าร่ายรำบางท่า แสดงความหมายตามบทร้อง แต่ไม่ดำเนินเป็นเรื่องราว แสดงเป็นหมู่ จัดเป็นการละเล่นพื้นเมือง ซึ่งมีลักษณะเฉพาะในแต่ละท้องถิ่น ทางภาคเหนือ ภาคอีสาน เรียกว่า เซิ้ง ฟ้อนแบ่งออกเป็น 5 ชนิด ฟ้อนที่สื บเนื่องมาจาการนับถือผี ฟ้อนแบบเมือง ฟ้อนแบบม่าน ฟ้อนแบบเงี้ยวหรือแบบไทยใหญ่ ฟ้อนที่ปรากฏในบทละคร ฟ้อนที่สื บเนื่องมาจาการนับถือผี คือ ประเพณีการฟ ้อนผีของชาวล้านนา คล้ายกับการลงผีผีเจ้าพ่อของท้องถิ่นอื่น นิยมเรียกกันว่า \"ฟ้อนผีมด-ผีเม็ง\" ประเพณ ีฟ้อนผีมด-ผีเม็ง เป็นการฟ้อนรำเพื่อสั งเวยผีบรรพบุรุษ ฟ้อนแบบเมือง คือ ศิลปะการฟ้อนที่มีลีลาแสดงลักษณะเป็นแบบฉบับของ \"คนเมือง\" หรือ \"ชาวไทยยวน\" น.ส.สิริกร สุขเกษม ม.4/2 เลขที่ 40

11 ฟ้อนแบบม่าน คือ เป็นการผสมผสานกันระหว่างศิลปะการ ฟ้อนของพม่า กับของไทยลานนา ฟ้อนแบบเงี้ยวหรือแบบไทยใหญ่ คือ การฟ้อนตลอดจนการแสดงที่รับอิทธิพล หรือมีต้นเค้ามาจากศิลปะการแสดงของชาวไทยใหญ่ ฟ้อนที่ปรากฏในบทละคร คือ การฟ้อนที่มีผู้คิดสร้างสรรค์ขึ้นในการแสดงละครพันทาง ซึ่งนิยมในสมัยรัชกาลที่ 5 น.ส.สิริกร สุขเกษม ม.4/2 เลขที่ 40

การแสดงนาฏศิลป์ไทยพื้นเมือง 12 การแสดงนาฏศิลป์ไทยพื้นเมืองภาคเหนือ การแสดงนาฏศิลป์ไทยพื้นเมืองภาคอีสาน การแสดงนาฏศิลป์ไทยพื้นเมืองภาคกลาง การแสดงนาฏศิลป์ไทยพื้นเมืองภาคใต้ น.ส.สิริกร สุขเกษม ม.4/2 เลขที่ 40

13 เพลงเถิดเทิง เพลงกลองยาว ประวัติความเป็นมา การเล่ นเถิดเทิง มีผู้สันนิษฐานว่าเป็นของพม่านิยมเล่ นกันมาก่ อน เมื่อตอนพม่า มาทำสงครามกับไทย สมัยธนบุรี เวลาพักรบทหารชาวพม่าบางกลุ่ มก็เล่ นกลองยาว ชาวไทยเราได้เห็นก็จำมาเล่ น และยังมีเพลงอีกเพลงหนึ่ งซึ่ งดนตรีไทยนำมาใช้ บรรเลง มีทำนองเป็นเพลงพม่า เรียกกันมาแต่เดิมว่า “เพลงพม่ากลองยาว” ต่อมาได้มีผู้ปรับ เป็นเพลงระบำและกำหนดการแต่งตัวใหม่ ที่มือของผู้แสดงจะถือขวานออกมาร่ ายรำ เพลงนี้ จึ งมีอีกชื่ อนึ งว่า“เพลงพม่ารำขวาน” จากการสันนิษฐานอีกข้ อหนึ่ งสันนิษฐานว่าการเล่ นเทิงบ้องกลองยาว เข้ ามาใน เมืองไทยในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยมีชาวพม่ากลุ่ มหนึ่ งนำเข้ ามา มีบทร้ องกราวรำยกทัพ พม่าในการแสดงละครเรื่องพระอภัยมณี ตอน เก้ าทัพ ซึ่ งนิมยมเล่ นกัน เมื่อชาวไทย เห็นก็เลยนิยมเล่ นกันแทบทุกหัวบ้านหัวเมือง จนเมื่อระหว่างเดือนมีนาคมและเมษายน พ.ศ. 2509 รัฐบาลไทยมอบให้ คณะนาฏศิลป์ ของกรมศิลปากรไป แสดงเพื่ อเชื่ อม สัมพันธไมตรี ณ นครย่างกุ้ งและมัณฑเลย์ ทางรัฐบาลพม่าได้จัดนักโบราณคดีพม่า เป็นผู้นำชมพิพิธภัณฑ์ สถานและโบราณสถานเรื่องกลองยาว กล่ าวว่าพม่าได้กลองยาว มาจากไทใหญ่อีกต่อหนึ่ ง ส่ วนการที่เรียกการเล่ นประเภทนี้ ว่า เถิดเทิงหรือเทิงบ้องนั้ นคงเรียกกันตาม เสียงกลองยาว คือมีเสียงเมื่อเริ่มตีเป็นจังหวะ หูคนไทยได้ยินเป็น ว่า “เถิด - เทิง - น้ อง - เทิง - บ้อง” เลยเรียกตามเสียงที่ได้ยินว่า เถิดเทิง หรือเทิงบ้องกลองยาวตาม กันไป เพื่ อให้ ต่างกับการเล่ น น.ส.กุลวดี จับปรั่ง ม.4/2 เลขที่ 30

กลองยาว 14 กลองยาวที่เล่นกันในวงหนึ่ ง ๆ มีเล่น กันหลายลูกมีสายสะพายเฉวียงป่ า ลักษณะรูปร่างของกลองยาวขึ งหนังด้าน เดี่ยวอีกข้างหนึ่ งเป็นหางยาว บานปลาย เหมือนกับกลองยาวของชาวเชียงใหม่ แต่กลองยาวของชาวเชียงใหม่เป็นกลอง ยาวจริงๆ ยาวถึ งประมาณ 2 วา ส่วน กลองยาวอย่างที่เล่นกันนี้ ยาวเพียง ประมาณ 3 ศอก ทางภาคอีสานเรียก กลองยาวชนิดนี้ ว่า กลองหาง กลองยาวเช่ นนี้ ในประเทศพม่า เรียกว่า โอสิ มีลักษณะ คล้ ายคลึ งกับของชาวไทยอาหม ในแคว้นอัสสัมเว้นแต่ของชาว ไทยอาหมรูปร่าง คล้ ายตะโพน ตามวิธีเล่ นทั้ งกลองยาวของพม่า และกลองของชาวไทยอาหม วิธี การเล่นเป็นแบบเดียวกันซึ่ งอาจ เลี ยนแบบการเล่ นไปจากกันก็ได้ น.ส.กุลวดี จับปรั่ง ม.4/2 เลขที่ 30

15 การแต่งกาย การเเต่งตัวของผู้ชาย การเเต่งตัวของผู้หญิง นุ่ งกางเกงขายาวครึ่งแข้ง นุ่ งผ้าซิ่นมีเชิง ยาวกรอมเท้า สวมเสื้ อคอกลม แขน สั้ น สวมเสื้ อทรงกระบอกคอปิด เหนือศอก มีผ้าโพกศีรษะ ผ่าอกหน้ า ห่มสไบทับเสื้ อ และผ้าคาดเอว คาดเข็มขัดทับ เสื้ อ ใส่ สร้ อยคอและต่างหู ปล่อย ผมทัดดอกไม้ น.ส.กุลวดี จับปรั่ง ม.4/2 เลขที่ 30

โอกาสและวิธีการเล่น 16 นิยมเล่นกันในงานตรุษ งานสงกรานต์ หรืองานแห่แหน ซึ่ งต้องเดิน เคลื่ อนขบวน เช่ น ในงานแห่นาค แห่พระ และแห่กฐิน เป็นต้น คนดูคน ใดจะเข้าไปรำด้วยก็ได้ เพราะเป็นการเล่นอย่างชาวบ้าน เคลื่ อนไปกับ ขบวนพอถึ งที่ตรงไหนมีลานกว้างหรือเหมาะก็หยุดตั้ งวงเล่นกันก่ อนพัก หนึ่ งแล้ วเคลื่ อนไปต่อ การเล่นเถิดเทิงกรมศิลปากรปรับปรุงใหม่ กำหนด ให้ มีแบบแผนลีลาท่ารำโดยกำหนดให้ มีกลองรำ กลองยืนด้วย กลองรำ หมายถึ ง ผู้ที่แสดง กลองยืน หมายถึ ง ผู้ตีกลอง 30 ยืนให้ จังหวะในการรำ ลวดลายในการร่ ายรำ จับปรั่ง ม.4/2 เลขที่ น.ส.กุลวดี

17 บุคคลสำคัญในวงการนาฏศิลป์ไทย ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี น.ส.วิไลลักษณ์ สาเหล้ ม.4/2 เลขที่ 39

18 ท่านผู้หญิงแผ้วสนิทวงศ์เสนีเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน นาฏศิลป์ไทยทั้งยังเป็นผู้คิดค้นท่ารำใหม่โดยยึด ระเบียบแบบแผนตามประเพณีโบราณและมีความ สามารถในการประพันธ์บทโขนละครเคยเป็นหม่อม ในสมเด็จพระอนุชาธิราชเจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมาถือเป็นหญิงสามัญชนที่ ไม่ใช่ลูกหลานขุนนางคนแรกที่ได้เป็นสะใภ้หลวง หลังสามีทิวงคตจึงสมรสใหม่กับหม่อมสนิทวงศ์ เสนีท่านผู้หญิงแผ้วถูกประกาศเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดงเมื่อพ.ศ.2528และได้รัรางวัล บุคคลดีเด่นของชาติสาขาศิลปะด้านนาฏศิลป์ ประจำปีพ.ศ. 2529 น.ส.วิไลลักษณ์ สาเหล้ ม.4/2 เลขที่ 39

19 นายรงภักดี (เจียร จารุจรณ) น.ส.วิไลลักษณ์ สาเหล้ ม.4/2 เลขที่ 39

20 นายรงภักดี (เจียร จารุจรณ) ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2529 สาขาศิลปะการแสดงผู้มีบทบาทสำคัญยิ่ง ในการเป็นต้นแบบสาธยายท่ารำหน้าพาทย์องค์พระ พิราพต่อเบื่องพระพักตร์ของพระบาทสมเด็จพระ มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยมี คุณหญิงนัฏกานุรักษ์ (เทศ สุวรรณภารต) ภรรยา พระยานัฏกานุรักษ์ (ทองดี สุวรรณภารต) อดีตเจ้า กรมมหรสพ ผู้ปรดิษฐ์ท่ารำหน้าพาทย์องค์พระพิราพ ร่วมดูเป็นประจักษ์พยานในความถูกต้อง และนายรง ภักดีถ่ายทอดท่ารำหน้าพาทย์องค์พระพิราพให้กับ นาฏศิลปินโขนยักษ์ เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันล้ำค่า ที่ถูกสืบทอดมาจนถึงปัจจุบันนี้ น.ส.วิไลลักษณ์ สาเหล้ ม.4/2 เลขที่ 39

21 ครูลมุล ยมะคุปต์ น.ส.วิไลลักษณ์ สาเหล้ ม.4/2 เลขที่ 39

22 บรรดาศิษย์ทั้งหลายจะขนานนามให้ท่านด้วยความเคารพรัก อย่างยิ่งว่า “คุณแม่ลมุล” เป็นธิดาของร้อยโท นายแพทย์จีน อัญธัญภาติ กับ นางคำมอย อัญธัญภาติ (เชื้อ อินต๊ะ) เกิดเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2448 ณ จังหวัดน่าน ใน ขณะที่บิดาขึ้นไปราชการสงครามปราบกบฏเงี้ยว (กบฏ จ.ศ.1264 ปีขาล พ.ศ. 2445)ท่านแสดงเป็นตัวเอกเกือบทุก เรื่อง เพราะมีฝีมือเป็นเยี่ยม บทบาทที่ท่าน เคยแสดง เช่น พระ สังข์ เขยเล็ก เจ้าเงาะ ฮเนา ซมพลา พระวิษณุกรรม พระอภัย มณี ศรีสุวรรณ สุดสาคร อุศเรน อิเหนา สียะตรา วิหยาสะกำ อุณรุท พระราม พระลอ พระมงกุฎ อินทรชิต พระนารายณ์ พระคเณศ สมิงพระราม พระไวย พลายบัว พระพันวษา เป็นต้นที่ประดิษฐ์ให้กรมศิลปากรในฐานะผู้เชี่ยวชาญ เช่น รำ แม่บทใหญ่ รำซัดชาตรี รำวงมาตรฐาน รำเถิดเทิง รำกิ่งไม้ เงินทอง ระบำกลอง ระบำฉิ่ง ระบำนกยูง ระบำกฤดาภินิ หาร ระบำชุมนุมเผ่าไทย ระบำอธิษฐาน ระบำในน้ำมีปลา ระบำระฆัง ระบำนกสามหมู่ ระบำเชิญพระขวัญ ฟ้อนเงี้ยว ฟ้อนเล็บ ฟ้อน เทียน ฟ้อนม่านมุ้ยเชียงตา ฟ้อนแพน ฟ้อนแคน เซิ้งสราญ เซิ้งสัมพันธ์ เป็นต้น น.ส.วิไลลักษณ์ สาเหล้ ม.4/2 เลขที่ 39

23 ครูเฉลย ศุขะวณิช น.ส.วิไลลักษณ์ สาเหล้ ม.4/2 เลขที่ 39

24 คุณครูเฉลย ศุขะวณิช เกิดเมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๔๗ เป็นผู้ เชี่ยวชาญการสอนและออกแบบนาฏศิลป์ไทย แห่งวิทยาลัยนาฏศิลป์ กรมศิลปากร ซึ่งมีความรู้ความ สามารถสูงในกระบวนท่ารำทุกประเภท ทางราชการได้มอบ หมายให้เป็นผู้วางรากฐานจัดสร้างหลักสูตร การเรียนการสอนวิชานาฏศิลป์ตั้งแต่ ระดับต้นจนถึงขั้นปริญญา เป็นผู้มีความเมตตาเอื้ออารี อุทิศตนเพื่อ ประโยชน์แก่ การศึกษาและงานศิลป์อย่างต่อเนื่อง ได้รับปริญญาครุศาสตรบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขา นาฏศิลป์ สหวิทยาลัยรัตนโกสินทร์ วิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา นาง เฉลย ศุขะวณิช สมควรได้รับ การยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขา ศิลปะการแสดง (นาฏศิลป์) ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๓๐ รำแม่บทสลับคำ รำพัดรัตนโกสินทร์ ชุดศุภลักษณ์อุ้มสม ฉุยฉายวันทองแปลง ฉุย ฉายศูรปนขา ฉุยฉายยอพระกลิ่น รำกริชดรสา รำฝรั่งคู่ ระบำศรีชัยสิงห์ ระบำ กาญจนาภิเษก ระบำเทพอัปสรพนมรุ้ง ระบำขอม ระบำกินนร ระบำมิตรไมตรี ซีเกมส์ ฟ้อนลาวสมเด็จ เซิ้งสราญ เป็นต้น จากผลงานต่าง ๆ นี้ ทำให้นางเฉลย ศุขะวณิช ได้รับการยกย่องและได้รับ เกียรติคุณต่าง ๆ มากมาย เช่น ได้รับเครื่องราชอิสริยารณ์ ตริ ตราภรณ์มงกุฎ ไทย (ต.ม.) รับพระ ราชทานโล่กิตติคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราช สุดาฯ สยาม บรมราชกุมารีในงานเชิดชูเกียรติ ศิลปินอาวุโส เนื่องในวโรกาส งานสมโภช กรุง รัตน โกสินทร์ ๒๐๐ ปี ซึ่งธนาคารกรุงเทพ จำกัด เป็นผู้จัดเมื่อ วันที่ ๑๙พฤษภาคม ๒๕๒๕ และรับพระราชทานปริญญา กิตติมศักดิ์ สาขานาฏศิลป์ไทย วิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา พ. ศ.๒๕๓๐ น.ส.วิไลลักษณ์ สาเหล้ ม.4/2 เลขที่ 39

25 บรรณานุกรม konkhon.//อนุรักษ์สืบสานศิลปะวัฒนธรรมไทย.//สืบค้นเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ.2565,/ จาก/https://khonsite.wordpress.com/ อิสรภาพแห่งความคิดไทยโพสต์.//(25 กรกฎาคม 2561).//เราทำความดีด้วยหัวใจ.//สืบค้นเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ.2565,/จาก/https://khonsite.wordpress.com/ สาระการเรียนรู้ศิลป์ม.4.//บทที่ 1 การสืบสานนาฏศิลป์ไทย.//สืบค้นเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ.2565,/ จาก/https://sites.google.com/site/klumsarakarreiy nrusilpm4/home/bth-thi1-kar-subsan-natsilp-thiy sittipanareerat422.//นาฏศิลป์ชั้นมัธยมศึกษาปีที่๔.//สืบค้นเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ.2565,/ จาก/https://sites.google.com/site/sittipanareerat422/ ประวัตินาฏศิลป์ไทย.//สืบค้นเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ.2565,/ จาก/https://sites.google.com/site/pangthunyaras/pra-wati-nad-silp-thiy นาฏศิลป์ไทย.//สืบค้นเมื่อวันที่24 กรกฎาคม พ.ศ.2565,/ จาก/http://ziineqx.blogspot.com/2015/05/4-2-3.html sittipanareerat422.//นาฏศิลป์ชั้นมัธยมศึกษาปีที่๔./สืบค้นเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ.2565 ,/ จาก/https://sites.google.com/site/sittipanareerat422/bth-thi2-kar-saedng- natsilp-thiy/kar-pradisth-tha-ra-ni-kar-saedng-natsilp เกศสุริยง.//(18 มกราคม 2555).//รำเถิดเทิง.//สืบค้นเมื่อวันที่20 กรกฎาคม พ.ศ.2565,/ จาก/https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=rouenrarai&month=01- 2012&date=18&group=16&gblog=26 คณะผู้จัดทำ

คณะผู้จัดทำ 1.นางสาวกุลวดี จับปรั่ง ม.4/2 เลขที่ 30 2.นางสาวณิชาภัทร นุ่นเกต ม.4/2 เลขที่ 33 3.นางสาววิไลลักษณ์ สาเหล้ ม.4/2 เลขที่ 39 4.นางสาวสิริกร สุขเกษม ม.4/2 เลขที่ 40 น.ส.ณิชาภัทร นุ่นเกต ม.4/2 เลขที่ 33


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook