Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 01O13 คู่มือรายบุคคลกลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษาสบ1

01O13 คู่มือรายบุคคลกลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษาสบ1

Description: 01O13 คู่มือรายบุคคลกลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษาสบ1

Search

Read the Text Version

คมู่ อื การปฏิบัตงิ าน นางสาวเบญจมาศ กลน่ิ หอม นกั วชิ าการตรวจสอบภายในชานาญการพเิ ศษ หนว่ ยตรวจสอบภายใน สานกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสระบรุ ี เขต ๑

คานา คู่มือปฏิบัติงานฉบับนี้ จัดทาข้ึนเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานตรวจสอบภายใน ให้เป็นไปตามหลักการ ระเบียบ กฎหมาย แนวปฏิบัติกาหนด ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล เกิดความ คุ้มคา่ อันจะส่งเสริมให้สานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาสระบุรี เขต ๑ มีระบบการตรวจสอบภายใน ทเี่ ข้มแข็ง มคี วามโปรง่ ใสในการปฏบิ ตั ิงาน (Transparency) สอดคล้องกบั แนวทางการบริหารจัดการบ้านเมือง ทดี่ ี (Good Governance) นางสาวเบญจมาศ กลน่ิ หอม นักวิชาการตรวจสอบภายในชานาญการพเิ ศษ หนว่ ยตรวจสอบภายใน สานักงานเขตพนื้ ที่การศึกษาประถมศกึ ษาสระบุรี เขต ๑

สารบญั หนา้ คานา ๑ กระบวนการปฏิบตั ิงานตรวจสอบภายใน 2 3 - ผังขัน้ ตอนและมาตรฐานการปฏิบตั ิงาน (Flow chart) 9 - ข้นั ตอนและมาตรฐานการปฏิบตั ิงาน 1๒ - การวางแผนการตรวจสอบ 15 - การเสนอและการอนุมัตแิ ผน - การจดั ทารายงานและติดตามผล บทสรุป

กระบวนการปฏิบตั ิงานตรวจสอบภายใน ผลผลิต : รายงานผลการตรวจสอบภายใน หนว่ ยรบั ตรวจ 1. กลุ่มบรหิ ารงานการเงนิ และสนิ ทรพั ย์ 1. สารวจขอ้ มลู เบื้องตน้ เพ่อื จัดทาแผนการตรวจ 2. สถานศกึ ษาในสังกัด (ประเมินผลระบบการควบคมุ ภายในและ ประเมินความเส่ยี ง 20 วนั ทาการ) 2. จัดทาแผนการตรวจสอบภายใน (5 วนั ทาการ) 3. เสนอ ผอ.สพท. อนุมตั แิ ผนการตรวจสอบ ภายใน (3 วนั ทำกำร) 4. จดั ทาแผนการปฏบิ ตั ิงานก่อนเขา้ ตรวจ (3 วนั ทาการ/กจิ กรรม) 5. ดาเนินการตรวจสอบตามแผนการตรวจสอบ และแผนการปฏิบัตงิ าน (20 วนั ทาการ/กจิ กรรม) 6. รายงานผลการตรวจสอบให้ ผอ.สพท.พจิ ารณา (5 วันทาการ) 7. แจง้ ผลการตรวจสอบ (3 วันทาการ) ไมม่ ีข้อทกั ทว้ ง มขี ้อทักทว้ ง 8.ตดิ ตามผลการปฏิบตั ติ ามข้อทกั ทว้ ง (5 วนั ทา การ) (หลงั จากให้หนว่ ยรบั ตรวจรายงานผล ตามข้อทกั ท้วงภายใน 45 วัน)

-2- ขน้ั ตอน และมาตรฐานการปฏบิ ตั ิงาน กระบวนการตรวจสอบภายใน ผลผลติ : รายงานผลการตรวจสอบภายใน ขั้นตอนท่ี 1 สารวจข้อมลู เบ้ืองต้นเพอ่ื จดั ทาแผนการตรวจสอบภายใน โดยเร่ิมจากประเมนิ ระบบการควบคมุ ภายใน และประเมนิ ความเส่ยี งของหนว่ ยรับตรวจ (กลมุ่ บรหิ ารงานการเงนิ และสนิ ทรพั ย์ และ สถานศกึ ษาในสังกัด) ( 20 วันทาการ) ขน้ั ตอนท่ี 2 จดั ทาแผนการตรวจสอบภายใน จากการประเมนิ ระบบการควบคมุ ภายใน และผลการประเมิน ความเสี่ยง (จากปัจจัยเสีย่ ง การวิเคราะห์ความเสย่ี ง) มาจดั ทาแผนการตรวจสอบภายใน (5 วันทาการ) ขน้ั ตอนที่ 3 เสนอผ้อู านวยการสานกั งานเขตพืน้ ท่ีการศึกษา พิจารณาอนุมัติแผนการตรวจสอบภายใน (3 วนั ทาการ) ขั้นตอนที่ 4 จัดทาแผนการปฏิบัตงิ าน และกระดาษทาการ ก่อนเขา้ ตรวจ (3 วันทาการ/กจิ กรรม) ขน้ั ตอนที่ 5 ดาเนนิ การตรวจสอบตามแผนการตรวจสอบ และแผนการปฏิบตั งิ าน (20 วนั ทาการ/กจิ กรรม) ขัน้ ตอนท่ี 6 รายงานผลการตรวจสอบใหผ้ อู้ านวยการสานักงานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษา (5 วนั ทาการ) ขัน้ ตอนท่ี 7 แจ้งผลการตรวจสอบ (3 วันทาการ) - กรณไี ม่มีข้อทักทว้ ง แจ้งหนว่ ยรับตรวจทราบ - กรณีมขี ้อทักทว้ ง แจง้ หนว่ ยรับตรวจปฏบิ ัตติ ามขอ้ ทักท้วง ขั้นตอนท่ี 8 ตดิ ตามผลการปฏิบัติตามขอ้ ทกั ทว้ ง (5 วนั ทาการ) (หลงั จากใหห้ นว่ ยรับตรวจรายงานผล ตามข้อทักท้วงภายใน 45 วนั ) / กระบวนการ...

-3- กระบวนการปฏิบัติงานตรวจสอบภายใน จาเป็นต้องดาเนินการอย่างเป็นขั้นตอน เพ่ือให้ สามารถปฏบิ ัติงานตรวจสอบได้อย่างม่ันใจและได้ผลงานท่มี คี ณุ ภาพ ท้งั นี้ ขั้นตอนของการปฏิบัติงานตรวจสอบ ทสี่ าคัญ ประกอบด้วย 1. การวางแผนตรวจสอบ 2. การเสนอและการอนมุ ัตแิ ผน 3. การจดั ทารายงานและติดตามผล 1. การวางแผนตรวจสอบ การวางแผน เปน็ การคิดลว่ งหน้ากอ่ นที่จะลงมือปฏบิ ตั ิงานจริงวา่ จะตรวจสอบเร่ืองใด ดว้ ย วัตถุประสงค์อะไร ท่ีหน่วยรับตรวจใด ณ เวลาไหน และใช้เวลาตรวจสอบเท่าไร โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ คือ บุคลากร งบประมาณ และวัสดุอุปกรณ์อย่างเหมาะสม การวางแผนท่ีดีช่วยให้การปฏิบัติงานเป็นไปตาม วัตถปุ ระสงคภ์ ายในระยะเวลา งบประมาณ และอัตรากาลังท่ีกาหนด การวางแผนตรวจสอบประกอบด้วยเนื้อหา สาระสาคญั ไดแ้ ก่ 1.1 ประเภทของการวางแผนตรวจสอบ 1.2 ขนั้ ตอนของการวางแผนตรวจสอบ 1.3 การเสนอแผนการตรวจสอบ 1.1 ประเภทของการวางแผนตรวจสอบ มี 2 ประเภท 1.1.1 การวางแผนการตรวจสอบ (Audit Plan) 1.1.2 การวางแผนการปฏบิ ัติงาน (Engagement Plan) 1.1.1 การวางแผนการตรวจสอบ (Audit Plan) แผนการตรวจสอบ หมายถึง แผนการปฏิบัติงานที่หัวหน้าหน่วยงานตรวจสอบภายในจัดทาขึ้น โดยทาไว้ล่วงหน้าเกี่ยวกับเร่ืองท่ีจะตรวจสอบ จานวนหน่วยรับตรวจ ระยะเวลาในการตรวจสอบแต่ละเรื่อง ผู้รับผิดชอบในการตรวจสอบ รวมท้ังงบประมาณท่ีใช้ในการปฏิบัติงานตรวจสอบ ทั้งนี้ เพ่ือประโยชน์ในการสอบ ทานความก้าวหนา้ ของงานตรวจสอบเป็นระยะ เพอ่ื ให้งานตรวจสอบดาเนนิ ไปอย่างราบร่ืนทนั ตามกาหนดเวลา แผนการตรวจสอบจะแบง่ เปน็ 2 ระดบั ก. แผนการตรวจสอบระยะยาว เป็นแผนที่จัดทาไว้ล่วงหน้ามีระยะเวลา 3 ปี โดยต้องกาหนดให้ ครอบคลมุ หนว่ ยรบั ตรวจที่อยใู่ นความรบั ผดิ ชอบท้ังหมด ซ่ึงในแผนฯ จะประกอบด้วยรายละเอยี ด ดงั น้ี (1) หนว่ ยรับตรวจตา่ ง ๆ ทอ่ี ยู่ในความรบั ผดิ ชอบของหน่วยตรวจสอบภายใน (2) เรอื่ งหรือแผนงาน งาน / โครงการ ท่จี ะตรวจสอบในแผนการตรวจสอบระยะยาว (3) ระยะเวลาทใ่ี ช้ในการตรวจสอบหน่วยรับตรวจในแต่ละแห่ง หรือในแต่ละเรือ่ งที่จะตรวจสอบ (4) จานวนผู้ตรวจสอบ/จานวนวันที่จะใช้ในการตรวจสอบหน่วยรับตรวจในแต่ละแห่ง หรือ ในแตล่ ะเรอื่ งทจี่ ะตรวจสอบ / ข. แผนการตรวจสอบ ...

-4- ข. แผนการตรวจสอบประจาปี เป็นแผนที่จัดทาไว้ล่วงหน้ามีรอบระยะเวลา 1 ปี และต้อง จัดทาให้สอดคล้องกับแผนการตรวจสอบระยะยาวที่กาหนดไว้ โดยการดึงหน่วยงานและเรื่องท่ีจะตรวจสอบ ในแตล่ ะปตี ามทีป่ รากฏในแผนการตรวจสอบระยะยาว มาจัดทาเป็นแผนการตรวจสอบประจาปี ประกอบดว้ ยสาระสาคัญ ดงั นี้ (1) วัตถุประสงค์ของการตรวจสอบ เพื่อให้ทราบถึงเรื่องอะไรบ้าง เพื่อจะได้กาหนดขอบเขตการ ปฏิบัติงานใหบ้ รรลวุ ัตถุประสงค์ได้ (2) ขอบเขตการปฏิบัติงานตรวจสอบ เพื่อให้ทราบว่าจะดาเนินการตรวจสอบในหน่วย รับตรวจใด และเรอ่ื งใดทจ่ี ะตรวจสอบบ้าง เมื่อไร ความถ่ีในการตรวจสอบ ระยะเวลาที่จะทาการตรวจสอบแต่ ละเร่ือง และจานวนคน/วันทจี่ ะทาการตรวจสอบแต่ละเร่ือง (3) ผู้รบั ผิดชอบในการตรวจสอบ (4) งบประมาณที่ใชใ้ นการปฏบิ ัตงิ านตรวจสอบ 1.1.2 การวางแผนการปฏิบัติงาน (Engagement Plan) เมื่อหัวหน้าหน่วยตรวจสอบภายในได้จัดทาแผนการตรวจสอบตามข้อ 1.1.1 เสร็จเรียบร้อยแล้ว หวั หนา้ หน่วยตรวจสอบภายในจะมอบหมายใหผ้ ตู้ รวจสอบภายในดาเนินการตรวจสอบตามแผนการตรวจสอบ ท่ีวางไว้ ดังนั้น ผู้ตรวจสอบภายในจึงต้องวางแผนการปฏิบัติงานล่วงหน้า ก่อนการตรวจสอบว่าจะตรวจสอบ เรือ่ งใด ทห่ี น่วยรบั ตรวจใด วัตถุประสงค์ ขอบเขต และวิธีการตรวจสอบใด จึงจะทาให้การปฏบิ ตั งิ านตรวจสอบ บรรลุผลสาเรจ็ ตามทไี่ ด้รับมอบหมาย 1.2 ข้ันตอนของการวางแผนตรวจสอบ 1.2.1 การสารวจข้อมลู เบ้ืองต้น 1.2.2 การประเมินผลระบบการควบคุมภายใน 1.2.3 การประเมินความเสย่ี ง 1.2.4 การวางแผนการตรวจสอบ 1.2.5 การวางแผนการปฏบิ ัติงาน 1.2.1 การสารวจข้อมูลเบื้องต้น การสารวจข้อมูลเบ้ืองต้น มีวัตถุประสงค์เพ่ือให้ผู้ตรวจสอบภายในเรียนรู้ และทาความเข้าใจ เก่ยี วกบั งานของหนว่ ยงานทตี่ ้องทาการตรวจสอบในรายละเอียด รวมทง้ั ทาความคุน้ เคยกับหนว่ ยงาน และ ระบบงานท่จี ะเลอื กมาตรวจสอบ ซง่ึ จะช่วยใหส้ ามารถประเมนิ ความเสยี่ งในชั้นต้นก่อนจะดาเนินการตรวจสอบ ได้อยา่ งเหมาะสมและเปน็ ระบบ การสารวจขอ้ มลู เบ้ืองตน้ สามารถศึกษาจากแผนภูมิ การจดั แบ่งส่วนงาน นโยบาย เปา้ หมาย วัตถปุ ระสงค์ ระเบยี บปฏบิ ัติขององค์กร และทาความเข้าใจเกีย่ วกับแผนกลยุทธ์ แผนการปฏิบัติงาน และคู่มอื การปฏบิ ตั ิงานของหนว่ ยรบั ตรวจ การให้ไดม้ าซึ่งข้อมูลดังกล่าวเพิ่มข้ึน ผูต้ รวจสอบภายในอาจใช้วิธีการประชมุ หารอื กบั ผู้บรหิ ารของหน่วยรับตรวจ สัมภาษณห์ ัวหนา้ หน่วยรบั ตรวจและเจา้ หน้าที่ ท่ีเกี่ยวขอ้ ง สงั เกตการณ์ ปฏิบัติงานจริง จากกระดาษทาการและรายงานผลการปฏบิ ัตงิ านในครง้ั ก่อนประกอบด้วย / ๑.๒.๒ การประเมนิ ผล ...

-5- 1.2.2 การประเมินผลระบบการควบคุมภายใน การประเมินผลการควบคุมภายในของหน่วยงาน ที่แต่ละหน่วยรับตรวจได้จัดให้มีข้ึนตาม หลกั เกณฑก์ ระทรวงการคลงั วา่ ด้วยมาตรฐานและหลักเกณฑ์ปฏิบัติการควบคุมภายในสาหรับหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2561 โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้ความมั่นใจอย่างสมเหตูสมผลว่า ภารกิจของหน่วยงานจะบรรลุ วัตถุประสงค์ของการควบคุมภายในด้านการดาเนินงานที่มีประสิทธิผล ประสิทธิภาพ ด้านการรายงานที่ เกี่ยวกับการเงิน และไม่ใช่การเงินท่ีเชื่อถือได้ ทันเวลา และโปร่งใส่ รวมทั้งด้านการปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบยี บ และข้อบังคบั ทเ่ี กย่ี วข้องกบั การดาเนนิ งาน ทั้งน้ี ในการประเมินผลระบบการควบคุมภายในไม่ว่าจะดาเนินการในประเภทใดก็ตาม จะประกอบด้วยขั้นตอนหลัก ๆ ดงั นี้ (1) การเลอื กเรอื่ ง หรอื สิง่ ท่จี ะประเมิน เชน่ การเลือกว่าจะประเมินท้ังระบบ หรือจะประเมิน เฉพาะวัตถุประสงค์ใด วัตถุประสงค์หนึ่งของระบบการควบคุมภายในท่ีเก่ียวข้อง หรือจะประเมินเฉพาะ องค์ประกอบด้านใดด้านหน่งึ (2) การทาความเข้าใจโครงสร้างของระบบการควบคุมภายใน ผู้ตรวจสอบภายในควรทา ความเขา้ ใจโครงสรา้ ง รูปแบบ วธิ ีการ และวัตถปุ ระสงค์ที่ต้องการจากระบบการควบคุมภายใน (3) การทดสอบการมีอยู่จริง และการปฏิบัติงานจริงของระบบการควบคุมภายใน ในข้ันตอนนี้ ผู้ตรวจสอบภายในต้องหาหลักฐานเก่ียวกับการปฏิบัติจริงในปัจจุบันว่ามีวิธีการอย่างไร ยังคงเหมือน หรือ แตกต่างกับรูปแบบ โครงสร้าง หรือองค์ประกอบของการควบคุมที่กาหนดไว้อย่างไร โดยอาจใช้การสอบถาม และสงั เกตการณก์ ารปฏิบัติงานจริง (4) การประเมินประสิทธิผล เป็นการประเมินโดยการวิเคราะห์ให้ทราบว่าระบบการควบคุม ภายในท่ีมีอยู่และใช้จริงน้ัน ได้สร้างความมั่นใจอย่างสมเหตุสมผลในความสาเร็จตามเป้าหมาย และ วตั ถปุ ระสงค์ทกี่ าหนดไวห้ รอื ไม่ (5) การสรุปผลการประเมินระบบการควบคุมภายใน เป็นการพิจารณาว่าระบบการควบคุม ภายในที่มีอยู่นั้นเหมาะสมรัดกุมเพียงใด มีจุดอ่อนหรือจุดบกพร่อง หรือมีความเส่ียงที่จะทาให้การดาเนินงาน ไมบ่ รรลวุ ัตถปุ ระสงค์ หรือเป้าหมายท่ีกาหนดไว้ เพ่ือใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนการตรวจสอบ ให้เหมาะสมต่อไป รวมท้ังช่วยในการกาหนดขอบเขต วิธีการ ปริมาณการตรวจสอบ ระยะเวลาท่ีใช้ในการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ ผู้รับผิดชอบและงบประมาณท่ีใช้ในการตรวจสอบ ซ่ึงจะช่วยให้ประหยัดเวลา อัตรากาลัง และงบประมาณ ในการปฏบิ ัตงิ านตรวจสอบ 1.2.3 การประเมนิ ความเสี่ยง (Risk Assessment) เนื่องจากภารกิจการปฏิบัติงานขององค์กร โดยทั่วไปจะแบ่งตามหน่วยงาน และกิจกรรม ดังนั้น การวางแผนการตรวจสอบภายในให้สามารถครอบคลุมหน่วยงานหรือกิจกรรม ท่ีควรดาเนินการ ตรวจสอบในแต่ละปีได้อย่างครบถ้วน และเหมาะสมกับทรัพยากรของงานตรวจสอบภายในที่มีอยู่ อันได้แก่ อัตรากาลัง งบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ และระยะเวลาการปฏิบัติงาน จึงมีความจาเป็นต้องนาแนวทางการ ประเมินความเส่ียงมาใช้ในการปฏิบัติงานตรวจสอบ เพื่อช่วยให้สามารถพิจารณาถึงความเส่ียง หรือความน่า จะเป็นท่ีอาจเกิดขึ้น และเป็นผลทาให้การทางานไม่บรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กร ซึ่งหากพิจารณาแล้วเห็นว่า มคี วามสาคญั ในระดบั สูง ก็ควรวางแผนการตรวจสอบทนั ที หรือในปแี รก ๆ / ขัน้ ตอน ...

-6- ขัน้ ตอนในการประเมนิ ความเสยี่ งเพ่อื วางแผนการตรวจสอบ สามารถเลอื กประเมินความเสี่ยง ในระดับหน่วยงานทุกหน่วยงาน หรือระดับกิจกรรมทุกกิจกรรมภายในองค์กรก็ได้ ตามความเหมาะสมกับ ศกั ยภาพของตน ท้งั นี้ ไมว่ า่ จะประเมินความเส่ียงในระดบั ใด จะประกอบดว้ ย 3 ข้ันตอนหลกั ๆ คอื (1) การระบุปัจจัยเสี่ยง เปน็ การค้นหาถึงสถานการณ์ หรือสาเหตุที่จะก่อให้เกิดความเส่ียงขึ้น ภายในองค์กร โดยพิจารณาขอ้ มูลทไี่ ดจ้ ากการสารวจเบื้องตน้ จากสภาพแวดล้อม ทัว่ ไปท้ังภายในและภายนอก ขององค์กร และนามาแยกเป็นประเภทของข้อมูลท่ีเก่ียวกับด้านกลยุทธ์ ด้านการดาเนินงาน ด้านความรู้ ด้าน การเงิน และด้านกฎหมาย ระเบียบ เช่น ปัจจัยเส่ียงเรื่องของแผนและผลการปฏิบัติงาน ปัจจัยเส่ียงเกี่ยวกับ กระบวนการและวธิ กี ารดาเนินงาน ปจั จยั เส่ียงเรือ่ งการจัดการฐานข้อมลู เปน็ ตน้ (2) การวิเคราะห์ความเส่ียง เมื่อผู้ตรวจสอบภายในสามารถระบุสาเหตุความเสี่ยงภายใน องค์กรว่าเป็นเร่ืองใดในระดับหน่วยงานหรือกิจกรรมแล้ว ก็ให้ทาการวิเคราะห์ว่าปัจจัยเสี่ยงน้ันมีผลกระทบ อยา่ งไรตอ่ องคก์ รและมีโอกาสหรือความถ่ีที่จะเกิดมากน้อยเพียงใดโดยอาจกาหนดเกณฑ์ของแต่ละปัจจัยเสี่ยง ท่ีพบเป็น 3 ระดับ ได้แก่ สูง กลาง ต่า และให้คะแนนกากับไว้ด้วย เช่น ระดับสูง = 3 คะแนน ระดับกลาง = 2 คะแนน ระดบั ตา่ = 1 คะแนน หรืออาจกาหนดเป็น 5 ระดับ เช่น สูงมาก สูง ปานกลาง ต่า ต่ามาก เพ่ือให้ ไดค้ ะแนนที่สามารถวเิ คราะห์ความเสย่ี งได้ละเอียดเพม่ิ มากขน้ึ กย็ ่อมได้ ทั้งน้ี การวิเคราะห์ความเสี่ยงน้ี ผลกระทบที่เกิดอาจเทียบกับจานวนเงินท่ีต้องเสียไปจากการ ดาเนินงานไม่บรรลุวัตถุประสงค์ หรือการระบุผลกระทบเป็นปริมาณหรือตัวเลข เช่น การจัดทาแผนก่อสร้าง ถนน ไมม่ กี ารสารวจข้อมลู อย่างเพียงพอ ทาให้มีอุปสรรคในข้ันตอนการดาเนินงาน เสียค่าใช้จ่ายในการสารวจ เพ่ิมเติม ซ่ึงเม่ือวิเคราะห์ร่วมกับความถ่ีท่ีจะเกิด และจากการเก็บข้อมูลสถิติแล้วพบว่าเกิดข้ึนเป็นประจาทุกปี จานวนเงินค่าใช้จ่ายท่ีเสียไปในแต่ละครั้งตั้งแต่ 500,000 – 100,000 บาท ดังน้ัน อาจกาหนดว่าปัจจัย เส่ียงในเรื่องน้ี หากอยู่ในความเสี่ยงระดับสูง = 3 คะแนน อยู่ในเกณฑ์ 500,000 บาท หากเป็นความเสี่ยง ระดับปานกลาง = 2 คะแนน จะอยู่ในเกณฑ์ น้อยกว่า 500,000 ไม่ต่ากว่า 100,000 และเป็นความเสี่ยง ตา่ = 1 คะแนน ในเกณฑ์ตง้ั แต่ 100,000 บาท ลงไป ขั้นตอนสดุ ท้ายของการวเิ คราะห์ ผูต้ รวจสอบภายในต้องสรุปในภาพรวมของสว่ นราชการวา่ แตล่ ะหน่วยงาน หรือกิจกรรมที่เลอื กประเมินมีความเส่ียงโดยเฉล่ียด้วยคะแนนเทา่ ใดบา้ ง (3) จัดลาดับความเส่ียง เม่ือทราบแล้วว่าในแต่ละหน่วยงาน หรือ กิจกรรมตามที่เลือก ประเมินมีคะแนนความเส่ียงเท่าใดแล้ว ให้นามาจัดเรียงลาดับจากคะแนนมากสุดไปหาน้อยสุด เพื่อใช้ในการ วางแผนการตรวจสอบระยะยาวและประจาปตี ่อไป 1.2.4 การวางแผนการตรวจสอบ ผลท่ีได้จากการประเมินระบบการควบคุมภายในและการประเมินความเส่ียงจะทาให้ผู้ตรวจสอบ ภายในจะสามารถพจิ ารณาไดว้ ่าควรวางแผนการตรวจสอบระยะยาว ในหน่วยงานหรอื กิจกรรมใด ดงั นี้ (1) นาลาดับความเสี่ยงจากการประเมินความเส่ียงในข้ันตอนที่ 1.2.3 มาพิจารณาจัดช่วง ความเส่ียง เพื่อให้ได้หน่วยงาน หรือกิจกรรมใดท่ีมีความเส่ียงในระดับสูงเพียงใด ที่ควรวางแผนการตรวจสอบ ในปีแรก ๆ และไลเ่ รยี งความเสีย่ งตามลาดบั ทีค่ านวณได้ในปีถดั ๆ ไป (2) พจิ ารณาความถี่ทีค่ วรเข้าทาการตรวจสอบ (3) คานวณจานวนคน/วัน ที่จะทาการตรวจสอบแต่ละหนว่ ยงาน หรือกิจกรรมท่จี ะตรวจสอบ / ขอ้ ควรระวงั ...

-7- ข้อควรระวังในการวางแผนการตรวจสอบ ควรต้องพิจารณาว่าผู้ตรวจสอบภายในมีความรู้ ความสามารถ และความชานาญในการตรวจสอบในรายละเอียดงานนั้น ๆ เพียงพอหรือไม่ มิฉะนั้นจะเกิด ความเส่ียงในการปฏิบัติงานท่ีเกิดจากตัวของผู้ตรวจสอบ ซึ่งอาจจะทาให้แผนการตรวจสอบไม่ประสบ ความสาเรจ็ ตามวัตถปุ ระสงค์ได้ เม่ือได้กาหนดแผนการตรวจสอบระยะยาวแล้ว ผู้ตรวจสอบภายในต้องกาหนดแผนการตรวจสอบ ประจาปี โดยการนาข้อมลู จากแผนการตรวจสอบระยะยาวในแตล่ ะปีมาจดั ทาแผนการตรวจสอบประจาปี ดงั นี้ (1) กาหนดวัตถุประสงค์ในเรื่องหรือกิจกรรมที่ทาการตรวจสอบ เพื่อจะได้วางแผนการ ปฏิบตั งิ านตรวจสอบให้บรรลวุ ตั ถุประสงค์ทต่ี ้องการ (2) กาหนดขอบเขตการปฏิบัติงานตรวจสอบเกี่ยวกับหน่วยรับตรวจ เร่ืองที่ตรวจ ความถ่ีใน การตรวจสอบ ระยะเวลาการตรวจสอบ และจานวนคน / วนั (3) กาหนดผรู้ ับผิดชอบในการตรวจสอบ โดยระบุชือ่ ผูร้ ับผดิ ชอบในการตรวจสอบ (4) กาหนดงบประมาณที่ใช้ปฏิบัติงานตรวจสอบ โดยระบุงบประมาณที่จะใช้ปฏิบัติงาน ตรวจสอบทงั้ ปี โดยแยกรายการใหช้ ดั เจน เช่น คา่ เบ้ยี เลย้ี ง คา่ ทพี่ กั และคา่ พาหนะ ฯลฯ 1.2.5 การวางแผนการปฏบิ ัติงาน ผู้ตรวจสอบภายในแต่ละคนควรจัดทาแผนการปฏิบัติงานตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายจาก หัวหน้าหน่วยงานตรวจสอบภายในให้สอดคล้องกับแผนการตรวจสอบประจาปี โดยในการวางแผนการ ปฏิบัติงานต้องอาศัยข้อมูลจากการสารวจข้อมูลเบื้องต้น การประเมินผลระบบการควบคุมภายใน รวมทั้งผล การประเมินความเสี่ยง เพ่ือให้การวางแผนการปฏิบัติงานในแต่ละเรื่องครอบคลุมประเด็นการตรวจสอบที่มี ความสาคญั การวางแผนการปฏิบัตงิ านควรจัดทาเปน็ ลายลกั ษณ์อักษรและมีลักษณะยืดหยุน่ โดยสามารถ แก้ไขปรับปรุง ให้เหมาะสมตามสภาวการณ์ได้ตลอดเวลา และหัวหน้าหน่วยงานตรวจสอบภายในได้สอบทาน และเห็นชอบดว้ ย ท้งั น้ี การวางแผนการปฏบิ ัติงานมขี ้ันตอนดาเนนิ การ ดังน้ี (1) การกาหนดประเด็นการตรวจสอบ (2) การกาหนดวัตถปุ ระสงคใ์ นการปฏิบตั งิ าน (3) การกาหนดขอบเขตการปฏบิ ตั งิ าน (4) การกาหนดแนวทางการปฏิบัตงิ าน (1) การกาหนดประเดน็ การตรวจสอบ ในการวางแผนการปฏบิ ตั งิ าน ผ้ตู รวจสอบควรทาการสารวจข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ประชุมหารือ กับผู้บริหารของหน่วยรับตรวจที่จะเข้าไปตรวจสอบ สัมภาษณ์บุคคลท้ังภายในและภายนอกท่ีมีส่วนเก่ียวข้อง กับกิจกรรมที่จะตรวจสอบ วิเคราะห์เปรียบเทียบข้อมูลท่ีสารวจได้ จัดทาแผนภาพ (Flowchart) การ ปฏบิ ัติงาน เป็นตน้ และ ในกรณที ีผ่ ู้ตรวจสอบภายในไดท้ าการประเมินความเสี่ยงในระดับหน่วยงานก็ควรต้อง ประเมินความเสี่ยงในระดับกิจกรรม เพ่ือหาข้อมูล หลักฐานเพ่ิมเติม ท่ีจะกาหนดประเด็นของการตรวจสอบว่า ประเด็นใดควรตรวจสอบในรายละเอียด เพ่ือจะได้กาหนดวัตถุประสงค์ ขอบเขต และแนวทางการปฏิบัติงาน ตรวจสอบในรายละเอียดต่อไป (2) การกาหนดวัตถปุ ระสงค์ในการปฏิบัตงิ าน ผู้ตรวจสอบควรกาหนดวัตถุประสงค์ของการปฏิบัติงานในเรื่อง หรือกิจกรรมที่ตรวจสอบไว้ เพ่อื ใหท้ ราบวา่ เมอ่ื การตรวจสอบสน้ิ สดุ แลว้ ผ้ตู รวจสอบจะได้ประเดน็ ขอ้ ตรวจพบอะไรบ้าง ในการกาหนด / วัตถุประสงค์ ...

-8- วัตถุประสงค์ของการปฏิบัติงาน ผู้ตรวจสอบควรกาหนดวัตถุประสงค์ให้ครอบคลุมประเด็นการตรวจสอบ ทสี่ าคญั ๆ หรือท่ีควรสนใจเป็นพิเศษ และควรพจิ ารณาเรือ่ งความเสยี่ ง และการควบคุม (3) การกาหนดขอบเขตการปฏบิ ตั งิ าน การกาหนดขอบเขตการปฏิบัติงาน เป็นการกาหนดเพ่ือให้ทราบว่าจะตรวจสอบอะไร เป็นจานวนมากน้อยเท่าใด ผู้ตรวจสอบภายในควรกาหนดขอบเขตของการปฏิบัติงานให้เพียงพอ ในอันท่ีจะ ช่วยให้สามารถปฏิบัติงานให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ ซึ่งควรกาหนดให้ครอบคลุมถึงระบบการทางานต่าง ๆ เอกสารหลักฐาน รายงาน บคุ ลากร และทรพั ยส์ นิ ทเ่ี ก่ียวขอ้ ง (4) การกาหนดแนวทางการปฏบิ ัติงาน แนวทางการปฏิบตั ิงาน หมายถึง การกาหนดวธิ ีปฏิบัติงานในรายละเอียดทผี่ ู้ตรวจสอบภายใน ต้องจัดทาเป็นลายลักษณ์อักษร ซ่ึงจะเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติงาน เพ่ือใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน ในรายละเอียดว่าการตรวจสอบแต่ละเร่ืองจะต้องตรวจสอบอะไรบ้าง ด้วยวัตถุประสงค์อะไร ที่หน่วยรับตรวจ ใด ณ เวลาใด และใชว้ ิธกี ารและเทคนคิ การตรวจสอบใด ซง่ึ จะชว่ ยใหก้ ารรวบรวมหลักฐาน รายละเอียดเป็นไป อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจดั ทารายละเอยี ดขัน้ ตอน หรอื วธิ ีการปฏบิ ัตงิ านตรวจสอบตงั้ แตเ่ ร่มิ ตน้ จนสน้ิ สดุ แผนการปฏิบัติงานสาหรับการตรวจสอบในแต่ละเร่ืองหรือกิจกรรม ควรประกอบด้วย สาระสาคญั ดังนี้ 1) เรื่องและหน่วยรับตรวจ ควรกาหนดว่าเป็นแผนการปฏิบัติงานตรวจสอบในเร่ืองใด และ ณ หนว่ ยรบั ตรวจใดบ้าง 2) วัตถุประสงค์ในการปฏิบัติงาน ควรกาหนดเพ่ือให้ทราบว่าผู้ตรวจสอบภายในจะทราบ ประเด็นข้อตรวจพบอย่างไรบ้าง เมอ่ื เสรจ็ ส้ินการตรวจสอบ 3) ขอบเขตการปฏิบัติงาน ควรกาหนดขอบเขตประเด็นท่ีจะตรวจสอบและปริมาณงาน ท่ีจะ ทาการทดสอบ เพ่อื แสดงให้เหน็ ถงึ ผลสาเร็จตามวัตถุประสงคใ์ นการปฏิบตั งิ านทก่ี าหนดไว้ 4) แนวทางการปฏิบัติงาน ควรกาหนดข้นั ตอนหรอื วธิ ีการปฏิบัติงานตรวจสอบ ในแต่ละเร่ือง ให้ชัดเจนและเพียงพอ ระบุวิธีการในการคัดเลือกข้อมูล การวิเคราะห์ การประเมินผล และการบันทึกข้อมูลท่ี ได้รับระหว่างการบริหารงานตรวจสอบ รวมทั้งกาหนดเทคนิคการตรวจสอบท่ีเหมาะสมอันจะช่วยให้การ ตรวจสอบได้หลักฐานครบถ้วน และ เพยี งพอท่ีจะบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคท์ ี่กาหนดไว้ 5) ชื่อผู้ตรวจสอบภายในและระยะเวลาที่ตรวจสอบ เพื่อให้ทราบว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบ ตรวจสอบเรื่องใด และตรวจสอบเมอื่ ใด 6) สรุปผลการตรวจสอบ เพ่ือใช้บันทึกผลการตรวจสอบโดยสรุปเฉพาะประเด็นการ ตรวจสอบท่ีสาคัญพร้อมระบุรหัสกระดาษทาการท่ีใช้บันทึกผลการตรวจสอบ เพ่ือสะดวกในการอ้างอิง และ การค้นหากระดาษ ทาการ นอกจากน้ี ควรลงลายมือชื่อผู้ตรวจสอบและผู้สอบทานพร้อมทั้งวันท่ีท่ีตรวจสอบ หรือสอบทานไว้ดว้ ย เพ่ือแสดงใหเ้ หน็ ว่าใครเปน็ ผู้ตรวจสอบและผสู้ อบทาน เมื่อผู้ตรวจสอบภายในได้กาหนดแผนการปฏิบัติงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว งานข้ันต่อไปของ ผู้ตรวจสอบภายในที่จะต้องพิจารณาก่อนเข้าทาการตรวจสอบตามขั้นตอนและวิธีการท่ีได้กาหนดไว้ ตามแผนการปฏิบัติงาน คือ กระดาษทาการที่จาเป็นต้องใช้ในการปฏิบัติงานตามแนวทางการปฏิบัติงาน ทก่ี าหนดไว้ เพื่อบนั ทึกข้อมูล ข้อตรวจพบต่าง ๆ ในระหว่างการปฏิบัติงานน้ัน ๆ ให้เป็นหลักฐานอ้างอิงในการ เขียนรายงานผลการปฏบิ ัตงิ านและเสนอแนะแนวทางการแก้ไขข้อบกพร่องต่อไป / 2. การเสนอ ...

-9- 2. การเสนอและการอนุมตั ิแผน เมื่อหัวหน้าหน่วยงานตรวจสอบภายในได้วางแผนการตรวจสอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้เสนอ แผนการตรวจสอบต่อผู้อานวยการสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา เพื่อพิจารณาอนุมัติภายในเดือนกันยายนของ ทุกปี และควบคุมดูแลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามแผนท่ีกาหนด ซ่ึงในระหว่างการปฏิบัติงานหากพบว่ามีส่ิง หน่ึงสิ่งใดที่ทาให้ไม่สามารถปฏิบัติงานให้เป็นไปตามแผนการตรวจสอบได้ หัวหน้าหน่วยงานตรวจสอบภายใน ก็จะพิจารณาทบทวนและปรับปรุงแผนการตรวจสอบใหม่ และเสนอให้ผู้อานวยการสานักงานเขตพ้ืนท่ี การศกึ ษาพิจารณาอนุมัติอกี ครั้งหน่ึงดว้ ย 2.1 ผู้ตรวจสอบภายในเริ่มปฏิบัติงานตรวจสอบด้วยการประชุมเปิดงานตรวจสอบระหว่างทีม ตรวจสอบกับผู้รับตรวจท่ีเกี่ยวข้อง เพ่ือแจ้งวัตถุประสงค์ รายละเอียดของขอบเขตการตรวจสอบให้ผู้รับตรวจ ทราบ ระหว่างการปฏิบัติงานตรวจสอบมขี ้ันตอนที่ควรดาเนนิ การ ดังน้ี 2.1.1 การมอบหมายงานตรวจสอบ หัวหน้าทีมตรวจสอบควรมอบหมายงานตามท่ีผู้ ตรวจสอบภายในแต่ละคนมีความถนัด ความรู้ ความชานาญ รวมทั้ง ควรเลือกงานท่ีสามารถพัฒนาความ ชานาญและประสบการณ์แกผ่ ู้ตรวจสอบภายในแตล่ ะคน และไมก่ ระทบต่อความเปน็ อิสระด้วย 2.1.2 วิธีปฏิบัติการตรวจสอบ ผู้ตรวจสอบภายในควรเลือกวิธีการตรวจและเทคนิคการ ตรวจสอบใหเ้ หมาะสมในแต่ละขัน้ ตอน ดังนี้ (1) การรวบรวมข้อมูลและหลักฐานการตรวจสอบ ซ่ึงอาจเป็นทางการโดยเป็นลาย ลักษณ์อักษร และไมเ่ ปน็ ทางการด้วยวาจา (2) การเข้าสังเกตการณ์ปฏิบัติงาน เพ่ือหาข้อสรุปของการปฏิบัติงานน้ัน ๆ ว่ามี ประสิทธิภาพเพียงใด (3) การทาการตรวจสอบ สอบทาน ทดสอบรายการ เอกสาร และสินทรัพย์ ท้ังน้ี รวมถึงการสอบทานประสทิ ธิผลของระบบการควบคมุ ภายใน (4) การทดสอบการปฏบิ ตั ิงานตามระบบทว่ี างไว้ (5) การตรวจสอบเชิงวิเคราะห์ ซงึ่ เป็นวิธกี ารวิเคราะห์และเปรียบเทียบข้อมลู ท่ีเปน็ ตัวเลข 2.1.3 การกากับดูแลการปฏิบัติงาน หัวหน้าทีมตรวจสอบมีหน้าท่ีกากับดูแลการ ปฏิบัติงานของผู้ร่วมทีมอย่างละเอียด สม่าเสมอ เพ่ือให้แน่ใจว่าการปฏิบัติงานตรวจสอบเป็นไปตามวิธี ปฏิบัติการตรวจสอบ และขอบเขตการตรวจสอบท่ีกาหนดไว้ พร้อมทั้งเวลาท่ีใช้ในการปฏิบัติงานให้สอดคล้อง กบั ตารางการปฏบิ ัติงานตรวจสอบท่กี าหนด 2.1.4 การนาแผนการปฏิบัติงานตรวจสอบมาใช้ ผู้ตรวจสอบภายในต้องนาแผนการ ปฏิบัติงานที่ได้จัดทาไว้ล่วงหน้ามาใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานตรวจสอบ แผนการปฏิบัติงานตรวจสอบ สามารถแก้ไขเพ่ิมเติมให้เหมาะสมกับสถานการณ์ได้ โดยผู้ตรวจสอบภายในควรระบุข้อเสนอแนะในการแก้ไข แผนการปฏิบัติงานไว้ในกระดาษทาการ ซึ่งหัวหน้าทีมตรวจสอบต้องประเมินความสมเหตุสมผลของ ขอ้ เสนอแนะ 2.1.5 การเปล่ยี นแปลงขอบเขตของการตรวจสอบ หัวหน้าทีมตรวจสอบอาจจาเป็นต้อง เปล่ียนแปลงขอบเขตของการตรวจสอบ เพ่ือให้สอดคล้องกับสภาพทีเ่ ปล่ยี นไป โดยพิจารณาความสมเหตุสมผล และความคุ้มค่า ที่จะเปล่ียนแปลง ขอบเขตการตรวจสอบ ท้ังนี้ ต้องได้รับอนุมัติจากหัวหน้าหน่วยตรวจสอบ ภายในทกุ คร้งั / 2.1.6 การประชุม ...

- 10 - 2.1.6 การประชุมปิดงานตรวจสอบ จะกระทาเป็นข้ันตอนสุดท้ายเม่ือหัวหน้าทีม ตรวจสอบได้จัดทาสรุปผลสิ่งท่ีตรวจพบ หรือเมื่อจัดทาร่างรายงานผลการปฏิบัติงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้เข้าร่วมประชุมต้องประกอบด้วย ผู้บริหารหน่วยรับตรวจท่ีมีอานาจส่ังการให้ปฏิบัติตามข้อเสนอแนะ หรือ ผลสรปุ จากท่ีประชุม ผมู้ ีหนา้ ทร่ี บั ผิดชอบ ผปู้ ฏิบตั งิ านในเรื่องทตี่ รวจสอบ ผู้ตรวจสอบ เร่ืองต่าง ๆ ท่นี าเขา้ มาเปน็ วาระการประชมุ ดงั นี้ (1) สรุปการตรวจสอบ (2) ทาความเข้าใจและช้แี จงประเด็นทย่ี ังสงสัย (3) แลกเปลยี่ นความคิดเหน็ และหาข้อยุตใิ นประเดน็ ทยี่ ังมีความเห็นไม่ตรงกนั (4) แจ้งกาหนดการการออกรายงานผลการปฏิบตั งิ าน (5) ขอบคุณผเู้ กย่ี วขอ้ งในการให้ความรว่ มมือ 2.2 การปฏิบตั เิ มื่อเสรจ็ ส้นิ งานตรวจสอบ หลังจากเสร็จสน้ิ การปฏิบตั ิงานตรวจสอบในหนว่ ยรับตรวจแลว้ หัวหนา้ ทีมตรวจสอบควร สอบทานให้แน่ใจว่าทีมตรวจสอบได้ปฏิบัติหน้าที่ต่าง ๆ เสร็จสมบูรณ์ ตามท่ีกาหนดไว้ และสอบทานกระดาษ ทาการ เอกสาร หลักฐานท่ีรวบรวมไว้ จากการตรวจสอบและข้อสรุปส่ิงที่ตรวจพบ ร่างรายงาน ผลการ ปฏบิ ัตงิ าน ประเมินผลการปฏิบตั ิงานของผู้ตรวจสอบภายในแต่ละคน โดยประเมนิ จากความสาเรจ็ ของงานตาม วัตถปุ ระสงค์ท่ีกาหนดไว้ การปฏิบัตงิ านเม่ือเสรจ็ สนิ้ งานตรวจสอบ ประกอบด้วย 2.2.1. การรวบรวมหลักฐาน 2.2.2 การรวบรวมกระดาษทาการ 2.2.3 การสรุปผลการตรวจสอบ 2.2.1 การรวบรวมหลักฐาน หลกั ฐานการตรวจสอบ หมายถึง เอกสาร ขอ้ มูล หรอื ขอ้ เท็จจริงตา่ ง ๆ ที่ ใช้เป็นข้อมูลในการ สนบั สนนุ ความเห็นเก่ยี วกับขอ้ สรปุ หรือข้อตรวจพบในการพิสูจน์วา่ สิง่ ที่ได้ตรวจพบน้ัน มีความถูกต้องน่าเช่ือได้ มากน้อยเพยี งใด คุณสมบตั ขิ องหลักฐานการตรวจสอบ ควรประกอบด้วยคณุ สมบัติ 4 ประการ (1) ความเพยี งพอของหลกั ฐานการตรวจสอบ ท่ีจะทาให้สามารถยนื ยันหรือให้ข้อสรุปได้อย่าง ถูกต้อง สมเหตุสมผล ทาให้ทุกคนสรุปความเห็นได้อย่างเดียวกัน การพิจารณาว่าจานวนเพียงพอหรือไม่น้ัน ต้องพิจารณาว่าหลักฐานน้ันเป็นหลักฐานทางตรงหรือหลักฐานทางอ้อม ในกรณีท่ีเป็นหลักฐานทางตรง ซึ่ง ได้แก่หลักฐานที่ยืนยันได้ชัดเจน แน่นอนทาให้ทุกคนหมดความสงสัยได้ มีเพียงชิ้นเดียวก็เพียงพอ ถ้าเป็น หลกั ฐานทางออ้ ม ซ่ึงไดแ้ กห่ ลกั ฐานแวดล้อมที่มาเสรมิ ความม่ันใจและความน่าจะเป็น ดังนั้น หลักฐานทางอ้อม อาจจะต้องมีจานวนมากหรอื หลายประเภท (2) ความเชื่อถือได้และจัดหามาได้ของหลักฐาน ข้อมูลที่ได้มาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และโดย ใช้เทคนคิ วธิ กี ารตรวจสอบทดี่ ที สี่ ดุ เช่น - ข้อมูลหลักฐานที่ได้มาจากแหล่งอิสระหรือแหล่งภายนอกน่าเชื่อถือมากกว่าข้อมูลหลักฐาน ทไี่ ดม้ าจากภายในหน่วยรบั ตรวจ - ขอ้ มูลหลกั ฐานท่ีไดม้ าจากระบบควบคมุ ภายในท่ดี ี น่าเชื่อถือมากกวา่ ขอ้ มูลหลักฐาน ที่ได้มา จากระบบควบคุมภายในท่ีมีจุดออ่ น / การสงั เกต ...

- 11 - - การสังเกตการณ์ การคานวณ และวิธีการอ่ืน ได้โดยตัวผู้ตรวจสอบเองน่าเชื่อถือมากกว่า ข้อมลู หลกั ฐานทไ่ี ด้มาจากการปฏิบัตงิ านของผู้อนื่ - ต้นฉบบั ของข้อมูลหลกั ฐานนา่ เช่อื ถอื มากกว่าภาพถ่ายสาเนาหรือร่าง - ข้อมูลจากความเห็นของผู้เชี่ยวชาญและผู้ประกอบวิชาชีพ มีความน่าเชื่อถือกว่าความเห็น ของบุคคลธรรมดา (3) ความเกี่ยวข้องของหลักฐาน หลักฐานที่มีความเกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์การตรวจสอบ มี ความสัมพันธก์ บั ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผูต้ รวจสอบ (4) ความมปี ระโยชน์ของหลักฐาน หลักฐานท่ชี ว่ ยในการตดั สนิ ใจของผู้บริหารต้องมีสาระ (Materiality) หรือมีประโยชน์ และทนั เวลา ในการสรุปความเห็น หรือการตัดสนิ ใจของผู้บรหิ าร 2.2.2 การรวบรวมกระดาษทาการ (Working Papers Preparation) กระดาษทาการ ท่ีจดั ทาขน้ึ ในระหว่างการตรวจสอบเพ่ือบันทึกรายละเอยี ดการทางาน ซง่ึ ประกอบดว้ ยข้อมูลต่าง ๆ ท่ีใชใ้ นการตรวจสอบ ขอบเขตการตรวจสอบ วธิ ีการตรวจสอบ ข้อมูลจากการ ประเมินและวิเคราะห์ และผลสรุปของการตรวจสอบเพ่ือใช้เป็นแนวทางในการรายงานผลการปฏิบัติงาน อนั จะมปี ระโยชนใ์ นการอ้างอิงภายหลงั รวมทัง้ การอา้ งองิ ในการตรวจสอบคร้งั ต่อไป และการอา้ งอิงกับ บคุ คลภายนอก วัตถุประสงค์ของกระดาษทาการ หลกั เกณฑ์ในการจัดทากระดาษทาการ ไม่มีการกาหนดให้เป็นรูปแบบใดแบบหน่ึงโดยเฉพาะ และยังไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวหรือมีสูตรสาเร็จว่าต้องจัดทาในรูปแบบใดและอย่างไร ผู้ตรวจสอบภายในต้องใช้ ความรู้ความชานาญ และดุลยพินิจของตนว่าการตรวจสอบเร่ืองน้ัน ๆ ควรจัดทากระดาษทาการอย่างไร โดย ยดึ ถอื หลักทวี่ า่ กระดาษทาการน้นั สามารถช่วยให้หวั หน้าผตู้ รวจสอบภายในใช้ทบทวนการปฏิบัติงานตรวจสอบ ที่ดาเนินการไปแล้วได้เป็นอย่างดี และสามารถบอกได้ว่างานนั้นได้ทาตามแผนการตรวจสอบที่ได้กาหนดไว้ หรือไมเ่ พียงใด ลักษณะของกระดาษทาการที่ดคี วรประกอบดว้ ยลักษณะ ดงั นี้ (1) ความถกู ต้องและสมบรู ณ์ เป็นข้อมูลทไ่ี ด้มาจากการปฏบิ ตั งิ านตรวจสอบจริง รวมท้ังได้ใช้ วิธีการตรวจสอบอนื่ จนแนใ่ จว่าถูกต้องเชื่อถือได้ พร้อมทั้งมีกระดาษทาการตามขั้นตอนต่าง ๆ และใช้อ้างอิงได้ อย่างสมบูรณ์ (2) ความชัดเจนและเข้าใจง่าย ตั้งแต่การระบุวัตถุประสงค์ วิธีการตรวจสอบท่ีใช้ และลาดับ ผลการตรวจสอบท่ีได้ ถ้อยคาที่ใช้ควรเลือกใช้ถ้อยคาท่ีเข้าใจง่าย มีคาอธิบายความอย่างกะทัดรัดและได้ ใจความ (3) ความเรียบร้อยและอ่านง่ายเป็นรูปแบบเดียวกัน กระดาษทาการแต่ละแผ่นควรจัดทาให้ เป็นระเบยี บเรยี บร้อย เขยี นตามลาดับจากบนลงลา่ ง จากซ้ายไปขวา ดว้ ยลายมือและการลงนามทอี่ า่ นงา่ ย จดั เรยี งกระดาษทาการแต่ละแผ่นให้งา่ ยต่อการสอบทาน การจดั ทากระดาษทาการควรทาในรูปแบบเดยี วกนั (4) ความเพียงพอและตรงกับวัตถุประสงค์ กระดาษทาการควรให้ข้อมูลที่ตรงกับ วัตถปุ ระสงคข์ องการจัดทา และตรงกบั วัตถุประสงค์ของแผนการตรวจสอบและเป็นประโยชน์ในการอ้างอิง ไม่ ควรมีรายละเอียดเกินความจาเป็น สรุปข้ันตอนการตรวจสอบและวิธีการตรวจสอบที่สาคัญ และผลสรุปของ การตรวจสอบ และต้องประหยัดเวลาในการจดั ทาในระหว่างการตรวจสอบ / ผ้ตู รวจสอบภายใน ...

- 12 - ผู้ตรวจสอบภายในควรสรุปผลการตรวจสอบงานแต่ละส่วน เม่ือเสร็จสิ้นการตรวจสอบจาก กระดาษทาการท่ไี ดจ้ ดั ทา ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ และสรุปเฉพาะสิง่ ท่เี ป็นสาระสาคัญเท่านัน้ 2.2.3 การสรปุ ผลการตรวจสอบ เปน็ วธิ กี ารปฏิบตั ิงานตรวจสอบข้ันสดุ ทา้ ย กอ่ นการจัดทารายงานผลการปฏิบัติงาน หลังจากท่ี ผู้ตรวจสอบภายในได้ทาการตรวจสอบเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้วเสร็จ หรือเป็นเรื่องท่ีเห็นว่าจาเป็นต้องรายงานผล ระหว่างการปฏิบัติงานตรวจสอบ โดยผู้ตรวจสอบจะต้องรวบรวมข้อเท็จจริงและหลักฐานต่าง ๆ ที่ได้ระหว่าง การตรวจสอบ เพ่ือสรุปหาข้อตรวจพบ หรือสิ่งท่ีตรวจพบท้ังด้านดี และปัญหาข้อบกพร่องที่คิดว่ามีค่าควร แกก่ ารตรวจสอบ และรายงานให้ผู้เกยี่ วข้องทราบถงึ (1) Audit Finding (ส่ิงที่ตรวจพบ) หมายถึง ข้อเท็จจริงท่ีรวบรวมและสรุปจากหลักฐานท่ีได้ ระหว่างการตรวจสอบผลการดาเนินงาน ตามวตั ถปุ ระสงค์ของการตรวจสอบ ข้อตรวจพบที่ควรแก่การรายงาน ให้ ผ้เู กย่ี วขอ้ งทราบ ในการสรปุ ผลการตรวจสอบผตู้ รวจสอบภายในต้องสรุปข้อตรวจพบใหค้ รบองค์ประกอบ (2) Statement of Condition ตอ้ งชใ้ี หเ้ ห็นขอ้ เทจ็ จริงว่าผู้ตรวจสอบภายในพบอะไร สภาพ ท่ีเกิดเปน็ อยา่ งไร (3) Audit Criteria สงิ่ ทต่ี รวจพบต่างจากขอ้ กาหนด กฎหมาย หรอื สง่ิ ทีค่ วรจะเป็นอย่างไร (4) สง่ิ ทต่ี รวจพบมีผล อย่างไรบ้าง (Effect) (5) ทาไมจึงเกดิ ข้นึ ได้ (Cause) (6) และจะแกไ้ ขได้อยา่ งไร (Recommendation ) 3. การจดั ทารายงานและติดตามผล 3.1 การจดั ทารายงาน เป็นการรายงานผลการปฏิบัติงานให้ผู้บริหารทราบถึง วัตถุประสงค์ ขอบเขต วิธีปฏิบัติงาน และผลการตรวจสอบข้อมูลทง้ั หมดทกุ ขน้ั ตอน สรุปข้อบกพร่องท่ีตรวจพบ ประเด็นความเสี่ยงท่ีสาคัญและการ ควบคุม รวมทั้งเรื่องอ่ืน ๆ ท่ีผู้บริหารควรทราบ พร้อมข้อเสนอแนะในการแก้ไข ปรับปรุง เพ่ือเสนอผู้บริหาร หรอื ผู้ที่เกีย่ วข้องพจิ ารณาสงั่ การแก้ไขปรับปรุงต่อไป การเสนอรายงานผลการปฏิบัติงานเป็นเทคนิคอย่างหน่ึงที่ผู้ตรวจสอบ จะต้องเอาใจใส่ เปน็ พเิ ศษ เพราะรายงานนน้ั แสดงใหเ้ หน็ ถงึ คณุ ภาพของการปฏิบตั งิ านของผตู้ รวจสอบภายในท้ังหมด ลักษณะของรายงานที่ดีต้องเป็นรายงานท่ีมีประโยชน์ต่อผู้อ่านรายงานเรื่องท่ีมีสาระสาคัญ ข้อตรวจพบเป็น เรอื่ งทตี่ รงกบั ข้อเทจ็ จริง ขอ้ เสนอแนะหรอื ขอ้ แนะนาเป็นประโยชน์และสามารถปฏิบตั ไิ ด้ โดยสรปุ ลักษณะของรายงานผลการปฏบิ ัติงานทีด่ ี มีองค์ประกอบดังนี้ ถูกต้อง (Accuracy) รายงานผลการปฏิบัติงานต้องมีความถูกต้อง ข้อความทุกประโยค ตัวเลขทุกตวั เอกสารอา้ งองิ ทุกชนิดต้องมาจากหลักฐานท่นี า่ เชื่อถือ และผู้ตรวจสอบได้ประเมินข้อมูลเหล่าน้ันแล้ว การอ้างอิงทุกครั้งต้องมีเอกสารหลักฐานประกอบ และสามารถให้คาอธิบายแล้วพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ทุกเรื่อง การรายงานสิ่งใดก็ย่อมหมายความว่าสิ่งน้ันผู้ตรวจสอบได้ทราบหรือได้ยอมรับแล้วว่าเป็นส่ิงที่ตรงตาม ข้อเทจ็ จรงิ ชัดเจน (Clarity) หมายถึง ความสามารถในการสื่อข้อความ หรือความต้องการของผู้ตรวจสอบ หรือสิ่งที่ต้องการเสนอให้ผู้อ่านรายงานเข้าใจเช่นเดียวกับผู้ตรวจสอบภายใน โดยไม่ต้องมีการตีความหรืออธิบาย เพ่มิ เติม / กะทดั รัด ...

- 13 - กะทดั รัด (Conciseness) หมายถงึ การตัดทอนความคิด ข้อความ คาพูดท่ีฟุ่มเฟือย หรือส่ิง ท่ไี มใ่ ช่สาระสาคญั และส่งิ ท่ไี ม่เก่ียวข้องโดยตรงกบั เรอื่ งท่ีจะรายงานออกไป ทันกาล (Timeliness) การเสนอรายงานต้องกระทาภายในเวลาที่เหมาะสม ทันต่อการแก้ไข สถานการณ์ ผู้ตรวจสอบภายในควรพิจารณาว่าส่ิงท่ีตรวจพบ ควรรายงานในขณะและเวลาใด เพราะผู้บริหารต้อง นาสิ่งท่เี สนอในรายงานไปดาเนนิ การตอ่ มิใชเ่ กบ็ รายงานไว้เป็นจดหมายเหตุเพื่อการศึกษาทางประวตั ิศาสตร์ สร้างสรรค์ (Constructive Criticism) การรายงานควรแสดงให้เห็นคุณภาพ และความ จริงใจของ ผู้ตรวจสอบ ผู้รายงานควรช้ีให้เห็นส่วนดีของการปฏิบัติงานก่อนที่จะกล่าวถึงข้อบกพร่องต่าง ๆ ที่ ต้องการให้ปรับปรุง ทาให้ผู้อ่านคล้อยตามคาแนะนา และข้อเสนอแนะ และมีความพอใจท่ีจะให้ความร่วมมือ ในการแก้ไขปรับปรุง การวิจารณ์ข้อบกพร่องโดยไม่มีการให้ข้อเสนอแนะ หรือการวิจารณ์โดยปราศจากการ เสนอแนะขอ้ ยุติทีช่ อบด้วยเหตุผลเป็นส่งิ ทไ่ี ม่ควรกระทา จูงใจ (Pursuance) การเสนอรายงานควรจูงใจให้ผู้อ่านจับประเด็นได้ต้ังแต่ต้นจนจบ โดย การใช้รูปแบบถ้อยคา และศิลปะของภาษา ทาให้ผู้อ่านยอมรับและเกิดความรู้สึกต้องการแก้ไขปัญหา หรือ ข้อแนะนาที่ผู้ตรวจสอบเสนอในรายงาน โดยชี้ให้เห็นปัญหา ประโยชน์ร่วมกันและประโยชน์ต่อองค์กร ไม่ ตาหนโิ ดยไม่มีขอ้ แนะนาในเชิงสร้างสรรค์ให้ทราบถงึ ผลกระทบท่ีอาจเกิดขึ้น หากไม่แกไ้ ข รปู แบบรายงานผลการปฏิบัติงาน รูปแบบของรายงานผลการปฏิบัติงานข้ึนอยู่กับผลของการตรวจสอบ และความต้องการของ ฝา่ ยบรหิ าร รปู แบบและวิธีการรายงานท่ใี ชก้ นั โดยทัว่ ไป มีดงั นี้ (1) การรายงานเป็นลายลักษณ์อักษร (Written Report) เป็นวิธีการรายงานท่ีมีลักษณะเป็น ทางการ ใช้รายงานผลการปฏิบัติงานเมื่อการตรวจสอบงานหนึ่งงานใดแล้วเสร็จ ผู้ตรวจสอบภายในจะต้อง จดั ทารายงานสรปุ ผลการตรวจสอบ เสนอความเหน็ หรอื ขอ้ เสนอแนะเป็นลายลกั ษณอ์ กั ษรเสนอต่อผ้บู รหิ าร (2) การรายงานดว้ ยวาจา (Oral Report) แยกเปน็ 1) ไม่เป็นทางการ ส่วนใหญ่ใช้กับรายงานท่ีต้องกระทาโดยเร่งด่วน เพื่อให้ทันต่อ เหตกุ ารณ์ จะใชใ้ นกรณีทคี่ วรแจง้ ให้ผบู้ รหิ ารหรือหวั หน้าหน่วยรบั ตรวจทราบทนั ทที ต่ี รวจพบ เพราะหากปล่อย ให้ล่าชา้ อาจมคี วามเสียหายมากข้ึน 2) เป็นทางการ เป็นการรายงานโดยการเขียนรายงาน และมีการนาเสนอด้วยวาจา ประกอบการรายงานดว้ ยวาจายงั ใช้ในกรณเี สนอรายงานผลความคืบหน้า หรือผลการตรวจสอบโครงการพิเศษ ท่ีได้รับมอบหมายจากผู้บริหาร เพื่อขอความเห็นเก่ียวกับข้อเท็จจริงที่ตรวจพบ หรือขอความคิดเห็นเพิ่มเติม หรอื ขอความช่วยเหลอื ในกรณกี ารตรวจสอบมีปัญหาหรืออุปสรรค เช่น ผู้รับตรวจ ไม่ให้ความร่วมมือหรือไม่ให้ เอกสารบางอย่างเพ่อื การตรวจสอบ รายงานแบบเปน็ ทางการ และรายงานท่เี ป็นลายลักษณอ์ ักษรโดยทัว่ ไปประกอบด้วย สาระสาคัญ ดังน้ี 1. บทคัดย่อ (Summary) การเสนอรายงาน ควรจัดทาบทคัดย่อไว้ด้านหน้าของรายงาน ท่ีจะนาเสนอผู้บริหาร เป็นการย่อเน้ือความของรายงานอย่างส้ัน ๆ กะทัดรัด ชัดเจน และได้ใจความครอบคลุม เน้อื หาของรายงานทงั้ หมด แสดงข้อเท็จจริงหรือข้อบกพร่องที่เกิดข้ึน ผลกระทบที่มีต่อองค์กร และข้อเสนอแนะ ในการแก้ไขปรบั ปรงุ โดยไม่ต้องแสดงเหตุผลประกอบ แตเ่ ป็นข้อมลู ทเี่ พยี งพอให้ผบู้ ริหารเข้าใจและสั่งการได้ / บทนา ...

- 14 - 2. บทนา (Introduction) คอื สว่ นแรกของรายงานทบี่ อกใหท้ ราบว่าผู้ตรวจสอบภายใน ไดต้ รวจสอบเรื่องอะไรในหน่วยงานใด เปน็ การตรวจสอบตามแผนการตรวจสอบที่กาหนดไว้ หรอื เป็นการ ตรวจสอบกรณพี ิเศษ 3. วัตถุประสงค์ (Purpose) แสดงเป้าหมายการตรวจสอบให้ชัดเจน เพ่ือให้ผู้อ่านรายงาน ตดิ ตามประเด็นได้สะดวก และคาดการณไ์ ด้วา่ จะทราบข้อมลู ใดบ้างเมอื่ อา่ นรายงานจบ 4. ขอบเขต (Scope) แสดงถงึ ระยะเวลา และปรมิ าณของงานทไ่ี ดท้ าการตรวจสอบมมี าก นอ้ ยเพียงใด มขี อ้ จากัดอะไรบา้ งท่ีผูต้ รวจสอบภายในไมส่ ามารถตรวจสอบได้ หรอื ต้องชะลอการตรวจสอบ ไว้กอ่ น พรอ้ มเหตผุ ลประกอบ 5. ส่งิ ทีต่ รวจพบ (Audit Findings) เปน็ สว่ นสาคญั ของรายงานผลการปฏิบัติงานที่แสดงถึง ข้อเท็จจริงที่ตรวจพบทั้งในด้านดีและที่ควรได้รับการแก้ไข วิธีการดาเนินการแก้ไข รวมทั้งความเห็นของผู้รับ การตรวจ 6. ข้อเสนอแนะ (Recommendation) เป็นข้อเสนอแนะที่ผู้ตรวจสอบภายในเสนอแนะต่อ ผู้บริหาร หรือหัวหน้าหน่วยรับตรวจ เพ่ือส่ังการแก้ไข ปรับปรุง ข้อเสนอแนะควรมีลักษณะสร้างสรรค์ และ สามารถนาไปปฏบิ ัติได้ 7. ความเห็น (Opinion) หากข้อความใดเปน็ ความเห็นมิใชข่ ้อเทจ็ จรงิ หรอื ยังไม่มหี ลักฐาน สนับสนุนเพียงพอ ผู้ตรวจสอบภายในควรระบุให้ชดั เจนวา่ เป็นความเหน็ เท่านน้ั 8. เอกสารประกอบ (Supporting Evidences) เน่ืองจากการรายงานเป็นเพียงการสรุปผล ดังน้ัน รายงานควรเสนออย่างกะทัดรัด ข้อมูลใดท่ีจาเป็นต้องอ้างถึง แต่เป็นข้อมูลยาว หรือมีรายละเอียดมาก ควรแสดงเป็นเอกสารประกอบแนบทา้ ยรายงานไวด้ ้วย เอกสารประกอบไมค่ วรมมี ากจนเกนิ ไปจนทาให้รายงาน ไม่น่าสนใจ 3.2. การติดตามผล (Follow Up) การติดตามผลเป็นข้ันตอนสุดท้ายของกระบวนการปฏิบัติงานตรวจสอบภายใน ซึ่งถือได้ว่า เป็นข้ันตอนที่สาคัญยิ่งของการตรวจสอบ เพราะแสดงถึงคุณภาพและประสิทธิผลของงานตรวจสอบว่าผู้รับ การตรวจ และผู้บริหารได้ปฏิบัติตามข้อเสนอแนะในรายงานการปฏิบัติงานตรวจสอบหรือไม่ และข้อบกพร่อง ท่ีพบได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสมแล้วหรือยัง เม่ือผู้ตรวจสอบภายในเสนอรายงานผลการปฏิบัติงานต่อ ผู้บริหารระดับสูงแล้ว ผู้ตรวจสอบภายในต้องติดตามผลว่าผู้บริหารฯ ได้สั่งการหรือไม่ประการใด และหาก ส่ังการแล้ว หน่วยรับตรวจดาเนินการตามข้อเสนอแนะของผู้ตรวจสอบภายในท่ีผู้บริหารส่ังการหรือไม่ เพ่ือให้ แน่ใจว่าข้อบกพร่องที่พบได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสม หรือมีปัญหาและอุปสรรคอย่างไร และรายงานผลการ ติดตามตอ่ ผู้บริหารต่อไป การติดตามผลการปฏบิ ัตติ ามขอ้ ทกั ท้วงหรอื ข้อเสนอแนะของรายงานผลการตรวจสอบ หวั หนา้ หน่วยตรวจสอบภายใน ไดก้ าหนดให้ผูต้ รวจสอบภายในแต่ละคนกาหนดเวลาท่ีเหมาะสม ในการติดตามผล โดยให้ ติดตามความคืบหน้าในการปรับปรุงแก้ไขจุดอ่อน และข้อบกพร่องจากหน่วยงานเป็น ระยะ ๆ หากมีปัญหาว่าหน่วยรับตรวจไม่สามารถแก้ไขได้ จะให้ผู้ตรวจสอบภายในเข้าไปพิจารณาให้คาแนะนา เพื่อให้สามารถดาเนินการต่อไปได้ และเมื่อหน่วยรับตรวจดาเนินการแก้ไขจุดอ่อนหรือข้อบกพร่องแล้ว หน่วย ตรวจสอบภายในจะต้องรายงานผลให้ผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นท่กี ารศึกษาทราบอีกครั้งหนึ่ง

- 15 - บทสรปุ คูม่ ือการปฏิบัติงาน : การตรวจสอบภายในเล่มนี้ มีเป้าหมายสาคัญเพ่ือให้ผู้ตรวจสอบภายใน หรอื ผู้ท่ีไดร้ บั มอบหมายใหป้ ฏบิ ัติหน้าท่ีเป็นผตู้ รวจสอบภายใน มีความเข้าใจในหลกั การตรวจสอบและแนวทาง ในการปฏบิ ตั ิงานตรวจสอบ เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปตามหลักการด้วยความม่ันใจอย่างมีคุณภาพ ผลงานท่ี ได้เป็นที่ยอมรับของบุคคลท่ีเก่ียวข้อง ช่วยเพ่ิมมูลค่า (Value Added) แก่องค์กร ผู้บริหารใช้เป็นข้อมูลในการ บริหารงานก่อให้เกิดกระบวนการบริหารจัดการท่ีดี ผลของการดาเนินงานขององค์กรบรรลุตามวัตถุประสงค์ และเปา้ หมายทก่ี าหนดอย่างมปี ระสิทธิภาพ ประสิทธิผล มีการใช้ทรัพยากรอย่างประหยัดและค้มุ คา่ ปจั จัยความสาเรจ็ และประสิทธิผลของงานตรวจสอบภายใน ส่วนใหญว่ ัดจากความยอมรับ ข้อเสนอแนะในรายงานผลการปฏบิ ตั งิ าน แตค่ วามสาเรจ็ จะเกดิ ขึ้นได้ ตอ้ งอาศัยเทคนคิ การตรวจสอบ ประกอบกับทักษะของผ้ตู รวจสอบภายใน โดยเฉพาะการสร้างมนุษยสมั พนั ธ์ การส่ือสารให้เกิดความเข้าใจ และการยอมรบั จากผู้บรหิ ารและหนว่ ยรับตรวจขององคก์ ร การรวบรวมหลักฐานขอ้ มูล ขอ้ เทจ็ จริงอ่ืน ๆ ที่ผู้ตรวจสอบภายในตอ้ งปรับใชใ้ ห้เหมาะสมกับบุคคลและสถานการณ์อันจะก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มแก่องค์กร อย่างแทจ้ รงิ

ภาคผนวก

คำสงั่ สำนักงำนเขตพน้ื ทีก่ ำรศึกษำประถมศึกษำสระบุรี เขต ๑ ท่ี ๒๗๘/๒๕๖๒ เรอ่ื ง กำรมอบหมำยหน้ำทแี่ ละควำมรบั ผิดชอบ --------------------------- เพื่อให้การดาเนินงานของสานักงานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษาสระบุรี เขต ๑ เปน็ ไปด้วยความเรียบร้อย มปี ระสทิ ธภิ าพและมผี ู้รบั ผิดชอบ อาศัยอานาจตามความในมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวง ศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๔๖ และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๓ และมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติ ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ และแก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓ ประกอบกบั ประกาศกระทรวงศึกษาธกิ าร เรือ่ ง การแบ่งส่วนราชการภายในสานักงาน เขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๖๐ ลงวนั ที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๐ และฉบับท่ี ๒ พ.ศ. ๒๕๖๑ ลงวันท่ี ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๑ จงึ ยกเลิกคาส่งั สานกั งานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาสระบรุ ี เขต ๑ ที่ ๑๒๒/๒๕๖๒ เรื่อง การมอบหมายหน้าท่ีและความรับผิดชอบ ส่ัง ณ วันท่ี ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ และมอบหมายหน้าท่ี และความรับผิดชอบใหข้ ้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาปฏบิ ัติ ดงั รายละเอยี ดแนบท้ายนี้ ทงั้ นี้ ต้ังแต่บัดน้ีเปน็ ตน้ ไป ส่ัง ณ วนั ท่ี ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๒ (นายดาเนิน เพยี รค้า) ผูอ้ านวยการสานกั งานเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษาสระบรุ ี เขต ๑

รายละเอียดการมอบหมายหน้าทแ่ี ละความรับผดิ ชอบ แนบท้ายคาสง่ั สานักงานเขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษาสระบุรี เขต ๑ ที่ ๒๗๘/๒๕๖๒ ส่ัง ณ วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๒ --------------------- (๙) หนว่ ยตรวจสอบภายใน นางสาวเบญจมาศ กล่ินหอม ตาแหน่ง นกั วิชาการตรวจสอบภายในชานาญการ ตาแหน่งเลขที่ อ ๔๕ รกั ษาการในตาแหน่ง ผูอ้ านวยการหนว่ ยตรวจสอบภายใน มหี น้าทีแ่ ละรบั ผิดชอบงาน ดังนี้ ๑) ควบคุม กากับ และดแู ลการปฏบิ ัตงิ านตรวจสอบภายใน ดังน้ี ๑.๑) งานตรวจสอบภายใน ๑.๑.๑) งานประเมินระบบควบคุมภายในและการประเมนิ ความเส่ยี ง ๑.๑.๒) งานตรวจสอบดา้ นการให้ความเชือ่ มัน่ และการใหค้ าปรึกษาตามประเภท การตรวจสอบ ๑.๑.๓) งานให้คาปรกึ ษา ๑.๒) งานบริหารการตรวจสอบ ๑.๒.๑) งานวางแผนการตรวจสอบภายใน ๑.๒.๒) งานประกนั คุณภาพงานตรวจสอบภายใน ๑.๓) งานธุรการและสารสนเทศ ๑.๔) งานตรวจสอบพิเศษ ๒) ศกึ ษา วเิ คราะห์ จัดทาแผนการตรวจสอบระยะปานกลาง และแผนการตรวจสอบประจาปี ๓) ศกึ ษา วเิ คราะห์ จัดทาแผนปฏบิ ตั กิ ารตรวจสอบ และจัดทาเครื่องมือในการตรวจสอบ เพ่ือบนั ทึกขอ้ มูลการตรวจสอบ ๔) ดาเนนิ งานเก่ยี วกบั การตรวจสอบภายใน ให้เปน็ ไปตามระเบียบ มาตรฐาน แนวทางการปฏบิ ตั ิ ของการตรวจสอบภายในภาครัฐ และจริยธรรมของผู้ตรวจสอบ ๕) ดาเนินงานเก่ียวกบั งานตรวจสอบ การตรวจสอบการปฏิบัตงิ านดา้ นการบรหิ ารงบประมาณ การบรหิ ารงานการเงิน การบัญชี พัสดุ ทรัพย์สนิ และการบริหารงาน การดาเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของสานักงาน เขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาสระบรุ ี เขต ๑ และสถานศึกษาในสงั กัด ใหเ้ ปน็ ไปตามนโยบาย แผนงาน โครงการ ภารกจิ กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคบั คาส่ัง และมตคิ ณะรฐั มนตรี รวมทัง้ การตรวจสอบ การดูแล รกั ษาทรพั ย์สิน การใช้ทรัพยากร ว่าเป็นไปอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ประสิทธผิ ล ประหยัด คมุ้ คา่ ๖) ประเมนิ ผลการปฏิบตั งิ าน ใหค้ าปรกึ ษา เสนอแนะวิธกี าร มาตรการ ในการปรบั ปรุง แกไ้ ข การปฏิบตั ิงานของหนว่ ยรับตรวจตาม ข้อ ๕ เพื่อให้บงั เกดิ ผลดตี อ่ การจัดการศึกษา รวมท้งั เป็นการป้องปราม มใิ ห้เกดิ ความเสียหาย หรือทุจริตตอ่ ทรัพย์สินของทางราชการ ๗) รายงานผลการดาเนนิ งานตรวจสอบต่อผู้อานวยการสานักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศึกษา ประถมศึกษาสระบุรี เขต ๑ และสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน ๘) ติดตามผลการตรวจสอบและเสนอแนะให้คาปรึกษาแกผ่ บู้ รหิ าร หรอื ผปู้ ฏิบตั งิ าน ของหนว่ ยรบั ตรวจ ในการปรับปรงุ แกไ้ ขตามข้อเสนอแนะ ๙) สนับสนุน ส่งเสริม ดูแล สถานศึกษาในสังกัดสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระบรุ ี เขต ๑

๒ ๑๐) ศึกษา วเิ คราะห์ ระเบียบ กฎหมายทางการเงิน การคลงั จดั ทาเอกสารคู่มือแนวทาง การปฏบิ ัติงานเผยแพรแ่ ก่หน่วยงาน หรอื บุคลากรในสังกัด ใหบ้ งั เกิดผลดีต่อการบริหารจัดการศึกษา ๑๑) ประสานกับผตู้ รวจสอบภายนอก และกลมุ่ ตรวจสอบภายใน สานกั งานคณะกรรมการ การศึกษาขน้ั พื้นฐาน ตลอดจนการใหบ้ ริการ และประสานความร่วมมอื กับบคุ คล องค์กร หนว่ ยงาน ทเ่ี กยี่ วข้องเพ่ือให้บังเกดิ ผลดีตอ่ การบริหารจดั การศึกษา ๑๒) ปฏบิ ัติงานอ่ืน ๆ ตามทไ่ี ด้รับมอบหมาย --------------------