รำบายศรีสู่ขวัญ
คำนำ ประเพณีการสู่ขวัญ เป็นประเพณีตามศาสนาพราหมณ์ที่นิยมกระทำ สืบต่อกันมาอย่างช้านาน ถือว่าเมื่อได้มีการทำพิธีนี้แล้วจะก่อให้เกิดความเป็นสิริ มงคลแก่ชีวิต การทำพิธีีสู่ขวัญนี้จะกระทำเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ดีเป็นมงคล เช่น พิธีแต่งงาน การหายจากป่วยไข้ การมาหรือกลับจากสถานที่ใดๆ การไปค้าขาย ได้เงินทองมามาก การมีแขกมาเยี่ยมยามจากต่างถิ่น ฯลฯ แม้แต่เหตุการณ์ที่ไม่ ดี เช่น การได้รับความเจ็บป่วย คนในครอบครัวประสบอุบัติเหตุหรือต้องเสีย ชีวิต (เหตุการณ์นี้จะทำพิธีให้แก่ผู้ที่รอดจากเหตุดังกล่าว) การสู่ขวัญ คือการ เรียกขวัญ หรือเอิ้นขวัญ ชาวอีสานมีความเชื่อว่า “ขวัญ” เป็นสิ่งที่แฝงอยู่กับตัวของมนุษย์มา ตั้งแต่กำเนิด ซึ่งจะจับต้องหรือไม่สามารถมองเห็นได้ หากว่ามีเหตุให้ขวัญหนี ออกจากตัว เช่น เกิดอุบัติเหตุ เสียใจ ป่วยไข้ ตกใจรุนแรง อาจทำให้ตัวบุคคล นั้นถึงแก่ความตายได้ ฉะนั้นต้องเรียกขวัญกลับมาสู่ตัวจะทำให้สุขสบายขึ้น
สารบัญ หน้า 1 1.ประวัติความเป็นมา 2.เครื่องดนตรีที่ใช้ในการแสดง 2-3 3.การแต่งกาย 4 4.โอกาสที่ใช้ในการแสดง 5 5.บทร้องเพลงและความหมาย 6 6.ท่ารำประกอบการแสดง 7-17 7.ลิ้งค์การแสดง 18
ประวัติความเป็นมา ประเพณีการสู่ขวัญ เป็นประเพณีตามศาสนาพราหมณ์ที่นิยมกระทำสืบต่อกันมา อย่างช้านาน ถือว่าเมื่อได้มีการทำพิธีนี้แล้วจะก่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต การทำ พิธีีสู่ขวัญนี้จะกระทำเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ดีเป็นมงคล เช่นพิธีแต่งงาน การหายจากป่วยไข้ การมาหรือกลับจากสถานที่ใดๆ การไปค้าขายได้เงินทองมามาก การมีแขกมาเยี่ยมยาม จากต่างถิ่น ฯลฯ แม้แต่เหตุการณ์ที่ไม่ดี เช่น การได้รับความเจ็บป่วย คนในครอบครัว ประสบอุบัติเหตุหรือต้องเสียชีวิต (เหตุการณ์นี้จะทำพิธีให้แก่ผู้ที่รอดจากเหตุดังกล่าว) การสู่ขวัญ คือการเรียกขวัญ หรือเอิ้นขวัญ ชาวอีสานมีความเชื่อว่า “ขวัญ” เป็นสิ่งที่แฝงอยู่กับตัวของมนุษย์มาตั้งแต่ กำเนิด ซึ่งจะจับต้องหรือไม่สามารถมองเห็นได้ หากว่ามีเหตุให้ขวัญหนีออกจากตัว เช่น เกิดอุบัติเหตุ เสียใจ ป่วยไข้ ตกใจรุนแรง อาจทำให้ตัวบุคคลนั้นถึงแก่ความตายได้ ฉะนั้น ต้องเรียกขวัญกลับมาสู่ตัวจะทำให้สุขสบายขึ้น บายศรีเป็นคำเรียกพราหมณ์ด้วยความเคารพ พราหมณ์เป็นผู้ทำพิธีสู่ขวัญ จึง เรียกว่า บาศรีสู่ขวัญ ซึ่งหมายถึงพราหมณ์ทำพิธีสู่ขวัญ บายศรี มาจากคำว่าบาย+ศรี บาย แปลว่า สัมผัส จับ ต้อง ศรี แปลว่า สิริ มงคล สิ่งที่ดี บายศรี หมายความถึง การรวบรวมเรียกเอาสิริมงคลต่างๆ ด้วยกิริยาวิธีทาง กาย ทางวาจา และทางใจ แม้ว่าศรี หรือ สิริ จะไม่สามารถบายหรือสัมผัสจริงๆได้ด้วยมือ แต่ ที่ใช้คำว่าบาย เนื่องจากต้องการสื่อในความหมายเชิงรูปนัยเพื่อให้เข้าใจได้ง่าย มิใช่นามนัย พราหมณ์จึงใช้วิธีเชิญสิริเข้ามาอยู่ในข้าว ไข่ต้ม หรือฝ้ายผูกข้อมือ เป็นต้น แล้วบายเอาข้าว หรือไข่ต้มส่งให้ผู้เข้ารับบายศรีกิน นำฝ้ายไปผูกข้อมือ ซึ่งวิธีการนี้เป็นวิธีเชิงรูปธรรม ในส่วน ที่เป็นนามธรรมนั้น จะรับสิริทางใจหรือความรู้สึกโดยตรง บายศรีสู่ขวัญ จึงหมายถึงการรวบรวมเรียกเอาหรือเชิญสิริมงคลต่างๆ ด้วย กิริยาวิธีทางกาย ทางวาจา และทางใจ ให้มาสถิตที่ขวัญ เพื่อความเจริญรุ่งเรือง เพื่อความ สุข สวัสดี เครื่องกิริยาในการทำพิธีบายศรีสู่ขวัญที่สำคัญ คือ พานบายศรี หรือ “พา ขวัญ” ทำจากใบตองและดอกไม้สด รวมไปถึงเครื่องสังเวยต่างๆ เช่น ข้าวปลาอาหาร แป้ง กระจก หวี ผ้าแพรไหม น้ำอบ-น้ำหอม ที่ขาดไม่ได้คือ เส้นฝ้ายสีขาว เพื่อใช้ในการผูกข้อต่อ แขนแก่ผู้เข้าร่วมทำพิธี การฟ้อนบายศรีสู่ขวัญ เกิดจากการคิดค้นร่วมกัน โดย อ. ดำเกิง ไกรสรกุล และ อ.พนอกำเนิดกาญจน์ แห่งวิทยาลัยครูอุดรธานี(ปัจจุบันคือ มหาวิทยาลัยราชภัฏ อุดรธานี) ซึ่ง อ.พนอกำเนิดกาญจน์ เป็นผู้ประดิษฐ์ท่าฟ้อน อ. ดำเกิง ไกรสรกุล เป็นผู้แต่ง เนื้อร้องและทำนองเพลง 1
เครื่องดนตรีที่ใช้ในการแสดง โปงลาง ไหซอง กลองยาว พิณ กลองใหญ่ เบส 2
แคน ฉาบเล็ก โหวด ฉาบใหญ่ เกราะ 3
การแต่งกาย การแต่งกาย สวมเสื้อคอตั้งแขนยาวจรดข้อมือ ห่ม สไบขิด และนุ่งผ้าซิ่นคลุมเข่า ผมเกล้ามวยติดดอกไม้ ด้าน ซ้าย สวมเครื่องประดับเงินตกแต่งให้สวยงาม 4
โอกาสที่ใช้ในการแสดง โออกาสที่ใช้แสดง ใช้ในพิธีบายศรีสู่ขวัญ ในการต้อนรับครั้ง สำคัญๆ ปัจจุบันอาจใช้ในงานรื่นเริงและงานเบ็ดเตล็ดทั่วไป เป็นการรำที่ใช้ในพิธีบายศรีสู่ขวัญ เมื่อมีแขกมาเยือน ส่วนใหญ่จะประกอบเพื่อเป็นสิริมงคงในพิธีจะมีพานบายศรีและ พราหมณ์ผู้ทำพิธี เนื้อร้องก็จะอธิบายถึงความสวยงาม ของ บายศรี และเป็นการเรียกขวัญ พอรำเสร็จก็จะมีการผูกข้อมือ แขกด้วยฝ้ายขาว ซึ่งผ่านพิธีกรรมแล้วถือว่าฝ้ายที่ใช้ผูกนั้นจะ ทำให้อยู่เย็นเป็นสุข 5
บทร้องเพลงและความหมาย บทร้องเพลงบายศรีสู่ขวัญ ผู้แต่งเนื้อร้อง อาจารย์ดำเกิง ไกรสรกุล มาเถิดเย้อ มาเย้อขวัญเอย มาเย้อขวัญเอย หมู่ชาวเมืองมา เบื้องขวานั่งส่ายลาย เบื้องซ้ายนั่งเป็นแถว ยอพาขวัญอันเพริศแพร้ว ขวัญมาแล้ว มาสู่คิงกม เกศเจ้าหอมลอยลม ทัดเอื้องชวนชมเก็บเอาไว้บูชา ยามฝนพรำเจ้าอย่าแข็ง แดดร้อนแรงเจ้าอย่าครา อยู่ที่ไหนจงมา รัดด้ายไชยามาคล้องผ้าแพรกระเจา ( ดนตรี ) อย่าเพลินเผลอ มาเย้อขวัญเอย มาเย้อขวัญเอย อยู่แดนดินใด ฤาฟ้าฟากใด ขอให้มาเฮือนเฮา เพื่อนอย่าคิดอะไรสู่เขา ขออย่าเว้าขวัญเจ้าจะตรม หมอกน้ำค้างพร่างพรม ขวัญอย่าเพลินชมป่าเขาลำนำไพร เชิญไหลทาประทินกลิ่นหอม ดมพยอมให้ชื่นใจ เหล่าข้าน้อยแต่งไว้ ร้อยพวงมาลัยจะคล้องให้สวยรวย ความหมายของเพลง ขอเชิญพวกเรา มาร่วมพิธีบายศรีสู่ขวัญ เพื่อเรียกขวัญมาอยู่กับเนื้อกับตัว โดย ใช้ด้ายศิริมงคลผูกแขน ตามประเพณีท้องถิ่น 6
ท่านำประกอบการแสดง ท่ารำ-ดนตรี ท่ารำ-ดนตรี ท่ารำ-ดนตรี ท่ารำ-ดนตรี 7
มาเยอขวัญเอย มาเถิดเย้อ มาเย้อขวัญเอย หมู่ชาวเมืองมา เบื้องขวานั่งส่ายร่าย เบื้องซ้ายนั่งเป็นแถว 8
ยอพาขวัญไม้จันทน์เพริดแพร้ว ขวัญมาแล้ว มาสู่คิงกลม เกศแก้วหอมลอยลม ทัดเอื้อง ชวนชม เก็บเอาไว้บูชา 9
ยามฝนพรำเจ้าอย่าแข่ง แดดร้อนแรงเจ้าอย่าฝ่า อยู่ที่ไหนจงมา 10
รัดด้ายชยา มาคล้องผ้าแพรกระเจา ท่ารำ-ดนตรี 11
อย่าเพลินเผลอ มาเยอขวัญเอย มาเย้อขวัญเอย 12
อยู่แดนดินใด หรือฟ้าฟากไกล ขอให้มาเฮือนเฮา เทื่อยังคิดอาลัยชู้เก่า ขออย่าเว้า 13
ขวัญเจ้าจะตรม หมอกน้ำค้าง พร่างพรม ขวัญอย่า เพลินชม ป่าเขา 14
ลำเนาไพร เชิญไล้ทา ประทินกลิ่นหอม ดมพะยอม ให้ชื่นใจ 15 เหล่าข้าน้อยแต่งไว้
ร้อยพวงมาลัย จะคล้องให้สวยรวย ท่ารำ-ดนตรี 16
ท่ารำ-ดนตรี 17
ลิ้งค์การแสดง https://youtu.be/aPiJX8-il5Q 18
จัดทำโดย 1.นายธีรชาติ นูวิเลิศ เลขที่ 3 2.นายพัชรพล พลอยสมบูรณ์ เลขที่ 6 3.นางสาวภควดี หงษ์คำมี เลขที่ 15 4.นายฐิติวุฒิ เนื่องขันตี เลขที่ 26 5.นายนายนัฐดนัย ละอองเอก เลขที่29 6.นายนันทนากร ศูนย์คูณ เลขที่30 7.นางสาวสุพัตรา ก่อทรัพย์ เลขที่ 35 8.นางสาว ชิติธิดา กงพาน เลขที่ 36 9.นางสาวประภาศิริ โพธิ์ภูงา เลขที่38 10.นางสาวปฏิมาภรณ์ ชำนาญดี เลขที่ 43 11.นายวรธน ผุยปุโรย เลขที่ 47 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/8 เสนอ คุณครูบ โรงเรียนสุวรรณภูมิพิทยไพศาล สำนึกงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาร้อยเอ็ด เขต27
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: