การเขียนคำคม

การเขียนคำคม การเขียนสะกดคำในภาษาไทยให้ถูกต้อง จำเป็นต้องมี ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การเขียนคำนั้นๆ และต้องหมั่นฝึกฝนเขียนอยู่สม่ำเสมอ ทั้งนี้ต้องยึด พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานเป็นหลักเกณฑ์ใน การอ่านและเขียนคำ คำคม ตามพจนานุกรม​ฉบับสถาน พ.ศ.๒๕๕๔ หมายถึง ถ้อยคำที่ชวนให้คิดแหลมคมและมีความจริง คำคมที่ดีต้อง แสดงถึงการใช้ความคิดหรือแสดงให้เกิดความรู้สึกอย่างใด อย่างหนึ่งอย่างชัดเจนเพื่อให้ผู้อ่านมีความเข้าใจลึกซึ่ง ค1ำ. คคมำคมีมหทลี่เาปย็นลัคกำษพณูดะธดรังรนมี้ ดาไม่มีสัมผัส โดยมากใช้คำง่าย ๆ ไม่ต้องแปล อ่านแล้วเข้าใจได้ทันที เช่น “ความรักทำให ้คนตาบอด” “เวลาและกระแส น้ำไม่คอยใคร” “ไม่มีใครรักเร าเท่าพ่อแม่” “เบื้องหลังก้อนเมฆยังมีพ ระอาทิตย์ส่องแสงอยู่” “กินอยู่แต่พอดี ไม่ใช่กินอยู่ดี ” “ความโกรธไม่เคยทำร้ายใคร นอกจากตัวผู้โกรธเพียงคน เดีย ว” “ไม่มีความหายนะใดยิ่งใหญ่กว่าความโลภและความไม่รู้จัก

เราคนเดียวไม่เก่งกว่าเพื่อนทั้งหมดรวมกัน” “ให้รู้จักพอใจ พอใช้ พอได้ พอดี พอมี พอเพียง” “บ้าที่น่ากลัวคือบ้าอำนาจ ฉลาดที่น่ากลัวคือฉลาด แกมโกง” “ลืมที่อันตรายคือลืมตัว” “อดีตคือสิ่งที่ผ่าน อนาคตคือสิ่งที่ฝัน ปัจจุบันเท่านั้น คือความจริง” “อะไรก็ตามที่ทำแล้วทำให้เกิดทุกข์ จะหลีกหนีให้ไกล ที่สุด” “ตราบใดที่ทะเลยังไม่ไร้คลื่น ท้องฟ้ายังไม่ไร้ดาว ชีวิต ของเราก็ยังม​ีความหวัง ” 2. คำคมที่เป็นสัมผัสคล้องจองกันสั้น ๆ ส่วนมากมี 2 วรรค เพื่อจดจำได้ง่าย เช่น “ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน” “เสียเหงื่อเพราะกีฬา ดีกว่าเสียน้ำตา เพราะยาเสพติด” “สร้างพระเดชมีแต่ขาดทุน สร้างพระคุณมีแต่กำไร” “โกรธคือนรก งกคือเปรต ” “ความสำเร็จของลูก คือความสุขของพ่อแม่” “อยู่อย่างสงบ ดีกว่ารบด้วยปาก” “ความงามไม่คงที่ ความดีซิคงทน” “อันนารีไม่ใช่เลขคณิต อย่าไ​ปคิดให้หนักสมอง”

3. คำคมที่แต่งด้วยคำประพันธ์ ส่วนใหญ่มักแต่งด้วยกลอน สุภาพ เช่น ใครลืมลืมใครใจรู้ ใครจะอยู่ใครจะไปใจเห็น ใครสุขใครเศร้าเช้าเย็น ใจเป็นที่แจ้งแห่งเรา ใครชอบใครชังช่างเถิด ใครเชิดใครชูช่างเขา ใครเบื่อใครบ่นทนเอา ใจเราร่มเย็นเป็นพอ ชาญ สิโรรส สอนพวกสัตว์ขัดใจไร้ประโยชน์ สอนคนโฉดดื้อเห็นไม่เป็นผล สอนบัณฑิตผิดหมายจะอายคน สอนใจตนนั่นแหละเลิศประเสริฐเอย ชาญ สิโรรส เมื่​อเจ้ามามีอะไรมาด้วยเจ้า

การเขียนโฆษณา ในการทำตลาดนั้น ก่อนจะไปขั้นตอนการเลือกใช้ สื่อ การโปรโมตสินค้า คุณต้องผ่านขั้นตอนการคิด คำโฆษณาเสียก่อน ซึ่งต้องนำเอาแนวความคิด สินค้า หรือบริการมานำเสนอให้ลูกค้า โดยใช้สื่อ ต่างๆ สำหรับบทความนี้ เราจะกล่าวถึงการเขียน คำโฆษณาบนเว็บไซต์ อีเมล และ SMS ซึ่งไม่ใช่ เรื่องง่าย เพราะต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ และ ภาษาที่โน้มน้าวใจผู้บริโภคได้ดี ทำให้ต้องมีการ วางแผนที่ดี เพื่อที่จะนำไปสู่ผลลัพธ์อันยอดเยี่ยม และนี่คือแนวทางการเขียนคำโฆษณา ที่คุณ สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง 1. ต้องมีประโยชน์ หนึ่งในสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การทำตลาดมีคุณภาพคือ คำ โฆษณา หรือข้อความที่มีประโยชน์ เพราะคงไม่มีผู้บริโภค คนไหนที่ต้องการอ่านเรื่องที่ไม่มีประโยชน์ต่อตัวเอง พวก เขาต้องการอ่านในสิ่งที่ตัวเองอยากรู้เท่านั้น ในขณะ เดียวกันถ้าคุณต้องการกระตุ้นให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วม แนะนำให้มอบส่วนลด หรือข้อเสนอต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่พวก เขาชื่นชอบ

2. ต้องมีระยะเวลา สำหรับในกรณีที่ต้องการแจ้งข่าวสาร ส่วนลด หรือโปรโมชั่นต่างๆ คุณควรตั้งเวลาว่าข้อความ นี้จะใช้กี่วัน เริ่มต้นวันไหน สิ้นสุดเมื่อ อาทิ “ลด 50% เฉพาะวันนี้เท่านั้น!!” เพราะจะทำให้ผู้ บริโภครู้สึกตื่นตัว เร่งรีบ และพร้อมช้อปทันที การกำหนดเวลานั้นจะทำให้พวกเขารู้สึกว่าต้อง ซื้อเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นก็จะพลาดโอกาสดีๆ ไป 3. สั้น กระชับ เชิญชวน ในข้อความสั้นๆ ไม่กี่คำนั้น คุณต้องแน่ใจ ว่ามันจะดึงดูดลูกค้าทันที โดยไม่ต้องใช้คำ ที่เยิ่นเย้อ ยกตัวอย่างเช่น “Sale วัน สุดท้าย ลดแหลก!!” ถ้าคุณเดินผ่านป้ายนี้ เชื่อว่าจะต้องหยุดดูแน่นอน 4. ต้องมีข้อความสำหรับ Call to Action นอกจากคำเชิญชวนให้ซื้อสินค้าแล้ว คุณควรกระตุ้น ให้ผู้บริโภคเกิดการรับรู้ และอยากมีส่วนร่วม ยก ตัวอย่างเช่น การใช้ Call to Action ปุ่มสีแดง ที่มี ข้อความว่า “ซื้อสินค้า” “ซื้อเลย” “สมัครสมาชิกฟรี” เป็นต้น และอย่าลืมใส่ลิ้งก์เว็บไซต์ในเวอร์ชั่นสมาร์ท โฟนด้วย เพื่อให้ผู้บริโภคเข้ามาที่เว็บของคุณ

5. หลีกเลี่ยงการใช้คำโฆษณาเกินจริง ในการเขียนคำโฆษณานั้น คุณไม่ควรใช้คำที่เกินจริง เช่น “มหศัจรรย์” หรือ “วิเศษที่สุด” เพราะใน ปัจจุบันผู้บริโภคสามารถหาข้อมูลของสินค้าได้จาก อินเตอร์เน็ต หรือดูรีวิวจากบล็อกเกอร์ การบรรยาย สรรพคุณที่เกินจริงเหล่านี้จะไม่ช่วยให้แบรนด์ของ คุณดูดีในสายตาผู้บริโภคเลย แถมยังทำให้พาลคิด ไปว่า สินค้าไม่มีคุณภาพอีกด้วย 6. ทุกข้อความที่ส่งไปต้องมีตราสินค้า ติดไปด้วย การส่งข้อความหรืออีเมล์ไปยังผู้บริโภคโดยไม่ ระบุว่าส่งจากใคร แม้ข้อมูลนั้นจะมีประโยชน์ แต่ก็มีโอกาสที่จะถูกลบทิ้งได้ง่ายๆ ซึ่งก็มีหลาย แบรนด์ที่เคยพลาดมาแล้ว ถ้าคุณไม่อยาก พลาด ก็ควรทิ้งท้ายด้วยชื่อแบรนด์ ชื่อบริษัท หรือโลโก้ เพราะจะทำให้ผู้บริโภคจดจำแบรนด์ ของคุณได้