1
2 รูปแบบการปฏบิ ัตทิ ี่เป็นเลศิ (Best Practices) 1. ชื่อผลงาน ผลสมั ฤทธ์ิจากการเรยี นรู้แบบแอคทีฟ เรื่อง บทประยกุ ต์สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว ระดับช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเฉลิมขวญั สตรี 2. ช่ือผนู้ ำเสนอผลงาน นางสาวยพุ ิน แป้นแอน้ ตำแหนง่ ครู วิทยฐานะ ชำนาญการพเิ ศษ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ โรงเรียนเฉลมิ ขวญั สตรี สำนักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษาเขต 39 3. ความสำคญั และความเป็นมา ในการจดั การศึกษากระทรวงศกึ ษาธิการไดก้ ำหนดพระราชบญั ญัตกิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แกไ้ ขเพิม่ เติม (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2545 หมวด 4 มาตราท่ี 22 กล่าวว่า การจัดการศึกษาตอ้ งยึดหลักว่าผูเ้ รยี น ทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองไดแ้ ละถอื ว่าผู้เรียนมคี วามสำคญั ที่สุด กระบวนการจดั การศึกษา ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพฒั นาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพและมาตราท่ี 24 (1) จัดเน้ือหาสาระ และกจิ กรรมใหส้ อดคล้องกับความสนใจและความถนดั ของผเู้ รยี น โดยคำนึงถงึ ความแตกต่างระหว่างบคุ คล (2) ฝกึ ทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชญิ สถานการณ์ และการประยกุ ต์ความรู้มาใช้เพื่อป้องกัน และแกไ้ ขปัญหาและ (3) จดั กิจกรรมให้ผ้เู รยี น ไดเ้ รยี นรู้จากประสบการณจ์ ริง ฝกึ การปฏบิ ตั ิ ให้ทำได้ คิดเป็น ทำเป็น รกั การอ่านและเกิดการใฝ่รูอ้ ย่างตอ่ เนื่อง ทง้ั นสี้ อดคล้องการส่งเสรมิ ให้ผเู้ รียนมีการพัฒนาศักยภาพ ดา้ นคณุ ธรรมจริยธรรม ความรู้ ทกั ษะทางปญั ญา ทักษะความสมั พันธ์ระหวา่ งบคุ คลและความรบั ผิดชอบ และ ทกั ษะการคดิ วเิ คราะหเ์ ชิงตัวเลข การสือ่ สารและการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ ซ่ึงคณุ ลักษณะดังกล่าวเป็น ความสามารถของผูเ้ รยี นทท่ี ำใหส้ ามารถเรียนรู้แบบนำตนเองและเรยี นรู้ได้ตลอดชีวติ Active Learning เป็นแนวคดิ ค่อนข้างใหม่ในการปฏิรูประบบการศึกษาแบบเดิมท่เี นน้ การถา่ ยทอด ความรจู้ ากผู้สอนสู่ผู้เรียนโดยตรง โดยอาศัยกระบวนการจดั การเรียนรู้ท่ผี เู้ รียนไดล้ งมือกระทำและไดใ้ ช้ กระบวนการคิดเก่ียวกับสง่ิ ทเ่ี ขาได้กระทำลงไป (Bonwell, 1991) นำวิธีการสอน เทคนิคการสอนท่ี หลากหลายมาใชอ้ อกแบบแผนการจดั การเรียนรู้และกิจกรรม กระต้นุ ให้ผ้เู รยี นมีส่วนรว่ มในช้นั เรียน สง่ เสริมปฏิสัมพันธร์ ะหว่างผเู้ รยี นกับผู้เรยี นและผู้เรียนกับผสู้ อน ActiveLearning จึงเป็นกระบวนการจดั การเรยี นรู้ตามแนวคดิ การสรา้ งสรรค์ทางปัญญา (Constructivism) ท่เี นน้ กระบวนการเรียนรู้มากกว่าเนือ้ หาวชิ า เพอ่ื ชว่ ยใหผ้ ู้เรยี นสามารถเชอ่ื มโยงความรู้ หรอื สรา้ งความรูใ้ ห้เกิดขึ้นในตนเอง ดว้ ยการลงมือปฏบิ ัตจิ รงิ ผ่านสอ่ื หรอื กิจกรรมการเรียนรู้ ที่มีครูผสู้ อนเป็น ผู้แนะนำ กระตุ้น หรอื อำนวยความสะดวก ใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนร้ขู น้ึ โดยกระบวนการคดิ ข้นั สูง กลา่ วคือ
3 ผู้เรยี นมีการวิเคราะห์ สงั เคราะห์ และการประเมนิ ค่าจากส่ิงทีไ่ ดร้ ับจากกจิ กรรมการเรียนรู้ ทำใหก้ ารเรียนรู้ เป็นไปอยา่ งมคี วามหมายและนำไปใช้ในสถานการณ์อืน่ ๆไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ (สถาพร พฤฑฒกิ ุล, 2558) ลักษณะของการจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning เปน็ ดงั นี้ (ไชยยศ เรืองสุวรรณ, 2553) 1. เป็นการเรียนการสอนทพ่ี ฒั นาศักยภาพทางสมอง ได้แก่ การคดิ การแกป้ ัญหา และการนำความรู้ ไปประยุกตใ์ ช้ 2. เปน็ การเรียนการสอนทเ่ี ปิดโอกาสให้ผู้เรียนมสี ว่ นรว่ มในกระบวนการเรยี นร้สู งู สดุ 3. ผเู้ รยี นสร้างองค์ความรู้และจัดกระบวนการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง 4. ผู้เรยี นมีส่วนร่วมในการเรยี นการสอนทัง้ ในดา้ นการสรา้ งองค์ความรู้ การสร้างปฏสิ ัมพันธ์รว่ มกนั ร่วมมอื กันมากกว่าการแข่งขัน 5. ผู้เรยี นเรียนรู้ความรบั ผดิ ชอบร่วมกัน การมวี ินยั ในการทํางาน และการแบ่งหนา้ ทค่ี วามรบั ผดิ ชอบ 6. เปน็ กระบวนการสร้างสถานการณ์ให้ผู้เรียนอ่าน พูด ฟงั คดิ อยา่ งลุม่ ลกึ ผเู้ รียนจะเป็นผู้จัดระบบ การเรียนรดู้ ้วยตนเอง 7. เป็นกจิ กรรมการเรียนการสอนทเ่ี นน้ ทกั ษะการคิดขั้นสูง 8. เป็นกิจกรรมทเ่ี ปิดโอกาสให้ผเู้ รยี นบรู ณาการข้อมูลข่าวสาร หรอื สารสนเทศ และหลกั การ ความคดิ รวบยอด 9. ผ้สู อนจะเปน็ ผอู้ ำนวยความสะดวกในการจัดการเรยี นรู้ เพ่ือให้ผู้เรยี นเปน็ ผู้ปฏิบัติดว้ ยตนเอง 10. ความรู้เกิดจากประสบการณ์ การสร้างองคค์ วามรู้ และการสรปุ ทบทวนของผูเ้ รียน บทบาทของอาจารย์ผู้สอนในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวทางของ Active Learning ดงั นี้ (ณชั นัน แก้วชยั เจรญิ กจิ , 2550) จัดให้ผูเ้ รยี นเป็นศูนยก์ ลางของการเรยี นการสอน กิจกรรม ต้องสะทอ้ นความต้องการในการพฒั นาผู้เรียนและเน้นการนำไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ิตจรงิ ของผเู้ รยี น 1. สรา้ งบรรยากาศของการมีส่วนรว่ ม และการเจรจาโต้ตอบที่ส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรยี นมปี ฏสิ มั พนั ธ์ทดี่ ี กับผูส้ อนและเพือ่ นในชัน้ เรยี น 2. จัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้เปน็ พลวัต ส่งเสรมิ ใหผ้ ้เู รียนมีส่วนร่วมในทุกกิจกรรมรวมทงั้ กระตนุ้ ให้ผู้เรยี นประสบความสำเร็จในการเรยี นรู้ 3. จดั สภาพการเรียนรแู้ บบรว่ มมอื ส่งเสริมให้เกดิ การรว่ มมอื ในกลุ่มผู้เรยี น
4 4. จัดกจิ กรรมการเรียนการสอนให้ทา้ ทาย และให้โอกาสผเู้ รียนไดร้ บั วิธกี ารสอนทห่ี ลากหลาย 5. วางแผนเก่ยี วกับเวลาในจดั การเรยี นการสอนอย่างชัดเจน ท้งั ในสว่ นของเนอื้ หา และกจิ กรรม 6. ครูผ้สู อนต้องใจกวา้ ง ยอมรับในความสามารถในการแสดงออก และความคดิ เของที่ผู้เรียน จากประสบการณ์ในการสอนคณิตศาสตร์ ครูมกั ใชร้ ูปแบบการสอนในการบรรยาย อธิบายยกตวั อยา่ ง และสาธิตวธิ ีการหาคำตอบ และนกั เรยี นส่วนใหญ่กไ็ มช่ อบเรียนวชิ าคณติ ศาสตร์ และพบวา่ ในบางครั้งนกั เรยี น เกดิ อาการง่วงนอนในขณะเรียน พบปญั หาในการสอนวิชาดงั นนั้ AL จึงถือเปน็ การจดั การเรยี นการสอน ประเภทหนง่ึ ท่ีสง่ เสริมให้ผู้เรียนมีคณุ ลกั ษณะสอดคลอ้ งกบั การเปล่ยี นแปลงในยุคปจั จุบัน ดงั นั้น ผสู้ อนจึงจำเป็นตอ้ งปรบั เปล่ยี นวธิ ีการจดั การเรยี นการสอนให้สอดคลอ้ งกับการเปลยี่ นแปลง ของสงั คม เทคโนโลยี จากผู้สอนคอื ผ้ถู า่ ยทอด ปรับเปล่ียนบทบาทเปน็ ผชู้ ี้แนะวิธีการค้นคว้าหาความรู้เพื่อ พฒั นาผ้เู รียนใหส้ ามารถแสวงหาความร้แู ละประยุกตใ์ ช้ทักษะตา่ งๆ สรา้ งความเข้าใจด้วยตนเอง จนเกดิ เป็น การเรียนรูอ้ ย่างมีความหมาย โดยใช้เทคนคิ การจัดการเรียนร้แู บบ Active Learning การเรยี นรูแ้ บบรว่ มมอื (Collaborative learning group) ในวชิ าคณิตศาสตร์ 4 เร่อื งบทประยุกต์สมการเชงิ เส้นตัวแปรเดียว เพ่อื พฒั นาผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นของนกั เรยี นซึ่งจะสง่ ผลให้ผู้เรยี นสามารถสรา้ งองคค์ วามรู้ดว้ ยตนเองซึง่ จะ นำไปส่กู ารเรียนรตู้ ลอดชีวติ สอดคลอ้ งกับจดุ ม่งุ หมายและหลักการจัด การเรียนรูต้ ามพระราชบัญญตั ิ การศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 และตามนโยบายของการจดั การเรียนรูใ้ นศตวรรษท่ี 21 เพ่อื การพฒั นา มนษุ ยท์ ีย่ ั่งยนื ต่อไป 4. วัตถปุ ระสงค์ 1. เพือ่ ศึกษาผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนของนกั เรียนทีเ่ รียนโดยใช้เทคนิคการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning การเรยี นรูแ้ บบร่วมมอื (Collaborative learning group) กบั เกณฑ์ร้อยละ 80 2.เพอ่ื ศึกษาความพงึ พอใจของนักเรียนช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 2 ทม่ี ตี อ่ การเรียนโดยใช้เรียนโดยใช้ เทคนิคการจัดการเรยี นรแู้ บบ Active Learning การเรียนรู้แบบรว่ มมอื (Collaborative learning group) 5. แนวคดิ หลักการ กรอบแนวคิดในการจัดกิจกรรมการเรียนรูแ้ บบแอคทีฟ เรอ่ื ง บทประยุกต์สมการเชิงเส้นตวั แปรเดียว ระดับชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 2
5 - แนวคดิ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้แบบแอคทีฟ - ผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน แบบ Active Learning เร่ือง บทประยกุ ตส์ มการเชิงเส้นตัว - ความพงึ พอใจของนักเรยี น แปรเดียว ระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษา ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 2 ท่มี ตี อ่ ปีท่ี 2 โดยใช้เทคนิคการเรยี นแบบ การเรยี นรแู้ บบแอคทีฟ ร่วมมอื - แนวคิดการการเรยี นรูแ้ บบ รว่ มมือ - แนวคดิ การจดั การเรียนรู้ ทเ่ี นน้ ผู้เรยี นเป็นสำคัญ 6. วธิ ดี ำเนนิ การ 6.1 ประชากร ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ไดแ้ ก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 โรงเรียนเฉลมิ ขวัญสตรี ภาคเรยี นที่ 2 ในปกี ารศึกษา 2560 จำนวน 509 คน 6.2 กลุ่มตวั อย่าง ได้แก่ นกั เรียนชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 โรงเรียนเฉลมิ ขวัญสตรี ภาคเรียนที่ 2 ในปกี ารศึกษา 2560 จำนวน 35 คน 6.3 นวตั กรรมและขั้นตอนการพัฒนานวตั กรรม
6 (Plan) แผนภาพ แสดงการออกแบบผลงาน/นวตั กรรม (Do) การเรียนร้แู บบแอคทฟี เรอื่ ง บทประยุกตส์ มการเชิงเส้นตวั แปรเดยี ว ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 2 ศึกษา/วเิ คราะห์หลกั สูตร/แนวคิดทฤษฎีทเ่ี ก่ยี วข้อง ดำเนนิ งำน จดั ทำแผนการจัดการเรียนรู้ จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ แบบแอคทีฟ ทำแบบทดสอบ (Check) ตรวจผลงาน บกพร่ อง ปรบั ปรงุ /แก้ไข แกไ้ ข ไม่พบข้อบกพร่ อง (Action) สรุปรายงานผล/เผยแพร่ 6.4 ประสทิ ธิภาพของการดำเนนิ งาน (1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรือ่ ง บทประยกุ ตส์ มการเชงิ เสน้ ตวั แปรเดยี ว สงู กว่าเกณฑท์ ีก่ ำหนด (2) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้แบบแอคทีฟ เรื่อง บทประยุกต์สมการเชิงเส้น ตัวแปรเดียว ระดบั ดมี าก 6.5 การใช้ทรัพยากร
7 (1) การจดั การเรยี นรแู้ บบแอคทีฟ สามารถใชจ้ ัดกิจกรรมได้กบั เนอ้ื หาในวิชาคณิตศาสตร์ ได้ทุกหน่วย 7. ผลการดำเนินการ/ผลสัมฤทธ/์ิ ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับ 7.1 ผลทเี่ กิดตามวัตถุประสงค์ 1.การทดสอบหลงั เรยี นของนกั เรยี นมคี ะแนนเฉล่ยี เท่ากับ 23.78 คะแนน คดิ เป็นร้อยละ 95.12 และเมือ่ เปรียบเทยี บระหวา่ งเกณฑ์กบั คะแนนของนกั เรยี น หลงั เรยี น พบว่า คะแนนสอบของผู้เรียน หลงั เรยี นสงู กว่าเกณฑอ์ ยา่ งมนี ัยสำคัญทางสถิตทิ ี่ระดบั .05 2.ผลการศกึ ษาความพึงพอใจของนักเรยี นท่ีมตี ่อการเรียนมตี ่อการเรยี นโดยใช้เรียนโดยใช้เทคนิค การจัดการเรียนรูแ้ บบ Active Learning การเรียนรแู้ บบรว่ มมือ (Collaborative learning group) พบวา่ นกั เรยี นมีความพงึ พอใจอยใู่ นระดบั มากทีส่ ุด ( = 4.28) 7.2 ผลสมั ฤทธข์ิ องงานท่ีเกิดกบั ผู้เรยี น (1) นักเรยี นทกุ คนไดเ้ รยี นรใู้ นรปู แบบใหม่ ไดล้ งมอื ปฏิบตั ิเอง (2) นักเรยี นทกุ คนไดร้ บั การพฒั นาดา้ นทักษะการคดิ และสามารถสร้างและสรุปองค์ความรู้ได้ดว้ ยตนเอง 7.3 ประโยชนท์ ีไ่ ด้รบั (1) นกั เรยี นนำองคค์ วามรูแ้ ละทักษะการคิดไปใช้ เชื่อมโยง และเปน็ พนื้ ฐานการในคดิ ในการทำรายวชิ าอน่ื ๆ (2) ครูผสู้ อนไดพ้ ัฒนาตนเองและทักษะในการถ่ายทอดให้กบั นกั เรียนอยา่ งต่อเนอ่ื ง 7.4 การเผยแพร่ (1) เผยแพร่ใหแ้ ก่ครูผสู้ อนในระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 และคณะครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้ คณติ ศาสตร์ (2) เผยแพร่ให้แก่คณะครูที่มาศึกษาดงู าน ณ โรงเรยี นเฉลมิ ขวญั สตรี (3) เผยแพร่ทางเว็บไซตข์ องโรงเรยี น https://sites.google.com/a/chs.ac.th/yuphin/ 8. ปัจจยั ท่สี ่งผลใหง้ านสำเรจ็ ปัจจัยท่ีสง่ ผลใหง้ านสำเรจ็ เกิดขึ้นจากผู้มีสว่ นเกย่ี วขอ้ งตัง้ แต่ 8.1 นักเรียนมคี วามพร้อมและให้ความสำคญั ต่อการเรยี นมีความมุ่งมน่ั สูค่ วามสำเร็จ 8.3 ครูผู้สอนมีความรับผดิ ชอบ เสยี สละ และสรา้ งสรรคน์ วตั กรรมเพ่ือพัฒนาผเู้ รยี นอยา่ งสมำ่ เสมอ 8.4 ผู้บรหิ ารโรงเรยี น อำนวยความสะดวกในการจดั หางบประมาณ ในการพัฒนาส่อื และ ด้านอาคารสถานท่ใี นการจัดกิจกรรม (หอ้ งเรียน / ห้องคอมพิวเตอร)์
8 ตารางท่ี 1 ค่าเฉลีย่ สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน ค่าสถิตทิ ดสอบที และระดับนัยสำคญั ทางสถติ ิ ในการทดสอบ เปรยี บเทียบกับเกณฑร์ อ้ ยละ 80 กบั คะแนนสองหลังเรยี นของนกั เรยี น N คะแนน Mean S.D. % of Mean t Sig. เตม็ (1-tailed) หลงั เรยี น 35 25 23.78 1.544 95.10 15.46 *000 จากตารางพบวา่ การทดสอบหลงั เรียนของนกั เรยี นมคี ะแนนเฉลยี่ เท่ากบั 23.78 คะแนน คิดเปน็ ร้อยละ 95.10 และเมอื่ เปรยี บเทียบระหวา่ งเกณฑ์กบั คะแนนสอบของนกั เรยี น หลงั เรียน พบว่า คะแนนสอบของนักเรยี นหลังเรยี นสูงกว่าเกณฑอ์ ย่างมีนยั สำคัญทางสถติ ิที่ระดบั .05
9 ผลการสำรวจความคิดเหน็ ท่ีมีตอ่ การเรียนรู้แบบแอคทฟี เรอื่ ง บทประยกุ ต์สมการเชงิ เสน้ ตวั แปรเดียว ระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2 โรงเรียนเฉลมิ ขวญั สตรี ส่วน ข้อที่ รายการประเมนิ คา่ เฉลี่ย เบี่ยงเบน มาตรฐาน 1 นักเรียนใชป้ ระสบการณเ์ ดิมมาเชอ่ื มโยงกบั การเรยี นมากข้นึ 4.12 0.74 2 นักเรยี นใช้ประสบการณ์เดมิ มาเชื่อมโยงกับการเรยี นมากขน้ึ 4.27 0.63 3 นักเรยี นได้ทำกจิ กรรมแลกเปลี่ยนเรยี นรู้จากกลมุ่ 4.39 0.66 4 นกั เรยี นไดฝ้ ึกการคดิ อย่างหลากหลาย 4.39 0.61 5 นักเรยี นไดฝ้ ึกการสร้างสรรค์ความรดู้ ว้ ยตนเอง 4.27 0.67 6 นกั เรียนไดร้ บั ขอ้ มูลความรู้อยา่ งเป็นระบบและเพยี งพอ 4.15 0.67 7 นกั เรยี นมโี อกาสคดิ วางแผนนำความรู้ใช้ประโยชน์ 4.36 0.70 8 นักเรียนเต็มใจร่วมกิจกรรมในชันเรยี นทุกคร้งั 4.36 0.65 นกั เรียนมีโอกาสทำกิจกรรมตามความสามารถอย่างมี 9 ความสขุ 4.30 0.77 นกั เรียนมโี อกาสฝึกตนเองใหม้ ีวินัยและรบั ผิดชอบ 10 ในการทำงาน 4.36 0.60 11 นกั เรียนทำงานทกุ คร้ังทีไ่ ด้รับมอบหมาย 4.33 0.65 12 นักเรยี นมีโอกาสแสดงความคิดเหน็ ซักถามในห้องเรยี น 3.85 0.80 13 นกั เรียนมโี อกาสเรียนรรู้ ว่ มกบั เพอื่ นในช้ันเรยี น 4.33 0.69 14 นักเรยี นมโี อกาสลงมอื ทำคิดในระหวา่ งการเรียน 4.42 0.61 รวม 4.28 0.74 ความคดิ เห็นเพ่มิ เตมิ
10 1.ควรให้ฝกึ ความคดิ สร้างสรรค์ ขอให้มกี ิจกรรมดๆี เเบบนีอ้ กี นะคะ สนุกดี 2. เปน็ การสอนที่ทำให้เด็กมีความคดิ สร้างสรรค์ และทำใหเ้ กิดความสนกุ สนานในการทำงานเปน็ กลมุ่ ทำใหเ้ รามีความกลา้ แสดงออกในความคิดของตนเองเพิ่มขน้ึ 3.ไดท้ ำงานร่วมกบั ผ้อู ่นื โดยได้เรยี นร้กู ารวางแผนในการทำงานอยา่ งเป็นระบบค่ะ 4.อยากให้ทำกิจกรรมเยอะๆค่ะ บางทีมันง่วงไปหน่อย ส่วนการสอนในสไลด์ถือวา่ ดีมากคะ่ เพราะวา่ บรรณานุกรรม ไชยยศ เรืองสุวรรณ. Active Learning. สืบคน้ จาก http://www.drchaiyot.com เมื่อ 25 กรกฎาคม 2552. ณชั นนั แกว้ ชยั เจริญกิจ. บทบาทของครูผ้สู อนในการจัดกจิ กรรมและวธิ กี ารปฏบิ ัติตามแนวทางของ Active สถาพร พฤฑฒิกุล. เอกสารประกอบการฝกึ อบรม “คุณภาพผูเ้ รียน.......เกิดจากกระบวนการเรียนรู้” (3 ธันวาคม 2558) คณะเทคโนโลยกี ารเกษตร มหาวทิ ยาลัยบูรพา วทิ ยาเขตสระแกว้ Learning. สืบคน้ จาก http://www.itie.org เม่อื 25 กรกฎาคม 2552. C.C. Bonwell, J.A. Eison, “Active Learning: Creating Excitement in the Classroom.” ERIC Digest.Washington D.C.: ERIC Clearinghouse on Higher Education, 1991. R.E. Mayer, “Should There Be a Three-Strikes Rule Against Pure Discovery Learning? The Case forGuided Methods of Instruction.” Americal Psychologist, Vol.59 No.1, January 2004: pp.14-19.
11 ภาพประกอบการเรยี นรู้แบบแอคทีฟ เรื่อง บทประยุกตส์ มการเชิงเส้นตวั แปรเดี่ยว ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 โรงเรียนเฉลิมขวญั สตรี นกั เรยี นร่วมระดมความคดิ เพ่ือแกป้ ญั หาโจทยป์ ัญหา สมการเชงิ เสน้ ตัวแปรเดยี ว
12 ภาพประกอบการเรยี นรู้แบบแอคทีฟ เรอื่ ง บทประยุกตส์ มการเชิงเส้นตวั แปรเด่ยี ว ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 โรงเรยี นเฉลมิ ขวญั สตรี นักเรียนร่วมระดมความคดิ เพอื่ แกป้ ัญหาโจทยป์ ัญหา สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว
13 ภาพประกอบการเรยี นรู้แบบแอคทีฟ เร่อื ง บทประยกุ ต์สมการเชิงเส้นตัวแปรเดย่ี ว ระดับช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรยี นเฉลิมขวญั สตรี นกั เรียนร่วมแต่ละกล่มุ แลกเปลี่ยนเรียนรรู้ ่วมกนั และประเมินผลงานของกลุ่มอ่ืนๆ ท่ีไม่ใช้ผลงานตนเอง
14 ผลการทำกจิ กรรม เรอื่ ง บทประยุกตส์ มการเชิงเสน้ ตวั แปรเด่ียว ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 โรงเรยี นเฉลิมขวัญสตรี
15 ผลการทำกจิ กรรม เรอื่ ง บทประยุกตส์ มการเชิงเสน้ ตวั แปรเด่ียว ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 โรงเรยี นเฉลิมขวัญสตรี
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: