คำนำ กำรจดั กำรเรียนร้ใู นศตวรรษที่ 21 ต้องพัฒนำผูเ้ รียนใหม้ ีทักษะแหง่ อนำคต เป็นทักษะท่ีจำเปน็ ต้องใช้ ในกำรดำเนนิ ชวี ติ เพ่ือเตรยี มควำมผู้เรยี นให้ใชช้ ีวิตในโลกทเ่ี ป็นจริง เน้นกำรศึกษำตลอดชีวติ ให้ผู้เรยี นรูจ้ ัก กำรแสวงหำควำมรดู้ ว้ ยตนเอง กำรนำทฤษฎีกำรเรยี นรทู้ ี่ได้รบั ไปสู่กำรปฏบิ ัติ สิง่ สำคัญคือผู้เรยี นจะต้องเกิด กระบวนกำรกำรเรียนรู้ ซงึ่ ถือเปน็ จุดสำคญั กำรสอนภำษำเพ่ือกำรสื่อสำร (Communicative Language Teaching) เปน็ กำรสอนภำษำ ทีเ่ นน้ หนำ้ ท่ี ของภำษำและกำรส่ือควำมหมำย กล่ำวคอื ผู้เรียนสำมำรถใชภ้ ำษำทสี่ องในกำรสอื่ สำรได้ ซึง่ อำจจะใชภ้ ำษำได้ ไมถ่ ูกต้องตำมหลักไวยำกรณ์ แต่สำมำรถสื่อควำมได้ และเหมำะสมกับสถำนกำรณ์ โดยกำรสอนภำษำชนดิ นม้ี ี เป้ำหมำยเพื่อใหผ้ เู้ รยี นสำมำรถนำทกั ษะทำงภำษำมำใช้เพื่อกำรสอื่ สำรได้ หวังเป็นอย่ำงย่ิงว่ำ เอกสำรฉบบั น้ีจะเปน็ ประโยชนต์ อ่ ผู้ที่ต้องกำรศกึ ษำรปู แบบกำรจัดกำรเรยี นรใู้ หม่ เพอื่ พฒั นำผู้เรียนต่อไป อรวรรณ พุดมอญ
แผนผงั มโนทศั น์เปา้ หมายการเรยี นรู/้ หลกั ฐานการเรียนรู้ ความรู้ (Knowledge : K) ทกั ษะ/กระบวนการ (Process : P) คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 1) ทักษะกำรฟัง (Listening skill) 1. ซ่อื สัตย์สุจรติ 1) กลมุ่ คำ ประโยค และควำมหมำย 2) ทักษะกำรพูด (Speaking skill) 2. มวี ินัย 3) ทกั ษะกำรอ่ำน (Reading skill) 3. ใฝ่เรียนรู้ เก่ียวกับตนเอง และโรงเรยี น 4) ทกั ษะกำรเขยี น (Writing skill) 4. มุ่งมนั่ ในกำรทำงำน 2) ประโยค บทสนทนำ และเนอื้ เร่ือง 5. มจี ติ สำธำรณะ สน้ั ๆ ท่ีมภี ำพประกอบ กระบวนการกลุ่ม 3) คำศัพท์ และประโยคเกย่ี วกับวิชำที่ 1) จบั ค่สู นทนำ เรียน เชน่ 2 ) ระดมสมอง 3) ฝึกกิจกรรมกลมุ่ ตำม A: What have you got แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ on Wednesday morning? B: I’ve got I.T. 4) คำศัพทแ์ ละประโยคท่ีถำมเก่ยี วกบั วิธีกำรเดินทำงไปยังสถำนทต่ี ่ำง ๆ เชน่ A: How do you go to school? B: I always walk to school. 5) ประโยค Present Simple Tense เป้าหมายการเรยี น At school หลักฐานการเรียนรู้ 1. กำรพูดถำม-ตอบเกยี่ วกับวิชำท่เี รียน 2. กำรเขียนอเี มลถึงเพอื่ นเกี่ยวกบั โรงเรยี นของตน 3. กำรพูดถำม-ตอบเกย่ี วกบั วิธกี ำรเดนิ ทำงไปยังสถำนทต่ี ่ำง ๆ 4. กำรใชค้ ำกริยำวเิ ศษณบ์ อกควำมถป่ี ระกอบประโยค 5. กำรอ่ำนออกเสียงอเี มลตำมทกี่ ำหนด 6. กำรทำกรำฟแท่งเพ่ือแสดงขอ้ มลู ทกี่ ำหนด 7. กำรรวบรวมคำศพั ท์ใน Your word book
แผนผังมโนทศั น์ข้ันตอนการทากจิ กรรมประกอบการจดั การเรียนรูแ้ บบ CLT ศกึ ษามาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ช้ีวัด และจุดประสงค์การเรียนรู้ ทาแบบทดสอบก่อนเรยี น ทากิจกรรมโดยใช้กระบวนการจดั การเรียนร้แู นวการสอนภาษาองั กฤษเพ่ือการส่ือสาร Communicative Language Teaching : CLT Warm up Presentation Practice Production Wrap up ทดสอบหลังเรียน (ผา่ นเกณฑร์ อ้ ยละ 60)
ผงั มโนทัศน์ หนว่ ยกา แผนที่ 1 What can you see? หนว่ ,ยก จานวน 3 ชว่ั โมง At แผนท่ี 2 We like English the most. จานวน จานวน 3 ชว่ั โมง ภาษาไทย การเรียนร 1.สรุปใจควำมสำคญั ของเร่ืองทอ่ี ่ำน 2.กำรเขยี น E-mail • กำรเรียนรู้ส่งิ ข
ารเรียนรทู้ ่ี 1 At school การเรียนรทู้ ี่ 1 แผนท่ี 3 E-mail t school จานวน 3 ชัว่ โมง น 12 ชวั่ โมง แผนท่ี 4 “What is it?” จานวน 3 ช่วั โมง รแู้ บบบูรณาการ ศิลปะ : ทัศนศิลป์ • วำดภำพและระบำยสี การงานอาชพี ของต่ำงๆ
แผนบรู ณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ครู ความพอประมาณ ความมเี หตผุ ล การมีภมู คิ มุ้ กนั ในตวั ทีด่ ี 1. ออกแบบกำรจัดกิจกรรม ตรงตำม 1. ออกแบบกำรเรียนรสู้ ง่ เสรมิ กระบวนกำรคิด 1. ศึกษำแนวทำงกำรจัดกำรเรียนร้ลู ่วงหนำ้ ตวั ช้วี ัด 2. ใช้เทคนิคกำรจัดกำรเรยี นรูท้ ่หี ลำกหลำย 2. จดั เตรยี มกำรวดั ผลประเมนิ ผล และแบบ 2. เลือกส่ือ แหล่งเรียนรเู้ หมำะสม สังเกตพฤตกิ รมนักเรยี น 3. วัดผลประเมินผลตรงตำมเนื้อหำ เงอ่ื นไขความรู้ เงอื่ นไขคณุ ธรรม 1. รูจ้ กั เทคนคิ กำรสอนทีส่ ่งเสรมิ กระบวนกำรคดิ และนักเรียน 1. มีควำมขยนั เสยี สละ และมุ่งมน่ั ในกำรจัดหำส่อื มำพัฒนำนกั เรียน สำมำรถเรียนรู้ไดอ้ ย่ำงมีควำมสขุ ใหบ้ รรลตุ ำมจดุ ประสงค์ 2. มีควำมอดทนเพ่ือพฒั นำนักเรียนโดยใชเ้ ทคนคิ กำรสอนท่ี หลำกหลำย นกั เรียน ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล การมีภมู ิคมุ้ กนั ในตัวที่ดี 1. กำรใช้เวลำในกำรทำกจิ กรรม/ภำระงำน 1. ฝกึ กระบวนกำรทำงำนเปน็ กลมุ่ 1. วำงแผนกำรศึกษำใบงำน/ใบกจิ กรรม ไดอ้ ยำ่ งเหมำะสม ทันเวลำ 2. ฝกึ กระบวนกำรสงั เกต อธบิ ำย ทักษะกำร 2. นำควำมรเู้ รอื่ ง ลักษณะของสงิ่ ของต่ำงๆ 2. เลือกสมำชิกกลมุ่ ไดเ้ หมำะสมกบั เนอ้ื หำที่ สบื ค้นหำควำมรู้ ขอ้ มลู ตำ่ งๆ ไปประยกุ ต์ใช้ในชวี ติ ประจำวนั ได้ เรยี นและศักยภำพของตน เงอื่ นไขความรู้ เงื่อนไขคณุ ธรรม 1. มีควำมรเู้ รื่อง ลักษณะของอำชพี ตำ่ งๆ ตลอดจนสำมำรถสรำ้ งจดั ทำ 1. มคี วำมรับผิดชอบ และปฏิบัตติ ำมขอ้ ตกลงของกลมุ่ ชน้ิ งำน ผลงำนและใบงำนไดต้ ำมวัตถุประสงค์ 2. มีสติ มสี มำธิชว่ ยเหลอื กนั ในกำรทำงำนร่วมกนั สง่ ผลต่อการพัฒนา 4 มติ ิให้ยัง่ ยืนยอมรบั ตอ่ การเปล่ยี นแปลงในยุคโลกาภวิ ัฒน์ วัตถุ สังคม ส่งิ แวดล้อม วัฒนธรรม ความรู้ (K) มีควำมรคู้ วำมเข้ำใจลักษณะของอำชพี มคี วำมรแู้ ละเข้ำใจ มีควำมร้แู ละเข้ำใจ มคี วำมร้แู ละเข้ำใจกำร ตำ่ งๆ กระบวนกำรทำงำน เกีย่ วกับ ลักษณะ ช่วยเหลอื แบง่ ปัน กล่มุ ส่งิ ของต่ำงๆ ทักษะ (P) สำมำรถสรำ้ งช้นิ งำน ผลงำน ใบงำน ทำงำนได้สำเรจ็ ตำม ใช้แหล่งเรียนรโู้ ดยไม่ ช่วยเหลือ แบ่งปนั ซ่ึง แบบทดสอบเรอ่ื งลกั ษณะของอำชีพต่ำงๆ เปำ้ หมำย ดว้ ย ทำลำยสิ่งแวดล้อม กัน และกัน ไดต้ รงตำมวตั ถปุ ระสงค์ กระบวนกำรกลมุ่ คา่ นิยม (A) เห็นประโยชนข์ องเรยี นรู้ เก่ียวกับ เหน็ คณุ คำ่ และ เหน็ คณุ คำ่ ของกำรใช้ ปลกู ฝงั นิสยั กำร ลักษณะสิ่งของตำ่ งๆ ภำคภูมิใจในกำร แหล่งเรยี นร้โู ดยไม่ ช่วยเหลอื แบ่งปนั ทำงำนรว่ มกันได้ ทำลำยสิ่งแวดลอ้ ม สำเรจ็
โครงสรา้ งหนว่ ยการเรยี นรู้ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 6 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เวลา 12 ช่ัวโมง กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาต่างประเทศ วชิ าภาษาอังกฤษ เร่อื ง What can you see? แผนการจัดการเรยี นรู้ ภาระงาน/ช้ินงาน เวลาเรยี น (ช่ัวโมง) 1 What can you see? 1. กำรพูดถำม-ตอบเกี่ยวกบั วิชำท่เี รียน 2. We like English the most. 3 1. กำรพดู ถำม-ตอบเก่ยี วกบั วธิ ีกำรเดนิ ทำงไปยัง 3 3. E-mail สถำนที่ต่ำง ๆ 4. “What is it?” 2. กำรใชค้ ำกรยิ ำวเิ ศษณ์บอกควำมถ่ีประกอบประโยค 3 1. กำรเขียนอีเมลถึงเพอื่ นเกี่ยวกับโรงเรยี นของตน 2. กำรอำ่ นออกเสียงอีเมลตำมทก่ี ำหนด 3 1. กำรทำกรำฟแท่งเพื่อแสดงขอ้ มูลทกี่ ำหนด 2. กำรรวบรวมคำศัพทใ์ น Your word book 12 รวมเวลำเรยี น
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ วิชาภาษาอังกฤษ เวลา 12 ชวั่ โมง เรื่อง At school 1.มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชี้วดั มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรือ่ งทีฟ่ ังและอา่ นจากสือ่ ประเภทตา่ งๆ และแสดงความ คิดเหน็ อย่างมีเหตุผล ตวั ชว้ี ัด 2. อำ่ นออกเสยี งประโยค ข้อควำม และบทกลอนสั้นๆ ถกู ต้องตำมหลักกำรอ่ำน ตัวชว้ี ดั 3. ระบุ/วำดภำพ สัญลกั ษณ์ หรือเครื่องหมำยตรงตำมควำมหมำยของประโยค และ ข้อควำมส้ันๆ ทฟี่ ังหรอื อำ่ น ตัวชี้วัด 4. บอกใจควำมสำคัญ และตอบคำถำมจำกกำรฟังและอ่ำนบทสนทนำ และนทิ ำนง่ำยๆ หรือเร่ืองสั้นๆ มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการสือ่ สารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สกึ และ ความคิดเห็นอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ตัวชว้ี ัด 4. พูด/เขียนเพื่อขอและใหข้ ้อมลู เกย่ี วกบั ตนเอง เพ่อื น ครอบครัว และเร่ืองใกล้ตัว ตวั ช้วี ดั 5. พดู /เขยี นแสดงควำมรู้สกึ ของตนเองเกี่ยวกับเร่ืองต่ำงๆ ใกลต้ วั และกจิ กรรมต่ำงๆ พร้อมท้งั ให้เหตผุ ลสนั้ ๆ ประกอบ มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอขอ้ มลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเร่ืองต่างๆ โดยการพดู และการเขียน ตวั ช้วี ัด 1. พดู /เขยี นใหข้ อ้ มูลเกีย่ วกับตนเองและเร่อื งใกลต้ ัว ตวั ช้วี ดั 2. เขียนภาพ แผนผงั และแผนภูมแิ สดงข้อมูลตา่ งๆ ตามที่ฟงั หรืออา่ น ตัวชี้วดั 3. พดู แสดงความคิดเห็นง่ายๆ เก่ยี วกบั เรื่องตา่ งๆ ใกล้ตัว มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งภาษากับวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา และนาไปใชไ้ ด้อย่าง เหมาะสมกับกาลเทศะ ตวั ช้วี ัด 3. เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางภาษาและวัฒนธรรมตามความสนใจ 2. สาระสาคัญ กำรเรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับวิชำท่ีเรียน วิธีกำรเดินทำงไปโรงเรียน กำรใช้ Present Simple Tense และกำรออกเสียงประโยคคำถำมให้ถูกต้อง ซ่ึงจะต้องลงเสียงต่ำ จะทำให้ผู้เรียนสำมำรถ พูดและเขียนเก่ียวกับวิชำท่ีเรยี น และวิธีกำรเดินทำงไปโรงเรยี นได้ โดยจะเป็นพ้ืนฐำนควำมรู้เก่ียวกับกำรใช้ ภำษำอังกฤษเพ่อื กำรส่อื สำรในชวี ิตประจำวัน
3. สาระการเรยี นรู้ 1) ควำมรู้ (Knowledge : K) 1) กล่มุ คำ ประโยค และควำมหมำยเกยี่ วกบั ตนเอง และโรงเรยี น 2) ประโยค บทสนทนำ และเนื้อเร่ืองสั้นๆ ทีม่ ภี ำพประกอบ 3) คำศัพท์ และประโยคเกยี่ วกบั วิชำทเ่ี รยี น เช่น A: What have you got on Wednesday morning? B: I’ve got I.T. 4) คำศัพทแ์ ละประโยคทีถ่ ำมเก่ียวกับวธิ ีกำรเดินทำงไปยังสถำนท่ีตำ่ ง ๆ เชน่ A: How do you go to school? B: I always walk to school. 5) ประโยค Present Simple Tense 2) ทักษะ/กระบวนกำร (Process : P) 1) ทกั ษะกำรฟงั (Listening skill) - คำศัพท์ ประโยค 2) ทักษะกำรพดู (Speaking skill) - คำศัพท์ ประโยค 3) ทกั ษะกำรอ่ำน (Reading skill) - คำศัพท์ ประโยค 4) ทกั ษะกำรเขยี น (Writing skill) - คำศัพท์ ประโยค 5) กระบวนกำรกลุ่ม -จบั คสู่ นทนำ -ระดมสมอง -ฝกึ กจิ กรรมกลมุ่ ตำมแผนกำรจัดกำรเรียนรู้ 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการคิด - ทักษะกำรคดิ อย่ำงสร้ำงสรรค์ - ทกั ษะกำรคิดอย่ำงมีวจิ ำรณญำณ 4.2 ความสามารถในการส่ือสาร - กระบวนกำรปฏบิ ัติ (ฟงั พูด อ่ำน เขยี น) - กระบวนกำรทำงำนกลมุ่
5. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ - ซือ่ สตั ยส์ จุ รติ - ใฝเ่ รียนรู้ - มุง่ มั่นในกำรทำงำน 6. ช้นิ งาน/ภาระงาน 1. กำรพดู ถำม-ตอบเกีย่ วกับวิชำที่เรียน 2. กำรเขยี นอเี มลถึงเพื่อนเก่ียวกับโรงเรยี นของตน 3. กำรพูดถำม-ตอบเก่ียวกบั วธิ ีกำรเดินทำงไปยังสถำนทต่ี ่ำง ๆ 4. กำรใช้คำกรยิ ำวเิ ศษณบ์ อกควำมถ่ีประกอบประโยค 5. กำรอำ่ นออกเสยี งอเี มลตำมทกี่ ำหนด 6. กำรทำกรำฟแทง่ เพ่ือแสดงขอ้ มลู ทกี่ ำหนด 7. กำรรวบรวมคำศพั ทใ์ น Your word book 7. การวดั และประเมินผล วิธกี าร เครอ่ื งมอื เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบกอ่ น/หลัง เรียน แบบทดสอบกอ่ น/หลงั เรียน รอ้ ยละ 60 ตรวจใบงำน ใบงำน ร้อยละ 60 ชิ้นงำน แบบประเมินชิน้ งำน ระดบั คุณภำพ 2 สงั เกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนรำยบคุ คล แบบประเมินทกั ษะทำงภำษำ รำยบคุ คลกำร ระดับคุณภำพ 2 สังเกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรมกำรทำงำนกลมุ่ ระดบั คุณภำพ 2 สังเกตควำมมีวนิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ และมงุ่ ม่นั แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ระดบั คุณภำพ 2 ในกำรทำงำน ระดบั คุณภำพ ระดับ แปลผล คะแนน ร้อยละ ระดับ 4 ดีเยย่ี ม 9 - 10 80 - 100 ระดับ 3 7-8 70 – 79 ระดบั 2 ดี 5-6 60 - 69 ระดับ 1 พอใช้ 1-4 0 - 59 ปรบั ปรงุ เกณฑ์กำรตัดสิน
นกั เรียนได้คะแนนระดบั พอใช้ ขนึ้ ไป ถอื ว่ำผำ่ นเกณฑ์ 8. กิจกรรมการเรียนรู้ กิจกรรมที่ 1 What can you see? (ชั่วโมงท่ี 1-3) 1.ทำแบบทดสอบก่อนเรียน 2.ครูทกั ทำยนักเรียนในช้ัน และใหน้ ักเรียนทักทำยตอบครู เสร็จแลว้ ครถู ำมทกุ ข์สขุ ของนักเรยี น 3.ครูใหเ้ วลำนักเรียนดูข้อควำมที่จะใหเ้ ตมิ คำเป็นเวลำ 3 นำที กอ่ นฟัง Track ให้นกั เรียนเดำว่ำ ควรจะเตมิ อะไรลงในชอ่ งวำ่ ง กจิ กรรมที่ 2 We like English the most (ชั่วโมงท่ี 4-6) 1.นักเรียนสำรวจดูคำถำมและคำตอบใน หนังสือเรียน หน้า 6 ข้อ 3 Listen, read and match the questions with the answers. เพ่ือเตรยี มควำมพร้อมก่อนฟัง Track4 โดยครูอธิบำย คำส่ัง เพื่อให้นักเรียนปฏิบัติตำมได้ถูกต้อง (Individual Work) แล้วครูเปิด Track 4 ให้นักเรียนฟังก่อน 2 คร้ัง 2.นักเรียนอ่ำนคำศัพท์ 9 คำ ที่จะนำไปเติมในข้อควำม ในแบบฝึกหัด หน้า 5 ข้อ 2 Complete the sentences. Use the words in the box. ตำมครูพร้อมกัน แล้วช่วยกันแปล คำศัพท์ดังกล่ำว จำกนั้นจึงอ่ำนข้อควำมเก่ียวกับ Mark แล้วนำคำศัพท์ท่ีกำหนดให้มำเติมลงในช่องว่ำง 9 ขอ้ โดยขอ้ ที่ 1 ได้ทำไวใ้ หด้ เู ป็นตัวอย่ำง เสร็จแลว้ ครูเขยี นคำตอบท่ีถูกตอ้ งบนกระดำน กจิ กรรมที่ 3 E-mail (ชว่ั โมงท่ี 7-9) 1.ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมใน หนังสือเรียน หน้า 7 ข้อ 5 Read and answer the questions. โดยอ่ำนคำถำมทั้ง 5 ข้อ พร้อมกัน แล้วใหน้ ักเรยี นใช้ขอ้ มูลจำก e-mail ตอบคำถำม เสร็จ แลว้ ชว่ ยกนั เฉลยคำตอบ 2.ครูอธิบำยกำรใช้ Question Words ขนั้ พ้ืนฐำนให้นักเรียนฟงั วำ่ Question Words คือ คำท่ี ใช้วำงไว้หน้ำประโยคคำถำม เพอื่ ต้องกำรถำมถึงส่ิงของ สถำนที่ เวลำ เหตุผล บุคคล วิธกี ำรกระทำ และ อน่ื ๆ Question Words ท่ีนกั เรยี นควรทรำบในระดบั ชัน้ ป. 5 ไดแ้ ก่คำต่อไปนี้ กจิ กรรมที่ 4 “What is it?” (ชว่ั โมงท่ี 10-12) 1.ครใู ห้นักเรยี นบอกช่อื ยำนพำหนะตำ่ ง ๆ ทีส่ ำมำรถพำเรำเดินทำงจำกท่ีหนึ่งไปยังอีกท่ีหนึง่ โดยให้ นักเรยี นระดมสมองแลว้ บอกครู ครูเขียนบนกระดำน 2.ทำแบบทดสอบหลงั เรยี น 9.แหล่งเรียนรู้ / ส่ือ 1. หนังสือเรยี น Smile ป. 5 2. แบบฝกึ หดั Smile ป. 5 3. Audio CD Smile ป. 5
แบบทดสอบ Pre-test / Post-test หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 5 เรอื่ ง At school กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาต่างประเทศ วิชาภาษาองั กฤษ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 Choose the correct answer. 1. A: Hi! How are you? B: ……………………….. a. I’m fine. b. I’m 10 years old. c. I’m at school. d. Yes, I am. 2. Jim: ……………. have you got on Friday morning? Tom: Maths and English. a. Where b. Who c. Why d. What 3. Joy: ………………. are you? Sue: I’m your friend. a. Where b. Who c. Why d. When 4. Sri: ………………. is Tommy? Sak: He’s in the library. a. Where b. Who c. Why d. What 5. Kate: Why does she cry? Dave: ……………………….. a. No, she doesn’t. b. Because she is sad. c. She’s in the canteen. d. At 8 o’clock. 6. Som: How do you go to France? Sak: …………………………... a. By plane. b. Today. c. Nine o’clock. d. At the airport. 7. Pong: What is your favourite subject? Pen: …………………………... a. Cat. b. English. c. Susan. d. Red. 8. Brian: ………………………… Hugo: Eggs, ham, bread and milk. a. What’s your favourite subject? b. How do you go to school? c. Who’s your English teacher? d. What’s your breakfast? 9. Dej: …………………… Dew: It’s a dog. a. Who’s that? b. How are you? c. What’s that? d. What’s your name? 10. Nick: When do you get up? Nack: ……………………………. a. At home. b. At seven. c. Mrs. Johnson. d. By boat.
เฉลย แบบทดสอบ Pre-test / Post-test หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 5 เรอ่ื ง At school กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ วิชาภาษาอังกฤษ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 5 Choose the correct answer. 1. A: Hi! How are you? B: ……………………….. a. I’m fine. b. I’m 10 years old. c. I’m at school. d. Yes, I am. 2. Jim: ……………. have you got on Friday morning? Tom: Maths and English. a. Where b. Who c. Why d. What 3. Joy: ………………. are you? Sue: I’m your friend. a. Where b. Who c. Why d. When 4. Sri: ………………. is Tommy? Sak: He’s in the library. a. Where b. Who c. Why d. What 5. Kate: Why does she cry? Dave: ……………………….. a. No, she doesn’t. b. Because she is sad. c. She’s in the canteen. d. At 8 o’clock. 6. Som: How do you go to France? Sak: …………………………... a. By plane. b. Today. c. Nine o’clock. d. At the airport. 7. Pong: What is your favourite subject? Pen: …………………………... a. Cat. b. English. c. Susan. d. Red. 8. Brian: ………………………… Hugo: Eggs, ham, bread and milk. a. What’s your favourite subject? b. How do you go to school? c. Who’s your English teacher? d. What’s your breakfast? 9. Dej: …………………… Dew: It’s a dog. a. Who’s that? b. How are you? c. What’s that? d. What’s your name? 10. Nick: When do you get up? Nack: ……………………………. a. At home. b. At seven. c. Mrs. Johnson. d. By boat.
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1 ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาต่างประเทศ วิชาภาษาอังกฤษ เวลา 3 ชว่ั โมง หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1 At school เรื่อง What can you see? 1.สาระสาคัญ กำรเรียนรู้คำศัพท์เก่ียวกับวิชำท่ีเรียน วิธีกำรเดินทำงไปโรงเรียน กำรใช้ Present Simple Tense 2. ตวั ชี้วดั มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเร่อื งทีฟ่ งั และอา่ นจากสอ่ื ประเภทต่างๆ และแสดงความ คดิ เห็นอย่างมเี หตุผล ตวั ช้ีวัด 2. อ่ำนออกเสียงประโยค ข้อควำม และบทกลอนสนั้ ๆ ถูกต้องตำมหลักกำรอ่ำน ตวั ชว้ี ัด 3. ระบ/ุ วำดภำพ สญั ลกั ษณ์ หรอื เคร่ืองหมำยตรงตำมควำมหมำยของประโยค และ ขอ้ ควำมสั้นๆ ที่ฟังหรืออำ่ น ตัวช้วี ดั 4. บอกใจควำมสำคัญ และตอบคำถำมจำกกำรฟังและอ่ำนบทสนทนำ และนิทำนงำ่ ยๆ หรือเรอื่ งสั้นๆ 3.จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1.อ่ำนออกเสียงประโยค ข้อควำม และบทกลอนสั้นๆ ถูกตอ้ งตำมหลกั กำรอ่ำนและสำมำรถบอก ใจควำมสำคัญ และตอบคำถำมจำกกำรฟังและอำ่ นบทสนทนำ และนิทำนง่ำยๆ หรือเรื่องสั้นๆได้ 2.ระบุ/วำดภำพ สัญลกั ษณ์ หรอื เครือ่ งหมำยตรงตำมควำมหมำยของประโยค และข้อควำมสน้ั ๆ ที่ ฟงั หรอื อำ่ นได้ 4.สาระการเรียนรู้ ความรู้ (Knowledge : K) 1. กลมุ่ คำ ประโยค และควำมหมำยเกี่ยวกบั ตนเอง และโรงเรยี น 2. ประโยค บทสนทนำ และเนอื้ เร่ืองส้นั ๆ ที่มภี ำพประกอบ ทักษะ / กระบวนการ (Process : P) ทักษะกำรฟงั กำรพูด กำรอำ่ น กำรเขยี น เจตคติ (Attitude : A) 1. มีควำมรบั ผิดชอบ ขยัน ใฝร่ ู้ใฝเ่ รียน 2. มคี วำมเช่ือมัน่ ในตนเอง กล้ำแสดงออก 3. มเี จตคตทิ ีด่ ตี ่อกำรเรียนภำษำอังกฤษ
5.สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน 1. ควำมสำมำรถในกำรสือ่ สำร 2. ควำมสำมำรถในกำรคดิ 6.คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. ม่งุ มัน่ ในกำรทำงำน 7.กิจกรรมการเรยี นรู้ ชวั่ โมงที่ 1 What can you see? (1) ขนั้ นา (Warm up) ครทู กั ทำยนักเรยี นในชน้ั และให้นักเรียนทักทำยตอบครู เสร็จแล้วครูถำมทุกขส์ ุขของนกั เรยี น ดงั นี้ Teacher: Good morning (afternoon), how are you? Students: Good morning, I’m fine, thank you. ขัน้ นาเสนอ (Presentation) นักเรียนดูภำพในหนังสือเรียน หน้ำ 4 ข้อ 1 What can you see? ครูชี้ทีละภำพให้นักเรียน บอกวำ่ เห็นใคร กำลังทำอะไร ทไ่ี หน โดยครพู ยำยำมพดู ภำษำองั กฤษในช้นั เรยี นใหม้ ำกทสี่ ดุ เช่น Teacher: (ช้ที ภ่ี ำพแรก) What do you see? Students: Boys and girls. Teacher: What are they doing? Students: They are standing. Teacher: Where are they? Students: They are in a room. (หรือ They are at school.) etc. ครูถำมคำถำมนกั เรียนเกีย่ วกบั รำยละเอยี ดภำพจนไดค้ ำตอบเป็นทน่ี ำ่ พอใจ และเห็นว่ำนักเรียน ทุกคนสำมำรถพดู ออกเสียงภำษำอังกฤษได้ ขั้นฝกึ (Practice) ให้นักเรียนอ่ำนประโยคและคำถำมข้อ 1-5 ในหนังสือเรียน หน้ำ 4 ข้อ 2 Look at the pictures and answer the questions. แล้วช่วยกันแปลประโยคคำถำม จำกน้ันให้นักเรียนดูภำพเดิม แลว้ ตอบคำถำม เสร็จแลว้ จึงชว่ ยกนั เฉลยคำตอบ พรอ้ มทง้ั ชท้ี ี่ภำพ โดยครเู ขียนคำตอบบนกระดำน 1. They are in the library. 2. They are in the playground. 3. They have got maths. 4. There are two students. 5. It’s half past three. (three thirty)
ขน้ั นาไปใช้ (Production) ครูบอกนักเรียนว่ำใน Unit 2 น้ี นักเรยี นจะไดเ้ รยี นรู้คำศพั ท์ และวิชำต่ำง ๆ ท่ีเรียนในโรงเรยี น วธิ กี ำรและพำหนะทใ่ี ชใ้ นกำรเดนิ ทำงมำโรงเรียน และประโยค Present Simple Tense ข้นั สรปุ (Wrap up) ครูทดสอบควำมรู้พื้นฐำนทำงภำษำอังกฤษของนักเรียน โดยครูแจกแบบทดสอบ English Pre-Test แก่นักเรียน เมือ่ นักเรยี นทำแบบทดสอบเสร็จแลว้ ครเู ฉลยคำตอบบนกระดำน ให้นักเรียนแลกกัน ตรวจกบั เพอ่ื นๆ ครูเน้นใหน้ ักเรียนมีควำมซือ่ สตั ย์ ชัว่ โมงท่ี 2 What can you see? (2) ขัน้ นา (Warm up) นักเรียนดูภำพใน หนังสือเรียน หน้า 5 ข้อ 1 Listen, point and repeat. ครูให้นักเรียน เดำควำมหมำยของแต่ละภำพ (Elicit) แล้วครูเปิด CD/Track 2 ให้นักเรียนฟัง 2-3 คร้ัง และพูดตำม จำกนนั้ ใหน้ กั เรยี นออกเสียงคำศัพท์พร้อม ๆ กนั assembly uniform playtime history geography I.T. office เสร็จแล้วครทู ดสอบควำมจำของนกั เรียน โดยชี้ไปทีละภำพไมเ่ รยี งกนั ใหน้ กั เรยี นท้ังชัน้ ระบุคำศัพท์ ให้ตรงกับภำพ แล้วจึงสมุ่ นักเรยี น 3-4 คน ให้ยนื ข้ึนพูดคำศพั ท์ให้ตรงกับภำพที่ครชู ้ี ข้นั นาเสนอ (Presentation) ครูชูภำพ ด.ช. เดวิด แล้วบอกนักเรียนว่ำ “This is David. He’s a student.” ครูติดภำพ ด.ช. เดวดิ บนกระดำนและปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี ครูให้นักเรียนดูภำพประกอบ 5 ภำพเล็ก ๆ ใน หนังสือเรียน หน้า 5 ข้อ 2 Listen and complete. แลว้ พูดสนทนำกบั นักเรยี น Teacher: What do you see in the pictures? Students: Students, uniform, teacher, playground, computer, geography, history …… Teacher: Excellent! ขั้นฝึก (Practice) ครูใหเ้ วลำนักเรยี นดูข้อควำมที่จะให้เติมคำเปน็ เวลำ 3 นำที ก่อนฟัง CD ใหน้ ักเรียนเดำวำ่ ควร จะเตมิ อะไรลงในชอ่ งว่ำง ขนั้ นาไปใช้ (Production) ครูเปดิ CD/Track 3 2 ครั้ง ให้นกั เรียนตงั้ ใจฟัง แล้วนำส่ิงท่ไี ด้ยินเติมลงในช่องว่ำง
I am David. I am eleven years old. I study at Smile School. Our school uniform is blue. The head teacher talks to the students at assembly every morning. Today I have got history and maths in the morning. I have got geography and I.T. in the afternoon. My playtime is after lunch. ข้ันสรปุ (Wrap up) ครเู ฉลยคำตอบโดยเปดิ CD ให้นักเรียนฟงั อีกครงั้ และหยุดทีละประโยค เพอื่ ใหน้ กั เรียนช่วยกัน แปลจนครบทกุ ประโยค เสรจ็ แลว้ ครเู ขยี นคำตอบบนกระดำน 1. years 2. uniform 3. assembly 4. history 5. geography 6. I.T. 7. playtime Background Information I.T. ยอ่ มาจาก Information Technology แปลวา่ “เทคโนโลยสี ารสนเทศ” หรือวชิ าคอมพิวเตอร์ ชัว่ โมงที่ 3 What can you see? (3) ขั้นนา (Warm up) นักเรียนดูภำพต่ำง ๆ ใน หนังสือเรียน หน้า 3 ข้อ 4 Look at the pictures and นักเรียนจับกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน ช่วยกันคิดหำคำศัพท์รำยวิชำต่ำง ๆ ที่เรียนหรือรู้จักให้มำกที่สุด โดยอำจ คน้ หำในพจนำนุกรม ครกู ำหนดเวลำตำมควำมเหมำะสม เมอื่ ได้แล้วจงึ ชว่ ยกันบอกครู
science - วทิ ยาศาสตร์ history - ประวตั ิศาสตร์ biology - ชีววทิ ยา *maths - คณิตศาสตร์ health education - สุขศึกษา chemistry - เคมี **P.E. - พลศึกษา Thai language - ภาษาไทย physics - ฟิ สิกส์ English - ภาษาองั กฤษ home economics - คหกรรม music - ดนตรี social studies - สงั คมศึกษา geography - ภูมิศาสตร์ art - ศิลปะ I.T. - คอมพวิ เตอร์ Background Information *maths - รูปเตม็ คือ mathematics **P.E. - ยอ่ มาจาก physical education ขน้ั นาเสนอ (Presentation) นักเรยี นอำ่ นตำมครู แลว้ คดั ลอกลงในสมุดของตน ครูเขียนตำรำงเรยี นของนกั เรยี นบนกระดำน โดยใช้ข้อมลู จริงจำกนักเรยี น ดังนี้ Time 9.00-10.00 10.00-11.00 11.00-12.00 12.00-13.00 13.00-14.00 14.00-15.00 15.00-16.00 Day Thai English computer history Mon Tue maths music science P.E. Wed Thai social studies Lunch music geography science Thu geography English maths assembly Fri home economics history health education Free - ครถู ำมนักเรียนเกย่ี วกับตำรำงเรยี น ดงั นี้ Teacher: What have you got on Monday? Students: Thai, English, computer and history. Teacher: What have you got on Friday afternoon? Students: Health education. Teacher: Excellent!
- ครูเขียนโครงสร้ำงประโยคบนกระดำน เพ่ือใชใ้ นกำรสนทนำ ดงั นี้ A: What have you got on (day) ? B: I have got (subject) and (subject) . ขัน้ ฝกึ (Practice) ครูทบทวนกำรใช้ประโยค Present Simple Tense ดงั นี้ Tense คือ กำรใช้คำกรยิ ำให้ถกู ต้องกับกำลเวลำ Present Simple Tense คือ กำรใช้คำกริยำกบั เหตุกำรณ์ท่ีเกดิ ข้นึ ดังนี้ 1) เกดิ ขึน้ เป็นประจำสม่ำเสมอ เช่น She always goes to the Mall. We go to London once a year. 2) เป็นนิสยั เปน็ กิจวัตรประจำวนั เช่น I go to school by bus. He gets up at six o’clock. 3) เปน็ ธรรมชำติ เปน็ ควำมจรงิ เชน่ It is cold in winter. Birds fly in the air. รูปแบบ - ประธานเป็นเอกพจน์ กริยาเติม s - ประธานเป็นพหูพจน์ กริยาไม่เติม s (I และ You กริยาไม่ตอ้ งเติม s) e.g. ประธานเอกพจน์ ประธานพหูพจน์ (รวมท้งั I และ You) He walks. I walk. She walks. You walk. It walks. We walk. A cat walks. They walk. ขั้นนาไปใช้ (Production) การใช้ Adverbs of Frequency ในประโยค Present Simple Tense มกั มีคำหรือวลีที่บอกถึงควำมถใ่ี นกำรกระทำ เรำเรียกวำ่ Adverbs of Frequency ซง่ึ คำที่มกั พบบ่อย ๆ ได้แก่ always - เสมอๆ once a week - หนงึ่ คร้งั ต่อสปั ดำห์
usually - ตำมปกติ twice a day - สองครงั้ ต่อวัน often - บอ่ ยๆ sometimes - บำงครงั้ every day - ทุกๆ วัน rarely - ไมค่ ่อยจะ never - ไม่เคย three times a year - สำมคร้ังต่อปี e.g. Lisa sometimes eats ice cream. etc. I go to school every day. We go to Phuket twice a year. ข้นั สรุป (Wrap up) หลักกำรเตมิ s ท้ำยคำกริยำ (ใช้กบั ประธำนทเี่ ป็นเอกพจนเ์ ท่ำนนั้ ) 1) ตำมปกติคำกริยำเตมิ s ได้ทันที e.g. buy - buys give - gives play - plays speak - speaks 2) คำกรยิ ำทีล่ งทำ้ ยด้วย s, ss, ch, sh, x, z, o ให้เตมิ es e.g. pass - passes fix - fixes teach - teaches buzz - buzzes push - pushes go - goes 3) คำกริยำท่ลี งท้ำยดว้ ย y ให้เปลี่ยน y เปน็ i แล้วเติม es e.g. cry - cries carry - carries dry - dries fly - flies **แต่ถ้ำหนำ้ y เป็นสระ (a, e, i, o และ u) ใหเ้ ติม s ได้ทันที ไมต่ ้องเปลยี่ นเป็น i e.g. play - plays buy - buys say - says pay - pays อน่งึ ในประโยค Present Simple Tense Verb to be คอื is, am, are Verb to have คอื have, has e.g. I am a student. He learns English on Monday. We have lunch at noon. She has maths on Tuesday. 8. การวดั และประเมนิ ผล วิธีการ เครอื่ งมือ เกณฑก์ ารผา่ น สังเกตกำรพดู ถำม-ตอบ แบบสงั เกตกำรพดู ถำม-ตอบ ผ่ำนเกณฑ์กำรประเมินในระดับดีขึน้ ไป ตรวจใบกิจกรรม ใบกจิ กรรม ผ่ำนเกณฑ์กำรประเมนิ ร้อยละ 60 ขึ้นไป ประเมนิ กำรทำแผนผงั ควำมคิด แผนผังควำมคดิ ผำ่ นเกณฑ์กำรประเมินในระดับดขี น้ึ ไป
วธิ กี าร เคร่อื งมอื เกณฑ์การผา่ น ประเมินกำรพูดนำเสนอ แบบประเมินกำรพูด ผ่ำนเกณฑ์กำรประเมนิ ในระดับดีข้ึนไป 9. ส่อื / แหล่งเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรยี น Smile ป. 6 2. แบบฝกึ หดั Smile ป. 6 3. Audio Smile ป. 6 4. พจนำนุกรม
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2 ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ วิชาภาษาอังกฤษ เวลา 3 ช่ัวโมง หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 At school เรือ่ ง We like English the most 1.สาระสาคญั กำรเรียนรูค้ ำศัพท์เกี่ยวกับวิชำท่ีเรียน วิธีกำรเดินทำงไปโรงเรียน กำรใช้ Present Simple Tense และกำรออกเสียงประโยคคำถำม ซ่ึงจะต้องลงเสียงต่ำ จะทำให้ผู้เรียนสำมำรถพูดและเขียนเกี่ยวกับวิชำท่ี เรียน 2. ตวั ชีว้ ัด มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สกึ และ ความคดิ เห็นอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ตวั ชวี้ ัด 4. พดู /เขยี นเพื่อขอและใหข้ ้อมูลเกี่ยวกบั ตนเอง เพือ่ น ครอบครวั และเรื่องใกล้ตวั ตวั ช้วี ดั 5. พูด/เขียนแสดงความรู้สึกของตนเองเกยี่ วกับเร่ืองตา่ งๆ ใกลต้ วั และกิจกรรมตา่ งๆ พร้อมทง้ั ใหเ้ หตุผลสนั้ ๆ ประกอบ 3.จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. พดู /เขยี นเพื่อขอและให้ข้อมูล แสดงความรสู้ ึกเกีย่ วกบั ตนเอง เพ่ือน ครอบครัว เรื่องใกล้ตัวและ กิจกรรมต่างๆ พร้อมท้งั ให้เหตผุ ลสนั้ ๆ ประกอบได้ 4. สาระการเรียนรู้ ความรู้ (Knowledge : K) 1. คำศพั ท์ และประโยคเก่ียวกบั วชิ ำที่เรยี น เชน่ A: What have you got on Wednesday morning? B: I’ve got I.T. 2. ประโยค Present Simple Tense 3. ประโยคและข้อควำมทีใ่ ช้ในกำรพูดให้ข้อมูลเก่ยี วกบั ตนเอง ทกั ษะ / กระบวนการ (Process : P) ทักษะกำรฟัง กำรพูด กำรอ่ำน กำรเขยี น เจตคติ (Attitude : A) 1. มีควำมรบั ผดิ ชอบ ขยนั ใฝ่ร้ใู ฝ่เรียน 2. มีควำมเช่ือมั่นในตนเอง กลำ้ แสดงออก
5. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น 1. ควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร 2. ควำมสำมำรถในกำรคิด 3. ควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำ 4. ควำมสำมำรถในกำรใชช้ ีวิต 6. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ซ่อื สัตย์สุจริต 2. มวี นิ ัย 3. ใฝ่เรยี นรู้ 4. มุ่งมนั่ ในกำรทำงำน 5. มจี ิตสำธำรณะ 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชวั่ โมงท่ี 1 We like English the most (1) ข้ันนา (Warm up) นักเรียนสำรวจดูคำถำมและคำตอบใน หนังสือเรียน หน้า 6 ข้อ 3 Listen, read and match the questions with the answers. เพ่ือเตรียมควำมพร้อมก่อนฟัง CD โดยครูอธิบำย คำสั่ง เพ่ือให้นักเรียนปฏิบัติตำมได้ถูกต้อง (Individual Work) แล้วครูเปิด CD/Track 4 ให้นักเรียนฟัง ก่อน 2 ครงั้ A: Come on, Anna. I’ve got a computer. Let’s look at our school website. B: What do we do? A: Click on the picture. Click here! Look! It’s Class 5B’s timetable. B: What has Jack got on Tuesday morning? A: He’s got science and history. B: What about Friday afternoon? What has he got? A: He’s got geography and music. B: Can we see Class 5C? A: Let’s try. Click here. Yes, here’s Class 5C. B: What has Lisa got on Thursday?
A: Let’s see. She’s got maths and history in the morning and she’s got science and P.E. in the afternoon. B: Has she got a class at a quarter past ten? A: No, she hasn’t. It is playtime. ข้นั นาเสนอ (Presentation) นกั เรียนฟงั แล้วลำกเส้นจำกคำถำมไปยังคำตอบที่ถูกตอ้ ง เสรจ็ แลว้ ใหน้ กั เรียนชว่ ยกันเฉลยคำตอบ 1. c 2. b 3. a 4. e 5. d ครเู ปิด CD อกี ครง้ั แล้วหยดุ ทีละบรรทัด ให้นักเรียนฟังแล้วชว่ ยกนั แปลกบั ครู ขั้นฝกึ (Practice) ให้นกั เรยี นแบ่งออกเป็นกลุ่มตำมควำมชอบของวชิ ำท่ตี นถนัด โดยครูกำหนด 7 วชิ ำ ดงั ต่อไปน้ี maths P.E. English music art computer history นักเรียนภำยในกลุ่มอำจมีจำนวนไม่เท่ำกัน แต่ไม่ควรเกินกลุ่มละ 7 คน สมำชิกในกลุ่มต่ำงระดม สมอง (Brain Storm) ว่ำทำไมจึงชอบวิชำนี้ และวิชำน้ีมีประโยชน์แก่ตนในกำรนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน อยำ่ งไร จำกนนั้ จึงส่งตวั แทนออกมำนำเสนอหน้ำหอ้ งเรียน โดยต้งั ชอ่ื กลุม่ เปน็ ชอื่ วิชำที่ตนชอบ e.g. กลมุ่ English : We like English the most because it is useful. We have got English on Monday and Tuesday. It is an international language. We can use English and understand people everywhere in the world. ขน้ั นาไปใช้ (Production) นักเรียนดูภำพใน แบบฝึกหัด หน้า 4 ข้อ 1 Listen and point. แล้วช้ีตำมภำพต่ำง ๆ ให้ ถกู ตอ้ งตำมท่ไี ด้ยินจำก CD ครูเปดิ CD/Track 13 ใหน้ ักเรียนฟงั 2-3 ครงั้ 1. The students are in the library. 2. The students are in the playground. 3. Two students are in the computer room. 4. The students are in the classroom. 5. It’s half past three. ครเู ฉลยคำตอบโดยเปดิ CD ทีละประโยค แลว้ ชว่ ยกันแปลกบั นักเรียน
ขั้นสรปุ (Wrap up) นกั เรียนดภู ำพเดิม แล้วอ่ำนคำท้ัง 5 คำ ท่ีกำหนดให้ใน แบบฝึกหัด หน้า 4 ขอ้ 2 Look at the pictures. Then complete the sentences. พร้อม ๆ กันตำมครู จำกน้ันให้นักเรียนนำคำ 5 คำ เติมลงในชอ่ งวำ่ งใหถ้ ูกต้องและสมั พนั ธ์กับภำพ เสร็จแลว้ ให้นกั เรยี นช่วยกันเฉลยคำตอบ 1. library 3. maths 5. half past three 2. playground 4. computer room ชว่ั โมงท่ี We like English the most (2) ขัน้ นา (Warm up) นกั เรียนดู แบบฝึ กหัด หน้า 5 ข้อ 1 Find nine words about school. เพ่ือหาคาศพั ท์ที่ซ่อนอยู่ ในตาราง นกั เรียนจบั คู่กบั เพ่ือนขา้ งเคียงเพอ่ื ปรึกษากนั เม่ือพบแลว้ ให้ใชป้ ากกาวงรอบคาศพั ทน์ ้นั ๆ คู่ใด พบคาศพั ทค์ รบแลว้ ใหย้ กมือข้ึน เสร็จแลว้ ครูจึงเฉลยคาศพั ท์ assembly history head teacher uniform playtime geography website office I.T. ขน้ั นาเสนอ (Presentation) นกั เรียนอำ่ นคำศพั ท์ 9 คำ ท่ีจะนำไปเติมในข้อควำม ในแบบฝึกหัด หน้า 5 ข้อ 2 Complete the sentences. Use the words in the box. ตำมครูพร้อมกัน แล้วช่วยกันแปลคำศัพท์ดังกล่ำว จำกนั้นจึงอ่ำนข้อควำมเกี่ยวกับ Mark แล้วนำคำศัพท์ท่ีกำหนดให้มำเติมลงในช่องว่ำง 9 ข้อ โดยข้อท่ี 1 ไดท้ ำไวใ้ ห้ดูเป็นตวั อย่ำง เสรจ็ แลว้ ครเู ขียนคำตอบที่ถกู ตอ้ งบนกระดำน ดงั นี้ 1. studies 4. subjects 7. music 2. students 5. science 8. I.T. 3. assembly 6. geography แล้วครสู ่มุ เรยี กนักเรียน 3 คน ให้ลุกข้ึนอ่ำนข้อควำมคนละ 3 บรรทดั ขั้นฝึก (Practice) นักเรียนฝึกกำรฟังอีกคร้ังใน แบบฝึกหัด หน้า 6 ข้อ 3 Listen and circle. ครูอธิบำยให้ นกั เรยี นทรำบว่ำในแตล่ ะประโยคจะมีอยู่ 3 ตัวเลือก คือ A, B และ C ให้นักเรียนฟัง CD แล้วเลือกข้อ ท่ถี กู ต้องตำมท่ีได้ยนิ โดยไมต่ ้องดูเพอ่ื น จำกน้ันครูเปิด CD/Track 14 ใหน้ กั เรยี นฟัง 2-3 ครั้ง
Hello! My name’s Polly. I go to school at half past eight. We have got assembly at a quarter past nine. But today the head teacher isn’t here so there is no assembly. On Thursday we have got maths and history. Today is Friday, and we have got I.T. I like it! After I.T. we have got P.E. It’s a lot of fun. We have got music at 1 o’clock in the afternoon. ขนั้ นาไปใช้ (Production) ครูเปิด CD ช้ำ ๆ ทีละประโยค แล้วหยุดเพ่อื ใหน้ กั เรยี นช่วยกันแปลจนครบทุกประโยค ข้นั สรปุ (Wrap up) ครูสุม่ นกั เรยี นแถวหลงั และแถวกลำงๆ รวม 6 คน เพื่อใหเ้ ดนิ ออกมำเขยี นประโยคบนกระดำน 6 ประโยค ตำมเน้ือหำของ CD ทไี่ ด้ยนิ - Polly goes to school at half past eight. (B) - She has assembly at a quarter past nine. (C) - But today she hasn’t got assembly. (C) - On Thursday Polly has history. (A) - Today she’s having I.T. (A) - At 1 pm she has music. (C) นกั เรียนทุกคนตา่ งตรวจคาตอบของตน แลว้ อ่านประโยคบนกระดานพร้อม ๆ กนั ช่ัวโมงท่ี 3 We like English the most (3) ขัน้ นา (Warm up) นักเรียนฝึกแต่งประโยคใน แบบฝึกหัด หน้า 6 ข้อ 4 Put the words in the correct order. โดยนำคำที่กำหนดให้มำเรียงเป็นประโยคที่ถูกต้อง ซึ่งมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 5 ข้อ นักเรียนสำมำรถ ปรึกษำกับเพ่ือนๆ ได้ ครใู ห้เวลำนักเรียนคิด 10 นำที เมื่อครบเวลำท่ีกำหนด ครูเรยี กนักเรียน 5 คน ให้ ยืนขน้ึ พูดประโยคท่ีถกู ตอ้ ง แลว้ ออกมำเขยี นบนกระดำน ครูตรวจและแก้ไขจนไดป้ ระโยคทีถ่ กู ต้อง
1. I have got maths on Monday. 2. Ben is playing basketball in the gym right now. 3. They have got science on Wednesday. 4. They are having assembly right now. 5. Anna reads in the library. นกั เรยี นตรวจแก้ไขงำนของตนเอง แลว้ อ่ำนประโยคบนกระดำนพร้อม ๆ กนั ขน้ั นาเสนอ (Presentation) นักเรียนฟัง CD/Track 5 และอ่ำนประโยคคำถำม 4 ข้อ ใน หนังสือเรียน หน้า 6 ข้อ 4 Correct the questions. Then listen and check. แล้วหำว่ำในประโยคคำถำมแต่ละข้อมีคำ อะไรทห่ี ำยไปจำกท่ีได้ยิน ให้นกั เรียนเขียนคำเหล่ำน้ันแทรกลงในประโยคคำถำมทั้ง 4 ข้อ ครูเปิด CD ให้ นกั เรยี นฟงั 2-3 คร้งั นักเรียนปรกึ ษำกบั เพือ่ นทนี่ ่ังอยู่ใกลๆ้ โดยครูเปิด CD ทลี ะข้อ เพอื่ ให้นกั เรยี นฟัง 1. What have you got on Wednesday morning? 2. What have you got on Friday afternoon? 3. Have you got a class after lunch? 4. Where have you got your science class? ขน้ั ฝกึ (Practice) นกั เรียนแก้ไขงำนของตน จำกนั้นนักเรยี นชำยจับคู่กับนักเรยี นหญงิ เพ่ือฝึกบทสนทนำถำม-ตอบด้วย ข้อมลู จำกตำรำงเรยี นชัว่ โมงที่ 1-2 ขอ้ 5 ซึง่ นกั เรยี นดรู ูปแบบบทสนทนำได้ในหนงั สือเรยี น หน้ำ 6 ขอ้ 4 ครูแบ่งนกั เรียนออกเปน็ 2 ทีม คือ ทีมนักเรยี นชำยและนักเรยี นหญงิ ให้อ่ำนรปู แบบบทสนทนำใน หนังสือเรยี นสลบั กนั Girls: Can I ask you some questions? Boys: Yes, of course. Girls: What have you got on Wednesday morning? Boys: I’ve got history and maths. ขั้นนาไปใช้ (Production) จำกนัน้ ทีมนักเรียนชำยสลับบทบำทกับทีมนกั เรยี นหญงิ โดยเร่ิมต้นอำ่ นบทสนทนำก่อน เมอ่ื นักเรียน ทุกคนฝึกอ่ำนบทสนทนำจนคล่อง และเข้ำใจรูปแบบสนทนำกันแล้ว จึงจับคู่กัน หญิง-ชำย เพื่อฝึกบท สนทนำให้คล่อง ข้ันสรุป (Wrap up)
ครูอธิบำยให้นักเรียนฟังว่ำ กริยำ “have got” ไม่ได้แปลว่ำ มี เสมอไป ในรูปแบบประโยค สนทนำดังกล่ำว “have got” แปลว่ำ learn (เรียน) หรือ study (ศึกษำ) ครูสังเกตจนเห็นว่ำนักเรียน ตำ่ งฝกึ บทสนทนำจนคลอ่ งแลว้ จึงสุ่มตัวอย่ำงนักเรยี น 2-3 คู่ ใหอ้ อกมำพูดหน้ำชั้นเรียน นกั เรียนสำมำรถ นำหนังสือเรียนและตำรำงเรียนติดตัวมำได้ แล้วครูยกตัวอย่ำงบทสนทนำ ด.ญ. ใหม่ และ ด.ช. บอล ให้ นกั เรยี นฟงั ดังน้ี Mai: Can I ask you some questions? Ball: Yes, of course. Mai: What have you got on Tuesday afternoon? Ball: I’ve got science and P.E. What have you got on Monday morning? Mai: I’ve got Thai and English. See you, goodbye. Ball: Goodbye. 8. การวัดและประเมินผล วธิ ีการ เครื่องมอื เกณฑก์ ารผา่ น สังเกตกำรพูดถำม-ตอบ แบบสงั เกตกำรพดู ถำม-ตอบ ผำ่ นเกณฑ์กำรประเมนิ ในระดับดขี นึ้ ไป ตรวจใบกิจกรรม ใบกิจกรรม ผ่ำนเกณฑ์กำรประเมินรอ้ ยละ 60 ข้ึนไป ประเมนิ กำรทำแผนผงั ควำมคิด แผนผังควำมคิด ผ่ำนเกณฑ์กำรประเมินในระดับดีขน้ึ ไป ประเมนิ กำรพูดนำเสนอ แบบประเมินกำรพูด ผ่ำนเกณฑ์กำรประเมนิ ในระดับดีขนึ้ ไป โครงงำน 9. สือ่ /แหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรยี น Smile ป. 6 2. แบบฝึกหัด Smile ป. 6 3. Audio Smile ป. 6
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 3 ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ วชิ าภาษาอังกฤษ เวลา 3 ชั่วโมง หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 At school เรื่อง E-mail 1.สาระสาคญั กำรเรียนรู้คำศัพท์เก่ียวกับวิชำที่เรียน วิธีกำรเดินทำงไปโรงเรียน กำรใช้ Present Simple Tense และกำรออกเสียงประโยคคำถำม ซ่ึงจะต้องลงเสียงต่ำ จะทำให้ผู้เรียนสำมำรถพูดและเขียนเกี่ยวกับวิชำท่ี เรียน และวิธกี ำรเดนิ ทำงไปโรงเรียนได้ โดยจะเป็นพ้ืนฐำนควำมรู้เก่ียวกับกำรใช้ภำษำอังกฤษเพื่อกำรสอื่ สำร ในชวี ิตประจำวนั 2.มาตรฐาน /ตวั ชีว้ ดั มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเรือ่ งต่างๆ โดยการพดู และการเขียน ตัวช้ีวดั 1. พดู /เขยี นใหข้ อ้ มูลเก่ยี วกับตนเองและเรอื่ งใกล้ตวั ตวั ชี้วัด 2. เขยี นภาพ แผนผัง และแผนภมู แิ สดงข้อมูลต่างๆ ตามทีฟ่ ังหรืออา่ น ตวั ชี้วัด 3. พูดแสดงความคิดเห็นงา่ ยๆ เกย่ี วกบั เร่อื งต่างๆ ใกลต้ ัว 3.จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1.พดู /เขียน แสดงควำมคิดเห็น ใหข้ ้อมลู เกี่ยวกับตนเอง เพ่ือน และสิ่งแวดล้อมใกลต้ วั 4. สาระการเรยี นรู้ ความรู้ (Knowledge : K) 1. กลุ่มคำ ประโยค และควำมหมำยเกย่ี วกบั ตนเอง และโรงเรียน 2. ประโยค บทสนทนำ และเนือ้ เรื่องสัน้ ๆ ท่มี ีภำพประกอบ 3. คำศัพท์ และประโยคเก่ียวกับวชิ ำท่เี รียน เชน่ A: What have you got on Wednesday morning? B: I’ve got I.T. 4. ประโยค Present Simple Tense 5. ประโยคและข้อควำมทใี่ ช้ในกำรพูดใหข้ ้อมลู เกี่ยวกับตนเอง ทักษะ / กระบวนการ (Process : P) ทกั ษะกำรฟัง กำรพดู กำรอำ่ น กำรเขียน เจตคติ (Attitude : A) 1. มีควำมรบั ผิดชอบ ขยนั ใฝร่ ้ใู ฝ่เรียน 2. มคี วำมเช่ือมนั่ ในตนเอง กลำ้ แสดงออก
5. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 1. ควำมสำมำรถในกำรสือ่ สำร 2. ควำมสำมำรถในกำรคิด 3. ควำมสำมำรถในกำรแกป้ ัญหำ 4. ควำมสำมำรถในกำรใชช้ ีวติ 6. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ซื่อสตั ยส์ จุ ริต 2. มีวินัย 3. ใฝเ่ รยี นรู้ 4. มุง่ มัน่ ในกำรทำงำน 5. มจี ติ สำธำรณะ 7. กิจกรรมการเรยี นรู้ ช่ัวโมงที่ 1 E-mail (1) ขั้นนา (Warm up) ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมใน หนังสือเรียน หน้า 7 ข้อ 5 Read and answer the questions. โดยอ่ำนคำถำมทั้ง 5 ข้อ พร้อมกนั แลว้ ใหน้ กั เรียนใช้ข้อมูลจำก e-mail ตอบคำถำม เสร็จ แลว้ ชว่ ยกันเฉลยคำตอบ 1. She is ten years old. 2. It is blue. 3. It starts at nine o’clock. 4. She studies eight subjects. 5. She likes art and history. ขั้นนาเสนอ (Presentation) ให้นักเรียนอ่ำน e-mail จำก May ถึง Lisa จำกกิจกรรมข้อ 5 อีกครั้ง โดยระหว่ำงอ่ำน ครู ถำมคำถำมเกยี่ วกบั ขอ้ ควำมใน e-mail ด้วย ขนั้ ฝึก (Practice) เสร็จแล้วให้นักเรียนทำกิจกรรมในหนังสือเรียน หน้า 7 ข้อ 6 Write to a pen-friend. Use the reading as a model. โดยให้เขียน e-mail หำเพื่อนตำมรูปแบบท่ีได้อ่ำนในกิจกรรมข้อ 5 ลงในกระดำษที่ครูแจกให้ โดยให้นักเรียนใช้ข้อมูลจริงของตนเอง ครูกำหนดเวลำให้ 10-15 นำที ให้ นักเรียนทีเ่ รยี นเกง่ ชว่ ยเหลือนกั เรียนทเี่ รยี นอ่อน และใหท้ ุกคนแตง่ ประโยคอย่ำงมีควำมคิดสรำ้ งสรรค์ - ครูเตือนให้นักเรียนระวังกำรใช้ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ (Capital Letters) ให้ถูกต้อง และท้ำย ประโยคต้องมีจดุ (full stops) รูปประโยคเป็น Present Simple Tense ตำมทไ่ี ด้เรียนมำ e.g.
Hello! My name is Jane. I’m 10 years old. I go to school every day. I study at Wittaya School in Khon Kaen. My school uniform is white and blue. My school starts at 8.30. I have got 10 subjects a week. They are English, maths, computer, P.E., Thai, history, geography, science, music and art. My favourite subjects are P.E. and art. We have assembly on Thursday afternoon. I like playtime. We have playtime at 4 o’clock every day. What about you? Please write to me soon. Jane ขั้นนาไปใช้ (Production) Background Information ครูเตือนนกั เรียนถึงภยั จากการติดต่อกบั เพื่อนต่างแดนทาง Internet หรือ e-mail เพราะนกั เรียนไมร่ ู้จกั ตวั จริง และขอ้ มูลท่ีติดต่อกนั อาจไม่เป็นความจริงก็ได้ ดงั น้นั จึงอยา่ หลงเช่ืออะไรง่ายๆ ควรอยใู่ นความดูแลของผใู้ หญ่ ครูนาชิ้นงานของนกั เรียนทุกคนไปตรวจในเวลาวา่ ง และส่งคืนในชวั่ โมงต่อมา ใหน้ กั เรียนลองส่ง e-mail ถึง pen-friend ถา้ ไดร้ ับ e-mail ตอบกลบั มาแสดงวา่ งานเขียนของนกั เรียนใชไ้ ด้ น่าสนใจ ถือวา่ ผา่ น ขน้ั สรุป (Wrap up) ครูให้นักเรียนช่วยกันคิดถึงควำมแตกต่ำงของกำรเขียนประโยคภำษำอังกฤษกับประโยคภำษำไทย นกั เรียนช่วยกันคดิ และปรึกษำกบั เพ่อื นแลว้ บอกครู ครสู รุปใจควำมสำคัญ ดงั น้ี
Background Information - การใช้ตวั อกั ษรใหญ่ในภาษาองั กฤษ มหี ลกั เกณฑ์ ดงั น้ี (ครูแจกเอกสารประกอบการเรียน หรือเขียนบนกระดาน ใหน้ กั เรียนคดั ลอกลงในสมุดของตนเอง) 1. ใชข้ ้ึนตน้ ประโยคเสมอไมว่ า่ จะเป็นประโยคบอกเล่า คาถาม ปฏิเสธ หรือกลุ่มคาอุทาน เช่น She is a student. Are they happy? Be careful! We aren’t teachers. 2. “I” ใชต้ วั อกั ษรใหญ่เสมอ ไม่วา่ จะอยใู่ นส่วนใดของประโยค เช่น I am a good boy. Am I your friend? And I walk to school. 3. ใชข้ ้ึนตน้ ชื่อ-สกลุ และคานาหนา้ ต่างๆ รวมท้งั ตาแหน่งทางวชิ าการ เช่น Miss Sompong Sucompa Mr. Wiwat Wari Mrs. Wannee Meesuk Dr. Johnson James 4. ช่ือเฉพาะต่างๆ เช่น แมน่ ้า โรงเรียน สถานที่สาคญั โรงแรม วดั อาเภอ จงั หวดั โรงหนงั หา้ งสรรพสินคา้ ฯลฯ เช่น the Chao Phaya River - แมน่ ้าเจา้ พระยา Mari Witthaya High School - โรงเรียนมารีวทิ ยา Phi-mai Stone Palace - ปราสาทหินพมิ าย Oriental Hotel - โรงแรมโอเรียนทอล Don Temple - วดั ดอน Pakthongchai District - อาเภอปักธงชยั Phuket - จงั หวดั ภูเกต็ Tesco Lotus - หา้ งเทสโก้ โลตสั 5. วนั ต่างๆ ในสปั ดาห์ และเดือนท้งั 12 เดือน เช่น Sunday Monday Saturday January September December 6. วนั สาคญั ต่างๆ เช่น Christmas Eve - วนั หรือคืนก่อนวนั คริสตม์ าส New Year’s Day - วนั ข้ึนปี ใหม่ Mother’s Day - วนั แม่ Easter - วนั ระลึกถึงการคืนชีพของพระเยซู Halloween Day - วนั ฮลั โลวนี
Royal Ploughing Ceremony Day - วนั พืชมงคล 7. ศาสนาตา่ งๆ เช่น Buddhism - พระพุทธศาสนา Hindu - ศาสนาฮินดู Christian - ศาสนาคริสต์ Judasin - ศาสนายวิ Islam - ศาสนาอิสลาม 8. ประเทศต่างๆ และทวปี ตา่ งๆ เช่น Thailand Europe England America 9. ช่ือยอ่ ต่างๆ เช่น P.E. = Physical Education (วชิ าพลศึกษา) USA. = United States of America (สหรัฐอเมริกา) U.K. = United Kingdom (ประเทศองั กฤษ) Y.M.C.A. = Young Men’s Christian Association (สมาคมยวุ ชนชายชาวคริสต)์ ชวั่ โมงที่ 2 E-mail (2) ข้ันนา (Warm up) ครูอธิบำยกำรใช้ Question Words ขัน้ พืน้ ฐำนให้นักเรียนฟังว่ำ Question Words คือ คำทใี่ ช้ วำงไว้หน้ำประโยคคำถำม เพื่อต้องกำรถำมถึงสิ่งของ สถำนที่ เวลำ เหตุผล บุคคล วิธีกำรกระทำ และ อืน่ ๆ Question Words ท่นี ักเรียนควรทรำบในระดับชั้น ป. 5 ไดแ้ ก่คำต่อไปน้ี
Background Information What - อะไร สามารถมีคานามมาตอ่ ทา้ ย เพ่ือถามในรายละเอียด เช่น What time - เวลาอะไร What colour - สีอะไร What subject - วชิ าอะไร ฯลฯ Where - ท่ีไหน ถามหาสถานท่ี When - เมื่อไร ถามถึงเวลา Why - ทาไม ถามหาเหตุผล Who - ใคร ถามถึงบุคคล How - อยา่ งไร ถามถึงวธิ ีการกระทา How สามารถถามถึงปริมาณได้ เช่น How many + นามนบั ได้ พหูพจน์ How much + นามนบั ไม่ได้ e.g. What time is it? It’s six o’clock. Where are you? I’m behind you. When do you go home? I go home at 4 o’clock. Why does she cry? Because she is sad. Who is she? She’s my sister. How does she go to school? She goes to school by bus. How many books do you have? I have three books. How much money is this book? It’s fifty baht. ขน้ั นาเสนอ (Presentation) ครูให้นักเรียนตอบคำถำมตำมควำมเป็นจริงใน แบบฝึกหัด หน้า 6 ข้อ 5 Answer the questions. แล้วเขียนคำตอบลงในช่องว่ำงท่ีกำหนดให้ โดยให้นักเรียนปรึกษำกับเพื่อนๆ ภำยในชั้นเรียน ครสู มุ่ เรียกนักเรยี น 4 คน ให้ยนื ข้นึ อำ่ นประโยคคำถำมบนกระดำน Suggested Answers 1. I have got maths and English. 2. I have got science in the lab. 3. She has got music and history. 4. Yes, I have got.
ขน้ั ฝกึ (Practice) นักเรียนดูตำรำงเรียนของ John ใน แบบฝึกหัด หน้า 7 ข้อ 6 Read John’s timetable and write T (true) or F (false). แล้วอ่ำนประโยคท่ีกำหนดให้ 4 ข้อ ให้นักเรียนพิจำรณำว่ำ ข้อมูลท่ีใหม้ ำ 4 ข้อนี้ ตรงกับตำรำงเรียนของ John หรอื ไม่ ถำ้ ถูกให้นกั เรยี นเขียน “T” (true) ท้ำยข้อ ถำ้ ข้อมูลไมต่ รงกบั ตำรำงเรยี นให้เขยี น “F” (false) ท้ำยข้อ จำกน้นั จึงช่วยกันเฉลย และบอกว่ำขอ้ มูลที่ ถูกตอ้ งควรเป็นอะไร เสร็จแลว้ เขยี นเฉลยบนกระดำน 1. T 2. F (half past three) 3. F (two) 4. F (four) ขั้นนาไปใช้ (Production) นักเรียนฝึกกำรใช้ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ (Capital Letters) ใน แบบฝึกหัด หน้า 7 ข้อ 7 Read and put the capital letters in the correct places. ซ่ึงเป็น e-mail จำก May ถึง Lisa ซึ่งขึ้นต้นทุกประโยคด้วยตัวอักษรพิมพ์เล็ก ให้นักเรียนแก้ไขตัวอักษรท่ีขึ้นต้นประโยคให้ถูกต้อง แล้วช่วยกัน เฉลยคำตอบ ครูเขียนคำตอบทถี่ กู ต้องบนกระดำน Hi! My name’s May. I am 10 years old. I’m a student at Smile School. My school uniform is blue. My school starts at nine and it finishs at half past three in the afternoon. My favourite subjects are art and history. I don’t like maths because it’s difficult. What about you? Please write soon. May Jones ขั้นสรปุ (Wrap up) 1. ครูบอกนักเรียนว่ำกำรออกเสียงท้ำยคำของประโยคคำถำม Question Words ให้ลงเสียงต่ำ แต่ถ้ำเป็นประโยคคำถำมท่ีต้องกำรคำตอบ Yes หรือ No ให้ขึ้นเสียงสูง ดังท่ีนักเรียนจะได้ฟังประโยค คำถำมใน หนังสอื เรยี น หนา้ 7 English sounds จำก CD/Track 6 English sounds Listen and say. Have you got art on Monday? Do you like football? What have you got on Monday? What subject do you like?
2. นักเรียนเปิด แบบฝึกหัด หน้า 7 English sounds เพ่ือดูประโยคคำถำม โดยครูเปิด CD/Track 15 ให้นกั เรยี นฟังกำรออกเสยี งประโยคคำถำมทั้ง 4 ประโยค What’s the name of your school? Do you play basketball in the gym? Do you go to school at seven o’clock? What’s your favourite subject? ครูเปิด CD ซำ้ หลำยๆ ครง้ั ให้นกั เรียนฝกึ ออกเสยี งตำมจนคล่อง จำกนนั้ ให้อำ่ นออกเสียงโดย พร้อมเพรยี งกนั ชวั่ โมงที่ 3 E-mail (3) ขน้ั นา (Warm up) 1. ครูทักทำยนักเรยี นในชัน้ แล้วให้นักเรยี นนำกำรบำ้ นและงำนท่ไี ดร้ ับมอบหมำยมำสง่ ครู 2. ครูทดสอบควำมสำมำรถในกำรพูดภำษำอังกฤษของนักเรยี น ดังน้ี ครูชีท้ ี่ตนเอง Teacher: I come to school by car. แลว้ พูด And you? Somsri: I come to school by bus. Teacher: Very good! ขน้ั นาเสนอ (Presentation) 1. ครตู ิดบตั รภำพ 6 ภำพ บนกระดำน ดงั น้ี รถจักรยำน รถยนต์ รถประจำทำง เรือ รถไฟ เทำ้ แลว้ ครูสมุ่ ถำมนักเรียน 4-5 คน พูดสนทนำกับนกั เรียนแตล่ ะคนเก่ียวกับวิธกี ำรเดินทำง มำ โรงเรยี น Teacher: How do you come to school? Dej: By bicycle. Teacher: Good! 2. ครบู อกนกั เรยี นวำ่ วธิ กี ำรเดินทำงของบุคคลจำกที่หนึ่งไปยังอีกทห่ี น่งึ มีด้วยกันหลำยวิธี ในบทนี้ นักเรยี นจะได้เรียนร้วู ธิ ีกำรเดินทำงดว้ ยวธิ ีต่ำง ๆ รวมท้งั ทบทวน Present Simple Tense ดว้ ย ขนั้ ฝกึ (Practice) 1. นักเรียนดภู ำพทั้ง 6 ใน หนงั สอื เรียน หนา้ 8 ข้อ 1 Listen, point and repeat. ให้ นกั เรียนช่วยกนั บอกครเู ปน็ ภำษำไทยว่ำ แต่ละภำพส่ือควำมหมำยอะไร และครสู รปุ ควำมหมำยของภำพใน ตอนทำ้ ย 2. ครเู ปดิ CD/Track 7 ใหน้ ักเรยี นฟงั คำศัพท์ แลว้ ชีภ้ ำพตำมให้ถกู ต้อง และออกเสียงตำมดังๆ นกั เรยี นฟงั CD อีกหลำยๆ ครง้ั แลว้ พูดตำมจนคลอ่ ง
coat put on finish by car by bus by train 3. ครูส่มุ นักเรียน 3 คน ใหย้ นื ขนึ้ อำ่ นคำศัพท์เหลำ่ นี้ (1 คน อำ่ นหมดทุกคำศัพท์) ขัน้ นาไปใช้ (Production) ครใู ห้นักเรยี นทำกจิ กรรมในหนังสือเรยี น หนา้ 8 ข้อ 2 How do they go to school? Listen and match. ซ่งึ ครูจะใหน้ ักเรยี นฟังวธิ ีกำรเดินทำงของแตล่ ะคนจำก CD/Track 8 แลว้ ให้ นกั เรยี นเลือกคำตอบท่ีถกู ต้องตำมทีไ่ ด้ยนิ จำก CD 1. Jack goes to school by car. 2. Paul goes by bicycle. 3. Cathy goes by bus. 4. Jane walks to school. 5. Mike goes by train. ข้ันสรุป (Wrap up) เสร็จแลว้ ครูพดู เฉลยคำตอบให้นักเรยี นฟัง 1. d 2. a 3. e 4. c 5. b 8. การวดั และประเมนิ ผล วธิ กี าร เคร่อื งมือ เกณฑ์การผ่าน สงั เกตกำรพดู ถำม-ตอบ แบบสงั เกตกำรพูดถำม-ตอบ ผ่ำนเกณฑ์กำรประเมนิ ในระดับดขี ึ้นไป ตรวจใบกิจกรรม ใบกิจกรรม ผำ่ นเกณฑ์กำรประเมนิ ร้อยละ 60 ขึ้นไป ประเมินกำรทำแผนผงั ควำมคิด แผนผงั ควำมคิด ผำ่ นเกณฑ์กำรประเมินในระดับดขี ึน้ ไป ประเมินกำรพูดนำเสนอ แบบประเมินกำรพดู ผำ่ นเกณฑ์กำรประเมนิ ในระดับดีขึ้นไป โครงงำน
9. ส่อื /แหล่งการเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรียน Smile ป. 6 2. แบบฝึกหดั Smile ป. 6 3. Audio Smile ป. 6
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 4 ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ วชิ าภาษาอังกฤษ เวลา 3 ชั่วโมง หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 At school เรอ่ื ง “What is it?” 1.สาระสาคญั กำรเรียนรคู้ ำศัพท์เก่ียวกับวิชำที่เรียน วิธีกำรเดินทำงไปโรงเรียน กำรใช้ Present Simple Tense และกำรออกเสียงประโยคคำถำม ซึ่งจะต้องลงเสียงต่ำ จะทำให้ผู้เรียนสำมำรถพูดและเขียนเก่ียวกับวิชำท่ี เรยี น และวิธกี ำรเดินทำงไปโรงเรียนได้ โดยจะเป็นพ้ืนฐำนควำมรู้เกยี่ วกับกำรใช้ภำษำอังกฤษเพื่อกำรส่อื สำร ในชีวิตประจำวัน 2.มาตรฐาน /ตัวชว้ี ัด มาตรฐาน ต 2.2 เขา้ ใจความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษากับภาษา และวัฒนธรรมไทย และนามาใชอ้ ยา่ งถูกต้องและเหมาะสม ตัวช้วี ัด 1. บอกความเหมือน/ความแตกต่างระหว่างการออกเสยี งประโยคชนิดตา่ งๆ การใช้ เคร่อื งหมายวรรคตอน และการลาดบั คา (order) ตามโครงสรา้ งประโยคของ ภาษาต่างประเทศและภาษาไทย 3.จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. บอกความเหมือน/ความแตกต่างระหวา่ งการออกเสียงประโยคชนิดตา่ งๆ การใช้เครื่องหมายวรรค ตอน และการลาดับคา (order) ตามโครงสรา้ งประโยคของภาษาตา่ งประเทศและภาษาไทยได้ 4. สาระการเรยี นรู้ ความรู้ (Knowledge : K) 1. กลุ่มคำ ประโยค และควำมหมำยเก่ยี วกับตนเอง และโรงเรียน 2. ประโยค บทสนทนำ และเน้ือเรื่องสน้ั ๆ ที่มภี ำพประกอบ 3. คำศพั ท์ และประโยคเกีย่ วกบั วธิ ีกำรเดินทำงไปยงั สถำนที่ต่ำง ๆ เช่น A: How do you go to school? B: I always walk to school. 4. Present Simple Tense 5. ประโยคและข้อควำมท่ใี ช้ในกำรพูดใหข้ ้อมูลเก่ียวกบั ตนเอง 6. คำ กลุ่มคำท่มี ีควำมหมำยสัมพันธ์กบั ข้อมูลต่ำง ๆ เช่น กรำฟ 7. กิจกรรมทำงภำษำและวฒั นธรรม เชน่ กำรเลน่ เกม กำรร้องเพลง ทกั ษะ / กระบวนการ (Process : P) ทกั ษะกำรฟัง กำรพดู กำรอำ่ น กำรเขยี น
เจตคติ (Attitude : A) 1. มคี วำมรบั ผิดชอบ ขยนั ใฝ่รูใ้ ฝ่เรียน 2. มคี วำมเช่ือม่นั ในตนเอง กล้ำแสดงออก 5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 1. ควำมสำมำรถในกำรสอื่ สำร 2. ควำมสำมำรถในกำรคดิ 3. ควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำ 4. ควำมสำมำรถในกำรใช้ชีวิต 6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ซือ่ สัตยส์ จุ ริต 2. มีวนิ ัย 3. ใฝ่เรยี นรู้ 4. มงุ่ มน่ั ในกำรทำงำน 5. มีจติ สำธำรณะ 7. กิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 “What is it?” (1) . ขน้ั นา (Warm up) ครสู อนโครงสรำ้ งประโยคบอกวธิ ีกำรเดนิ ทำง โดยเขยี นบนกระดำน Subject + verb + by vehicle e.g. I go by bus. She comes by train. “vehicle” แปลวำ่ ยำนพำหนะ ขั้นนาเสนอ (Presentation) - ครูใหน้ กั เรยี นบอกชอ่ื ยำนพำหนะตำ่ ง ๆ ท่ีสำมำรถพำเรำเดนิ ทำงจำกที่หนึ่งไปยังอีกทห่ี นึง่ โดย ให้นกั เรยี นระดมสมองแลว้ บอกครู ครูเขียนบนกระดำน ดังน้ี by bus by boat by motorcycle by train by plane by car by taxi by bicycle by helicopter by tuk-tuk by tricycle by scooter by sky train (BTS) by underground etc. ถ้ำเดนิ มำ หรอื โดยทำงเทำ้ เรำใชค้ ำวำ่ “on foot” หรอื walk ไม่ใช้ by foot หรอื on feet
- นกั เรียนคัดลอกลงในสมุดของตนเอง แล้วอ่ำนดงั ๆ ตำมครู ครบู อกควำมหมำยคำศัพท์บำงคำที่ นักเรยี นไม่ทรำบ เช่น รถไฟฟำ้ รถไฟใต้ดิน เป็นตน้ ขน้ั ฝึก (Practice) ครูให้นกั เรียนเลน่ เกมสำรวจประชำกร โดยให้นักเรียนสำรวจเพอ่ื นในห้องเรียน 10 คน ถงึ วธิ กี ำร เดนิ ทำงมำโรงเรียนดว้ ยแบบฟอรม์ ดังน้ี No. Name by car by motorcycle by bicycle by tricycle on foot by boat by train by underground by sky train 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. ครูกำหนดให้นักเรยี นแตล่ ะคนเดินไปถำมเพ่ือน 10 คน ถึงวิธีกำรเดนิ ทำงมำโรงเรียน แลว้ ทำ เคร่อื งหมำย ในชอ่ งให้ตรงตำมคำตอบ ครูเขียนรูปแบบบทสนทนำ ดังนี้ รูปแบบ A: How do you come to school? B: I come to school by (vehicle). ในขณะเดยี วกันนักเรยี นกเ็ ปน็ ผู้ตอบคำถำมเช่นกัน - สดุ ท้ำยครสู ุ่มนกั เรยี น 3 คน ให้ออกมำรำยงำนผลสำรวจหนำ้ ชัน้ เรยี นดว้ ยประโยคง่ำยๆ e.g. Winai: Decha, Nipa and Waree go to school by bicycle. Sak, Chok and Nimon go by boat. Sri goes by tricycle. Lek, Noi and I walk to school. ขัน้ นาไปใช้ (Production) ครใู หน้ ักเรียนดูตำรำงแสดง Adverbs of Frequency 3 คำ ใน หนงั สือเรียน หน้า 9 ข้อ 3 Look at the chart. Then listen and match. ได้แก่ always, sometimes, never แลว้ บอกควำมหมำยและอธิบำยควำมถีข่ อง Adverbs of Frequency แตล่ ะคำให้นกั เรยี นเข้ำใจ always = เสมอ ควำมถใี่ นกำรกระทำเทยี บเท่ำกบั 100% sometimes = บำงครั้ง ควำมถใี่ นกำรกระทำเทียบเท่ำกบั 50% never = ไมเ่ คย ไมม่ ีกำรกระทำ ควำมถี่เท่ำกับ 0% ครูอธบิ ำยว่ำ Adverbs of Frequency มักวำงไว้หนำ้ จำกนัน้ เปดิ CD/Track 9 ใหน้ ักเรยี นฟงั ประโยค แลว้ จบั คปู่ ระโยคกับบุคคลโดยเขยี นหมำยเลข 1-3 แลว้ ครูเฉลยคำตอบ
1. Thomas always goes to school by car. His dad drives him to school every day. 2. When Nancy is late, she sometimes goes to school by car. 3. Laura walks to school. She never goes by car. Nancy - 1 Laura - 3 Thomas - 1 ขั้นสรุป (Wrap up) ครูเปิด CD อีกครั้ง โดยหยุดทีละประโยคให้นักเรียนช่วยกันแปลประโยค แล้วครูถำมถึงควำมถ่ีใน กำรเดินทำงมำโรงเรียนด้วยรถยนต์ของแต่ละคน ให้นักเรียนช่วยกันตอบ โดยใช้รูปประโยค Name + Adverbs of Frequency + goes to school by car. ชว่ั โมงที่ 2 “What is it?” (2) ข้นั นา (Warm up) ให้นักเรียนดูตำรำงแสดงควำมถี่ในกำรเดินทำงไปโรงเรียนของ Harry, Ben, May ด้วยวิธีต่ำง ๆ ในหนังสือเรียน หน้า 9 ข้อ 4 Who is who? Read and find out. แล้วครูให้นักเรียนอ่ำน ประโยคท่ีกำหนดให้ในกรอบ 2-3 คร้ัง และบอกว่ำใครเดินทำงมำโรงเรียนอยำ่ งไร เสร็จแลว้ ใหช้ ่วยกันเฉลย คำตอบ 1. Ben 2. May 3. Harry ขั้นนาเสนอ (Presentation) ให้นักเรยี นเลน่ เกม “What is it?” คือ กำรทำยช่ือยำนพำหนะ ก่อนเลน่ เกมครสู อนคำกรยิ ำ 2 คำ คือ “get in - ข้ึนรถ” และ “get off - ลงรถ” ดว้ ยบตั รภำพ เสร็จแล้วจงึ อธบิ ำยวธิ กี ำรเลน่ 1) ครเู ตรยี มบตั รภำพยำนพำหนะ 10 ชนิด พรอ้ มคำบรรยำยใต้ภำพด้วยภำษำง่ำยๆ 2) นักเรียนแบง่ ออกเป็น 2 ทีม เทำ่ ๆ กัน คอื ทมี A และ ทีม B แตล่ ะทมี จะสง่ ตัวแทนออกมำครง้ั ละ 1 คน สลับกัน 3) ตวั แทนทีม A ออกมำหน้ำช้ันเรียน หยบิ ภำพ 1 ใบ ภำพใดก็ได้ที่ครคู วำ่ ไวบ้ นโตะ๊ แลว้ อ่ำนดงั ๆ ให้ทุกคนไดย้ นิ แตไ่ ม่ให้ใครเห็นภำพ เชน่ ด.ช. แดน หยบิ ภำพ เครือ่ งบิน และอำ่ นคำบรรยำยใตภ้ ำพดงั ๆ Dan “It is very big. Many people can go on it. It has two wings.
It can fly very fast. What is it?” 4) แตล่ ะทมี ตอ้ งพยำยำมทำยให้ไดว้ ่ำสิ่งท่ี ด.ช. แดน บรรยำยคอื อะไร ท้งั 2 ทมี สำมำรถตงั้ คำถำมได้ไมเ่ กนิ ทีมละ 3 คำถำม ทีมใดเดำได้ถกู ก่อน เปน็ ผชู้ นะ e.g. Team A: Is it a bird? Dan: No. Team B: Is it a balloon? Dan: No. Team A: Is it an airplane? Dan: Yes. แลว้ แสดงภำพเคร่ืองบินทต่ี นถืออยใู่ ห้ทุกคนเห็น 5) ตวั แทนทมี B ออกมำหน้ำชั้นเรียน เพ่อื เลือกภำพแล้วอำ่ นคำบรรยำยใตภ้ ำพ เพ่อื ให้ ทกุ คนทำย 6) เมอื่ ทุกคนทำยครบทั้ง 10 ภำพแล้ว จึงมำดูวำ่ ทมี ใดมีแต้มสะสมมำกกว่ำ ทีมทีช่ นะ จะส่งั อีกทีมให้ทำอะไรก็ได้ เช่น รำวง กระโดดกบ ยืนขำเดียวและกำงแขน ขั้นฝึก (Practice) 1. นักเรียนดูภำพท้ัง 8 ภำพ ใน แบบฝึกหัด หน้า 8 ข้อ 1 Look at the pictures and complete. ครูชี้ทีละภำพ แล้วให้นักเรียนตอบครูว่ำแต่ละภำพส่ือควำมหมำยอะไร โดยคิดหำ คำศพั ท์เป็นภำษำอังกฤษ นกั เรียนอำจหำคำศัพท์ได้จำกพจนำนุกรมหรือจำกบทเรียนท่ีผ่ำนมำ 2. นักเรยี นจับคู่กบั เพ่ือน (pair work) เพื่อนำคำศพั ท์ที่ค้นหำได้ไปเติมลงในปรศิ นำอักษรไขว้ เม่ือ ทกุ คนทำงำนเสรจ็ ชว่ ยกันเฉลยคำตอบ ครเู ขยี นเฉลยคำตอบบนกระดำน ดังนี้ 1. train 5. finish 2. put on 6. history 3. foot 7. bus 4. coat 8. car ข้นั นาไปใช้ (Production) นักเรยี นฟงั CD/Track 16 แลว้ นำขอ้ มูลทีไ่ ด้ยนิ เติมลงในประโยค 6 ขอ้ ใน แบบฝึกหัด หน้า 8 ข้อ 2 Listen and complete. กอ่ นฟัง CD ครใู หเ้ วลำนักเรียน 1 นำที เพอ่ื อำ่ นท้ัง 6 ประโยค แลว้ ครูเปิด CD 2-3 คร้งั ให้นกั เรยี นฟงั เพื่อทำแบบฝึกหัด This is the survey of our group. David comes to school by bus but Mark walks to school because his house is near the school. May and Anna come by train. Peter comes by bicycle. He rides with his brother. Ken comes by car. His father drives him to school. I come by bicycle because I like riding my bicycle.
ข้ันสรุป (Wrap up) ครูเปดิ CD ช้ำๆ แลว้ หยุดทีละประโยคให้นักเรียนช่วยกันแปล โดยครชู ่วยเป็นบำงครั้ง จำกน้ันให้ นักเรยี นชว่ ยกนั เฉลยคำตอบทัง้ 6 ขอ้ และครูเขียนคำตอบบนกระดำน 1. bus 2. walks 3. train 5. car 4. bicycle ชว่ั โมงท่ี 3 “What is it?” (3) ข้นั นาไปใช้ (Production) นักเรียนฝึกแต่งประโยคใน แบบฝึกหัด หน้า 9 ข้อ 3 Look and write. ด้วยยำนพำหนะท่ี กำหนดให้ 5 ชนิด กับคน 5 คน คือ Ben, Anna, May, Harry และ Betty โดยใช้ประโยค Present Simple Tense และใช้ Adverbs of Frequency 3 คำ ได้แก่ always, sometimes และ never ให้นักเรียนแต่งประโยคให้ถูกต้องตำมหลักไวยำกรณ์ และสำมำรถปรึกษำกับเพ่ือนๆ ได้ แล้ว ครูสุ่มเรยี กนกั เรยี น 4 คน ใหอ้ ่ำนประโยคคนละ 1 ประโยค และออกมำเขยี นบนกระดำน 1. Ben always walks to school. 2. Anna sometimes goes to school by car. 3. May never walks to school. 4. Harry always goes to school by bus. 5. Betty sometimes goes to school by bicycle. ข้ันสรุป (Wrap up) ให้นักเรียนตอบคำถำมโดยใช้ข้อมูลจริงของตนเองใน แบบฝึกหัด หน้า 9 ข้อ 4 Answer the questions about yourself. โดยประโยคคำถำมทั้ง 4 ข้อ ข้ึนต้นด้วย Question Words และ ประโยคคำตอบใช้ Adverbs of Frequency เมอื่ นักเรียนเขยี นคำตอบในแบบฝึกหัดเสรจ็ แล้วให้หันไปถำม เพอ่ื นข้ำงๆ เพ่ือฝกึ สนทนำถำม-ตอบ และสลับบทบำทถำม-ตอบ เพอื่ ฝกึ พูดจนคล่อง ครรู วบรวมแบบฝึกหัด ไปตรวจ 1. It’s in the lab. 2. It’s in the classroom. 3. It’s in the computer room. 4. I always go by bus.
8.การวดั และประเมินผล วธิ กี าร เคร่ืองมือ เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น แบบทดสอบหลังเรียน ร้อยละ 60 ตรวจใบงำน ใบงำน ร้อยละ 60 ชิน้ งำน แบบประเมนิ ขิน้ งำน สังเกตพฤติกรรมกำรทำงำนรำยบคุ คล แบบประเมนิ ทกั ษะทำงภำษำ รำยบุคคลกำร ระดับคุณภำพ 2 ผ่ำนเกณฑ์ สังเกตพฤติกรรมกำรทำงำนกลมุ่ แบบสังเกตพฤติกรรมกำรทำงำนกลุ่ม ระดับคุณภำพ 2 สังเกตควำมมวี นิ ัย ใฝเ่ รียนรู้ และม่งุ ม่นั แบบประเมินคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ระดับคุณภำพ 2 ในกำรทำงำน ระดบั คุณภำพ แปลผล คะแนน ร้อยละ ระดบั ดีเยย่ี ม 9 - 10 80 - 100 4 7-8 70 – 79 3 ดี 5-6 60 - 69 2 พอใช้ 1-4 0 - 59 1 ปรับปรุง เกณฑ์กำรตดั สิน นกั เรยี นได้คะแนนระดับ พอใช้ ข้ึนไป ถอื วำ่ ผ่ำนเกณฑ์ 9.สอ่ื / แหล่งเรยี นรู้ 1. หนังสือเรียน Smile ป. 5 2. แบบฝึกหดั Smile ป. 5 3. Audio CD Smile ป. 5 4. บตั รภำพ บตั รคำ แถบประโยค 5. เกม What is it? 6. เกม Jigsaw Sentences 7. เกมใบ้คำยำนพำหนะ
ภาคผนวก
Search
Read the Text Version
- 1 - 48
Pages: