Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สามัคคีเภทคำฉันท์

สามัคคีเภทคำฉันท์

Published by Natnicha Chuawittayawuth, 2022-08-02 01:57:39

Description: สามัคคีเภทคำฉันท์

Search

Read the Text Version

กลุ่มที่ ๑ ภชุ งคประยาต ฉันท ๑. ชวัลญา หาญสมบูรณ์ ม.๖ ๒. ภัชญาภา ๓. ปณั ณพร อดุลยศิริกลุ ม.๖ ๔. ธญั ญรัตน์ ๕. อิสรีย์ อโนทยั สินทวี ม.๖ ๖. มณีทิพย์ กนกศรขี รนิ ม.๖ วรชาครยี นนั ท์ ม.๖ มหาพงศ์ไพศาล ม.๖ ๑. ทม่ี าของฉันท์ - ลักษณะท่ัวไป : ภชุ งคประยาตฉันท์ ๑๒ เปน็ หน พยางค์ โดยภุชงคประยาตฉนั ท์ ๑๒ มคี วามหมา - ผัง - ลกั ษณะคำประพันธ์ : หนงึ่ บทมี ๒ บาท บาทละ ส่งสัมผสั แบบกาพย์ ลกั ษณะคร-ุ ลหุ เหมอื นกนั ครุ-ลหุ-คร-ุ ครุ - ลกั ษณะการใชง้ าน : มกั ใช้แตง่ กบั เนอ้ื หาที่มีกา และบทสนกุ สนาน รวมถงึ ใชแ้ ต่งบรรยายความใ - ตัวอย่างคำประพนั ธ์ ทิชงค์ชาตฉ์ิ ลาดยล คะเ กษตั ริยล์ จิ ฉวีวาร ระว เหมาะแกก่ ารณจ์ ะเสกสรร ปวตั มลา้ งเหตพุ ิเฉทสาย สมคั ๒. คำศพั ทน์ ่ารู้ บางทใี ช้วา่ ปวัตต์ิ หมายถึง ควา หมายถึง อุบายหลวกลวง - ปวัตน์ หมายถงึ ทำลาย,การตัดขาด - วัญจโนบาย - พิเฉท

ท์ ๑๒ หนา้ ๑๑๑ - ๑๑๒ ๖/๕ เลขท่ี ๕ ๖/๕ เลขที่ ๑๑ ๖/๕ เลขท่ี ๑๒ ๖/๕ เลขที่ ๒๗ ๖/๕ เลขที่ ๓๑ ๖/๕ เลขที่ ๓๙ น่ึงใน ฉันท์วรรณพฤติ ทจ่ี ะมีการบงั คบั จำนวน ายว่า \"งูเลื้อย\" และมีทำนองท่สี ละสลวย ะ ๑๒ พยางค์ แบง่ เปน็ ๒ วรรค วรรคละ ๖ พยางค์ นทกุ บาท คอื ลห-ุ ครุ-คร-ุ ลห-ุ คร-ุ ครุ ลห-ุ คร-ุ ารตอ่ สู้ บทสดดุ ี บทชมความงาม บทถวายพระพร ใหร้ วดเรว็ ได้ เนกลคะนงึ การ วงั เหือดระแวงหาย ตติ์วญั จะโนบาย ครสนธ์ิสโมสร ามเป็นไป

- พิชากร หมายถึง วิชาความรู้ - ขตั ตยิ ์ หมายถึง พระเจา้ แผ่นดนิ - นวิ ตั ิ หมายถงึ กลบั - อรุ ส โอรส หมายถึง ลกู ชาย - กถา หมายถึง ถ้อยคำ - กสกิ หมายถงึ ชาวนา - ประศาสน์ หมายถงึ การสงั่ สอน - สำ่ หมายถึง หม,ู่ พวก - เลา หมายถงึ รูปความ,ขอ้ ความ,เคา้ - เสาวภาพ หมายถึง สุภาพ,ละมนุ ละม่อม - คดี หมายถึง เร่อื ง - นรี ผล หมายถึง ไมเ่ ปน็ ผล - ปลาต หมายถึง หายไป ๓. แปลความ ทิชงคช์ าตฉิ ลาดยล คะเ กษัตริย์ลิจฉววี าร ระว = พราหมณ์ผู้ฉลาดคาดคะเนว่ากษตั รยิ ล์ จิ ฉว เหมาะแก่การณ์จะเสกสรร ปวัต มล้างเหตพุ ิเฉทสาย สม = เปน็ โอกาสเหมาะที่จะเร่ิมดำเนนิ การตามกล ณ วนั หน่ึงลุถึงกา ล กมุ ารลิจฉวีวร เส = วันหนงึ่ เมอ่ื ถึงโอกาสทีจ่ ะสอนวิชา กมุ ารล ตระบัดวัสสการมา ธ แกล้งเชิญกุมารฉนั = ทนั ใดวสั สการพราหมณก์ ม็ าถงึ และแกล้งเช สว่ นตัว                                                                                     

เนกลคะนึงการ วงั เหอื ดระแวงหาย วีวางใจคลายความหวาดระแวง ตนว์ ัญจโนบาย มคั รสนธิ์สโมสร ลอุบายทำลายความสามัคคี ลศึกษาพิชากร สดจ็ พรอ้ มประชุมกนั ลจิ ฉวกี ็เสด็จมาโดยพรอ้ มเพรียงกัน สถานราชเรยี นพลัน สนทิ หน่งึ พระองค์ไป ชญิ พระกุมารพระองคท์ ่สี นทิ สนมเขา้ ไปพบในหอ้ ง

ลหุ ้องหับรโหฐาน มิล้ีลบั อะไรใน = แล้วก็ทูลถามเรอ่ื งที่ไม่ใชค่ วามลบั แตป่ ระกา จะถูกผิดกระไรอยู่ และค่โู คก็จงู มา = ดังเชน่ ถามวา่ ชาวนาจูงโคมาคูห่ น่ึงเพื่อเทยี ม กุมารลิจฉวีขตั ตยิ ์ กสิกเขากระทำคือ = พระกมุ ารลิจฉวกี ็รับสั่งเห็นดว้ ยวา่ ชาวนาก็ค ก็เท่าน้นั ธ เชิญให้ ประสทิ ธ์ิศลิ ป์ประศาสน์สาร = ถามเพยี งเท่านน้ั พราหมณก์ เ็ ชญิ ใหเ้ สด็จกล อรุ สลจิ ฉวีสรร และต่างซกั กมุ ารรา = ครนั้ ถึงเวลาเลิกเรียนเหลา่ โอรสลจิ ฉวีก็พาก พระอาจารยส์ ิเรยี กไป อะไรเธอเสนอตาม = ว่าพระอาจารยเ์ รยี กเข้าไปข้างใน ไดไ้ ตถ่ ามอ กุมารนั้นสนองสา เฉลยพจน์กะครเู สา = พระกมุ ารพระองค์นั้นก็เลา่ เรอ่ื งราวทพี่ ระอ กมุ ารอ่นื กส็ งสัย สหายราช ธ พรรณนา = แต่เหลา่ กมุ ารสงสยั ไม่เชื่อคำพูดของพระสห                                                                                                                                                                                                          

ก็ถามการณ์ ณ ทันใด กถาเช่น ธ ปุจฉา ารใด มนุษยผ์ กู้ ระทำนา ประเทยี บไถมใิ ช่หรือ มไถใชห่ รอื ไม่ กร็ ับอรรถออออื ประดุจคำพระอาจารย์ คงจะกระทำดังคำของพระอาจารย์ นวิ ัตในมิชา้ นาน สมยั เลิกลเุ วลา ลบั ออกไป พชวนกนั เสด็จมา ชองค์น้ันจะเอาความ กันมาซักไซ้พระกุมาร ณ ขา้ งใน ธ ไตถ่ าม วจสี ตั ย์กะส่ำเรา อะไรบ้าง ขอให้บอกมาตามความจรงิ รวากยว์ าทตามเลา วภาพโดยคดีมา อาจารยเ์ รียกไปถาม มเิ ชอ่ื ในพระวาจา และตา่ งองคก์ พ็ าที หาย ตา่ งองคก์ ว็ จิ ารณ์

ไฉนเลยพระครเู รา เลอะเหลวนกั ละล้วนนี = วา่ พระอาจารย์จะพดู เรอ่ื งเหลวไหลไร้สาระเ เถอะถึงถา้ จะจริงแม้ แนะชวนเข้า ณ ข้างใน = และหากว่าจะพดู จรงิ เหตใุ ดจะตอ้ งเรยี กเข้า ชะรอยวา่ ทิชาจารย์ รหัสเหตปุ ระเภทเหน็ = สงสยั ว่าทา่ นอาจารย์กบั พระกมุ ารต้องมคี วา และทา่ นมามุสาวาท พจีจรงิ พยายาม = แลว้ กม็ าพดู โกหกไม่กล้าบอกตามความเปน็ จ กมุ ารราชมิตรผอง พิโรธกาจวิวาทการณ์ = กุมารลจิ ฉวีทั้งหลายเหน็ สอดคล้องกนั ก็เกิด ความขนุ่ เคอื งใจ พิพธิ พันธไมตรี กะองค์น้ันก็พลันเปลือง = ความสมั พนั ธ์อนั ดที ี่เคยมมี าตลอดกถ็ กู ทำลา ๔. สรปุ ความ/แนวคิด/ขอ้ คิด - สรปุ ความ : มีใจความเกย่ี วกบั กลอุบายที่ชาญฉล ภายในกลมุ่ กมุ ารลิจฉวี โดยแกลง้ เชิญพระกุมาร เรียนเชิญพระกุมารไปคยุ ในหอ้ งส่วนตัวอยา่ งลบั หวาดระแวงกนั เอง ภายในกลุ่ม พระกุมาร จนน - ขอ้ คิด : ความเชือ่ ใจในหม่คู ณะจะทำใหไ้ ม่หวาด ประสงค์รา้ ย                                                                                                                                                  

จะพดู เปลา่ ประโยชน์มี รผลเห็น บ เปน็ ไป เชน่ น้ีเปน็ ไปไมไ่ ด้ ธ พดู แทก้ ็ทำไม จะถามนอกบยากเย็น าไปถามขา้ งในหอ้ ง ถามขา้ งนอกห้องก็ได้ ธ คดิ อา่ นกะท่านเป็น ละแนช่ ัดถนัดความ ามลบั อยา่ งแน่นอน มกิ ล้าอาจจะบอกตา ไถลแสรง้ แถลงสาร จรงิ แกลง้ พดู ไปต่าง ๆ นานา ก็สอดคล้องและแคลงดาล อุบัตขิ นึ้ เพราะข่นุ เคือง ดความโกรธเคอื ง การทะเลาะววิ าทก็เกิดขนึ้ เพราะ ประดามีนริ นั ดร์เนือง มลายปลาตพินาศปลงฯ ายยอ่ ยยับลง ลาดของวัสสการพราหมณ์ เพื่อทำลายความสามัคคี รทสี่ นทิ ท่สี ดุ ไปคุยเร่ืองทไี่ มส่ ำคัญอะไรเลย แต่ บๆลอ่ ๆ ส่งผลใหเ้ กิดความสงสัยและความ นำไปส่คู วามแตกแยกในที่สดุ ดหวน่ั ต่อการยุแยงตะแคงรัว่ ของบุคคลท่ี    

กลุ่มที่ ๒ หน้า๑๑๒ ชื่อมาณวก ฉันท์ ๘ เลขที่ ๗ ที่มาของฉันท์ มาณวกฉันท์ ๘ (มา-นะ-วะ-กะ-ฉัน) เป็นฉัน มีลีลาเสียงอันไพเราะงามดั่งมาณพหนุ่มน้อย เรื่องที่รวดเร็ว เวลาอ่านได้รับรสรู้สึกว่าผาด คำแปล เมื่อเวลาผ่านไปประมาณหนึ่ง ท่านอาจารย์ทวิช ส่วนตัวเพื่อสอนวิชา เมื่อได้อยู่ในที่ลับ อาจาร ราชกุมารนั้นก็ตอบว่าอร่อยดี หลังจากนั้นอาจ เรื่องดังกล่าว แต่กุมารเหล่านั้น เมื่อสอบถาม ตามความจริง แต่ก็ไม่มีใครเชื่อใคร ต่างคนเริ่ ต่อมาก็แตกความสามัคคี ไม่เป็นน้ำหนึ่งใจเดีย ข้อคิด เราควรไว้ใจกันและกัน ในเรื่องเล็กๆน้อยๆ เราก็ไม่ควรหวาดระแวงซึ่งกันและกันเพราะ จะนำไปสู่การแตกแยกในหมู่คณะ

๑๗ ๒๔ ๒๘ ๔๐ นท์ที่ตำราฉันทศาสตร์ได้ให้อัตถะไว้ว่า ย ใช้สำหรับบรรยาย ดโผน เกิดความรื่นเริงและตื่นเต้น คำศัพท์ อนุกรม : ตามลำดับ รหุฐาน : ที่สงัด,ที่ลับ พฤฒิ : ผู้เฒ่า (วัสสการพราหมณ์) ภัต : ข้าว ทิน : วัน อาคม : มา,มาถึง สิกขสภา : ห้องเรียน นยมาน : ใจความสำคัญ(มาน-หัวใจ) มน : ใจ นฤสาร : ไม่มีสาระ ท่านอาจารย์ทวิชงค์ : วัสสการพราหมณ์ ชงค์เชิญให้ศิษย์คนหนึ่ง เข้าไปพบเป็นการ รย์ก็ถามว่าวันนี้กินข้าวกับอะไร อร่อยไหม จารย์ก็เรียกศิษย์เข้าพบทีละคนเพื่ อสอบถาม มกัน ว่าอาจารย์สอนอะไรให้ท่าน ก็ต่างตอบ ริ่มหวาดระแวงหาว่ามีสิ่งใดปกปิดเพื่ อนฝูง ยวกันเหมือนดังเดิม สรุปความ อาจารย์ถามไถ่ลูกศิษย์ในคำถามเดียวกัน แต่เมื่อลูกศิษย์มาสอบถามกันเองว่าท่าน สอนอะไรก็ต่างกล่าวหากันว่าทุกคนปกปิด ความจริง จนเกิดความแตกแยก

กลุ่ม 3 หน้ นั น ทิ ช า ป ร ะ พั น ธ์ ธุ ร ล ภั ส ร ด า เ มื อ ง ง า ว ก า ญ จ นั น ท์ จ า ตุ ธี ร ะ พั ฒ ทั ก ษ พ ร กั น อ ริ ว รั ช ย า แ ซ่ อึ๋ ง ที่มาของฉันท์ ผังฉันท์ - ลักษณะคำประพันธ์ เช่น ทิชงค์เจาะจงเจตน์ กระหน่ำและซ้ำเติม อุเปนทรวิเชียรฉันท์ : อ่านว่า อุ-เปน-ทฺระ-วิ-เชียน-ฉัน : ฉันท์ที่มีลีลาคล้ายหรือรองจากอินทรวิเชียรฉันท์ : ใช้สำหรับดำเนินเรื่องอย่างธรรมดา คำศัพท์ กลห์เหตุ นฤพัทธ, เหตุแห่งการทะเลาะ เนืองๆ เสมอ ทลิทภาว เสาว ยากจน ฟัง

น้า 113-114 กิจ ม.6/5 เลขที่ 2 ม.6/5 เลขที่ 6 ฒน์ ม.6/5 เลขที่ 10 ม.6/5 เลขที่ 15 ม.6/5 เลขที่ 43 กลห์เหตุยุยงเสริม นฤพัทธก่อการณ์ อุเปนทรวิเชียรฉันท์ ๑ บท ) - มี ๒ บาท - วรรคหน้ามีจำนวน ๕ คำ/พยางค์ - วรรคหลังมีจำนวน ๖ คำ/พยางค์ - ในแต่ละบาทจะปรากฏคำครุ ( ) คำลหุ ( ตามภาพข้างบน นิพัทธ นัย, นย อ เนื่องกัน เค้าความ ความหมาย วน ง ประเด มอบให้หมด หน้า 113-114

ถอดบทความ หมายเหตุ พราหมณ์ หน้า 113 พราหมณ์มีเจตนาหาเรื่องมายุและซ้ำเ ครั้ง พราหมณ์เห็นโอกาสเหมาะก็จะเชิญพระกุมา แกล้งทูลถาม ในบางครั้งก็พูดว่า “นี่แน่ะข้าพระอง กุมารว่าพระองค์แสนจะยากจนและขัดสน มันเป็น นี้ไม่มีใคร ขอให้ทรงเล่ามาเถิด” และบางครั้งก็พูดว่ เขาลือกันไปทั่ว“ หน้า 114 “เยาะเย้ยดูหมิ่นท่าน ว่าท่านนี้มีร่างกาย ไม่อยากจะเชื่อเลยเพราะไม่เห็นสิ่งผิดแปลกอะไร ถ้ พระกุมารได้ฟังเรื่องที่พระอาจารย์ถามมา ก็ตรัสถ สมควรเช่นนี้ ท่านอาจารย์จะถามทำไม แล้วก็ซักไซ้ พราหมณ์ก็ตอบว่า “พระกุมารพระองค์โน้นตรัสบอ นั้นไม่ทันได้ไตร่ตรอง ก็ทรงเชื่อในคำพูดของอาจา ยุพระอาจารย์ใส่ความตน ก็ตัดพ้อต่อว่ากันจนเกิด ฝ่ายพระกุมารที่พราหมณ์ไม่เคยเรียกเข้าไปหาก็ไม่ ลิจฉวีเกิดความหมางใจและเหินห่างต่อกัน ต่างอง ทำให้มีใจกำเริบไม่เกรงกลัวกัน ข้อคิดสำคัญที่ได้จากเรื่อ คือ โทษของการแตกความสามัคคี นอ พิจารณาไตร่ตรองทำให้นำไปสู่ความสูญเสีย ดังเช่ สรุปเรื่อง มีกุมารสององค์ที่พราหมณ์หรือพระอ กุมาร1ไปยุแหย่เสมอ โดยครั้งนี้ได้เรียกไปบอกว่า ประหลาด’ ซึ่งได้ยินมาจากกุมารอีกองค์นึง พอกุม เลยโกรธมากจนทะเลาะกัน และห่างเหินกันไป แนวคิด แต่งเพื่อให้ทราบถึง “โทษแห่งการแตก

ม ณ์กับพระอาจารย์คือคนเดียวกัน เติมอยู่เสมอ ๆ ในแต่ละครั้งระหว่างวัน นานนาน ารเสด็จไป โดยที่ไม่มีธุระหรือประโยชน์อะไร แล้วก็ งค์ได้ยินข่าวลือกันไปทั่ว เขาติเตียนและนินทาพระ นเช่นนั้นจริงหรือ คิดพิเคราะห์แล้วไม่น่าเชื่อ ณ ที่ ว่า “ข้าพระองค์ขอทูลถามพระกุมาร เพราะได้ยิน ยผิดประหลาดต่าง ๆ นานา จะเป็นจริงหรือไม่ ใจ ถ้าหากมีสิ่งใดที่ลำบากยากแค้นก็ตรัสมาเถิด” ถามกลับด้วยความสงสัยเหลือเกิน เรื่องที่ไม่ ซ้พระอาจาย์ว่าใครเป็นผู้มาบอกกับอาจารย์ อกเมื่ออยู่กันเพียงสองต่อสอง” กุมารพระองค์ ารย์ ด้วยความวู่วามก็โกรธพระกุมารที่พยายามจะ ดเป็นความโกรธเคืองทะเลาะวิวาทกันอยู่เสมอ ม่พอใจ พระกุมารที่พราหมณ์เชิญไปพบ พระกุมาร งค์ต่างทะนงว่าพระบิดาของตนมีอำนาจล้นเหลือ ง อกจากนั้นยังให้ข้อคิดในเรื่องการขาดการ ช่น เหล่ากษัตริย์ลิจฉวี อาจารย์เลี้ยงไว้ พระอาจารย์มักจะชอบเรียก า ‘ได้ยินข่าวลือมาว่ากุมารองค์นี้มีรูปร่างที่ผิด มารที่พราหมณ์เรียกได้ยินโดยไม่ได้คิดไตร่ตรองก็ กสามัคคี” โดยการแต่งบทฉันท์นี้ให้ขึ้นมา หน้า 113-114

6/ สั ท ธ ร า ฉั GROUP 4 1 ที่ ม า ข อ ง ฉั น ท์ มีความหมายว่า “ฉันท์ที่มีลีลาประดุจเสียงร้องจากแผ่น ความแตกแยก โดยเฉพาะเรื่องสามัคคีเภทคำฉันท์ ซึ่งใ สามัคคี วิธีใ ช้ คบบ๑๒ำ.าท. /ทค)คพำำทีจ่ยสสำุุ๑าดดนงทวท้้คมน์าีาจยยำ๒ดขขันงออแวนงงัหน้่นววงร๑รจรดรึ๔ังคคงเคททนขีีีำ่ี่้ ย/๑๒พนสยเส่ล่งางขงสสััคม๒์มผ๑ผบััสาสหทกกัลัับทบีง่คคช๒ืำ่ำอสสุุสมดัดีทจทท้ำ้ธาาน แ ป ล คำ ศั พ ท์ จ า ก ห น้ า ๑ ๑ ๕ วิรุ ธ - ผิ ด ป ก ติ ส ห ก ร ณ - ห มู่ เ ห ล่ า ห า ย น์ - ค ว า ม เ สื่ อ ม

/5 ฉั น ท์ ๒ ๑ 9 2 0 3 3 4 1 นดิน” ใช้สำหรับดำเนินเรื่องที่มีเนื้ อหาเกี่ยวกับ ใช้เป็นบทดำเนินเรื่องตอนที่กษัตริย์ลิจฉวีแตก น ว น ๗ คำ / พ ย า ง ค์ ๑ (บทีท่ เ นั บ จำ น ว น คำ ไ ด้ ๒๑ ร า ฉั น ท์ มี สั ม ผั ส น อ ก ป็ น สั ม ผั ส ภ า ย ใ น า ย ที่ ๒ ย ข อ ง ว ร ร ค ที่ ๓

สัทธราฉันท์ ๒๑ แปลตอนกษั ตริย์ลิ จฉวีแตกความสามัคคี วัส ส ก า ร พ ร า ห ม ณ์ ล อ บ ส่ ง ข่ า ว ทู ล พ ร ะ เ จ้ า อ า ช า ต ศั ตรู 19 20 33 41 กลุ่ ม 4หน้า 115 ข้อคิ ด & แปล ในขณะนั้นวัสสการพราหมณ์ก็ คอยยุ ลูก ศิ ษย์ แต่ งกลอุ บายให้เกิ ดความแคลงใจ พระโอรสกษั ตริย์ลิ จฉวีทั้งหลายไตร่ตรอง ในอาการน่าสงสัยก็ เข้าใจว่าเป็นจริงดัง ถ้ อยคำที่ อาจารย์ปั้ นเรื่ องขึ้ น ไม่มีเหลื อเลย สักพระองค์ เดียวที่ จะมีความรักใคร่กลม เกลี ยว ต่ างขาดความสัมพันธ์ เกิ ดความ เดือดร้อนใจ แต่ ละองค์ นำเรื่ องไม่ดีที่ เกิ ด ขึ้ นไปทูลพระบิดาของตน ความแตกแยกก็ ค่ อย ๆ ลุกลามไปสู่พระบิดา

—การเลื อกใช้บุ คคลให้เหมาะสมกั บงานจะทำให้งาน สำ เ ร็ จ ไ ด้ ด้ ว ย ดี — การใช้วิจารณญาณไตร่ตรองก่ อนทำการใด ๆ เป็น สิ่งที่ ดี —การหูเบา ด่วนตั ดสิน โดยมิได้ใช้เหตุผล สอบถาม เบื้ องหน้าเบื้ องหลั งของปั ญหาจากทุกด้าน ทำให้การ งานล่ มสลายได้ เพราะเกิ ดความขัดแย้งกั น เนื่ องจากความหลงเชื่ อโอรสของตน ปราศจาก การใคร่ครวญเกิ ดความผิดพ้องหมองใจกั นขึ้ น ฝ่ ายวัสสการพราหมณ์ครั้นเห็นโอกาสเหมาะสมก็ คอยยุ แหย่อย่างง่ ายดาย ทำกลอุ บายต่ าง ๆ พู ด ยุ ยงตามกลอุ บายตลอดเวลา เวลาผ่านไป ประมาณ ๓ ปี ความร่วมมือกั นระหว่างกษั ตริย์ลิ จ ฉวีทั้งหลายและความสามัคคี ถูกทำลายลงสิ้น ความเป็นมิตรแตกแยก ความเสื่ อม ความหายนะ ก็ บังเกิ ดขึ้ น กษั ตริย์ต่ างองค์ ระแวงแคลงใจ มี ความขุ่นเคื องใจซึ่ งกั นและกั น

สาลินี ฉันท์ ๑๑ กลุ่ม5 หน้ า116 สาลินี ฉันท์๑๑ อุปั ฏฐิตาฉั ปณิตา อุทัชกุล 6/5 เลขที่18 ปารัช ขำเจริญ 6/5 เลขที่22 พรพรรณ ฐานั นดร 6/5 เลขที่25 พิชชารีย์ คล่องการ 6/5 เลขที่34 ภูมิรัศมิ์ วิลาวัลย์ 6/5 เลขที่37 สาลินี ฉันท์๑๑ ใช้ในโอกาส : บทบรรยาย ความเป็ นไปอย่างเรียบๆ บทบรรยายความ นิ ยมใช้ สาลินี ฉันท์ ยินดีบัดนี้ กิจ จะสัมฤทธิ์มนารมณ์ เริ่มมาด้วยปรากรม และอุตสาหแห่งตน

ฉั นท์๑๑ อุปั ฏฐิตาฉันท์๑๑ ใช้ในโอกาส : บอกกษัตริย์ ในเรื่องการหารือต่างๆ ให้วัลลภชน คมดลประเทศฐาน กราบทูลนฤบาล อภิเผ้ามคธไกร

ความหมายของคำศั พท์ วัลลภชน หมายถึง คนสนิ ท คม หมายถึง ไป อภิเผ้า หมายถึง ผู้เป็ นใหญ่ ลักษณสาสน(ลักษณ์และสาส์น) หมายถึง จดห ไกวล หมายถึง ทั่วไป มนารมณ์ หมายถึง สมดังที่คิดหรือสมดังใจ ปรากรม หมายถึง ความเพียร เอาภาร หมายถึง รับภาระ รับผิดชอบ สรุ ปความสาลินี ฉันท์๑๑ พราหมณ์ผู้เป็ นครู สังเกตเห็นดัง นั้ นก็รู้ว่าเหล่ากษัตริย์ลิจฉวีกำลัง ประสบความพินาศจึงยินดีมากที่ ภารกิจที่ตนอดทนมานานประสบ ผลสำเร็จสมดังใจจึงให้ตีกลองนั ด ประชุมกษัตริย์ฉวีทุกพระองค์ ฝ่ าย กษัตริย์วัชชีพอรู้ว่าตีกลองเรียก ประชุ มก็ไม่มีใครเห็ นความสำคัญ ในการไปเข้าประชุม ต่างองค์ รับสั่ งว่าจะเรียกประชุมทำไม พวก เขาไม่ได้เป็ นใหญ่ ใจก็ขลาด ไม่ กล้าหาญ ใครเป็ นใหญ่ มีความ กล้าหาญ ใครพอใจจะไปประชุมก็ ไป จะปรึกษาอะไรก็ช่าง มองไม่ เห็นประโยชน์ อะไรเลย และทุก พระองค์ก็เพิกเฉยไม่เสด็จไปเข้า ร่วมการประชุ มเหมือนเคย

ข้อคิด:ถ้าเราไม่ สามัคคีกัน หมาย คนนอกจะคอยช่วง ชิงผลประโยชน์ หวังจะเอาเปรียบ สรุ ปความอุปั ฏฐิตาฉันท์๑๑ เมื่อพราหมณ์เห็นลู่ทางใน การเอาชนะ พราหมณ์ลอบ ส่งข่าวให้คนสนิ ทเดินทาง กลับไปยังบ้านเมือง กราบทูลกษัตริย์แคว้น มคธในสาสน์ แจ้งว่ากษัตริย์ วัชชีทุกพระองค์ว่าขณะนี้ เกิดความแตกแยก จะหา โอกาสเหมาะสมแบบคงจะ ไม่มีอีกแล้ว ทูลเชิญ พระองค์ยกกองทัพมาทำ สงครามโดยเร็ว ความต่อจากอุปั ฎฐิตาฉันท์ อ่านในถอดความสามัคคี เภทคำฉันท์ตอนที่ ๖ ไร้รัก สามัคคี วัชชีเสียเมือง

กลุ่มที่ 6 วิชชุมมาลา ฉันท์8 หน้า 117 1.มานิตา ลีวัฒนาสุข เลขที่ 4 2.ภัสสราพร ถนอมเกียรติคุณ เลขที่ 9 3.พิชญา สมบุญปีติ เลขที่ 23 4.ธมลวรรณ พิกุลทอง เลขที่ 32 5.ณัฐทริกา สุวรรณชาตรี เลขที่ 38 ข้อ 1 วิชชุมมาลา ฉันท์8 “วิชชุมมาลาฉันท์” เป็นชื่อที่เรียกตามแบบไทย แต่ในคัมภีร์วุตโตทัย ท่านเรียกว่า “วิชชุมมาลาคาถา” ท่านเป็นอนุฏฐุภาฉันท์ ฯ “วิชชุมมาลา” แปลว่า “คาถา ที่เป็นครุล้วนเหมือนสายฟ้าแลบ” เป็นฉันท์ที่มี ๔ บาท ๆ ละ ๘ คำ รวมเป็น ๓๒ คำ มีสูตรว่า “โม โม โค โค วิชฺชุมฺมาลา” แปลว่า “คาถาที่มี ม คณะ ม คณะ ครุ ลอย ๒ คำ ชื่อว่า “วิชฺชุมฺมาลา” ในการบัญญัติฉันท์ ไทยนั้น ท่านนำเอาสูตรดังกล่าวมาเป็นสูตร โดย กำหนดนำมาทั้ง ๔ บาท แล้วปรับปรุงให้เป็น ๔ บาท ๆ ละ ๒ วรรค เพราะบาทหนึ่งมี ๘ คำ จึงเรียกว่า “ฉันท์ ๘” แล้วเพิ่มสัมผัสเข้า ข้อ 2 คำศัพท์ ภีรุก : ขลาด กลัว มาน : ความถือตัวในความว่า “แก่งแย่งโดยมาน” ภูมิศ : พระราชา ข้อ 3 แปลความ ( 6 บท ) ข่าวศึกแพร่ไปจนรู้ถึงชาวเมืองเวสาลี แทบทุกคน ในเมืองต่างตกใจและหวาดกลัวกันไปทั่วหน้าตาตื่น หน้าซีดไม่มีสีเลือด ตัวสั่น พากันหนีตายวุ่นวาย พากัน อพยพครอบครัวหนีภัย ทิ้งบ้านเรือนไปซุ่มซ่อนตัวเสีย ในป่า ไม่สามารถห้ามปรามชาวบ้านได้ หัวหน้าราษฎร และนายด่านตำบลต่าง ๆ ปรึกษากันคิดจะยับยั้งไม่ให้ กองทัพมคธข้ามมาได้ จึงตีกลองป่าวร้องแจ้งข่าว ข้าศึกเข้ารุกราน เพื่อให้เหล่ากษัตริย์แห่งวัชชีเสด็จมา ประชุมหาหนทางป้องกันประการใด ไม่มีกษัตริย์ลิจฉวีแม้แต่พระองค์เดียวคิดจะเสด็จไป แต่ละพระองค์ทรงดำรัสว่าจะเรียกประชุมด้วยเหตุใด ผู้ใดเป็นใหญ่ ผู้ใดกล้าหาญ เห็นดี ประการใดก็เชิญเถิดจะปรึกษาหารืออย่างไรก็ตามแต่ใจ ตัวของเรานั้นไม่ได้มีอำนาจยิ่งใหญ่ จิตใจก็ขี้ขลาดไม่องอาจกล้าหาญ แต่ละพระองค์ต่างแสดงอาการเพิกเฉย ปราศจากความ สามัคคีปรองดองในจิตใจ กษัตริย์ลิจฉวีแห่งวัชชีไม่เสด็จมาประชุมกันแม้แต่พระองค์เดียว ข้อ 4 ข้อคิดและแนวคิด ข้อคิด - ความสามัคคีเป็นสิ่งสำคัญของการอยู่รวมกันในสังคม - กษัตริย์หรือผู้นำก็ควรจะมีความเป็นผู้นำ - การแก้ปัญหาที่ดีไม่ควรคิดถึงแต่ตนเอง - ควรพิจารณาไตร่ตรองให้ดีก่อนตัดสินใจ แนวคิดของเรื่อง สามัคคีเภทคำฉันท์ เป็นนิทานสุภาษิตสอนใจให้เห็นโทษของการแตก ความสามัคคี และแสดงให้เห็นความสำคัญของการใช้สติปัญญาให้ เกิดผลโดยไม่ต้องใช้กำลัง

อินทรวิเชี อินทรวิเชียร แปลว่า เพชรพระอินทร์ หรือ สายฟ้าจ พระอินทร์ หรือ สายฟ้าจากพระอินทร์ รูปแบบ อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ จะมีแบบแผนเหมือนกับ กาพย์ ยานี ๑๑ แต่เพิ่ม ครุ, ลหุ เข้าไป อินทรวิเชียร แปลว่า เพชรพระอินทร์ หมายถึง ฉันท์ที่มีลีลาอย่างเพชรของ พระอินทร์ นิยมใช้แต่งข้อความที่เป็นบทชมหรือบท คร่ำครวญนอกจากนี้ยังแต่งเป็นบทสวด หรือพากย์ โขนด้วย คำครุ หมายถึง คำที่ประสมด้วยสระเสียงยาวในแม่ ก กา เช่น กา ตี งู กับคำที่ประสมด้วยสระเสียงสั้นหรือยาวก็ได้ที่มี ตัวสะกด เช่น นก บิน จาก รัง นอน และคำที่ประสมด้วย สระ อำ ไอ ใอ เอา ซึ่งถึอว่าเป็นเสียงมีตัวสะกด คำลหุ หมายถึง คำที่ประสมด้วยสระเสียงสั้นในแม่ ก กา เช่น จะ ติ มุ เตะ และคำที่ใช้พยัญชนะคำเดียว เช่น ก็ บ่ ณ ธ นอกจากนี้คำที่ประสมด้วย สระอำ บางทีก็อนุโลมให้เป็น คำลหุได้ เช่น ลำ คำลหุ เวลาเขียนเป็นสัญลักษณ์ ใช้ เครื่องหมายเหมือนสระอุ แทน สมาชิก 1.พิชญา ทวีชัยนพรัตน์ ม.6/5 เลขที่ 13 2.ปาระวี วงค์ศิลป ม.6/5 เลขที่ 14 3.ปวิชญา บำเพ็ญผล ม.6/5 เลขที่ 16 4.ญาณภัทร ธรรมนูญสถิตย์ เลขที่ 21 5.ปนัดดา โรจจวัฒน์ ม.6/5 เลขที่ 36

ชียร 11 จากพระอินทร์ หมายถึง ฉันท์ที่มีลีลาประดุจเพชรของ ตัวอย่าง พุทธาทิบัณฑิต พิเคราะห์คิดพินิจปรา รภสรรเสริญสา ธุสมัครภาพผล ว่าอาจจะอวยผา สุกภาวมาดล ดีสู่ณหมู่ตน บนิราศนิรันดร

ความสามัคคี อินทรวิเชียร ฉันท์ฯ ปิ่ นเขตมคธขัต ติยรัชธำรง ยั้งทัพประทับตรง นคเรศวิสาลี ภูธรธสังเกต พิเคราะห์เหตุณธานี แห่งราชวัชชี ขณะเศิกประชิดแดน เฉยดูบรู้สึก และมินึกจะเกรง แกลน ฤๅคิดจะตอบแทน รณทัพระงับภัย นิ่งเงียบสงบงำ บมิทำประการใด ปรากฏประหนึ่งใน บุรว่างและร้างคน แน่โดยมิพักสง สยคงกระทบกล ท่านวัสสการจน ลุกระนี้ถนัดตา ภินท์พัทธสามัค คิยพรรคพระราชา ชาวลิจฉวีวา รจะพ้องอนัตถ์ภัย ลูกข่างประดาทา รกกาลขว้างไป หมุนเล่นสนุกไฉน ดุจกันฉะนั้นหนอ ครูวัสสการแส่ กลแหย่ยุดีพอ ปั่ นป่วนบเหลือหลอ จะมิร้าวมิรานกัน ครั้นทรงพระปรารภ ธุระจบธจึ่งบัญ ชานายนิกายสรร พทแกล้วทหารหาญ เร่งทำอุฬุมป์เว ฬุคะเนกะเกณฑ์การ เพื่อข้ามนทีธาร จรเข้านครบร เขารับพระบัณฑูร อดิศูรบดีศร ภาโรปกรณ์ตอน ทิวรุ่งสฤษฎ์พลัน จอมนาถพระยาตรา พยุหาธิทัพขันธ์ โดยแพและพ่วงปัน พลข้ามณคงคา จนหมดพหลเนื่อง พิศเนืองขนัดคลา ขึ้นฝั่ งลุเวสา ลิบุเรศสะดวกดายฯ หน้า118

คีเภทคำฉันท์ ถอดความ อินทรวิเชียร ฉันท์ฯ จอมกษัตริย์แห่งแคว้นมคธหยุดทัพ ตรงหน้าเมืองเวสาลี พระองค์ทรง สังเกตวิเคราะห์เหตุการณ์ทางเมืองวัช ชีในขณะที่ข้าศึกมาประชิดเมือง ดูนิ่ง เฉยไม่รู้สึกเกรงกลัว หรือคิดจะทำสิ่ง ใดโต้ตอบระงับเหตุร้าย กลับอยู่อย่าง สงบเงียบไม่ทำการสิ่งใด มองดูราวกับ เป็นเมืองร้างปราศจากผู้คน แน่นอน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคงจะถูกกลอุบาย ของวัสสการพราหมณ์จนเป็นเช่นนี้ ความสามัคคีผูกพันแห่งกษัตริย์ลิจฉวี ถูกทำลายลงและจะประสบกับภัยพิบัติ ลูกข่างที่เด็กขว้างเล่นได้สนุกฉันใด วัส สการพราหมณ์ก็สามารถยุแหย่ให้ เหล่ากษัตริย์ลิจฉวีแตกความสามัคคี ได้ตามใจชอบและคิดที่จะสนุกฉันนั้น ครั้นทรงคิดได้ดังนั้นจึงมีพระราช บัญชาแก่เหล่าทหารหาญให้รีบสร้าง แพไม้ไผ่เพื่อข้ามแม่น้ำจะเข้าเมืองของ ฝ่ายศัตรู พวกทหารรับราชโองการ แล้วก็ปฏิบัติภารกิจที่ได้รับ ในตอนเช้า งานนั้นก็เสร็จทันที จอมกษัตริย์ เคลื่ อนกองทัพอันมีกำลังพลมากมาย ลงในแพที่ติดกัน นำกำลังข้ามแม่น้ำ จนกองทัพหมดสิ้น มองดูแน่นขนัด ขึ้นฝั่ งเมืองเวสาลีอย่างสะดวกสบาย 8

ความสามัคคี อินทรวิเชียรฉันท์ อันภูบดีรา ชอชาตศัตรู ได้ลิจฉวีภู วประเทศสะดวกดี แลสรรพบรรดา วรราชวัชชี ถึงซึ่งพิบัติบี ฑอนัตถ์พินาศหน คณะแตกและต่า เหี้ยมนั้นเพราะผันแผก หสโทษพิโรธจอง ถือทิฐิมานสา ทนสิ้นบปรองด ตริมลักประจักษ์ แยกพรรคสมรรคภิน รสเล่าก็ง่ายเหลื ขาดญาณพิจารณ์ตรอง คติโมหเป็นมูล เชื่ออรรถยุบลเอา ยนภาวอาดูร เหตุหากธมากเมือ ยศศักดิเสื่อมนา คุรุวัสสการพราหม จึ่งดาลประการหา กลงำกระทำม เสียแดนไผทสูญ หน้า120- ควรชมนิยมจัด เป็นเอกอุบายงาม ถอดความ อินทรวิเชียรฉันท์ พระเจ้าอชาตศัตรูได้แผ่นดินวัชชีอย่างสะด ความพินาศล่มจม เหตุเพราะความแตกแยก ของตน ผูกโกรธซึ่งกันและกัน ต่างแยกพร ขาดปัญญาที่จะพิจารณาไตร่ตรอง เชื่อถ้อย ง่ายดาย เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะกษัตริย์แต่ จึงทำให้ถึงซึ่งความฉิบหาย มีภาวะความเป็น เกียรติยศ และชื่อเสียงที่เคยมีอยู่ ส่วนวัสส เพราะเป็นเลิศในการกระทำกลอุบาย

คีเภทคำฉันท์ ดี นา างมา ง ดอง ษ์เจือ ลือ ล าม มณ์ มา -121 ดวก และกษัตริย์ลิจฉวีทั้งหลายก็ถึงซึ่ง กกัน ต่างก็มีความยึดมั่นในความคิด รรค แตกสามัคคีกัน ไม่ปรองดองกัน ยความของบรรดาพระโอรสอย่าง ต่ละพระองค์ทรงมากไปด้วยความหลง นอยู่อันทุกข์ระทม เสียทั้งแผ่นดิน สการพราหมณ์นั้นน่าชื่นชมอย่างยิ่ง

ความสามัคคีเ อินทรวิเชียรฉันท์ พุทธาทิบัณฑิต พิเคราะห์คิดพินิจปรา รภสรรเสริญสา ธุสมัครภาพผล ว่าอาจจะอวยผา สุกภาวมาดล ดีสู่ณหมู่ตน บนิราศนิรันดร หมู่ใดผิสามัค คยพรรคสโมสร ไป่ปราศนิราศรอน คุณไร้ไฉนดล พร้อมเพรียงประเสริฐครัน เพราะฉะนั้นแหละบุคคล ผู้หวังเจริญตน ธุระเกี่ยวกะหมู่เขา พึงหมายสมัครเป็น มุขเป็นประธานเอา ธูรทั่วณตัวเรา บมิเห็นณฝ่ายเดียว ควรยกประโยชน์ยื่น นรอื่ นก็แลเหลียว ดูบ้างและกลมเกลียว มิตรภาพผดุงครอง ยั้งทิฐิมานหย่อน ทมผ่อนผจงจอง อารีมิมีหมอง มนเมื่อจะทำใด ลาภผลสกลบรร ลุก็ปันก็แบ่งไป ตามน้อยและมากใจ สุจริตนิยมธรรม์ พึงมรรยาทยึด สุประพฤติสงวนพรรค์ รื้อริษยาอัน อุปเฉทไมตรี ดั่งนั้นณหมู่ใด ผิบไร้สมัครมี พร้อมเพรียงนิพัทธ์นี รวิวาทระแวงกัน หวังเทอญมิต้องสง สยคงประสบพลัน ซึ่งสุขเกษมสันต์ หิตะกอบทวิการ ใครเล่าจะสามารถ มนอาจระรานหาญ หักล้างบแหลกลาญ ก็เพราะพร้อมเพราะเพรียง กัน ป่วยกล่าวอะไรฝูง นรสูงประเสริฐครัน ฤๅสรรพสัตว์อัน เฉพาะมีชีวีครอง แม้มากผิกิ่งไม้ ผิวใครจะใคร่ลอ มัดกำกระนั้นปอง พลหักก็เต็มทน เหล่าไหนผิไมตรี สละลี้ณหมู่ตน กิจใดจะขวายขวน บมิพร้อมมิเพรียงกัน อย่าปรารถนาหวัง สุขทั้งเจริญอัน มวลมาอุบัติบรร ลุไฉนบได้มี ปวงทุกข์พิบัติสรร พภยันตรายกลี แม้ปราศนิยมปรี ติประสงค์ก็คงสม ควรชนประชุมเช่น คณะเป็นสมาคม สามัคคิปรารม ภนิพัทธรำพึง ไป่มีก็ให้มี ผิวมีก็คำนึง เนื่องเพื่อภิยโยจึง จะประสบสุขาลัยฯ หน้า121-12

เภทคำฉันท์ ถอดความ อินทรวิเชียรฉันท์ ผู้รู้ทั้งหลายมีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ได้ ใคร่ครวญพิจารณากล่าวสรรเสริญว่าชอบแล้ว ในเรื่องผลแห่งความพร้อมเพรียงกัน ความ สามัคคีอาจอำนวยให้ถึงซึ่งสภาพแห่งความ ผาสุก ณ หมู่ของตนไม่เสื่อมคลายตลอดไป หากหมู่ใดมีความสามัคคีร่วมชุมนุมกัน ไม่ห่าง เหินกัน สิ่งที่ไร้ประโยชน์จะมาสู่ได้อย่างไร ความพร้อมเพรียงนั้นประเสริฐยิ่งนัก เพราะ ฉะนั้นบุคคลใดหวังที่จะได้รับความเจริญแห่ง ตนและมีกิจธุระอันเป็นส่วนรวม ก็พึงตั้งใจเป็น หัวหน้าเอาเป็นธุระด้วยตัวของเราเองโดยมิเห็น ประโยชน์ตนแต่ฝ่ายเดียว ควรยกประโยชน์ให้ บุคคลอื่นบ้าง นึกถึงผู้อื่นบ้าง ต้องกลมเกลียว มีความเป็นมิตรกันไว้ ต้องลดทิฐิมานะ รู้จักข่ม ใจ จะทำสิ่งใดก็เอื้อเฟื้ อกันไม่มีความบาดหมาง ใจ ผลประโยชน์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นก็แบ่งปันกัน ไป มากบ้างน้อยบ้างอย่างเป็นธรรม ควรยึด มั่นในมารยาทและความประพฤติที่ดีงาม รักษา หมู่คณะโดยไม่มีความริษยากันอันจะตัดรอน ไมตรี ดังนั้นถ้าหมู่คณะใดไม่ขาดซึ่งความ สามัคคี มีความพร้อมเพรียงกันอยู่เสมอ ไม่มี การวิวาท และระแวงกัน ก็หวังได้โดยไม่ต้อง สงสัยว่า คงจะพบซึ่งความสุข ความสงบ และ ประกอบด้วยประโยชน์มากมาย ใครเล่าจะมีใจ กล้าคิดทำสงครามด้วย หวังจะทำลายล้างก็ไม่ ได้ ทั้งนี้เพราะความพร้อมเพรียงกันนั่นเอง กล่าวไปไยกับมนุษย์ผู้ประเสริฐหรือสรรพสัตว์ ที่มีชีวิต แม้แต่กิ่งไม้หากใครจะใคร่ลองเอามา มัดเป็นกำ ตั้งใจใช้กำลังหักก็ยากเต็มทน หาก หมู่ใดไม่มีความสามัคคีในหมู่คณะของตน และ กิจการอันใดที่จะต้องขวนขวายทำก็มิพร้อม เพรียงกัน ก็อย่าได้หวังเลยความสุขความ เจริญจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ความทุกข์พิบัติ อันตรายและความชั่วร้ายทั้งปวง ถึงแม้จะไม่ ต้องการก็จะต้องได้รับเป็นแน่แท้ ผู้ที่อยู่รวม กันเป็นหมู่คณะหรือสมาคม ควรคำนึงถึงความ สามัคคีอยู่เป็นนิจ ถ้ายังไม่มีก็ควรจะมีขึ้น ถ้ามี อยู่แล้วก็ควรให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปจึงจะถึง ซึ่งความสุขความสบาย 22

ความสามัคคีเ คำศัพท์ -ภินท์พัทธสามัคคิย =การแตกสามัคคี -อนัตถ์ =ไม่เป็นประโยชน์ -อุฬุมป์เวฬุ =แพไม้ไผ่ -นครบร =เมืองของข้าศึก -ภาโรปกรณ์ =จัดทำเครื่องมือ -เหี้ยมนั้น =เหตุนั้น -สมรรคภินทน =การแตกสามัคคี คุณค่าด้านวรรณศิลป์ 1. มีการใช้พรรณนาโวหารในการแต่งเรื่อง อย่างเช่น พระเจ้าอชาตศัตรูได้แผ่นดินวัชชี อย่างสะดวก และกษัตริย์ลิจฉวีทั้งหลายก็ถึง ซึ่งความพินาศล่มจม เป็นพรรณนาโวหาร 2. มีการใช้ถ้อยคำเล่นเสียงทำให้ผู้อ่านรู้สึก คล้อยตามไปกับเนื้อเรื่อง คุณค่าด้านสังคม 1. ความสามัคคีเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในหมู่คณะที่จะอยู่ร่วมกัน 2. พิจราณาไตร่ตรองจากการเชื่อคน

เภทคำฉันท์ คี -พุธาทิบัณฑิต =ผู้รู้ น์ -ทม =ความข่มใจ -อุปเฉทไมตรี =ตัดไมตรี -หิตะ =ประโยชน์ -ภิยโย =ยิ่งขึ้นไป -สุขาลัย =ที่มีความสุข คี ข้อคิด 1. การขาดการพิจารณาไตร่ตรอง นำไป ซึ่งความสูญเสีย ดังเช่น เหล่ากษัตริย์ลิจ ฉวี “ขาดการพิจารณาไตร่ตรอง” คือ ขาด ความสามารถในการใช้ปัญญาตริตรอง พิจารณาสอบสวน และใช้เหตุผลที่ถูกต้อง จึงหลงกลของวัสสการพราหมณ์ ถูก ยุแหย่ให้แตกความสามัคคีจนเสียบ้านเสีย เมือง เพราะฉะนั้น การใช้วิจารณญาณ ไตร่ตรองก่อนทำการใด ๆ จึงเป็นสิ่งที่ดี 2 การเลือกใช้บุคคลให้เหมาะสมกับงาน จะทำให้งานสำเร็จได้ด้วยดี 3 การถือความคิดของตนเป็นใหญ่และ ทะนงตนว่าดีกว่าผู้อื่น ย่อมทำให้เกิดความ เสียหายแก่ส่วนรวม

กลุ่ม 8 ห ชื่อ 1.ปัณณพร อโนทัย 2.พิชมญชุ์ กฤษดา 3.ปาณิกา ปฏิฐานบุ 4.พรธิดา อัจฉริยโส 5.สลิณา ขุนราชเส จิตรปทาฉันท์ เป็นชื่อที่เรียกตามแบบไทย แต่ในคัมภีร์วุ ฉันท์ อนุฏฐุภา แปลว่า ฉันท์ที่ห้ามความทรามกล่าวคือให้ควา ลลิตา เป็นฉันท์ที่มี ๔ บาท รวม ๓๒ คำ มีสูตรว่า \"จิตฺรปทา ย คำ ชื่อว่า จิตรปทา ถอดความ จิตรปทา ฉันท์ 8 ฝ่ายเมืองเวสาลีมองเห็นข้าศึกจำนวนมากข้ามแม่น้ำม ถ้วนหน้า ในเมืองเกิดจลาจลวุ่นวายไปทั่วเมือง ข้าราชการชั้น หรอก ควรจะป้องกันประตูเมืองเอาไว้ให้มั่นคง ต้านทานข้าศึก ทำประการใด ก็จะได้ดำเนินการตามพระบัญชาของพระองค์ เ พัง เสียงดังกึกก้องไปถึงพระกรรณกษัตริย์ลิจฉวี ต่างองค์ท เสด็จไปที่ประชุม แม้แต่ประตูเมืองรอบทิศทุกบานก็ไม่มีผู้ใดปิ คำศัพท์ ตัวอย่างคำประพัน บทที่1 ริปุ = ข้าศึก นาครธา นิวิ บทที่2 ตะละ = แต่ละ , บุรคา , มจ บทที่3 รุกเภทภัย = เภทภัย เห็นริปุมี พล บทที่4 อริ = ข้าศึก ข้ามติรชล ก็ลุ้น มุ่งจะทลาย พระ ข้อคิด การไม่ประมาท รู้จักตั้งรับให้ดีในทุกสถานการณ์ เมื่อมีปัญหาก็ รอผู้ที่มีอำนาจกว่าตนมาแก้ปัญหา ทั้งที่มันเป็นปัญหาที่มีผลก การรู้จักมีสติ ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น เราควรตั้งสติให้ดี เพื่ ปัญหานั้นได้ และรู้จักคิดก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไร

หน้า 119 ยสินทวี ม.6/5 เลขที่ 12 าธิการ ม.6/5 เลขที่ 8 บุญชู ม.6/5 เลขที่ 29 สภณ ม.6/5 เลขที่ 42 สนา ม.6/5 เลขที่ 44 วุตโตทัย ท่านเรียกว่า จิตรปทาคาถา ท่านจัดเป็นอนุฏฐุภา ามเพลิดเพลินดี ฯ จิตรปทา แปลว่า คาถาที่มีครุต่างจากกุมาร ยทิ ภา คา \"แปลว่า คาถาที่มี ภ คณะ ภ คณะ และ ครุลอย ๒ มาเพื่อจะทำลายล้างบ้านเมืองของตน ต่างก็ตระหนกตกใจกัน นผู้ใหญ่ต่างหวาดกลัวภัย บางพวกก็พูดว่าขณะนี้ยังไม่เป็นไร กเอาไว้ก่อน รอให้ที่ประชุมเหล่ากษัตริย์มีความเห็นว่าจะทรง เหล่าข้าราชการทั้งหลายก็ตีกลองสัญญาณขึ้นราวกับกลองจะ ทรงเพิกเฉยราวกับไม่เอาใจใส่ในเรื่องราวของผู้ใด ต่างองค์ไม่ ปิด นธ์ วิสาลี ลมากมาย นหมาย ะนครตน ก็ควรรีบแก้ไม่ควรทิ้งเอาไว้เอาแต่ กระทบต่อส่วนรวมและตนเองด้วย พื่อที่เราจะได้สามารถหาวิธีแก้ไข

สัททุลวิกกี ที่มาของฉันท์ ในคัมภีร์วุตโตทัย ท่านเรียกว่า “สัททูลวิกกีฬิตคาถา ออกเสียงเหมือนการกระโดดของเสือดาว” เป็นคาถา ลักษณะคำประพันธ์ มี ๓ วรรค วรรคที่ ๑ มี ๑๒ คำ วรรคที่ ๒ มี ๕ คำ วร อุ) ในการแต่ง คำสุดท้ายของวรรคที่ ๑ สัมผัสกับคำสุ คำศัพท์ นรนิกร : ฝูงชน ทิช : ผู้เกิดสองครั้ง คือ พราหมณ์ ชเนนทร์ : ผู้เป็นใหญ่ในหมู่ชน ยุกติ : จบสิ้น ปรุงโสต : ตกแต่งให้ไพเราะน่าฟัง แปลความเรียง จอมทัพแห่งแคว้นมคธกรีธาทัพเข้าเมืองเวสาลีทางป เมืองที่เปิดอยู่โดยไม่มีผู้คนหรือทหารต่อสู้ประการใดข นั้นวัสสการพราหมณ์ผู้เป็นอาจารย์ก็ไปนำทัพของกษั แห่งมคธเข้ามาปรากษัตริย์ลิจฉวี อาณาจักรทั้งหมดก็ ในเงื้อมพระหัตถ์โดยที่กองทัพไม่ต้องเปลืองแรงในกา ปราบราบคาบแล้วเสด็จยังราชคฤห์เมืองยิ่งใหญ่ดังเดิ เรื่องแต่เดิมจบลงเพียงนี้ แต่ประสงค์จะแต่งสุภาษิตเพิ่ ให้ได้รับฟังเพื่อเป็นคติอันทรงคุณค่านำไปคิดไตร่ตรอ ข้อคิด 1. กลยุทธ์ในการทำศึกสงครามควรทำอย่างชาญฉลาดเช่น มาบุกเมืองโดยมาทางประตูที่ไม่มีคนเฝ้า ทำให้ไม่เปลืองแรง 2.การวางแผนป้องกันเมืองควรมีความรอบคอบไม่เปิดช่อง สรุปความ จอมทัพแห่งแคว้นมคธกรีธาทัพเข้าเมืองเวสาลีทางประตูเมืองที่เปิ เป็นอาจารย์ก็ไปนำทัพของกษั ตริย์แห่งมคธเข้ามาปราบกษั ตริย์ลิจ ทำให้กองทัพไม่ต้องเปลืองแรงในการต่อสู้ แล้วเสด็จยังราชคฤห์เมื

กีฬิตฉันท์ ๑๙ า” เป็นอติธิติฉันท์ ฯ “สัททูลวิกกีฬิตะ” แปลว่า “คาถาที่ ๔ บาท ๆ ละ ๑๙ คำ รรคที่ ๓ มี ๒ คำ แต่งโดยใช้คำครุ (สระ อะ) ลหุ (สระ สุดท้ายของวรรคที่ ๒ ผัง ประตู ขณะ ษั ตริย์ ก็ตกอยู่ ารต่อสู้ ดิมเนื้อ พิ่มเติม อง การสังเกต จากเรื่อง จอมทัพแคว้นมคธกรีธาทัพ ง งว่างศัตรู ปิดอยู่โดยไม่มีผู้คนหรือทหารต่อสู้เฝ้าอยู่ ขณะนั้นวัสสการพราหมณ์ผู้ จฉวี อาณาจักรทั้งหมดก็ตกอยู่ในเงื้อมพระหัตถ์ ปราบอย่างราบคาบ มืองยิ่งใหญ่ดังเดิมเนื้อเรื่องแต่เดิมจบลงเพียงนี้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook