1 สงั คมของผเี สอ้ื กลางคนื ขนาดใหญใ่ นพนื้ ทปี่ กปกั พนั ธกุ รรมพชื Formatted: Indent: Left: 0\", First line: 0\" และพน้ื ทใี่ ชป้ ระโยชน์ จากมนษุ ย์ในระดบั ปานกลางของสวนสตั วส์ งขลา จงั หวดั สงขลา Macro-moth Communities in Plant Genetic Conservation Area aAnd Intermediate Human Used Area at Songkhla Zoo, Songkhla Province โดย นางสาวพศิ มยั หาญณรงค์ รหสั นกั ศกึ ษ 5910210666 รายงานนเี้ ปน็ สว่ นหนง่ึ ของวชิ าโครงงานทางชวี วทิ ยา (331-491) ตามหลกั สตู รวทิ ยาศาสตรบณั ฑติ ประจาปกี ารศกึ ษา 2562 ภาควชิ าชวี วทิ ยา คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์
2 สงั คมของผเี สอ้ื กลางคนื ขนาดใหญใ่ นพนื้ ทป่ี กปกั พนั ธกุ รรมพชื และพน้ื ทใี่ ชป้ ระโยชนจ์ ากมนษุ ยใ์ นระดบั ปานกลางของสวนสตั วส์ งขลา จงั หวดั สงขลา Macro-moth Communities in Plant Genetic Conservation Area aAnd Intermediate Human Used Area at Songkhla Zoo, Songkhla Province โดย นางสาวพศิ มยั หาญณรงค์ รหสั นกั ศกึ ษ 5910210666 รายงานนเ้ี ปน็ สว่ นหนง่ึ ของวชิ าโครงงานทางชวี วทิ ยา (331-491) ตามหลกั สตู รวทิ ยาศาสตรบณั ฑติ ประจาปกี ารศกึ ษา 2562 ภาควชิ าชวี วทิ ยา คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ ............................................................ (ดร. นาวี หนนุ อนนั ต)์ อาจารยท์ ปี่ รกึ ษาโครงงานทางชวี วทิ ยา
ก กติ ตกิ รรมประกาศ ขอขอบพระคุณ ดร. นาวี หนุนอนันต์ อาจารย์ที่ปรึกษาโครงงานทางชีววิทยา ท่ีคอยให้ คาปรึกษา คาแนะนาต่างๆ การช่วยเหลือในการเก็บตัวอย่างผีเส้ือกลางคืน ตลอดจนเสียสละเวลาใน การตรวจสอบและแก้ไขโครงงานฉบับนี้ ทาให้โครงงานในคร้ังน้สี าเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ขอขอบคุณบุคลากรภาคชีววิทยาท่ีอานวยความสะดวกในการส่ังซ้ืออุปกรณ์และการใช้ อปุ กรณ์ต่าง ๆ ขอขอบคุณ คุณสุรศักด์ิ ย้ิมประเสริฐ หัวหน้างานวิจัย และเจ้าหน้าท่ีสวนสัตว์สงขลาที่ให้ ความชว่ ยเหลอื ขณะออกภาคสนามและการต้อนรบั อยา่ งดี ขอขอบคณุ นายณัฏฐพงศ์ มณโี รจน์ ที่คอยใหค้ วามชว่ ยเหลอื ขณะออกภาคสนาม ตลอดจน คาแนะนาด้วยดีเสมอมา ขอขอบคณุ เพอื่ นๆ พ่ๆี และนอ้ งๆ ทุกคนสาหรับกาลงั ใจในการทาโครงงาน ความชว่ ยเหลือ คาปรกึ ษา รวมทง้ั คาแนะนาตา่ งๆในคร้ังน้ี กระท่งั สาเร็จลุล่วงไปได้ดว้ ยดี สดุ ท้ายน้ีขอขอบพระคุณภาควิชาชวี วิทยา คณะวทิ ยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ทส่ี นบั สนุนในการทาวิจัยครั้งน้ี และอานวยความสะดวกในการทาโครงงานคร้ังน้ี พิศมยั หาญณรงค์
ข ชอื่ เรอื่ ง สังคมของผีเส้ือกลางคนื ขนาดใหญใ่ นพ้นื ทป่ี กปักพันธกุ รรมพืชและพืน้ ที่ใชป้ ระโยชนจ์ าก มนษุ ยใ์ นระดบั ปานกลางของสวนสตั ว์สงขลา จังหวัดสงขลา ชอ่ื ผทู้ า Macro-moth Communities in Plant Genetic Conservation Area and ภาควชิ า Intermediate Human Used Area at Songkhla Zoo, Songkhla Province นางสาวพิศมัย หาญณรงค์ รหัสนกั ศึกษา 5910210666 ชีววิทยา ปกี ารศกึ ษา 2562 บทคดั ยอ่ ผีเสื้อกลางคืนขนาดใหญ่ เป็นแมลงกลุ่มหนึ่งที่มีความหลากหลายด้านจานวนชนิดและการ แพร่กระจาย การศึกษาคร้ังน้ีมีวัตถุประสงค์ เพ่ือสารวจและเปรียบเทียบสังคมของผีเส้ือกลางคืน ขนาดใหญ่ในพ้ืนที่ปกปักพันธุกรรมพืช และพ้ืนที่ใช้ประโยชน์จากมนุษย์ในระดับปานกลาง ในช่วง ระยะเวลา 19:00 – 22:15 น. ระหว่างเดอื นธันวาคม 2562 – กุมภาพันธ์ 2563 โดยวางกับดักแสงไฟ ในสองพื้นท่ีดังกล่าวแบบสุ่ม จานวน 2 กับดักต่อพื้นที่ เปรียบเทียบสังคมของผีเสื้อกลางคืนใน 4 ช่วงเวลา ได้แก่ 19:00 – 19:15, 20:00 – 20:15, 21:00 – 21:15 และ 22:00–22:15 น. ตามลาดับ ผลการสารวจพบผีเส้ือกลางคืนท้ังหมด 199 ตัว ใน 10 วงศ์ 33 วงศ์ย่อย 73 สกุล และ 84 ชนิด โดย พ้ืนท่ีใช้ประโยชน์จากมนษุ ย์ในระดับปานกลางพบผีเส้ือกลางคืน (144 ตัว 83 ชนิด) มากกว่าพ้นื ท่ปี ก ปักพันธุกรรมพืช (85 ตัว 66 ชนิด) และวงศ์ Noctuidae พบจานวนชนิดมากที่สุดในท้ังสองพื้นท่ี ขณะท่ีชนิดของผีเสื้อกลางคืนในท้ังสองพ้ืนท่ีมีความคล้ายคลึงกันค่อนข้างน้อย (สัมประสิทธิความ คล้ายคลึง 0.20 คิดเป็น ร้อยละ 20) สังคมของผีเส้ือกลางคืนจึงแตกต่างกันในแต่ละพื้นท่ี อาจ เนื่องจากพืชอาหารและแหล่งท่ีอยู่อาศัยของผีเส้ือกลางคืนในแต่ละพ้ืนท่ีมีความแตกต่างกัน นอกจากน้ีพบว่าพ้ืนที่ปกปักพันธุกรรมพืชและพ้ืนท่ีใช้ประโยชน์จากมนุษย์ ในระดับปานกลาง พบ จานวนชนิดของผีเส้ือกลางคืนมากท่ีสุดในช่วงเวลา 20:00 – 20:15 น. อาจเน่ืองมาจากช่วงเวลา ดังกล่าวเป็นช่วงเวลาในการออกหากินของผีเสื้อกลางคืนมากที่สุดและการจะออกหากินเป็นกลุ่มของ ผีเส้ือกลางคืนซ่ึงจะช่วยในการหลีกเล่ียงจากผู้ล่าได้ รวมอีกท้ังระยะเวลาการบานของดอกไม้บางชนดิ มีน่าจะมีความสัมพันธ์กับช่วงเวลาการออกหากินของการบานในช่วงเวลาดังกล่าว อาจส่งผลให้ผีเส้ือ กลางคนื ออกมาหากินในช่วงเวลานี้เปน็ จานวนมาก อาจารยท์ ีป่ รกึ ษา ดร. นาวี หนนุ อนนั ต์ ภาควชิ าชีววทิ ยา คณะวิทยาศาสตร์
สารบญั ค กิติกรรมประกาศ หนา้ บทคัดยอ่ ก สารบัญ ข สารบญั ตาราง ค สารบญั ภาพ ง สารบญั ตารางภาคผนวก จ สารบัญภาพภาคผนวก ช บทที่ 1 บทนา ช บทที่ 2 อปุ กรณ์และวิธีการศึกษา 1 บทท่ี 3 ผลการศกึ ษา 4 บทที่ 4 อภปิ รายผลการศึกษา 9 บทท่ี 5 สรปุ ผลการศกึ ษาและขอ้ เสนอแนะ 27 เอกสารอ้างอิง 29 ภาคผนวก 31 35
ง สารบญั ตาราง หนา้ 9 ตารางท่ี 11 1 จานวนวงศ์ วงศย์ ่อย สกุล ชนดิ และสดั สว่ นจานวนสกุลและชนดิ ของผเี สือ้ 14 กลางคืน(เปอร์เซ็นต์) ของผเี ส้อื กลางคืนขนาดใหญใ่ นพ้นื ทีป่ กปักพันธกุ รรมพืชและพื้นท่ีใชป้ ระโยชน์ 15 จากมนษุ ยใ์ นระดับปานกลาง ของสวนสตั ว์สงขลา 2 ชนิดของผเี ส้ือกลางคนื ขนาดใหญ่ ซึ่งพบเฉพาะในพ้ืนที่ปกปักพันธกุ รรมพืช และพื้นที่ใช้ประโยชนจ์ ากมนุษย์ในระดบั ปานกลางของสวนสตั ว์สงขลา 3 แสดงความถี่ในการปรากฏของผีเสื้อกลางคืนขนาดใหญ่ในพืน้ ท่ปี กปกั พันธกุ รรมพชื พันธกุ รรมพืชของสวนสัตวส์ งขลา 4 แสดงความถใี่ นการปรากฏของผีเส้อื กลางคืนขนาดใหญ่ในพ้นื ที่ใช้ประโยชน์ จากมนษุ ยใ์ นระดับปานกลางของสวนสัตว์สงขลา
จ สารบญั ภาพ ภาพที่ หนา้ 1 ที่ต้ังของสวนสัตว์สงขลา จังหวดั สงขลา 4 2 ตาแหน่งของสองพนื้ ทหี่ ลกั ในการสารวจผเี สื้อกลางคนื ขนาดใหญ่ในสวนสตั ว์สงขลา 5 3 พนื้ ที่ปกปกั พนั ธกุ รรมพชื 5 4 พื้นทีใ่ ช้ประโยชน์จากมนุษย์ในระดบั ปานกลาง 5 5 การวางกับดักแสงไฟ 6 6 แสดงขัน้ ตอนการจดั รูปร่างของผเี สอื้ แบบถาวร โดยเร่ิมจาก A.-F. 7 7 แสดงจานวนชนิดของผเี สอื้ กลางคืนขนาดใหญ่ซึ่งพบเฉพาะในแต่ละพืน้ ทแี่ ละท้ังสอง 16 ในทั้งสองพื้นท่ีขของสวนสตั ว์สงขลา 8 จานวนชนดิ และตัวของผีเสอ้ื กลางคืนขนาดใหญใ่ นแต่ละวงศ์ ในแต่ละชว่ งเวลา 17 การสารวจในพ้ืนทีป่ กปักพนั ธกุ รรมพืชและพน้ื ที่ใชป้ ระโยชนจ์ ากมนุษย์ในระดับปานกลาง ของสัตว์สงขลา 9 แสดงผีเส้อื กลางคืนขนาดใหญใ่ นวงศ์ Crambidae (ก. - ค.) วงศ์ยอ่ ย 18 Spilomelinae (ก. - ค.) และวงศ์ Erebidae (ง. - ซ.) วงศ์ย่อย Arctiinae (ง. - ซ.) 10 แสดงผีเสอ้ื กลางคืนขนาดใหญใ่ นวงศ์ Erebidae (ก. - ซ.) วงศ์ย่อย Arctiinae 19 (ก. - ช.) และ วงศย์ อ่ ย Lymantriinae (ซ.) 11 แสดงผีเสื้อกลางคนื ขนาดใหญใ่ นวงศ์ Erebidae (ก.- ฉ.) วงศ์ย่อย 20 Lymantriinae (ก.- จ.) และวงศ์ Geometridae (ช.- ซ.) วงศ์ยอ่ ย Boarmiina (ช.) และ วงศย์ อ่ ย Desmobathrinae (ซ.) 12 แสดงผีเสื้อกลางคนื ขนาดใหญ่ในวงศ์ Geometridae (ก.- ซ.) วงศย์ อ่ ย 21 Drepaninae (ก.) วงศ์ยอ่ ย Ennominae (ข.- จ.) วงศ์ยอ่ ย Geometrinae
ฉ (ฉ.) วงศย์ อ่ ย Microniinae (ช.) และ วงศ์ยอ่ ย Sterrhinae (ซ.) สารบญั ภาพ(ตอ่ ) ภาพที่ หนา้ 13 แสดงผีเสอื้ กลางคนื ขนาดใหญ่ในวงศ์ Geometridae (ก.) วงศย์ อ่ ย 22 Sterrhinae (ก.) วงศ์ Limacodidae (ข.- ง.) วงศย์ อ่ ย Limacodinae (ข.- ง.) และวงศ์ Noctuidae (จ.- ซ.) วงศ์ยอ่ ย 14 แสดงผเี สอ้ื กลางคืนขนาดใหญ่ในวงศ์ Noctuidae (ก.- ซ.) วงศ์ย่อย Aganainae (ก.) 23 และวงศ์ยอ่ ย Catocalinae (ข.- ซ.) 15 แสดงผเี สอ้ื กลางคืนขนาดใหญใ่ นวงศ์ Noctuidae (ก.- ซ.) วงศ์ย่อย Catocalinae (ก.) 24 วงศย์ อ่ ย Hadeninae (ข.- ค.) และวงศ์ย่อย Herminiinae (ง.- ซ) 16 แสดงผเี สอ้ื กลางคนื ขนาดใหญใ่ นวงศ์ Noctuidae (ก.- ช.) วงศย์ ่อย Noctuinae (ก.) 25 วงศย์ อ่ ย Pantheinae (ข.) วงศ์ย่อย Plusiinae (ค.) วงศ์ย่อย Stictopterinae (ง.) และวงศ์ Notodontidae (ซ.) และ Notodontidae (ซ.) วงศย์ ่อยวงศย์ ่อย Pygaerinae (ซ.) 17 แสดงผเี ส้ือกลางคืนขนาดใหญใ่ นวงศ์ Pyralidae (ก.) วงศย์ อ่ ย วงศย์ ่อย Phycitinae (ข.) 26 26 Sphinginae (ค.) วงศ์ Thyrididae (ง.) วงศย์ อ่ ย วงศ์ย่อย Striglininae (จง.) และ วงศ์ Uraniidae (ชจ.) วงศย์ ่อย วงศย์ อ่ ย Epipleminae (ซจ.)
ช สารบญั ตารางภาคผนวก หนา้ ตารางภาคผนวกท่ี 1 แสดงชนิดของผีเสื้อกลางคืนขนาดใหญ่ในพ้นื ที่ปกปกั พนั ธุกรรมพืชและ 36 พน้ื ทใ่ี ช้ประโยชนจ์ ากมนุ ษย์ในระดบั ปานกลาง ตง้ั แต่เดอื น ธนั วาคม 2562 - กมุ ภาพันธ์ 2563 สารบญั ภาพภาคผนวก ภาพภาคผนวกท่ี หนา้ 1 แสดงผเี สอื้ กลางคืนขนาดใหญ่ในวงศ์ Crambidae (ก.- ค.) 42 วงศย์ อ่ ย Spilomelinae (ก.- ค.) วงศ์ Erebidae (ง. - จ.) วงศย์ ่อย วงศย์ อ่ ย Arctiinae (ง.) และวงศย์ อ่ ย Lymantriinae (จ.) Geometrindae (ฉ.- ซ.) วงศ์ยอ่ ย Ennominae (ฉ - ช.) (ฉ - ช.) และ วงศ์ย่อย Geometrinae (ซ.) 2 แสดงผเี ส้อื กลางคนื ขนาดใหญ่ในวงศ์ Geometridae (ก.- ข.) 43 วงศย์ ่อย Geometrinae (ก.- ข.) วงศ์ Noctuidae (ค. - ฉ.) วงศ์ยอ่ ย วงศย์ ่อย Aganainae
ซ (ค. - ง.) และ วงศ์ยอ่ ย Catocalinae (จ. - ฉ.) วงศ์ Pyralidae (ช.) วงศย์ อ่ ย วงศ์ยอ่ ย (ช.) วงศ์ Sphingidae (ซ.) วงศ์ย่อย Macroglossinae (ซ.)
1 บทที่ 1 บทนา ท่ีมาและความสาคัญ ผีเส้ือกลางคืน (Moths) จัดอยู่ในอันดับ (Lepidoptera) เป็นกลุ่มส่ิงมีชีวิตท่ีมีความ หลากหลายและมีความชุกชุมมากกลุ่มหน่ึง (De Smedt et al., 2018) ผีเสื้อกลางคืนสามารถ แบ่งย่อยได้เป็น 2 กลุ่ม โดยใช้ลักษณะโครงสร้างภายนอกคือ ความยาวของปีก ได้แก่ ผีเส้ือกลางคืน ขนาดใหญ่ (Macro-moth) ซ่ึงมีความยาวปีกมากกว่า 20 มิลลิเมตรขึ้นไป และผีเสื้อกลางคืนขนาด เล็ก (Micro-moth) ซึ่งมคี วามยาวปีกนอ้ ยกว่าหรอื เท่า 20 มลิ ลิเมตร (Sutrisno, 2007) ผีเส้ือกลางคืน มักออกหากินตอนพลบค่า มีความสาคัญต่อระบบนิเวศ และสร้างความ สมดุลให้แก่ธรรมชาติโดยตัวเต็มวัยช่วยผสมเกสร (ศูนย์วิจัยความหลากหลายทางชีวภาพเฉลิมพระ เกียรติ 72 พรรษา บรมราชินี, 2553) รวมท้ังมีการแพร่กระจายกว้างขวางในทุกสภาพพ้ืนท่ี และ สามารถใช้เป็นดชั นบี ่งบอกการเปลยี่ นแปลงของสภาพปา่ ไม้ (Summerville et al., 2004) ปัจจุบันป่าไม้ในประเทศไทยมีแนวโน้วในการบุกรุกทาลายมากข้ึน ส่งผลกระทบต่อการ เปล่ียนแปลงจานวนประชากรของส่ิงมีชีวิต เช่น ผีเสื้อหลายชนิดในประเทศไทยอยู่ในภาวะใกล้สูญ พันธุ์ หรอื บางชนิดสูญพันธุ์ไปแล้ว สาเหตมุ าจากปริมาณพืชอาหารของหนอนผเี สื้อลดลงหรือสูญพันธ์ุ (มูฮาหมัดตายุดิน และคณะ, 2553) จึงมีการจัดตั้งพ้ืนที่เขตอนุรักษ์ เขตห้ามล่าสัตว์ป่า และสวนสัตว์ โดยสวนสัตว์ในประเทศไทยอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบขององค์การสวนสัตว์ ซ่ึงองค์การสวนสัตว์อยู่ ภายใต้การดูแลของโครงการอนุรักษ์พนั ธกุ รรมพืช (อพ.สธ.) (องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์, 2558) สวนสัตว์สงขลาเป็นพ้ืนที่ซึ่งมีมนุษย์เข้ามาใช้ประโยชน์โดยส่วนใหญ่ในเชิงการท่องเที่ยว และมีพ้ืนท่ีปกปักพันธุกรรมพืช ซ่ึงปัจจุบันไม่มีการใช้ประโยชน์จากมนุษย์ (สวนสัตว์สงขลา, 2559) ขณะท่ีการสารวจผีเสื้อกลางคืนในพื้นที่สวนสัตว์ พบว่ามีรายงานค่อนข้างน้อย เช่น การสารวจชนิด และการแพร่กระจายของผีเส้ือกลางคืนในพน้ื ท่ีซึ่งมีการเข้ามาใช้ประโยชน์ของมนุษย์ (จิราวดี, 2556) แต่ไม่มีรายงานการสารวจในพ้ืนที่ปกปักพันธุกรรมพืชของสวนสัตว์สงขลาและพ้ืนที่ใช้ประโยชน์จาก มนุษยใ์ นระดับปานกลาง จงึ เปน็ ทีม่ าของโครงงานวจิ ัยครั้งน้ี
2 คาถามงานวจิ ยั สังคมของผีเส้ือกลางคืนขนาดใหญ่ในพื้นที่ปกปักพันธุกรรมพืชและพ้ืนท่ีใช้ประโยชน์จาก มนษุ ในระดบั ปานกลางย์ของสวนสตั ว์สงขลา จงั หวดั สงขลา มคี วามแตกตา่ งกันหรือไม่ สมมุติฐาน สงั คมของผีเสื้อกลางคนื ขนาดใหญใ่ นพ้นื ทพี่ นั ธุกรรมพืชและพ้ืนทใี่ ช้ประโยชนจ์ ากมนุษย์ใน ระดบั ปานกลางของสวนสัตว์สงขลา จังหวดั สงขลา มคี วามแตกต่างกนั วตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือสารวจและเปรียบเทียบสังคมของผีเสื้อกลางคืนขนาดใหญ่ในพื้นท่ีปกปักพันธุกรรมพืช และพื้นท่ีใช้ประโยชน์จากมนุษย์ในระดับปานกลางของสวนสัตว์สงขลา จังหวัดสงขลา ในช่วง ระยะเวลา 19.00 – 22.15 น. ในชว่ งเดือนธนั วาคม 2562 – กมุ ภาพันธ์ 2563 ประโยชนท์ ค่ี าดวา่ จะได้รับ เพื่อข้อมูลพ้ืนฐานด้านนิเวศวิทยาของของแมลงในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย และเป็น ขอ้ มลู พืน้ ฐานด้านทรัพยากรชีวภาพในสวนสัตวส์ งขลา
3 บทตรวจเอกสาร การสารวจความหลากหลายของผีเส้ือกลางคืนในภูมิภาคต่างๆของโลก พบผีเสื้อกลางคืน ทั้งหมดประมาณ 180,000 ชนิดทั่วโลก (De Smedt et al., 2018) และประเทศไทยสารวจพบผีเส้ือ กลางคนื จานวนไม่นอ้ ยกว่า 10,000 ชนิด (เกรียงไกร, 2556) การสารวจความหลากหลายของผีเส้ือกลางคืนขนาดใหญ่ในภาคใต้ของประเทศไทยพบ จานวนวงศ์ วงศย์ ่อย สกุล ชนดิ และตัวแตกตา่ งกนั ในแต่ละพืน้ ท่ี ตัวอยา่ งเชน่ ป่าบาลาเขตรกั ษาพันธุ์ สัตว์ป่าฮาลา - บาลา จังหวัดนราธิวาส สารวจพบผีเสื้อหนอนคืบทั้งหมด 5 วงศ์ย่อย 17 เผ่า 67 สกุล 129 ชนิด และ 756 ตัว โดยวงศ์ย่อย Ennominae พบจานวนชนิดมากที่สุด และช่วงเวลา 20.00 น. – 22.00 น. พบจานวนตวั และชนดิ มากที่สุด (ชัยวฒั น์, 2546) ขณะที่เขตรกั ษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง จังหวัดสงขลา สารวจพบผีเส้ือหนอนคืบทั้งหมด 5 วงศ์ย่อย 14 เผ่า 65 สกุล 123 ชนิด และ 866 ชนิด โดยวงศ์ย่อย Ennominae พบจานวนชนิดมากท่ีสุด และช่วงเวลา 18.00 – 20.00 น. พบ จานวนชนิดมากที่สุด (มณฑล, 2544) นอกจากนี้การสารวจผีเสื้อกลางคืนในพ้ืนท่ีอนุรักษ์บริเวณเขา คอหงส์ จังหวัดสงขลา พบผีเส้ือกลางคืนทั้งหมด 11 วงศ์ และ 523 ตัว โดยวงศ์ Geometridae พบ จานวนตัวมากที่สุด และช่วงเวลา 18.00 น. – 20.00 น. สารวจพบจานวนตัวมากที่สุด ยกเว้นผีเสื้อ กลางคืนขนาดเล็กในวงศ์ Pyralidae และ Oecophoridae (พรพิศ, 2553) และการสารวจผีเสื้อ กลางคืนในหุบเขาลาพญา จังหวัดยะลา พบผีเส้ือกลางคืนทั้งหมด 8 วงศ์ 26 สกุล และ 31 ชนิด โดย วงศ์ Noctuidae พบจานวนชนิดมากท่สี ุด (มฮู าหมดั ตายดุ นิ และคณะ, 2553) การสารวจผีเสื้อกลางคนื ในพน้ื ท่ีสวนสัตว์ จงั หวัดสงขลา พบว่ามรี ายงานค่อนข้างน้อย โดย การสารวจในพ้ืนที่ซึ่งใช้ในการจัดแสดงสัตว์พบผีเสื้อกลางคืนท้ังหมด 11 วงศ์ และ 28 ชนิด โดยวงศ์ Noctuidae พบจานวนชนิดมากที่สดุ (จิราวดี, 2556)
4 บทที่ 2 อปุ กรณแ์ ละวธิ กี ารศกึ ษา 1. พนื้ ทศ่ี กึ ษา สวนสัตว์สงขลาตั้งอยใู่ นบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกของประเทศไทย โดยตัง้ อยู่ที่ เลขที่ 189 ถนนสงขลา-นาทวี ตาบลเขารปู ช้าง อาเภอเมอื ง จงั หวัดสงขลา (ภาพท่ี 1) (สวนสตั วส์ งขลา, 2559) ภาพที่ 1 ที่ต้งั ของสวนสตั วส์ งขลา จังหวดั สงขลา Formatted: Left (ทมี่ า: http://nantawatso.blogspot.com/2012/09/blog-post.html) จังหวัดสงขลาอยู่ภายใต้อิทธิพลของมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ระหว่างกลางเดือนพฤษภาคม ถึงกลางเดือนตุลาคม และมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างกลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือน กุมภาพันธ์ และช่วงท่ีมีฝนตกมากท่ีสุดคือ เดือนพฤศจิกายน มีฝนเฉลี่ย ประมาณ 545.9 มิลลิเมตร (ศนู ย์ภูมอิ ากาศ กองพฒั นาอุตนุ ยิ มวิทยา, 2562) สวนสัตว์สงขลามีสภาพภูมิอากาศแบบชื้นและกึ่งช้ืน โดยมีลักษณะภูมิอากาศและสังคมพชื คล้ายกับบรเิ วณเขาคอหงส์ อาเภอหาดใหญ่ จังหวดั สงขลา ซ่งึ ชนดิ ของป่าอยใู่ นเขตภูมอิ ากาศระหว่าง ปา่ ดิบแล้งและปา่ ดิบช้นื (ประกาศ และคณะ, 2556) สวนสัตว์สงขลามีสังคมพืชโดยแบ่งตามประเภทของพ้ืนที่ได้แก่ พ้ืนท่ีปกปักพันธุกรรมพืชมี สังคมพืชตามสันเขาที่มีดินตื้นและมีหินโผล่อยู่ท่ัวไป ส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยไม้ยืนต้นและไม้พุ่มขนาด ใหญ่ และพื้นที่ใช้ประโยชนจ์ ากมนุษย์ในระดบั ปานกลาง ส่วนใหญ่เป็นพน้ื ท่ีราบและโล่ง ส่วนใหญ่ปก คลุมดว้ ยไม้พุ่มขนาดเลก็
5 2. ขอบเขตการวจิ ยั และวธิ กี ารดาเนนิ การ ขอบเขตการวจิ ยั สารวจผีเสื้อกลางคืนขนาดใหญ่ภายในสวนสัตว์สงขลา อาเภอเมือง จังหวัดสงขลา โดย สารวจในสองพ้ืนที่ (ภาพที่ 2) ได้แก่ พื้นท่ีปกปักพันธุกรรมพืช (ภาพที่ 3) และพ้ืนท่ีใช้ประโยชน์จาก มนุษย์ในระดับปานกลาง โดยพ้ืนท่ีน้ีมีการใช้ประโยชน์ในการเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าหายากและอนุญาตให้ ใช้พ้ืนที่เฉพาะเจ้าหน้าท่ีของสวนสัตว์เท่าน้ัน (ภาพที่ 4) ในระยะเวลา 3 เดือน ต้ังแต่เดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 ถึงกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 โดยสารวจผเี ส้ือกลางคืนทกุ เดือนๆ ละ 2 ครัง้ ในแตล่ ะพ้นื ท่ี ภาพท่ี 2 ตาแหนง่ ของสองพ้นื ทห่ี ลักในการสารวจผีเสอื้ กลางคืนขนาดใหญ่ในสวนสัตว์สงขลา Formatted: Left (ทม่ี า: http://www.songkhla.zoothailand.org/index.php.)
6 ภาพที่ 3 พื้นที่ปกปกั พันธกุ รรมพืช ภาพที่ 4 พน้ื ทใ่ี ช้ประโยชนจ์ ากมนุษยใ์ น ระดับปานกลาง วธิ ีการสารวจผเี ส้ือกลางคนื ขนาดใหญ่ สารวจและเก็บตัวอย่างผีเส้ือกลางคืนขนาดใหญ่ 2 พื้นที่ คือ พื้นท่ีปกปักพันธกุ รรมพืชและ พื้นท่ีใช้ประโยชน์จากมนุษย์ในระดับปานกลาง โดยซึ่งในแต่ละพื้นท่ีมีการสุ่มจะแบ่งย่อยเป็น 2 บรเิ วณ เกบ็ ตัวอยา่ งผีเสอ้ื กลางคนื ขนาดใหญโ่ ดยการ ภาพท่ี 5 การวางกบั ดักแสงไฟ Formatted: Left การศกึ ษาในหอ้ งปฏิบัตกิ าร นาตัวอย่างผีเสื้อกลางคืนขนาดใหญ่ซ่ึงสลบหรือเสียชีวิต มาจัดรูปร่างโดยใช้เข็มปักแมลง เบอร์ 0, 1 และ 3 จัดให้ขอบล่างของปีกคู่หน้าต้ังฉากกับลาตัว และปีกคู่หน้าซ้อนทับบนปีกคู่หลัง (ภาพท่ี 6) เม่ือจัดรูปร่างเสร็จแล้ว นาตัวอย่างผีเส้ือกลางคืนขนาดใหญ่ ใส่ในตู้อบความร้อนโดยใช้ อุณหภูมปิ ระมาณ 50-55 องศาเซลเซียส เปน็ เวลา 48 ชั่วโมง
7 ภาพท่ี 6 แสดงข้นั ตอนการจดั รูปร่างของผเี สอื้ แบบถาวร โดยเรม่ิ จาก A.-F. Formatted: Left (ทีม่ า: ดัดแปลงจาก Triplehorn and Johnson, 2005) จัดจาแนกชนิดผีเสื้อกลางคืนขนาดใหญ่โดยใช้ลักษณะสัณฐานภายนอก (external morphology) ของตัวเต็มวัย เช่น ขนาด ลวดลายบนปีก และรูปร่างปีก เป็นต้น จาแนกโดยใช้ รูปภาพ (pictorial key) ของหนังสือ Moths of Borneo (Holloway, 1983, Holloway, 1985, Holloway, 1986, Holloway, 1987, Holloway, 1988, Holloway, 1989, Holloway, 1993, Holloway, 1996, Holloway, 1997, Holloway, 1999, Holloway, 2003 และ Holloway, 2005) หนังสือ Moths of Thailand (Barlow, 1982, Carter 992, Robinson et al., 1994, Inoue et al., 1997, Pinratana, 2005, Pinratana, 2007 และ Pinratana, 2009) และหนังสือผีเส้ือกลางคืนใน ประเทศไทย (สขุ สวสั ดิ์, 2560) ตัวอยา่ งผีเสือ้ กลางคืนขนาดใหญ่ซึ่งจัดรูปร่างและจัดจาแนกชนดิ แลว้ นามาถา่ ยภาพโดยใช้ กล้องดิจติ อล (DSLR) และกลอ้ งสตอริโอ รุน่ Olympus BX51 หลังจากนั้นนาภาพที่ได้มาตัดแต่งโดย ใชโ้ ปรแกรม Photoshop CC เวอร์ชัน่ 2019 3. การวเิ คราะหข์ ้อมูล วิเคราะห์และการสร้างตารางข้อมูลโดยใช้ Microsoft Office Excel 2019 โดยมีการ วเิ คราะหด์ งั นี้ 3.1) องค์ประกอบชนิด (species composition) โดยวิเคราะห์สัดส่วนจานวนชนิดของ ผีเส้ือกลางคืนขนาดใหญ่ในระดับวงศ์ วงศ์ย่อย และสกุล ในท้ังสองพื้นที่ โดยพิจารณาและ เปรียบเทียบความถี่ในการปรากฏของผีเสื้อกลางคืนขนาดใหญ่แต่ละชนิดในแต่ละคร้ังของการสารวจ โดยค่าการปรากฏของผีเสื้อกลางคืนขนาดใหญ่แบ่งเป็นสามระดับ ได้แก่ พบบ่อย = พบมากกว่า 70
8 เปอร์เซ็นต์ พบปานกลาง = พบ 40–69 เปอร์เซ็นต์ และพบน้อยมาก = พบน้อยกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ (ศศิธร, 2551) ใชส้ ูตรดังนี้ การปรากฏ (เปอรเ์ ซ็นต)์ = จานวนคร้งั ซึ่งพบผีเส้ือกลางคืนชนิดนั้น × 100 จานวนครง้ั ซ่ึงสารวจทั้งหมด 3.2) เปรียบเทียบค่าความคลายคลึง (similarity) ของชนิดผีเส้ือกลางคืนขนาดใหญ่ในท้ัง สองพ้ืนที่ โดยวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์ความคล้ายคลึงของชนิดผีเส้ือกลางคืนขนาดใหญ่ และใช้ sorensen similarity Index (Magurran, 2004) โดยค่าความคล้ายคลึงของชนิดผีเสื้อกลางคืนขนาด ใหญ่มีค่าอยู่ในช่วง 0–1 และแบ่งเป็นสองช่วงได้แก่ ความคล้ายคลึงน้อย = 0.00 – 0.50 และความ คล้ายคลึงมาก = 0.51 – 1.00 ใชส้ ูตรดงั น้ี ความคล้ายคลึง ������������ = 2������ 2������ + ������ + ������ เมอื่ Cs = ดัชนคี วามคล้ายคลงึ ของผเี ส้อื กลางคืนขนาดใหญใ่ นแต่ละพ้นื ท่ี 2a = จานวนชนดิ ของผเี ส้อื กลางคนื ขนาดใหญ่ซึ่งพบทั้ง 2 พน้ื ที่ b = จานวนชนิดของผีเสอ้ื กลางคนื ขนาดใหญ่ซ่ึงพบเฉพาะในพืน้ ที่ ปกปักพันธกุ รรมพืช c = จานวนชนดิ ของผีเสอื้ กลางคืนขนาดใหญ่ซ่ึงพบเฉพาะพื้นท่ีซ่ึงมี การใชป้ ระโยชนจ์ ากมนุษย์ในระดับปานกลาง
9 บทที่ 3 ผลการศกึ ษา การสารวจสังคมของผีเส้ือกลางคืนขนาดใหญ่ในพ้ืนท่ีปกปักพันธุกรรมพืช และพ้ืนที่ใช้ ประโยชน์จากมนุษย์ในระดับปานกลาง ระหว่างเดือนธันวาคม 2562 ถึงกุมภาพันธ์ 2563 พบผีเส้ือ กลางคืนขนาดใหญ่ท้ังหมด 199 ตัว ใน 10 วงศ์ 33 วงศ์ย่อย 73 สกุล และ 84 ชนดิ (ตารางที่ 1) โดย วงศ์ Noctuidae (ภาพท่ี 13 จ. -16 ช.) พบจานวนวงศย์ ่อย สกุล และชนดิ มากทส่ี ดุ (10 วงศย์ ่อย 24 สกุล และ 30 ชนิด) รองลงมาคือวงศ์ Erebidae (ภาพท่ี 9 ง.- 11 ฉ.) (2 วงศ์ย่อย 17 สกุล และ 21 ชนดิ ) ขณะที่วงศ์ Notodontidae (ภาพที่ 16 ซ.), Thyrididae (ภาพที่ 17 ง.) และ Uraniidae (ภาพ ที่ 17 จ.) พบจานวนชนดิ น้อยท่ีสดุ (วงศ์ละ 1 ชนิด) ดงั แสดงในตารางท่ี 1 เม่ือพิจารณาจานวนวงศ์ วงศ์ย่อย สกุล และชนิดของผีเส้ือกลางคืนขนาดใหญ่ในท้ังสอง พ้ืนท่ีพบว่า พื้นท่ีใช้ประโยชน์จากมนุษย์ในระดับปานกลางพบจานวนวงศ์ย่อย สกุล และชนิดของ ผีเส้ือกลางคืนขนาดใหญ่มากกว่าพื้นท่ีปกปักพันธุกรรมพืช (23 วงศ์ย่อย 46 สกุล 55 ชนิด และ 21 วงศ์ย่อย 41 สกุล 46 ชนิด ตามลาดับ) ขณะท่ีพื้นท่ีปกปักพันธุกรรมพืชพบจานวนวงศ์ของผีเสื้อ กลางคืนขนาดใหญ่มากกว่าในพื้นที่ใช้ประโยชน์จากมนุษย์ในระดับปานกลาง (10 และ 9 วงศ์ ตามลาดับ) นอกจากน้ีพบว่าท้ังสองพ้ืนท่ีพบจานวนชนิดของผีเสื้อกลางคืนขนาดใหญ่ซึ่งไม่สามารถ ระบชุ นิดไดเ้ ท่ากันคือพนื้ ทล่ี ะ 5 ชนิด (ตารางท่ี 1) ตารางที่ 1 จานวนวงศ์ วงศย์ ่อย สกลุ ชนดิ และสัดส่วนจานวนสกุลและชนิด (เปอร์เซน็ ต์) ของผเี สื้อกลางคืน ขนาดใหญ่ ผเี สื้อกลางคนื ขนาดใหญ่ในพน้ื ท่ีปกปกั พันธกุ รรมพืชและพ้ืนทใี่ ชป้ ระโยชนจ์ ากมนุษย์ในระดับปานกลางของ สวนสตั ว์สงขลา ของสวนสัตว์สงขลา พน้ื ทป่ี กปัก พน้ื ทใี่ ชป้ ระโยชน์ พนั ธกุ รรมพชื จากมนษุ ยใ์ นระดบั จานวน ปานกลาง วงศ์ วงศย์ อ่ ย ชนดิ รวม สกลุ ชนดิ สกลุ ชนดิ (รอ้ ยละ) 1. Crambidae 1. Spilomelinae (รอ้ ยละ) (รอ้ ยละ) (รอ้ ยละ) (รอ้ ยละ) 2. Erebidae 1. Arctiinae 2. Lymantriinae 2 (5) 3 (7) 5(11) 6 (11) 6 (7) 3. Geometridae 3. Unknown sp. 6 1. Boarmiina 3 (7) 3 (7) 9(19) 11(20) 13 (16) 2. Desmobathrinae 3 (7) 3 (7) 4 (9) 5 (9) 7 (9) - 1 (2) - - 1 (1) 1 (2) 1 (2) - - 1 (1) - - 1 (2) 1 (2) 1 (1)
10 3. Drepaninae 1 (2) 1 (2) - - 1 (1) 4. Ennominae 4 (10) 5 (11) 3 (7) 3 (5) 6 (7) ตารางท่ี 1 (ตอ่ เนื่อง) พื้นทป่ี กปกั พ้ืนทใี่ ชป้ ระโยชน์ พนั ธกุ รรมพชื จากมนษุ ยใ์ นระดบั จานวน ปานกลาง วงศ์ วงศย์ อ่ ย ชนดิ รวม สกลุ ชนดิ สกลุ ชนดิ (รอ้ ยละ) (รอ้ ยละ) (รอ้ ยละ) (รอ้ ยละ) (รอ้ ยละ) 5. Geometrinae 3 (7) 3 (7) 4 (9) 4 (7) 4 (5) 6. Microniinae 7. Sterrhinae 1 (2) 1 (2) - - 1 (1) 1. Limacodinae 2. Unknown sp. 5 - - 1 (2) 2 (3) 2 (3) 1. Acontiinae 4. Limacodidae 2. Acronictinae 2 (5) 2 (4) - - 2 (3) 5. Noctuidae 3. Aganainae 4. Catocalinae - - - 1 (2) 1 (1) 6. Notodontidae 5. Hadeninae 7. Pyralidae 6. Herminiinae - - 1 (2) 1 (2) 1 (1) 8. Sphingidae 7. Noctuinae 8. Pantheinae - - 1 (2) 1 (2) 1 (1) 9. Plusiinae 10. Stictopterinae 3 (7) 3 (7) 1 (2) 2 (3) 4 (5) 11. Unknown sp. 2 6 (15) 6 (13) 6 (13) 6 (11) 10 (12) 12. Unknown sp. 3 1 (2) 1 (2) 1 (2) 1 (2) 2 (3) 13. Unknown sp. 9 3 (7) 3 (7) 1 (2) 2 (3) 5 (6) 1. Pygaerinae - - 1 (2) 1 (2) 1 (1) 1. Galleriinae 2. Phycitinae - - 1 (2) 1 (2) 1 (1) 1. Macroglossinae 2. Sphinginae - - 1 (2) 1 (2) 1 (1) - - 1 (2) 1 (2) 1 (1) - 1 (2) - - 1 (1) - 1 (2) - - 1 (1) - - - 1 (2) 1 (1) 1 (2) 1 (2) - - 1 (1) 1 (2) 1 (2) 1 (2) 1 (2) 1 (1) 1 (2) 1 (2) - - 1 (1) 2 (5) 2 (4) 1 (2) 1 (2) 2 (3) 1 (2) 1 (2) - - 1 (1)
11 9. Thyrididae 1. Striglininae 1 (2) 1 (2) 1 (2) 1 (2) 1 (1) 10. Uraniidae 1. Epipleminae 1 (2) 1 (2) 1 (2) 1 (2) 1 (1) จานวนรวม 41 46 46 55 84 จานวนชนดิ ซงึ่ พบเฉพาะพน้ื ท่ี 25 29 31 38 - เม่ือพิจารณาจานวนชนิดของผีเส้ือกลางคืนขนาดใหญ่ซึ่งพบเฉพาะพื้นท่ี พบว่าพ้ืนท่ีใช้ ประโยชน์จากมนุษย์ในระดับปานกลางพบจานวนชนดิ มากกว่าพน้ื ที่ปกปักพันธุกรรมพืช (38 และ 29 ชนดิ ตามลาดับ) ดังแสดงในตารางท่ี 2 ตารางที่ 2 ชนิดของผีเสอ้ื กลางคืนขนาดใหญ่ ซึ่งพบเฉพาะในพื้นทปี่ กปกั พันธกุ รรมพชื และพื้นที่ ใช้ประโยชนจ์ ากมนษุ ย์ในระดับปานกลางของสวนสัตวส์ งขลา พื้นที่ปกปักพันธกุ รรมพืช พืน้ ท่ีใชป้ ระโยชน์จากมนุษย์ในระดบั ปานกลาง Acropteris ciniferaria (Walker, 1866) Acronicta pruinosa (Guenée, 1852) (ภาพท่ี 12 ช.) (ภาพที่ 13 ฉ.) Adrapsa quadrilinealis Wileman, 1914 Amerila astreus (Drury, 1773) (ภาพที่ 15 ง.) (ภาพท่ี 9 จ.) Amata leopoldi (Hering, 1934) Arctornis sp. (ภาพท่ี 9 ง.) (ภาพท่ี 10 ซ.) Asota caricae (Fabricius, 1775) Artaxa digramma Boisduval, 1844 (ภาพที่ 13 ช.) (ภาพที่ 11 ก.) Buzura sp. Arteena sp. (ภาพท่ี 12 ข.) (ภาพที่ 14 ข.) Callopistria rivularis Walker, 1858 Avatha discolor (Fabricius, 1794) (ภาพท่ี 15 ข.) (ภาพที่ 14 ค.) Eressa confinis (Walker, 1854) Bocula marginata Moore, 1882 (ภาพท่ี 10 ก.) (ภาพท่ี 14 ง.) Erygin apicalis Guenée, 1852 Brunia antica (Walker, 1854) (ภาพที่ 14 ฉ.) (ภาพท่ี 9 ฉ.) Etiella zinckenella (Treitschke, 1832) B. lacrima (Černý, 2009) (ภาพที่ 17 ก.) (ภาพท่ี 9 ช.) Hypocala sp. Comibaena sp. (ภาพท่ี 14 ช.) (ภาพที่ 12 ฉ.) Idia fulvipicta (Butler, 1889) Creatonotos transiens (Walker, 1855) (ภาพท่ี 15 จ.) (ภาพท่ี 9 ซ.) Ilema sp. Derambila fragilis (Butler, 1880) (ภาพท่ี 11 ข.) (ภาพที่ 11 ซ.) Macroglossum corythus Butler, 1875 Dinumma sp.
12 (ภาพที่ 17 ข.) (ภาพที่ 14 จ.) Mecodina poaphiloides Walker, 1864 Donda eurychlora Walker, 1858 (ภาพท่ี 14 ซ.) (ภาพที่ 16 ข.) ตารางท่ี 2 (ตอ่ เนอ่ื ง) พนื้ ท่ใี ชป้ ระโยชน์จากมนษุ ย์ในระดับปานกลาง Garudinia biplagiata Hampson, 1896 พ้ืนที่ปกปักพนั ธุกรรมพชื (ภาพที่ 10 ข.) Meganoton nyctiphanes (Walker, 1856) Glyphodes bivitralis Guenée, 1854 (ภาพท่ี 17 ค.) (ภาพท่ี 9 ก.) Micromelalopha sp. Graphania omicron (Hudson, 1898) (ภาพที่ 16 ซ.) (ภาพท่ี 16 ก.) Neochera dominia (Cramer, 1780) Lophoptera sp. (ภาพที่ 13 ซ.) (ภาพที่ 16 ง.) Scoplodes sp. Macotasa sp. (ภาพที่ 13 ข.) (ภาพที่ 10 ค.) Simplicia xanthoma Prout, 1928 Nishada sambara (Moore, 1859) (ภาพท่ี 15 ช.) (ภาพท่ี 10 ง.) Susica sinensis (Walker, 1856) N. sp. (ภาพที่ 13 ค.) (ภาพท่ี 10 จ.) Tephriopis divulsa (Walker, 1865) Orvaaca bicolor (Heylaerts, 1892) (ภาพท่ี 15 ก.) (ภาพท่ี 11 ค.) Thoyowpongia sp. Paraeuchaetes pseudoinsulata Régo Barros, (ภาพท่ี 11 ช.) 1956 (ภาพที่ 10 ฉ.) Toxoproctis cosmia (Collenette, 1932) (ภาพที่ 11 ง.) Peridrome orbicularis (Walker, 1854) Tridrepana fulvata (Snellen, 1876) (ภาพท่ี 14 ก.) (ภาพที่ 12 ก.) Plusia megaloba Hampson, 1912 Unknown sp. 1 (ภาพที่ 16 ค.) (ภาพที่ 12 จ.) Pyrausta panopealis Walker, 1859 Unknown sp. 2 (ภาพท่ี 9 ข.) (ภาพท่ี 16 จ.) Sameodes cancellalis (Zeller, 1852) Unknown sp. 3 (ภาพท่ี 9 ค.) (ภาพที่ 16 ฉ.) Scardamia sp. Unknown sp. 6 (ภาพท่ี 12 ค.) (ภาพท่ี 11 ฉ.) Scopula parodites Prout, 1931 Zamarada denticulata Moore, 1887 (ภาพท่ี 12 ซ.) (ภาพท่ี 12 ง.)
13 ตารางที่ 2 (ต่อเนอ่ื ง) S. sp. พ้ืนท่ีปกปกั พนั ธุกรรมพืช (ภาพท่ี 13 ก.) Simplicia sp. (ภาพที่ 15 ฉ.) พนื้ ทีใ่ ชป้ ระโยชนจ์ ากมนุษย์ในระดบั ปานกลาง Smicroloba quadrapex Hampson, 1891 (ภาพท่ี 13 จ.) Spilosoma procedra (Swinhoe, 1907) (ภาพที่ 10 ช.) Spodoptera litura (Fabricius, 1775) (ภาพที่ 15 ค.) Unknown sp. 5 (ภาพท่ี 13 ง.) Unknown sp. 7 (ภาพที่ 11 จ.) Unknown sp. 8 (ภาพที่ 15 ซ.) Unknown sp. 9 (ภาพท่ี 16 ช.) การปรากฏของผเี สอ้ื กลางคนื ขนาดใหญ่ในท้ังสองพื้นที่พบว่า ชนิดผเี สอ้ื กลางคืนขนาดใหญ่ โดยส่วนใหญ่พบน้อย (นอ้ ยกว่ารอ้ ยละ 40) โดยพบจานวน 38 และ 40 ชนดิ ในพ้นื ท่ีปกปักพนั ธุกรรม พชื และพ้ืนทีใ่ ช้ประโยชน์จากมนษุ ย์ในระดบั ปานกลาง ตามลาดบั ขณะทีพ่ ้ืนที่ใชป้ ระโยชน์จากมนุษย์ ในระดับปานกลางพบการปรากฏของชนิดผเี ส้ือกลางคนื ขนาดใหญ่ในระดับปานกลาง (รอ้ ยละ 40-69) มากกว่าพื้นที่ปกปกั พันธุกรรมพชื (16 และ 8 ชนิด ตามลาดับ) ดังแสดงในตารางที่ 3 และ 4
14 ตารางที่ 3 แสดงความถใี่ นการปรากฏของผีเสือ้ กลางคืนขนาดใหญ่ในพน้ื ท่ีปกปกั พนั ธกุ รรมพืชของสวนสัตว์ สงขลา พบบอ่ ย พบปานกลาง พบนอ้ ย (มากกวา่ 70 (40-69 เปอรเ์ ซน็ ต)์ (น้อยกวา่ 40 เปอรเ์ ซน็ ต)์ เปอรเ์ ซน็ ต)์ 1. Achroia grisella (Fabricius, 1794) 1. Acropteris ciniferaria (Walker, 1866) 2. Adrapsa quadrilinealis Wileman, 1914 2. Amata leopoldi (Hering, 1934) 3. Albinospila sp. 3. Asota caricae (Fabricius, 1775) 4. Argyrocosma sp. 4. Buzura sp. 5. Callopistria rivularis Walker, 1858 5. Clethrogyna turbata Butler, 1879 6. Epiplema sp. 6. Cnaphalocrocis sp. 7. Peridrome subfascia (Walker, 1854) 7. Eressa confinis (Walker, 1854) 8. Thalassodes immissaria Walker, 1861 8. Erygin apicalis Guenée, 1852 9. Enpinanga borneensis (Butler, 1879) 10. Etiella zinckenella (Treitschke, 1832) 11. Gesonia obeditalis Walker, 1859 12. Hypocala sp. 13. Idia fulvipicta (Butler, 1889) 14. Ilema sp. 15. Macroglossum corythus Butler, 1875 16. Mecodina poaphiloides Walker, 1864 17. Meganoton nyctiphanes (Walker, 1856) 18. Metoeca sp. 19. Micromelalopha sp. 20. Nadagara sp 21. Naganoella timandra (Alpheraky, 1897) 22. Neochera dominia (Cramer, 1780) 23. Psilalcis bisinuata (Hampson, 1895) 24. Scoplodes sp. 25. Simplicia sp. 26. Striglina buergersi Gaede, 1922 27. Susica sinensis (Walker, 1856) 28. Tephriopis divulsa (Walker, 1865) 29. Thoyowpongia sp. 30. Toxoproctis cosmia (Collenette, 1932) 31. Tridrepana fulvata (Snellen, 1876) 32. Trischalis subaurana (Walker, 1863) 33. Unknown sp. 1 34. Unknown sp. 2
15 ตารางท่ี 3 (ตอ่ เนอ่ื ง) พบปานกลาง 35. Unknown sp. 3 (40-69 เปอรเ์ ซน็ ต)์ 36. Unknown sp. 4 พบบอ่ ย (มากกวา่ 70 พบนอ้ ย เปอรเ์ ซน็ ต)์ (น้อยกวา่ 40 เปอรเ์ ซน็ ต)์ 37. Unknown sp. 6 38. Zamarada denticulata Moore, 1887 ตารางท่ี 4 แสดงความถ่ใี นการปรากฏของผีเส้อื กลางคืนขนาดใหญ่ในพ้นื ทใ่ี ช้ประโยชน์จากมนุษย์ในระดับ ปานกลางของ สวนสัตว์สงขลา พบบอ่ ย พบปานกลาง พบนอ้ ย (มากกวา่ 70 (40-69 เปอรเ์ ซน็ ต)์ (นอ้ ยกวา่ 40 เปอรเ์ ซน็ ต)์ เปอรเ์ ซน็ ต)์ 1. Achroia grisella (Fabricius, 1794) 1. Acronicta pruinosa (Guenée, 1852) 2. Albinospila sp. 2. Amerila astreus (Drury, 1773) 3. Arctornis sp. 3. Argyrocosma sp. 4. Artaxa digramma Boisduval, 1844 4. Arteena sp. 5. Creatonotos transiens (Walker, 1855) 5. Avatha discolor (Fabricius, 1794) 6. Dinumma sp. 6. Bocula marginata Moore, 1882 7. Glyphodes bivitralis Guenée, 1854 7. Brunia antica (Walker 1854) 8. Metoeca sp. 8. B. lacrima (Černý, 2009) 9. Nadagara sp. 9. Clethrogyna turbata Butler, 1879 10. Paraeuchaetes pseudoinsulata Régo 10. Cnaphalocrocis sp. 11. Comibaena sp. Barros, 1956 11. Peridrome subfascia (Walker, 1854) 12. Derambila fragilis (Butler, 1880) 12. Psilalcis bisinuata (Hampson, 1895) 13. Donda eurychlora Walker, 1858 13. Sameodes cancellalis (Zeller, 1852) 14. Enpinanga borneensis (Butler, 1879) 14. Simplicia sp. 15. Epiplema sp. 15. Smicroloba quadrapex Hampson, 1891 16. Garudinia biplagiata Hampson, 1896 16. Thalassodes immissaria Walker, 1861 17. Gesonia obeditalis Walker, 1859 18. Graphania omicron (Hudson, 1898) 19. Lophoptera sp. 20. Macotasa sp. 21. Naganoella timandra (Alpheraky, 1897) 22. Nishada sambara (Moore, 1859) 23. N. sp. 24. Orvaaca bicolor (Heylaerts, 1892)
16 ตารางที่ 4 (ตอ่ เนอ่ื ง) พบปานกลาง 25. Peridrome orbicularis (Walker, 1854) (40-69 เปอรเ์ ซน็ ต)์ 26. Plusia megaloba Hampson, 1912 พบบอ่ ย 27. Pyrausta panopealis Walker, 1859 (มากกวา่ 70 28. Scardamia sp. เปอรเ์ ซน็ ต)์ พบนอ้ ย (นอ้ ยกวา่ 40 เปอรเ์ ซน็ ต)์ 29. Scopula parodites Prout, 1931 30. S. sp. 31. Comibaena sp. 32. Spilosoma procedra (Swinhoe, 1907) 33. Spodoptera litura (Fabricius, 1775) 34. Striglina buergersi Gaede, 1922 35. Trischalis subaurana (Walker, 1863) 36. Unknown sp. 4 37. Unknown sp. 5 38. Unknown sp. 7 39. Unknown sp. 8 40. Unknown sp. 9 เมื่อพิจารณาความคล้ายคลึง (similarity) ของชนิดผีเสื้อกลางคืนขนาดใหญ่ในท้ังสองพื้นท่ี พบว่า ความคล้ายคลึงของชนิดผีเส้ือกลางคืนขนาดใหญ่ มีค่าความคล้ายคลึงน้อย (0.20 คิดเป็น ร้อย ละ 20) ดังแสดงในภาพที่ 7 ภาพที่ 7 แสดงจานวนชนดิ ของผีเส้อื กลางคืนขนาดใหญ่ซึ่งพบเฉพาะในแต่ละพืน้ ท่ี Formatted: Thai Distributed Justification และในทง้ั สองพ้นื ท่ีขของสวนสตั ว์สงขลา เมอ่ื พิจารณาวงศ์ของผีเสอ้ื กลางคืนขนาดใหญ่ ในแตล่ ะช่วงเวลาของแต่ละพื้นทพ่ี บว่า พื้นที่ ปกปักพันธุกรรมพืช พบวงศ์ Noctuidae และ Geometridae ในทุกช่วงเวลาของการสารวจ ขณะที่
17 พื้นที่ใชป้ ระโยชนจ์ ากมนุษย์ในระดบั ปานกลาง พบวงศ์ Crambidae, Erebidae และ Noctuidae ใน ทุกชว่ งเวลาของการสารวจ (ภาพที่ 8) เมื่อพิจารณาจานวนชนิดของผีเส้ือกลางคืนขนาดใหญ่ ในแต่ละช่วงเวลาของแต่ละพื้นท่ี พบวา่ ช่วงเวลา 20.00 – 20.15 น. เป็นช่วงเวลาซ่งึ สารวจพบจานวนชนดิ ของผเี สื้อกลางคืนขนาดใหญ่ มากที่สุด ในพ้ืนท่ีพื้นที่ปกปักพันธุกรรมพืชและพ้ืนท่ีใช้ประโยชน์จากมนุษย์ในระดับปานกลาง (20 และ 26 ชนิด หรือคิดเป็นร้อยละ 30 และ 31 ตามลาดับ) ขณะที่ช่วงเวลา 19.00 – 19.15 น. เป็น ช่วงเวลาซึ่งสารวจพบจานวนชนิดของผีเสื้อกลางคนื ขนาดใหญ่นอ้ ยท่ีสุดในพ้นื ท่ีพนื้ ท่ีปกปักพนั ธุกรรม พชื และพน้ื ที่ใชป้ ระโยชนจ์ ากมนุษย์ในระดับปานกลาง (14 และ 13 ชนิด หรอื คดิ เป็นรอ้ ยละ 21 และ 16 ตามลาดับ) ดังแสดงในภาพที่ 8 เมอ่ื พิจารณาจานวนตัวของผีเสื้อกลางคนื ขนาดใหญ่ ในแตล่ ะชว่ งเวลาของแต่ละพนื้ ท่ีพบว่า ช่วงเวลา 22.00 -22:15 น. เปน็ ช่วงเวลาซ่ึงสารวจพบจานวนตวั ของผีเส้ือกลางคืนขนาดใหญ่มากท่ีสุด ในพนท่ีปกปักพันธุกรรมพืช (24 ตัว หรือคิดเป็นร้อยละ 28) ขณะท่ีช่วงเวลา 21.00 – 21.15 น. เป็น ช่วงเวลาซ่ึงสารวจพบจานวนตัวของผีเสื้อกลางคืนขนาดใหญ่มากท่ีสุดในพื้นที่ใช้ประโยชน์จากมนุษย์ ในระดบั ปานกลาง (40 ตัว หรอื คดิ เปน็ รอ้ ยละ 35) นอกจากนพี้ บวา่ ช่วงเวลา 19.00 – 19.15 น. เป็น ช่วงเวลาซ่ึงสารวจพบจานวนตัวของผีเส้ือกลางคืนขนาดใหญ่น้อยที่สุดในพื้นที่พ้ืนที่ปกปักพันธุกรรม พืชและพื้นที่ใช้ประโยชน์จากมนุษย์ในระดับปานกลาง (18 และ 15 ตัว หรือคิดเป็นร้อยละ 21 และ 13 ตามลาดบั ) ดังแสดงในภาพท่ี 8 ภาพท่ี 8 จานวนชนดิ และตัวของผเี ส้ือกลางคืนขนาดใหญ่ในแต่ละวงศ์ ในแตล่ ะช่วงเวลาการสารวจ ในพ้นื ท่ปี กปกั พนั ธกุ รรมพืชและพ้นื ทใี่ ช้ประโยชนจ์ ากมนุษย์ในระดบั ปานกลางของสัตว์สงขลา
18 ภาพท่ี 9 แสดงผีเส้ือกลางคืนขนาดใหญ่ในวงศ์ Crambidae (ก. - ค.) วงศ์ย่อย Spilomelinae (ก. - ค.) และวงศ์ Erebidae (ง. - ซ.) วงศ์ย่อย Arctiinae (ง. - ซ.) ก. Glyphodes bivitralis Guenée, 1854 ข. Pyrausta panopealis Walker, 1859 ค. Sameodes cancellalis (Zeller, 1852) ง. Amata leopoldi (Hering, 1934) จ. Amerila astreus (Drury, 1773) ฉ. Brunia antica (Walker 1854) ช. B. lacrima (Černý, 2009) ซ. Creatonotos transiens (Walker, 1855)
19 ภาพท่ี 10 แสดงผเี ส้ือกลางคืนขนาดใหญ่ในวงศ์ Erebidae (ก. - ซ.) วงศย์ อ่ ย Arctiinae (ก. - ช.) และ วงศย์ ่อย Lymantriinae (ซ.) ข. Garudinia biplagiata Hampson, 1896 ก. Eressa confinis (Walker, 1854) ค. Macotasa sp. ง. Nishada sambara (Moore, 1859) จ. N. sp. ฉ. Paraeuchaetes pseudoinsulata ช. Spilosoma procedra (Swinhoe, 1907) Régo Barros, 1956 ซ. Arctornis sp.
20 ภาพที่ 11 แสดงผีเส้ือกลางคืนขนาดใหญ่ในวงศ์ Erebidae (ก.- ฉ.) วงศ์ย่อย Lymantriinae (ก.- จ.) และวงศ์ Geometridae (ช.- ซ.) วงศ์ยอ่ ย Boarmiina (ช.) และ วงศย์ อ่ ย Desmobathrinae (ซ.) ก. Artaxa digramma Boisduval, 1844 ข. Ilema sp. ค. Orvaaca bicolor (Heylaerts, 1892) ง. Toxoproctis cosmia (Collenette, 1932) จ. Unknown sp. 7 ฉ. Unknown sp. 6 ช. Thoyowpongia sp. ซ. Derambila fragilis (Butler, 1880)
21 ภาพท่ี 12 แสดงผีเสื้อกลางคืนขนาดใหญ่ในวงศ์ Geometridae (ก.- ซ.) วงศ์ย่อย Drepaninae (ก.) วงศ์ย่อย Ennominae (ข.- จ.) วงศ์ย่อย Geometrinae (ฉ.) วงศ์ย่อย Microniinae (ช.) และวงศ์ ย่อย Sterrhinae (ซ.) ก. Tridrepana fulvata (Snellen, 1876) ข. Buzura sp. ค. Scardamia sp. ง. Zamarada denticulata Moore, 1887 จ. Unknown sp. 1 ฉ. Comibaena sp. ช. Acropteris ciniferaria (Walker, 1866) ซ. Scopula parodites Prout, 1931
22 ภาพที่ 13 แสดงผีเส้ือกลางคืนขนาดใหญ่ในวงศ์ Geometridae (ก.) วงศ์ย่อย Sterrhinae (ก.) วงศ์ Limacodidae (ข.- ง.) วงศ์ย่อย Limacodinae (ข.- ง.) และวงศ์ Noctuidae (จ.- ซ.) วงศ์ย่อย Acontiinae (จ.) วงศ์ยอ่ ย Acronictinae (ฉ.) และ วงศ์ยอ่ ย Aganainae (ช.- ซ.) ก. Scopula sp. ข. Scoplodes sp. ค. Susica sinensis (Walker, 1856) ง. Unknown sp. 5 จ. Smicroloba quadrapex Hampson, 1891 ฉ. Acronicta pruinosa (Guenée, 1852) ช. Asota caricae (Fabricius, 1775) ซ. Neochera dominia (Cramer, 1780)
23 ภาพท่ี 14 แสดงผีเสื้อกลางคืนขนาดใหญ่ในวงศ์ Noctuidae (ก.- ซ.) วงศ์ย่อย Aganainae (ก.) และ วงศย์ อ่ ย Catocalinae (ข.- ซ.) ก. Peridrome orbicularis (Walker, 1854) ข. Arteena sp. ค. Avatha discolor (Fabricius, 1794) ง. Bocula marginata Moore, 1882 จ. Dinumma sp. ฉ. Erygin apicalis Guenée, 1852 ช. Hypocala sp. ซ. Mecodina poaphiloides Walker, 1864
24 ภาพที่ 15 แสดงผีเสื้อกลางคืนขนาดใหญใ่ นวงศ์ Noctuidae (ก.- ซ.) วงศ์ย่อย Catocalinae (ก.) วงศ์ ย่อย Hadeninae (ข.- ค.) และ วงศ์ยอ่ ย Herminiinae (ง.- ซ) ก. Tephriopis divulsa (Walker, 1865) ข. Callopistria rivularis Walker, 1858 ค. Spodoptera litura (Fabricius, 1775) ง. Adrapsa quadrilinealis Wileman, 1914 จ. Idia fulvipicta (Butler, 1889) ฉ. Simplicia sp. ช. S. xanthoma Prout, 1928 ซ. Unknown sp. 8
25 ภาพที่ 16 แสดงผีเส้ือกลางคืนขนาดใหญ่ในวงศ์ Noctuidae (ก.- ช.) วงศ์ย่อย Noctuinae (ก.) วงศ์ ย่อย Pantheinae (ข.) วงศ์ย่อย Plusiinae (ค.) วงศ์ย่อย Stictopterinae (ง.) และวงศ์ Notodontidae (ซ.) วงศย์ อ่ ย Pygaerinae (ซ.) ก. Graphania omicron (Hudson, 1898) ข. Donda eurychlora Walker, 1858 ค. Plusia megaloba Hampson, 1912 ง. Lophoptera sp. จ. Unknown sp. 2 ฉ. Unknown sp. 3 ช. Unknown sp. 9 ซ. Micromelalopha sp.
26 ภาพท่ี 17 แสดงผีเส้ือกลางคืนขนาดใหญ่ในวงศ์ Pyralidae (ก.) วงศ์ย่อย Phycitinae (ก.) วงศ์ Sphingidae (ข.- ค.) วงศ์ย่อย Macroglossinae (ข.) วงศ์ย่อย Sphinginae (ค.) วงศ์ Thyrididae (ง.) วงศย์ อ่ ย Striglininae (ง.) และวงศ์ Uraniidae (จ.) วงศ์ย่อย Epipleminae (จ.) ก. Etiella zinckenella (Treitschke, 1832) ข. Macroglossum corythus Butler, 1875 ค. Meganoton nyctiphanes (Walker, 1856) ง. Striglina buergersi Gaede, 1922 จ. Epiplema sp.
27 บทที่ 4 อภปิ รายผลการศกึ ษา ผลการสารวจสังคมของผีเสื้อกลางคืนขนาดใหญ่ในพื้นท่ีปกปักพันธุกรรมพืชและพื้นที่ใช้ ประโยชน์จากมนุษย์ของสวนสัตว์สงขลา ระหว่างเดือนธันวาคม 2562 – เดือนกุมภาพันธ์ 2563 พบ จานวนชนิดในวงศ์ Noctuidae มากทส่ี ดุ สอดคลอ้ งกับการสารวจความหลากหลายของผีเสือ้ กลางคืน ในหุบเขาลาพญา จังหวัดยะลา (มูฮาหมัดตายุดิน และคณะ, 2553) และการสารวจชนิดและการ แพร่กระจายของผีเส้ือกลางคืนในสวนสัตว์สงขลา (จิราวดี, 2556) ขณะท่ีวงศ์ Notodontidae และ Thyrididae พบจานวนชนดิ น้อยท่สี ดุ สอดคลอ้ งกับการสารวจศึกษาสารวจชนดิ และการแพร่กระจาย ของผเี สอื้ กลางคืนในสวนสัตว์สงขลา (จริ าวด,ี 2556) จากขอ้ มลู โดยมกี ารศกึ ษาเกีย่ วกับผีเสอื้ กลางคืน ในประเทศไทยพบว่าวงศ์ Noctuidae เป็นวงศ์ผีเส้ือกลางคืนซึ่งที่พบมีจานวนชนิดมากที่สุด และ สามารถแพร่กระจายได้ท่ัวไป เน่ืองจากตัวหนอนของผีเสือกลางคืนวงศ์นี้สามารถกินพืชอาหารได้ หลากหลาย จึงมีโอกาสพบผีเสื้อกลางคืนในวงศ์น้ีได้มากที่สุดเม่ือเทียบกับวงศ์อื่นๆ (Pinratana, 2005) ในขณะที่วงศ์ Notodontidae มีการรายงานจานวนชนิดในประเทศไทย 285 ชนิด (Pinratana, 2007) ซึ่งสามารถพบผีเสื้อกลางคืนในวงศ์น้ีได้ และต่ในการศึกษาคร้ังน้ีพบจานวนชนิด น้อยท่ีสุด อาจเน่ืองมาจากตัวหนอนของผีเส้ือกลางคืนวงศ์นี้มีความจาเพาะต่อพืชอาหารสูง และวงศ์ Thyrididae ยังไมม่ กี ารรายงานชนิดซ่ึงทพี่ บในประเทศไทยทแี่ น่นอน แต่มกี ารรายงานชนิดซึ่งท่ีพบใน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Robinson et al., 1994). รวมท้ังมีรานงานซ่ึงพบมีจานวนชนิดท่ีน้อยมาก เม่ือเทียบกับวงศ์อื่นๆ (Robinson et al., 1994) จึงมีโอกาสพบผีเส้ือกลางคืนในวงศ์นี้ได้น้อยใน การศึกษาครั้งน้ีและ ทั้งนี้อาจมีความเกี่ยวข้องกับตัวหนอนของผีเสื้อกลางคืนวงศ์น้ีอาจท่ีมี ความจาเพาะต่อพชื อาหารสูงอีกดว้ ย ผลการสารวจคร้ังนี้พบจานวนวงศ์ของผีเสื้อกลางคืนขนาดใหญ่ (10 วงศ์) น้อยกว่าการ สารวจในพื้นที่ท่องเที่ยวซึ่งใช้ในการจัดแสดงสัตว์ (11 วงศ์) โดยการสารวจคร้ังนี้ไม่พบวงศ์ Drepanidae และ Megalopygidae (จริ าวดี, 2556) แต่พบวงศ์เพ่ิมเตมิ ซ่ึงไมเ่ คยมีรายงานการพบใน พื้นท่ีของสวนสัตว์สงขลา ได้แก่วงศ์ Limacodidae และ Uraniidae โดยวงศ์ Limacodidae มีการ แพร่กระจายบริเวณพืชประเภทไม้ล้มลุกหรือไม้พุ่มท่ีระดับพ้ืนดิน เช่น มะพร้าว ปาล์มน้ามัน ชา กาแฟ โกโก้ และกล้วย (เสาวภา, 2542) ซ่ึงตัและวหนอนของผีเสื้อวงศ์นี้มีความจาเพาะกบั พืชอาหาร สูงกว่าวงศ์อื่นๆ จึงทาให้มีโอกาสพบผีเสื้อกลางคืนในวงศ์นี้ได้น้อยกว่าวงศ์อื่นๆ ขณะที่อีกทั้งวงศ์ Uraniidae มีการแพร่กระจายในแถบทวีปอเมริกา แอฟริกา และอินโดออสเตรเลีย (Carter, 1992) แต่ในประเทศไทยยังไม่ปรากฏมีการรายงานการแพร่กระจาย และการสารวจซึ่งจากการศึกษาครั้งน้ี พบผีเสื้อกลางคืนในวงศ์น้ีเพียงหนึ่งชนิดเท่านั้น อาจเน่ืองจากหนอนของผีเสื้อในวงศ์น้ีมีความ เก่ยี วข้องกับตวั หนอนทีม่ ีความจาเพาะต่อพืชอาหารสูง
28 ผลการสารวจคร้ังน้ีพบจานวนชนิด (พ้ืนที่ใช้ประโยชน์จากมนุษย์ในระดับปานกลางพบ 55 ชนิด และพื้นที่ปกปักพันธุกรรมพืชพบ 46 ชนิด) มากกว่าการสารวจในพื้นท่ีท่องเท่ียวซ่ึงใช้ในการจัด แสดงสัตว์ (28 ชนิด) (จิราวดี, 2556) อาจเน่ืองจากสังคมพืชในพ้ืนท่ีใช้ประโยชน์จากมนุษย์ในระดับ ปานกลาง มีความหลากหลายของพืชอาหารและความซับซ้อนของแหล่งท่ีอยู่อาศัยมากกว่าพ้ืนท่ีปก ปักพันธุกรรมพืชและพื้นที่ท่องเที่ยวซ่ึงใช้ในการจัดแสดงสัตว์ สอดคล้องกับรายงานความหลากหลาย ของผเี ส้ือหนอนคบื ซงึ่ พบในพ้นื ทปี่ ่าและมกี ารปลกู พืชหลายชนดิ มากกวา่ พน้ื ท่ปี ่าซง่ึ มกี ารนาพืชโตเร็ว มาปลกู เพียงชนิดเดยี ว (Intachat et al., 1999) ผลการสารวจพบว่าชนิดของผีเสื้อกลางคืนขนาดใหญ่ในทั้งสองพื้นท่ี มีค่าความคล้ายคลึง น้อย ขณะท่ีจานวนชนิดซึ่งพบเฉพาะพื้นที่มีค่าค่อนข้างสูง อาจเน่ืองจากผีเส้ือกลางคืนขนาดใหญ่แต่ ละชนิดมีความต้องการแหล่งท่ีอยู่อาศัย แหล่งอาหาร และพฤติกรรมแตกต่างกัน สอดคล้องกับสังคม พชื ซง่ึ มคี วามแตกต่างในพ้นื ท่ใี ช้ประโยชน์จากมนุษย์ในระดบั ปานกลางและพน้ื ท่ีปกปักพันธุกรรมพืช ผลการสารวจพบว่าในช่วงเวลา 20.00 – 20.15 น. เป็นช่วงเวลาซ่ึงสารวจพบจานวนชนิด ของผีเส้ือกลางคืนขนาดใหญ่ มากที่สุดในท้ังสองพื้นที่ ขณะท่ีจานวนตัวพบมากที่สุดอยู่ในช่วงเวลา 21.00 – 22.15 น. ในพนื้ ทใ่ี ช้ประโยชนจ์ ากมนุษย์ในระดบั ปานกลาง และพบจานวนชนดิ และจานวน ตัวน้อยท่ีสุดอยู่ในช่วง 19.00 – 19.15 น. ในทั้งสองพ้ืนท่ี สอดคล้องกับการสารวจขององค์ประกอบ ของชนิดผีเสื้อกลางคืนในพ้ืนที่อนุรักษ์บริเวณเขาคอหงส์ จังหวัดสงขลา (พรพิศ, 2553) นอกจากน้ี พบว่าช่วงเวลา 20.00 น. – 22.00 น. เป็นช่วงเวลาซ่ึงสารวจพบจานวนชนิดและจานวนตัวของผีเสื้อ หนอนคืบ (วงศ์ Geometridae) มากท่ีสุดในพื้นท่ีอนุรักษ์ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา - บาลา จังหวัดนราธิวาส (ชัยวัฒน์, 2546) การสารวจพบจานวนชนิดของจานวนตัวของผีเสื้อกลางคืนขนาด ใหญ่ มีความแตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลาและ ในแต่ละพื้นท่ีของภาคใต้ อาจเนื่องมาจากผีเสื้อ กลางคนื แต่ละชนิดมพี ฤติกรรมการออกมาทากิจกรรมตา่ งๆ เชน่ หาอาหารและผสมพันธ์ุ แตกต่างกัน รวมทั้งหลีกเล่ียงจากผู้ล่าในช่วงเวลากลางคืน เช่น นก ก้ิงก่า และค้างคาว เป็นต้น (ชัยวัฒน์, 2546; พรพิศ, 2553) นอกจากนอ้ี าจเปน็ ผลเนื่องมาจากการตอบสนองของผีเส้ือกลางคืนขนาดใหญ่ตอ่ ปัจจัย ทางกายภาพซ่ึงมีความแตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา เช่น ความเร็วลมและปริมาณความชื้น แสงจาก ดวงจันทร์ซ่ึงส่งผลต่อการออกบินและออกหากิน เป็นต้น (มณฑล, 2544; Bowden and Churce, 1973) การบานของดอกไม้ซ่ึงเป็นพืชอาหารของผีเส้ือกลางคืนขนาดใหญ่ อาจเป็นปัจจัยหน่ึงซึ่ง ส่งผลให้ผีเส้ือกลางคืนขนาดใหญ่แต่ละชนิด มีพฤติกรรมการออกหากินในช่วงเวลาแตกต่างกันในแต่ ละพื้นท่ี เช่น การสารวจความหลากชนิดและพฤติกรรมหาอาหารของแมลงในการช่วยผสมเกสรดอก กฤษณาในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พบว่าช่วงเวลาซึ่งแมลงลงตอมดอกมากที่สุดมีสองช่วง คือ ช่วงเวลา 20.00 – 22.00 น. และ ช่วงเวลา 10.00 – 12.00 น. โดยระยะเวลาการบานของดอก กฤษณา ส่งผลให้แมลงที่ลงตอมดอกกฤษณาสว่ นใหญ่เป็นผเี สื้อกลางคนื (วัฒนชัย และคณะ, 2552)
29 บทท่ี 5 สรปุ ผลการศกึ ษา และขอ้ เสนอแนะ การสารวจผีเสื้อกลางคืนขนาดใหญ่ในพ้ืนที่ปกปักพันธุกรรมและพื้นที่ใช้ประโยชน์จาก มนุษย์ระดับปานกลางในสวนสัตว์สงขลา จังหวัดสงขลา ระหว่างเดือนธันวาคม 2562 ถึงเดือน กุมภาพันธ์ 2563 พบผเี สอื้ กลางคืนขนาดใหญ่ทั้งหมด 199 ตัว 10 วงศ์ 33 วงศ์ยอ่ ย 73 สกลุ และ 84 ชนิด โดยพ้ืนที่ใช้ประโยชน์จากมนุษย์ในระดับปานกลางพบจานวนวงศ์ย่อย สกุล และชนิดของผีเส้ือ กลางคืนขนาดใหญ่มากกว่าพื้นท่ีปกปักพันธุกรรมพืช ขณะที่ความคล้ายคลึงของจานวนชนิดผีเส้ือ กลางคืนขนาดใหญ่ซึ่งพบในสองพ้ืนที่ มีค่าความคล้ายคลึงกันค่อนข้างน้อย นอกจากนี้พบว่าท้ังสอง พ้ืนทพ่ี บจานวนชนดิ ของผีเสื้อกลางคืนขนาดใหญ่มากที่สุดในช่วงเวลา 20.00 – 20.15 น. โดยพื้นที่ใช้ประโยชน์จากมนุษย์ระดับปานกลางพบจานวนชนิดของผีเส้ือกลางคืนขนาดใหญ่มากกวา่ พนื้ ที่ปกปกั พนั ธุกรรมพชื ความถ่ีในการปรากฏของผีเสอ้ื กลางคนื ขนาดใหญ่ในท้ังสองพนื้ ที่ พบวา่ ผเี สือ้ กลางคืนขนาด นอกจากนี้พบวา่ พื้นที่ปกปักพันธุกรรมพืชและพ้ืนท่ีใช้ประโยชน์จากมนุษย์ระดับปานกลาง พบจานวนชนิดของผเี สื้อกลางคืนขนาดใหญ่มากท่ีสุดในช่วงเวลา 20.00 – 20.15 น. อาจเน่ืองมาจากช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาในการออกหากินของผีเส้ือกลางคืนมากที่สุด และช่วง ระยะเวลาการบานของดอกไม้บางชนิดมีการบานในช่วงเวลาดังกล่าว อาจส่งผลให้ผีเสื้อกลางคืน ออกมาหากินในชว่ งเวลานี้เปน็ จานวนมาก
30 ขอ้ เสนอแนะ 1. การสารวจศึกษาสังคมของผีเส้ือกลางคืนขนาดใหญ่ในสวนสัตว์สงขลาในช่วงระยะเวลา 3 เดือน อาจไม่เห็นผลการเปล่ียนแปลงของสังคมผีเส้ือกลางคืนแต่ละชนิดชัดเจน การเพ่ิมระยะเวลา ในการสารวจศึกษาให้มากขึน้ อาจทาให้เห็นการเปลีย่ นแปลงทช่ี ัดเจนย่ิงขน้ึ 2. การเก็บตัวอย่างผีเสื้อกลางคืนขนาดใหญ่อาจใช้โปแตสเซียมไซยาไนด์ (Potassium cyanide) แทนการใช้เอทิลอะซิเตท (ethyl acetate) ในการสลบผีเสื้อกลางคืน เพื่อลดการหลุดร่วง ของสเกล (scale) 3. หลอดไฟของกับดักแสงไฟอาจใช้กาลังส่องสว่างค่อนข้างน้อย ทาให้ไม่สามารถดึงดูดได้ มากนกั ควรเพิ่มเนอื่ งจากกาลงั ส่องสวา่ งของหลอดไฟ เพือ่ ให้มากทาใหส้ ามารถดึงดูดผเี สือ้ กลางคืนได้ มากขึน้ ดีกว่ากาลงั ส่องสว่างนอ้ ย
31 เอกสารอา้ งองิ เกรยี งไกร สุวรรณภกั ดิ์. (2556). คู่มือผีเส้อื . กรุงเทพฯ: บริษัทวริ ยิ ะธุรกจิ จากัด (สานักพิมพส์ ารคดี). จริ าวดี ขุนประจิตต์. (2556). ชนิดและการแพร่กระจายของผีเสอื้ กลางคืนในสวนสัตวส์ งขลา. โครงงานทางวิทยาศาสตร์ หลักสตู รปริญญาการศกึ ษาบัณฑิต สาขาวิชาชีววิทยา คณะ วิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ. 58 หนา้ . ชยั วัฒน์ ประมวล. (2546). ความหลากหลายและความชกุ ชุมของผีเส้อื หนอนคืบ (Lepidoptera: Geometridae) ในบรเิ วณเขตรักษาพนั ธุ์สตั ว์ป่าฮาลา - บาลา จังหวัดนราธิวาส. วิทยานิพนธ์ วทิ ยาศาสตรบัณฑิต มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์. 119 หน้า. ฐานติ ออ่ นสมเพ็ชร. (2558). ความหลากหลายของผีเสอ้ื กลุ่มวงศ์ Bombycoidea ในสถานีวิจัย ส่ิงแวดลอ้ มสะแกราช. ปญั หาพิเศษระดบั ปรญิ ญาตรี ภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตร กาแพงแสน มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกาแพงแสน. 24 หน้า. ประกาศ สวา่ งโชติ, สายใจ จรเอยี ด, จรัล ลีรตวิ งศ์, ศนั สรียา วงั กุลางกูร, นาวี หนนุ อนนั ต์, อัมพร พลบั พลึง, พพิ ัฒน์ สรอ้ ยสขุ , บุบผา เพชรรตั น์, เตอื นจติ ศรีทองชว่ ย, วุฒิพร ภกั ดี และ อภยั จนั ทชูโต. (2556). คมู่ ือศึกษาธรรมชาติ เขาคอหงส์. อาเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา. 266 หนา้ . พรพิศ นวลแกว้ . (2553). องค์ประกอบของชนดิ ผเี สื้อกลางคืนในพน้ื ที่อนุรกั ษ์บริเวณเขาคอหงส์ จังหวัดสงขลา. โครงงานทางชีววิทยา หลกั สูตรวิทยาศาสตรบณั ฑิต ภาควชิ าชวี วิทยา คณะ วทิ ยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครนิ ทร์. 71 หนา้ . มณฑล ตนั ตสุทธกิ ลุ . (2544). ความหลากหลายทางชวี ภาพของผีเสื้อหนอนคืบบรเิ วณเขตรักษาพันธ์ุ สัตว์ปา่ โตนงาช้าง จังหวดั สงขลา. วทิ ยานิพนธว์ ทิ ยาศาสตรมหาบณั ฑิต มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์. 192 หนา้ . มูฮาหมดั ตายดุ นิ บาฮะครี ี, ฉนั ทนา รุ่งพทิ กั ษ์ไชย, ประยรู ดารงรกั ษ์, พาตีเมาะ อาแยกาจิ และ อาหะ มะ บลู ะ. (2553). ความหลากหลายของผเี สอ้ื กลางคนื ในหุบเขาลาพญา จงั หวดั ยะลา. รายงานวจิ ยั ฉบับสมบูรณ์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั ยะลา. 78 หนา้ . วฒั นชยั ตาเสน, สุวรรณ ต้ังมิตรเจริญ, มาลัยพร ทาแกว้ , ประวัติศาสตร์ จนั ทรเทพ และ Kazuo Ogata. (2552). ความหลากชนดิ และพฤติกรรมหาอาหารของแมลงในการชว่ ยผสมเกสรดอก กฤษณาในอทุ ยานแห่งชาติเขาใหญ่. วารสารศาสตร์., 28(1): 17-28.
32 ศนู ย์วิจยั ความหลากหลายทางชีวภาพเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา บรมราชินี. (2553). ผีเสื้อกลางคืน Formatted: Font color: Red ในหบุ เขาลาพญา. พมิ พค์ รั้งที่ 1. มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา, ยะลา. 112 หน้า. ศนู ยภ์ มู ิอากาศ กองพฒั นาอตุ ุนิยมวทิ ยา กรมอุตุนยิ มวิทยา. (2562). ภมู อิ ากาศจังหวัดสงขลา. เข้าถึง: http://climate.tmd.go.th/data/province.pdf. (2563, กมุ ภาพันธ,์ 9) ศศธิ ร หาสนิ . (2551). ความหลากชนดิ และโครงสรา้ งสังคมของมดบริเวณ สถานวี จิ ัยสิ่งแวดลอ้ ม สะแกราช จังหวดั นครราชสีมา. วทิ ยานพิ นธ์บณั ฑติ วิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. 94 หนา้ . สขุ สวัสด์ิ พลพินิจ. (2560). ผีเส้อื กลางคืนในประเทศไทย. เล่ม 1. เดอะซันกรุ๊ป จากัด, กรุงเทพฯ. 165 หน้า. สวนสัตว์สงขลา. (2559). ทตี่ งั้ สวนสัตวส์ งขลา. เขา้ ถึง: http://www.songkhla.zoothailand.org/index.php. (2562, สิงหาคม, 31) ส่วนวจิ ยั การอนรุ กั ษ์ป่าไม้ สานกั วิจยั การอนรุ กั ษป์ า่ ไมแ้ ละพนั ธ์ุพืช กรมอทุ ยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และ พนั ธุพ์ ืช. (2556). คู่มอื การสารวจแมลงในเส้นทางศึกษาธรรมชาติ. พิมพ์คร้ังท่ี 1. สานักวจิ ยั การอนรุ กั ษ์ป่าไมแ้ ละพนั ธุพ์ ืช, กรุงเทพฯ. 99 หน้า. เสาวภา สนธไิ ชย (2542). ความหลากหลายของผีเสอื้ กลางคนื ในบรเิ วณดอยเชียงดาว. วารสาร วทิ ยาศาสตร์., 15(2): 23-31. องค์การสวนสัตวใ์ นพระบรมราชปู ถัมภ์. (2558). โครงการอนรุ ักษ์พันธุกรรมพชื อันเน่อื งมาจาก พระราชดาริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. เข้าถึง: http://www.zoothailand.org/download/special_project/3_5yearPlan. (2562, สิงหาคม, 31) Barlow, H. S. (1982). An introduction to the Moths of South East Asia, E.W. Classey Ltd.; U.K.เมอื งท่จี ดั พิมพ์. 408 pp. Bowden, J., & Church, B. M. (1973). The influence of moonlight on catches of insects in light-traps in Africa. Part II. The effect of moon phase on light-trap catches. Bulletin of Entomological Research., 63(01):, 129. Carter, D. (1992). Butterflies and Moths, Kyodo Printing Co.; เมืองทจี่ ัดพิมพ์Singapore. 304 pp.
33 De Smedt, P., Vangansbeke, P., Bracke, R., Schauwvliege, W., Willems, L., Mertens, J., & Verheyen, K. (2018). Vertical stratification of moth communities in a deciduous forest in Belgium. Insect Conservation and Diversity.; 12(2): 121–130. Holloway, J. D. (1983). The Moths of Borneo, Part 4, Family Notodontidae. Malay. Nat. J. (; 37): 1-107. Holloway, J. D. (1985). The Moths of Borneo, Part 14: Noctuidae: Euteliinae, Stictopterinae, Plusiinae, Pantheinae. Malay. Nat. J. (; 38): 157-317. Holloway, J. D. (1986). The Moths of Borneo, Part 1: Key to Families: Families Cossidae, Metarbelidae, Ratardidae, Dudgeoneidae, Epipyropidae and Limacodidae. Malay. Nat. J. (; 40): 1-166. Holloway, J. D. (1987). The Moths of Borneo, Part 3: Bombycoidea: Lasiocampidae, Eupterotidae, Bombycidae, Brahmaeidae, Saturniidae, Sphingidae. Available Source: http://www.mothsofborneo.com/part-3/, Holloway, J. D. (1988). The Moths of Borneo, Part 6: Arctiidae: Syntominae, Euchomiinae, Arctiinae, Aganainae (to Noctuidae). Available Source: http://www.mothsofborneo.com/vol_6.php., Holloway, J. D. (1988). The Moths of Borneo, Part 8: Castniidae, Callidulidae, Drepanidae, Uraniidae. Malay. Nat. J. (; 52): 1-155. Holloway, J. D. (1989). The Moths of Borneo, Part 12: Family Noctuidae, trifine Subfamilies: Noctuinae, Heliothinae, Hadeninae, Acronictinae, Amphipyrinae, Agaristinae. Malay. Nat. J.; (42): 57-226. Holloway, J. D. (1993). The Moths of Borneo, Part 11: Family Geometridae, Subfamily Ennominae. Malay. Nat. J. (; 47): 1–309. Holloway, J. D. (1996). The Moths of Borneo, Part 9: Geometridae (Incl. Orthostixini) Oenochrominae, Desmobathrinae, Geometrinae, Ennominae addenda. Malay. Nat. J. (; 49): 147-326. Holloway, J. D. (1997). The Moths of Borneo, Part 10: Family Geometridae, Subfamilies Sterrhinae and Larentiinae. Malay. Nat. J.; 51: 1–242. Holloway, J. D. (1999). The Moths of Borneo, Part 5: Lymantriidae. Malay. Nat. J.; 53: 1–188.
34 Holloway, J. D. (2003). The Moths of Borneo: Part 18: Nolidae. Available Source: http://www.mothsofborneo.com/vol_18.php Holloway, J. D. (2005). The Moths of Borneo, Parts 15 & 16: Noctuidae: Catocalinae. Available Source: http://www.mothsofborneo.com/vol_15-16.php Inoue, H., Kennett, R. D., &and Kitching, I. J. (1997). Moths of Thailand, Vol Two : Family Sphingidae, Brothers of Saint Gabriel in Thailand.; Bangkok. 195 pp. Intachat, J., Chey, V. K., Holloway, J. D. &and Speight, M. R. (1999). The impact of forest plantation development on the population and diversity of geometrid moths (Lepidoptera: Geometridae) in Malaysia. Journal of Tropical Forest Science. 11(2): 329-336. Magurran, A. E. (2004). Measuring Biological Biodiversity. Blackwell Science Ltd.; เมอื งที่ จัดพมิ พ์. UK. 248 pp. Pinkaew, N. (2007). New records and known species of the tribe Olethreutini (Lepidoptera: Tortricidae: Olethreutinae) from Thong Pha Phum National Park, Thailand. The Thailand Natural History Museum Journal.; 2(1): 1-18. Pinratana, A. (2005). Moths of Thailand, Vol Three : Family Noctuidae, Brothers of Saint Gabriel in Thailand.; Bangkok. 261 pp. Pinratana, A. (2007). Moths of Thailand, Vol Five : Family Notodontidae, Brothers of Saint Gabriel in Thailand.; Bangkok. 320 pp. Pinratana, A. (2009). Moths of Thailand, Vol Six : Family Arctiidae, Brothers of Saint Gabriel in Thailand.; Bangkok. 283 pp. Robinson, G. S., Tuck, K. R., and Shaffer, M. (1994). A Field Guida to the Smaller Moths of South-East Asia, Art Printing Works Sdn. Bhd.; Kuala Lumpur. 308 pp. Summerville, K. S., Ritter, L. M., and Crist, T. O. (2004). Forest moth taxa as indicators of lepidopteran richness and habitat disturbance: a preliminary assessment. Biological Conservation.; 116(1): 9–18. Sutrisno, H. (2007). Rapid aAssessment on Mmacro-moth fFauna at Nusa Barong Nature Reserve: a low diversity. Berk. Penel. Hayati., 12: 115–120.
35 Triplehorn, C. A. &and Johnson, N. F. (2005). Borror and Ddelong’s Iintroduction to the Sstudy of Iinsects. 7th ed. Thomson Leaning, Australiaเมืองทจี่ ดั พมิ พ์.. 864 pp. ภาคผนวก
ตารางภาคผนวกที่ 1 แสดงชนดิ ของผีเสือ้ กลางคืนขนาดใหญ่ในพน้ื ที่ปกปักพนั ธุกรรมพชื และพนื้ ที่ใช้ประโยชนจ์ า กุมภาพนั ธ์ 2563 หมายเหต:ุ S1 = พ้นื ทป่ี กปักพนั ธุกรรมพชื , S2 = พ้ืนทใ่ี ช้ประโยชนจ์ ากมนษุ ยใ์ นระด 2, - = ไมพ่ บ, N = จานวนตวั รวม T1 = ช่วงเวลา 19:00 น. - 19:15 น.,, T2 = ชว่ งเวลา 20:00 น. - 20:15 22:00 น. -- ? 22” ธันวาคม 2562 22:15 วนง.ศ์ ชนดิ S1 S2 TR1 TR2 TR1 TR2 TR1 TTTTT 1234123412341234123 1. Crambidae วงศย์ อ่ ย Spilomelinae 1. Cnaphalocrocis sp. - - - - - - -1- - - -1- - - - - - 2. Glyphodes bivitralis Guenée, 1854 ------------------- 3. Metoeca sp. ------------------- 4. Pyrausta panopealis Walker, 1859 ------------------- 5. Sameodes cancellalis (Zeller, 1852) - - - - - - - - -1- - - - - - - - - 6. Unknown sp. 4 - - - - - - - - - - - - - - - - -21 2. Erebidae 1. วงศ์ยอ่ ย Arctiinae 1. Amata leopoldi (Hering, 1934) ------------------- 2. Amerila astreus (Drury, 1773) - - - - - - - - - - - -1- - - - - - 3. Brunia antica (Walker 1854) - - - - - - - - - - - - -1- - - - - 4. B. lacrima (Černý, 2009) - - - - - - - - -11- - - - - - - - 5. Creatonotos transiens (Walker, 1855) - - - - - - - - - - - -1- - - - - - 6. Eressa confinis (Walker, 1854) ------------------- 7. Garudinia biplagiata Hampson, 1896 ------------------- 8. Macotasa sp. - - - - - - - - -222- - - - - - - 9. Nishada sambara (Moore, 1859) - - - - - - - - -1- - -2- - - - - 10. N. sp. - - - - - - - - - - -1- - - - - - -
36 ากมนุ ษย์ในระดบั ปานกลาง ตงั้ แต่เดือน ธนั วาคม 2562 - ดบั ปานกลาง, TR1 = กบั ดกั แสงไฟ 1, TR2 = กบั ดกั แสงไฟ น., T3 = ช่วงเวลา 21:00 น. - 21:15 น., T4 = ช่วงเวลา จานวนตวั Formatted: Font color: Red มกราคม 2563 กุมภาพันธ์ 2563 S1 S2 S1 S2 N 1 TR2 TR1 TR2 TR1 TR2 TR1 TR2 TTTTTTT 341234123412341234123412341234 ----------------------------- 2 -----------1-----------1----- 2 - -22- -1- -1- - - - - - - - - - - -2- - - -1- 9 -------1--------------------- 1 -------1--------------------- 2 1 1 - - - 1 1 2 - 2 - - 1 - - - - - - - - - - - - - - - - - 11 ------------------1---------- 1 ----------------------------- 1 ----------------------------- 1 ----------------------------- 2 ------1---------------------- 2 --------------1-------------- 1 ------1---------------------- 1 ----------------------------- 6 ----------------------------- 3 ----------------------------- 1
37
ตารางภาคผนวกที่ 1 (ตอ่ เนอ่ื ง) ธันวาคม 2562 S1 S2 วงศ์ ชนดิ TR1 TR2 TR1 TR2 TR1 TTTTT 4. วงศ์ยอ่ ย Ennominae 1234123412341234123 1. Buzura sp. 2. Nadagara sp. - - - - - -1- - - - - - - - - - - - 3. Psilalcis bisinuata (Hampson, 1895) - - - - - - -1- -1- - - - - - - - 4. Scardamia sp. 2- - - - -17- -3- - - - - - - - 5. Zamarada denticulata Moore, 1887 - - - - - - - - - -1- - - - - - - - Unknown sp. 1 - - - -1- - - - - - - - - - - - - - 1- - - - - - - - - - - - - - - - - - 5. วงศ์ยอ่ ย Geometrinae 1. Albinospila sp. - - - - - -1- -1- - - - - - -11 2. Argyrocosma sp. - - - - - - - - - - -1- - - - - - - 3. Comibaena sp. ------------------- 4. Thalassodes immissaria Walker, 1861 - - - - -12- -1- - - - - - - - - 6. วงศ์ยอ่ ย Microniinae - - - - - - -1- - - - - - - - - - - Acropteris ciniferaria (Walker, 1866) ------------------- 7. วงศย์ อ่ ย Sterrhinae - - - - - - - - - -1- - - - - - - - 1. Scopula parodites Prout, 1931 2. S. sp. - - - -1- - - - - - - - - - - - - - 4. Limacodidae วงศย์ อ่ ย Limacodinae 1. Scoplodes sp.
Search