บดิ ามารดากบั บตุ ร PARENTS AND CHILDREN กฎหมายแพ่งและพาณิ ชย์
บดิ ามารดากบั บตุ ร บุตรทีคลอดจากหญิงใด ย่อมเปนบุตรทีชอบด้วย กฎหมายของหญิงนั นเสมอ แต่ชายใดเปนบิดาของ บุตรดังกล่าว ข้อเท็จจริงยังไม่แน่ นอนกฎหมายจึง กําหนดข้อสั นนิ ษฐานเบืองต้นให้ มีชายรับเปนบิดาของ บุ ต ร จ น ก ว่ า ช า ย ห รื อ บุ ต ร จ ะ ฟ อ ง ป ฏิ เ ส ธ ค ว า ม เ ป น บิ ด า กั บ บุ ต ร ใ น ภ า ย ห ลั ง ——————————————————————————— • การเปนบุตรทชี อบดว้ ยกฎหมายของบดิ ามารดา • บดิ าฟองไมร่ บั เดก็ เปนบุตร •เดก็ ฟองปฏเิ สธความเปนบุตรของบดิ า •การทาํ ให้บุตรนอกสมรสเปนบุตร ชอบดว้ ยกฎหมายของบดิ า
1.การเปนบตุ รทชี อบดว้ ยกฎหมายของบดิ ามารดา เดก็ จะเปนบตุ รทชี อบดว้ ยกฎหมายของบดิ ามารดาไดใ้ นกรณีใดบา้ ง 1.1 เดก็ เกดิ ระหวา่ งสมรสหรอื ภายในเวลา 310 วนั นับแตก่ ารสมรสสินสดุ ลง ถือว่าเปนบุตรชอบด้วยกฎหมายของสามีภรยิ าทงั สองคน ตามประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ มาตรา 1536 เชน่ สามีเปนหมันภรรยาทําการผสมเทยี มแล้วคลอดบตุ รออกมา ถือว่าเปนบุตรชอบด้วยกฎหมายของทงั สามีและภรยิ าหรอื สามีและภรรยาเปนคนไทยภรยิ า คลอดบุตรเปนเด็กนิ โกรนี ก็เปนบุตรชอบด้วยกฎหมายของทงั สามีและภรยิ า 1.2 เดก็ เกดิ จากการสมรสทเี ปนโมฆะ ถือว่าเปนบุตรชอบด้วยกฎหมายของสามีภรรยาทงั สองคนตามประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์มาตรา 1538 และ มาตรา 1536 วรรค 2 เชน่ ชายวิกลจรติ จะจดทะเบยี น สมรสกับหญิงปกติแล้วหญิงคลอดบุตรออกมาหรอื พีชายกับน้ องสาวจดทะเบยี นสมรส กันแล้วมีบุตรด้วยกันบทถือว่าเปนบุตรชอบด้วยกฎหมายของสามีภรรยาทงั สองคนหรอื ชายจดทะเบียนสมรสกับภรรยา 2 คนบุตรทเี กิดจากภรรยาคนที 2 ถือว่าเปนบตุ รชอบ ด้วยกฎหมายของสามีและภรรยาคนที 2 ด้วยสําหรบั กรณีทหี ญิงจดทะเบยี นสมรสกับ สามี 2 คนบททเี กิดมาถือว่าเปนบุตรชอบด้วยกฎหมายของ ภรยิ าและสามคี นที 2 1.3 เดก็ เกดิ จากการสมรสทเี ปนโมฆยี ะ ถือว่าเปนบุตรชอบด้วยกฎหมายของสามีภรรยาทงั สองคนตามประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์มาตรา 1560 เชน่ ชายใชป้ นขู่ให้หญิงจดทะเบียนสมรส แล้วพากนั ไปอย่ใู นปา จนคลอดบุตรออกมา หลังจากนั นจึงมีคําพิพากษาให้เพิกถอนการสมรสทเี ปนโมฆยี ะ เพราะหญิงถูกข่มขู่ บุตรก็ถือว่าเปนบุตรชอบด้วยกฎหมายของชายหญิงคู่นี
1.4 เดก็ เกดิ จากหญิงหมา้ ยทที าํ การสมรสใหมใ่ นเวลาไมเ่ กนิ 310 วนั นับ ตงั แตข่ าดจากการสมรสเดมิ ถือว่าเปนบทชอบด้วยกฎหมายของสามีคนใหม่และภรรยา ตามประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1537 1.5 เดก็ เกดิ จากหญิงทมี ไิ ดส้ มรสกบั ชาย ถือว่าเปนบุตรชอบด้วยกฎหมายของหญิงคนเดียวตามประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์มาตรา 1546 แต่เด็กเชน่ ว่านี อาจฟองชายผใู้ ห้กําเนิ ด ให้รบั ตอนเปนบตุ รชอบ ด้วยกฎหมายของชายได้ อย่างไรก็ดีอาจมีกฎหมายพิเศษ กําหนดให้เด็กเกดิ จากหญิงที มิได้สมรสกับชาย ให้ถือว่าเปนบุตรชอบด้วยกฎหมายของหญิงอืนได้เชน่ กฎหมายการ รบั ตังครรภ์แทน โดยกฎหมายอาจกําหนดให้เด็กทเี กิดจากหญิงรบั ครรภแ์ ทนหรอื ที อุ้มบุญ เปนบุตรชอบด้วยกฎหมายของชายและหญิงทเี ปนเจ้าของเชอื อสุจิและไข่ซงึ มา ขอให้ตังครรภ์แทนได้ 1.6 เดก็ เกดิ จากการผสมเทยี มไมว่ า่ จะเปนการผสมเทยี ม ในมดลกู หรอื ผสมเทยี มนอกมดลกู ตามกรรมวธิ ี เดก็ หลอดแกว้ โดยใช้ไข่ของหญิงผู้ ให้กาํ เนิดหรอื ไข่ของหญิงอนื กต็ าม ถือว่าเด็กเปนบุตรชอบด้วยกฎหมายของหญิงผใู้ ห้กําเนิ ดหากหญิงผใู้ ห้กําเนิ ดมสี ามีก็ ถือว่าเปนเด็กเกิดระหว่างสมรสจึงเปนบุตรชอบด้วยกฎหมายของสามีด้วยแม้จะเปนการ ผสมเทยี มโดยใชอ้ สุจิของชายอืนก็ตามในกรณีทใี ชอ้ สุจิของชายอืนมาผสมเทยี มโดยสามี หญิงไม่ยินยอม สามีหญิงมีสิทธฟิ องไม่รบั เด็กเปนบุตรได้เพราะ การเปน บิดากับบตุ ร ตามกฎหมายมีเฉพาะการ ปฏิสนธโิ ดยวิธี ธรรมชาติ โดยการรว่ มประเวณีกันเทา่ นั นแต่ ถ้าสามีหญิงให้ความยินยอมในการผสมเทยี มโดยใชอ้ สุจิของชายอืน สามหี ญิงจะฟองไม่ รบั เด็กเปนบุตรไม่ได้เพราะเปนการใชส้ ิทธโิ ดยไม่สุจรติ ตามประมวล กฎหมายแพ่งและ พาณิชย์มาตรา 5
2.บดิ าฟองไมร่ บั เดก็ เปนบตุ ร เดก็ เกดิ ระหวา่ งสมรสไมว่ า่ การสมรสนั นจะสมบรู ณ์หรอื เปนโมฆะหรอื โมฆยี ะซงึ กฎหมายวางขอ้ สันนิ ษฐานวา่ เปนบตุ รชอบดว้ ยกฎหมายของชายผเู้ ปน สามขี องมารดาเดก็ นั น ชายดงั กลา่ วมสี ิทธฟิ องคดี ไมร่ บั เดก็ เปนบตุ รของตนไดถ้ ้าตนไมใ่ ช่บดิ า ทแี ทจ้ รงิ ของเดก็ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชยม์ าตรา 1539 แตต่ อ้ ง ฟองคดภี ายในกําหนด 1 ป นั บแตว่ นั ทรี ูถ้ งึ การเกดิ ของเดก็ หรอื อยา่ งชา้ ทสี ดุ ไม่ เกนิ 10 ปนั บแตว่ นั เกดิ ของเดก็ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชยม์ าตรา 1542 เชน่ สามเี ปนหมนั แตภ่ รรยาตงั ครรภแ์ ละคลอดบตุ รออกมาสามมี สี ิทธฟิ องไม่ รบั เดก็ เปนบตุ รของตนโดยฟองเดก็ และภรรยาเปนจําเลยรว่ มกนั และพิสจู น์ วา่ ตนเปนหมนั ไมส่ ามารถ กําเนิ ดเดก็ ไดเ้ ปนตน้ ถา้ สามถี งึ แกค่ วามตายไปกอ่ นทจี ะ ฟองคดี ทายาทของสามซี งึ มสี ิทธริ บั มรดกรว่ มกบั เดก็ หรอื จะเสียสิทธริ บั มรดก เพราะการเกดิ ของเดก็ มสี ิทธฟิ องคดไี มร่ บั เดก็ เปนบตุ รไดภ้ ายใน 6 เดอื นนั บแต่ วนั ทรี ูถ้ งึ การตายของสามี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชยม์ าตรา 1544 ชายจะฟองคดไี มร่ บั เดก็ เปนบตุ รในระหวา่ งทเี ดก็ เปนทารกอยใู่ นครรภ์ มารดาไมไ่ ดห้ รอื หากเดก็ คลอดมาแลว้ ชายไปแจง้ การเกดิ ของเดก็ หรอื มอบ หมายให้มกี ารแจง้ ในทะเบยี นคนเกดิ วา่ เดก็ เปนบตุ รของชาย กฎหมายกป็ ดปาก ห้ามมใิ ห้ชายฟองคดี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชยม์ าตรา 1541 หากศาลมคี ําพิพากษาวา่ ใชม้ ใิ ชเ่ ปนบดิ าของเดก็ กต็ อ้ งถอื วา่ เดก็ ไมใ่ ชบ่ ตุ ร ชอบดว้ ยกฎหมายของชายตงั แตว่ นั ทเี ดก็ เกดิ ชายและเดก็ จงึ ไมม่ สี ิทธแิ ละหน้ าที ในฐานะบดิ าของบตุ รตอ่ กนั เดก็ ไมม่ สี ิทธไิ ดร้ บั การอุปการะเลยี งดจู ากชาย ชายผู้ เปนสามมี สี ิทธเิ รยี กค่าทดแทนจากภรรยาในความเสียหายทตี นไดร้ บั เนื องจาก การอุปการะเลยี งดเู ดก็ เดก็ ไมม่ สี ิทธริ บั มรดกของชายไมว่ า่ ชายจะถงึ แกค่ วาม ตายกอ่ นหรอื หลงั คําพิพากษาวา่ ชายไมใ่ ชเ่ ปนบดิ าของเดก็
3.เดก็ ฟองปฏเิ สธความเปนบตุ รของบดิ า เดก็ ทกี ฎหมายสันนิ ษฐานวา่ เปนบตุ รชอบดว้ ยกฎหมายของชายผเู้ ปน สามขี องมารดากม็ สี ิทธริ อ้ งขอตอ่ อยั การให้ฟองคดปี ฏเิ สธความเปนบตุ ร ชอบดว้ ยกฎหมายของชายไดถ้ า้ ตนมไิ ดเ้ ปนบตุ รสืบสายโลหิตของชายตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชยม์ าตรา 1545 แตต่ อ้ งฟองคดเี สีย ภายใน กําหนด 1 ปนั บแตว่ นั ทเี ดก็ บรรลนุ ิ ตภิ าวะ
4.การทาํ ให้บตุ รนอกสมรสเปนบตุ รชอบดว้ ย กฎหมายของบดิ า เด็กเกิดจากหญิงทมี ิได้จดทะเบียนสมรสกับชายถือว่าเปนบุตรชอบ ด้วยกฎหมายของหญิงเพียงคนเดียว แต่เด็กเชน่ ว่านี จะเปนบุตรชอบด้วย กฎหมายของชายผใู้ ห้กําเนิ ดได้ 3 วิธตี ามประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์มาตรา 1547 คือ 4.1 ชายผใู้ ห้กาํ เนิดบตุ รจดทะเบยี นสมรสกบั มารดาของบตุ ร ในกรณีเชน่ นี บุตรถือว่าเปนบุตรชอบด้วยกฎหมายของชายตังแต่วันทเี ด็กเกิด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1557 4.2 ชายผใู้ ห้กาํ เนิดบตุ รจดทะเบยี นรบั เดก็ เปนบตุ ร ซงึ การจดทะเบียนรบั เด็กเปนบุตรจะต้องได้รบั ความยินยอมของเด็กและมารดา เด็กถ้าเด็กหรอื มารดาเด็กไม่ยินยอมชายมีสิทธฟิ องคดีต่อศาลให้พิพากษาให้ใชจ้ ด ทะเบียนเด็กเปนบุตรได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1548 เชน่ ชายอย่กู ินกับสามีภรรยาน้ อยจนเกิดบุตร ชายมีสิทธจิ ดทะเบียนการรบั รองบุตรวา่ บุตรเปนบุตรชอบด้วยกฎหมายของตนได้โดยไม่จําเปนต้องจดทะเบียนสมรสกับ ภรรยาน้ อยอันจะเปนการสมรสซอ้ นการจดทะเบียนการรบั รองบุตรนี มีผลทําให้ เด็กเปนบุตรชอบด้วยกฎหมายของชายตังแต่วันทเี ด็กเกิดตามประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์มาตรา 1557 และเมือจดทะเบียนแล้วจะเปลียนใจมาขอเพิกถอนการจด ทะเบียนไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1559 ในกรณีทเี ดก็ ยงั ไรเ้ ดียงสาอายเุ พียง 2-3 ปไม่สามารถให้ความยนิ ยอมในการจดทะเบียน รบั เดก็ เปน บุตรได้มารดาเด็กแม้จะเปนผใู้ ชอ้ ํานาจปกครองจะให้ความยนิ ยอมแทนเด็กไมไ่ ด้ใช้ ผใู้ ห้กําเนิ ดต้องนํ าคดีมาฟองต่อศาลขอให้มีคําพิพากษาให้ชายจดทะเบียนเดก็ เปน บุตรก่อนแล้วจึงนํ าคําพิพากษาไปขอจดทะเบียนต่อนายทะเบียน
4.3 เดก็ ฟองชายผใู้ ห้กาํ เนิดให้รบั เดก็ เปนบตุ ร โดยกฎหมายวางข้อสันนิ ษฐานว่าเด็กเปนบุตรชอบด้วยกฎหมายของชาย เมือปรากฏข้อเทจ็ จรงิ ตามทกี ําหนดไว้ 7 กรณีตามประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์มาตรา 1555 คือ 1) ชายข่มขืน ฉดุ ครา่ กักขังหญิงในระยะเวลา 180 วันถึง 310 วันก่อนเด็กเกดิ 2) ชายลักพาหรอื ล่อลวงรว่ มประเวณีกับหญิงในระยะเวลา 180 วันจนถึง 310 วันก่อนเด็กเกิด 3) ชายทําเอกสารยอมรบั ว่าเด็กนั นเปนบุตรของชาย 4) ชายเปนผแู้ จ้งการเกิดของเด็กหรอื รูเ้ ห็นยนิ ยอมให้แจ้งการเกิดของเดก็ 5) ชายและหญิงได้อย่กู ินด้วยกันอย่างเปดเผยในระยะเวลา 180 วันถึง 310 วนั ก่อนเด็กเกิด 6) ชายรว่ มประเวณีกับหญิงในระยะเวลา 180 วันถึง 310 วันก่อนเด็กเกิดและมี เหตุควรเชอื ว่าเด็กนั นมิได้เปนบุตรของชายอืน 7) ชายแสดงพฤติการณ์ให้รูก้ ันทวั ไปตลอดมาว่าเด็กเปนบุตรของชาย นอกเหนือจากเหตุตามข้อเท็จจริงทัง 7 ประการเด็กอาจฟองคดีขอให้รบั เดก็ เปน บตุ รได้อีก หากชายเปนผใู้ ห้กําเนิ ดเด็ก ตัวอย่างเชน่ หญิงรว่ มประเวณีกับชายคนที 1 แลว้ ต่อมาอีก 7-8 วัน ไปรว่ มประเวณีกับชายคนที 2 หลังจากนั นหญิงตังครรภค์ ลอดบตุ รออก มาเชน่ นี ถ้าเด็กเชอื ว่าชายคนที 1 เปนบิดาของตนเด็กก็ฟองชายคนที 1 ให้รบั เด็กเปนบตุ ร ได้ แต่เด็กต้องมีภาระการพิสูจน์ ว่าเด็กเปนบุตรของชายคนที 1 ไม่ใชข่ องชายคนที 2 อย่างไรก็ดีกรณีเด็กเกิดจากการผสมเทยี มไม่ว่าจะผสมเทยี มในมดลกู หรอื ผสมเทยี ม นอก มดลกู โดยใชอ้ สุจิของชายและหญิงตังครรภ์คลอดบุตรออกมา บุตรจะฟองชายผเู้ ปน เจ้าของอสุจิให้รบั เด็กเปนบุตรไม่ได้เพราะการเปนบิดากับบุตรตามกฎหมายมแี ตเ่ ฉพาะ บุตรถือกําเนิ ดจากการปฏิสนธโิ ดยวิธธี รรมชาติโดยการรว่ มประเวณีกันเทา่ นั น ชายผเู้ ปน เจ้าของอสุจิทที ําให้เด็กกําเนิ ดมาโดยการผสมเทยี มเปนเพียงบิดาตามพันธุกรรม ไมอ่ าจ เปนบิดาตามกฎหมายได้
ในการฟองคดี เด็กต้องเปนโจทก์ฟองชายเปนจําเลย โดยเด็กมีสิทธฟิ องคดีตังแต่วัน ทเี ด็กกําเนิ ดมาจนบรรลนุ ิ ติภาวะแล้วไม่เกิน 1 ป ในระหว่างทเี ด็กอายยุ งั ไม่ถงึ 15 ปมารดา เด็กต้องเปนผฟู้ องคดีแทนเด็กตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1556 หากเด็ก อายุ 15 ปบรบิ ูรณ์แล้วเด็กฟองคดีเองโดยไม่จําเปนต้องได้รบั ความยินยอม จากมารดาให้ฟองคดี ในการนํ าสืบความเปนบิดาของบุตร หากปรากฏขอ้ เทจ็ จรงิ อยา่ งใด อย่างหนึ งตามทกี ําหนดไว้ 7 ประการ กฎหมายกําหนดให้ชายผเู้ ปนจําเลยมีภาระการ พิสูจน์ ว่าชายมิได้เปนบิดาของโจทก์ ซงึ ชายผเู้ ปนจําเลยมีชอ่ งทางการนํ าสืบหักล้างข้อ สันนิ ษฐานกฎหมายทวี ่าเด็กเปนบุตรชอบด้วยกฎหมายของชายได้งา่ ยและสะดวกทสี ุดคือ ขอให้ศาลมีคําสัง ให้ทําการตรวจพิสูจน์ ของบุคคลโดยการตรวจพิสูจน์ สายพันธุกรรม DNA ของชาย เด็กและมารดาเด็ก หากเด็กหรอื มารดาเด็กไม่ยินยอมในการตรวจพิสูจน์ กฎหมายให้สันนิ ษฐานว่าใชม้ ิได้เปนบิดาของเด็กตาม พรบศาลเยาวชนและครอบครวั และ วิธพี ิจารณาคดีเยาวชนและครอบครวั พ.ศ 2553 มาตรา 160 และมาตรา 128/1 ประมวล กฎหมายวิธพี ิจารณาความแพ่ง ถ้าเด็กและมารดาเด็กยินยอมในการตรวจพิสูจน์ และผลการตรวจพิสูจน์ แสดงวา่ ใช้ เปนบิดาของเด็ก ศาลก็จะพิพากษาให้ชายผเู้ ปนจําเลยรบั เด็กเปนบุตรชอบด้วยกฎหมาย เมือศาลพิพากษาว่าเด็กเปนบุตรชอบด้วยกฎหมายของชายแล้ว ถือว่าชายเปนบิดาของเด็ก ตังแต่วันทเี ด็กเกิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1557 หากมกี ารขอให้บดิ า จ่ายค่าอุปการะเลียงดูบุตรโดยฟองรวมมาในคดีฟองขอให้รบั เด็กเปนบุตรก็ตอ้ งจ่ายยอ้ น หลังไปตังแต่วันทเี ด็กเกิด การฟองคดีขอให้รบั เด็กเปนบทแม้ใชถ้ ึงแก่ความตายไปแลว้ ก็ ฟองได้เพือให้เด็กมีสิทธริ บั มรดกในฐานะ ทายาทโดยธรรมหรอื รบั บําเหน็ จตกทอดของใช้ ทเี ปนข้าราชการ แต่ต้องฟองคดีในกําหนด 1 ปนั บแต่วันทใี ชถ้ ึงแก่ความตาย เมอื ศาลมีคํา สังว่าเปนบุตรทชี อบด้วยกฎหมายของผตู้ าย คดีถึงทสี ุดแล้วทายาทจะมาฟองเพิกถอนคํา พิพากษาไม่ได้แม้จะอ้างว่าถูกต้องแย่งสิทธใิ นการรบั มรดกของผตู้ ายก็ตาม คําพิพากษา ศาลฎกี า 3602/2556
สิทธิและหน้าทีระหว่างบิดามารดากับบตุ ร กฎหมายกําหนดให้บดิ ามารดากบั บตุ รมสี ิทธแิ ละหน้ าทตี อ่ กนั หลายประการทงั นี เพือให้เกดิ ความผาสกุ ในครอบครวั โดย คํานึ งถงึ ประโยชน์ ของบตุ รผเู้ ยาวเ์ ปนสําคัญ 1.สิทธขิ องบตุ รในชือสกลุ บุตรมีสิทธใิ ชน้ ามสกลุ ของบิดา ถ้าไม่ปรากฎบิดาบุตรก็มีสิทธใิ ชน้ ามสกลุ ของมารดาได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1561 แต่กฎหมายไม่ ได้บังคับให้บทต้องใชน้ ามสกลุ ของบิดาบุตรจะใชน้ ามสกลุ อืนก็ได้แม่จะปรากฏ ว่าบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายอย่กู ็ตาม 2.สิทธขิ องบตุ รในสัญชาตไิ ทยตามบดิ าหรอื มารดา บุตรทเี กิดโดยบิดาหรอื มารดาเปนผมู้ ีสัญชาติไทยย่อมได้สัญชาติไทยโดย การเกิดไม่ว่าจะเกิดในหรอื นอกราชอาณาจักรไทย 3.บตุ รจะฟองบพุ การไี มไ่ ด้ บุตรจะฟองบิดามารดาปูย่าตายายและทวดเปนคดแี พ่งหรอื คดอี าญาไม่ได้ การทกี ฎหมายห้ามบุตรมใิ ห้ฟองบุพการขี องตนห้ามเฉพาะบตุ รทชี อบด้วย กฎหมายเทา่ นั นหากเปนบุตรทไี มช่ อบดว้ ยกฎหมายแมบ้ ิดาจะรบั รองโดย พฤตินั ยแล้วก็ตามก็ไม่ต้องห้ามทจี ะฟองบดิ าของตนทงั คดแี พ่งและคดีอาญา นอกจากนี กฎหมายมไิ ด้ห้าม บุพการฟี องผสู้ ืบสันดาน
4.บตุ รและบดิ ามารดาตา่ งมหี น้าทอี ปุ การะเลยี งดกู นั บุตรมีหน้ าทตี ้องอุปการะเลียงดูบิดามารดาตามความสามารถของตนตามประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์มาตรา 1563 โดยต้องจัดหาปจจัย 4 อันได้แก่ อาหาร เครอื งน่ งุ ห่ม ยารกั ษาโรค และทอี ย่อู าศัยให้ บุตรจึงมีหน้ าทตี ้องพาบิดามารดาทเี จ็บปวยไปรบั การรกั ษาทโี รงพยาบาลและ ออกค่ารกั ษาพยาบาลให้ หรอื หากบิดามารดาไม่มีบ้านก็ต้องจัดหาบ้านพักและออกค่าเชา่ บา้ นให้ หน้ าทขี องบุตรในการอุปการะเลียงดูบิดามารดานี อย่ใู นลําดับเดียวกันกับหน้ าทขี องบตุ รใน การอุปการะเลียงดูสามีหรอื ภรรยาของตนเองและบุตรของตน มิใชต่ ้องอุปการะเลียงดคู ู่สมรส หรอื บุตรของตนก่อนบิดามารดาแต่อย่างใด หากบุตรทอดทงิ ไม่อุปการะเลยี งดูบดิ ามารดาทพี ึง ตนเองไม่ได้เพราะชราภาพเจ็บปวย กายพิการหรอื จิตพิการโดยประการทนี ่ าจะเปนเหตใุ ห้เกิด อันตรายแก่ชวี ิตย่อมมีความผดิ ทางอาญาด้วยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 307 ในด้านบิดามารดานั น บิดามารดาก็มีหน้ าทอี ุปการะเลียงดูและให้การศึกษาแก่บุตรตาม สมควรในระหว่างทบี ุตรยังเปนผเู้ ยาว์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1564 เมือบุตรบรรลนุ ิ ติภาวะแล้วบิดามารดาจึงจะหมดหน้ าทดี ังกล่าว เว้นแต่บุตรซงึ บรรลนุ ิ ตภิ าวะ แล้วนั นเปนผทู้ พุ พลภาพหาเลียงตนเองไม่ได้ บิดามารดายังต้องอุปการะเลียงดบู ตุ รตอ่ ไปหาก บิดามารดาทอดทงิ ไม่ดูแลบุตรบิดามารดาย่อมมีความผดิ ทางอาญาฐานทอดทงิ เด็กตามประมวล กฎหมายอาญามาตรา 306 หน้ าทขี องบิดามารดาในการอุปการะเลียงดูบุตรผเู้ ยาว์นี เปนหน้ าที รวมกันทงั บิดาและ มารดา แม่บิดามารดาจะหย่าขาดจากกันแล้วก็ยังคงมีหน้ าทนี ี อย่โู ดยมีลักษณะเปนหนี รว่ มกัน ถึงแม้มารดาจะเปนผใู้ ชอ้ ํานาจปกครองบุตรผเู้ ยาว์หลังการหย่าเพียงผเู้ ดยี วบิดากย็ ังมีหน้ าที ต้องอุปการะเลียงดูบุตรตามกฎหมาย หากมารดาเปนผอู้ อกค่าอุปการะเลียงดูบุตรไปแล้ว ก็ยอ่ ม มีสิทธฟิ องเรยี กค่าอุปการะเลียงดูบุตรจากบิดาในนามตนเองได้ หรอื หากบดิ าได้ออกค่า อุปการะเลียงดูบุตรผเู้ ยาว์ไปแล้วก็มีสิทธเิ รยี กรอ้ งให้มารดาแบ่งส่วนความรบั ผดิ ในฐานะเปน ลกู หนี รว่ มและ เข้า ใชห้ นี นั น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 229 อนุ 3 หากบิดาหรอื มารดาไม่อุปการะเลียงดูบทบทมีสิทธขิ อให้อัยการฟองบิดาหรอื มารดาและค่า อุปการะเลียงดูบุตรได้หรอื ในกรณีทบี ุตรผเู้ ยาว์อย่กู ับมารดามารดาจะฟองบิดาเรยี กค่าอุปการะ เลียงดูบุตรแทนบุตรก็ได้โดยฟองคดีต่อศาลเยาวชนและครอบครวั นอกจากนี ในกรณีทบี ท ฟองชายให้รบั ประกันเปนบุตรชอบด้วยกฎหมายบทจะขอให้ใชจ้ ่ายค่าอุปการะเลียงดใู ห้จนกว่า ตนจะบรรลนุ ิ ติภาวะรวมกันไปในคดีเดียวกันก็ได้ หรอื ภรรยาจะฟองสามีเรยี กค่าอุปการะเลียง ดูสําหรบั ตนเองและสําหรบั บุตรผเู้ ยาว์ในคดีเดียวกันก็ได้เชน่ เดียวกัน นอกจากนี มารดามีสิทธิ ฟอง บิดา ให้ชาํ ระค่าอุปการะเลียงดูบุตรตามสัญญาประนี ประนอมยอมความและคําพิพากษา ของศาลต่างประเทศในศาลไทยได้โดยฟองภายในกําหนดอายคุ วาม 10 ป
5.บตุ รผเู้ ยาวอ์ ยใู่ ตอ้ าํ นาจปกครองของบดิ ามารดา บุตรผเู้ ยาว์ต้องอย่ใู ต้อํานาจปกครองของบิดาและมารดาทงั สองคนตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1566 บิดามารดาต่างมีอํานาจเทา่ เทยี มกันในการใชอ้ ํานาจปกครองบุตรและสามารถใชอ้ ํานาจปกครองบุตร ได้โดยลําพังเพียงคนเดียว อํานาจปกครองบุตรผเู้ ยาว์นี บิดาหรอื มารดาฝาย ใดฝายหนึ งจะสละให้แก่กันโดยเด็ดขาดไม่ได้ทงั จะตกลงรว่ มกันมอบอํานาจ ปกครองบุตรให้ บุคคลอืนก็ไม่ได้เชน่ เดียวกันเพราะเปนเรอื งเฉพาะตัวของ บิดามารดาโดยแท้ 6.บดิ ามารดามสี ิทธจิ ดั การทรพั ยส์ ินของบตุ รผเู้ ยาว์ ในระหว่างทบี ุตรยังเปนผเู้ ยาว์นั นบิดามารดาย่อมเปนผแู้ ทนของบุตรตามกฎหมาย ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1569 มีอํานาจทําการใดๆแทนบตุ ร รวมทงั ทํานิ ติกรรมสัญญาแทนบุตรด้วยการกระทําของบิดามารดา ผกู พันบุตรและ บุตรจะมีได้รูเ้ ห็นยินยอมในการนั น บิดามารดามีอํานาจจัดการทรพั ย์สินของบุตรผเู้ ยาว์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์มาตรา 1571 โดยทําให้ทรพั ย์สินเพิมพูนได้รบั ประโยชน์ มากยงิ ขึน รวมทงั มี สิทธจิ ําหน่ ายจ่ายโอนและฟองหรอื ต่อสู้คดีเกียวกับทรพั ย์สินของบุตรด้วย ในกรณีที บุตรประกอบอาชพี มีเงนิ เดือนค่าจ้างหรอื มีเงนิ ได้จากค่าเชา่ ทรพั ย์สินดอกเบยี บิดา มารดาต้องใชเ้ งนิ นั นเปนค่าอุปการะเลียงดูและให้การศึกษาบุตรก่อน หากมเี งนิ เหลือ ต้องเก็บไว้ให้หมดโดยบิดามารดาอาจใชเ้ งนิ ส่วนตัวทเี หลือนี ได้ตามสมควรหากตน ไม่มีรายได้เพียงพอแก่การครองชพี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชยม์ าตรา 1573 อย่างไรก็ดีการจัดการทรพั ย์สินของบุตรผเู้ ยาว์ทมี ีความสําคัญ บิดา มารดาไมม่ ี อํานาจกระทําได้ ต้องขออนญุ าตศาลก่อน หากดําเนิ นการโดยลําพังไม่ขออนญุ าต ศาล การจัดการนั นไม่ผกู พันบุตรผเู้ ยาว์ การจัดการทรพั ยส์ ินของบุตรผเู้ ยาว์ทตี ้อง ขออนญุ าตศาลก่อนมี 14 ประการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1574 และมาตรา 1575 ดังต่อไปนี 1) ขาย แลกเปลียน ขายฝาก ให้เชา่ ซอื จํานอง ปลดจํานอง หรอื โอนสิทธจิ ํานองซงึ บ้าน ทดี ิน เรอื แพร สัตว์พาหนะ หรอื รถยนต์ 2) ยกเลิกภาระจํายอม สิทธอิ าศัย สิทธเิ หนื อพืนดิน สิทธเิ ก็บกิน หรอื ภาระติดพันใน บ้านหรอื ทดี ิน
3) ก่อตังภาระจํายอม สิทธอิ าศัย สิทธเิ หนื อพืนดิน สิทธเิ ก็บกิน ภาระติดพัน หรอื ทรพั ย์ สิทธอิ ืนใดในบ้านหรอื ทดี ิน 4) โอนสิทธเิ รยี กรอ้ งทจี ะได้มาหรอื ระงบั ไปซงึ ภาระจํายอมสิทธอิ าศัย สิทธเิ หนื อพืนดิน สิทธเิ ก็บกิน หรอื ภาระติดพันในบ้านหรอื ทดี ิน 5) ให้เชา่ บ้านหรอื ทดี ินเกิน 3 ป 6) ทําสัญญาจะซอื จะขาย จะแลกเปลียน จะขายฝาก จะให้เชา่ ซอื จะจํานอง จะปลด จํานองซงึ บ้าน ทดี ิน เรอื แพ สัตว์พาหนะ รถยนต์ หรอื สัญญาจะยกเลิกหรอื ก่อตังภาระ จํายอม สิทธอิ าศัย สิทธเิ หนื อพืนดิน สิทธเิ ก็บกินหรอื ภาระติดพันในบ้านหรอื ทดี นิ 7) ให้ก้ยู ืมเงนิ 8) ให้โดยเสน่ หา 9) รบั การให้โดยเสน่ หาทมี ีเงอื นไขหรอื ค่าภาระติดพันหรอื ไม่ รบั การให้โดยเสน่ หา 10) ประกันหรอื รบั ชาํ ระหนี แทนบุคคลอืน 11) นํ าทรพั ย์สินไปแสวงหาประโยชน์ 12) ประนี ประนอมยอมความ 13) มอบข้อพิพาทให้อนญุ าโตตุลการวินิ จฉัย 14) ทํากิจการทปี ระโยชน์ ของบิดามารดาหรอื บุตรขัดกับประโยชน์ ของบุตรผเู้ ยาว์ 7.การถอนอาํ นาจปกครองบตุ ร บิดามารดาอาจถูกถอนอํานาจปกครองบุตรได้หาก มีพฤติการณ์ที แสดงให้เห็นชดั เจนว่าเปนผไู้ ม่เหมาะสมทจี ะเปนผใู้ ชอ้ ํานาจปกครอง บุตรผเู้ ยาว์อีกต่อไป ในการถอนอํานาจปกครองบุตรเชน่ ว่านี ศาลต้อง เปนผอู้ อกคําสังโดยศาลจะสังเองหรอื ญาติของผเู้ ยาว์หรอื อัยการ รอ้ งขอต่อศาลให้มีคําสังก็ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1582 เชน่ บิดาเฆยี นตีทําคลอดบุตรอย่างทารุณตลอดเวลามารดาอาจขอ ให้ศาลมีคําสั งถอนอํานาจปกครองบุตรของบิดาคงเหลือแต่มารดาผู้ เดียวเปนผใู้ ชอ้ ํานาจปกครองบุตรก็ได้ แต่แม่บิดามารดาจะถูกศาลสัง ถอนอํานาจปกครองบุตรแล้วก็ตามก็ยังต้องมีหน้ าทอี ุปการะเลียงดู บุตรต่อไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1584 และมี สิทธติ ิดต่อเยียมเยียนบุตรได้ตามสมควรแก่พฤติการณ์ด้วยตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1584/1
8.การคืนอาํ นาจปกครองบตุ ร เมือเหตุทที ําให้ศาลถอนอํานาจปกครองบุตรได้ยตุ ิลงแล้ว บิดามารดาหรอื ญาติมีสิทธมิ าฟอง รอ้ งขอต่อศาลเพือให้ศาลสังให้บิดาหรอื มารดาทถี ูกถอน อํานาจปกครองบุตรมีอํานาจปกครองบุตรดังเดิมได้ตามประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์มาตรา 1583 แต่ทงั นี อัยการไม่มีอํานาจยืนคํารอ้ งเชน่ ว่านี ในการที ศาลจะมีคําสังให้มีอํานาจปกครองดังเดิมนี ถ้าศาลเห็นสมควรหรอื คู่ความรอ้ งขอ ศาลอาจมีคําสังหรอื กําหนดเงอื นไขเปนการชวั คราว ให้พูดจะใชอ้ ํานาจปกครอง ทดลองปกครองเลียงดูบุตรผเู้ ยาว์เปนการชวั คราวก่อนเปนระยะเวลาไมเ่ กิน 6 เดือนก็ได้ และศาลจะสังให้ผอู้ ํานวยการสถานพินิ จหรอื พนั กงานอืนเปนผกู้ ํากับ การทดลองปกครองเลียงดูบุตรผเู้ ยาว์แล้วรายงานให้ทราบเพือประกอบการมีคํา สังให้เปนผใู้ ชอ้ ํานาจปกครองด้วย
จดั ทาํ โดย นางสาวซูนี ตา สะอุ นางสาวนิ สรนี กือซา นางสาวนรู ตี า ดอมะ นางสาววันอุลยานี หะแว นายอาหะหมัด มาหะดุง นั กศึกษาหลกั สตู รนิ ตศิ าสตร์ อาจารยท์ ปี รกึ ษา นางชลธชิ า สุรตั นสัญญา (อาจารยป์ ระจําหลกั สตู รนิ ตศิ าสตร)์
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: