ครูสมฤดี แจ้งข่าว
วัฒนธรรม วิถีการดาเนินชีวติ ของมนุษย์ที่เกดิ จากการเรียนรู้ แบบอย่างพฤตกิ รรมที่ไดม้ าทางสงั คมและถ่ายทอดกนั ไปทางสงั คมโดยอาศัย สัญลกั ษณ์ ผลงานทม่ี นุษย์สร้างสรรค์ รวมทั้งความรู้ ความคดิ ความเชื่อ ผทู้ ีบ่ ญั ญตั ิคำศัพท์ “วฒั นธรรม” ในภำษำไทย คือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร กรมหมืน่ นราธิปพงศ์ประพันธ์ หรือ พระองค์วรรณ
เป็นสิง่ ทม่ี นษุ ย์สร้ำงขึ้น เปน็ สิง่ ทีเ่ กดิ จำกกำรเรยี นรโู้ ดยผำ่ นกระบวนกำรขดั เกลำทำงสังคม เปน็ มรดกทำงสงั คม เพรำะมีกำรเรยี นรแู้ ละถำ่ ยทอดโดยใชส้ ัญลกั ษณ์ เปน็ เอกลกั ษณ์แต่ละถ่นิ ของสังคม เพรำะเปน็ ผลมำจำกกำรเรียนรแู้ ละ ถ่ำยทอดพฤติกรรมที่แตกต่ำงกัน เปลย่ี นแปลงไดแ้ ละปรบั ตวั ได้ เพรำะสงั คมไม่เคยหยดุ นิ่ง
๑. นำมธรรม (วฒั นธรรมทางจิตใจ) ประกอบด้วย คติธรรม = เปน็ วฒั นธรรมทางความคิด ในรูปแบบคตสิ อนใจ ความเชือ่ เชน่ ความเมตตากรณุ า ความกตัญญูกตเวที เปน็ ต้น เนติธรรม = เป็นวัฒนธรรมทางกฎหมาย หรือรูปแบบกฎ ระเบียบ ข้อตกลงต่างๆ เช่น กฎหมาย ศีล สหธรรม = เป็นวัฒนธรรมทางสังคม ในรูปแบบมารยาท และประเพณี เชน่ มารยาทต่างๆ ในสงั คม ๒. วตั ถธุ รรม (วัฒนธรรมที่เป็นรปู ธรรม) วัตถธุ รรม = เปน็ วฒั นธรรมทางวัตถุ ทีส่ ามารถจบั ต้องสัมผัสได้ เชน่ บ้านเรือน อาหาร เครื่องแต่งกาย เปน็ ตน้
๑. วัฒนธรรมหลกั : วัฒนธรรมของคนส่วนใหญ่ เช่น สถาบัน พระมหากษัตริย์ พุทธศาสนา ภาษาไทย ๒. วฒั นธรรมรอง : วฒั นธรรมของคนสว่ นน้อย เชน่ ภาษาทอ้ งถน่ิ ประเพณี ทอ้ งถิ่น
แสดงถึงเอกลักษณข์ องสังคม ชว่ ยยึดเหนี่ยวใหส้ มำชิกในสังคมเปน็ อนั หนึง่ อนั เดียวกัน กำหนดหน้ำที่ สถำนภำพ บทบำท ของสมำชิกใน สงั คม วฒั นธรรมชว่ ยสร้ำงระเบยี บใหก้ ับสงั คม วฒั นธรรมชว่ ยใหเ้ กดิ ควำมสำมัคคี วัฒนธรรมเปน็ ตัวกำหนดรปู แบบของสถำบนั วฒั นธรรมเปน็ เคร่อื งแสดงเอกลักษณ์ของชำติ
เคำรพเทิดทนู สถำบนั พระมหำกษตั ริย์ ใช้ภำษำไทยในกำรสื่อสำร วฒั นธรรมไทย กำรนับถอื ผู้อำวโุ ส ยึดถือขนบธรรมเนยี มประเพณี เป็นวฒั นธรรมเกษตรกรรม
พระพทุ ธศำสนำ กำรมพี ระมหำกษตั รยิ ์ ทรงเปน็ ประมขุ วฒั นธรรม ประจำชำติ อำหำรไทย ภำษำไทย และ สมุนไพร อำชีพเกษตรกรรม
วฒั นธรรมดำ้ นอำหำร อำหำรของภำคเหนอื มลี กั ษณะสำคัญ คือ รสชำติไม่จัด ไมน่ ิยมใส่น้ำตำลใน น้ำพริกหนมุ่ เป็นอำหำรพน้ื บำ้ นลำ้ นนำทรี่ จู้ ักกนั ทว่ั ไป ส่วนประกอบสำคญั ไดแ้ ก่ พรกิ กระเทียม ผักสด ตำ่ งๆ โดยมกั จะรับประทำนกบั แคบหมู
วฒั นธรรมดำ้ นศำสนำและลทั ธิควำมเชือ่ วฒั นธรรมของภำคเหนอื เป็นวัฒนธรรมทีม่ ีเอกลักษณเ์ ฉพำะตวั ที่ยงั คงยึดมน่ั ใน ขนบธรรมเนียมประเพณีของพระพุทธศำสนำ ทีม่ ีกำรสืบทอดมำเปน็ เวลำยำวนำน งำนประเพณีสืบชะตำ ไดร้ บั อิทธิพลจำกพระพุทธศำสนำ กระทำขึ้นเพอ่ื ยืดชีวติ ดว้ ยกำรทำพธิ ี เพ่อื ให้รอดพน้ ควำมตำย เปน็ ประเพณที ี่คนลำ้ นนำนยิ มกระทำมำจนถึงทกุ วนั นี้
วัฒนธรรมด้ำนอำหำร อำหำรของภำคตะวนั ออกเฉียงเหนอื มลี กั ษณะสำคญั คือ มรี สจัด มีผกั เป็น ส่วนประกอบหลัก อำหำรจะมีลักษณะแหง้ ข้น หรอื มีนำ้ ขลกุ ขลกิ ไม่นิยมใสก่ ะทิ สม้ ตำ เป็นอำหำรยอดนิยมทีม่ ตี ้นกำเนิดจำกภำคตะวันออกเฉยี งเหนอื มสี ว่ นประกอบทีส่ ำคญั คือ มะละกอดิบ มะเขือเทศ ถัว่ ลิสง พริก และกระเทียม นิยมรบั ประทำนกับข้ำวเหนยี วและไกย่ ำ่ ง
วัฒนธรรมด้ำนศำสนำและลัทธคิ วำมเชื่อ วัฒนธรรมของภำคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเอกลักษณบ์ นพืน้ ฐำนประวตั ิศำสตร์อนั ยำวนำน มีควำมเกี่ยวขอ้ งกบั แนวคิด ควำมศรัทธำ และควำมเชื่อที่ปฏบิ ตั สิ บื ตอ่ กันมำ บญุ บัง้ ไฟ เป็นประเพณีทีส่ ำคญั ของภำคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื จัดขน้ึ ในชว่ งเดือนเมษำยน-พฤษภำคมของทกุ ปี โดยชำวนำจะขอฝนจำกพญำแถนตำมควำมเชอ่ื จึงมีกำรจดั พธิ ีบชู ำพญำแถนทกุ ปีด้วยกำรทำบ้ังไฟ
วัฒนธรรมด้ำนอำหำร อำหำรของภำคกลำง มลี กั ษณะสำคญั คือ มคี วำมหลำกหลำยในกำรปรงุ กำรตกแต่งอำหำร โดยรสชำติจะมีรส เคม็ เผด็ เปรีย้ ว หวำน เคล้ำกันไปตำม ชนิดของอำหำร น้ำพริกปลำทู เป็นอำหำรทีไ่ ดร้ ับควำมนิยม เน่อื งจำกสภำพ ภมู ิศำสตร์ของภำคกลำงเป็นที่รำบล่มุ มคี วำมอดุ ม สมบรู ณ์ โดยส่วนประกอบที่สำคัญ ได้แก่ ปลำทู พริกขี้หนู หอมแดง กระเทียม มะนำว เป็นตน้
วฒั นธรรมด้ำนศำสนำและลัทธคิ วำมเชื่อ วัฒนธรรมของภำคกลำง เป็นวฒั นธรรมทเ่ี กี่ยวเนื่องกบั พระพุทธศำสนำ ทีม่ คี วำมเช่อื มโยงกบั ประเพณี พธิ ีกรรม ควำมเชอ่ื และกำรดำเนินชวี ิต ประเพณีรบั บวั โยนบวั เป็นประเพณีประจำทอ้ งถิ่นของชำวอำเภอบำงพลี จังหวดั สมทุ รปรำกำร ซึ่งจัดขึน้ เป็นประจำทกุ ปี ในวันขึน้ 14 คำ่ เดือน 11 โดยชำวบำ้ นจะพำกนั มำ คอยนมัสกำรหลวงพ่อโสธรอยรู่ ิมคลอง และเด็ด ดอกบวั โยนขึน้ ไปบนเรอื ของหลวงพ่อ จนกลำยเปน็ ประเพณที ี่สืบทอดมำจนถึงปจั จุบนั
วัฒนธรรมด้ำนอำหำร อำหำรของภำคใต้ มลี กั ษณะที่สำคญั คือ รสจดั จ้ำน นิยมใส่เครื่องเทศ เช่น ขม้นิ เนื่องจำกช่วยดบั กลิน่ คำวของอำหำร โดยอำหำรภำคใต้จะไมเ่ น้นรสหวำน ข้ำวยำ เปน็ อำหำรไทยภำคใต้ โดยถอื กนั วำ่ เปน็ อำหำรทีม่ ีโภชนำกำรครบถว้ น และมีคณุ ลักษณะพเิ ศษแตกต่ำงจำกอำหำรจำนเดียวทัว่ ไป ส่วนประกอบสำคญั ได้แก่ ขำ้ วสวย ข่ำ ตะไคร้ พริก ถั่วงอก เปน็ ตน้
วฒั นธรรมดำ้ นศำสนำและลทั ธคิ วำมเชื่อ วัฒนธรรมของภำคใต้ มคี วำมเปน็ มำอนั ยำวนำน เปน็ แหล่งอำรยธรรมของ พระพุทธศำสนำ ซึง่ ได้หลอ่ หลอมกบั ควำมเชื่อดัง้ เดมิ กอ่ ให้เกิดประเพณที สี่ ำคญั ประเพณีชักพระ เปน็ ประเพณีพน้ื เมอื งของชำวภำคใต้ โดยพทุ ธศำสนกิ ชนจะพร้อมใจกันอญั เชิญพระพุทธรูป จำกวัดขึ้นประดิษฐำนบนบุษบกที่วำงอยตู่ รงรำ้ นไม้ แล้วลำกหรอื แห่ไปตำมถนนหนทำง แมน่ ำ้ ลำคลอง หรือริมฝ่ังทะเล
ควำมหมำยของวัฒนธรรมสำกล วฒั นธรรมทีเ่ ปน็ ทย่ี อมรบั กันทวั่ ไปอยำ่ งกวำ้ งขวำง หรือ เป็นอำรยธรรม ทีไ่ ด้รบั กำรปฏบิ ตั ติ ำมกันทัว่ โลก เชน่ กำรแต่งกำยชดุ สำกล กำรใช้ภำษำองั กฤษ ในกำรติดตอ่ สื่อสำร กำรปกครองระบอบประชำธปิ ไตย กำรคำ้ เสรี กำรใชเ้ ครือ่ งจกั รกล ระบบกำรส่อื สำรทที่ นั สมัย ควำมรู้ทำงวทิ ยำศำสตร์ มำรยำทในกำรสมำคม เปน็ ตน้
ควำมสำคญั ของวฒั นธรรมสำกล เป็นแนวทำงในกำรปฏบิ ัติรว่ มกันของประเทศตำ่ งๆ ในโลก เช่น ภำษำสำกล ระบอบกำรเมืองกำรปกครอง เป็นต้น เพรำะในปจั จบุ นั เป็นยุคแหง่ โลกำภิวัตน์ มนษุ ย์ทั่วโลก มกี ำรตดิ ต่อถึงกนั มำกขนึ้ กำรที่ประเทศไทยจะพฒั นำสู่ควำมเปน็ สำกลคนไทย จงึ จำเปน็ ต้อง เรียนรูว้ ฒั นธรรมสำกล เพ่อื พัฒนำศกั ยภำพตนเองและก้ำวทนั ควำมเปล่ยี นแปลงทเ่ี กิดขึ้นอย่ำงรวดเร็ว
ระบบเศรษฐกจิ แนวคดิ เรื่อง กำรปกครองระบอบ แบบทนุ นิยม สิทธมิ นุษยชน ประชำธิปไตย วฒั นธรรมสำกลที่สำคัญ ในยุคปจั จบุ ัน คอมพิวเตอรแ์ ละ กำรแตง่ กำย อินเทอร์เนต็ ภำษำองั กฤษ
ปรัชญำกบั ธรรมชำติ วัฒนธรรมไทยเนน้ ปรชั ญำ “มนุษย์สอดคล้องกบั ธรรมชาติ” เปน็ อันหนงึ่ อนั เดียว กับธรรมชำติ ดงั น้นั คนไทยจึงนิยมสรำ้ งวฒั นธรรมใหก้ ลมกลืนกบั ธรรมชำติ เชน่ กำรทำขวญั ขำ้ ว ประเพณบี ญุ บงั้ ไฟ เปน็ ตน้ วัฒนธรรมสำกลเนน้ ปรชั ญำ “มนุษย์เปน็ นายธรรมชาติ” สำมำรถบงั คบั ธรรมชำติ ใหต้ อบสนองควำมต้องกำรของมนษุ ยไ์ ด้ท้งั หมด จนนำไปสู่กำรประดิษฐค์ ิดค้นวัตถุ และเทคโนโลยีที่ทันสมยั เพื่อสร้ำงควำมสะดวกสบำยให้แกม่ นุษย์ เช่น เครือ่ งบิน รถยนต์ รถไฟฟ้ำ โทรศพั ทม์ ือถือ เปน็ ต้น
โลกทัศน์ วัฒนธรรมไทยมองโลกแบบองคร์ วม ทกุ สิ่งหลอมรวมเปน็ อนั หนงึ่ อนั เดียวกนั ไม่สำมำรถแยกออกจำกกันได้ โดยองคป์ ระกอบท้งั หลำยมีควำมสมดุล ช่วย จรรโลงโลกให้มีควำมนำ่ อยู่ รื่นรมย์ และสงบสขุ วฒั นธรรมสำกลมองทกุ สิ่งเป็น 2 สว่ นเสมอ เชน่ ขำว-ดำ ทนั สมยั -ล้ำสมัย จงึ มคี วำมพยำยำมทีจ่ ะปรบั เปลีย่ นสิ่งทีล่ ำ้ สมัยใหม้ ีควำมทนั สมยั อยเู่ สมอ เชน่ กำรพัฒนำเทคโนโลยี กำรพฒั นำกำรคมนำคมขนส่ง เป็นต้น
วธิ กี ำรทำงวทิ ยำศำสตร์ วฒั นธรรมไทยเน้นควำมคดิ ควำมเชือ่ ตำมหลักธรรมทำงศำสนำ ยึดมัน่ ในควำมจรงิ ควบคู่ไปกบั แนวคิดทำงวิทยำศำสตร์ บนพ้นื ฐำนควำมสัมพันธ์ระหว่ำงมนุษย์กับมนษุ ย์ โดยครอบคลุมถึงเร่อื งกำรดำเนนิ ชวี ิต ทัง้ ที่เป็นรปู ธรรมและนำมธรรม วัฒนธรรมสำกลเน้นทฤษฎีและกำรพิสจู นบ์ นพืน้ ฐำนของวิทยำศำสตร์ มีกำรตัง้ สมมตฐิ ำน วิเครำะห์ สังเครำะห์ เพอ่ื ใหไ้ ด้ขอ้ สรปุ ที่เปน็ เหตเุ ปน็ ผล นำไปใช้ ในกำรพฒั นำเทคโนโลยีที่ทนั สมยั เพอ่ื ใหส้ อดคลอ้ งกบั หลกั เทคโนโลยขี น้ั สูง
แนวทำงกำรอนุรักษแ์ ละถำ่ ยทอดวฒั นธรรมไทย ส่งเสริมให้ชนทกุ กลมุ่ เหน็ คุณคำ่ ขยำยขอบเขตกำรมสี ่วนรว่ มทำงวฒั นธรรม ส่งเสรมิ กำรแลกเปลีย่ นศลิ ปวัฒนธรรม สรำ้ งทัศนคติ ควำมรู้ ควำมเขำ้ ใจ เกี่ยวกบั วฒั นธรรมว่าเป็นทรัพย์สมบัตขิ องทุกคน สง่ เสริมใหป้ ระชำชนรจู้ ักใช้สิทธิและหนำ้ ที่ สิทธิในการอนรุ กั ษ์ฟืน้ ฟูจารีตประเพณี ภมู ปิ ัญญาท้องถน่ิ ศิลปวัฒนธรรม จดั ทำระบบเครอื ข่ำยสำรสนเทศทำงวฒั นธรรม เพือ่ เป็นศนู ย์กลางในการเผยแพร่ ข้อมูล ประชาสมั พนั ธ์งานตา่ งๆ ที่เกี่ยวกบั วฒั นธรรม
เลือกรับวัฒนธรรมสำกล พจิ ำรณำข้อดีขอ้ เสยี ทีจ่ ำเป็นต่อกำรดำเนิน ควบคู่กัน ชวี ิตประจำวนั แนวทำงกำรเลือกรบั วัฒนธรรมสำกล มกี ำรร่วมมอื ค้นควำ้ มีกำรพฒั นำและผสมผสำน เผยแพร่ รวมถงึ กำรประยกุ ต์ วัฒนธรรมไทยให้เหมำะสม ใชภ้ มู ิปัญญำไทย กับสมยั ปจั จุบัน
Search
Read the Text Version
- 1 - 26
Pages: