หน่วยการเรียนร้ทู ่ี ๑ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๒ หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ ๓ ประวัตศิ าสตร์ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ ๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ ๔ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๕ หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๖ ๑_หลักสตู รวชิ าประวัติศาสตร์ ๒_แผนการจดั การเรยี นรู้ ๓_PowerPoint_ประกอบการสอน ๔_Clip ๕_ใบงาน_เฉลย ๖_ขอ้ สอบประจาหน่วย_เฉลย ๗_การวัดและประเมนิ ผล ๘_เสรมิ สาระ ๙_สือ่ เสริมการเรยี นรู้
๔หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ พัฒนาการของอาณาจักรสุโขทยั จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑. วเิ คราะหพ์ ัฒนาการของอาณาจกั รสโุ ขทัยในดา้ นตา่ งๆ ได้ ๒. วเิ คราะห์อิทธพิ ลของวฒั นธรรมและภูมิปัญญาไทยสมัยสโุ ขทยั และสงั คมไทยในปัจจบุ นั ได้
การสถาปนาอาณาจักรสโุ ขทยั ความเป็นมาก่อนการสถาปนาเมืองสโุ ขทัยเป็นราชธานี • กอ่ นการสถาปนาเมืองสโุ ขทัย สันนิษฐานว่าชุมชนบริเวณเมืองสโุ ขทัยน่าจะมคี วามสัมพนั ธ์กับชาวมอญทเ่ี มอื งละโว้ (ลพบุร)ี และขอมท่ีเมืองพระนคร • นอกจากน้ียงั มคี วามสัมพนั ธก์ บั ละวา้ หรือลว้ั และลาว รวมทง้ั ไตหรอื ชาวไทย ทอ่ี ยทู่ างตอนใต้ของจนี จนเกดิ การผสมผสาน เป็นชมุ ชนขนาดใหญ่ และสถาปนาเป็นอาณาจกั รสุโขทัย
ปจั จัยท่นี าไปส่กู ารสถาปนาอาณาจักรสโุ ขทัย ปจั จยั ภายใน • การขยายตวั ของชุมชนสโุ ขทยั ปจั จัยภายนอก • ทาเลทตี่ ั้งของแคว้นสุโขทัย • การมผี ู้นาทีเ่ ข้มแข็ง • การขยายตวั ของชมุ ชนสโุ ขทัย • ทาเลท่ตี ้ังของแคว้นสโุ ขทัย
ปัจจยั ท่ีมีอิทธพิ ลตอ่ พฒั นาการในสมัยสโุ ขทยั ปัจจยั ด้านภมู ิศาสตรแ์ ละสิ่งแวดล้อม สภาพภูมปิ ระเทศ • สุโขทยั ตัง้ อยูบ่ รเิ วณที่ราบลมุ่ ทีม่ ีแม่น้าปิง ยม น่าน ไหลผา่ น เหมาะกบั การทาการเกษตร สภาพภมู อิ ากาศ • สุโขทยั ตัง้ อยูท่ า่ มกลางทวิ เขา ทาให้อากาศไม่ร้อนจนเกนิ ไป และยังมี ฝนตกชกุ ในฤดมู รสุม ทรพั ยากรทางธรรมชาติ • เต็มไปด้วยทรพั ยากรธรรมชาติ ท่ีเปน็ ประโยชน์ต่อการดาเนินชวี ิต การคมนาคม • มเี สน้ ทางการคา้ ท้งั ทางน้าและทางบก ทส่ี ามารถตดิ ต่อกบั แคว้นตา่ งๆ
ปจั จัยดา้ นอารยธรรม ดา้ นศาสนา ด้านภาษา ด้านกฎหมาย ด้านศิลปกรรม ด้านการปกครอง
พัฒนาการด้านการเมอื งการปกครองสมัยสุโขทยั ลกั ษณะความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งพระมหากษตั ริย์กบั ราษฎร • การปกครองของอาณาจกั รสโุ ขทยั ในยคุ เร่ิมแรกเปน็ การปกครองแบบ “พ่อปกครองลกู ” เชน่ จากการท่ีพอ่ ขุนรามคาแหง มหาราชโปรดให้แขวนกระด่ิงไวท้ ่ปี ระตูวงั เพอื่ ใหร้ าษฎรที่มเี รื่องเดือดร้อนไปสั่นกระดงิ่ ร้องทุกข์ได้ แล้วพระองค์จะมาตดั สนิ คดี ด้วยพระองค์เอง • ต่อมาในสมยั พระมหาธรรมราชาท่ี ๑ (ลิไทย) พระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ “ธรรมราชา” และมีความเชื่อวา่ พระมหากษตั รยิ ์ทรง เป็นสมมตเิ ทพด้วยเชน่ กัน ทรงยา้ ใหเ้ ห็นถึงพระมหากษตั ริยท์ รงปฏิบัตติ ามหลักพระพทุ ธศาสนาทเ่ี รยี กว่า “ทศพิธราชธรรม” หรอื ธรรม ๑๐ ประการเพอ่ื ราษฎรจะได้มีความรม่ เยน็ เป็นสุข
อาณาเขตการปกครอง สมยั พอ่ ขนุ รามคาแหงมหาราช ทิศเหนอื ได้เมืองแพร่ น่าน พลั่ว (อ. ปัว จ. น่าน) เลยฝั่งโขงไปถึงเมืองชวา (หลวงพระบาง) ทศิ ตะวนั ออก ไดเ้ มอื งสระหลวง สองแคว (พิษณโุ ลก) ลมุ บาจาย (หล่มเกา่ ) สระคา ถึงข้ามฝัง่ แม่น้าโขง ถงึ เวยี งจันทนแ์ ละเวียงคา ทิศตะวันตก ได้เมืองฉอด เมอื งหงสาวดจี นสดุ ฝงั่ ทะเล ทิศใต้ ไดเ้ มอื งคณฑี (กาแพงเพชร) พระบาง (นครสวรรค์) แพรก (ชยั นาท) สพุ รรณภูมิ ราชบุรี เพชรบุรี นครศรธี รรมราชจนสดุ ฝัง่ ทะเล
สมยั พระมหาธรรมราชาท่ี ๑ (ลิไทย) ไดเ้ มอื งสระหลวง สองแคว (พิษณุโลก) ทศิ ตะวันออก ทศิ ตะวนั ออกเฉยี งใต้ ได้เมืองปากยม (พิจติ ร) ทิศใต้ ไดเ้ มืองคนฑี (กาแพงเพชร) และเมืองพระบาง (นครสวรรค์) ทศิ ตะวนั ตก อาณาจกั รจรดเมืองตาก ทิศเหนือ ไดเ้ มอื งสระหลวง สองแคว (พษิ ณุโลก) ลมุ บาจาย (หลม่ เกา่ ) สระคา ทิศตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ถึงข้ามฝง่ั แมน่ า้ โขง ถึงเวยี งจนั ทนแ์ ละเวยี งคา ทิศตะวนั ตกเฉยี งใต้ ได้เมืองสระคาหรอื เมืองสะค้า และเมอื งลมุ บาจาย (เมืองหล่มเกา่ ) จงั หวัดเพชรบูรณ์ ไดเ้ มอื งชากังราว เมอื งสุพรรณภาว เมืองนครพระชมุ และเมืองบางพาน (กาแพงเพชร)
รปู แบบการปกครอง • รปู แบบการปกครองเปน็ ลกั ษณะการกระจายอานาจจากราชธานีไปยังหวั เมอื งต่างๆ • เมืองตา่ งๆ ท่ีข้ึนอย่กู บั กรงุ สโุ ขทยั ตามท่ปี รากฏในศิลาจารกึ เปน็ กลุ่มเมืองช้ันใน ช้นั กลาง ช้นั นอก ตามระยะทางใกล้ไกลตามลาดับ โดยเมอื งใหญ่ท่ีสาคญั ปกครองเมืองเลก็ ๆ มี ๔ เมือง คอื กรุงสโุ ขทยั (ราชธาน)ี ศรสี ชั นาลยั กาแพงเพชร สองแคว (พษิ ณโุ ลก) • เมือ่ มีการเปลี่ยนแปลงพระมหากษตั ริย์พระองค์ใหมใ่ นเมอื งราชธานี เมืองข้ึนตา่ งๆ ทีอ่ ยู่หา่ งไกลอาจต้งั ตวั เป็นอิสระได้ เชน่ เมื่อสิ้น สมยั พ่อขนุ รามคาแหงมหาราช เมืองเล็กๆ อย่างเชยี งทอง (ตาก) และพระบาง (นครสวรรค์) ต่างพากนั ตงั้ ตัวเป็นอสิ ระ เป็นตน้
พัฒนาการทางด้านเศรษฐกิจสมัยสโุ ขทัย ปจั จัยทีเ่ อื้อตอ่ พัฒนาการทางด้านเศรษฐกิจ การใชร้ ะบบชลประทาน เป็นศนู ย์กลางการติดต่อกับ ยกเว้นการจดั เกบ็ ภาษี ในการเกษตร ดนิ แดนอื่นๆ ผา่ นด่าน ท่เี รยี กวา่ “จกอบ” การสรา้ ง “ตระพัง” เกบ็ น้า เพอื่ ใช้ใน ท้งั ภายในและภายนอกอาณาจักร (จังกอบ) การเพาะปลูก มดี นิ แดนทตี่ ดิ กบั ทะเล ทาใหก้ ารคา้ ขายขยายตัวออกไป ทาใหส้ ง่ เสรมิ การประกอบอาชพี และชว่ ยใหเ้ กดิ แรงจงู ใจ การค้าไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ทาใหม้ ีพอ่ ค้าเข้ามาค้าขายมากขึ้น
ลกั ษณะทางดา้ นเศรษฐกิจท่ีสาคัญ การเกษตรกรรม • พ้นื ฐานเศรษฐกจิ ข้นึ อยกู่ บั อาชีพเกษตรกรรม โดยมีการจดั ระบบชลประทานเขา้ ช่วยในการเพาะปลกู ในฤดูแล้ง รวมถงึ เพอื่ การอุปโภคและบรโิ ภคดว้ ย เช่น การสรา้ งรางคนั ดิน สร้างเหมอื ง ฝาย คู ตระพงั และทานบกนั้ น้า (สรีดภงส)์ เป็นตน้ การพาณิชยกรรม • มีตลาดค้าขาย เรยี กว่า ตลาดปสาน มีการใช้เงินตราในการซ้อื ขายสนิ ค้า เช่น เบี้ย บาท เงนิ พดด้วง • สนิ ค้าออก เชน่ เคร่อื งเทศ ของป่าหายาก พริกไทย นา้ ตาล งาชา้ ง สินคา้ ขาเข้า เชน่ ผ้าไหม ผ้าทอ การหัตถกรรม • การผลิตเคร่ืองปั้นดนิ เผา เรียกว่า “เคร่ืองสงั คโลก” เคร่อื งสงั คโลกทีผ่ ลติ ได้มาก คือ ถว้ ยชาม
พัฒนาการทางดา้ นสงั คมสมยั สุโขทัย พระมหากษตั ริย์ พระราชวงศ์ (เจา้ นาย) กลุ่มคนในสงั คมสุโขทัย กลมุ่ บคุ คลท่มี ีหนา้ ท่ใี นการปกครอง ขุนนาง กลมุ่ บุคคลทีอ่ ยูใ่ ต้การปกครอง ไพร่ ขา้
กฎหมายและการพิจารณาคดีความ • ในสมยั สโุ ขทยั ได้มหี ลักฐานที่แสดงให้เห็นว่ามีการตรากฎหมายในลักษณะตา่ งๆ เพ่อื สรา้ งความเปน็ ระเบียบเรียบร้อยและ ความเป็นธรรมให้เกดิ ขึ้นในสงั คม กฎหมายที่ตราข้นึ ในสมยั สุโขทัยจากหลกั ฐานที่ค้นพบและตคี วามไดจ้ ากศลิ าจารกึ สุโขทยั มลี ักษณะตา่ งๆ ดังน้ี ลักษณะทรัพย์สนิ มรดก ลกั ษณะการพจิ ารณาคดคี วาม ลักษณะการร้องฎีกา ลักษณะโจร
พฒั นาการทางดา้ นศิลปวฒั นธรรมสมยั สโุ ขทัย ดา้ นศลิ ปกรรม ดา้ นสถาปตั ยกรรม เจดีย์ เจดีย์ทรงพุม่ ข้าวบณิ ฑ์ เจดยี ์ทรงกลมแบบลังกา เจดยี ์แบบลังกาผสมศรวี ิชัย วัดเจดีย์เจด็ แถว จ.สุโขทยั วดั ช้างลอ้ ม จ.สุโขทยั วดั เจดียเ์ จ็ดแถว จ.สุโขทัย
อาคาร • อาคารที่เปน็ รปู สี่เหลี่ยมผืนผา้ เช่น วหิ าร ท่วี ดั สวนแกว้ อุทยานน้อย เมอื งศรีสชั นาลยั • อาคารท่กี อ่ ดว้ ยศลิ าแลง เชน่ วหิ ารท่วี ดั กฎุ ีราย เมืองศรสี ัชนาลยั • อาคารท่ีเป็นปราสาทราชวงั ส่วนใหญ่สร้างด้วยไม้ จงึ ผุพังไปหมดแล้ว • อาคารทเี่ ปน็ รูปสีเ่ หลย่ี ม เชน่ มณฑปวดั ศรชี มุ เมืองสุโขทัย
วิหาร • มีลกั ษณะใหญ่กว่าโบสถ์ • กาแพงทึบและเจาะเปน็ ชอ่ งเล็กๆ คลา้ ยหนา้ ตา่ ง เพอ่ื ใหแ้ สงลอดเขา้ ไปขา้ งในได้ • นยิ มสร้างไวด้ า้ นหน้าของเจดยี ์ เชน่ พระวิหารหลวงกลางเมอื งสุโขทัย โบสถ์หรอื อโุ บสถ • ส่งิ กอ่ สร้างสาคัญและมคี นเขา้ ไปใชง้ านมากทส่ี ดุ ใชเ้ ปน็ ท่ีประกอบสงั ฆกรรม • โบสถส์ โุ ขทยั แทบทกุ หลงั จะหนั หน้าไปทางทศิ ตะวนั ออก • มแี ผนผังเปน็ สีเ่ หลยี่ มผนื ผา้ เช่น โบสถว์ ดั มหาธาตุ โบสถ์วดั นางพญา เมอื งศรีสชั นาลัย เปน็ ตน้
ด้านประตมิ ากรรม ๑ การแกะสลักศิลปวตั ถุ ๒ การป้นั พระพุทธรูป ๓ การทาเครือ่ งสงั คโลก ๔ การแกะสลกั ศลิ ปวัตถุ ประติมากรรมในสมยั สุโขทยั ท่เี ป็นพระพทุ ธรปู ไดร้ บั การยกย่องมากว่าสามารถสรา้ งสรรคไ์ ด้อยา่ งงดงามมาก
ด้านจิตรกรรม • ภาพจติ รกรรมมที ้งั ภาพลายเส้นและภาพเขยี น โดยเฉพาะภาพลายเส้นสลกั บนแผ่นชนวนหิน ประดบั มณฑปวดั ศรีชมุ จังหวดั สโุ ขทัย เปน็ ภาพชาดกทมี่ อี ทิ ธิพลของศลิ ปะลังกา โดยเฉพาะเทวดาที่ปรากฏมลี ักษณะใกลเ้ คยี งกับศิลปะลงั กา อยา่ งมาก • จิตรกรรมฝาผนังต่างจากภาพลายเสน้ สีทใ่ี ช้เปน็ สแี บบดา แดง ทีเ่ รยี กว่า “สีเอกรงค”์ ภาพเขยี นท่สี าคัญ คือ ภาพเขยี น ที่วัดเจดีย์เจ็ดแถว เมืองศรีสชั นาลัย ภาพโคชานิยชาดก เป็นภาพลายเส้นสลักบนแผน่ หินชนวน ประดับมณฑปวดั ศรชี มุ จงั หวดั สโุ ขทยั
ดา้ นภาษาและวรรณกรรม ด้านภาษา • พอ่ ขนุ รามคาแหงมหาราชทรงประดษิ ฐ์อกั ษรไทย โดยดดั แปลงจากอักษรขอม และมอญ ขึน้ ใน พ.ศ. ๑๘๒๖ เรียกว่า ลายสอื ไทย ด้านวรรณกรรม • ศลิ าจารกึ ใหค้ วามรู้ทางด้านประวัติศาสตรโ์ บราณคดี อกั ษรศาสตร์ และอนื่ ๆ เชน่ ในศลิ าจารกึ สโุ ขทยั หลักท่ี ๑ • ไตรภูมิพระร่วง พระมหาธรรมราชาที่ ๑ (ลิไทย) ทรงพระราชนิพนธข์ น้ึ นับว่าเป็นวรรณคดีเลม่ แรกของไทยทว่ี า่ ด้วยเรื่องนรก - สวรรค์ ดา้ นศาสนาและความเช่อื • มกี ารนับถือผี วิญญาณของบรรพบุรษุ ปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ และพระพทุ ธศาสนานกิ ายเถรวาทลัทธลิ ังกาวงศ์ • การนับถอื ศาสนาพราหมณ-์ ฮินดู ในราชสานกั สมยั สโุ ขทยั ตอนปลาย
ด้านประเพณีท่สี าคญั • สมัยสโุ ขทัยมปี ระเพณสี าคัญทค่ี นไทยได้ยดึ ถือปฏบิ ตั แิ ละได้เปน็ มรดกตกทอดทางวัฒนธรรมมาจนถึงสมยั ปัจจุบัน ประเพณีเหล่าน้ี ล้วนมีคณุ ค่าทางวัฒนธรรมไทยเปน็ อย่างมากและมปี ระโยชนต์ ่อสังคมไทยมาตัง้ แต่สมัยสุโขทัยจนถงึ สมัยปจั จบุ นั ประเพณที ส่ี าคัญ และปรากฏหลักฐานโดยนามาเปน็ ตัวอยา่ ง มีดงั นี้ • การใหท้ านและถือศีล • การเผาเทยี นเลน่ ไฟ • การทอดกฐนิ • การทาบุญและฟังธรรม • การฟังเทศนม์ หาชาติ • การนบั ถือผีและเทวดา
พัฒนาการทางด้านความสัมพันธ์ระหวา่ งประเทศสมัยสุโขทัย วตั ถุประสงค์ในการสร้างความสัมพันธ์ ๑ เพื่อขยายอานาจหรอื ขอบเขตใหก้ วา้ งขวางออกไป ๒ เพื่อผลประโยชน์ทางดา้ นเศรษฐกจิ และการคา้ ๓ เพื่อรักษาสมั พนั ธไมตรีกับรฐั อน่ื ๔ เพือ่ เผยแพร่และรบั การถ่ายทอดวฒั นธรรม ๕ เพื่อรกั ษาความมนั่ คงและปอ้ งกันการรุกรานจากภายนอก
ลักษณะการสร้างความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งประเทศ ความสมั พันธ์กบั ล้านนา • พ่อขุนรามคาแหงมหาราชไดท้ รงดาเนนิ ความสมั พันธด์ ้วยการรว่ มมอื กบั พระยางาเมืองแห่งแคว้นพะเยา ช่วยเหลือพระยามงั รายเลอื กชยั ภมู ิ และ วางผังเมืองราชธานีใหม่ คือ นพบรุ ศี รนี ครพงิ คเ์ ชยี งใหม่ • ตอ่ มาสมัยพระธรรมราชาท่ี ๑ (ลิไทย) ความสัมพนั ธข์ องสโุ ขทยั ท่ีมตี ่อ ลา้ นนาเรมิ่ ห่างเหนิ เพราะลา้ นนายดึ เมืองตากของสโุ ขทยั ภาพแสดงพ่อขุนรามคาแหงมหาราชแหง่ สุโขทัยและพระยางาเมืองแหง่ พะเยา เสดจ็ ไปช่วยพระยามงั รายมหาราชแหง่ ลา้ นนา ได้ทาการเลือกชยั ภมู ใิ นการ สร้างราชธานแี หง่ ใหม่ของล้านนา
ความสัมพนั ธก์ บั ล้านนา (ตอ่ ) • ในสมัยพระมหาธรรมราชาท่ี ๒ ทรงส่งพระสมุ นมหาเถระไปเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนานิกายเถรวาทแบบลงั กาวงศ์ท่เี มืองเชยี งใหม่ และไดเ้ จรจาขอเมอื งตากคืน • ในสมัยพระมหาธรรมราชาที่ ๓ (ไสลอื ไทย) ทรงช่วยท้าวยก่ี มุ กาม พระเชษฐาของพระยาสามฝัง่ แกนแห่งล้านนาบกุ เขา้ ตเี มือง เชยี งใหม่ ทาใหเ้ กดิ ความบาดหมางระหวา่ งสโุ ขทยั กับล้านนากันมากข้นึ ภาพวาดแสดงการสรู้ บระหวา่ งทหารสโุ ขทยั กับทหารลา้ นนา อนั เป็นผลมาจากการท่ี สุโขทยั พยายามที่จะแผข่ ยายอทิ ธพิ ลขึ้นไปทางตอนบน
ความสัมพนั ธก์ บั อยธุ ยา • ในสมยั พระมหาธรรมราชาท่ี ๑ (ลิไทย) อยุธยายดึ เมอื งพิษณโุ ลกของสโุ ขทัยไวไ้ ด้ สุโขทยั จงึ สง่ คณะทูตไปเจรจาขอคืนไดส้ าเรจ็ • ในสมยั พระมหาธรรมราชาท่ี ๒ อยุธยาตเี มอื งกาแพงเพชร ของสุโขทยั ได้ สุโขทัยจึงยอมเปน็ เมอื งขึ้น • ในสมัยพระมหาธรรมราชาท่ี ๓ (ไสลอื ไทย) ทรงประกาศ เอกราช แตส่ โุ ขทัยก็ตกเปน็ เมอื งข้นึ ของอยุธยาอีก ภาพวาดแสดงพระมหาธรรมราชาที่ ๑ (ลิไทย) สง่ คณะทูตมาเจรจาขอเมอื งพษิ ณโุ ลกกลบั คืนจากสมเด็จพระรามาธิบดที ่ี ๑ (อูท่ อง) แห่งกรุงศรีอยุธยา
ความสมั พันธก์ ับอยธุ ยา (ต่อ) • สุโขทยั ได้สรา้ งความสมั พนั ธ์ฉนั เครือญาตกิ บั อยธุ ยาโดยพระราชธดิ าของพระมหาธรรมราชาท่ี ๒ (เป็นพส่ี าวของพระยาบาล) ได้ทรง อภิเษกกับเจา้ สามพระยา (ตอ่ มาได้เปน็ กษตั รยิ ์อยธุ ยา ทรงมีพระนามวา่ “สมเด็จพระบรมราชาธริ าชที่ ๒” ) ซึง่ เปน็ พระราชโอรสของ สมเดจ็ พระอนิ ทราชา • ภายหลงั พระมหาธรรมราชาท่ี ๓ (ไสลือไทย) สวรรคต เกิดการชงิ อานาจกนั ระหวา่ งพระยาบาลกับพระยาราม สมเดจ็ พระอินทราชาแห่ง กรุงศรอี ยธุ ยาทรงไกล่เกลยี่ ใหพ้ ระยาบาลครองเมอื งพษิ ณุโลกทรงพระนามว่า พระมหาธรรมราชาที่ ๔ (บรมปาล) ส่วนพระยารามครอง เมืองสโุ ขทัย • สุโขทัยในฐานะเมืองประเทศราชของอยธุ ยาได้ถูกผนวกรวมเขา้ เป็นส่วนหนง่ึ ของอยธุ ยาในพ.ศ. ๒๐๐๖ เมอ่ื สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ แหง่ กรงุ ศรอี ยธุ ยาไดเ้ สดจ็ ขน้ึ มาปกครองเมอื งพษิ ณโุ ลกในฐานะราชธานแี ทนกรงุ ศรอี ยุธยา
ความสัมพนั ธ์กับนครศรีธรรมราช • สโุ ขทัยกับนครศรีธรรมราชมีความสมั พันธ์ในลกั ษณะของการขยายอิทธิพลทางการเมืองเข้าไปปกครองดแู ลในฐานะเมืองประเทศราช ทางด้านวัฒนธรรมผา่ นทางพระพทุ ธศาสนา ซ่ึงเรม่ิ ขนึ้ ในสมัยพ่อขนุ รามคาแหงมหาราช เมอ่ื นครศรีธรรมราชยอมรบั อทิ ธพิ ลทาง การเมอื งของสโุ ขทยั โดยยอมเปน็ เมืองประเทศราชของสโุ ขทัย • ภายหลงั หลงั สมัยพอ่ ขนุ รามคาแหงมหาราช ความสัมพนั ธ์เร่ิมเส่ือมลง เนือ่ งจากระยะทางท่อี ยู่ห่างไกล รวมทง้ั เมื่อมกี ารก่อตงั้ อยธุ ยา ท่อี ยถู่ ดั จากสุโขทัยลงมา ทาให้อยธุ ยาเรมิ่ ขยายอานาจเข้าไปแทนท่ี ภาพวาดแสดงพ่อขนุ รามคาแหงมหาราชทรงนมิ นตพ์ ระสงฆจ์ ากนครศรธี รรมราชมา เผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาท่สี ุโขทยั
ความสัมพนั ธก์ บั หวั เมืองมอญ • สุโขทัยกับมอญมคี วามสัมพนั ธ์กันในฐานะเมอื งประเทศราช สโุ ขทัยใช้หัวเมืองมอญเปน็ เมืองทา่ สาหรบั การค้าขายทางดา้ นอา่ วเมาะตะมะหรือทะเลอนั ดามันจากชาวตา่ งชาติที่แล่นเรอื สาเภามา จากอาหรบั อนิ เดยี และลังกา และความสัมพันธท์ างด้านวฒั นธรรมผา่ นทางพระพุทธศาสนา ได้ จดั สง่ คณะสงฆเ์ ดนิ ทางไปศึกษาพระธรรมวินัยกบั คณะสงฆ์มอญ แล้วนากลับมาเผยแผ่ใหแ้ ก่ชาว สโุ ขทยั อกี ดว้ ย • หัวเมืองมอญในสมยั สุโขทยั ได้แก่ เมอื งมะรดิ ทวาย ตะนาวศรี หงสาวดี สะเทิม และนครพัน • หลังสิ้นสมัยพอ่ ขนุ รามคาแหงมหาราชไปแล้ว หวั เมอื งมอญเร่ิมเปน็ อสิ ระ และบางคร้ังก็อยูใ่ ต้ อานาจรฐั ทเ่ี ขม้ แข็งกวา่ สโุ ขทยั ภาพวาดแสดงสุโขทยั ใช้หัวเมอื งมอญเป็นเมอื งท่าการค้าด้านทะเลอันดามัน
ความสัมพันธ์กับลงั กา • สโุ ขทยั มีความสมั พนั ธก์ บั ลังกาทางด้านวัฒนธรรม เพราะในสมยั พ่อขุนรามคาแหงมหาราชทรงนิมนตพ์ ระมหาเถรสังฆราชจาก เมอื งนครศรธี รรมราชพร้อมคณะภิกษสุ งฆน์ าเอาพระพทุ ธศาสนานิกายเถรวาทลัทธลิ งั กาวงศ์ มาประดิษฐานในกรุงสโุ ขทยั • ประมาณ พ.ศ. ๑๙๐๐ ตรงกับสมัยพระมหาธรรมราชาท่ี ๑ (ลิไทย) พระอโนมทัสสแี ละพระสมุ นมหาเถระนาพระพทุ ธศาสนา นิกายลังกาวงศ์เกา่ (หรือรามญั วงศ)์ จากนครพันมาเผยแผท่ ่สี ุโขทัย • พ.ศ. ๑๙๗๒ ตรงกับสมยั พระมหาธรรมราชาที่ ๔ (บรมปาล) พระธรรมคมั ภรี จ์ ากเชยี งใหม่ ไดน้ าพระพุทธศาสนานกิ ายลงั กา วงศ์ใหม่จากลงั กามาเผยแผ่ทส่ี ุโขทยั
ความสมั พันธ์กับจีน • สโุ ขทัยมีความสมั พนั ธ์กบั จนี ทางดา้ นการค้าในระบบบรรณาการ เร่ิมต้นในสมัยพ่อขนุ - รามคาแหงมหาราช โดยในชว่ ง พ.ศ. ๑๘๓๕ - ๑๘๔๐ สุโขทยั สง่ คณะทูตพร้อมเครื่อง บรรณาการไปจีน และในสมยั พระยาเลอไทยกไ็ ด้ส่งไปอกี • การสร้างความสมั พันธอ์ ันดีกบั จีน ทาให้สุโขทยั ไดร้ ับประโยชนท์ างการคา้ และเรอ่ื งอนื่ ๆ เช่น การเดินเรือทางทะเล วธิ ีการทาเครอื่ งปัน้ ดินเผา จากชา่ งจีน ภาพวาดแสดงเหตุการณ์ สโุ ขทยั สง่ คณะราชทตู พร้อมเครื่องบรรณาการไปถวายจกั รพรรดจิ นี
อทิ ธิพลของอารยธรรมตะวันออกทีม่ ผี ลต่อสุโขทัย ดา้ นการเมืองการปกครอง • พระมหากษัตริยท์ รงปกครองบา้ นเมอื งดว้ ยหลักทศพิธราชธรรม (หลัก ๑๐ ประการ) • ได้รับอิทธพิ ลจากศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู เรอื่ งของสมมติเทพ ดา้ นเศรษฐกิจ • ทาการคา้ โดยเรือสาเภากบั พอ่ ค้าจนี ที่เข้ามาค้าขายกับสุโขทัย • ทาการค้าในระบบบรรณาการของจีน ดา้ นสงั คม • พระมหากษัตรยิ ์ทรงมีฐานะเปน็ “ธรรมราชา” • มกี ารนบั ถอื พระพุทธศาสนา ใหค้ วามเคารพแกพ่ ระภิกษสุ งฆ์ ด้านวัฒนธรรม • นับถอื พระพุทธศาสนา การทาเครื่องสังคโลก เกดิ ไตรภมู พิ ระร่วง มีการรบั อิทธพิ ล ภาษาขอม มอญ อินเดยี ใชก้ ฎหมายพระธรรมศาสตร์ ดา้ นความสมั พันธร์ ะหว่างประเทศ • ยอมรบั ในพระพุทธศาสนาทาให้ความสัมพนั ธ์ระหว่างสโุ ขทยั กับนครศรธี รรมราช ลงั กา มอญ และลา้ นนาและจนี เปน็ ไปอยา่ งราบรื่น
การสร้างสรรคภ์ ูมิปัญญาในสมัยสโุ ขทัย ความหมายของภูมิปัญญาไทย • ภูมปิ ญั ญาไทย หมายถงึ ความรู้ ทักษะ ความเชอ่ื และพฤติกรรมของคนไทยในการปรบั ตัวใหเ้ ขา้ กบั ธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม แลว้ สรา้ งสรรคส์ ังคมและสั่งสมประสบการณ์เปน็ เวลานาน เพอ่ื อนชุ นรุ่นหลงั
ปจั จยั ท่มี ีอิทธพิ ลตอ่ การสรา้ งสรรค์ภูมิปญั ญาไทยสมยั สุโขทัย ๑ ความตอ้ งการปัจจัยท่ีนามาไว้ใชเ้ พ่ือการดารงชีวิตในประจาวนั เช่น เครอื่ งมอื เคร่อื งใช้ เป็นต้น ๒ ความต้องการแกไ้ ขปัญหาท่ีเกิดจากสภาพแวดลอ้ มตามธรรมชาติ เช่น ตอ้ งการเก็บกักนา้ เอาไวใ้ ชใ้ นฤดูรอ้ น (แล้ง) เปน็ ตน้ ๓ ความตอ้ งการทจี่ ะใชป้ ระโยชน์จากหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเพ่ือนามาสรา้ งความสงบสขุ ใหก้ บั สงั คม เชน่ ปลกู ฝังใหค้ นไทยเกดิ ความเกรงกลวั ตอ่ บาป เปน็ ตน้ ๔ ความต้องการให้เกดิ ความมั่นคงของอาณาจกั ร เช่น ตอ้ งการใหค้ นไทยพดู อา่ น เขยี นภาษาเดยี วกัน แสดง ถึงความเปน็ คนเช้อื ชาตเิ ดียวกัน เพอ่ื ร่วมกันสร้างความเจรญิ ร่งุ เรืองใหก้ ับอาณาจักร
ผลงานการสรา้ งสรรค์ภมู ิปญั ญาไทยในสมัยสโุ ขทยั • การรู้จักสรา้ งระบบชลประทานที่กกั เก็บน้าเอาไวใ้ ช้ในฤดแู ลง้ ดว้ ยการสรา้ งสรีดภงส์หรอื ทานบพระร่วง ตระพงั • การรจู้ ักใช้ศิลาแลงมาสร้างอาคาร สถานทีต่ ่างๆ เป็นการใชศ้ ิลาแลงท่มี อี ยู่ในธรรมชาติ มาใช้ใหเ้ ปน็ ประโยชน์ • การเผาเครือ่ งปั้นดินเผาและการรูจ้ ักเคลอื บเครอื่ งปัน้ ดินเผา หรอื ท่เี รียกอีกอย่างวา่ เคร่อื งสังคโลก ใหม้ ีความสวยงาม • รูจ้ กั ประดษิ ฐโ์ ลหกรรมสาริด เพือ่ นามาใชท้ าเครอ่ื งมอื เครอื่ งใชต้ ่างๆ และพระพทุ ธรูป ปางมารวชิ ัย ปางลีลาลอยตวั ทที่ าด้วยสาริดในสมัยสโุ ขทัย เปน็ ต้น
ผลงานการสรา้ งสรรค์ภมู ิปัญญาไทยในสมยั สุโขทัย (ต่อ) • การรู้จักใช้วสั ดุทมี่ ีส่วนผสมเหมาะสาหรบั ทาใหป้ ูนป้ันแข็งตัว เพื่อผลงานและลวดลายจะ ไดป้ รากฏออกมาอย่างสวยงาม • การใชค้ ตคิ วามเชื่อในเรื่องพระพทุ ธศาสนาควบคมุ พฤติกรรมของคนในสงั คม การปลูกฝงั นสิ ัยให้มแี ต่ความสงบและมศี ีลธรรม เพอ่ื ความร่มเย็นของผู้คนในสังคม • การประดษิ ฐ์ตัวอกั ษรไทยขน้ึ มาใชเ้ ปน็ แบบฉบบั ของตนเอง ทเ่ี รยี กว่า “ลายสอื ไทย” ของพ่อขุนรามคาแหงมหาราช
ความเส่ือมอานาจของอาณาจักรสโุ ขทัย อาณาจกั รสุโขทยั เส่ือมอานาจลงในทีส่ ุด และต้องสูญเสียอานาจใหก้ บั อยธุ ยา ดว้ ยสาเหตดุ งั ต่อไปน้ี • อานาจทางทหารของสโุ ขทัยมกี ารเรม่ิ อ่อนแอลง เชน่ การที่อยธุ ยายกมาตีเมอื งพษิ ณโุ ลกได้ ไม่สามารถปราบหวั เมืองหงสาวดี ท่ีตงั้ ตวั เป็นอิสระได้ เป็นต้น แสดงให้เหน็ ถึงความออ่ นแอทางด้านการทหารของสุโขทยั ได้เป็นอย่างดี • เกดิ การแยง่ ชิงอานาจทางการเมืองภายในราชวงศ์พระรว่ ง ทาใหม้ กี ารสู้รบกันเอง ทาให้เกดิ ความออ่ นแอภายในราชสานัก • การค้าขายกบั ต่างประเทศซบเซาลง เนือ่ งจากหัวเมอื งมอญและอยธุ ยาซ่งึ อย่ทู างตอนใตใ้ กลฝ้ ่งั ทะเลมีความเขม้ แข็งข้นึ ทาให้ สโุ ขทัยถกู แย่งชงิ ผลประโยชน์ทางเศรษฐกจิ ไป
Search
Read the Text Version
- 1 - 36
Pages: