บคุ คลสาํ คญั ในก๊กอู๋ จากซา้ ยมาขวา ได้แก่ ซนุ เจยี้ น ซนุ เช่อ ซนุ กวน จิวย่ี ตะเกียงดินเผา สนิ ค้าขึน้ ชอ่ื ของก๊กอู๋
3.ราชวงศ์สุย (ค.ศ.581-618) เป็นสมัยแหง่ การรวมประเทศจีนเปน็ อนั หน่ึงอันเดยี วกัน จักรพรรดิบุน่ ต่ี เป็นผ้กู ่อตง้ั เมอื งหลวงอยู่ที่ฉางอัน มณฑลส่ันซี ผลงานที่สําคัญ การสรา้ งถนน พระราชวัง การขดุ คลองหลวงเชื่อมภาคเหนือกบั ภาคใต้ เข้าดว้ ยกัน ภาพวาดเก่ยี วกบั พุทธประวัติ รูปปัน้ พระโพธิสัตว์ หยางเจียน สยุ เหวนิ ตี้ ปฐมกษตั ริยร์ าชวงศ์สุย
หอไฟสัญญาณท่สี ร้างขึ้นเพือ่ ใช้เตือนถึงการรุกรานของชนเผา่ นอกด่าน เมอ่ื มเี หตฉุ ุกเฉนิ กองไฟจะถกู จุดขึน้ และท่ีดา่ นไกลออกไปจะจัดเตรยี ม กองกาํ ลงั เพ่อื รับมือกับศตั รทู รี่ ุกรานเข้ามา ราชลัญจกรหยกของหลว่ี ฮ์ องเฮาในฮ่นั เกาจู่ สลักคําวา่ „หวงโฮว่ จือส่ี‟(皇后之玺)ซึง่ หมายถงึ ราชลญั จกรในฮองเฮา
สะพานเจา้ โจวหรอื สะพานหนิ อนั จี้ อายุกว่า 1,400 ปี ไดช้ ่อื ว่าเปน็ สะพาน โบราณทห่ี นึง่ แห่งแผ่นดิน ใชเ้ ทคนคิ วิศกรรมกอ่ สรา้ งสะพานหินโค้งที่ล้ําหน้า กล่าวกันว่าเป็นผลงานของหลูป่ นั ชา่ งฝีมือเอกแห่งยคุ
การส้ินสุด จกั รพรรดไิ ด้ดาํ เนินการก่อสร้างขนาดใหญ่ เชน่ นครหลวงฉางอานขน้ึ มาใหม่ การขดุ คลองเชอื่ ม ภาคเหนอื ภาคใต้ ซึ่งโครงการเหลา่ นตี้ อ้ งใช้คน จาํ นวนมาก ทําให้ประชาชนเดอื ดร้อนและเกิดการ ตอ่ ตา้ น
4.ราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618 – 907) หลงั แผ่นราชวงศ์สุยแผน่ ดินจนี เกิดการแตกแยก หลห่ี ยวน สามารถ ปราบปรามและรวมแผน่ ดนิ จนี ขึน้ ใหมเ่ ป็นปฐมกษตั รยิ ส์ มัยนีไ้ ดร้ บั การยกย่องให้เปน็ สมัยทมี่ ีความเจริญสูงสดุ ในประวัติศาสตร์ พระพทุ ธศาสนาและลทั ธขิ งจอ้ื ได้รบั ความเจริญควบคู่กันไป ภาพเขยี นฝมี อื จติ รกรเอกจางเซเวยี น ยุคสมัยนี้นิยม วาดภาพคนและการดําเนินชีวิตประจําวัน
ศิลปวฒั นธรรมสมัยราชวงศถ์ งั 1.ดา้ นวรรณกรรม เป็นชว่ งทเ่ี จรญิ สูงสดุ มกี วหี ลายคน เชน่ ลิโป ตฟู ู โปซอู ๋ี 2. ศาสนาพทุ ธเจรญิ สูงสดุ ถงั ไท่จง ใหค้ วามสําคัญตอ่ การรวบรวมและจดั เก็บตาํ รบั ตํารา ความรวู้ ทิ ยาการและประวัติศาสตรเ์ ปน็ หมวดหมู่ ท้ังยงั เปดิ กว้างใน การนับถือและเผยแพร่แนวคิดในลัทธิศาสนาตา่ งๆ เชน่ พุทธศาสนา เตา๋ หยู(ลัทธขิ งจื้อ) รวมทัง้ ศาสนาบูชาไฟของเปอร์เซยี ศาสนา แมนนี และครสิ ตศ์ าสนา
3. การพิมพ์ ''ไชห่ ลนุ '' ผู้คิดค้นปรบั ปรงุ คณุ ภาพกระดาษ จนเป็นที่นิยมแพร่หลาย
ตาํ หนักหัวชงิ อยใู่ นเขตราชอุทยานในสมัยถัง สระหวั ชงิ เป็นท่มี าของภาพกุย้ เฟยสรงสนานอันเลื่องช่ือ (ตาํ หนักไดร้ บั การบรู ณะขึ้นใหม่ในภายหลงั ) สถปู ทองคาํ บรรจุพระบรมสารรี กิ ธาตทุ ่ขี ดุ พบจากห้องใต้ดินวดั ฝ่าเหมิน (บน) ภาพวาดฝาผนงั จากถํา้ ผาพันพระในตนุ หวง ซิ นเกยี ง (ลา่ ง)
บูเหมย่ เหนยี ง หรอื บเู ชก็ เทยี น บเู ช็กเทยี น --- จักรพรรดินี เป็นสนมในพระเจา้ ถังไท่จง หนงึ่ เดยี วในแผ่นดิน (624 – 705) เป็นฮองเฮาในถงั เกาจงฮอ่ งเต้ เปน็ ฮองไทเฮาในพระเจา้ ถงั จง จงฮอ่ งเต้ เปน็ จกั รพรรดิเม่ืออายุ 64 ปี สน้ิ พระชนม์เม่อื อายุ 81 ปี
นับเป็นบุญ ชว่ ยหนุนนาํ หรือกรรมซัด สวรรค์จดั ให้กําเนิด เกดิ ใต้ฟ้า ฤๅนรก บฑี าคน ดลเธอมา ลงเปน็ ข้า พระองค์ ใน ถงั ไทจ่ ง เป็นสตรี ถอื ดีมา กว่าหญิงอ่ืน กลา้ หยัดยนื ฝืนชะตา ทีฟ่ ้าส่ง ขอลิขติ ขีดเส้นทาง อย่างทะนง เปน็ นางหงส์ คงเคยี งคู่ หมมู่ ังกร
ภาพเขยี นชีวติ ประจาํ วนั ของผ้หู ญงิ ในสมยั ถัง ลายมอื ของหลี่ไป๋ กวเี อกแหง่ ยคุ
การส้ินสดุ ราชวงศ์ถงั ในตอนปลายราชวงศม์ กี ารต่อต้านวัฒนธรรมภายนอก โดยเฉพาะศาสนาพทุ ธหาว่าเป็นศาสนาตา่ งชาตแิ ละฟน้ื ฟู ลัทธิขงจ๊อื ใหม่ ปี ค.ศ.751 พวกเตริ ก์ เข้าโจมตีดนิ แดนตอนกลางของจีน แผน่ ดนิ ต้องแตกแยกอีกคร้ังหนึ่ง ราชวงศ์เล็กๆเขา้ มา ปกครองอาณาจกั รในแตล่ ะส่วน
5. ราชวงศ์ซ้อง/ซง่ (ค.ศ.960-1279) ผกู้ ่อต้ังคือจักรพรรดิไถจอื ศนู ย์กลางการปกครองอย่ทู ี่เมอื งไคเฟงิ มณฑลเหอหนัน เรียกราชวงศ์ซอ้ งเหนือ ต่อมายา้ ยไปต้ังเมอื งหลวง ใหมท่ างภาคใตท้ เ่ี มืองหงั โจว มณฑลเจ้อเจยี ง เรยี กราชวงศซ์ ้องใต้ ยคุ นเี้ ปน็ ยคุ ท่ีเศรษฐกิจเจรญิ สูงสุด ลัทธิขงจอื้ ใหมเ่ ริ่มปรากฎขึ้น ภาพ ‚ชงิ หมงิ ซา่ งเหอถู‛ สะท้อนภาพวิถชี วี ติ ชาวเมืองไคเฟิง รมิ ฝ่งั แมน่ ้าํ ในเทศกาลเชงเม็ง ถือเป็นผลงานทท่ี รงคณุ ค่าแห่งยุค
วัฒนธรรมทส่ี าํ คญั ฟื้นฟูลัทธขิ งจื๊อและลัทธิเตา๋ ประเพณรี ดั เท้าสตรี ประดิษฐ์เข็มทิศ ดนิ ระเบิด เครอื่ งปน้ั ดนิ เผาได้รับการยกย่องวา่ สวยงาม
ศลิ ปะทีโ่ ดดเด่นคือ การทาํ เครือ่ งเคลอื บ ซึ่งพฒั นาได้สมบรู ณแ์ ละ สวยมากๆ งานสลกั ถํ้าผาท่ีต้าจู๋(มรดกโลก)
เป็นสมยั ทีก่ ารวาดภาพ เจรญิ สูง ภาพทีน่ ยิ มกนั คอื รปู ต้นสน ภเู ขา นาํ้ ตกลํา ธาร การทาํ เครือ่ งลายคราม สขี าว สนี า้ํ เงนิ มีการทอผา้ ไหมท่ีประดบั ลวดลายลง บนผืนผา้
6.ราชวงศ์หยวนหรอื มองโกล (ค.ศ.1279-1368) ‚มองโกล เผา่ พันธ์ลุ ูกหลานแห่งเจงกีสขา่ นผ้ยู ่งิ ใหญ่ ชนชาติ จากแผ่นดินทุ่งหญ้าอนั เวง้ิ ว้าง นกั ล่าผทู้ ข่ี ้นึ ชอื่ วา่ เป็นนักขม่ี ้าและ นักยงิ ธนูตวั ยง ไดเ้ ริม่ ตน้ ประกาศแสนยานภุ าพด้วยการยาตราทพั อนั แข็งแกรง่ บุกสู่ยุโรป ผนวกแผน่ ดินซเ่ี ซย่ี และจิน กระทงั่ ยึดครอง ลงใตม้ ายงั ราชธานขี องราชวงศซ์ ่ง จนจนี ตอ้ งถงึ กาลผลัดแผ่นดนิ อีกคร้งั ...‛
ราชวงศห์ ยวน หรือที่เรียกในนามวา่ ตา้ หยวน(大元) เป็น มหาอาณาจกั รทถ่ี ูกสถาปนาขึ้นโดยชนชาติมองโกลทอี่ าศัย อยูบ่ นที่ราบสงู ทางตอนเหนอื ของประเทศจีน ซึ่งนับเปน็ ครงั้ แรกในประวตั ศิ าสตรท์ ่มี ชี นกลมุ่ นอ้ ยสามารถเขา้ ยึด ครองอาํ นาจการปกครองท่วั ท้ังแผน่ ดินจนี ได้ ชาวมองโกลท่ี เช่ียวชาญดา้ นการสปั ระยุทธ์ ครองเขตภาคกลางและพนื้ ท่ี ทางตอนใตข้ องแม่นํ้าฉางเจยี ง (แยงซีเกียง) ไปจนถงึ เขต เอเชียตะวนั ตก กลางเปน็ ราชวงศท์ ีม่ ีขอบเขตการปกครองท่ี กว้างใหญ่ท่ีสดุ นบั ตงั้ แต่มีประวตั ิศาสตรจ์ นี เปน็ ตน้ มา
ช่วงศตวรรษที่ 12 ในชนเผ่ามองโกลไดบ้ งั เกิดยอด คนที่เปน็ ผนู้ ําข้ึนคนหนงึ่ นามวา่ เถี่ยมเู่ จนิ หรอื เตมู จนิ ที่ได้กา้ วขึน้ มาเป็นผ้นู าํ ของชนเผา่ ดว้ ยการ รวบรวมชาวมองโกลท่แี ตกแยกกระจัดกระจายได้ สําเรจ็ จนได้รับการขนานนามเป็น ‚เจงกสิ ขา่ น‛ใน ปคี .ศ. 1206
มาร์โค โปโล นกั เดนิ ทางชาวอติ าเลียน ซึง่ ถอื วา่ เปน็ ชาวยุโรปคนแรกท่เี ดนิ ทางขา้ ม ทวีปเอเชยี และเขยี นบันทึกการเดนิ ทางถงึ สิ่งทไ่ี ด้พบได้ยินเอาไว้ในหนงั สือท่ีช่อื The Travels of Marco Polo
มารโ์ ค โปโล ใชเ้ วลาเดินทาง 3 ปี กระทั่งมาถึงประเทศจีน ดว้ ยวยั 20 ยา่ ง 21 ปี โดยเดนิ ทางไปถงึ ซั่งตู และไดร้ บั พระราชทานจดั งานเล้ยี งต้อนรับขนึ้ ในวังหลวง ในหนังสอื ของมารโ์ ค โปโลมีการบนั ทกึ ถงึ รปู รา่ งของ แผ่นดิน สัตว์ พืชพนั ธุต์ า่ งๆ รวมไปถงึ ส่งิ ประดษิ ฐ์ การเล่า ถึงหนิ และของเหลวที่ติดไฟได้ (ถ่านหนิ และน้าํ มนั ) โดยเขา ไดพ้ รรณนาถึงอารยธรรมจนี ว่ามีความเจริญเหนือกว่า วัฒนธรรมและเทคโนโลยขี องชาวยโุ รป และระบวุ ่าจีนมี แหลง่ พลังงานท่ยี ิง่ ใหญ่อยู่ 2 อย่างกค็ ือ “ดินปืนและ บะหม่ี”
ราชวงศ์หยวนเป็นราชวงศท์ ีส่ ถาปนาขึน้ โดยชนชาตมิ อง โกล มอี ายุท้งั สน้ิ 97 ปี และมฮี อ่ งเต้ทงั้ หมด 11 พระองค์ (นบั จากท่กี ุบไลขา่ นสถาปนาราชวงศ์) นบั เป็นหน่งึ ใน ราชวงศ์ทม่ี ีอาณาจักรกวา้ งใหญ่และมีความเขม้ แขง็ มาก ราชวงศ์หน่งึ ทวา่ ด้วยความแบ่งแยกชนช้นั ความฟ้งุ เฟอ้ การขูดรีดและการกดข่ชี าวฮน่ั ทาํ ให้ตอ้ งลม่ สลายเรว็ กว่าท่ี ควร ซง่ึ ความผิดพลาดในครัง้ น้ี ได้กลายมาเป็นอทุ าหรณ์ ให้กบั ชนชนั้ ปกครองของราชวงศช์ ิงในยคุ ตอ่ มา
7.ราชวงศห์ มงิ (ค.ศ.1368-1644) ราชวงศ์หมิงหรือต้าหมงิ เปน็ ราชวงศ์ทส่ี ถาปนาขน้ึ โดยชนชาติ ฮ่ัน ภายใตก้ องทัพประชาชนท่ีนาํ พาโดยจหู ยวนจางในปคี .ศ. 1368 ด้วยการขับไลม่ องโกลออกจากแผน่ ดนิ จีน ตงั้ อิ้งเทียนฝู่ (นานกิง) ขนึ้ เป็นราชธานี ใช้ช่ือรชั กาลว่าหงอู่ และขนานนาม ตนเองเปน็ หมงิ ไทจ่ ่จู ากน้ันทรงออกปราบปรามกองกาํ ลังต่างๆที่ เหลืออยใู่ นซอื่ ชวน(เสฉวน) หยนุ หนัน (ยูนนาน) อีกทง้ั บกุ ขึ้นทาง เหนือจนแผ่นดินมคี วามเป็นปกึ แผน่
ปฐมฮอ่ งเตร้ าชวงศ์หมงิ นามจูหยวนจาง เดิมถือกาํ เนดิ ในอาํ เภอเพย่ มณฑลเจยี งซู มีนามวา่ จจู ้งปา
ประหารขุนนาง – ยกเลิกเสนาบดี - จัดอํานาจรวมศนู ย์ หลงั จูหยวนจาง หรือที่ถูกขนานพระนามตามช่ือรัชกาลว่า ฮอ่ งเตห้ งอขู่ ึ้นครองราชย์ ไดท้ ุ่มเทเพอื่ ที่จะฟนื้ ฟเู ศรษฐกจิ สงั คม และผลผลิตในประเทศ โดยด้านหนึง่ พยายามลดภาระของประชาชน และชาวนา ในขณะทอ่ี กี ดา้ นก็เรง่ ปฏริ ูประบบการปกครองท่ีไม่ เหมาะสมรวมทง้ั ลงโทษขนุ นางที่ฉ้อราษฎรบ์ งั หลวง ผลงานดา้ นศิลปะทีโ่ ดดเดน่ คอื งานศลิ ปะเครอื่ งเคลอื บ เครอ่ื งลาย คราม นิยมถกั ลูกไม้ ทาํ กระดาษ ปิดผนงั และการสรา้ งพระราชวงั กรงุ ปกั กิง่ (จกั รพรรดยิ ง เล)
ในครสิ ต์ศตวรรษท่ี 16 ชาวตะวนั ตกได้เดนิ ทางมายังตะวนั ออก และสนใจประเทศจนี ปญั หาภายนอกประเทศสมัยนี้คือ การรกุ รานของญีป่ นุ่ และอา นารยชน ทางด้านในประเทศเป็นการฟืน้ ฟวู ฒั นธรรมเกา่ ๆ การปกครอง เลียนแบบราชวงศ์ถัง เช่น การสอบคดั เลอื กและกําหนด คณุ สมบัติของขา้ ราชการ การปกครองไม่มปี ระสิทธภิ าพกษตั รยิ ์ไวว้ างใจขนั ทีเกนิ ไป ขา้ ว ยากมากแพง ทําให้เกดิ กบฏในเขตตา่ งๆ
ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 เกดิ จลาจลในจีน พวกแมนจทู างเหนือไดโ้ อกาส ยดึ ครองกรุงปักกงิ่ ปกครองจีนเปน็ ราชวงศ์สดุ ทา้ ย ปคี .ศ. 1644
8.ราชวงศแ์ มนจูหรือราชวงศช์ ิง (ค.ศ.1644-1911) ราชวงศ์แมนจู คงใชร้ ะบบการปกครอง หนงั สอื ราชโองการของฮ่องเต้คังซี แบบเก่า โดยทว่ั ไปแลว้ จนี เจรญิ ขน้ึ โดยเฉพาะสมัยพระเจ้าคังฮี ยุงเซ็ง และ เคียนลงุ้ หลงั จากน้นั จีนก็เสือ่ มลง ตามลาํ ดับ ในคริสตศ์ ตวรรษท่ี 19 จีนตอ้ งประสบ ปัญหาเศรษฐกจิ การปกครอง ภัย ธรรมชาติ การเพม่ิ ประชากร กบฏใน แคว้นต่างๆ อิทธิพลการค้าของตะวนั ตกขยายตวั จีน พยายามต่อตา้ นจนทาํ ใหเ้ กิดความ ขัดแย้งกลายเปน็ สงคราม เช่น
สงครามฝ่ิน สงครามจีนและญปี่ ุ่น ค.ศ.1894 ปฏิรปู รอ้ ยวัน ค.ศ.1898 เกดิ กบฏนกั มวยต่อตา้ นชาวตะวันตก ค.ศ.1900
เปน็ สมยั ทชี่ นชาตแิ มนจเู ขา้ มามีอํานาจการปกครองและ เป็นราชวงศส์ ุดทา้ ยกอ่ นการเปลี่ยนแปลงการ ปกครองเข้าสู่ระบอบสาธารรัฐ ศลิ ปวฒั นธรรม ไดแ้ ก่ - การแกะสลักหยก - การทําเครอื่ งเคลอื บ - การสรา้ งพระราชวงั ฤดูร้อนของพระนางซสู ไี ทเฮา
การบงั คบั ให้ผชู้ ายชาวจีนโกนศีรษะด้านหน้าออก แล้วไวผ้ มเปีย หา้ มสตรมี าเปน็ นางใน ชาตติ ะวนั ตกเขา้ มาคกุ คาม - ฮ่องเตป้ ูยหี รอื ผู่อ๋ี เปน็ ฮ่องเต้องค์สุดท้ายก่อนถกู ญป่ี ุน่ ยดึ ครอง
ฮอ่ งเต้ป่หู ลานค่เู อกแหง่ ราชวงศช์ งิ ซา้ ย คงั ซี ขวา เฉียนหลง
แผนที่แสดงพนื้ ทข่ี องจีนทเี่ พิ่มข้นึ ในรัชกาลของฮ่องเต้คงั ซี เซินยาง ปักกิ่ง ปกั ก่งิ นาฬกิ าดนตรี สรา้ งข้ึนในกว่างโจว สมัยฮอ่ งเตเ้ ฉยี นหลง
เหรยี ญเงนิ ที่ใชส้ มยั ฮอ่ งเตย้ งเจ้ิง พจนานุกรมคังซี กระถางกํายานของฮ่องเต้เฉยี นหลง ในรัชกาลของเฉยี นหลงถอื เปน็ ยุคทองทรี่ ่งุ เรืองทส่ี ุด ของราชวงศ์ชงิ มีความเจรญิ กา้ วหน้าทางศลิ ปะวิทยา กาตา่ งๆเป็นอนั มาก
สงครามฝิน่ ค.ศ. 1757 หรอื ในรัชกาลเฉยี นหลงปีที่ 22 ก็ไดม้ ีการกาหนดให้เมือง กว่างโจวเปน็ เมืองท่าเพยี งแหง่ เดยี วท่ีได้รบั การอนญุ าตให้ตดิ ตอ่ กับชาติ ตา่ งชาติ องั กฤษไดน้ าเขา้ ใบชา ถว้ ยชามเครอ่ื งเคลอื บและผา้ ไหมจากจนี เปน็ จานวนมาก ในขณะทีม่ ีสนิ ค้าสง่ ออกให้จีนเพียงเลก็ น้อยเท่านนั้ ทา ใหอ้ ังกฤษเสยี เปรียบดุลการคา้ ให้จนี อย่างมหาศาล ปคี .ศ. 1839 หลนิ เจ๋อสวี ์ ผูต้ รวจการหูกว่าง สมัยฮอ่ งเตเ้ ตา้ กวง
ค.ศ. 1773 เพ่อื ถ่วงดลุ การค้าที่เสยี เปรยี บ อังกฤษไดเ้ ริ่มนาเอาฝ่นิ เขา้ มาจาหน่ายในเมืองจีน นอกจากอังกฤษแล้ว ยงั มอี เมรกิ า ฝรงั่ เศสและรสั เซยี ท่ตี า่ งกพ็ ยายามนาเอาฝน่ิ จากตุรกี และเอเชยี กลางมาจาหนา่ ยในจีนเช่นกนั การสบู ฝ่นิ ท่ีเร่มิ แพร่ระบาดในสงั คมจนี
การปะทะกันของไทผ่ งิ เทยี นก๋วั กับองั กฤษที่เทยี นจนิ ภาพวาดการลงนามในสนธสิ ัญญานานกงิ
ทางการจนี จาตอ้ งยอมเจรจาภายใต้เง่ือนไขทไ่ี มย่ ุติธรรมอยา่ งยงิ่ เรยี กว่า “ร่างสนธิสญั ญานานกงิ ” โดยสนธสิ ัญญาที่ถอื ว่าเปน็ สญั ญาอปั ยศของจนี น้นั มเี ง่ือนไขโดยสรุปคอื 1. รฐั บาลต้าชิงจะตอ้ งชดใชเ้ งนิ เงนิ ท้ังสิ้น 21 ล้านตาลงึ โดยแบ่งเป็นค่า ปฏิกรรมสงคราม 12 ล้านตาลงึ ค่าเสยี หายใหพ้ ่อค้าอังกฤษ 3 ล้านตาลึง และ ค่าเสียหายจากฝิ่นอีก 6 ลา้ นตาลึง โดยจานวนนี้ไมน่ บั รวมกบั 6 ล้านตาลึงท่ี จ่ายไปกอ่ นหนา้ 2. จะต้องยกเกาะฮอ่ งกงให้อังกฤษ 3. เปดิ เมืองทา่ ทัง้ 5 ไดแ้ กก่ ว่างโจว เซี่ยเหมิน ฝโู จว หนงิ ปอ และเซี่ยงไฮ้ เปน็ เมืองทา่ พาณิชย์ 4. ภาษที ้ังขาเข้าและขาออกของพ่อค้าอังกฤษใหเ้ ป็นไปตามการเจรจา ของท้ัง 2 ฝ่าย
แผนที่แสดงเสน้ ทางการต่อสู้ ชว่ งสงครามฝ่นิ ครัง้ แรก โดยจดุ ที่มธี งคอื จุดที่ทหารชงิ ต่อต้าน องั กฤษ สว่ นสชี มพคู ือจุดท่จี นี ถกู บงั คับใหเ้ ปิดทา่ เรอื ตาม สนธสิ ญั ญานานกงิ
ปฏิรปู รอ้ ยวนั ค.ศ.1898 เกดิ จากความคดิ ของข้าราชการหลังจากทจี่ นี แพ้สงครามฝ่ินแก่องั กฤษ ค.ศ. 1482 ในค.ศ.1898 กังยไู่ หว ไดเ้ ริ่มแผนการปฏริ ปู ด้วยการชักชวนชนชน้ั สูง เช่นจักรพรรดกิ วางสู เรยี กวา่ “การปฏริ ูปร้อยวนั ” ในวนั ที่ 11 มถิ นุ ายน- 20 กนั ยายน ค.ศ.1898 เปลยี่ นรปู แบบประเทศจีนให้เป็นประเทศสมยั ใหม่ เช่น กฎเกณฑ์ เก่ียวกบั การจัดราชการทหารแหง่ ชาติ การสอบแขง่ ขันของข้าราชการพล เรอื น มกี ารจดั ตง้ั ราชมหาวทิ ยาลยั เปิดสอนศลิ ปะและวชิ าการของฝา่ ย ตะวนั ตก สนับสนนุ พัฒนาการคา้ อตุ สาหกรรม การคมนาคม
การปฏริ ปู รอ้ ยวัน เต็มไปด้วยอปุ สรรค โดยเฉพาะพระราชชนนซี ูสี อดีตผู้สาเร็จ ราชการตอ่ ตา้ นเกรงวา่ พระราชอานาจของ ตนจะหมดไป 21 กนั ยายน 1898 พระราชชนนี รวบรวม ขา้ ราชการกระทารัฐประหาร จับจักรพรรดิ กวางสูไปคมุ ขงั แลว้ พระนางขึน้ เป็น ผ้สู าเร็จราชการอีกคร้งั การปฏริ ปู รอ้ ยวนั จงึ จบส้นิ ลง
เกดิ กบฏนักมวยตอ่ ตา้ นชาวตะวันตก ค.ศ.1900 เมอ่ื พระราชชนนี ซสู ี เสดจ็ ขึ้นวา่ การขบวนการตอ่ ตา้ นตา้ นชาตกิ เ็ ฟ่ืองฟู ในขณะนัน้ มสี มาคมลบั คือ “สมาคมนกั มวย” ซงึ่ คอยลอบทาร้าย มิชชันนารแี ละชาวตะวนั ตกท่เี ขา้ มาในจีน ค.ศ.1900 ทตู ชาวเยอรมนั และนายเวรสถานทูตญี่ปุน่ ถูกลอบฆา่ มหาอานาจ 8 ประเทศ คือ อเมริกา ฝรั่งเศส ญปี่ ุ่น รสุ เซีย ออสเตรยี อติ าลี เยอรมนี ร่วมกันจัดต้งั กองทัพนานาชาตเิ พือ่ ชว่ ยเหลอื พวกตน ทาการ กวาดลา้ งพวกนกั มวยสาเรจ็ ในปี ค.ศ. 1901 พระราชชนนี ซสู ี สวรรคตใน ค.ศ. 1908
กอ่ นท่ีราชวงศแ์ มนจจู ะถูกโค่นลง จีนมกี ารปฎริ ปู การเปล่ียนแปลง การปกครองเป็นแบบกษัตริยอ์ ยูใ่ ต้รัฐธรรมนูญ แตค่ นไมพ่ อใจและ เกิดการปฏิวัติ วันท่ี 10 ตุลาคม ค.ศ.1911 ซุนยัดเซ็นหัวหนา้ สมาคมตง้ั เมง่ หวยหรือ พรรคกก๊ มนิ ตั๋งได้ยึดอานาจจากราชวงศแ์ มนจูสาเร็จ เรียกเหตุการณน์ ้วี ่า “การปฏิวตั ิสบิ สิบ” ในวันที่ 12 กมุ ภาพันธ์ ค.ศ.1912 จกั พรรดิปูยี ทรงสละราชสมบตั ิ ให้คณะปฏวิ ตั จิ ดั ต้งั การปกครองเปน็ สาธารณรฐั โดยมยี วนชีไข เป็นประธานาธบิ ดคี นแรก ราชวงศแ์ มนจูกส็ ิน้ สดุ ลง
ดร.ซุนยดั เซ็น (ซนุ จงซาน)
9 .สมยั สาธารณรัฐ (ค.ศ.1912-1949) ยวนชีไข ได้รบั ตาํ แหน่งเปน็ ประธานาธบิ ดีคนแรก ตอ่ มา มีความทะเยอทะยานคดิ จะฟื้นฟรู ะบอบ สมบรู ณาญาสทิ ธริ าชย์ขึน้ ใหมโ่ ดยสถาปนาตัวเองเป็น จักรพรรดิ ซนุ ยดั เซน็ ต้องหลบหนีออกนอกประเทศ ต่อมาฝ่ายตอ่ ตา้ นยวนชไี ขกอ่ กบฏ ยวนชีไขถงึ แก่ อสัญกรรมใน ค.ศ.1916
ค.ศ.1925 ซนุ ยดั เซ็น ถึงแก่อนจิ กรรม เจยี งไคเช็คเข้ารบั ตาแหน่งต่อทา การขับไลพ่ วกคอมมิวนิสตอ์ อกจากพรรคก๊กมินตั๋ง ในค.ศ.1927-1949 รัฐบาลกก๊ มินตงั๋ ตอ้ งทาการตอ่ สกู้ ับพรรคคอมมวิ นิสตร์ วมตัวจากการ สนับสนุนของรสุ เซยี ซงึ่ มีเหมา เจ๋อตงุ เป็นผู้นาและ ต้องประสบปญั หาจาก สงคราม ญป่ี ุ่นบุกแมนจูเรยี น ในค.ศ. 1931 และสงครามโลกครัง้ ที่ 2 เมอื่ สงครามโลกคร้งั ท่ี 2 สนิ้ สดุ ลง ประชาชนเริ่มเส่ือมความนยิ มใน พร รกก๊ มนิ ต๋งั หันมาสนใจพรรคคอมมิวนสิ ต์ ในค.ศ.1949 พรรคกก๊ มนิ ตงั๋ ถกู ยดึ อานาจ รฐั บาลก๊กมินต๋ังลภี้ ัยไปตัง้ รฐั บาลสาธารณรัฐจีนที่เกาะไต้หวนั ส่วน พรรคคอมมวิ นสิ ตจ์ ีนประกาศตั้งสาธารณรฐั ประชาชนจนี 14.สมยั สาธารณรฐั ประชาชนจีน (ค.ศ.1949-ปจั จบุ นั )
10.สมัยสาธารณรฐั ประชาชนจีน (ค.ศ.1949-ปัจจบุ นั ) หลังสงครามโลกคร้ังท่ี 2 ยตุ ลิ ง พรรคคอมมิวนสิ ต์ ขนึ้ มามอี ํานาจโดยการนําของเหมา เจอ๋ ตง โดยใช้ นโยบายเปล่ยี นประเทศใหเ้ ป็นประเทศอตุ สาหกรรม และเกษตรกรรมสมัยใหม่ พรรคคอมมิวนสิ ต์ยึด ที่ดินจากนายทนุ นาํ มาแจกจา่ ยให้ชาวนา โดยทํา แบบนารวม รัฐยดึ กิจการเอกชนมาเป็นของรัฐ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104