Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Work to create an exploration game

Work to create an exploration game

Published by Jgfy Eyuh, 2021-03-02 07:55:22

Description: งานสร้างเว็บไซต์วิทยาศาสตร์.pptx

Search

Read the Text Version

วทิ ยาศาสตร์น่ารู้ • ประกอบดว้ ยดวงอาทติ ยแ์ ละวตั ถอุ ื่น ๆ ทโี่ คจรรอบดวงอาทติ ยเ์ นือ่ งจากแรงโนม้ ถ่วง ไดแ้ ก่ ดาวเคราะห์ 8 ดวงกบั ดวงจนั ทรบ์ รวิ ารที่คน้ พบแลว้ 167 ดวง[5] ดาวเคราะหแ์ คระ 5 ดวงกบั ดวงจนั ทรบ์ รวิ ารที่คน้ พบแลว้ 4 ดวง กบั วตั ถขุ นาดเลก็ อน่ื ๆ อีกนบั ลา้ นชิน้ ซงึ่ รวมถึง ดาวเคราะหน์ อ้ ย วตั ถใุ นแถบไคเปอร์ ดาวหาง สะเก็ดดาว และฝ่นุ ระหวา่ งดาวเคราะห์ • โดยท่วั ไปแลว้ จะแบ่งย่านต่าง ๆ ของระบบสรุ ิยะ นบั จากดวงอาทิตยอ์ อกมาดงั นีค้ ือ ดาวเคราะหช์ นั้ ในจานวน 4 ดวง แถบดาวเคราะหน์ อ้ ย ดาวเคราะหข์ นาดใหญ่รอบนอกจานวน 4 ดวง และแถบไคเปอรซ์ ึ่ง ประกอบดว้ ยวตั ถทุ ่เี ยน็ จดั เป็นนา้ แขง็ พน้ จากแถบไคเปอรอ์ อกไปเป็นเขตแถบจานกระจาย ขอบเขตเฮลโิ อพอส (เขตแดนตามทฤษฎีที่ซงึ่ ลมสรุ ยิ ะสนิ้ กาลงั ลงเน่ืองจากมวลสารระหว่างดวงดาว) และพน้ ไปจากนนั้ คือ ยา่ นของเมฆออรต์ • กระแสพลาสมาทไ่ี หลออกจากดวงอาทิตย์ (หรอื ลมสรุ ยิ ะ) จะแผต่ วั ไปท่วั ระบบสรุ ยิ ะ สรา้ งโพรงขนาดใหญ่ขนึ้ ในสสารระหวา่ งดาวเรยี กกนั วา่ เฮลโิ อสเฟียร์ ซงึ่ ขยายออกไปจากใจกลางของแถบจานกระจาย • ดาวเคราะหช์ นั้ เอกทงั้ 8 ดวงในระบบสรุ ยิ ะ เรยี งลาดบั จากใกลด้ วงอาทติ ยท์ ี่สดุ ออกไป มดี งั นคี้ ือ ดาวพธุ ดาวศกุ ร์ โลก ดาวองั คาร ดาวพฤหสั บดี ดาวเสาร์ ดาวยเู รนสั และดาวเนปจนู • นบั ถงึ กลางปี ค.ศ. 2008 วตั ถขุ นาดยอ่ มกวา่ ดาวเคราะหจ์ านวน 5 ดวง ไดร้ บั การจดั ระดบั ใหเ้ ป็นดาวเคราะหแ์ คระ ไดแ้ ก่ ซีรสี ในแถบดาวเคราะหน์ อ้ ย กบั วตั ถอุ กี 4 ดวงทีโ่ คจรรอบดวงอาทิตยอ์ ยใู่ นยา่ นพน้ ดาวเนปจนู คอื ดาวพลโู ต (ซงึ่ เดมิ เคยถกู จดั ระดบั ไวเ้ ป็นดาวเคราะห)์ เฮาเมอา มาคีมาคี และ อรี สี • มดี าวเคราะห์ 6 ดวงและดาวเคราะหแ์ คระ 3 ดวงท่มี ดี าวบรวิ ารโคจรอยรู่ อบ ๆ เราเรยี กดาวบรวิ ารเหลา่ นวี้ า่ \"ดวงจนั ทร\"์ ตามอยา่ งดวงจนั ทรข์ องโลก นอกจากนดี้ าวเคราะหช์ นั้ นอกยงั มวี งแหวนดาวเคราะหอ์ ย่รู อบตวั อนั ประกอบดว้ ยเศษฝ่นุ และอนภุ าคขนาดเลก็ • สาหรบั คาวา่ ระบบดาวเคราะห์ ใชเ้ มอื่ กลา่ วถงึ ระบบดาวโดยท่วั ไปทีม่ วี ตั ถตุ า่ ง ๆ โคจรรอบดาวฤกษ์ คาวา่ \"ระบบสรุ ยิ ะ\" ควรใชเ้ ฉพาะกบั ระบบดาวเคราะหท์ ่ีมีโลกเป็นสมาชิก และไมค่ วรเรียกว่า \"ระบบสรุ ยิ จกั รวาล\" อยา่ งทเ่ี รยี กกนั ตดิ ปาก เนือ่ งจากไมเ่ ก่ียวขอ้ งกบั คาวา่ \"จกั รวาล\" ตามนยั ทใี่ ชใ้ นปัจจบุ นั

ประวตั ิการคน้ พบและการสารวจ • นบั เป็นเวลาหลายพนั ปีในอดีตกาลท่ีมนษุ ยชาติไมเ่ คยรบั รูม้ าก่อนวา่ มสี ง่ิ ท่ีเรยี กว่า ระบบสรุ ยิ ะ แต่เดิมมนษุ ยเ์ ช่ือว่า โลกเป็นศนู ยก์ ลางจกั รวาลท่ีอย่นู ่ิง มีดวงดาวต่าง ๆ โคจรไปรอบ ๆ ผ่านไปบนทอ้ งฟ้า แมว้ ่านกั ดาราศาสตรแ์ ละนกั คณิตศาสตรช์ าวอินเดียช่ือ อารยภฏั (สนั สกฤต: आर्यभट) และนกั ปรชั ญาชาวกรีก แอรสิ ตารค์ สั (กรีก: Ἀρίσταρχος ὁ Σάμιος) เคยมีแนวคิดเก่ียวกบั การท่ีดวงอาทิตยเ์ ป็นศนู ยก์ ลางจกั รวาล และจดั ลาดบั จกั รวาลเสียใหม่ แตผ่ ทู้ ่ีสามารถคิดคน้ แบบจาลองทางคณิตศาสตรเ์ พ่ือพิสจู นแ์ นวคิดนีไ้ ดส้ าเรจ็ เป็นคนแรกคือ นิโคเลาส์ โคเปอรน์ ิคสั ในครสิ ตศ์ ตวรรษ ท่ี 17 มผี สู้ ืบทอดแนวทางการศกึ ษาของเขาตอ่ มา คือกาลเิ ลโอ กาลเิ ลอี โยฮนั เนส เคปเลอร์ และ ไอแซค นิวตนั พวกเขาพยายามทาความเข้าใจระบบ ทางฟิ สิกสแ์ ละเสาะหาหลกั ฐานการพิสจู นย์ ืนยนั ว่า โลกเคล่ือนไปรอบ ๆ ดวงอาทิตย์ และดาวเคราะหท์ งั้ หลายต่างก็ดาเนินไปภายใ ตก้ ฎทางฟิ สิกส์ แบบเดียวกันนี้ ในยุคหลังต่อมาจึงเร่ิมมีการสืบสวนคน้ หาปรากฏการณท์ างภูมิธรณีต่าง ๆ เช่น เทือกเขา แอ่งหิน ปรากฏการณ์ส ภาพอากาศท่ี แปรเปล่ียนตามฤดกู าล การศกึ ษาเก่ียวกบั เมฆ พายทุ ราย และยอดเขานา้ แข็งบนดาวเคราะหด์ วงอ่ืน ๆ

เรื่องน่ารู้ทางวิทยาศาสตร์ จมูกของมด ใครรูบ้ า้ งวา่ มดใชอ้ ะไรในการดมกลน่ิ คาตอบก็คือใชเ้ ทา้ น่นั เอง การใชเ้ ทา้ ดมกลนิ่ ชว่ ยใหม้ นั สามารถตามกล่ินท่ีเพ่ือนของมนั ทงิ้ ไวต้ ามทางได้ นอกจากนีม้ นั ยงั สามารถใชข้ อ้ ตอ่ ท่ีหนวดรบั กลน่ิ ไดอ้ ีกดว้ ย

เรื่องน่ารู้ทางวิทยาศาสตร์ ระเบิดควนั • ปลาหมกึ ยกั ษม์ ีวิธีการปอ้ งกนั ตวั คลา้ ยการสรา้ งระเบิดควนั ของทหาร เม่ือเผชิญหนา้ กบั ศตั รู มนั จะพน่ หมกึ ดาในถงุ ดา้ นหลงั ลาตวั ออกมาทาใหน้ า้ บรเิ วณรอบ ๆ ขนุ่ ดา แลว้ มนั จะรบี หนีไป นกั วิทยาศาสตรพ์ บวา่ มนั สามารถเปล่ยี นสีหมกึ ของมนั ใหเ้ ขา้ กบั สภาพแวดลอ้ มไดด้ ว้ ย เชน่ สแี ดง สเี หลือง สเี ทา เป็นตน้

เร่ืองน่ารู้ทางวทิ ยาศาสตร์ สตั วม์ ีเหงื่อหรือไม่ สนุ ขั ก็มีเหง่ือครบั แตเ่ หง่ือของมนั จะออกบรเิ วณฝ่าเทา้ นอกจากนีส้ ตั วอ์ ่ืน ๆ เช่น ววั จะมีเหง่ือ ออกทางจมกู สว่ นเหง่ือของฮปิ โปโปเตมสั จะออกมาจากทกุ สว่ นของรา่ งกายและจะเป็นเหง่ือสี แดง ลองสงั เกตนะครบั วา่ สตั วอ์ ่ืน ๆ มีเหง่ือออกท่ีสว่ นใดของรา่ งกาย

สตั วป์ ากกวา้ ง สตั วท์ ่ีสามารถอา้ ปากไดก้ วา้ งท่ีสดุ คืองเู หลือมเรตคิ เู ลเตด (Reticulated python) มนั สามารถยืด ตวั ไดถ้ งึ 10 เมตร และอา้ ปากกวา้ งจนกลืนกินสตั วท์ ่ีมีนา้ หนกั 55 กิโลกรมั จึงไมแ่ ปลกท่ีจะมีคน พบสตั วใ์ หญ่ ๆ อยา่ งเสือดาวในทอ้ งของมนั

ชา้ งนกั กิน ชา้ งแอฟรกิ ามีขนาดใหญ่มาก หนกั ถงึ 7 ตนั ท่ีตวั ใหญ่ขนาดนีเ้ พราะมนั ใชเ้ วลาในการกินประมาณ 18-20 ช่วั โมงตอ่ หน่งึ วนั โดยกินพืชผกั ประมาณวนั ละ 350 กิโลกรมั และกินนา้ 90 ลติ ร

ระบบสืบพนั ธุ์ • การสืบพนั ธุ์ หมายถงึ การผลติ สิง่ มีชีวติ ชนิดเดียวกนั เพ่ือใหส้ ง่ิ มีชีวิตนนั้ ๆ ดารงเผา่ พนั ธุต์ อ่ ไป มี 2 แบบคอื • 1. การสบื พนั ธุแ์ บบไมอ่ าศยั เพศ คือ การสบื พนั ธุท์ ่ีไมม่ ีการผสมกนั ระหวา่ งเซลลส์ ืบพนั ธุเ์ พศผกู้ บั เพศเมีย • 2. การสบื พนั ธุแ์ บบอาศยั เพศ คือ การสบื พนั ธุท์ ่ีมีการผสมกนั ระหวา่ งเซลลส์ ืบพนั ธุเ์ พศผกู้ บั เพศเมีย • การสืบพนั ธุ์ของคนเป็นการสืบพนั ธุ์แบบอาศยั เพศโดยวิธีการปฏิสนธิภายใน เม่ือชายและหญิงย่างเขา้ สู่ วยั รุน่ ตอ่ มใตส้ มองจะหล่งั ฮอรโ์ มนกระตนุ้ ตอ่ มเพศ (ชายคืออณั ฑะ หญิงคือรงั ไข่) ใหผ้ ลิตฮอรโ์ มนเพศและ ผลติ เซลลส์ ืบพนั ธุ์

การเจริญเติบโตของพืช • การเจรญิ เติบโตของพืช มี 3 กระบวนการตา่ ง ๆ เกิดขนึ้ คือ • การแบ่งเซลล์ ทาใหม้ ีจานวนเซลลเ์ พ่ิมมากขึน้ เซลลท์ ่ีเกิดขึน้ ใหม่จะมีลกั ษณะเหมือนเดิมแต่มีขนาดเล็ก กวา่ • การเพ่ิมขนาดของเซลล์ เป็นการสรา้ งสะสมสาร ทาใหเ้ ซลลม์ ีขนาดใหญ่ขึน้ โดยท่วั ไปแลว้ เม่ือมีการแบ่ง เซลลแ์ ลว้ กจ็ ะเพ่ิมขนาดของเซลลด์ ว้ ยเสมอ

มนุษยพ์ ลงั งาน • เช่ือหรอื ไมว่ า่ รา่ งกายของคนผลติ กระแสไฟฟา้ ได้ คนแต่ละคนจะมีพลงั งานเทียบเท่ากบั การเปิดหลอดไฟฟ้า ขนาด 120 วตั ต์ เพราะคนท่ีกินอาหารเขา้ ไปปรมิ าณ 2,500 แคลอรีในแตล่ ะวนั จะใหพ้ ลงั งานความรอ้ น 104 แคลอรตี อ่ ช่วั โมง ซง่ึ เทียบเทา่ กระแสไฟฟา้ ท่ีมีพลงั งาน 120 วตั ต์

จดั ทาโดย • ด.ช.เจษฎา สขุ เพีย ชนั้ ม.2 เลขท่ี12 • ด.ช.ธนพล บญุ เฮา้ ชนั้ ม.2 เลขท่ี2 • ด.ช.ณฐั พงษ์ แกว้ คากอง ชนั้ ม.2 เลขท่ี1


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook