คำนำ หนังสืออเิ ลก็ ทรอนิกส์ฉบับนีจ้ ดั ทำขนึ้ เพ่ือส่งเสริมให้นักเรียน ระดบั ช้ันประถมศึกษำปี ท่ี 6 ได้ศึกษำส่วนประกอบต่ำง ๆ ของพืช รู้จกั ประโยชน์ของพืช กำรทำหนังสืออเิ ลก็ ทรอนิกส์สำมำรถช่วยให้นักเรียนเกดิ ควำมกระตือรือร้นในกำรเรียน กำรทำกจิ กรรม และกำรทำแบบทดสอบ ซึ่ง สำมำรถลดภำวะควำมเครียดทเี่ กดิ จำกกำรเรียนจำกหนังสือธรรมดำ และเป็ น กำรเพม่ิ ประสิทธิภำพในกำรสอนและกำรเรียนรู้ให้กบั นักเรียนได้เป็ นอย่ำงดี ทำงคณะผู้จดั ทำหวงั เป็ นอย่ำงยงิ่ ว่ำหนังสืออเิ ลก็ ทรอนิกส์ฉบับนีจ้ ะ ช่วยสร้ำงเสริมทกั ษะกำรเรียนรู้ให้กบั นักเรียนได้เป็ นอย่ำงดี นำงสำวชนำภทั ร สุขเณร รหัส 61941900503
สำรบญั 4 5 จุดประสงค์การเรียนรู้ 6 โครงสร้ างของพืช 10 ราก 20 ลาต้น 22 ใบ 25 ดอก ผล
จุดประสงค์การเรียนรู้ ๑หน่วยการเรยี นรู้ที่ โครงสรา้ งของพืช ด้ำนควำมรู้ - บอกส่วนประกอบภำยนอกของพืช และหน้ำที่ ได้ ด้ำนทกั ษะ - ทกั ษะสังเกต - ทกั ษะสืบเสำะ หำควำมรู้ - ทกั ษะกระบวนกำรทำงกล่มุ ด้ำนคุณลกั ษณะ - มเี หตุผล - ฟังควำมคดิ เห็นผ้อู ่ืน - ใฝ่ รู้ ใฝ่ เรียน - สำมัคคี - ซื่อสัตย์ - กล้ำแสดงออก - ร่วมมือกำรปฏิบัตงิ ำน
โครงสรา้ งของพชื ใบ ผล ลาต้น ดอก ราก
ราก
ราก เป็นส่วนของพืชท่ีงอกออกจากเมล็ดกอ่ น ส่วนอ่ืน และเจริญลงสูใ่ ตด้ ิน รากมหี นา้ ทีย่ ึดลา ต้นใหต้ ัง้ บนดิน ดดู นา้ และแรธ่ าตทุ ี่สะสมอยใู่ นดนิ แลว้ ลาเลียงขึ้นไปยงั สว่ นตา่ งๆของพชื นอกจากน้ี รากของพชื บางชนิดทาหน้าท่สี ะสมอาหาร
รากของพชื แบ่งเปน็ 2 พวก คือ 1.รากแก้ว เป็นรากที่งอกออกจากเมล็ดกอ่ นส่วนอ่นื ในพชื บางชนดิ รากแกว้ จะเจรญิ ตอ่ ไป มีขนาดใหญ่และยาวกวา่ รากอน่ื ๆ และมีรากแขนงแตก ออกมาจากรากแกว้
2.รากฝอย เปน็ รากเส้นเลก็ ๆมากมายขนาดโตสมา่ เสมอกัน ไม่เรียว ลงที่ปลายอย่างรากแก้ว งอกออกจากรอบๆ โคนตน้ แทนราก แก้วที่หยุดเตบิ โต
ลาตน้
ลาตน้ คือ ส่วนของพืชที่เจริญเติบโตขึ้นสู่อากาศ ทาหน้าที่หลักเป็น โครงสร้างค้าจุน ลาเลียงน้าและอาหารไปยังส่วนต่างๆ ของพืช และทา หน้าทส่ี ะสมอาหาร เชน่ อ้อย เผอื ก ขิง ข่า
ลาต้นของพืชบางชนดิ ต้ังอย่บู นดนิ เช่น มะมว่ ง มะละกอ มะพรา้ ว ชมพู่ ขา้ วโพด เปน็ ตน้
ลาต้นของพชื บางชนิดอยใู่ ตด้ นิ เช่น เผอื ก แห้ว ขงิ แครอท มนั ฝรั่ง เปน็ ตน้
ลาตน้ ของพืชมีหน้าทส่ี าคัญ 2 ประการ 1. ชูกง่ิ ก้าน และใบขนึ้ สอู่ ากาศเพอ่ื ใหไ้ ด้รับแสงแดดและอากาศ เต็มท่ี 2. ลาเลยี งนา้ และแรธ่ าตจุ ากรากไปสสู่ ว่ นตา่ งๆของพืช และลาเลยี ง อาหารทีส่ รา้ งจากใบไปสสู่ ว่ นต่างๆ ลักษณะสาคัญของตน้ • ลาต้นเจริญเตบิ โตสอู่ ากาศต้านแรงดงึ ดดู โลก • ลาตน้ มี ขอ้ ปลอ้ ง ตา • ลาตน้ มคี ลอโรฟิลล์
สว่ นประกอบของลาต้น ปลายยอด เป็นบรเิ วณทม่ี ีการเจรญิ เตบิ โต เปน็ สว่ นท่ที าใหล้ าต้นขยายขนาดทั้งความ ยาวและความกว้าง
ตา เปน็ โครงสรา้ งเล็กๆ ทยี่ อด หรอื ทซี่ อกใบจะเจรญิ เปน็ ก่งิ หรือดอกไม้
กิ่ง เป็นส่วนทีเ่ จรญิ แตกออกมาจากลาตน้
ข้อ เปน็ บรเิ วณลาต้นท่ีมใี บ เห็นรอยต่อเปน็ ระยะๆ
ปล้อง เป็นบรเิ วณลาตน้ ท่ีอย่รู ะหวา่ งขอ้ 2 ขอ้
ใบ รูปใบกลม รปู ใบรี รูปใบหยกั ใบ ลกั ษณะของใบพชื แต่ละชนดิ จะมใี บแตกต่างกัน รปู ใบสเ่ี หลีย่ ม รูปใบเป็นเสน้ ขนมเปยี กปนู
หนา้ ที่ของใบ คายนา้ ดักแมลง สร้ าง อาหาร หายใจ ใบ
ดอก
เป็นส่วนประกอบที่สาคัญของพืชมีดอกที่มีลักษณะและสีท่ี แตกต่างกัน ออกไปตามชนิดของพืช ประกอบไปด้วย กลีบดอก กลบี เลยี้ ง เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมยี กลีบดอก กลบี เล้ยี ง เกสรเพศผู้ เกสรเพศเมยี
ดอก มีหน้าท่ีสืบพันธ์ุ โดยการถ่ายละอองเรณูจากเกสรเพศผู้ไปยัง เกสร เพศเมีย ทาให้เกิดการสัมผัสกันระหว่างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้กับ เซลลส์ ืบพันธ์ุของเพศเมีย
ผล
ผล เป็นส่วนประกอบที่สาคญั ของพชื ผลเจริญมาจากรงั ไข่ ภายหลังจากที่ ไดร้ ับการปฏสิ นธแิ ล้ว ส่วนประกอบของผล มี 3 สว่ น ได้แก่ เปลอื ก เนอื้ และเมลด็ ด้านในของผล จะมเี มลด็ เจรญิ มาจากออวุล ซึง่ พืชใชข้ ยายพนั ธุ์
สรุป ถิ่นอาศยั ของพืชและแหลง่ ของทรัพยากรจากบริเวณใต้ดนิ และบริเวณเหนือดนิ ท่ี พืชใช้เพื่อการเจริญเตบิ โต สามารถสะท้อนววิ ฒั นาการของพชื มีทอ่ ลาเลยี งใน การเป็นสง่ิ มีชีวิตบนบก โดยพืชมีการดดู ซมึ นา้ และแร่ธาตจุ ากใต้พืน้ ดนิ ดดู ซบั ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2(g)) จากบริเวณเหนือดนิ โดยการเข้าถงึ แหลง่ ทรัพยากรตา่ งๆของพืชสามารถเช่ือมโยงไปถึงววิ ฒั นาการของ ราก ลาต้น และ ใบได้ เราสามารถจดั กลมุ่ ของอวยั วะทงั้ 3 ออกเป็น 2 ระบบคือ ระบบรากได้แก่ ราก และระบบลาต้นได้แก่ ลาต้นและใบ พืชมีทอ่ ลาเลยี งสว่ นใหญ่จะอาศยั ทงั้ สองระบบในการดารงชีวติ ระบบรากไม่ได้ใช้ในกระบวนการสงั เคราะห์อาหาร ด้วยแสงแตจ่ ะได้รับนา้ ตาลและคาร์โบไฮเดรตอ่ืนๆจากระบบลาต้นในช่วงท่ีมี การกระบวนการสงั เคราะห์อาหารด้วยแสง สว่ นระบบลาต้นระบบลาต้นจะ อาศยั รากในการดดู ซมึ นา้ และแร่ธาตจุ ากดนิ
แบบทดสอบ 1. ต้นไผแ่ ละต้นอ้อย มลี กั ษณะในข้อใดเหมอื นกนั ก. ลาต้นตรงใหญ่ ข. ลาต้นมีข้อปล้อง ค. ลาต้นเป็นเถาเลอื ้ ย ง. ลาต้นอยใู่ ต้ดนิ 2. ข้อใดไมใ่ ช่ หน้าท่ีของลาต้น ก. ลาเลียงอาหาร ข. ชว่ ยขกู ิ่งก้านและใบ ค. ลาเลยี งนา้ และแร่ธาตุ ง. เป็นทางเข้าออกของออกซเิ จน
3. ข้อใดคอื สว่ นประกอบที่สาคญั ของดอก ก.กลบี เลยี ้ ง กลบี ดอก ก้านดอก ข. เกสรเพศผู้ กลบี เลยี ้ ง กลีบดอก ก้านดอก ค. เกสรเพศเมีย กลบี เลยี ้ ง กลบี ดอก ก้านดอก ง. เกสรเพศเมีย เกสรเพศผู้ กลีบเลยี ้ ง กลบี ดอก 4. ข้อใดคอื หน้าทข่ี องดอกไม้ ก. ทาให้เกิดผล และเมลด็ หรือใช้สาหรับเพ่ือสบื พนั ธ์ุ ข. ปอ้ งกนั เกสรในขณะทีด่ อกยงั ออ่ นอยู่ ค. ปอ้ งกนั สว่ นอื่นๆของดอกไม้ ง. ประกอบสว่ นตา่ งๆ ให้ยดึ ตดิ
5. พืชใดเห็นข้อปล้องชดั เจน ก. พริก ข. ไผ่ ค. กหุ ลาบ ง. มะเขือ 6. ลาต้นของพืชชนิดใดทาหน้าที่เป็นมือยดึ เกาะ ก. ตาลงึ ข. ผกั ชี ค. พริก ง. คะน้า
7. สว่ นใดของพืชที่หอ่ ห้มุ ดอกเพื่อปอ้ งกนั อนั ตราย ก. เกสรเพศผู้ ข. เกสรเพศเมีย ค. กลีบเลยี ้ ง ง. กลีบดอก 8. ข้อใด ไมใ่ ช่ ลกั ษณะของใบ ก. ใบพืชสามารถสงั เคราะห์ด้วยแสงได้ ข. ใบพืชสามารถขยายพนั ธ์ไุ ด้ ค. ใบพืชสามารถดดู นา้ และแร่ธาตไุ ด้ ง. ใบพืชสามารถหายใจได้
9. หมายเลข 1 เป็นสว่ นใดของต้นไม้ ก. ลาต้น ข. ราก ค. ใบ 1 ง. กิ่ง 10. ผลไม้ข้อใดตา่ งจากข้ออ่ืน ก. ข. ค. ง.
บรรณำนุกรม https://benjaporn079.wordpress.com/2014/01/03/หน้าทขี่ องใบ https://sites.google.com/site/fahsky09/khorngsrang-khxng- phuch/สว่ นของต้นไม้ https://sakaerat32.weebly.com/สถานีวจิ ยั ส่งิ แวดล้อมสะแกราช https://sites.google.com/site/withyasastrp11/hnathi-khxng- phuch http://partsofthetreebykanjana.blogspot.com/2013/09/blog- post.html https://www.scribd.com/doc/32932601/สว่ นประกอบของพืช https://sites.google.com/site/clickclickieie/swn-prakxb-khxng- phuch-dxk
ผจู้ ดั ทำ ช่ือ นางสาวชนาภทั ร สุขเณร ช่ือเล่น ก้อย รหสั 61941900503 สาขาวิทยาศาสตร์
บทที่ ๓ พชื มกี ารตอบสนอง การตอบสนองของพชื ตอ่ ส่งิ เรา้
Search
Read the Text Version
- 1 - 35
Pages: