การพฒั นาบุคลกิ ภาพ เพอ่ื ความสาเร็จ วทิ ยากร อาจารยด์ ารา พงษส์ มบรู ณ์
ความหมาย...บุคลิกภาพหมายถึง …ผลรวมในพฤติกรรมเฉพาะตวั ของบุคคลท้งั ดา้ นร่างกาย อารมณ์ สงั คมและสติปัญญา ที่แสดงออกใหผ้ อู้ ่ืนเห็นและเขา้ ใจ
ประเภทของการพฒั นาบุคลกิ ภาพ1. การพฒั นาบุคลิกภาพทางกาย2. การพฒั นาบุคลิกภาพทางวาจา3. การพฒั นาบุคลิกภาพทางอารมณ์
การพฒั นาบุคลกิ ภาพทางกาย
การแต่งกายเส้ือ กระโปรง สุภาพเรียบร้อย ดูดีกางเกง เขม็ ขดั สีเหมาะสมรองเทา้ ถุงเทา้ สีดา สีพ้ืนทรงผม ใบหนา้ สุภาพเรียบร้อย ดูดีร่างกายและผวิ พรรณ สะอาดสะอา้ น
มารยาททางสังคม- การไหว้- การยนื- การเดิน- การนง่ั- การพดู
การไหว้การไหว้ การประนมมือไหวน้ ้นั ฝ่ ามือท้งั สองขา้ งจะตอ้ งทาบทบั กนัปลายนิ้วทาบสนิทกนั ทาหลงั มือใหโ้ ป่ งออกเลก็ นอ้ ย ไม่ตอ้ งมากเป็นดอกบวั ตูมและไม่แบนราบเป็นใบไมน้ ะครับ และในการยกมือข้ึนมาไว้ จะมีดว้ ยกนั ๓ ระดบั ข้ึนอยกู่ บั วา่ ไหวใ้ คร
1. ไหว้พระ ประนมมือข้ึน กม้ ศรี ษะ จรดหวั แม่มือท่ีกลางหวา่ งคิว้นิ้วช้ีแตะท่ีเหนือหนา้ ผาก กม้ หวั ใหห้ นา้ ขนานกบั พ้นื คอ้ มหลงัพอประมาณ2. ไหว้ผู้มพี ระคุณและผู้อาวโุ ส เช่นเดียวกบั การไหวพ้ ระ แต่นิ้วหวั แม่มือจรดปลายจมูก นิ้วช้ีจดหวา่ งคิ้ว
3.ไหว้บุคคลทวั่ ไปและผู้เสมอกนั ประนมมือข้ึน กม้ ศีรษะเลก็ นอ้ ยหวั แม่มือจรดที่ปลายคาง นิ้วช้ีแตะที่จมกูคอ้ มหลงั พอประมาณ
การกราบพระ แบบ เบญจางคประดษิ ฐ์การกราบพระแบบเบญจางคประดิษฐ์ เป็นการกราบท่ีแสดงความเคารพอยา่ งสูงสุด ต่อบุคคลท่ีควรเคารพนบั ถือสูงสุด ซ่ึงกค็ ือพระนนั่ เอง เบญจางคประดษิ ฐ์ แปลวา่ ต้ังไว้เฉพาะซ่ึงองค์ห้า โดย เบญจซ่ึงแปลวา่ ๕ น้นั หมายถึง อวยั วะท้งั ๕ อนั ไดแ้ ก่ หนา้ ผาก มือท้งัสอง และเข่าท้งั สอง โดยอวยั วะท่ีวา่ น้นั เวลากราบจะตอ้ งจรดลงให้ติดกบั พ้ืน ซ่ึงท่าน้ีจะปฏิบตั ิแตกต่างกนั ใน หญิง และ ชาย
สาหรับชายน้นั ใหป้ ฏิบตั ิ ดงั น้ี-ท่าเตรียม ท่าเตรียมของชายน้นั จะเรียกวา่ ท่าเทพบุตร-ท่าเทพบุตร นงั่ คุกเข่าปลายเทา้ ต้งั นง่ั บนสน้ เทา้ ไม่นง่ั บนเทา้ แบบนง่ั ญี่ป่ ุนนะครับ มือท้งั สองวางบนหนา้ ขาท้งั สองขา้ ง นิ้วมือแนบชิดติดกนั สน้ เทา้ ไม่แบะออก
จงั หวะท่ี ๑: อญั ชลี ยกมือข้ึนประนมมือระหวา่ งอก ปลายนิ้วชิด เบนออกจากตวั พอประมาณไมก่ างศอกจงั หวะท่ี ๒ : วนั ทา ยกมือข้ึน นิ้วหวั แม่มือจรดหวา่ งคิ้วปลายนิ้วช้ีจรดกลางหนา้ ผาก พร้อมกบั คอ้ มศีรษะลงจงั หวะท่ี ๓ : อภิวาท ทอดมือลงกราบ ใหม้ ือและแขนท้งัสองขา้ งลงพร้อมกนั ห่างกนั เลก็ นอ้ ยพอใหห้ นา้ ผากจรดพ้ืนระหวา่ งมือได้ โดยศอกท้งั สองขา้ งตอ่ เข่า ขนานไปกบัพ้นื หลงั ไมโ่ ก่ง หรือ กน้ ไมโ่ ด่งจนเกินงามการกราบจะกราบ ๓ คร้ัง เมื่อครบสามคร้ัง ยกมือข้ึนจบโดยใหน้ ิ้วหวั แมม่ ือจรดหวา่ งคิว้ ปลายนิ้วช้ีจรดหนา้ ผากแลว้ ปล่อยมือลง
สาหรับหญิงน้นั ใหป้ ฏิบตั ิ ดงั น้ีท่าเตรียม ท่าเตรียมของหญิงน้นั จะเรียกวา่ ท่าเทพธดิ าท่าเทพธิดา นงั่ คุกเข่าปลายเทา้ ราบ นง่ั บนส้นเทา้ มือท้งั สองวางบนหนา้ ขาท้งั สองขา้ ง นิ้วมือแนบชิดติดกนั ปลายเทา้ ไม่แบะออก
จงั หวะท่ี ๑: อญั ชลี ยกมือข้ึนประนมมือระหวา่ งอกปลายนิ้วชิด เบนออกจากตวั พอประมาณไม่กางศอกจงั หวะที่ ๒ : วนั ทา ยกมือข้ึน นิ้วหวั แมม่ ือจรดหวา่ งคิ้ว ปลายนิ้วช้ีจรดกลางหนา้ ผาก พร้อมกบั คอ้ มศีรษะลงจงั หวะที่ ๓ : อภิวาท ทอดมือลงกราบ ใหม้ ือและแขนท้งั สองขา้ งลงพร้อมกนั ห่างกนั เลก็ นอ้ ย พอให้หนา้ ผากจรดพ้ืนระหวา่ งมือได้ โดยศอกท้งั สองขา้ งคร่อมเข่าเลก็ นอ้ ยการกราบจะกราบ ๓ คร้ัง เม่ือครบสามคร้ัง ยกมือข้ึนจบ โดยใหน้ ิ้วหวั แมม่ ือจรดหวา่ งคิ้ว ปลายนิ้วช้ีจรดหนา้ ผาก แลว้ ปลอ่ ยมือลง
การไหว้พระประนมมือ นิ้วหวั แม่มือจรดหวา่ งคิ้ว ปลายนิ้วช้ีจรดส่วนบนของหนา้ ผากชาย ยนื ตรง คอ้ มตวั ลงต่า พร้อมกบัประนมมือข้ึนไหว้หญิง ยนื ตรง ยอ่ เข่าลงใหต้ ่า โดยถอยเทา้ ขา้ งที่ถนดั ไปขา้ งหลงั พร้อมกบั ประนมมือข้ึนไหว้
การประเคนของแด่พระสงฆ์ชาย ใช้ สองมือถือของเดินเข่า เขา้ ไปในระยะหตั ถบาส (ระยะท่ีมือพระท่านเอ้ือมมือถึง) ยกของข้ึนประเคนในลกั ษณะมือตอ่ มือไดเ้ ลย(คือยกใหท้ ่านรับไดเ้ ลย) เม่ือประเคนเสร็จ จะไหวห้ รือกราบกไ็ ด้ แลว้ แต่กาลเทศะ เสร็จแลว้ถอยออกโดยวธิ ีเดินเข่า (ถอยออกนะครับไม่ใช่กนั หลงั ขวบั แลว้ เปิ ดแน่บ)หญิง ใช้ สองมือถือของเดินเขา่ เขา้ ไปในเช่นเดียวกบั ผชู้ าย ยกของข้ึนประเคนโดยวางบนผา้ ที่พระสงฆท์ อดออกมา เมื่อประเคนเสร็จปฏิบตั ิเช่นเดียวกบั ชาย
การถวายความเคารพแบบสากลชาย ใช้ วธิ ีถวายคานบั โดยคอ้ มลาตวั ต้งั แตศ่ ีรษะถึงเอวลงใหต้ ่าพอสมควร (ไม่ตอ้ งกม้ ลงไปจนมองเห็นเขม็ ขดัตวั เองนะครับ แบบน้นั ไม่สง่า) เสร็จแลว้ ยนื ตวั ตรงลกั ษณะเดิมหญงิ ใช้ วธิ ีถวายความเคารพดว้ ยการถอนสายบวั แบบสากลนิยม ยนื ตวั ตรง หนั หนา้ ไปทางพระองคท์ ่าน วาดเทา้ ขา้ งใดขา้ งหน่ึงตามถนดั ไปขา้ งหลงั พร้อมกบั ยอ่ ตวัลง ลาตวั ตรง หนา้ ตรง ปล่อยแขนตรงแนบลาตวั สายตาทอดลง เสร็จแลว้ ยนื ตวั ตรงลกั ษณะเดิม
การหมอบกราบใชแ้ สดงความเคารพพระมหากษตั ริยล์ งมาถึงพระ บรมวงศใ์ นโอกาสเขา้ เผา้ ฯ ท้งั ชายและหญิง ใหน้ งั่ พบั เพียบเก็บปลายเทา้ แลว้ หมอบลงใหศ้ อกท้งั สองขา้ งถึงพ้ืน คร่อมเขา่ที่อยดู่ า้ นล่างเพยี งเข่าเดียว มือประสาน เรียกวา่ หมอบเฝ้ าเวลากราบใหป้ ระนมมือ กม้ ศีรษะลง หนา้ ผากแตะส่วนบนของมือ ถา้ ท่านทรงพระราชทานส่ิงของให้ ใหย้ กมือขวาข้ึนเอางาน ในลกั ษณะเดียวกบั การรับปริญญาบตั ร คือยกมือขวาข้ึน ฝ่ ามือต้งั ฉากกบั พ้ืน กระดกขอ้ มือข้ึนเลก็ นอ้ ยแลว้ ตวดั มือมาอยใู่ นท่าเตรียมรับส่ิงของ โดยทามือเป็ นอุง้เลก็ นอ้ ย เม่ือรบสิ่งของมาแลว้ ใหป้ ระคองสิ่งของน้นั ไว้แลว้ กราบอีกคร้ังหน่ึง แลว้ กลบั มานง่ั ในท่าหมอบเฝ้ า แลว้ทรงตวั นง่ั ในท่าพบั เพียบ หรือคลานถอยหลงั ออกไปจนพน้ ที่ประทบั
การทูลเกล้าฯถวายของของที่จะทูลเกลา้ ฯถวายน้นั ตอ้ งเป็ นของเบาและมีพานรองรับ โดยผถู้ วายใชม้ ือท้งั สองจบัคอพาน ในกรณีของผชู้ าย ใหถ้ ือพานถวายคานบั เดินเขา้ ไปห่างจากที่ประทบั พอควร ลดพานลง ถวายคานบั ยอ่ ตวั กา้ วเทา้ ขวาไปขา้ งหนา้ เขา่ ซา้ ยจรดพ้ืน แลว้ ยกพานข้ึนทูลเกลา้ ฯถวาย เม่ือพระองคท์ รงหยบิ ของออกจากพานแลว้ ใหล้ ุกข้ึน ดึงเทา้ ขวากลบั มาชิดเทา้ซา้ ย ถวายคานบั แลว้ เดินถอยหลงั จนพน้ ที่ประทบั
สาหรับฝ่ ายหญิง ใหถ้ ือพานเช่นเดียวกนั แตใ่ นการถวายความเคารพ ใหใ้ ชก้ ารถอนสายบวั แบบสากลนิยม นอกน้นั ปฏิบตั ิเหมือนฝ่ ายชายท้งั หมด
การกราบผู้ใหญ่ใชก้ ราบผอู้ าวโุ ส หรือผมู้ ีพระคุณ ท้งั หญิงและชาย ใหน้ งั่ พบั เพียบเก็บปลายเทา้ทอดมือท้งั สองลงพร้อมกนั ใหแ้ ขนคอ่ มเขา่ ท่ีอยดู่ า้ นลา่ งเพยี งเข่าเดียว มือประนมคอ้ มตวั ลง หนา้ ผากแตะส่วนบนของมือ กราบเพยี งคร้ังเดียว โดยไม่แบมือ เมื่อกราบเสร็จ ประสานมือดนั ตวั ลุกข้ึนนงั่ ในท่าพบั เพียบ
การไหว้ผู้มีพระคุณและผู้อาวุโสประนมมือไหว้ ใหน้ ิ้วหวั แมม่ ืออยทู่ ่ีปลายจมูกปลายนิ้วช้ีจรดหวา่ งคิว้ชาย ยนื ตรง ตอ้ มตวั ลงนอ้ ยกวา่ ระดบั การไหวผ้ ู้มีพระคุณ พร้อมประนมมือข้ึนไหว้หญงิ ยนื ตรง ถอยเทา้ ขา้ งท่ีถนดั ไปขา้ งหลงั ยอ่เข่าลงนอ้ ยกวา่ ระดบั การไหวพ้ ระ พร้อมประนมมือข้ึนไหว้
การไหว้บุคคลทว่ั ไปประนมมือไหว้ ใหน้ ิ้วหวั แม่มืออยทู่ ่ีปลายคางปลายนิ้วช้ีจรดปลายจมูกชาย ยนื ตรง ตอ้ มตวั ลงนอ้ ยกวา่ ระดบั การไหวผ้ ู้มีพระคุณ พร้อมประนมมือข้ึนไหว้หญิง ยนื ตรง ถอยเทา้ ขา้ งท่ีถนดั ไปขา้ งหลงั ยอ่เข่าลงนอ้ ยกวา่ ระดบั การไหวผ้ มู้ ีพระคุณ พร้อมประนมมือข้ึนไหว้
การไหว้ผู้ทเ่ี สมอกนัยนื ตวั ตรง ประนมมือ ใหน้ ิ้วหวั แมม่ ืออยทู่ ่ีปลายคาง ปลายนิ้วช้ีจรดปลายจมูก ท้งั ชายและหญิง การไหวจ้ ะไหวพ้ ร้อม ๆ กนั สาหรับมารยาทในการไหวง้ าม ๆ ก็จบลงเพยี งเท่าน้ีมีแถมเร่ืองอื่น ๆ ท่ีอาจจะไดใ้ ชบ้ า้ งเลก็ นอ้ ย ก็หวงั เป็ นอยา่ งยงิ่ วา่ เด็กไทยรุ่นใหม่ จะใส่ใจกบั การไหวก้ นั มากข้ึนนะครับ ไหวใ้ หถ้ กู ตอ้ งตามขนบธรรมเนียมประเพณีน้นั งามแท้แน่นอนครับ แต่ไหวผ้ ิด ๆ นี่ไมง่ ามจริง ๆ นะครับ เคยลองสงั เกตกนั ดูหรือเปล่า
การยนื-ยนื ตรงปลายเทา้ ชิด หรือเหล่ือมกนัเลก็ นอ้ ย-มือแขนแนบลาตวั-ศรี ษะตรง หลงั ตรง
การนง่ั อยา่ งเป็นทางการ
บุคลกิ ภาพในการพดู
- เป็ นกนั เอง ไม่หยง่ิ-จริงใจ ต้งั ใจฟัง-ทักทาย ปราศรัย-มคี วามเออื้ เฟื้ อ-เมตตากรุณา
- มองโลกในแง่ดี- ตรงต่อเวลา- ใช้ภาษาสุภาพ- ให้อภยั กนั และกนั- ใจกว้างต่อผู้อน่ื
- เคารพกติกาสงั คม- อดทน อดกล้นั- อ่อนนอ้ มถ่อมตน- รับผดิ ชอบต่อตนเองและส่วนรวม
การพูด การพดู การพดู
ปากเป็ นเอก เลขเป็ นโท โบราณว่าหนังสือตรี มีปัญญา ไม่เสียหลายถงึ รู้มาก ไม่มปี าก ลาบากกายมีอุบาย พูดไม่เป็ น เหน็ ป่ วยการ
ความหมายของการพูดการพูด คือ การติดต่อสื่อสารระหว่างมนุษย์ โดยใช้เสียง นา้ เสียง สีหน้าแววตา และกริ ิยาท่าทางต่างๆ เพอ่ื ถ่ายทอดความรู้สึกนึกคดิ จากผ้พู ูดไปยงั ผ้ฟู ัง เพอ่ื ให้เข้าใจซึ่งกนั และกนัการพดู มิไดเ้ ป็นเพยี งเคร่ืองมือท่ีใชใ้ นการส่ือสาร แตเ่ ป็นศิลปะท่ีช่วยเสริมบุคลกิ ภาพในชีวติ ประจาวนั ตลอดจนอาชีพ หน้าที่ การงาน ใหม้ ีประสิทธิภาพมากยงิ่ ข้ึน
องค์ประกอบของการพดูผ้พู ูด สาระ/ เนือ้ เรื่อง ผ้ฟู ัง ภาษา ถูกต้อง เข้าใจนา้ เสียง ชัดเจน มสี มาธิสีหน้า มีประโยชน์ วจิ ารณญาณท่าทาง สร้างสรรค์ ปฏิกริ ิยาตอบสนองอุปกรณ์
ประเภทของการพดู• การพดู ในที่สาธารณะหรือในที่ชุมชน แบง่ ได้ 2 ลกั ษณะ• การพดู ตามลกั ษณะของวธิ ีพูด – 1. การพดู แบบไม่เตรียมตวั ล่วงหน้า / การพดู โดยฉับพลนั – 2. การพดู แบบท่องจา – 3. การพดู แบบมบี นั ทกึ – 4. การพดู โดยอ่านจากต้นฉบับ
การพูดแบ่งตามวตั ถุประสงค์1. การพูดเพอื่ ให้ความรู้ เป็นการพดู อธิบายใหข้ อ้ มูลข่าวสาร ตลอดจนความคิดเห็นตา่ งๆ ซ่ึง ผพู้ ดู ไดค้ น้ ควา้ และอา้ งอิงขอ้ มูลมาอยา่ งถูกตอ้ ง เป็นลาดบั ข้นั ตอน มีจุดมุง่ หมายใหผ้ ฟู้ ังไดร้ ับสาระ มีความรู้ความเขา้ ใจ
2. การพูดเพอ่ื จูงใจหรือโน้มน้าวใจ เป็นการพดู ใหผ้ ฟู้ ังคลอ้ ยตาม มีจุดมุ่งหมายเพือ่ เปล่ียนทศั นคติตามเป้ าหมายของผพู้ ดู
3. การพดู เพอ่ื จรรโลงใจ เป็นการพดู ช่ืนชม ใหเ้ ห็นคุณงามความดี ใหค้ วามสนุกสนานเบิกบานใจ มีจุดมุง่ หมาย เพ่ือใหผ้ ฟู้ ังรู้สึกสบายใจ เพลิดเพลิน ไดส้ าระ
ปัจจัยทช่ี ่วยให้การพูดสัมฤทธิผลบุคลกิ ภาพ-การแต่งกาย เป็นการบอกนิสัยใจคอและรสนิยม-การใช้สายตา ควรกวาดสายตามองผฟู้ ังชา้ ๆ อยา่ งทวั่ ถึง-กริ ิยาท่าทางและการแสดงออกทางสีหน้า ควรสอดคลอ้ งกบั เร่ืองที่พดู-การทรงตัวและการเดิน ควรเป็นธรรมชาติ
การแต่งกาย
การทรงตวั
การใช้ภาษา-เลือกใชภ้ าษาท่ีเขา้ ใจง่าย (เหมาะกบั กลุ่มผฟู้ ัง)-ภาษาสุภาพ-ออกเสียง ชดั เจนและถูกตอ้ ง-น้าเสียง ระดบั เสียงเหมาะสม
เนือ้ เรื่องทจ่ี ะพดู-ควรเลือกเรื่องที่ตนมีความรู้-ผฟู้ ังสนใจ-เหมาะสมกบั สถานการณ์ เวลา และสถานที่-เตรียมเน้ือเร่ืองและรวบรวมขอ้ มลู มาอยา่ งดี
กาลงั ใจของผู้พูด-สร้างความมน่ั ใจแก่ตนเอง โดยการเตรียมตวัเตรียมเน้ือเรื่อง รวบรวมขอ้ มูล ใหพ้ ร้อม และฝึกซอ้ มก่อนพดู จริง
Search