Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ติวเข้ม-วิทยาศาสตร์-ภูเก็ต

ติวเข้ม-วิทยาศาสตร์-ภูเก็ต

Published by phisit.yaemnun, 2022-05-26 05:14:31

Description: cover-sci

Search

Read the Text Version

วิชาวทิ ยาศาสตร อาจารยก รกฤช ศรวี ชิ ยั

ขอ้ สอบ PRE-TEST วชิ าวิทยาศาสตรป์ ระยกุ ต์ 1. ชายคนหนึ่งเล่นสกี ท่ามกลางอากาศเย็นจดั อุณหภมู ิ 0 องศาเซลเซยี ส เป็นเวลา 2 ชั่วโมงโดยไม่ หยุดพกั ทำให้รา่ งกายของเขามอี ุณภูมิตำ่ กว่าปกติ จากสถานการณ์ ขอ้ ใดระบุกลไกทท่ี ำให้อณุ หภูมิ รา่ งกายของชายคนน้กี ลับสู่สภาวะปกติได้ถกู ต้อง 1. อตั ราเมแทบอลิซึมลดลง หลอดเลือดบริเวณผิวหนงั หดตัว 2. อตั ราเมแทบอลซิ ึมเพ่มิ ขน้ึ หลอดเลือดบรเิ วณผวิ หนังหดตัว 3. อัตราเมแทบอลิซึมเพิม่ ขน้ึ หลอดเลือดบริเวณผิวหนังขยายตัว 4. อตั ราเมแทบอลซิ ีมลดลง ตอ่ มเหง่อื มกี ารสร้างเหงื่อเพิม่ มากขนึ้ 5. อัตราเมแทบอลิซึมเพิ่มขึน้ ตอ่ มเหงื่อมีการสรา้ งเหง่อื เพ่ิมมากขน้ึ 2. สาร X เป็นสารสงั เคราะห์ทีม่ ีสมบัตเิ หมือนฮอร์โมนพืช เกษตรกรนยิ มนำมาใช้เร่งการงอกของ ปลายยอดพืช การตอบสนองของของพืชในการกระทำน้เี ป็นการตอบสนองของพืชตอ่ ปจั จยั แบบใด และสาร X มีคุณสมบัติเหมอื นฮอร์โมนพืชกลมุ่ ใด 1. ปัจจัยภายนอก และสาร X มคี ุณสมบัตเิ หมือนออกซิน 2. ปจั จัยภายใน และสาร X มคี ุณสมบัตเิ หมอื นออกซิน 3. ปัจจยั ภายนอก และสาร X มคี ุณสมบัตเิ หมือนเอทลิ ีน 4. ปัจจัยภายใน และสาร X มคี ุณสมบัตเิ หมอื นเอทลิ ีน 5. ปัจจัยภายนอก และสาร X มีคณุ สมบัติเหมอื นกรดแอบไซซิก

3. ภเู ขาไฟลกู หนง่ึ เกดิ การระเบิดอยา่ งรนุ แรง พน่ ลาวาออกมาจำนวนมาก เมอ่ื เวลาผ่านไปถกู ปลอ่ ย ท้ิงรา้ งไว้ ทำให้เกดิ ตน้ ไม้และมสี ตั วเ์ ขา้ มาอาศยั ในพ้ืนท่ี ภูเขาไฟลกู น้ีจะเกิดการเปลย่ี นแปลงแทนที่ รปู แบบใด และเหตกุ ารณ์ใดจะเกดิ ขึ้นต่อมาเปน็ ลำดบั แรก 1. แบบปฐมภูมิ และมีการอพยพของสตั วเ์ ขา้ ไปในพน้ื ท่เี มอื่ มแี หลง่ อาหารเกิดขนึ้ 2. แบบปฐมภมู ิ และมีกล่มุ สิง่ มีชีวติ ขนาดเล็ก เชน่ ไลเคน เปน็ สงิ่ มีชีวติ บุกเบกิ 3. แบบปฐมภูมิ และมีการงอกของเมล็ดพืชท่ีฝังตัวอยูใ่ ต้ดินเมอื่ ดนิ มีความชน้ื ที่เหมาะสม 4. แบบทตุ ยิ ภูมิ และมกี ารอพยพของสัตวเ์ ข้าไปในพื้นทเี่ พอ่ื อยูอ่ าศัย 5. แบบทุตยิ ภมู ิ และมีการงอกของเมลด็ พืชทีฝ่ ังตัวอยใู่ ตด้ นิ เมื่อดินมีความช้ืนทีเ่ หมาะสม 4. ขอ้ มูลลักษณะสำคญั ของไบโอมชนิดตา่ งๆแสดงดงั ตาราง ไบโอม ลักษณะสำคญั A มีอุณหภมู ิค่อนขา้ งสูงตลอดปี มฤี ดูแลง้ ยาวนาน และมหี ญ้าเปน็ พืชกลมุ่ เดน่ B มอี ณุ หภมู ิเฉลี่ย 25-29 oC มคี วามหลากหลายของสิ่งมชี วี ติ สงู มพี ชื และต้นไม้สงู หนาแนน่ C มชี ่วงฤดูหนาวยาวประมาณ 10 เดือน ไม่มีตน้ ไมใ้ หญ่ และมักพบไลเคน มอสและหญ้า จากขอ้ มลู ขอ้ ใดระบุประเภทของไบโอม ไดถ้ ูกต้อง ข้อ ไบโอม A ไบโอม B ไบโอม C 1 ทุง่ หญา้ เขตอบอ่นุ ป่าฝนเขตรอ้ น สะวนั นา 2 ท่งุ หญ้าเขตอบอุน่ ปา่ ผลัดใบเขตอบอนุ่ ทุนดรา 3 สะวันนา ปา่ ผลดั ใบเขตอบอุน่ ไทกา 4 สะวนั นา ป่าฝนเขตรอ้ น ทนุ ดรา 5 สะวันนา ปา่ ฝนเขตร้อน ไทกา

5. สตู รโครงสรา้ งของสารประกอบอนิ ทรีย์ A B C และ D เป็นดงั นี้ จากข้อมลู สารใดมสี มบตั เิ ป็นกรด 2. สาร A และ สาร C 1. สาร A และ สาร B 4. สาร B และ สาร C 3. สาร A และ สาร D 5. สาร B และ สาร D 6. จำนวนอะตอมคารบ์ อนของผลติ ภณั ฑท์ ไี่ ด้จากกระบวนการกลัน่ น้ำมนั ดิบ เปน็ ดงั นี้ ผลิตภณั ฑ์ จำนวนอะตอมคาร์บอน S 50 P 1 R 15 Q 8 ขอ้ สรุปใดต่อไปน้ีไม่ถูกตอ้ ง 1. ผลติ ภัณฑ์ S อยชู่ นั้ ล่างสดุ ของหอกล่นั 2. ผลิตภัณฑ์ R จุดเดอื ดสูงกวา่ ผลติ ภณั ฑ์ P 3. ผลิตภณั ฑ์ Q จุดหลอมเหลวสงู กวา่ ผลิตภัณฑ์ R 4. ผลิตภณั ฑ์ P มสี ถานะเปน็ แก๊ส ส่วนผลติ ภัณฑ์ Q มีสถานะเป็นของเหลว 5. ผลติ ภัณฑ์ R มีสถานะเป็นของเหลวขน้ เหนยี วและหนดื มากกว่าผลติ ภัณฑ์ S

7. ขอ้ มูลแสดงสมบตั ิและผลติ ภณั ฑ์จากพอลิเมอร์ 4 ชนดิ เปน็ ดังตาราง พอลิเมอร์ สมบัติ ผลติ ภัณฑ์ A แขง็ เหนยี ว ทนความร้อน ขวดน้ำด่ืมแบบใส B แข็ง เปราะ นำ้ หนักเบา ช้อนสอ้ มพลาสติก C แขง็ ทนความรอ้ นสูง ปลั๊กไฟ D เหนยี ว ยืดหย่นุ โปรง่ ใส ถงุ พลาสตกิ ใสข่ องเย็น จากขอ้ มลู พอลิเมอร์ชนดิ ใดมโี ครงสรา้ งแบบกงิ่ 1. พอลเิ มอร์ A และ B 2. พอลิเมอร์ C และ D 3. พอลิเมอร์ A และ D 4. พอลเิ มอร์ B และ D 5. พอลิเมอร์ D เท่าน้ัน 8. ตารางแสดงข้อมูลของดาวฤกษบ์ นท้องฟ้าจากผ้สู ังเกต ดาวฤกษ์ โชติมาตรปรากฏ โชติมาตรสัมบูรณ์ -5 A0 -0.2 -3 B -1 4.4 -2 C1 5. E D 0.1 E -0.8 เมือ่ ผสู้ งั เกตมองดดู าวฤกษ์บนท้องฟา้ ดาวดวงใดสว่างนอ้ ยท่ีสดุ 1. A 2. B 3. C 4. D

9. ดาวในข้อใดมอี ุณหภูมิพน้ื ผวิ ต่ำทส่ี ุด ชนดิ สเปกตรัม M1.5 Iab-b ช่ือ ก ดาวปารชิ าต (Antares) K5 III ข ดาวโรหิณี (Aldebaran) B1 III-IV ค ดาวรวงขา้ ว (Spica) K1.5 III ง ดาวดวงแกว้ (Arcturus) A1 V จ ดาวโจร (Sirius) 2. ดาวโรหณิ ี (Aldebaran) 1. ดาวปารชิ าต (Antares) 4. ดาวดวงแก้ว (Arcturus) 3. ดาวรวงข้าว (Spica) 5. ดาวโจร (Sirius) 10. ดาวเทยี มใดท่ีมวี งโคจรค้างฟา้ 1. ดาวเทยี มสำรวจทรัพยากรธรรมชาติ 2. ดาวเทียมส่อื สาร 3. ดาวเทยี มอุตนุ ิยมวิทยา 4. ดาวเทยี มบอกตำแหน่ง 5. ดาวเทยี มเพ่อื ความมัน่ คง

รายการตวิ เข้มเต็มเตม็ ความรู้ KRU TING KRUCLUB วิทยาศาสตร์ประยกุ ต์ โดย ครตู ่ิง : กรกฤช ศรวี ิชัย กำลังศึกษาปริญญาเอก สาขาวิชาการบริหารการศึกษา ปรญิ ญาตรแี ละโท การสอนวิทยาศาสตร์ คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ 1. ชายคนหน่ึงตัดหญา้ ในสนามฟตุ บอล ทา่ มกลางอากาศรอ้ นจดั อุณหภมู ิ 40 องศาเซลเซยี ส เป็น เวลา 2 ช่ัวโมงโดยไม่หยุดพัก ทำให้ร่างกายของเขามีอุณภมู สิ ูงกวา่ ปกติ จากสถานการณ์ ขอ้ ใดระบุ กลไกทท่ี ำให้อณุ หภูมริ า่ งกายของชายคนนก้ี ลับส่สู ภาวะปกตไิ ดถ้ กู ตอ้ ง 1. อตั ราเมแทบอลิซึมลดลง หลอดเลอื ดบริเวณผวิ หนังหดตัว 2. อตั ราเมแทบอลซิ มึ เพม่ิ ขึ้น หลอดเลอื ดบรเิ วณผิวหนังหดตวั 3. อัตราเมแทบอลซิ มึ เพิ่มขน้ึ หลอดเลือดบริเวณผิวหนงั ขยายตัว 4. อตั ราเมแทบอลซิ ีมลดลง ต่อมเหงื่อมีการสร้างเหง่ือเพิ่มมากข้ึน 5. อัตราเมแทบอลิซึมเพมิ่ ขน้ึ ตอ่ มเหงอ่ื มีการสรา้ งเหง่อื เพมิ่ มากขนึ้ คน : เปน็ สัตว์เลอื ด______________ การปรับตัว อัตราเมแทบอลซิ ึม หลอดเลอื ด ต่อมเหงือ่ อากาศรอ้ น อากาศเยน็ ~1~

รายการติวเขม้ เตม็ เตม็ ความรู้ KRU TING KRUCLUB 2. สาร X เปน็ สารสังเคราะห์ทีม่ ีสมบัตเิ หมือนฮอรโ์ มนพืช ซงึ่ มสี ถานะเป็นแก๊ส เกษตรกรนยิ มนำแก๊ส ชนิดนม้ี าใชใ้ นการบ่มผลไมใ้ นภาชนะปิด เพอ่ื ทำให้ผลไม้สกุ เร็วขึ้น การตอบสนองของของพืชในการกระทำนีเ้ ปน็ การตอบสนองของพืชต่อปจั จยั แบบใดและสาร X มี คุณสมบัตเิ หมอื นฮอร์โมนพชื กลุ่มใด 1. ปัจจยั ภายนอก และสาร X มีคณุ สมบตั ิเหมอื นออกซิน 2. ปจั จยั ภายใน และสาร X มีคณุ สมบัตเิ หมอื นออกซนิ 3. ปัจจัยภายนอก และสาร X มคี ณุ สมบตั เิ หมือนเอทิลีน 4. ปจั จยั ภายใน และสาร X มีคุณสมบตั ิเหมอื นเอทลิ นี 5. ปัจจัยภายนอก และสาร X มคี ุณสมบัติเหมือนกรดแอบไซซกิ ปจั จยั ที่ผลตอ่ การเจริญเติบโตของพืช ปจั จยั ภายนอก เช่น __________________________________________ ปัจจยั ภายใน เช่น __________________________________________ ออกซนิ ไซโทไคนนิ เอทลิ นี จิบเบอเรลลนิ กรดแอบไซซกิ ~2~

รายการตวิ เขม้ เตม็ เต็มความรู้ KRU TING KRUCLUB 3. ป่าแหง่ หน่ึงถูกปลอ่ ยทงิ้ ร้างหลังจากไฟไหม้ป่ายาวนาน ทำให้ตน้ ไมแ้ ละสตั วใ์ นพน้ื ทีล่ ้มตาย ปา่ แหง่ นี้จะเกดิ การเปลย่ี นแปลงแทนท่ีรปู แบบใด และเหตุการณ์ใดจะเกิดขนึ้ ตอ่ มาเป็นลำดบั แรก 1. แบบปฐมภมู ิ และมกี ารอพยพของสตั ว์เข้าไปในพ้นื ทเี่ ม่ือมแี หลง่ อาหารเกดิ ข้นึ 2. แบบปฐมภูมิ และมกี ลุ่มสิง่ มชี ีวติ ขนาดเล็ก เช่น แบคทเี รีย เปน็ สง่ิ มชี วี ติ บุกเบิก 3. แบบปฐมภมู ิ และมกี ารงอกของเมล็ดพชื ทฝ่ี งั ตัวอยู่ใต้ดนิ เมื่อดินมีความชื้นทเ่ี หมาะสม 4. แบบทตุ ยิ ภูมิ และมกี ารอพยพของสัตว์เข้าไปในพน้ื ทีเ่ พ่ืออยูอ่ าศัย 5. แบบทุตยิ ภมู ิ และมีการงอกของเมล็ดพืชท่ฝี ังตัวอยู่ใต้ดินเมอื่ ดินมีความช้นื ท่ีเหมาะสม ปฐมภมู ิ ทตุ ยิ ภูมิ สง่ิ มชี วี ติ บกุ เบกิ : ขนาด___________ : ขยายพันธ_์ุ ____________ : เจริญเติบโตในบริเวณทีม่ ี__________________ หนิ ที่มีความช้นื พบ______________________ ดิน พบ______________________ แหล่งนำ้ พบ______________________ คอนกรีต พบ______________________ ~3~

รายการตวิ เขม้ เต็มเต็มความรู้ KRU TING KRUCLUB 4. ขอ้ มูลลักษณะสำคัญของไบโอมชนดิ ต่างๆแสดงดังตาราง ไบโอม ลกั ษณะสำคญั A มอี ุณหภูมิคอ่ นขา้ งสงู ตลอดปี มฤี ดแู ล้งยาวนาน และมีหญ้าเปน็ พืชกลุ่มเด่น B มอี ณุ หภูมิเฉล่ยี 25-29 oC มคี วามหลากหลายของสิ่งมชี วี ิตสงู มีพชื และต้นไมส้ งู หนาแน่น C มีช่วงฤดูหนาวยาวประมาณ 10 เดือน ไม่มตี ้นไม้ใหญ่ และมักพบไลเคน มอสและหญ้า จากขอ้ มูล ขอ้ ใดระบสุ ัตว์ท่สี ามารถดำรงชวี ิตในแตล่ ะไบโอม ไดถ้ ูกตอ้ ง ขอ้ ไบโอม A ไบโอม B ไบโอม C 1 มา้ ลาย ยีราฟ สงิ โต 2 อฐู สงิ โต 3 ยีราฟ เสือโครง่ หมีข้วั โลก 4 หมาป่า ชา้ ง กวางมูส 5 สงิ โต กวางมูส สมเสร็จ ฮปิ โปโปเตมสั ไบโอม ลักษณะเด่น 1. ป่าฝนเขตร้อน 2. ทุ่งหญ้าเขตร้อน 3. ทะเลทราย 4. ป่าผลัดใบเขตอบอนุ่ 5. ทุ่งหญา้ เขตอบอนุ่ 6. ไทกา 7. ทุนดรา ~4~

รายการติวเขม้ เต็มเตม็ ความรู้ KRU TING KRUCLUB 5. สตู รโครงสรา้ งของสารประกอบอินทรีย์ A B C และ D เปน็ ดังนี้ จากข้อมูล ข้อใดระบุสมบัตคิ วาเป็นกรด – เบสของสารไดถ้ กู ต้อง กรด เบส 1. สาร C สาร A 2. สาร B สาร C 3. สาร D สาร B 4. สาร C สาร D 5. สาร A สาร D ~5~

รายการติวเขม้ เต็มเตม็ ความรู้ KRU TING KRUCLUB 6. จำนวนอะตอมคาร์บอนของผลิตภัณฑท์ ไี่ ดจ้ ากกระบวนการกล่ันนำ้ มนั ดิบ เป็นดงั น้ี ผลิตภณั ฑ์ จำนวนอะตอมคารบ์ อน S 37 P 3 R 16 Q 9 ข้อสรุปใดตอ่ ไปนถ้ี ูกต้อง 1. ผลติ ภัณฑ์ S อยชู่ ั้นบนสุดของหอกลั่น 2. ผลิตภณั ฑ์ R จุดเดอื ดสูงกว่าผลิตภณั ฑ์ P 3. ผลิตภัณฑ์ Q จดุ หลอมเหลวสงู กวา่ ผลิตภณั ฑ์ R 4. ผลิตภณั ฑ์ S มีสถานะเป็นแก๊ส สว่ นผลิตภณั ฑ์ P มีสถานะเป็นของเหลว 5. ผลติ ภัณฑ์ R มีสถานะเป็นของเหลวข้นเหนียวและหนดื มากกว่าผลิตภณั ฑ์ S ~6~

รายการติวเขม้ เต็มเต็มความรู้ KRU TING KRUCLUB 7. ขอ้ มูลแสดงสมบตั ิและผลติ ภณั ฑจ์ ากพอลิเมอร์ 4 ชนดิ เปน็ ดงั ตาราง พอลิเมอร์ สมบตั ิ ผลติ ภณั ฑ์ A แขง็ เหนยี ว น้ำหนักเบา ขวดน้ำดม่ื แบบใส B แขง็ เปราะ น้ำหนกั เบา ชอ้ นส้อมพลาสติก C แขง็ ทนความร้อนสูง ปลั๊กไฟ D เหนยี ว ยืดหยุ่น โปร่งใส ถงุ พลาสติกใส่ของเย็น จากขอ้ มูล ข้อใดไม่ใชเ่ ทอรม์ อพลาสตกิ 1. พอลเิ มอร์ A และ B 2. พอลเิ มอร์ C และ D 3. พอลเิ มอร์ A และ D 4. พอลเิ มอร์ C เทา่ นนั้ 5. พอลเิ มอร์ D เท่านัน้ พอลิเมอร์ พลาสติก สมบตั ิ ตวั อย่าง เทอรม์ อพลาสตกิ 1. พอลิเอทลิ ีนเทเรเทเลต 2. พอลิเอทลิ นี ความหนาแนน่ สูง 3. พอลิไวนิลคลอไรด์ 4. พอลิเอทิลนี ความหนาแน่นตำ่ 5. พอลโิ พรพิลีน 6. พอลิสไตรีน 7. เทอร์มอเซต เมลามนี เบกาไลต์ ~7~

รายการตวิ เข้มเตม็ เต็มความรู้ KRU TING KRUCLUB 8. ตารางแสดงขอ้ มลู ของดาวฤกษบ์ นท้องฟ้าจากผู้สังเกต ดาวฤกษ์ โชตมิ าตรปรากฏ โชติมาตรสมั บรู ณ์ -5 A0 -0.2 -3 B -1 4.4 -2 C1 5. E D 0.1 E -0.8 เมอื่ ผสู้ งั เกตมองดูดาวฤกษ์บนทอ้ งฟา้ ดาวดวงใดสว่างท่ีสุด 1. A 2. B 3. C 4. D โชตมิ าตร สมั บรู ณ์ ปรากฏ ~8~

รายการติวเข้มเตม็ เต็มความรู้ KRU TING KRUCLUB 9. ดวงอาทติ ย์มสี เปกตรัม G2V มสี เี หลอื ง ดาวในขอ้ ใดมีอณุ หภูมิผิวตำ่ กวา่ ดวงอาทติ ย์ ชือ่ ชนิดสเปกตรมั ก ดาวปาริชาต (Antares) M1.5 Iab-b ข ดาวโรหณิ ี (Aldebaran) ค ดาวรวงข้าว (Spica) K5 III ง ดาวดวงแก้ว (Arcturus) B1 III-IV จ ดาวโจร (Sirius) K1.5 III A1 V 1. ข และ ง 2. ค และ จ 3. ก, ข และ ง 4. ข, ค, ง และ จ 5. ถกู ทุกขอ้ O BA F G KM ~9~

รายการตวิ เขม้ เตม็ เตม็ ความรู้ KRU TING KRUCLUB 10. ข้อมลู การโคจรรอบโลกของดาวเทียม เปน็ ดงั น้ี ดาวเทยี ม ความสูงจากผิวโลก ( km ) คาบในการโคจรรอบโลก 1 ชัว่ โมง 27 นาที A 160 1 ชว่ั โมง 57 นาที 6 ชว่ั โมง 30 นาที B 1,609 12 ชั่วโมง 24 ช่วั โมง C 10,000 D 17,890 D 35,780 ดาวเทียมดวงใดทีม่ วี งโคจรเหมาะสำหรับเปน็ ดาวเทยี มสือ่ สาร 1. ดาวเทียม A 2. ดาวเทยี ม B 3. ดาวเทยี ม C 4. ดาวเทยี ม D 5. ดาวเทยี ม E - ระดับตำ่ - ระดบั กลาง - คา้ งฟา้ ~ 10 ~

รายการตวิ เขม้ เตม็ เต็มความรู้ KRU TING KRUCLUB 11. การสำรวจเทือกเขาใต้สมุทร และเก็บหินบะซอลต์มาศกึ ษา ขอ้ ใดถกู ตอ้ ง 1. หนิ บะซอลต์ บริเวณที่ 1 มีอายุนอ้ ยกวา่ บรเิ วณที่ 2 2. เทอื กสนั เขาใต้สมทุ รเกิดการเคลอ่ื นท่เี ข้าหากนั ของแผน่ ธรณี A และ B 3. เม่ือเวลาผา่ นไป บริเวณท่ี 1 และ 2 จะเคลอ่ื นท่ีแยกออกจากแนวรอยตอ่ ของแผ่นธรณี 4. เป็นการแปรสัณฐานธรณีท่ีพบบรเิ วณมหาสมุทรแปซฟิ กิ 5. บรเิ วณที่ 2 มีโอกาสเกิดเป็นหมู่เกาะภเู ขาไฟรปู โค้ง ~ 11 ~

รายการตวิ เขม้ เตม็ เต็มความรู้ KRU TING KRUCLUB 12. ขอ้ ใดไม่ถูกตอ้ งเกยี่ วกับการหมนุ เวยี นของอากาศบนโลก 1. การหมนุ เวียนอากาศแถบเขตรอ้ นอยรู่ ะหว่างเสน้ ศนู ย์สตู รถงึ ละติจูดที่ 30 องศา 2. อากาศบริเวณเส้นศูนยส์ ูตรมกี ารยกตวั เกิดเปน็ ร่องความกดอากาศตำ่ 3. อากาศบริเวณขว้ั โลกมกี ารยุบตวั ลงเกดิ แนวความกดอากาศสูง 4. บรเิ วณละตจิ ดู ที่ 30 องศา มีภมู อิ ากาศแหง้ แล้ง 5. อากาศจะเคลอื่ นท่ีเป็นแนวโคง้ จากทศิ ตะวันออกไปทิศตะวันตกเสมอ อณุ หภมู สิ งู ------> ---------> : ความกดอากาศ_______ อุณหภูมิต่ำ ------> ---------> : ความกดอากาศ_______ ลมพัด จาก______________________________________ ______________________________________ มรสมุ การหมุนเวยี นอากาศ ~ 12 ~

รายการตวิ เขม้ เตม็ เตม็ ความรู้ KRU TING KRUCLUB 13. ขอ้ ใดจับคู่การใชป้ ระโยชน์ในการสอ่ื สารจากคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟ้าไดถ้ กู ต้อง ข้อ ประโยชน์ คลืน่ แมเ่ หล็กไฟฟา้ 1 การกระจายสญั ญาณเสียงแบบเอเอม็ รงั สีแกมมา 2 การกระจายสญั ญาณเสียงแบบเอฟเอ็ม 3 การรบั และส่งสัญญาณโทรศพั ทเ์ คล่ือนท่ี รังสีอัลตราไวโอเลต 4 การส่งและรบั สญั ญาณอนิ เทอร์เนต็ แบบไร้สาย รังสอี นิ ฟราเรด 5 การสง่ และรับสญั ญาณดาวเทยี ม รงั สีเอกซ์ คลนื่ ไมโครเวฟ คลน่ื แมเ่ หล็กไฟฟา้ ไมโครเวฟ วทิ ยุ แกมมา เอกซ์ อัลตราไวโอเลต แสง อนิ ฟราเรด ~ 13 ~

รายการตวิ เข้มเต็มเต็มความรู้ KRU TING KRUCLUB 14. กำหนดให้ แสงสมี ีความยาวคลนื่ ดังตาราง และการผสมแสงสปี ฐมภมู ิเปน็ ดงั ภาพ แสงสี ความยาวคลนื่ (นาโนเมตร ) น้ำเงนิ 400-500 เขียว 500-600 แดง 600-700 วตั ถุช้ินหนง่ึ สามารถดูดกลนื แสงสที มี่ คี วามยาวคลนื่ 400 – 550 นาโนเมตร วัตถดุ ังกล่าวมสี ารสีใด และเซลลร์ ูปกรวยชนิดที่มคี วามไวต่อแสงสีใดจะถูกกระตุน้ สีของวตั ถุ เซลล์รปู กรวยทจ่ี ะถูกกระตุ้น 1. เหลือง เหลือง 2. เหลือง แดง และ เขียว 3. น้ำเงนิ นำ้ เงิน 4. นำ้ เงิน แดง และ เขยี ว 5. แดง น้ำเงิน และ เขยี ว แสงสี เซลลป์ ระสาทตา : ดดู จะหาย คาย จะเห็น รูปแท่ง รูปกรวย ~ 14 ~

รายการตวิ เขม้ เตม็ เต็มความรู้ KRU TING KRUCLUB 15. พจิ ารณาปฏิกิริยานวิ เคลียร์ตอ่ ไปน้ี 32������������ + 32������������ → 24������������ + 11������ + 11������ ปฏิกิรยิ านวิ เคลยี รข์ ้างตน้ เปน็ ปฏิกริ ยิ าประเภทใด และให้พลงั งานนิวเคลียร์เทา่ ใด กำหนดให้ มวลอะตอมรวมกอ่ นและหลงั เกดิ ปฏกิ ริ ิยา เทา่ กบั M1 และ M2 C คอื อตั ราเร็วของแสงในสุญญากาศ 1. นวิ เคลียร์ฟิชชัน ให้พลังงงาน (M1 • M2) C2 2. นวิ เคลียรฟ์ ิวชนั ให้พลงั งงาน (M1 + M2) C2 3. นิวเคลยี ร์ฟิวชนั ให้พลังงงาน (������1 • ������2 ) C2 4. นิวเคลยี รฟ์ ิวชัน ให้พลงั งงาน (M1 - M2) C2 5. นวิ เคลียร์ฟิชชัน ให้พลังงงาน (������1− ������2) C2 ปฏกิ ิรยิ านิวเคลียร์ ฟชิ ชนั ฟิวชัน ~ 15 ~

รายการตวิ เขม้ เตม็ เต็มความรู้ KRU TING KRUCLUB 16. จากการศกึ ษาแผนทีอ่ ากาศผวิ พืน้ ของพน้ื ทีใ่ นซีกโลกเหนือ 3 บริเวณ พบว่า ปรากฏสัญลกั ษณ์ แสดงสภาพลมฟ้าอากาศบริเวณกว้างบนแผนทีอ่ ากาศผิวพื้น ดงั นี้ ข้อใดทีค่ นอาศยั อย่ใู นพนื้ ที่มกี ารวางแผนรับเมือไดส้ อดคล้องกบั สภาพลมฟา้ อากาศท้งั 3 บรเิ วณ ประเทศไทย ตอนบนของประเทศจนี ตอนใตข้ องประเทศญป่ี ่นุ 1. เตรียมอปุ กรณ์กันหนาว เตรียมอุปกรณ์กันฝน เตรยี มอปุ กรณก์ ันหนาว 2. เตรยี มอปุ กรณ์กนั หนาว เตรียมอุปกรณก์ ันหนาว เตรยี มรบั มอื กับแผน่ ดินถล่ม 3. เตรียมรบั มือดบั อทุ กภัย หลกี เลยี่ งการอยู่ในทโี่ ล่งแจ้ง เตรยี มอปุ กรณก์ นั หนาว 4. เตรยี มอปุ กรณ์กนั ฝน เตรยี มอุปกรณก์ นั หนาว หลกี เล่ยี งการเดนิ ทางโดยเรอื 5. เตรยี มรบั มอื กบั อุทกภัย เตรยี มอุปกรณ์กนั หนาว เตรียมอปุ กรณ์กันหนาว ~ 16 ~

รายการตวิ เข้มเต็มเต็มความรู้ KRU TING KRUCLUB 17. ตำแหน่งเมอื ง A B C D และ E บริเวณชายฝัง่ ของมหาสมุทรแปซิฟกิ และมีทิศทางการหมนุ เวียน นำ้ ผิวหน้ามหาสมทุ รของโลก เป็นดงั ภาพ จากกภาพ ขอ้ ใดอธบิ ายเก่ียวกบั กระแสน้ำผิวหน้าในมหาสมทุ ร และอทิ ธิพลของกระแสน้ำผิวหนา้ ใน มหาสมุทรที่สง่ ผลต่อภมู ิอากาศไม่ถูกต้อง 1. ในสภาวะปกติเมอื ง C แห้งแลง้ กว่าเมือง B 2. เมือง D มีอุณหภูมิอากาศเฉลีย่ สูงกว่าเมือง E 3. เมือง E มปี ริมาณน้ำฝนเฉลีย่ น้อยกว่าเมือง D 4. กระแสน้ำ X เปน็ กระแสน้ำอ่นุ เชน่ เดียวกบั กระแสน้ำ Y 5. เมือง A ได้รบั อิทธพิ ลจากกระแสน้ำเย็นเช่นเดียวกบั เมอื ง E กระแสนำ้ ผลกระทบ กระแสนำ้ อนุ่ ~ 17 ~ กระแสนำ้ เย็น

รายการตวิ เขม้ เต็มเตม็ ความรู้ KRU TING KRUCLUB 18. ลกั ษณะการลำเลียงสาร เข้าสูเ่ ซลลข์ องสาร A B และ C ณ ขณะเริม่ ตน้ เป็นดังภาพ จากภาพ ข้อใดระบุรปู แบบและทิศทางการลำเลียงสารได้ถกู ตอ้ ง ชนิดของสาร รูปแบบการลำเลียงสาร ทิศทางการลำเลียง 1. สาร A การแพร่แบบฟาชลิ ิเทต ความเขม้ ขน้ มาก น้อย 2. สาร A การแพร่แบบธรรมดา ความเข้มขน้ มาก นอ้ ย 3. สาร B การแพรแ่ บบฟาชิลิเทต ความเข้มข้นน้อย มาก 4. สาร B การแพร่แบบแอกทีฟทรานสปอรต์ ความเขม้ ข้นนอ้ ย มาก 5. สาร C การแพร่แบบฟาซลิ ิเทต ความเขม้ ข้นมาก น้อย การลำเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์ 1. การแพร่แบบธรรมดา 2. การออสโมซิส 3. การแพร่แบบฟาชลิ ิเทต 4. การแพร่แบบแอกทีฟทรานสปอร์ต 5. การสร้างเวสิเคิล ~ 18 ~

รายการตวิ เข้มเตม็ เต็มความรู้ KRU TING KRUCLUB 19. ในทะเลทราย ซงึ่ มีอากาศรอ้ นและแห้งแล้ง ถ้ามนุษยท์ ำกจิ กรรมไมด่ ่ืมนำ้ ข้อใดคือการ เปลี่ยนแปลงของร่างกายเพื่อปรับสมดุลน้ำเม่อื หยดุ ทำกิจกรรม ความเข้มข้นของเลือด ตอ่ มใต้สมอง ท่อหนว่ ยไต 1. ลดลง ยับย้งั การสร้างฮอร์โมน ไมด่ ดู นำ้ กลับ 2. ลดลง ดดู น้ำกลับ 3. สูงข้ึน สร้างฮอรโ์ มน ไมด่ ดู นำ้ กลบั 4. สงู ขึน้ ยบั ยัง้ การสรา้ งฮอร์โมน ดูดนำ้ กลับ 5. ไม่เปลยี่ นแปลง ดูดนำ้ กลับ สร้างฮอร์โมน ยับยง้ั การสรา้ งฮอรโ์ มน ภาวะขาดน้ำ -----> นำ้ ___________ ------> เลอื ด______________ -----> สมอง___________________ -----> ตอ่ มใต้สมอง_______________ ------> ทอ่ หน่วยไต_______________ ~ 19 ~

รายการติวเขม้ เต็มเตม็ ความรู้ KRU TING KRUCLUB 20. พจิ ารณาขอ้ มลู บางสว่ นของจำนวนอนภุ าคมลู ฐานและเลขมวลของธาตุ L M และ Q ดงั นี้ ธาตุ จำนวนอนุภาคมลู ฐาน เลขมวล โปรตอน นวิ ตรอน 22 24 L9 10 M 12 Q 12 จากข้อมลู ขอ้ ความใดตอ่ ไปนถี้ ูกต้อง 1. M และ Q เป็นไอโซโทปกัน 2. เลขอะตอมของ M เท่ากับ 12 3. สญั ลกั ษณน์ ิวเคลียร์ของ M คือ 2122������ 4. Q+ ไอออน มีอเิ ล็กตรอนเท่ากบั นิวตรอน 5. L- ไอออน กบั M มีอเิ ล็กตรอนเท่ากัน อะตอม มีอนภุ าคมูลฐาน ไอออนบวก ไอออนลบ สญั ลักษณน์ วิ เคลยี ร์ 2122������ ~ 20 ~

ขอ้ สอบ POST-TEST วิชาวิทยาศาสตรป์ ระยุกต์ 1. สาร X เป็นสารสังเคราะห์ท่ีมีสมบัติเหมือนฮอร์โมนพืช เกษตรกรนิยมนามาใช้ยับย้ังการงอกของ เมลด็ พืช การตอบสนองของของพืชในการกระทานเ้ี ป็นการตอบสนองของพชื ต่อปจั จยั แบบใดและสาร X มคี ุณสมบตั เิ หมอื นฮอร์โมนพชื กลุ่มใด 1. ปัจจยั ภายนอก และสาร X มีคณุ สมบตั เิ หมือนออกซิน 2. ปัจจยั ภายใน และสาร X มีคณุ สมบตั เิ หมือนออกซิน 3. ปัจจัยภายนอก และสาร X มีคณุ สมบัตเิ หมือนเอทิลีน 4. ปัจจัยภายใน และสาร X มีคณุ สมบัตเิ หมือนเอทลิ นี 5. ปัจจัยภายนอก และสาร X มีคณุ สมบัตเิ หมอื นกรดแอบไซซิก 2. ชายคนหนึง่ เล่นหมิ ะ ทา่ มกลางอากาศเยน็ จดั อุณหภูมิ 0 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 2 ชว่ั โมง โดยไม่ หยุดพัก ทาให้ร่างกายของเขามีอุณภูมิต่ากว่าปกติ จากสถานการณ์ ข้อใดระบุกลไกท่ีทาให้อุณหภูมิ รา่ งกายของชายคนนก้ี ลับสู่สภาวะปกตไิ ดถ้ ูกต้อง 1. อตั ราเมแทบอลิซึมลดลง หลอดเลือดบรเิ วณผวิ หนงั หดตัว 2. อัตราเมแทบอลซิ มึ เพิ่มขน้ึ หลอดเลือดบรเิ วณผวิ หนงั หดตวั 3. อตั ราเมแทบอลซิ ึมเพิ่มขน้ึ หลอดเลอื ดบรเิ วณผวิ หนงั ขยายตวั 4. อัตราเมแทบอลซิ มี ลดลง ตอ่ มเหงือ่ มีการสรา้ งเหงอื่ เพ่มิ มากข้ึน 5. อตั ราเมแทบอลซิ ึมเพิ่มขน้ึ ต่อมเหงอ่ื มีการสรา้ งเหง่อื เพ่มิ มากข้ึน 3. ขอ้ มูลลกั ษณะสาคญั ของไบโอมชนิดตา่ งๆแสดงดงั ตาราง ไบโอม ลักษณะสาคญั A มอี ุณหภูมคิ ่อนขา้ งสงู ตลอดปี มีฤดูแลง้ ยาวนาน และมีหญา้ เปน็ พชื กลมุ่ เด่น B มีอุณหภูมเิ ฉล่ยี 25-29 oC มีความหลากหลายของสง่ิ มีชีวติ สงู มพี ชื และตน้ ไมส้ ูงหนาแน่น C มชี ว่ งฤดหู นาวยาวนาน ป่าไม้สว่ นใหญ่เป็นต้นสน จากขอ้ มูล ข้อใดระบุประเภทของไบโอม ได้ถกู ต้อง

ขอ้ ไบโอม A ไบโอม B ไบโอม C 1 ทุง่ หญา้ เขตอบอนุ่ ป่าฝนเขตรอ้ น สะวันนา 2 ท่งุ หญา้ เขตอบอนุ่ ป่าผลดั ใบเขตอบอนุ่ ทนุ ดรา 3 สะวันนา ปา่ ผลดั ใบเขตอบอุ่น ไทกา 4 สะวันนา ป่าฝนเขตรอ้ น ทนุ ดรา 5 สะวันนา ป่าฝนเขตรอ้ น ไทกา 4. ภูเขาไฟลูกหนึ่งเกดิ การระเบิดอยา่ งรุนแรง พ่นลาวาออกมาจานวนมาก เมอ่ื เวลาผา่ นไปถูกปลอ่ ย ท้งิ ร้างไว้ ทาให้เกิดต้นไม้และมสี ัตว์เขา้ มาอาศยั ในพืน้ ที่ ภเู ขาไฟลูกน้ีจะเกดิ การเปล่ยี นแปลงแทนที่ รูปแบบใด และเหตุการณ์ใดจะเกดิ ขน้ึ ต่อมาเป็นลาดับแรก 1. แบบปฐมภูมิ และมีการอพยพของสตั ว์เขา้ ไปในพ้นื ทีเ่ ม่ือมีแหล่งอาหารเกิดขึ้น 2. แบบปฐมภูมิ และมีกลุ่มสิง่ มีชีวิตขนาดเล็ก เช่น ไลเคน เป็นสิ่งมชี ีวติ บกุ เบกิ 3. แบบปฐมภูมิ และมกี ารงอกของเมล็ดพชื ที่ฝังตวั อยใู่ ต้ดินเมอ่ื ดินมีความช้นื ที่เหมาะสม 4. แบบทตุ ยิ ภมู ิ และมีการอพยพของสัตวเ์ ขา้ ไปในพ้ืนท่เี พือ่ อย่อู าศัย 5. แบบทตุ ยิ ภมู ิ และมีการงอกของเมล็ดพืชทีฝ่ ังตัวอยใู่ ต้ดินเมือ่ ดินมีความช้นื ท่ีเหมาะสม 5. สูตรโครงสร้างของสารประกอบอนิ ทรีย์ A B C และ D เปน็ ดงั น้ี จากขอ้ มลู สารใดมสี มบตั เิ ป็นเบส 2. สาร B และ สาร C 1. สาร A และ สาร B 4. สาร A และ สาร C 3. สาร C และ สาร D 5. สาร B และ สาร D

6. จานวนอะตอมคาร์บอนของผลิตภัณฑท์ ่ไี ดจ้ ากกระบวนการกลนั่ นา้ มันดิบ เป็นดงั นี้ ผลิตภัณฑ์ จานวนอะตอมคารบ์ อน S 50 P1 R 15 Q8 ขอ้ ใดเรยี งลาดับผลติ ภัณฑ์ที่ได้จากการกล่นั ลาดับสว่ นจากบนสดุ ไปล่างสุดของหอกล่นั ได้ถกู ตอ้ ง 1. ผลติ ภณั ฑ์ S P R Q 2. ผลติ ภณั ฑ์ R P Q S 3. ผลติ ภัณฑ์ P Q R S 4. ผลิตภัณฑ์ Q R S P 5. ผลติ ภณั ฑ์ R S P Q 7. ขอ้ มูลแสดงสมบตั แิ ละผลติ ภัณฑ์จากพอลิเมอร์ 4 ชนดิ เป็นดงั ตาราง พอลิเมอร์ สมบตั ิ ผลิตภัณฑ์ A แข็ง เหนยี ว ทนความร้อน ขวดน้าด่มื แบบใส B แขง็ เปราะ นา้ หนักเบา ชอ้ นสอ้ มพลาสติก C แข็ง ทนความร้อนสงู จานเมลามีน D เหนียว ยืดหยุ่น โปร่งใส ถุงพลาสติกใส่ของเยน็ จากข้อมลู พอลเิ มอรช์ นิดใดเป็นเทอรม์ อเซต 1. พอลเิ มอร์ A และ B 2. พอลิเมอร์ C และ D 3. พอลเิ มอร์ B เทา่ นั้น 4. พอลเิ มอร์ C เท่านั้น 5. พอลเิ มอร์ D เท่านั้น

8. ตารางแสดงขอ้ มูลของดาวฤกษ์บนท้องฟ้าจากผู้สังเกต ดาวฤกษ์ โชติมาตรปรากฏ โชติมาตรสมั บรู ณ์ A 0 -5 B -1 -0.2 C 1 -3 D 0.1 4.4 E -0.8 -2 เมือ่ ผสู้ ังเกตมองดูดาวฤกษ์บนท้องฟ้า ดาวฤกษ์ในมีความสว่างมากเปน็ อันดบั ท่ี 3 1. A 2. B 3. C 4. D 5. E 9. ดาวในขอ้ ใดมีอายมุ ากท่สี ุด ชนิดสเปกตรัม ช่ือ M1.5 Iab-b ก ดาวปาริชาต (Antares) K5 III ข ดาวโรหิณี (Aldebaran) B1 III-IV ค ดาวรวงขา้ ว (Spica) K1.5 III ง ดาวดวงแก้ว (Arcturus) A1 V จ ดาวโจร (Sirius) 2. ดาวโรหิณี (Aldebaran) 1. ดาวปารชิ าต (Antares) 4. ดาวดวงแก้ว (Arcturus) 3. ดาวรวงขา้ ว (Spica) 5. ดาวโจร (Sirius) 10. ดาวเทยี มใดทม่ี ีวงโคจรระดบั กลาง 1. ดาวเทียมสารวจทรพั ยากรธรรมชาติ 2. ดาวเทยี มสือ่ สาร 3. ดาวเทียมบอกตาแหน่ง 4. ดาวเทยี มอุตนุ ยิ มวิทยา 2. ดาวเทียมเพ่อื ความมนั่ คง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook