วชิ าฟส กิ ส O-NET อาจารยอณฏั ชัย นาคศรสี ขุ
ฟิสกิ ส์ ONET ม.6 Get Fit EXAM 1. กาหนดให้ ความเร่งโน้มถว่ งท่ีพ้ืนผิวดาวเคราะห์ A เทา่ กบั 3 m/s2 ความเร่งโนม้ ถว่ งท่ีพนื้ ผิวดาวเคราะห์ B เทา่ กบั 1 m/s2 ถา้ ชั่งน้าหนกั ของวัตถุมวล 2 กิโลกรัม บนพน้ื ผวิ ดาวเคราะห์ทัง้ สอง น้าหนกั ของวัตถุ ณ ดาวดวงใดมคี า่ มากกว่ากนั และมากกวา่ กนั เทา่ ใด 1. น้าหนกั ของวตั ถุบนดาวเคราะห์ A มากกวา่ และมากกว่า 2 นิวตัน 2. น้าหนกั ของวตั ถุบนดาวเคราะห์ A มากกว่า และมากกว่า 4 นวิ ตนั 3. น้าหนักของวตั ถบุ นดาวเคราะห์ B มากกว่า และมากกว่า 2 นวิ ตนั 4. นา้ หนกั ของวัตถุบนดาวเคราะห์ B มากกว่า และมากกว่า 4 นวิ ตัน 5. น้าหนกั ของวตั ถบุ นดาวเคราะห์ A และ B เท่ากนั PHYSICS ONET : @Baankrujell : บ้านครูเจล 2
ฟสิ ิกส์ ONET ม.6 แรงดงึ ดดู ระหวา่ งมวล วตั ถตุ า่ ง ๆ ในเอกภพจะมแี รงดงึ ดูดซง่ึ กันและกัน ด้วยแรงท่ีมีขนาดแปรผกผนั กบั กาลงั สองของระยะหา่ งระหว่างวัตถุ นัน้ และแปรผนั ตามผลคณู ของมวลวัตถทุ ้งั สอง โดยกฎท่ีนวิ ตนั เสนอน้ี เรียกวา่ กฎความโนม้ ถว่ งสากล (Newton’s law of universal gravitation) ������������ = ������������1������2 PHYSICS ONET ������2 เมื่อ FG = แรงดงึ ดูดระหว่างมวล มหี นว่ ยเป็นนิวตนั (N) m1 = มวลของวัตถทุ ้งั สอง มีหนว่ ยเป็นกโิ ลกรัม (kg) m2 = ระยะหา่ งของวัตถุทั้งสองจากจุดศนู ย์กลางมีหน่วยเปน็ เมตร (m) G = คา่ นจิ ความโน้มถ่วงสากลมคี ่าเท่ากบั 6.671011 Nm2 / kg2 นา้ หนกั (แรงโนม้ ถ่วง) = = : @Baankrujell : บา้ นครเู จล 3
ฟสิ กิ ส์ ONET ม.6 2. เหตุใดค่าความเรง่ โนม้ ถ่วง (g) ทต่ี าแหน่งวงโคจรของดาวเทียมจึงมีค่านอ้ ยกว่า ค่าความเรง่ โนม้ ถ่วงที่ผิวโลก 1. อากาศทตี่ าแหน่งวงโคจรเบาบางมาก 2. แรงดงึ ดดู ระหว่างโลกและดาวเทยี มที่ตาแหนง่ วงโคจรมีค่าน้อยกว่า ทีต่ าแหน่งบนผวิ โลก 3. ดาวเทยี มมีการโคจรเปน็ วงกลมรอบโลก 4. มแี รงดงึ ดูดจากดาวฤกษด์ วงอน่ื มากระทาต่อดาวเทียม 5. ดาวเทยี มเคลอ่ื นท่ดี ้วยอตั ราเร็วสูง ขนานไปกบั ผวิ โลก 3. ค่าความเรง่ โน้มถ่วงที่ผิวโลกเปน็ กเ่ี ทา่ ของคา่ ท่คี วามสูง 1,600 กิโลเมตรจากผิวโลก PHYSICS ONET (รศั มขี องโลกเท่ากบั 6,400 กโิ ลเมตร) 1. 1.25 2. 1.56 3. 2.00 4. 4.00 5. 5.50 : @Baankrujell : บ้านครเู จล 4
ฟสิ ิกส์ ONET ม.6 4. ทดสอบวัตถชุ น้ิ หน่ึงบนพื้นผิวโลกและคาวเคราะห์ A ซ่ึงมีขนาดของสนามโนม้ ถว่ งมากเป็น 6 เท่าของโลกดงั น้ี 1) ชง่ั น้าหนักของวตั ถุบนพนื้ ผวิ คาวเคราะห์ทง้ั สองดวง 2) ปล่อยวัตถใุ ห้ตกแบบเสรเี หนอื พ้ืนผิวดาวเคราะห์ท้ังสองดวงจากระดับความสงู เท่ากนั ผลการทดสอบเปน็ ดงั ตาราง ดาวเคราะห์ น้าหนักของวัตถุ (N) เวลาที่วัตถุใช้ในการตกถงึ พื้น (s) โลก 60 T1 A X T2 จากข้อมลู X มคี า่ เท่าใด และเปรียบเทยี บเวลา T1 กบั T2 ได้เปน็ อย่างไร เปรยี บเทียบ T1 กบั T2 PHYSICS ONET T1 < T2 X(N) T1 > T2 1. 10 T1 = T2 2. 10 T1 < T2 3. 60 T1 > T2 4. 360 5. 360 : @Baankrujell : บา้ นครเู จล 5
ฟิสิกส์ ONET ม.6 5. ต่อแผน่ โลหะขนานเขา้ กบั เครือ่ งจา่ ยไฟฟา้ กระแสตรง โดยใหแ้ ผน่ โลหะแต่ละแผ่น ต่อเขา้ กบั ข้วั ไฟฟ้าบวกหรือลบ จากนนั้ วางอนุภาคที่มปี ระจุไฟฟ้าบวกระหว่างแผ่นโลหะขนานดังภาพ ผลคอื อนุภาคเคล่อื นทีเ่ ข้าหาแผน่ โลหะ A แผ่นโลหะใดต่อกบั ข้ัวไฟฟา้ บวก ทศิ ทางของสนามไฟฟา้ และทิศทางของแรงไฟฟ้าทก่ี ระทาตอ่ อนภุ าคเป็นอย่างไร แผน่ โลหะทีต่ อ่ กบั ทศิ ทางของสนามไฟฟา้ ทศิ ทางของแรงไฟฟา้ PHYSICS ONET ข้ัวไฟฟา้ บวก 1. A ชีจ้ ากแผ่น A ไปหาแผ่น B ชเี้ ข้าหาแผน่ A 2. A ชจ้ี ากแผน่ A ไปหาแผน่ B ชี้เขา้ หาแผ่น B 3. A ชีจ้ ากแผน่ B ไปหาแผน่ A ชีเ้ ข้าหาแผน่ B 4. B ชจ้ี ากแผ่น B ไปหาแผน่ A ชี้เข้าหาแผ่น A 5. B ชีจ้ ากแผน่ A ไปหาแผ่น B ช้เี ขา้ หาแผ่น A : @Baankrujell : บา้ นครูเจล 6
ฟิสิกส์ ONET ม.6 6. ยงิ โปรตอนเข้าไปในบรเิ วณท่ีมีสนามแมเ่ หลก็ สม่าเสมอ ผลคอื โปรตอนเคลื่อนที่เบนออกจากแนวเดิมโดยมเี ส้นทาง การเคล่ือนทเี่ ปน็ สว่ นโค้งของวงกลม โดยความเร็วมขี นาดคงตัว ทศิ ทางขนานกับระนาบกระดาษตลอดเวลา ภาพใดแสดงทิศทางของสนามแมเ่ หลก็ ในกรณนี ้ีไดถ้ ูกต้อง กาหนดทศิ ทางของสนามแม่เหลก็ ดงั น้ี แทน ทศิ ทางขนานกบั ระนาบกระดาษ X แทนทศิ ทางพงุ่ เขา้ และตง้ั ฉากกบั ระนาบกระดาษ • แทน ทศิ ทางพุ่งออกและตั้งฉากกบั ระนาบกระดาษ PHYSICS ONET : @Baankrujell : บา้ นครเู จล 7
ฟสิ กิ ส์ ONET ม.6 7. ข้อใดถูกเก่ียวกบั การเคล่อื นท่ีของวตั ถุใน 1 มติ ิ (ในแนวแกน X) ที่มีความเร็วเป็นลบ และความเร่งเปน็ ลบ 1. วตั ถุกาลงั เคล่ือนท่ใี นทศิ –x และช้าลง 2. วตั ถุกาลังเคล่อื นทใ่ี นทศิ –x และเร็วขึน้ 3. วตั ถุกาลังเคล่ือนทใ่ี นทิศ +x และช้าลง 4. วัตถกุ าลังเคลอื่ นทใ่ี นทศิ +x และเร็วขึ้น 5. วัตถุกาลงั เคลอ่ื นทใ่ี นทิศ –x และมกี ารกลับทิศ 8. วตั ถชุ ิ้นหน่งึ เคล่ือนที่เป็นแนวตรงด้วยอัตราเร็ว ณ เวลาต่าง ๆ เปน็ ดังกราฟ ในชว่ งเวลา 0 วินาที ถงึ 5 วินาที วตั ถุเคลื่อนท่ีไดร้ ะยะทางเทา่ ใดและช่วงเวลาใดทคี่ วามเรง่ มที ศิ ทางตรงขา้ มกับทศิ PHYSICS ONET ทางการเคลอ่ื นที่ ระยะทาง (m) ช่วงเวลาทค่ี วามเรง่ มที ศิ ทางตรงขา้ มกบั การเคลอ่ื นท่ี 1. 0.4 0 วนิ าที ถึง 5 วินาที 2. 0.4 5 วนิ าที ถึง 10 วนิ าที 3. 0.4 10 วินาที ถงึ 15 วนิ าที 4. 10 5 วนิ าที ถงึ 10 วนิ าที 5. 10 10 วินาที ถงึ 15 วนิ าที : @Baankrujell : บา้ นครเู จล 8
ฟิสกิ ส์ ONET ม.6 9. นุกจบั เชือกแลว้ เหวี่ยงจุกยางใหเ้ คลือ่ นทีเ่ ปน็ วงกลมในระนาบระดับด้วยอัตราเร็ว V1 ดังภาพที่เปน็ มุมมองด้านบน หลงั จากนน้ั เมอ่ื เหวย่ี งดว้ ยอัตราเร็ว V2 แล้วพบวา่ เชอื กขาด จุกยางลอยไป กระทบหัวคิตตท้ี ่ีอยู่ใกล้ ๆ จากสถานการณ์ เปรียบเทยี บอตั ราเร็ว V1 กับ V2 ได้วา่ อย่างไร และขณะท่ีเชอื กขาด จุกยางอย่ทู ่ีตาแหนง่ ใด PHYSICS ONET เปรยี บเทยี บ V1 กบั V2 ตาแหน่งของจกุ ยางขณะทเ่ี ชอื กขาด 1. V1 < V2 A 2. V1 < V2 B 3. V1 < V2 C 4. V1 > V2 A 5. V1 > V2 B : @Baankrujell : บา้ นครูเจล 9
ฟิสิกส์ ONET ม.6 10. ทดสอบการเคลอ่ื นทข่ี องลูกบอลลูกหนงึ่ จากความสูงเริ่มต้นเทา่ กันโดยคร้งั ท่ี1 ปล่อยใหล้ ูกบอลตกสู่พ้ืนแบบเสรี สว่ นครงั้ ที่ 2 ขว้างลูกบอลในแนวระดบั ดังภาพ กาหนดใหข้ นาดของความเร็วในแนวด่ิงของลูกบอลขณะกระทบพน้ื และเวลาท่ลี กู บอลใช้ในการเคลอ่ื นที่จนกระทงั่ ตก ถึงพน้ื เปน็ ดงั ตาราง จากขอ้ มลู เปรียบเทียบขนาดของความเรว็ V1 กับ V2 และเวลา t1 กบั t2 ได้เป็นอยา่ งไร PHYSICS ONET เปรียบเทยี บ V1 กบั V2 เปรยี บเทียบ t1 กบั t2 1. V1 < V2 t1 < t2 2. V1 < V2 t1 = t2 3. V1 = V2 t1 = t2 4. V1 > V2 t1 = t2 5. V1 > V2 t1 < t2 : @Baankrujell : บ้านครเู จล 10
คาถามชวนคดิ ? ฟิสิกส์ ONET ม.6 คาถามท่ี 1 ที่ระดบั เดียวกนั วัตถุมคี วามเรว็ เทา่ กันใชห่ รือไม่ PHYSICS ONET คาถามท่ี 2 ที่ระดับเดยี วกันวัตถมุ ีความเร่งเทา่ กันใช่หรือไม่ คาถามท่ี 3 ทจ่ี ุดสูงสุดในการเคลอ่ื นทใ่ี นแนวด่ิงความเรง่ เป็นศูนยใ์ ชห่ รือไม่ : @Baankrujell : บา้ นครเู จล 11
ฟิสิกส์ ONET ม.6 11. ปล่อยวตั ถุจากตาแหน่ง A ใหเ้ คลอ่ื นท่แี บบฮาร์มอนิกอย่างง่ายดังภาพ เมื่อสงั เกตุการเคล่ือนท่ีของวัดถุจากแนวสมดลุ (ตาแหนง่ B) ไปตาแหน่งสงู สุด (ตาแหน่ง C) แลว้ กลับมาท่แี นวสมดลุ (ตาแหนง่ B) อีกครง้ั พบวา่ ใช้เวลา 0.4 วินาที การแกว่งนีม้ ีความถี่เทา่ ใด และถา้ เพิม่ มวลของวัตถุ ความถ่ีจะเปล่ยี นแปลงหรอื ไม่ อย่างไร PHYSICS ONET ความถี่ (s-1) ความถหี่ ลงั จากเพม่ิ มวล 1. 0.40 ไมเ่ ปลยี่ นแปลง 2. 1.25 ลดลง 3. 1.25 ไมเ่ ปลยี่ นแปลง 4. 2.50 ลดลง 5. 2.50 ไมเ่ ปลี่ยนแปลง : @Baankrujell : บา้ นครเู จล 12
ฟิสิกส์ ONET ม.6 12. พจิ ารณารปู ถา้ ต้องการให้ลกู ตุ้มมีคาบของการแกว่งยาวขน้ึ จะต้องทาอยา่ งไร 1. ลดมวล m 2.ลดความยาว l 3. เพิม่ ความยาว l 4. เพม่ิ มวล m ลดความยาว l 5.ลดแอมพลิจูดของการแกว่ง 13. พิจารณารปู สายลกู ตุม้ นาฬิกาแกวง่ ไปได้คร่งึ ทางก็ชนหมุดแลว้ แกวง่ ต่อ เวลาท่ใี ช้แกวง่ จากตาแหนง่ A ไป B เป็นPHYSICS ONET กีเ่ ท่าของเวลาจาก B ไป C 1. 1 2 2. 1 2 3. 1 4. 2 5. 2 : @Baankrujell : บ้านครเู จล 13
ฟสิ ิกส์ ONET ม.6 PHYSICS ONET 14. สะบดั ปลายเชอื กเส้นหนงึ่ ขึน้ และลงอย่างต่อเนื่องเพ่ือให้เกดิ คล่ืนบนเส้นเชือก ในขณะท่ีสะบดั อยนู่ น้ั เมอื่ พิจารณา การเคลอ่ื นทขี่ องอนภุ าคของเชอื ก ณ ตาแหน่งหนึง่ ซึ่งเคลื่อนที่ข้นึ และลงอย่างตอ่ เน่ือง พบว่า อนภุ าคดงั กลา่ วมกี าร กระจดั ตามแนวดงิ่ เปลี่ยนแปลงตามเวลา ดังกราฟ ถ้าคลื่นบนเส้นเชอื กน้ีมคี วามยาวคลน่ื 2.4 เมตร อตั ราเร็วของคลื่นมีค่าเทา่ ใด 1. 0.2 เมตรต่อวินาที 2. 0.5 เมตรต่อวนิ าที 3. 0.6 เมตรตอ่ วนิ าที 4. 1.2 เมตรต่อวนิ าที 5. 4.8 เมตรตอ่ วนิ าที : @Baankrujell : บา้ นครูเจล 14
ฟิสกิ ส์ ONET ม.6 PHYSICS ONET 15. นาย ก น่ังรมิ สระนแี้ ละใชเ้ ทา้ ตีผวิ นา้ อย่างสมา่ เสมอ ทาให้เกิดคล่นื นา้ เคลอ่ื นทีอ่ อกจากจดุ กาเนดิ ไปสูบ่ ริเวณอ่ืน ๆ นาย ก สงั เกตได้วา่ เมือ่ คลื่นเคลื่อนที่จากบรเิ วณน้าลึกเขา้ ส่บู ริเวณน้าตื้น ผิวนา้ มีลกั ษณะเปน็ ดังภาพ จากผลการสงั เกตุถ้า นาย ก คดิ วา่ “คลืน่ มคี วานยาวคลื่นลดลงเช่นนี้ เพราะคลืน่ มีความถี่สูงขึ้น” ควานคดิ นี้ถูกตอ้ งหรือไม่ เพราะเหตใุ ด 1. ถกู ตอ้ ง เพราะเมือ่ อัตราเร็วคงตัว ถ้าความยาวคล่ืนลดลงความถ่ีจะสงู ขนึ้ 2. ถกู ต้อง เพราะในช่วงระยะทางเทา่ กันบริเวณนา้ ตื้นมีจานวนถกู คลน่ื มากกว่าความถี่จึงสูงขึ้น 3. ไมถ่ กู ต้อง เพราะระยะห่างระหว่างสันคลน่ื ท่อี ยู่ติดกันแสดงถึงความถ่ีของคล่ืนความถ่ีจงึ ตา่ ลง 4. ไม่ถกู ต้อง เพราะเมื่อคล่ืนเดนิ ทางจากบรเิ วณนา้ ลึกเข้าสู่บริเวณนา้ ตน้ื ความถ่ีจะไม่เปลีย่ นแปลง 5. ยงั สรปุ ไม่ได้ เพราะไม่ทราบการเปล่ยี นแปลงอัตราเร็วของคล่นื ระหว่างสองบรเิ วณ : @Baankrujell : บา้ นครเู จล 15
ฟิสิกส์ ONET ม.6 16. ข้อใดเรยี งลาดับจากความยาวคลนื่ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าจากมากไปนอ้ ยไดถ้ ูกตอ้ ง 1. รังสีอินฟาเรด คลืน่ วิทยุ ไมโครเวฟ แสง รังสีแกมมา 2. คล่ืนวิทยุ รงั สีอินฟาเรด แสง รงั สีแกมมา ไมโครเวฟ 3. รังสแี กมมา แสง คล่ืนวทิ ยุ ไมโครเวฟ รังสีอินฟาเรด 4. ไมโครเวฟ คล่ืนวทิ ยุ รังสอี นิ ฟาเรด รงั สีแกมมา แสง 5. คลนื่ วิทยุ ไมโครเวฟ รงั สอี นิ ฟาเรด แสง รงั สีแกมมา 17. คนตาบอดสีนา้ เงิน จะเห็นไฟสญั ญาณจราจรสใี ดเพ้ียน PHYSICS ONET 1. สีแดงเท่าน้ัน 2. สีเหลอื งเท่าน้ัน 3. สีเขยี วเท่านัน้ 4. สแี ดงและสเี หลอื ง 5. ไมม่ ีสีใดเพยี้ น : @Baankrujell : บ้านครเู จล 16
ฟสิ กิ ส์ ONET ม.6 สว่ นประกอบของตา ชนดิ ของเซลลป์ ระสาท หนา้ ที่ PHYSICS ONET รปู แท่ง รปู กรวย : @Baankrujell : บา้ นครูเจล 17
ฟสิ ิกส์ ONET ม.6 18. พิจารณาปฏิกริ ยิ านิวเคลยี ร์ตอ่ ไปน้ี ซงึ่ เกิดเมอื่ นวิ เคลียสของธาตุ X และธาตุ Y รวมกันกลายเป็นนิวเคลียสของ ฮเี ลียมและรังสแี กมมา ดงั สมการ XA1 YA 2 3 He 0 2 0 Z1 Z2 กาหนดให้ • มวลอะตอมรวมก่อนเกิดปฏิกริ ยิ ามากกวา่ หลังเกิดปฏิกิรยิ า เท่ากบั m • c คือ อัตราเรว็ ของแสงในสุญญากาศ ถา้ A1 และ A2 มคี ่าไม่เกิน 2 แลว้ ปฏิกิรยิ านิวเคลียร์นี้เป็นประเภทใด และให้พลงั งานเทา่ ใด ประเภทของปฏกิ ริ ยิ านิวเคลยี ร์ พลงั งานทใี่ ห้ PHYSICS ONET 1. ฟิชชัน 2. ฟชิ ชัน ( m)c2 3. ฟวิ ชนั ( m)c2 4. ฟิวชัน ( m)c2 5. ฟวิ ชัน ( m)c ( m)c2 : @Baankrujell : บ้านครูเจล 18
ฟสิ กิ ส์ ONET ม.6 19. พิจารณาปฏกิ ิรยิ านิวเคลียร์ต่อไปนี้ (1)01n U235 140 Xe 94 Sr 2 1 a 54 38 0 92 (2) 4 He 14 N 17 O 11b 2 7 8 กาหนดให้ a และ b คือ อนุภาคที่เกดิ ขนึ้ จากปฏิกิริยานวิ เคลียร์ จากขอ้ มูล อนุภาคใดมีประจุไฟฟา้ และปฏกิ ริ ิยานวิ เคลยี ร์ใดเปน็ นวิ เคลยี รฟ์ ิชชนั อนภุ าคทม่ี ปี ระจุไฟฟา้ ปฏกิ ริ ิยานิวเคลยี รฟ์ ชิ ชนั 1. a (2) 2. b (1) 3. b (2) 4. a และ b (1) PHYSICS ONET 5. a และ b (2) 20. พจิ ารณาการสลายของธาตุกัมมันตรงั สตี ่อไปน้ี 239 Pu U235 4 x 94 2 92 กาหนดให้ 239 Pu มีครึ่งชวี ิตเท่ากบั 24,120 ปี และ 4 X คืออนภุ าคหรือรังสีที่ไดจ้ ากการสลาย 94 2 ข้อความใดกล่าวถูกตอ้ ง 1. 239 Pu อยใู่ นสถานะถกู กระตนุ้ 94 2. 239 Pu สลายให้กมั มันตภาพรังสีทุกๆ 24,120 ปี 94 3. 4 X เป็นนิวเคลียสของไฮโดรเจน 2 4. 4 X เบี่ยงเบนในสนามแมเ่ หล็ก 2 5. 4 X เป็นคลืน่ แม่เหลก็ ไฟฟ้า 2 : @Baankrujell : บา้ นครูเจล 19
Search
Read the Text Version
- 1 - 19
Pages: