วิชาชีววิทยา (O-NET) อาจารยอำพล ขวัญพกั
ตวิ เขม้ เติมเตม็ ความรู้ ชีววิทยา จดุ สำคัญชีววิทยำ (BIO FOCUS) จับเข่ำคุย…ชวี วิทยำ สไตล์ครกู ำแฟ ธรรมชาติของวิชานี้ นักเรียนทราบโดยทั่วกันว่าเนื้อหาอัดแน่นบางตาราเขียน 23 บท บางตาราเขียน 20 หรือ 19 บทก็ว่ากนั ไปขึ้นอย่วู ่าผู้เขียนจะจดั กล่มุ จัดเรียงเนื้อหาอย่างไร เนื้อหาชีววิทยามาแบบเต็มที่ ศัพท์เทคนิค ภาษากรกี ภาษาละตนิ รากศัพทม์ ากมาย เหมาะสาหรับนักเรยี นสายถึก สายอึด แท้ท่ีจริงวิชาชีววิทยา ถือว่าเป็นเร่ืองใกล้ตัวเราเพราะศาสตร์น้ีศึกษาเก่ียวกับโครงสร้าง องค์ประกอบ กลไกการทางานส่ิงมีชีวิต ซึ่งเราเองก็นับว่าเป็นส่ิงมีชีวิตหน่ึงในโลก ครูอยากเรียนรู้อย่างเข้าใจและสามารถ ประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวนั มากกว่าทจ่ี ะจาทอื่ ๆเพื่อทาข้อสอบ สอบ ๆ จบ ๆ ให้ผา่ น ๆ ส่วนในการทาข้อสอบที่นักเรียนเป็นกังวลนั้น ไม่อยากให้เครียดมาก เราลองหยิบกระดาษสักแผ่นมานั่ง สกัด น่ังวาดผัง ดูสารบัญเนื้อหาอีกคร้ัง เอาข้อสอบเก่า มาน่ังดูแนวโน้ม บทไหนออกมาก ออกน้อย เทียบเวลาท่ี เหลือ จัดทาปฏิทินการอ่านหนังสือ การทาแบบฝึกหัด ที่สาคัญถ้าเน้ือหาหรือศัพท์มันจาได้ยาก ก็ลองทาควา ม เข้าใจสมองของเราเองว่าชอบจาแบบไหน วาดภาพ แต่งกลอน เขียนรหัส ตัดคาย่อ ๆ สั้น ๆ หรือเปล่า นี้เป็น เทคนิคท่ีครูเองก็ใช้อยู่ อยากฝากไว้ในใจให้ขบคิด “คนท่ีสอบติดไม่ใช่คนท่ีเก่งท่ีสุด แต่เป็นคนที่พร้อมท่ีสุด ตา่ งหาก” O-NET (ชวี วิทยำ) ออกเน้ือหาพื้นฐานทีส่ ายวิทย์ สายศิลปเ์ รยี นคล้าย ๆ กนั อยู่รวมในฉบบั ของวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ซงึ่ ในฉบบั ข้อสอบ นักเรยี นจะพบเจอทง้ั ฟิสกิ ส์ เคมี ชวี วิทยา โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ มาในรูปแบบขอ้ คาถามท่ี หลากหลาย การทดลอง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ปัจจบุ ันมีขอ้ สอบแบบปรนยั 5 ตวั เลือกและขอ้ สอบแบบเชิงซ้อนตอบ ใช่/ไม่ใช่ Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 1
เรยี นดว้ ยภาพ Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 2
สร้างผงั สรา้ งตาราง เซลล์พชื เซลลส์ ตั ว์ (Plant Cell) (Animal Cell) โครงสร้างภายนอก มี ไม่มี 1. ผนังเซลล์ มี มี 2. เยอื่ ห้มุ เซลล์ ไมม่ ี (ยกเวน้ สเปริ ม์ ของพชื บางชนดิ ) มี (ในบางเซลล)์ 3. แฟลกเจลลมั หรือซเิ ลีย มี มี โครงสร้างภายใน มี มี 1. นิวเคลยี ส ไมม่ ี มี 2. ไรโบโซม มี มี 3. ไลโซโซม มี มี 4. เอนโดพลาสมกิ เรติคูลมั มี มี 5. กอลจคิ อมเพลก็ ซ์ ไม่มี มี 6. แวคิวโอล มี มี 7. เซนทริโอล มี มี 8. ไซโทสเกเลตอน มี ไม่มี 9. ไมโทคอนเดรีย ตารางเปรยี บเทยี บโครงสรา้ งเซลล์พชื และเซลล์สัตว์ 10. คลอโรพลาสต์ Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 3
ระวงั …. 1. พืช A และ B เจริญเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน คือ ทะเลทรายและป่าดิบช้ืน โดยพืชแต่ละชนิด มี ลักษณะใบต่างกนั ดงั นี้ พืช A ใบมีการลดรูปใหม้ ีขนาดเลก็ มีสารเคลือบที่ผิวใบหนา และมจี านวนปากใบน้อย พืช B ใบมีขนาดใหญ่ มีสารเคลือบท่ีผิวใบบาง และมีจานวนปากใบมาก ผลการศึกษาอัตราการคายน้า ของพืช 2 ชนิด ในชว่ งเวลาหน่ึง เป็นดังกราฟ จากข้อมูล ข้อใดระบุกราฟแสดงอัตราการคายน้าของพืชและลักษณะพ้ืนที่ที่เหมาะสม ต่อการเจริญเติบโตของพืช ดงั กลา่ วไดถ้ กู ตอ้ ง 1. กราฟที่ 1 แสดงอตั ราการคายนา้ ของพชื A ซง่ึ เจริญไดด้ ใี นพื้นท่ีทะเลทราย 2. กราฟที่ 1 แสดงอตั ราการคายน้าของพชื B ซ่งึ เจรญิ ไดด้ ใี นพน้ื ท่ีทะเลทราย 3. กราฟที่ 2 แสดงอตั ราการคายนา้ ของพชื A ซึง่ เจรญิ ได้ดใี นพนื้ ที่ทะเลทราย 4. กราฟท่ี 2 แสดงอัตราการคายน้าของพืช A ซ่ึงเจริญไดด้ ีในพืน้ ทป่ี ่าดิบช้นื 5. กราฟท่ี 2 แสดงอัตราการคายน้าของพชื B ซง่ึ เจรญิ ได้ดีในพืน้ ทป่ี า่ ดบิ ชืน้ Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 4
2. นักเรียนจัดชุดการทดลอง 5 ชุด โดยใช้ก่ิงไม้ท่ีมีอายุเท่ากันจากต้นเดียวกัน เด็ดใบในชุดการทดลองที่ 3 และ 5 ออกบางส่วน จากนั้นแช่ก่ิงไม้ในหลอดทดลองที่มีน้า 32 มิลลิลิตร และมีน้ามันพืช 3 มิลลิลิตร เททับอยู่ แล้วตั้งไวใ้ นสภาวะทแี่ ตกตา่ งกัน ดังภาพ ชุดท่ี 1 ชดุ ที่ 2 ชดุ ท่ี 3 ชดุ ที่ 4 ชดุ ที่ 5 ความเขม้ แสงมาก ความเขม้ แสงน้อย ความเขม้ แสงมาก ความเขม้ แสงมาก ความเข้มแสงมาก ความชนื้ สัมพทั ธม์ าก ความชืน้ สัมพัทธ์มาก ความชน้ื สมั พทั ธ์น้อย ความชนื้ สัมพทั ธ์น้อย ความช้นื สมั พทั ธ์มาก เม่อื เวลาผ่านไป 30 นาที พบว่ามีปรมิ าณนา้ คงเหลือในหลอดทดลอง ดังตาราง ชุดการทดลองที่ ปริมาณน้าคงเหลอื ในหลอดทดลอง (mL) 1 15 2 20 3 25 4 10 5 30 Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 5
ขอ้ ใดเลือกชุดการทดลองเพอ่ื ศึกษาปจั จยั ท่เี กีย่ วข้องกับการคายน้าและเปรยี บเทียบ อตั ราการคายน้าไดถ้ กู ต้อง ชุดการทดลองที่ใช้ ปจั จัยที่ต้องการศึกษา ผลการเปรียบเทยี บอัตราการคายน้า 1. 1 และ 2 ความเข้มแสง ชดุ การทดลองที่ 2 มีอัตราการคายน้า มากกว่า ชดุ การทดลองที่ 1 2. 1 และ 4 ความช้ืนสัมพัทธ์ ชดุ การทดลองท่ี 4 มอี ตั ราการคายนา้ มากกวา่ ชดุ การทดลองที่ 1 3. 2 และ 4 จานวนใบ ชุดการทดลองท่ี 4 มอี ตั ราการคายนา้ มากกว่า ชดุ การทดลองที่ 2 4 3 และ 4 จานวนใบ ชดุ การทดลองท่ี 3 มอี ตั ราการคายน้า มากกวา่ ชุดการทดลองท่ี 4 5. 3 และ 5 ความเข้มแสง ชดุ การทดลองที่ 5 มอี ัตราการคายน้า มากกวา่ ชดุ การทดลองท่ี 3 3.โรคลมแดด เกิดจากการท่ีร่างกายอยู่กลางแจ้งแดดร้อนจัดเป็นเวลานาน ร่างกายจึงปรับสมดุลอุณหภูมิไมท่ ัน ทาให้รา่ งกายมีอุณหภูมิสงู ถึง 40 - 41 องศาเซลเซยี ส โดยอาการของผปู้ ว่ ยทีเ่ ป็นโรคลมแดด คอื มีอาการเป็นลม เพอ้ หมดสติ และอาจเสยี ชีวติ ได้ ขอ้ ใดกล่าวถึงวธิ กี ารที่สามารถปอ้ งกันโรคลมแดดไดถ้ ูกต้อง 1. รบั ประทานยาท่ีกระตุ้นใหห้ ลอดเลือดหดตัว 2. ด่ืมน้าในปรมิ าณมากเพื่อใหเ้ ลือดเข้มข้นมาก และมคี วามดันเลอื ดตา่ 3. รับประทานอาหารปรมิ าณมากเพ่ือเพิ่มการเผาผลาญอาหารในรา่ งกาย 4. สวมใส่เสือ้ ผา้ ที่เบาบางเพ่ือเพิ่มการระเหยของเหงือ่ และการพาความร้อน 5. ใช้ผา้ เย็นประคบส่วนต่าง ๆ ของรา่ งกาย เพ่ือกระตุ้นอตั ราเมแทบอลซิ มึ ให้เพิ่มข้ึน Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 6
5.ข้อใดคือกลไกของรา่ งกายท่ีทาให้เกดิ โรคภูมิแพ้ 1. สรา้ งแอนตเิ จนเพื่อไปจบั แอนติบอดี 2. สร้างแอนติบอดเี พือ่ ยับย้งั การสรา้ งภูมิคุ้มกนั 3. สรา้ งสารฮสิ ตามนิ ออกมาเมอ่ื ได้รับสารก่อภมู ิแพ้ 4. สร้างแอนติฮสิ ตามนิ เพือ่ กระตุ้นใหเ้ กิดอาการแพ้ 5. สร้างเซลล์เม็ดเลอื ดขาวชนิดฟาโกไซตใ์ หส้ รา้ งแอนติบอดี 6. สีขนของสตั ว์ชนิดหนึ่งถูกควบคุมด้วยยีน Agouti มแี อลลลี 2 แบบ คอื A และ 2 โดยแอลลลี A ควบคมุ ลกั ษณะขนสเี หลืองซึ่งเป็นลกั ษณะเดน่ และแอลลลี 2 ควบคมุ ลักษณะขนสีดาซง่ึ เป็นลักษณะด้อย เพดดิกรีของ สัตวช์ นิดนี้ในปา่ แห่งหนึง่ เป็นดงั แผนภาพ กาหนดให้ และ คอื สตั ว์ท่ีมขี นสเี หลือง และ คือ สตั วท์ ่มี ขี นสดี า จากข้อมลู สัตว์ตัวใดทสี่ ามารถระบุคูย่ ืนไดแ้ นน่ อนวา่ เป็น Aa 1. รนุ่ ที่ I ตวั ท่ี 2 2. รนุ่ ที่ I ตวั ท่ี 4 3. รนุ่ ท่ี II ตัวท่ี 2 4. รนุ่ ที่ II ตัวท่ี 4 5.รุ่นที่ III ตัวท่ี 2 Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 7
7. เหตกุ ารณ์ในข้อใดที่พบเฉพาะในการแบง่ เซลลแ์ บบไมโอซิสเท่าน้นั 1. การเขา้ คกู่ นั ของโครโมโซมคู่เหมือน 2. การจาลองตัวเองของโครโมโซมเปน็ 2 โครมาทดิ 3. การแยกกนั ของโครมาทดิ ที่ยดึ ติดกันไปยงั แตล่ ะขวั้ เซลล์ 4. การแบ่งเซลล์เริ่มต้นจากเซลล์ที่มีโครโมโซมเทา่ กบั 2n 5. การแบ่งเซลลใ์ นขน้ั ตอนสดุ ท้ายจะไดเ้ ซลล์ทม่ี โี ครโมโซม 2 ชุด 8. ลายพิมพ์ดเี อ็นเอของพอ่ แม่สองครอบครัว และลูกสามคน ได้แก่ A B และ C เป็นดงั ภาพ จากข้อมลู ขอ้ ใดระบุความสัมพนั ธข์ องครอบครัวได้ถกู ต้อง 1. A กบั C เปน็ ลูกของครอบครัวท่ี 1 และ B เป็นลกู ของครอบครวั ท่ี 2 2. A กับ C เปน็ ลูกของครอบครวั ท่ี 2 และ B เป็นลกู ของครอบครัวท่ี 1 3. A เปน็ ลกู ของครอบครวั ท่ี 1 และ B กับ C เปน็ ลูกของครอบครวั ที่ 2 4. A B และ C เป็นลูกของครอบครวั ที่ 1 5. A B และ C เป็นลูกของครอบครวั ที่ 2 Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 8
9. ขอ้ ใดกล่าวถึงความหลากหลายทางชีวภาพไมถ่ ูกต้อง 1. การเกิดภยั พบิ ัตจิ ะทาใหค้ วามหลากหลายทางชีวภาพเปลี่ยนแปลงไป 2. การล่าสัตวป์ า่ ท่ีใกลส้ ูญพันธุอ์ าจทาใหค้ วามหลากหลายของสปีชีสล์ ดลง 3. การบุกรกุ พ้ืนทป่ี า่ ชายเลนของมนษุ ยอ์ าจสง่ ผลตอ่ สิง่ มชี ีวติ ท่ีอยู่ในระบบนเิ วศอ่ืนด้วย 4. การละลายของธารน้าแข็งจะสง่ ผลต่อความหลากหลายของระบบนเิ วศเฉพาะแถบข้ัวโลก 5. การดอื้ ยาปฏชิ ีวนะของแบคทีเรยี เปน็ ผลจากความหลากหลายทางพนั ธกุ รรมของแบคทีเรยี 10. หมนี า้ เป็นสัตวน์ า้ ขนาดเล็ก (0.05 - 1.20 มิลลิเมตร) มี 8 ขา โดยปลายขามีกรงเล็บ จึงมีลกั ษณะคล้ายหมี หมี น้าส่วนใหญ่มักอาศัยอยู่บนบก ซึ่งหมีน้าบนบกเหล่านี้ต้องการน้าในการดารงชีวิต จึงอาศัยอยู่ตามมอส ไลเคน ดิน และกองเศษใบไม้ รวมไปถึงบนพืชอิงอาศัย โดยหมีน้าบนบก มีความทนทานมาก สามารถอยู่รอดได้ใน สภาพแวดลอ้ มทไ่ี ม่เออื้ ต่อการดารงชวี ติ ในขณะทีห่ มนี า้ ที่อาศยั อยู่ในทะเล ซงึ่ เปน็ กลมุ่ ท่ีเก่าแก่และโบราณที่สุด ไม่ สามารถทนทานต่อสภาพแวดล้อมเชน่ นีไ้ ด้ ขอ้ ความใดต่อไปนสี้ อดคล้องกบั ทฤษฎีการคดั เลือกตามธรรมชาติมากที่สดุ 1. หมีน้าบนบกมลี าตวั ขนาดเลก็ 2. หมนี ้าบนบกสามารถพรางตัวได้ดี 3. หมีนา้ นบกสามารถซ่อมแซมรา่ งกายไดด้ ี 4. หมีนา้ บนบกสามารถกินอาหารไดห้ ลากหลาย 5. หมนี า้ บนบกสามารถอยู่รอดจนมีลกู ร่นุ ถดั ไปได้ Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 9
11. แพลงกต์ อนบลูม คือ ปรากฏการณ์ท่ีแพลงก์ตอนพืชมีการเจริญเติบโตและเพิ่มจานวนอย่างรวดเร็ว เนื่องจาก ในน้ามีธาตุอาหารสูงและมีสภาวะท่ีเหมาะสมกับการเจริญของแพลงก์ตอนพืช จึงมองเห็นน้าเป็นสีต่าง ๆ ซึ่ง แพลงกต์ อนพชื ที่มีจานวนมากจะบดบงั แสงอาทติ ย์ จึงส่งผลกระทบต่อการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของสิ่งมีชีวิตใต้น้าอ่ืน ๆ แมว้ า่ แพลงกต์ อนพชื จะสามารถใหแ้ ก๊สออกซเิ จน จากการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงได้ แต่เมื่อปริมาณธาตุอาหารในน้า หมดลงแพลงกต์ อนพชื จานวนมากนจี้ ะตาย จึงถูกย่อยสลายด้วยจุลินทรีย์ ซึ่งต้องใช้แก๊สออกซิเจนปริมาณมาก ทา ให้ปรมิ าณแก๊สออกซเิ จนในน้าลดลงระบบนเิ วศแหล่งน้าแหง่ หน่ึง มสี ายใยอาหารเปน็ ดังแผนภาพ ถ้าระบบนเิ วศแหลง่ น้าแหง่ นีเ้ กิดแพลงก์ตอนบลูม จะส่งผลต่อองค์ประกอบของระบบนิเวศน้อี ย่างไร 1. อาหารของแพลงก์ดอนสตั ว์จะลดลง 2. จานวนของสาหร่ายและหอยฝาเดียวจะลดลง 3. ในชว่ งเวลากลางคืน ปรมิ าณแก๊สออกซเิ จนในนา้ จะมากกวา่ เวลากลางวนั 4. หากแพลงก์ตอนพืชสะสมสารพษิ ภายในเซลล์ หอยสองฝาจะสะสมสารพิษมากท่ีสุด 5. การถา่ ยทอดพลังงานจากแพลงก์ตอนพืชไปยงั หมึกมากกว่าแพลงก์ตอนพชื ไปยงั ดาวทะเล Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 10
12. ระบบนเิ วศหน่ึงที่อยใู่ นภาวะสมดลุ จะมีจานวนของส่ิงมีชวี ติ ในแตล่ ะลาดับขัน้ ของโซ่อาหาร เป็นดงั แผนภูมิแทง่ จากข้อมลู จานวนของสิ่งมีชีวิตในแต่ละลาดับข้ันของโซ่อาหารสอดคล้องกับพีระมิดมวลชีวภาพ และตัวอย่างชนิด ของสิง่ มีชีวติ ในขอ้ ใด Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 11
13. ป่าพรุแห่งหนึ่งถูกเผาจนเกิดความเสียหายเป็นพื้นที่กว้าง โดยพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย ถูกแบ่งเป็น 2 บรเิ วณ ซงึ่ มกี ารเปล่ียนแปลงแตกต่างกนั ดังนี้ บรเิ วณที่ 1 ถกู ปลอ่ ยท้งิ ร้างจนเกิดเป็นระบบนิเวศแบบใหม่ที่พบเฉพาะพืชล้มลุก บริเวณที่ 2 ถกู ปล่อยท้งิ รา้ งจนเกิดเป็นระบบนิเวศแหล่งนา้ ข้อใดกลา่ วถูกต้องเกยี่ วกับการเปลี่ยนแปลงแทนท่ีทเี่ กิดขึน้ ของทง้ั 2 บริเวณ บรเิ วณท่ี 1 บริเวณที่ 2 ไม่เกดิ การเปลี่ยนแปลงแทนที่ 1. เกิดการเปล่ยี นแปลงแทนทีแ่ บบทุติยภูมิ เกดิ การเปลี่ยนแปลงแทนทีแ่ บบปฐมภมู ิ 2. ไมเ่ กดิ การเปล่ยี นแปลงแทนท่ี เกิดการเปลย่ี นแปลงแทนทีแ่ บบทตุ ยิ ภมู ิ 3. เกดิ การเปลย่ี นแปลงแทนทีแ่ บบปฐมภูมิ เกดิ การเปลยี่ นแปลงแทนทแี่ บบปฐมภมู ิ 4 เกิดการเปลี่ยนแปลงแทนที่แบบปฐมภมู ิ เกิดการเปล่ยี นแปลงแทนท่แี บบทุติยภูมิ 5. เกดิ การเปล่ยี นแปลงแทนทีแ่ บบทุตยิ ภูมิ 14.การตรวจสอบโปรตีนบนผิวนา้ ของละอองเรณูในดอกไม้ 3 ชนิด เปน็ ดังตาราง ถ้าผลการตรวจเลือดของผปู้ ่วยทีเ่ ป็นโรคภมู ิแพ้ละอองเรณู พบแอนติบอดี 3 แบบ คือ เป็นจานวนมาก จากข้อมูล ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงละอองเรณูของดอกไมช้ นิดใด เพราะเหตุใด 1.ชนิดที่ 1 และ 3 เนอ่ื งจากโปรตนี บนผิวจะจบั กับแอนตบิ อดแี ลว้ ยับยงั้ การหล่ังสารฮสิ ตามนี 2.ชนิดท่ี 1 และ 3 เนื่องจากโปรตนี บนผวิ จะไม่จับกบั แอนติบอดแี ล้วกระตุ้นการหลง่ั สารฮสิ ตามีน 3.ชนดิ ที่ 2 และ 3 เน่ืองจากโปรตนี บนผิวจะจบั กบั แอนตบิ อดแี ลว้ ยบั ย้ังการหลัง่ สารฮิสตามนี 4.ชนดิ ที่ 2 และ 3 เนอ่ื งจากโปรตีนบนผิวจะจับกับแอนตบิ อดีแล้วกระตุน้ การหลง่ั สารฮสิ ตามนี 5.ชนดิ ท่ี 2 และ 3 เนื่องจากโปรตีนบนผิวจะไม่จับกบั แอนติบอดีแลว้ กระตุ้นการหลงั่ สารฮสิ ตามีน Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 12
15.กระบวนการแบ่งเซลล์ของกบ 2 รปู แบบ เป็นดังแผนภาพ จากภาพจาลองการแบ่งเซลล์ของกบ ข้อใดกล่าวถูกต้อง 1.ขน้ั ตอน 1A และ 2A ทาให้จานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึน้ จาก 2n เป็น 4n 2.ขั้นตอน 1B ทาให้มีการแลกเปล่ียนยนี ของโครโมโซมคู่เหมือน 3.ขน้ั ตอน 2B ทาใหเ้ กดิ การแปรผนั ทางพันธกุ รรม 4.ขน้ั ตอน 1C และ 2C ทาใหเ้ กดิ การแปรผันทางพนั ธุกรรม 5.ขั้นตอน 1C และ 2C ทาใหจ้ านวนชุดโครโมโซมลดลงจาก 2n เปน็ n Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 13
16.ข้อใดเป็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยชี วี ภาพท่ไี มถ่ ูกตอ้ ง 1.การตรวจหาคนร้ายโดยใชล้ ายพิมพด์ ีเอ็นเอ 2.การระบคุ วามแตกต่างระหว่างแฝดร่วมไขด่ ว้ ยลายพิมพ์ดีเอน็ เอ 3.การอนุรกั ษพ์ ันธ์ุกลว้ ยไมใ้ ห้มลี กั ษณะคงเดมิ ดว้ ยการเพาะเลี้ยงเนอ้ื เยอ่ื 4.การสรา้ งกระต่ายที่เหมือนกับกระตา่ ยตน้ แบบดว้ ยการโคลนจากเซลลต์ ับ 5.การสร้างแบคทีเรียท่ีผลติ น้ามันจากยนี ของสาหร่ายด้วยการใชโ้ มเลกลุ ดเี อน็ เอลูกผสม 17.ขอ้ ใดไม่ใชผ่ ลของการคดั เลอื กทางธรรมชาตทิ ่เี กิดจากความแตกต่างของโครงสรา้ งร่างกาย 1.ยรี าฟมีลาคอยาว เพื่อใหส้ ามารถเลม็ กินใบไม้บนต้นไมส้ งู ๆ ได้ 2.กระต่ายแลพัสมีขนสีขาวที่กลมกลนื กบั หิมะ เพอ่ื ช่วยพรางตัวในการหลบหลีกศัตรู 3.สุนขั จ้ิงจอกทะเลทรายมหี าง หู และขายาว เพื่อเพม่ิ พ้ืนท่ีผวิ ในการระบายความร้อน 4.กิ้งกา่ ทะเลทรายมกั ออกหากินตอนกลางคนื เพื่อหลีกเลีย่ งอากาศรอ้ นในตอนกลางวัน 5.นกจาบมจี ะงอยปากใหญ่และแข็งแรง เพ่ือใหส้ ามารถกินเมล็ดพชื ขนาดใหญ่และมีเปลือกแขง็ ได้ 18.ในระบบนเิ วศทีส่ มดุลแหง่ หนึง่ มกี ารถ่ายทอดพลงั งานในรปู สายใยอาหาร ดงั แผนภาพ Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 14
ข้อใดอธิบายการถา่ ยทอดพลงั งานในสายใยอาหารนไ้ี ม่ถกู ต้อง 1.หญา้ เป็นผู้ผลิต จะมีชวี ภาพมากกว่าส่ิงมชี ีวติ ชนดิ อนื่ ในระบบนเิ วศ 2.ถา้ มีการฉีดสารเคมีกาจัดวัชพืช นกจะมีการสะสมสารเคมีมากกวา่ หอยทาก 3.ถา้ กระต่ายเพิ่มขึน้ จะสง่ ผลให้จานวนแมลงและหอยทากลดลงเพราะอาหารน้อยลง 4.ถ้ากบและนกมจี านวนลดลง แมลงและหอยทากจะมจี านวนเพ่มิ ขน้ึ เพราะผู้ล่าลดลง 5.พลังงานในโซ่อาหารจะถา่ ยทอดไปที่เหยย่ี วมากทสี่ ดุ เพราะเปน็ ผูบ้ รโิ ภคข้นั สดุ ทา้ ย 19.พ้นื ท่ีใดจะเกดิ การเปลี่ยนแปลงแทนที่แบบปฐมภูมิ 1.พ้นื ทปี่ ่าเสือ่ มโทรม 2.พน้ื ที่มีการเผาทาลายปา่ 3.พื้นทปี่ ่าท่ีเกิดน้าท่วมอยา่ งรุนแรง 4.พื้นท่ถี ูกปกคลุมด้วยลาวาจากภเู ขาไฟ 5.พ้ืนท่ีทาไร่นาของชาวนาท่ีถูกปล่อยท้งิ ร้าง 20.ข้อมลู แสดงปริมาณแก๊สคารบ์ อนมอนอกไซด์และจานวนชนิดของไลเคนท่ีพบในบริเวณท่ีมีระยะหา่ งจากตวั เมอื งต่างกัน ดงั ตาราง จากข้อมลู ข้อใดกล่าวถูกต้อง 1.คณุ ภาพอากาศใน พ.ศ. 2555 ดีกว่า พ.ศ.2550 2.จานวนชนดิ ของไลเคนจะเพ่ิมขึ้นตามคณุ ภาพอากาศทีล่ ดลง 3.ความหลากหลายของไลเคน แปรผกผนั กับระยะห่างจากตวั เมือง 4.ความหลากหลายของไลเคนแปรผกผนั กบั ปรมิ าณแกส๊ คาร์บอนมอนอกไซด์ 5.จานวนชนดิ ของไลเคนในทุกระยะหา่ งจากตัวเมอื งใน พ.ศ.2555 มากกว่า พ.ศ.2550 Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 15
แบบปรนยั เลอื กตอบเชิงซ้อน 1.ในวันที่อากาศร้อนและมฝี นตก นักเรยี นคนหนึง่ ออกว่ิงหลังจากฝนตก โดยว่ิงอย่างต่อเน่ืองเป็นเวลา 1 ช่ัวโมง ได้ ระยะทาง 10 กิโลเมตร และไม่ดม่ื น้า ข้อความต่อไปน้ี อธิบายสภาวะในรา่ งกายของนักเรียนคนน้ที ันทีหลังจากท่วี ง่ิ เสรจ็ ได้ถูกตอ้ งใชห่ รือไม่ ข้อความ ใช่ หรอื ไม่ใช่ 1.1 นา้ ในรา่ งกายมมี ากขึ้น เน่ืองจากเมแทบอลซิ มึ ที่สูงขึน้ ใช่ / ไม่ใช่ 1.2 ไตกาจดั นา้ มากกวา่ ปกติ เนื่องจากมขี องเสยี ปริมาณมากจากกระบวนการเมแทบอลิ ใช่ / ไมใ่ ช่ ซมึ 1.3 นักเรยี นคนนมี้ ีความเสยี่ งต่อการเป็นลมแดดมากข้นึ เพราะเหงื่อออกได้น้อยลง ใช่ / ไมใ่ ช่ เนือ่ งจากในอากาศมีความชื้นสงู Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 16
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: