วชิ าภาษาไทยและวชิ าสงั คมศึกษา อาจารยป ง เจริญศริ วิ ัฒน
1 ภาษาไทย 1. ข้อใดจำเป็ นต้องใช้คำทบั ศพั ท์ภำษำตำ่ งประเทศ 1) โรงพมิ พ์สง่ งำนพมิ พ์มำให้ตรวจปรู๊ฟท่สี องแล้ว 2) ห้ำงสรรพสนิ ค้ำทีเ่ ปิ ดใหมม่ กั จะมขี องแถมแจกฟรีแกล่ กู ค้ำ 3) นกั ศกึ ษำท่ีเรียนได้เกรดเอห้ำวชิ ำในเทอมใดจะได้รับกำรยกเว้นคำ่ หนว่ ยกิตในเทอมตอ่ ไป 4) นกั กีฬำวลี แชร์ของไทยได้เหรียญทองจำกกำรแขง่ ขนั กีฬำคนพิกำรทป่ี ระเทศออสเตรเลยี 2. ข้อใดใช้คำภำษำตำ่ งประเทศโดยไมจ่ ำเป็ น 1) เวลำไปเทีย่ วป่ ำ ฉนั ชอบสวมกำงเกงยนี และหมวกแก๊ป 2) ขณะนนี ้ ำ้ มนั เบนซินรำคำแพงมำก อีกทงั้ แก๊สกก็ ำลงั ขนึ ้ รำคำ 3) พอถงึ สนำมหลวง คนขบั รถเมล์เหยยี บเบรกกะทนั หนั จนเรำหวั คะมำ 4) ทที่ ำงำนของฉนั กำลงั ซอ่ มลฟิ ต์ ท่หี ้องทำงำนก็ต้องซอ่ มสวิตช์ไฟด้วย 3. ข้อใดใช้คำถกู ต้อง 1) คณุ ยำยนง่ั จกั ตอกไว้สำนตะกร้ำ 2) คณุ แมเ่ จียกใบตองไว้ทำกระทง 3) ช่ำงตดั เสอื ้ กำลงั เรำะตะเข็บเสอื ้ 4) ครูสำธิตกำรชำแหละเนอื ้ เป็ นชิน้ บำง ๆ 4. ข้อใดใช้คำกริยำได้ถกู ต้อง 1) ถ้ำเขำไมจ่ ำกดั ตวั เองจำกคนกลมุ่ อน่ื เขำก็จะเป็ นท่รี ู้จกั มำกกวำ่ นี ้ 2) เขำทำงำนหนกั มำก ไมค่ อ่ ยมเี วลำให้ครอบครัว ในท่สี ดุ ก็ต้องเลกิ รำกบั ภรรยำ 3) นำยชำ่ งไมถ่ ือตวั เลย ชว่ งพกั กลำงวนั เขำมกั จะร่วมวงรับประทำนอำหำรกบั คนงำน 4) นกั ทอ่ งเที่ยวประทบั ใจทเ่ี คร่ืองประดบั ของไทยรำคำถกู แตม่ คี ณุ ภำพต่ำ 5. ข้อใดใช้คำได้ถกู ต้อง 1) กำรดำเนนิ งำนของสถำบนั ในระยะสองปี นไี ้ ม่คบื หน้ำเทำ่ ทีค่ วร 2) เขำได้รับรำงวลั อำจำรย์ดเี ดน่ เพรำะทมุ่ เทควำมรู้ให้นกั ศกึ ษำเสมอมำ 3) เขำได้ลงทนุ ขยบั ขยำยร้ำนใหมจ่ ำกร้ำนคหู ำเดยี วเป็ นสองคหู ำเมื่อปี กอ่ น 4) ตำรวจค้นพบหีบบตั รเลอื กตงั้ ลกึ ลบั โดยบงั เอิญในโบสถ์แหง่ หนง่ึ 6. ข้อใดใช้คำได้ถกู ต้อง 1) กำรกอ่ สร้ำงตกึ สงู ในเมอื งเชยี งใหมบ่ ทบงั ทศั นียภำพอนั เป็ นเอกลกั ษณ์ของเมอื ง 2) มนษุ ย์สงั เกตเห็นวำ่ สภำวกำรณ์ในชวี ิตมกั สมั พนั ธ์กบั ตำแหนง่ และกำรโคจรของดวงดำว 3) ควำมชรำไมใ่ ช่โรคแตเ่ ป็นควำมเสอ่ื มสมรรถนะทำงกำยทกี่ ่อให้เกิดโรคภยั ได้มำกมำย 4) ทกุ วนั นเี ้ป็ ดไกว่ วั ควำยจำนวนมำกต้องถกู นำมำแปรสภำพเป็ นอำหำรให้พวกเรำกิน 7. ข้อใดใช้คำได้ถกู ต้องตำมควำมหมำย 1) เธอปักผ้ำผิดจงึ ต้องเรำะออกแล้วปักใหม่ 2) คณุ ป่ ขู ลบิ ผมไฟหลำนคนแรกเมอ่ื อำยคุ รบเดือน 3) เธอมีนำ้ ตำกลบตำเมือ่ ฟังขำ่ วเดก็ ถกู ทงิ ้ ถงั ขยะ 4) แมบ่ อกลกู วำ่ อยำ่ ปลอ่ ยผมยำวรุ่ยร่ำยเวลำไปโรงเรียน
2 8. ข้อใดใช้คำไมถ่ กู ต้องตำมควำมหมำย 1) มกี ำรประชมุ ทวิภำคีระหวำ่ งประเทศทงั้ หลำยเมอ่ื เดือนทแี่ ล้ว 2) มีผ้คู ำดกำรณ์วำ่ ประเทศไทยจะสง่ สนิ ค้ำออกได้มำกขนึ ้ ในปลำยปี นี ้ 3) ภำพลกั ษณ์ของครูภำษำไทยปัจจบุ นั คือเป็ นคนทนั สมยั และคลอ่ งแคลว่ 4) ในยคุ โลกำภิวตั น์ เมอ่ื ประเทศใดประสบปัญหำทำงเศรษฐกิจก็จะมผี ลตอ่ ประเทศอืน่ ๆ ด้วย 9. ข้อใดใช้คำถกู ต้องตรงควำมหมำย 1) ผมวำ่ กรณีนยี ้ งั มอี ะไรเคลอื บแคลงอยอู่ กี มำก 2) พนกั งำนคนใหมพ่ ิมพ์หนงั สอื ตกหำยไปหลำยวรรค 3) ระวงั กระเป๋ ำให้ดี ๆ นะ อยำ่ ให้ใครฉกชิงเอำไปได้ 4) อยำ่ มำพดู ขม่ ขวญั คนอนื่ เลย เธอนะ่ ชอบบอกวำ่ ตวั ดีกวำ่ เพือ่ น ๆ อยเู่ รื่อย 10. ข้อควำมตอ่ ไปนตี ้ รงกบั สำนวนในข้อใด “เขำโชคดที ีไ่ ด้รับจดหมำยเรียกตวั เข้ำทำงำนทงั้ 2 แหง่ พร้อม ๆ กนั จึงตดั สนิ ใจไมไ่ ด้วำ่ จะเลอื กทำท่ไี หนดี” 1) จบั ปลำสองมอื 2) สองฝักสองฝ่ ำย 3) รักพ่ีเสยี ดำยน้อง 4) เหยียบเรือสองแคม 11. สำนวนไทยคใู่ ดมคี วำมหมำยเหมอื นกนั 1) ไมร่ ู้ทิศรู้ทำง ไมร่ ู้ร้อนรู้หนำว 2) ไมร่ ู้เหนอื รู้ใต้ ไมร่ ู้อโี หนอ่ ีเหน่ 3) ไมเ่ ออออหอ่ หมก ไมอ่ ินงั ขงั ขอบ 4) ไมช่ อบมำพำกล ไมเ่ ป็ นโล้เป็ นพำย 12. ข้อใดใช้สำนวนไทยได้ถกู ต้องเหมำะสม 1) ลกู ชำยของเขำเรียนจบและได้งำนทำเป็ นฝั่งเป็ นฝำไปแล้ว 2) ประชำชนดตู ำรวจตดั สำยชนวนระเบิดด้วยควำมอกสนั่ หวน่ั ไหว 3) ผ้ชู ำยคนนหี ้ น้ำไหว้หลงั หลอก ดยู มิ ้ แย้มแจ่มใส แตใ่ ห้คนออกจำกงำนเป็ นร้อยแล้ว 4) สงิ่ ท่เี ขำทำกบั เดก็ ๆ ในวนั นี ้ วนั หนงึ่ ข้ำงหน้ำก็จะเกิดกบั ลกู หลำนเขำเอง เป็ นกงเกวยี นกำเกวยี น 13. สำนวนในข้อใดมนี ำ้ เสยี งตำ่ งจำกข้ออื่น 1) ไม้หลกั ปักเลน 2) กิง้ ก่ำได้ทอง 3) ววั หำยล้อมคอก 4) นำ้ ซมึ บอ่ ทรำย 14. ข้อใดใช้สำนวนถกู ต้อง 1) เรื่องมนั ลว่ งเลยมำตงั้ นำนแล้ว คณุ จะแกวง่ เท้ำหำเสยี ้ นให้กลบั เป็ นเรื่องเป็ นรำวขึน้ มำอกี ทำไม 2) มีขำ่ วควำมไมส่ งบเกิดขนึ ้ ทไี ร ชำวบ้ำนกซ็ ือ้ สนิ ค้ำไปตนุ กนั จนแทบหมดห้ำง วนั นหี ้ ้ำงเลยเงยี บเป็ นเป่ ำสำก 3) เป็ นลกู ผ้หู ญิงต้องละเมยี ดละไม จะหยบิ จบั อะไรก็ให้เบำมือหนอ่ ย ข้ำวของจะได้ไมเ่ สยี หำยเหมอื นทวี่ ำ่ บวั ไมใ่ ห้ชำ้ นำ้ ไมใ่ ห้ขนุ่ 4) คณุ มีตำแหนง่ ใหญข่ นึ ้ มำอยำ่ งนี ้ อยำ่ เช่ือคำพดู หรือคำสนบั สนนุ ของคนทอ่ี ยแู่ วดล้อมให้มำกนกั พวกลกู ขนุ พลอยพยกั จะทำให้คณุ ลำบำก
3 15. แนวคิดข้อใดไมป่ รำกฏในข้อควำมตอ่ ไปนี ้ “รู้จกั เพียงพอดีท่จี ะรับ ควำมเกิดดบั ธรรมดำอทุ ำหรณ์ พร้อมรู้สกึ ตำมวิสยั ไปทกุ ตอน เหมอื นทกุ ก้อนกรวดทรำยยอ่ มคล้ำยกนั ” 1) รู้จกั ควำมเพยี งพอในชีวติ 2) รู้วำ่ กำรเกิดดบั เป็ นธรรมดำโลก 3) รู้วำ่ คนทงั้ หลำยเกิดมำเทำ่ เทียมกนั 4) รู้จกั คล้อยตำมเหตกุ ำรณ์ทเ่ี กิดขนึ ้ ในชวี ิต 16. คำประพนั ธ์ตอ่ ไปนใี ้ ห้คตติ รงกบั ข้อใดเดน่ ชดั ท่สี ดุ “จระเข้คบั นำ่ นนำ้ ไฉนหำ ภกั ษ์เฮย รถใหญ่กวำ่ รถั ยำ ยำกแท้ เสอื ใหญ่กวำ่ วนำ ไฉนอยู่ ได้แฮ เรือเข่อื งคบั ชเลแล้ แลน่ โล้ไปไฉน” 1) หง่ิ ห้อยอยำ่ แขง่ ไฟ 2) อยำ่ เป็ นจระเข้ขวำงคลอง 3) นำ้ พงึ่ เรือ เสอื พงึ่ ป่ ำ 4) เป็ นคนอยำ่ ทำใหญ่ 17. ข้อใดเป็ นแนวคิดสำคญั ของคำประพนั ธ์ตอ่ ไปนี ้ “ก็จริงอยผู่ ้หู ญิงใช่ดอกไม้ และก็ใช่ผ้ชู ำยใชผ่ ำหิน ตำ่ งก็คือสง่ิ ทม่ี ชี ีวิน อยบู่ นธรณินแผน่ ดนิ เดยี ว” 1) ผ้หู ญิงและผ้ชู ำยตำ่ งก็มชี ีวติ แตม่ ีธรรมชำตทิ ่ีแตกตำ่ งกนั 2) ผ้หู ญิงและผ้ชู ำยมคี วำมแข็งแกร่งเทำ่ เทียมกนั ในฐำนะสงิ่ มีชีวติ 3) ผ้หู ญิงและผ้ชู ำยมคี วำมเทำ่ เทยี มกนั และต้องพง่ึ พำอำศยั กนั 4) ผ้หู ญิงและผ้ชู ำยตำ่ งมศี กั ดิ์ศรีของควำมเป็ นมนษุ ย์เสมอกนั 18. คำประพนั ธ์ตอ่ ไปนแี ้ สดงคำ่ นิยมเก่ยี วกบั อะไร “ กะละออมเพ็ญเพยี บนำ้ ฤำตงิ โอง่ อำ่ งพร่องชลชิง เฟื่ องหม้ อ ผ้ปู รำชญ์หอ่ นสงุ สงิ เยยี ใหญ่ คนโฉดรู้น้อยก้อ พลอดนนั้ ประมำณ “ 1) กำรเลอื กคบคน 2) กำรประมำณตน 3) กำรไมพ่ ดู โอ้อวด 4) กำรแสวงหำควำมรู้ 19. ข้อใดกลำ่ วถงึ สงั คมไทยตำ่ งยคุ กบั ข้ออนื่ 1) อยธุ ยำโสภิตพ้น มำแปลง เป็ นฤๅ ฤๅวำ่ บญุ เพรงแสดง พระสร้ ำง 2) อยธุ ยำยศยงิ่ ฟ้ ำ ลงดิน แลฤๅ อำนำจบญุ เพรงพระ กอ่ เกือ้ 3) โกสนิ ทร์บรุ ินทร์รัตนอ้ำง ไอศวรรย์ สวรรค์ฤๅ ยศยงิ่ อยธุ ยำอนั ลว่ งแล้ว 4) อยธุ ยำยศลม่ แล้ว ลอยสวรรค์ ลงฤๅ สงิ หำสน์ปรำงค์รัตนำบรร- เจิดหล้ำ
20. ข้อใดเป็ นวตั ถปุ ระสงค์ของผ้แู ตง่ คำประพนั ธ์ตอ่ ไปนี ้ 4 “ยงิ่ ก้ำวหน้ำสำมำรถอำจกมุ โลก ย่งิ วิโยคยง่ิ วินำศอำฆำตเฆ่ียน 4) แสดงอดุ มกำรณ์ เอำชนะธรรมชำตอิ ำจพำกเพยี ร เอำชนะใจเจียนจะขำดใจ” 1) สงั่ สอน 2) ให้แงค่ ดิ 3) ให้กำลงั ใจ สงั คม 1. กำรเกิดขนึ ้ ของพระพทุ ธเจ้ำหมำยควำมวำ่ อยำ่ งไร 1) เพอ่ื ให้เป็ นผ้ปู ระกำศศำสนำ 2) เพอ่ื ชว่ ยเหลอื ผ้มู คี วำมทกุ ข์ 3) ทกุ ยคุ ทกุ สมยั ยอ่ มมีศำสดำเกิดขนึ ้ เป็ นธรรมดำ 4) มนษุ ย์มีศกั ยภำพสำมำรถรู้ควำมจริงของธรรมชำตไิ ด้ 2. มหำกำพยเ์ รื่องใดของศำสนำพรำหมณ์-ฮินดู มีอิทธิพลตอ่ วฒั นธรรมไทยมำกทสี่ ดุ 1) มหำภำรตะ 2) คมั ภีร์พระมนู 3) รำมำยณะ 4) คมั ภีร์ปรุ ำณะ 3. ข้อใดเป็ นคำสอนทส่ี ำคญั ท่สี ดุ ทพ่ี ระเยซทู รงประกำศแก่ปวงชน 1) “ อยำ่ ฆำ่ คน ” 2) “ อยำ่ คดิ มชิ อบ ” 3) “ จงรักเพอื่ นมนษุ ย์เหมอื นรักตนเอง ” 4) “ จงนมสั กำรพระเจ้ำแตเ่ พยี งพระองคเ์ ดียว ” 4. ทำไมศำสนำอิสลำมจึงห้ำมมสุ ลมิ บชู ำเครื่องรำงของขลงั 1) เพรำะสง่ิ เหลำ่ นนั้ เป็ นควำมงมงำยที่ไร้เหตผุ ล 2) เพรำะเครื่องรำงของขลงั เป็ นสงิ่ ทม่ี นษุ ย์สร้ำงขนึ ้ 3) เพรำะเคร่ืองรำงของขลงั ทำให้มองไมเ่ ห็นพระเจ้ำ 4) เพรำะเป็ นกำร “ ตงั้ ภำคี ” เสมอกบั พระอลั ลอฮ์ 5. กำรเสนอขำ่ วเปิ ดโปงกำรกระทำผิดของบคุ คลตำ่ ง ๆ ตำมหน้ำหนงั สอื พมิ พ์ และทำงโทรทศั น์เป็ นกลไกกำรจดั ระเบยี บ ทำงสงั คมแบบใด 1) วถิ ีประชำ 2) บทบำท 3) หน้ำท่ี 4) กำรขดั เกลำทำงสงั คม 6. หลกั ควำมเสมอภำคให้ควำมสำคญั ในเรื่องใด 1) สทิ ธิและหน้ำทขี่ องมนษุ ย์ 2) สทิ ธิและเสรีภำพของมนษุ ย์ 3) ศกั ดิศ์ รีและคณุ คำ่ ของมนษุ ย์ 4) กำรมสี ว่ นร่วมทำงกำรเมือง 7. ปัจจยั ใดแสดงควำมเป็ นพลเมอื งของรัฐได้ดีทส่ี ดุ 1) เชือ้ ชำติ 2) วฒั นธรรม 3) สทิ ธิและหน้ำท่ี 4) ภำษำประจำชำติ 8. ทรัพย์สนิ ทำงปัญญำประเภทใด ซงึ่ บคุ คลสำมำรถได้มำโดยไมต่ ้องจดทะเบยี นเพือ่ ค้มุ ครองสทิ ธิ 1) ลขิ สทิ ธิ์ 2) สทิ ธิบตั ร 3) อนสุ ทิ ธิบตั ร 4) เคร่ืองหมำยกำรค้ำ 9. กำรผดิ สญั ญำหมนั้ ฝ่ ำยทเี่ สยี หำยยอ่ มมีสทิ ธิเรียกร้องจำกฝ่ ำยทผ่ี ดิ สญั ญำได้ ยกเว้นเร่ืองใด 1) เรียกคำ่ ทดแทนควำมเสยี หำย 2) ร้องขอให้ศำลบงั คบั ให้มกี ำรสมรส 3) ถ้ำไมม่ กี ำรสมรสอนั เนือ่ งมำจำกฝ่ ำยหญิงผิดสญั ญำ ต้องคืนของหมนั้ ให้ฝ่ ำยชำย 4) ฝ่ ำยชำยเรียกสนิ สอดคืนจำกฝ่ ำยหญิงได้ ถ้ำไมม่ ีกำรสมรสโดยมเี หตสุ ำคญั อนั เกิดแก่หญิง
5 10. สทิ ธิของบคุ คลเริ่มตงั้ แตเ่ มื่อใด 1) เม่อื อยใู่ นครรภ์มำรดำนบั ตงั้ แตม่ ำรดำเริ่มตงั้ ครรภ์ 2) เมื่อคลอดจำกครรภ์มำรดำด้วยควำมปลอดภยั 3) เม่อื บดิ ำมำรดำแจ้งกำรเกิดตอ่ เจ้ำหน้ำทภ่ี ำยในระยะเวลำทก่ี ฎหมำยกำหนด 4) เม่ือบิดำมำรดำรับรองวำ่ เป็ นบตุ ร 11. ข้อใดไมส่ อดคล้องกบั หลกั กฎหมำยอำญำ 1) กฎหมำยอำญำจดั อยใู่ นประเภทกฎหมำยมหำชน 2) กฎหมำยอำญำไมม่ ีผลย้อนหลงั 3) กำรท่ีผ้กู ระทำควำมผดิ อำญำถงึ แกค่ วำมตำยไมท่ ำให้คดอี ำญำระงบั 4) กำรห้ำมประกอบอำชีพบำงอยำ่ งเป็ นสว่ นหนงึ่ ของกฎหมำยอำญำ 12. เพรำะเหตใุ ดป่ ำชำยเลนจงึ เป็ นป่ ำท่ีมีควำมสำคญั ทำงเศรษฐกิจ 1) เป็ นป่ ำไม้ผลดั ใบและเป็นแหลง่ อำศยั ของสตั ว์นำ้ หลำยประเภท 2) เป็ นป่ ำไม้ผลดั ใบและมไี ม้คณุ ภำพดเี ป็ นทีต่ ้องกำรของตลำด 3) เป็ นป่ ำไม้ไมผ่ ลดั ใบและเหมำะสำหรับเป็ นแหลง่ นนั ทนำกำร 4) เป็ นป่ ำไม้ไมผ่ ลดั ใบและเป็ นประโยชน์ตอ่ กำรขยำยพนั ธ์ขุ องสตั ว์นำ้ 13. ปัญหำมลพษิ ทำงอำกำศอนั เนื่องมำจำกกำรจรำจรตดิ ขดั ในกรุงเทพมหำนคร ได้รับกำรแก้ไขให้ดีขนึ ้ จำกกำรพฒั นำด้ำนใด 1) กำรสร้ำงสวนสำธำรณะเพมิ่ ขนึ ้ 2) กำรกระจำยแหลง่ งำนออกไปทกุ มมุ เมือง 3) กำรติดตงั้ ระบบฟอกอำกำศในยำนพำหนะเดินทำงทกุ ชนดิ 4) กำรมรี ะบบขนสง่ มวลชนประเภทรถไฟลอยฟ้ ำและรถไฟใต้ดนิ 14. ภำษีประเภทใดเป็ นภำษีทำงอ้อม 1) ภำษีเงินได้ 2) ภำษีศลุ กำกร 3) ภำษีมรดก 4) ภำษีโรงเรือน 15. ข้อใดจะชว่ ยลดควำมเหลอื่ มลำ้ ในกำรกระจำยรำยได้ 1) เก็บภำษีมรดก 2) ขนึ ้ ภำษีมลู คำ่ เพ่ิม 3) ลดอตั รำดอกเบยี ้ เงินฝำก 4) สง่ เสริมกำรตงั้ โรงพยำบำลในภมู ิภำค 16. กำรปฏวิ ตั คิ รัง้ ใดท่ไี มม่ ผี ลตอ่ แนวคดิ ในกำรเปลย่ี นแปลงกำรปกครองของไทยในสมยั รัชกำลท่ี 7 1) กำรปฏวิ ตั ิฝร่ังเศสในสมยั พระเจ้ำหลยุ ส์ที่ 16 2) กำรปฏวิ ตั ิอเมริกำ 3) กำรปฏวิ ตั ิของซุน ยตั เซน็ 4) กำรปฏวิ ตั ิของเหมำ เจ๋อตงุ 17. กำรเปลยี่ นแปลงด้ำนใดตงั้ แตร่ ัชกำลที่ 4 เป็ นต้นมำทสี่ ง่ ผลกระทบตอ่ คนสว่ นใหญ่ช้ำท่ีสดุ 1) ด้ำนสงั คม 2) ด้ำนเศรษฐกจิ 3) ด้ำนวฒั นธรรม 4) ด้ำนกำรปกครอง 18. ในสมยั พระบำทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้ำเจ้ำอยหู่ วั ได้มกี ำรดำเนินกำรในข้อใดท่ถี ือวำ่ เป็ นกำรปพู นื ้ ฐำนกำรปกครองแบบ ประชำธิปไตย 1) กำรจดั ตงั้ กระทรวง 2) กำรจดั ตงั้ มณฑลเทศำภบิ ำล 3) กำรจดั ตงั้ ดสุ ติ ธำนี 4) กำรเลกิ ทำส 19. กำรเปลยี่ นแปลงในด้ำนใดทเี่ กิดขนึ ้ หลงั สดุ 1) ทำสกลำยเป็ นเสรีชน 2) ไพร่เปลยี่ นแปลงเป็ นสำมญั ชน 3) เดก็ ทกุ คนต้องเรียนหนงั สอื 4) ชำยไทยต้องถกู เกณฑ์ทหำร
6 20. เหตกุ ำรณ์ใดเกดิ ขนึ ้ กอ่ นที่ไทยจะเข้ำร่วมรบเป็ นฝ่ ำยญ่ีป่ นุ ในสงครำมโลกครงั้ ที่ 2 1) กำรรณรงค์เพือ่ “ รัฐนยิ ม ” ของจอมพล ป. พิบลู สงครำม 2) กำรเรียกร้องดินแดนเขมรสว่ นในคนื จำกฝรั่งเศส 3) กำรก่อตงั้ ขบวนกำรเสรีไทย 4) กำรสร้ำงทำงรถไฟสำยมรณะ 21. แนวคดิ ใดของขบวนกำรฟืน้ ฟศู ิลปวทิ ยำกำร (Renaissance) เป็ นรำกฐำนของกำรปกครองแบบประชำธิปไตย 1) สจั นยิ ม 2) เสรีนยิ ม 3) ชำตนิ ิยม 4) มนษุ ยนิยม 22. แนวคิดและผลงำนของใครท่ที ำให้มนษุ ย์มคี วำมเข้ำใจวิวฒั นำกำรของสงิ่ มชี ีวติ มำกขนึ ้ และเป็ นจดุ เร่ิมต้นของกำรศกึ ษำ ด้ำนพนั ธวุ ิศวกรรมศำสตร์ 1) ชำร์ลส์ ดำร์วนิ และ หลยุ ส์ ปำสเตอร์ 2) เกรเกอร์ เมนเดล และ เอ็ดเวริ ์ด เจนเนอร์ 3) ชำร์ลส์ ดำร์วนิ และ เกรเกอร์ เมนเดล 4) เอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์ และ หลยุ ส์ ปำสเตอร์ 23. กำรกำหนดให้วนั ที่ 14 กรกฎำคม เป็ นวนั ชำติฝร่ังเศส เป็ นกำรรำลกึ ถงึ เหตกุ ำรณ์ใด 1) กำรประกำศยกเลกิ อภิสทิ ธ์ิของชนชนั้ ขนุ นำง 2) กำรที่ชำวปำรีสบกุ ทำลำยสถำนจองจำนกั โทษกำรเมือง 3) กำรเรียกประชมุ สภำฐำนนั ดรหลงั จำกวำ่ งเว้นมำร้อยกวำ่ ปี 4) กำรทน่ี กั ปฏวิ ตั ิประกำศจดั ตงั้ สำธำรณรัฐและล้มเลกิ ระบอบกษัตริย์ 24. กำรทปี่ ระเทศตำ่ ง ๆ ในเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ได้รับเอกรำชมีสำเหตสุ ำคญั จำกเหตกุ ำรณ์ใด 1) สงครำมโลกครงั้ ที่ 2 2) ชยั ชนะของพรรคคอมมิวนิสต์จีน 3) ฝรั่งเศสพำ่ ยแพ้เวยี ดนำมทเี่ ดียนเบยี นฟู 4) หลกั กำรกำรกำหนดอนำคตของตนเองของประธำนำธิบดี วดู โรว์ วลิ สนั 25. เหตกุ ำรณ์ใดเกดิ ขนึ ้ กอ่ นท่ีไทยจะเข้ำร่วมรบเป็ นฝ่ ำยญ่ีป่ นุ ในสงครำมโลกครงั้ ที่ 2 1) กำรรณรงค์เพื่อ “ รัฐนิยม ” ของจอมพล ป. พิบลู สงครำม 2) กำรเรียกร้องดินแดนเขมรสว่ นในคนื จำกฝรั่งเศส 3) กำรกอ่ ตงั้ ขบวนกำรเสรีไทย 4) กำรสร้ำงทำงรถไฟสำยมรณะ 25. ยทุ ธศำสตร์กำรเมอื งของโลกในรูปแบบ 3 ขวั้ อำนำจนนั้ คำวำ่ สำมขวั้ อำนำจก่อนสหภำพโซเวียตจะลม่ สลำยหมำยถึงประเทศใด 1) สหรัฐอเมริกำ สหภำพโซเวยี ต องั กฤษ 2) องั กฤษ สหภำพโซเวยี ต เยอรมนี 3) สหรัฐอเมริกำ สหภำพโซเวยี ต สำธำรณรัฐประชำชนจีน 4) สหรัฐอเมริกำ สหภำพโซเวียต สหภำพยโุ รป
Search
Read the Text Version
- 1 - 7
Pages: