วิชาเคมี O-NET อาจารยกรกฤช ศรวี ชิ ยั
วิทยาศาสตร์ O-NET IG & PAGE : KRU TING KRU CLUB วทิ ยาศาสตร์ O-NET โดย ครูต่ิง : กรกฤช ศรีวชิ ยั โรงเรียนกวดวชิ าครูคลบั ( KRUCLUB ) 1. ชายคนหน่ึงตาบอดสี แต่งงานกบั หญิงตาปกติ แลว้ มีลกู ชายคนแรกตาบอดสี ขอ้ ใดกล่าวถึงลกั ษณะตาบอดสีในครอบครัวน้ีไดถ้ ูกตอ้ ง 1. ลูกชายทุกคนจะตาบอดสี 2. ลูกสาวทุกคนจะมีตาปกติ แต่เป็นพาหะ 3. ลกู ชายมีโอกาสตาบอดสีมากกวา่ ลูกสาว 4. ลูกชายแต่ละคนมีโอกาสตาบอดสีร้อยละ 50 5. ลูกชายและลูกสาวแต่ละคนมีโอกาสตาบอดสีร้อยละ 25 ~1~
วทิ ยาศาสตร์ O-NET IG & PAGE : KRU TING KRU CLUB 2. ในทะเลทราย ซ่ึงมีอากาศร้อนและแหง้ แลง้ ถา้ มนุษยท์ ากิจกรรมไม่ด่ืมน้า ขอ้ ใดคือการเปล่ียนแปลงของร่างกายเพอ่ื ปรับสมดุลน้าทนั ทีท่ีหยดุ ทากิจกรรม ความเข้มข้นของเลอื ด ต่อมใต้สมอง ท่อหน่วยไต 1. ลดลง ยบั ย้งั การสร้างฮอร์โมน 2. ลดลง ไม่ดูดน้ากลบั 3. สูงข้ึน สร้างฮอร์โมน ดูดน้ากลบั 4. สูงข้ึน ยบั ย้งั การสร้างฮอร์โมน ไม่ดูดน้ากลบั 5. ไม่เปล่ียนแปลง ดูดน้ากลบั สร้างฮอร์โมน ดูดน้ากลบั ยบั ย้งั การสร้างฮอร์โมน ~2~
วิทยาศาสตร์ O-NET IG & PAGE : KRU TING KRU CLUB 3. จดั ชุดการทดลองในหอ้ งโล่งที่มีแสง เพือ่ สงั เกตการเคล่ือนท่ีของฟองอากาศในหลอดแกว้ ท่ีเตม็ ไปดว้ ยน้า ขณะเริ่มการทดลอง ฟองอากาศอยใู่ นตาแหน่ง A ดงั ภาพ เม่ือเวลาผา่ นไป ฟองอากาศ ค่อยๆ เคลื่อนที่สูงข้ึน โดยพบวา่ เม่ือเวลาผา่ นไป 3 ชว่ั โมง ฟองอากาศจะเคลื่อนท่ีไปถึงตาแหน่ง B หากตอ้ งการใหอ้ ากาศเคลื่อนท่ีถึงตาแหน่ง B เร็วข้ึน ควรปรับปรุงชุดการทดลองน้ีอยา่ งไร 1. ทดลองในหอ้ งมืดท่ีเป็นระบบปิ ด 2. เปิ ดโคมไฟใหแ้ สงส่องใบพชื เพ่ิมมากข้ึน 3. เดด็ ใบพชื ออกบางส่วนและทาข้ีผ้งึ ตามรอยเดด็ 4. เพิ่มความช้ืนสมั พทั ธใ์ นอากาศของหอ้ งใหม้ ากข้ึน 5. เปล่ียนก่ิงพืชโดยใชพ้ ืชชนิดเดิมท่ีมีจานวนใบเท่าเดิมแต่มีขนาดใบเลก็ ลง ~3~
วทิ ยาศาสตร์ O-NET IG & PAGE : KRU TING KRU CLUB 4. ขอ้ ใดเป็นการประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยชี ีวภาพท่ีไม่ถูกตอ้ ง 1. การตรวจหาคนร้ายโดยใชล้ ายพมิ พด์ ีเอน็ เอ 2. การระบุความแตกต่างระหวา่ งแฝดร่วมไข่ดว้ ยลายพมิ พด์ ีเอน็ เอ 3. การอนุรักษพ์ นั ธุ์กลว้ ยไมใ้ หม้ ีลกั ษณะคงเดิมดว้ ยการเพาะเล้ียงเน้ือเยอื่ 4. การสร้างกระต่ายท่ีเหมือนกบั กระต่ายตน้ แบบดว้ ยการโคลนจากเซลลต์ บั 5. การสร้างแบคทีเรียที่ผลิตน้ามนั จากยนี ของสาหร่ายดว้ ยการใชโ้ มเลกุลดีเอน็ เอลูกผสม ~4~
วิทยาศาสตร์ O-NET IG & PAGE : KRU TING KRU CLUB 5. พ้นื ท่ีใดจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแทนท่ีแบบปฐมภูมิ 1. พ้ืนที่ป่ าเสื่อมโทรม 2. พ้ืนท่ีป่ ามีการเผาทาลายป่ า 3. พ้ืนที่ทาไร่ของชาวเขาท่ีถกู ปล่อยทิง้ ร้าง 4. พ้นื ท่ีถกู ปกคลุมดว้ ยลาวาจากภเู ขาไฟ 5. พ้ืนท่ีทาไร่ของชาวเขาท่ีถกู ปล่อยทิ้งร้าง ~5~
วทิ ยาศาสตร์ O-NET IG & PAGE : KRU TING KRU CLUB 6. กาหนดตาแหน่งของธาตุ 7 ชนิด ในคาบที่ 1-4 ของตารางธาตุ ดงั น้ี IA IIA IIIA IVA VA VIA VIIA VIIIA AC EF B DG จากขอ้ มูล ขอ้ สรุปใดต่อไปน้ีถกู ตอ้ ง 1. ธาตุ A B C และ E เป็นธาตุโลหะ 2. ธาตุ F และ G มีสมบตั ิทางเคมีแตกต่างกนั 3. ธาตุ A C D และ G มเี วเลนซอ์ ิเลก็ ตรอนเท่ากบั 3 4. ความเป็นอโลหะของธาตุ G มากกวา่ F 5. ความวอ่ งไวในการเกิดปฏิกิริยาของธาตุกบั น้าเรียงจากมากไปนอ้ ย คือ B A C ~6~
วิทยาศาสตร์ O-NET IG & PAGE : KRU TING KRU CLUB 7.ขอ้ มูลแสดงสมบตั ิบางประการของสาร 4 ชนิด เป็นดงั น้ี สาร จุดเดอื ด (◦C) จุดหลอมเหลว(◦C) การนาไฟฟ้ า ของแขง็ ของเหลว A 444 115 ไม่นา ไม่นา B 1465 801 ไม่นา นา C 4027 3730 ไม่นา ไม่นา D 2162 962 นา นา ขอ้ มลู ขอ้ สรุปเก่ียวกบั สมบตั ิและแรงยดึ เหน่ียมระหวา่ งอนุภาคของสารต่อไปน้ีใช่หรือไม่ ข้อความ ใช่หรือไม่ใช่ 7.1 สาร B เป็นสารประกอบที่อาจเกิดจากธาตุหมู่ IA กบั หมู่ VIIA ใช่ / ไม่ใช่ 7.2 สาร B และสาร D นาไฟฟ้ าได้ เน่ืองจากการเคลื่อนท่ีของอิเลก็ ตรอนอิสระ ใช่ / ไม่ใช่ 7.3 แรงยดึ เหน่ียวระหวา่ งอนุภาคในสาร A เกิดจากอะตอมใชเ้ วเลนซ์ ใช่ / ไม่ใช่ อิเลก็ ตรอนร่วมกนั เช่นเดียวกบั แรงยดึ เหนี่ยวระหว่างอนุภาคในสาร C ~7~
วทิ ยาศาสตร์ O-NET IG & PAGE : KRU TING KRU CLUB 8. ขอ้ มูลแสดงจานวนอะตอมคาร์บอนของผลิตภณั ฑท์ ี่ไดจ้ ากกระบวนการกลนั่ น้ามนั ดิบ เป็นดงั น้ี ผลติ ภณั ฑ์ จานวนอะตอม S 37 P 3 R 16 Q 9 จากขอ้ มูล ขอ้ สรุปใดต่อไปน้ีถูกตอ้ ง 1. ผลิตภณั ฑ์ S อยชู่ ้นั บนสุดของหอกลน่ั 2. ผลิตภณั ฑ์ R จุดเดือดสูงกวา่ ผลิตภณั ฑ์ P 3. ผลิตภณั ฑ์ Q จุดหลอมเหลวสูงกวา่ ผลิตภณั ฑ์ R 4. ผลิตภณั ฑ์ S มีสถานะเป็นแกส๊ ส่วนผลิตภณั ฑ์ P มีสถานะเป็นของเหลว 5. ผลิตภณั ฑ์ R มีสถานะเป็นของเหลวขน้ เหนียวและหนืดมากกวา่ ผลิตภณั ฑ์ S ~8~
วทิ ยาศาสตร์ O-NET IG & PAGE : KRU TING KRU CLUB 9. ขอ้ ใดกล่าวถึงผลิตภณั ฑจ์ ากปิ โตเลียมไม่ถกู ตอ้ ง 1. แก๊สหุงตม้ เป็นแก๊สท่ีไดจ้ ากการผสมระหวา่ งโพรเพนกบั บิวเทน 2. ขวดพลาสติก ยางสงั เคราะห์ และโฟมเป็นผลิตภณั ฑท์ ี่ไดจ้ ากอุตสาหกรรมปิ โตรเคมี 3. การเผาไหมน้ ้ามนั เบนซินเกิดแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ เขม่า และควนั มากกวา่ แก๊ส LPG 4.น้ามนั แก๊สโซฮอล์ E10 ช่วยลดมลพษิ และลดการใชน้ ้ามนั มากกวา่ น้ามนั แก๊สโซฮอล์ E20 5.โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้ าใชแ้ กส๊ มีเทนเป็นเช้ือเพลิงทดแทนการใชน้ ้ามนั เตาและลิกไนตเ์ พื่อช่วย ลดปัญหาการเกิดฝนกรด ~9~
วทิ ยาศาสตร์ O-NET IG & PAGE : KRU TING KRU CLUB 10. พิจารณาโครงสร้างพอลิเมอร์ 4 ชนิด ดงั น้ี ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งโครงสร้างกบั สมบตั ิของพอลิเมอร์ต่อไปน้ีถูกตอ้ งใช่หรือไม่ ข้อความ ใช่หรือไม่ใช่ 10.1 จุดหลอมเหลวของพอลิเมอร์ชนิดท่ี 1 > ชนิดที่2 > ชนิดที่ 3 ใช่ / ไม่ใช่ 10.2 ท่อพีวซี ี และ หูกระทะ ควรผลิตจากพอลิเมอร์ชนิดที่ 4 เท่าน้นั ใช่ / ไม่ใช่ 10.3 พอลิเมอร์ชนิดที่ 2 3 และ 4 สามารถนากลบั มาหลอมข้ึนรูปใหม่ได้ ใช่ / ไม่ใช่ ~ 10 ~
วทิ ยาศาสตร์ O-NET IG & PAGE : KRU TING KRU CLUB 11. กาหนดให้ ความเร่งโนม้ ถ่วงท่ีพ้ืนท่ีผวิ ดาวเคราะห์ A เท่ากบั 3 เมตรต่อวนิ าที2 ความเร่งโนม้ ถ่วงที่พ้นื ท่ีผวิ ดาวเคราะห์ B เท่ากบั 1 เมตรต่อวนิ าที 2 ถา้ ชง่ั น้าหนกั ของวตั ถุมวล 2 กิโลกรัม บนพ้ืนท่ีผวิ ดาวเคราะห์ท้งั สอง น้าหนกั ของวตั ถุ ณ ดาวดวงใดมีค่ามากกวา่ กนั และมากกวา่ กนั เท่าใด 1. น้าหนกั ของวตั ถุบนดาวเคราะห์ A มากกวา่ และมากกวา่ 2 นิวตนั 2. น้าหนกั ของวตั ถุบนดาวเคราะห์ A มากกวา่ และมากกวา่ 4 นิวตนั 3. น้าหนกั ของวตั ถุบนดาวเคราะห์ B มากกวา่ และมากกวา่ 2 นิวตนั 4. น้าหนกั ของวตั ถุบนดาวเคราะห์ B มากกวา่ และมากกวา่ 4 นิวตนั 5. น้าหนกั ของวตั ถุบนดาวเคราะห์ A เท่ากบั B ~ 11 ~
วิทยาศาสตร์ O-NET IG & PAGE : KRU TING KRU CLUB 12. เม่ือวางอนุภาค A B และ C ในบริเวณที่มีสนามไฟฟ้ าสมา่ เสมอ ซ่ึงมีทิศทางช้ีลง ดงั ภาพท่ี 1 กาหนดให้ แทนสนามไฟฟ้ า แทนทิศทางการเคลื่อนท่ีของอนุภาค จากภาพที่ 1 อนุภาคใดมีประจุไฟฟ้ าเป็นบวก และเมื่อยงิ อนุภาค A B และ C เขา้ ไปในแนวต้งั ฉาก กบั สนามไฟฟ้ าดงั ภาพที่ 2 อนุภาคใดจะเคล่ือนท่ีโดยไม่เบน (ตอบตามลาดบั ) 1. A และ B 2. A และ C 3. B และ B 4. C และ A 5. C และ B ~ 12 ~
วทิ ยาศาสตร์ O-NET IG & PAGE : KRU TING KRU CLUB 13.กาหนด พลงั งาน ( E) ของคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้ าแปรผนั ตรงกบั ความถี่ (f) ของคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟ้ า Eαf พิจารณาการแบ่งสเปกตรัมของคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟ้ าออกเป็น 5 ช่วง ตามความยาวคลื่น ดงั น้ี กาหนดให้ อตั ราเร็วของคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟ้ าในสุญญากาศ เท่ากบั 3 ×108 เมตรต่อวนิ าที จากขอ้ มลู ขา้ งตน้ ขอ้ ความใดกล่าวถกู ตอ้ ง 1. คลื่นช่วง a มีความถ่ีนอ้ ยท่ีสุด 2. คล่ืนช่วง e มีพลงั งานมากที่สุด 3. คลื่นช่วง b มีพลงั งานมากกวา่ คล่ืนช่วง d 4. คล่ืนไมโครเวฟความยาว 1 เซนติเมตร ถกู จดั อยใู่ นช่วง d 5. หากแสงที่ตารับรู้ในช่วง c รังสีอินฟราเรดจะอยใู่ นช่วง b ~ 13 ~
วทิ ยาศาสตร์ O-NET IG & PAGE : KRU TING KRU CLUB 14. พจิ ารณาปฏิกิริยานิวเคลียร์ต่อไปน้ี 23������������ + 23������������ → 42������������ + 11������ + 11������ ปฏิกิริยานิวเคลียร์ขา้ งตน้ เป็นปฏิกิริยาประเภทใด และใหพ้ ลงั งานนิวเคลยี ร์เท่าใด กาหนดให้ มวลอะตอมรวมก่อนและหลงั เกิดปฏิกิริยา เท่ากบั M1 และ M2 ตามลาดบั โดยที่ M1 > M2 c คือ อตั ราเร็วของแสงในสุญญากาศ 1. นิวเคลียร์ฟิ วชนั ใหพ้ ลงั งงาน ( M1 - M2 ) C2 2. นิวเคลียร์ฟิ วชนั ใหพ้ ลงั งงาน ( M1 + M2 ) C2 3. นิวเคลียร์ฟิ วชนั ใหพ้ ลงั งงาน (������1− ������2) C2 4. นิวเคลียร์ฟิ วชนั ใหพ้ ลงั งงาน ( M1 - M2 ) C2 5. นิวเคลียร์ฟิ ชชนั ใหพ้ ลงั งงาน (������1− ������2) C2 ~ 14 ~
วทิ ยาศาสตร์ O-NET IG & PAGE : KRU TING KRU CLUB 15. พิจารณาการสลายของนิวเคลียส ดงั สมาการ (1) 2658������������∗ → 2658������������ + ������ (2) 14640������������ → 14548������������ + ������ (3) 1228������������ → 2188������������ + ������ กาหนดให้ X Y และ Z คือ อนุภาคหรือรังสีท่ีไดจ้ ากการสลาย การเรียงลาดบั ความสามารถในการเคล่ือนที่ทะลุผา่ นส่ิงกีดขวางของอนุภาค X Y และ Z ตามขอ้ ใด ที่เรียงจากต่าท่ีสุดไปสูงที่สุดไดถ้ กู ตอ้ ง 1. X Z Y 2. Y Z X 3. Y X Z 4. Z X Y 5. Z Y X ~ 15 ~
วิทยาศาสตร์ O-NET IG & PAGE : KRU TING KRU CLUB 16. ภาพแสดงโครงสร้างภายในของโลก ตาแหน่งศนู ยเ์ กิดแผน่ ดินไหว I และ II และตาแหน่ง เคร่ืองวดั ความไหวสะเทือน 4 จุด คือ A B C และ D เป็นดงั น้ี I ผลการรับสญั ญาณคล่ืนปฐมภูมิและคล่ืนทุติยภมู ิของเคร่ืองวดั ความไหวสะเทือนใดต่อไปน้ีถกู ตอ้ ง ศูนย์เกดิ แผ่นดินไหว I ศูนย์เกดิ แผ่นดินไหว II เครื่องวดั ทรี่ ับ เครื่องวดั ทรี่ ับ เคร่ืองวดั ทรี่ ับ เครื่องวดั ทรี่ ับ คลนื่ ปฐมภูมไิ ด้ คลน่ื ทตุ ยิ ภูมไิ ด้ คลน่ื ปฐมภูมไิ ด้ คลน่ื ทุตยิ ภูมไิ ด้ 1. A B D AB BD D 2. A B D AB BD ACD 3. A B D ABC ABCD D 4. A B C D AB ABCD D 5. A B C D ABC ABCD ACD ~ 16 ~
วทิ ยาศาสตร์ O-NET IG & PAGE : KRU TING KRU CLUB 17. นกั ธรณีวทิ ยาไดส้ ารวจเทือกเขาใตส้ มุทรแห่งหน่ึง ซ่ึงเป็นแนวรอยต่อของแผน่ ธรณี 2 แผน่ และ ไดเ้ กบ็ ตวั อยา่ งหินบะซอลตใ์ นบริเวณท่ี 1 และบริเวณท่ี 2 จากภาพ ขอ้ ใดต่อไปน้ีถูกตอ้ ง 1.หินบะซอลตบ์ ริเวณที่ 1 มีอายมุ ากกวา่ หินบะซอลตบ์ ริเวณท่ี 2 2.เทือกสนั เขาใตส้ มุทรน้ีเกิดการเคลื่อนที่เขา้ หากนั ของแผน่ ธรณี A และ B 3.เมื่อเวลาผา่ นไป บริเวณที่ 1 และบริเวณท่ี 2 จะเคล่ือนท่ีเขา้ หาแนวรอยต่อของแผน่ ธรณีมากข้ึน 4.บริเวณส่วนปลายอีกดา้ นหน่ึงของแผน่ ธรณีท้งั สองแผน่ จะเกิดการเคล่ือนที่แยกจากกนั 5.บริเวณที่ 2 เกิดการแทรกตวั ของแมกมาข้ึนมา เกิดเป็นหม่เู กาะภเู ขาไฟรูปโคง้ กลางมหาสมุทร ~ 17 ~
วิทยาศาสตร์ O-NET IG & PAGE : KRU TING KRU CLUB 18. ภาพวาดแสดงหนา้ ตดั ของช้นั หินและซากดึกกาบรรพท์ ี่พบในบริเวณหน่ึง เป็นดงั น้ี จากภาพ ขอ้ ความใดต่อไปน้ีถูกตอ้ ง 1.รอยเล่ือน AB เกิดข้ึนก่อนช้นั หิน ก ข ค ง 2.ซากดึกดาบรรพข์ องแอมโมนอยดม์ ีอายเุ ก่าแก่กว่าปะการัง 3.ช้นั หิน ง เป็นหินกรวดมนที่มีอายนุ อ้ ยท่ีสุดเม่ือเทียบกบั ช้นั หินอื่น ๆ 4.ซากดึกดาบรรพข์ องหอยตะเกียงจะพบเฉพาะในช้นั ของหินปูนเท่าน้นั 5.ลาดบั การเกิดช้นั หินเร่ิมจาก หินกรวดมน หินทราย หินดินดาน และหินปูนตามลาดบั ~ 18 ~
วิทยาศาสตร์ O-NET IG & PAGE : KRU TING KRU CLUB 19. นกั ดาราศาสตร์คนหน่ึงคน้ พบดาวฤกษใ์ หม่ 3 ดวง ไดผ้ ลการสารวจดงั น้ี ดาวฤกษ์ มุมแพรัลแลกซ์ (ฟิ ลิปดา) สีของดาวฤกษ์ โซติมาตรปรากฏ A 0.2 แดง 2 B 0.25 น้าเงิน -0.5 CX ขาว 0 จากขอ้ มูล ขอ้ สรุปต่อไปน้ีถกู ตอ้ งใช่หรือไม่ ข้อความ ใช่หรือไม่ใช่ 19.1 หากมุมแพรัลแลกซ์ของดาวฤกษ์ C มีค่า 0.5 ฟิ ลิปดา แสงจากดาวฤกษ์ C จะใชเ้ วลา ใช่ / ไม่ใช่ เดินทางมายงั โลกนานกวา่ ดาวฤกษ์ A และ B 19.2 ดาวฤกษ์ B มีอุณหภูมิที่พ้นื ผวิ สูงที่สุด รองลงมา คือ ดาวฤกษ์ C และ A ใช่ / ไม่ใช่ 19.3 เม่ือมองดว้ ยตาเปล่าจะเห็นดาวฤกษ์ A สวา่ งที่สุด รองลงมา คือ ดาวฤกษ์ C และ B ใช่ / ไม่ใช่ ~ 19 ~
วิทยาศาสตร์ O-NET IG & PAGE : KRU TING KRU CLUB 20. ดาวเทียมสื่อสารจะโคจรรอบโลกโดยมีคาบการโคจรรอบโลกเท่ากบั คาบการหมุนรอบตวั เอง ของโลก ในอนาคตนกั วิทยาศาสตร์มีโครงการที่จะสร้างสถานีวจิ ยั อวกาศบนดาวองั คารและส่ง ดาวเทียมข้ึนโคจรรอบดาวองั คาร กาหนดให้ อตั ราเร็วในวงโคจรของดาวเทียมและคาบการโคจรของดาวเทียม หาไดจ้ าก vc = √GRM = 2πR T G คือ ค่าคงตวั โนม้ ถ่วง ถา้ ดาวองั คารมีมวล 0.1 เท่าของโลก และมีคาบการหมุนรอบตวั เองเท่ากบั โลก รัศมีการโคจรของ ดาวเทียมสื่อสารรอบดาวองั คารจะมีค่าเป็นก่ีเท่าของรัศมีการโคจรของดาวเทียมส่ือสารรอบโลก 1. 1 √3 0.1 2. √3 0.1 3. √0.1 4. 0.1 5. 1.0 ~ 20 ~
Search
Read the Text Version
- 1 - 21
Pages: