วิชาวทิ ยาศาสตร (ชวี วิทยา) อาจารยอำพล ขวญั พกั (ครกู าแฟ)
ตวิ เข้มเตมิ เต็มความรู้ ชีววิทยา 3C Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 1
เข้าท…่ี . 1.ข้อใดกล่าวถกู ต้อง ก.เยื่อหุ้มนิวเคลียสพบในสาหรา่ ยสีเขียว ข.เซลล์แบคทีเรยี ไม่มีเยือ่ หมุ้ เซลล์ ค.เซลล์ของส่งิ มีชีวติ ทุกชนิดมีเยือ่ หุ้มนิวเคลียส ง.เซลล์ทกุ เซลล์มเี ยื่อหุ้มเซลล์ 1) ก เท่าน้ัน 2) ก และ ง 3) ข และ ง 4) ข ค และ ง 5) ง เท่านั้น 2.ข้อใดกล่าวถึงคลอโรพลาส(chloroplast)ไม่ถกู ต้อง 1)มีเยือ่ หุ้มสองชั้น 2)พบในเซลล์สิ่งมีชีวติ อาณาจักรฟงั ไจ 3)มีของเหลวภายในเรียกว่า สโตรมา 4)สามารถจาลองตัวเองได้เนอ่ื งจากมี DNA 5)เปน็ ออร์แกเนลล์ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสง 3.กาหนดให้เซลล์แม่มีโครโมโซมจานวน 8 แท่ง เมอ่ื ผา่ นกระบวนการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสแลว้ จะได้ เซลล์ลกู กี่เซลล์และแตล่ ะเซลล์มโี ครโมโซมกี่แท่ง 1. 1 เซลล์ /4 แท่ง 2. 1 เซลล์ /8 แท่ง 3. 2 เซลล์ /4 แท่ง 4. 2 เซลล์ /8 แท่ง 5. 1 หรือ 2 เซลล์/ 8 แท่ง 4.ข้อใดอธิบายเกี่ยวกบั เยือ่ หมุ้ เซลล์(plasma membrane)ได้ถูกต้อง 1)มีองค์ประกอบหลักคือ ฟอสเฟตและลิพิด 2)สามารถใหส้ ารเข้า-ออกได้ทุกประเภท 3)มีสารจาพวกลิพิดแทรก ซึง่ ทาหนา้ ที่เป็นตัวช่วยลาเลียงสารเข้า-ออกเซลล์ 4)ส่วนทีช่ อบน้า(hydrophilic head) เปน็ ส่วนทีไ่ ม่มีขว้ั ส่วนทีไ่ ม่ชอบน้า (hydrophobic tail) เป็นส่วนที่มขี ้ัว 5)พบในสิง่ มชี ีวติ อาณาพืชและสัตวเ์ ท่านั้น Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 2
5. กระบวนการใดสัมพนั ธ์กบั ภาพที่กาหนดให้ 1)การนาสารออกพิษออกจากเซลล์ของอะมีบา 2) การหลั่งเอนไซม์จากกระเพาะอาหารของมนุษย์ 3)การทาลายแบคทีเรยี ของเม็ดเลือดขาว 4)การดดู ซึมน้าเข้าสู่เซลล์ 5)การรักษาสมดลุ ของนกทะเล 6.เด็กชายอาพลนาชิน้ มะม่วงทีซ่ อื้ จากโรงเรยี นมาแช่ในน้าปลาทีบ่ ้าน เซลล์ของมะม่วงควรเป็นอย่างไร น้าปลาเมอ่ื เทียบกบั เซลล์จดั เปน็ สารละลายประเภทใด 1)เซลล์เต่ง สารละลายไฮโพโทนิก 2)เซลล์แตก สารละลายไฮเพอร์โทนิก 3)เซลล์เหี่ยว สารละลายไฮเพอร์โทนิก 4)เซลล์คงสภาพ สารละลายไฮโพโทนิก 5)เซลล์คงสภาพ สารละลายไอโซโทนิก 7.นายมดเอ็กซ์ไปเทีย่ วภกู ระดงึ ในหน้าหนาว เหตุการณ์ใดต่อไปนีส้ มั พนั ธ์กับสิง่ ทีจ่ ะเกิดข้ึนกบั เขา 1)หลอดเลือดฝอยขยายตวั 2)รขู มุ ขนขยายตวั 3)หัวใจหยดุ เต้นช่วั ขณะ 4)ขนลกุ ชัน 5)ข้อ 1)และ ข้อ 4) ถกู ต้อง Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 3
8. เด็กชายอนรุ กั ษ์ออกเดินทางไกลในวิชาลูกเสือ เขาไม่คอ่ ยได้ดม่ื นา้ ทาให้ปัสสาวะนอ้ ยกว่ากว่าปกติ เหตุ ใดจงึ เป็นเช่นนนั้ 1)การหลงั่ ADH เพิม่ ขึน้ 2)การหล่งั ADH ซินลดลง 3)การหล่ัง ADH ปกติ 4)การหล่งั vasopressin hormone ลดลง 5)กระเพาะปัสสาวะไม่สามารถทางานได้ตามปกติ 9.การดม่ื น้าอดั ลมซึง่ มีความเปน็ กรดเปน็ ปริมาณมากๆทาให้เลือดมสี ภาวะเปน็ กรดจรงิ หรือไม่ เพราะเหตุ ใด 1) ไม่เปน็ กรด เพราะเลือดมีสมบตั ิเป็นสารละลายบัฟเฟอร์ 2) ไม่เป็นกรด เพราะร่างกายจะได้รับอันตรายได้หากเลือดมีสภาวะเปน็ กรด 3) เป็นกรดจริง เพราะวิตามินซีละลายน้าได้ 4.)เปน็ กรดจริง เพราะน้าส้มมรี สเปรยี้ วและมีปริมาณกรดสูง 5) อาจจะเป็นกรดหรือไม่ก็ได้ข้ึนอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบคุ คล 10.การทีร่ ่างกายมีปริมาณ CO2 สูงอาจส่งผลให้เลือดเปน็ กรด ซึ่งอาจก่อให้ร่างกายทางานผดิ ปกติ สมอง ส่วนใดต่อไปนีท้ าหนา้ ทีเ่ กีย่ วข้อกบั การควบคมุ ปริมาณ CO2 1) Cerebellum 2) Cerebrum 3) Medulla Oblongata 4) pons 5)ข้อ 1 และ ขอ้ 2 11.สตั ว์ในข้อใดต่อไปนีท้ ี่อุณหภูมิร่างกายเปลีย่ นแปลงตามสิ่งแวดล้อม 5)จงิ โจ้ 1)ช้าง 2)อูฐ 3)ม้าน้า 4)ไฮยีนา Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 4
12.อวยั วะชนิดใดทีไ่ ม่ได้จัดว่าเป็นอวัยวะน้าเหลือง 1)ต่อมไทมัส 2)ม้าม 3)ต่อมทอนซิล 4)ตบั 5)ข้อ 1)และ ข้อ 4) ถกู ต้อง 13. การให้ทารกดื่มนมมารดา ทารกได้รับภูมิคมุ้ กันชนิด 1) ภมู คิ ุ้มกันก่อเอง 2) ภมู คิ ุ้มกนั รบั มา 3) ภมู คิ ุ้มกนั ก่อเองและรบั มา 4) ภูมคิ ุ้มกันทีท่ ากรกสร้างขึน้ เองต้ังแต่กาเนิด 5) ไม่ได้รับภมู คิ ุ้มกนั ได้รับแตส่ ารอาหาร 14.สามีและภรรยาคู่หน่ึงมเี ลือดหมู่ B คู่มลี ูกคนแรกเลือดหมู่ O โอกาสมีลูกคนที่ 2 เลือดหมู่ O คิดเป็นรอ้ ย ละเท่าไร 1.0 2. 25 3.50 4.75 5.100 15.ข้อใดกล่าวถึง DNA ไม่ถูกต้อง ก.monomer คือ nucleotide ข.มี deoxyriboseเปน็ องค์ประกอบ ค.เบสอะดนิ ีนจะกบั เบสกวั นีนดว้ ยพันธะไฮโดรเจน ง.เกิดจากpolynuclecotide 2 สาย 1. ก ข 2. ข เท่านนั้ 3. ค เท่าน้ัน 4. ก และ ง 5 ก ขและ ค Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 5
16.ข้อใดเขียนนิวคลีโอไทด์ ก ข ค ง ตามลาดบั ได้อย่างถูกต้อง เม่อื พิจารณาจากรูป 1.ไซโทซีน อะดีนนี กัวนีน ไทมีน 2.ไทมีน อะดีนนี กัวนีน ไซโทซีน 3.ไทมีน ไซโทซีน อะดีนนี กัวนีน 4.อะดีนีน ไซโทซีน ไทมีน กัวนีน 5.อะดีนนี ไซโทซีน กัวนีน ไทมีน 17.การวินิจฉัยโรคพนั ธุกรรมที่เกิดความผิดปกติของโครโมโซม ทาได้โดยวิธีใด 1.วิเคราะห์พนั ธุประวตั ิ 2.วิเคราะหค์ าริโอไทป์ 3.วิเคราะห์ DNA 4.วิเคราะหจ์ โี นม 5วิเคราะห์ลายพิมพ์นิว้ มอื 18.ข้อใดไม่เกีย่ วข้องกบั ความหลากหลายทางชีวภาพ 1.ความหลากหลายของสปีชีส์ 2.ความหลากหลายของพันธุกรรม 3.ความหลากหลายของวัฒนธรรม 4.ความหลากหลายของแหล่งที่อยู่อาศยั 5. ถูกท้ัง 2 และ 3 Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 6
19.ข้อใด คือสง่ิ มีชีวติ ทีม่ ีการเจรญิ เติบโตเพิ่มจานวนมากทีส่ ดุ เม่อื ชายฝง่ั จังหวดั ประจวบคีรขันธ์ เกิด เหตุการณนื ้าแดงหรอื ขีป้ ลาวาฬ(red tide) 1.ยกู ลีโนซัว 2.ไตรโคโมแนส 3.ไดโนแฟลกเจลเลต 4.ไดโนแมสติโกต 5.พารามีเซียม 20.ข้อใดเปน็ พืชทีม่ กี ารปฏิสนธิซ้อน 1) 2) 3) 4) 5) Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 7
ระวงั …. 1. พืช A และ B เจริญเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน คือ ทะเลทรายและป่าดิบชื้น โดยพืชแต่ละชนิด มี ลกั ษณะใบต่างกนั ดังนี้ พืช A ใบมกี ารลดรูปให้มีขนาดเล็ก มสี ารเคลอื บท่ีผิวใบหนา และมีจานวนปากใบนอ้ ย พืช B ใบมีขนาดใหญ่ มีสารเคลอื บทผี่ วิ ใบบาง และมีจานวนปากใบมาก ผลการศกึ ษาอัตราการคายน้าของ พชื 2 ชนดิ ในชว่ งเวลาหนึ่ง เปน็ ดงั กราฟ จากข้อมูล ข้อใดระบุกราฟแสดงอัตราการคายน้าของพืชและลักษณะพ้ืนท่ีท่ีเหมาะสม ต่อการเจริญเติบโตของพืช ดงั กลา่ วได้ถูกต้อง 1. กราฟที่ 1 แสดงอัตราการคายน้าของพชื A ซ่งึ เจรญิ ได้ดีในพืน้ ท่ที ะเลทราย 2. กราฟท่ี 1 แสดงอัตราการคายน้าของพชื B ซึ่งเจริญได้ดใี นพน้ื ทีท่ ะเลทราย 3. กราฟท่ี 2 แสดงอัตราการคายน้าของพชื A ซงึ่ เจริญได้ดใี นพ้นื ทีท่ ะเลทราย 4. กราฟท่ี 2 แสดงอัตราการคายนา้ ของพชื A ซง่ึ เจริญได้ดใี นพื้นท่ปี ่าดิบช้นื 5. กราฟท่ี 2 แสดงอตั ราการคายนา้ ของพชื B ซึ่งเจรญิ ได้ดีในพนื้ ทปี่ า่ ดิบช้ืน Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 8
2. นักเรียนจัดชุดการทดลอง 5 ชุด โดยใช้ก่ิงไม้ท่ีมีอายุเท่ากันจากต้นเดียวกัน เด็ดใบในชุดการทดลองที่ 3 และ 5 ออกบางส่วน จากน้ันแช่กิ่งไม้ในหลอดทดลองที่มีน้า 32 มิลลิลิตร และมีนา้ มันพืช 3 มิลลิลิตร เททับอยู่ แล้วต้งั ไว้ในสภาวะที่แตกต่างกัน ดังภาพ ชุดที่ 1 ชดุ ที่ 2 ชดุ ท่ี 3 ชดุ ท่ี 4 ชดุ ท่ี 5 ความเข้มแสงมาก ความเข้มแสงน้อย ความเขม้ แสงมาก ความเข้มแสงมาก ความเขม้ แสงมาก ความชื้นสัมพัทธ์มาก ความชื้นสมั พัทธ์มาก ความช้ืนสัมพทั ธน์ ้อย ความชนื้ สมั พทั ธน์ ้อย ความชนื้ สัมพัทธ์มาก เม่อื เวลาผา่ นไป 30 นาที พบวา่ มีปริมาณนา้ คงเหลือในหลอดทดลอง ดังตาราง ชุดการทดลองท่ี ปริมาณนา้ คงเหลือในหลอดทดลอง (mL) 1 15 2 20 3 25 4 10 5 30 Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 9
ขอ้ ใดเลือกชดุ การทดลองเพื่อศึกษาปจั จัยทเ่ี กี่ยวข้องกับการคายนา้ และเปรียบเทยี บ อตั ราการคายน้าไดถ้ กู ต้อง ชุดการทดลองที่ใช้ ปจั จยั ทต่ี อ้ งการศึกษา ผลการเปรยี บเทียบอัตราการคายน้า 1. 1 และ 2 ความเข้มแสง ชุดการทดลองที่ 2 มอี ัตราการคายนา้ มากกว่า ชดุ การทดลองท่ี 1 2. 1 และ 4 ความชื้นสัมพัทธ์ ชุดการทดลองท่ี 4 มีอตั ราการคายนา้ มากกว่า ชดุ การทดลองที่ 1 3. 2 และ 4 จานวนใบ ชุดการทดลองท่ี 4 มีอัตราการคายนา้ มากกวา่ ชุดการทดลองที่ 2 4 3 และ 4 จานวนใบ ชุดการทดลองที่ 3 มอี ตั ราการคายน้า มากกวา่ ชดุ การทดลองท่ี 4 5. 3 และ 5 ความเขม้ แสง ชุดการทดลองท่ี 5 มีอตั ราการคายนา้ มากกวา่ ชุดการทดลองท่ี 3 3.โรคลมแดด เกิดจากการท่ีร่างกายอยู่กลางแจ้งแดดร้อนจัดเป็นเวลานาน ร่างกายจึงปรับสมดุลอุณหภูมิไม่ทนั ทาใหร้ า่ งกายมอี ุณหภูมิสงู ถึง 40 - 41 องศาเซลเซียส โดยอาการของผู้ป่วยท่เี ป็นโรคลมแดด คือ มีอาการเป็นลม เพ้อ หมดสติ และอาจเสยี ชวี ิตได้ ขอ้ ใดกล่าวถึงวธิ กี ารท่สี ามารถปอ้ งกันโรคลมแดดไดถ้ ูกต้อง 1. รบั ประทานยาทกี่ ระต้นุ ให้หลอดเลอื ดหดตวั 2. ดืม่ นา้ ในปรมิ าณมากเพ่ือให้เลือดเข้มข้นมาก และมคี วามดนั เลอื ดต่า 3. รับประทานอาหารปรมิ าณมากเพื่อเพิ่มการเผาผลาญอาหารในรา่ งกาย 4. สวมใสเ่ สอ้ื ผา้ ท่ีเบาบางเพื่อเพิ่มการระเหยของเหงือ่ และการพาความร้อน 5. ใช้ผ้าเย็นประคบสว่ นต่าง ๆ ของรา่ งกาย เพื่อกระตนุ้ อตั ราเมแทบอลิซมึ ให้เพ่ิมข้ึน Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 10
5.ขอ้ ใดคือกลไกของร่างกายท่ีทาใหเ้ กิดโรคภมู ิแพ้ 1. สร้างแอนติเจนเพื่อไปจบั แอนตบิ อดี 2. สรา้ งแอนตบิ อดีเพอ่ื ยับย้ังการสร้างภมู ิคุ้มกัน 3. สร้างสารฮิสตามินออกมาเม่อื ไดร้ ับสารก่อภูมแิ พ้ 4. สรา้ งแอนติฮิสตามนิ เพอื่ กระตุ้นใหเ้ กิดอาการแพ้ 5. สรา้ งเซลล์เมด็ เลือดขาวชนิดฟาโกไซตใ์ ห้สรา้ งแอนติบอดี 6. สีขนของสัตว์ชนิดหน่ึงถูกควบคุมด้วยยีน Agouti มีแอลลีล 2 แบบ คือ A และ 2 โดยแอลลีล A ควบคุม ลักษณะขนสีเหลืองซึ่งเป็นลักษณะเด่น และแอลลีล 2 ควบคุมลักษณะขนสีดาซึ่งเป็นลักษณะด้อย เพดดิกรีของ สตั วช์ นิดนใ้ี นป่าแหง่ หน่ึง เปน็ ดังแผนภาพ กาหนดให้ และ คือ สตั วท์ ่มี ขี นสีเหลอื ง และ คอื สัตว์ท่มี ีขนสดี า จากขอ้ มูล สัตว์ตัวใดทีส่ ามารถระบุคยู่ ืนได้แนน่ อนวา่ เปน็ Aa 1. ร่นุ ท่ี I ตัวท่ี 2 2. รุ่นท่ี I ตวั ท่ี 4 3. รุ่นที่ II ตัวท่ี 2 4.ร่นุ ท่ี II ตวั ที่ 4 5.รุ่นที่ III ตวั ท่ี 2 Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 11
7. เหตุการณใ์ นขอ้ ใดทพี่ บเฉพาะในการแบ่งเซลลแ์ บบไมโอซิสเท่านัน้ 1. การเขา้ คกู่ ันของโครโมโซมค่เู หมือน 2. การจาลองตัวเองของโครโมโซมเปน็ 2 โครมาทิด 3. การแยกกนั ของโครมาทดิ ที่ยึดติดกนั ไปยังแต่ละข้ัวเซลล์ 4. การแบ่งเซลล์เริม่ ต้นจากเซลล์ที่มโี ครโมโซมเทา่ กบั 2n 5. การแบง่ เซลล์ในขั้นตอนสุดท้ายจะได้เซลล์ท่มี ีโครโมโซม 2 ชุด 8. ลายพิมพ์ดเี อ็นเอของพอ่ แมส่ องครอบครัว และลกู สามคน ได้แก่ A B และ C เปน็ ดังภาพ จากข้อมูล ขอ้ ใดระบุความสมั พันธข์ องครอบครัวได้ถูกต้อง 1. A กบั C เป็นลกู ของครอบครัวที่ 1 และ B เป็นลกู ของครอบครวั ท่ี 2 2. A กับ C เปน็ ลกู ของครอบครวั ที่ 2 และ B เป็นลกู ของครอบครัวที่ 1 3. A เป็นลกู ของครอบครวั ท่ี 1 และ B กับ C เป็นลูกของครอบครวั ที่ 2 4. A B และ C เป็นลูกของครอบครวั ท่ี 1 5. A B และ C เป็นลูกของครอบครวั ท่ี 2 Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 12
9. ข้อใดกล่าวถงึ ความหลากหลายทางชวี ภาพไม่ถูกต้อง 1. การเกิดภัยพิบตั ิจะทาใหค้ วามหลากหลายทางชีวภาพเปล่ียนแปลงไป 2. การลา่ สัตวป์ ่าท่ีใกล้สญู พันธอ์ุ าจทาให้ความหลากหลายของสปชี ีสล์ ดลง 3. การบุกรุกพ้นื ที่ป่าชายเลนของมนุษย์อาจส่งผลต่อสิ่งมชี วี ิตที่อยูใ่ นระบบนิเวศอน่ื ด้วย 4. การละลายของธารน้าแข็งจะสง่ ผลต่อความหลากหลายของระบบนิเวศเฉพาะแถบข้วั โลก 5. การดอื้ ยาปฏิชีวนะของแบคทเี รียเปน็ ผลจากความหลากหลายทางพนั ธุกรรมของแบคทเี รยี 10. หมีนา้ เป็นสตั ว์นา้ ขนาดเล็ก (0.05 - 1.20 มลิ ลิเมตร) มี 8 ขา โดยปลายขามกี รงเล็บ จึงมลี ักษณะคล้ายหมี หมี น้าส่วนใหญ่มักอาศัยอยู่บนบก ซึ่งหมีน้าบนบกเหล่านี้ต้องการน้าในการดารงชีวิต จึงอาศัยอยู่ตามมอส ไลเคน ดิน และกองเศษใบไม้ รวมไปถึงบนพืชอิงอาศัย โดยหมีน้าบนบก มีความทนทานมาก สามารถอยู่รอดได้ใน สภาพแวดล้อมท่ไี มเ่ อ้ือต่อการดารงชวี ติ ในขณะทหี่ มนี า้ ทอี่ าศัยอยู่ในทะเล ซงึ่ เป็นกลุ่มทีเ่ กา่ แก่และโบราณทสี่ ดุ ไม่ สามารถทนทานต่อสภาพแวดล้อมเชน่ นไ้ี ด้ ข้อความใดตอ่ ไปนสี้ อดคลอ้ งกบั ทฤษฎีการคดั เลือกตามธรรมชาตมิ ากทส่ี ุด 1. หมนี า้ บนบกมีลาตัวขนาดเลก็ 2. หมนี ้าบนบกสามารถพรางตวั ไดด้ ี 3. หมนี ้านบกสามารถซอ่ มแซมรา่ งกายไดด้ ี 4. หมนี ้าบนบกสามารถกินอาหารไดห้ ลากหลาย 5. หมนี ้าบนบกสามารถอยูร่ อดจนมีลูกร่นุ ถัดไปได้ Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 13
11. แพลงก์ตอนบลูม คือ ปรากฏการณ์ท่ีแพลงก์ตอนพืชมีการเจริญเติบโตและเพิ่มจานวนอย่างรวดเร็ว เนื่องจาก ในน้ามีธาตุอาหารสูงและมีสภาวะท่ีเหมาะสมกับการเจริญของแพลงก์ตอนพืช จึงมองเห็นน้าเป็นสีต่าง ๆ ซึ่ง แพลงก์ตอนพชื ที่มจี านวนมากจะบดบงั แสงอาทติ ย์ จึงส่งผลกระทบต่อการสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของสิ่งมชี วี ติ ใต้น้าอื่น ๆ แม้ว่าแพลงก์ตอนพชื จะสามารถให้แกส๊ ออกซิเจน จากการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงได้ แตเ่ มอื่ ปริมาณธาตุอาหารในน้า หมดลงแพลงก์ตอนพืชจานวนมากนี้จะตาย จึงถูกย่อยสลายด้วยจุลินทรีย์ ซึ่งต้องใช้แก๊สออกซิเจนปริมาณมาก ทา ให้ปริมาณแก๊สออกซิเจนในนา้ ลดลงระบบนเิ วศแหล่งนา้ แหง่ หนง่ึ มสี ายใยอาหารเป็นดงั แผนภาพ ถา้ ระบบนิเวศแหลง่ นา้ แห่งนีเ้ กิดแพลงกต์ อนบลมู จะสง่ ผลตอ่ องคป์ ระกอบของระบบนิเวศน้อี ย่างไร 1. อาหารของแพลงกด์ อนสตั วจ์ ะลดลง 2. จานวนของสาหร่ายและหอยฝาเดียวจะลดลง 3. ในชว่ งเวลากลางคืน ปรมิ าณแกส๊ ออกซิเจนในนา้ จะมากกวา่ เวลากลางวัน 4. หากแพลงก์ตอนพชื สะสมสารพษิ ภายในเซลล์ หอยสองฝาจะสะสมสารพษิ มากทส่ี ดุ 5. การถ่ายทอดพลงั งานจากแพลงกต์ อนพืชไปยงั หมกึ มากกว่าแพลงก์ตอนพืชไปยงั ดาวทะเล Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 14
12. ระบบนเิ วศหน่ึงที่อยใู่ นภาวะสมดุล จะมีจานวนของสิง่ มีชีวติ ในแต่ละลาดบั ขน้ั ของโซ่อาหาร เปน็ ดงั แผนภูมิแทง่ จากข้อมูล จานวนของสิ่งมีชีวิตในแต่ละลาดับขั้นของโซ่อาหารสอดคล้องกับพีระมิดมวลชีวภาพ และตัวอย่างชนดิ ของสง่ิ มีชีวติ ในข้อใด Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 15
13. ป่าพรุแห่งหนึ่งถูกเผาจนเกิดความเสียหายเป็นพื้นที่กว้าง โดยพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย ถูกแบ่งเป็น 2 บรเิ วณ ซึ่งมกี ารเปลย่ี นแปลงแตกตา่ งกนั ดังนี้ บรเิ วณที่ 1 ถกู ปล่อยท้งิ รา้ งจนเกดิ เปน็ ระบบนิเวศแบบใหมท่ ี่พบเฉพาะพืชลม้ ลุก บรเิ วณที่ 2 ถูกปลอ่ ยทงิ้ ร้างจนเกดิ เปน็ ระบบนิเวศแหล่งนา้ ข้อใดกลา่ วถูกต้องเกย่ี วกบั การเปลี่ยนแปลงแทนท่ีทีเ่ กิดข้ึนของทั้ง 2 บรเิ วณ บรเิ วณที่ 1 บรเิ วณที่ 2 ไม่เกดิ การเปลย่ี นแปลงแทนที่ 1. เกดิ การเปล่ยี นแปลงแทนทแ่ี บบทตุ ยิ ภมู ิ เกดิ การเปลยี่ นแปลงแทนที่แบบปฐมภมู ิ 2. ไมเ่ กดิ การเปล่ยี นแปลงแทนท่ี เกดิ การเปลย่ี นแปลงแทนทแ่ี บบทตุ ิยภมู ิ 3. เกดิ การเปล่ียนแปลงแทนทแ่ี บบปฐมภูมิ เกดิ การเปล่ียนแปลงแทนทีแ่ บบปฐมภูมิ 4 เกดิ การเปลี่ยนแปลงแทนที่แบบปฐมภูมิ เกิดการเปลีย่ นแปลงแทนที่แบบทตุ ยิ ภมู ิ 5. เกดิ การเปล่ยี นแปลงแทนที่แบบทตุ ิยภูมิ 14.การตรวจสอบโปรตนี บนผิวน้าของละอองเรณูในดอกไม้ 3 ชนิด เป็นดังตาราง ถา้ ผลการตรวจเลือดของผปู้ ่วยทีเ่ ป็นโรคภมู แิ พล้ ะอองเรณู พบแอนติบอดี 3 แบบ คือ เป็นจานวนมาก จากข้อมลู ผู้ป่วยควรหลกี เลย่ี งละอองเรณูของดอกไม้ชนิดใด เพราะเหตุใด 1.ชนิดท่ี 1 และ 3 เนอ่ื งจากโปรตนี บนผิวจะจับกับแอนตบิ อดีแลว้ ยับย้ังการหลงั่ สารฮสิ ตามีน 2.ชนิดที่ 1 และ 3 เนื่องจากโปรตีนบนผิวจะไม่จบั กบั แอนตบิ อดแี ลว้ กระตุ้นการหลง่ั สารฮิสตามีน 3.ชนิดที่ 2 และ 3 เนื่องจากโปรตีนบนผวิ จะจับกับแอนตบิ อดแี ล้วยบั ย้งั การหลงั่ สารฮสิ ตามีน 4.ชนิดที่ 2 และ 3 เน่ืองจากโปรตนี บนผวิ จะจับกับแอนตบิ อดีแล้วกระตนุ้ การหล่ังสารฮิสตามีน 5.ชนิดที่ 2 และ 3 เนื่องจากโปรตีนบนผวิ จะไม่จบั กบั แอนตบิ อดแี ล้วกระตุ้นการหล่งั สารฮิสตามนี Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 16
15.กระบวนการแบ่งเซลล์ของกบ 2 รปู แบบ เป็นดังแผนภาพ จากภาพจาลองการแบ่งเซลล์ของกบ ข้อใดกล่าวถูกต้อง 1.ขน้ั ตอน 1A และ 2A ทาให้จานวนชุดโครโมโซมเพิ่มขึน้ จาก 2n เป็น 4n 2.ขั้นตอน 1B ทาให้มีการแลกเปล่ียนยนี ของโครโมโซมคู่เหมือน 3.ขน้ั ตอน 2B ทาใหเ้ กดิ การแปรผนั ทางพันธกุ รรม 4.ขน้ั ตอน 1C และ 2C ทาใหเ้ กดิ การแปรผันทางพนั ธุกรรม 5.ขั้นตอน 1C และ 2C ทาให้จานวนชุดโครโมโซมลดลงจาก 2n เปน็ n Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 17
16.ข้อใดเป็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยชี วี ภาพท่ไี มถ่ ูกตอ้ ง 1.การตรวจหาคนร้ายโดยใชล้ ายพมิ พด์ ีเอน็ เอ 2.การระบคุ วามแตกต่างระหว่างแฝดร่วมไขด่ ว้ ยลายพิมพ์ดีเอ็นเอ 3.การอนุรักษพ์ ันธ์ุกลว้ ยไมใ้ ห้มลี กั ษณะคงเดมิ ดว้ ยการเพาะเลีย้ งเนอ้ื เย่อื 4.การสรา้ งกระต่ายที่เหมือนกับกระตา่ ยตน้ แบบด้วยการโคลนจากเซลลต์ ับ 5.การสร้างแบคทีเรียท่ีผลติ น้ามันจากยีนของสาหร่ายด้วยการใชโ้ มเลกลุ ดีเอน็ เอลูกผสม 17.ขอ้ ใดไม่ใชผ่ ลของการคดั เลอื กทางธรรมชาติท่เี กิดจากความแตกตา่ งของโครงสร้างร่างกาย 1.ยรี าฟมีลาคอยาว เพื่อใหส้ ามารถเล็มกินใบไม้บนต้นไมส้ งู ๆ ได้ 2.กระต่ายแลพัสมีขนสีขาวที่กลมกลนื กับหิมะ เพอื่ ช่วยพรางตวั ในการหลบหลีกศัตรู 3.สุนขั จ้ิงจอกทะเลทรายมหี าง หู และขายาว เพื่อเพม่ิ พ้ืนที่ผิวในการระบายความร้อน 4.กิ้งกา่ ทะเลทรายมกั ออกหากินตอนกลางคนื เพื่อหลีกเลีย่ งอากาศร้อนในตอนกลางวัน 5.นกจาบมจี ะงอยปากใหญ่และแข็งแรง เพ่ือใหส้ ามารถกินเมล็ดพืชขนาดใหญ่และมีเปลือกแขง็ ได้ 18.ในระบบนเิ วศทีส่ มดุลแหง่ หนึง่ มกี ารถ่ายทอดพลงั งานในรปู สายใยอาหาร ดงั แผนภาพ Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 18
ขอ้ ใดอธบิ ายการถา่ ยทอดพลงั งานในสายใยอาหารนไ้ี ม่ถกู ต้อง 1.หญา้ เปน็ ผผู้ ลิต จะมชี ีวภาพมากกวา่ สิง่ มีชวี ติ ชนดิ อื่นในระบบนเิ วศ 2.ถา้ มกี ารฉีดสารเคมีกาจัดวัชพืช นกจะมีการสะสมสารเคมีมากกว่าหอยทาก 3.ถา้ กระต่ายเพ่ิมขนึ้ จะส่งผลใหจ้ านวนแมลงและหอยทากลดลงเพราะอาหารน้อยลง 4.ถ้ากบและนกมจี านวนลดลง แมลงและหอยทากจะมจี านวนเพม่ิ ขน้ึ เพราะผลู้ า่ ลดลง 5.พลังงานในโซ่อาหารจะถา่ ยทอดไปท่ีเหยยี่ วมากที่สุด เพราะเป็นผ้บู รโิ ภคขน้ั สุดทา้ ย 19.พ้ืนท่ใี ดจะเกดิ การเปล่ียนแปลงแทนที่แบบปฐมภมู ิ 1.พน้ื ที่ป่าเส่ือมโทรม 2.พืน้ ที่มีการเผาทาลายป่า 3.พ้ืนทป่ี ่าท่ีเกิดน้าท่วมอย่างรุนแรง 4.พื้นทีถ่ ูกปกคลมุ ดว้ ยลาวาจากภเู ขาไฟ 5.พ้ืนทท่ี าไรน่ าของชาวนาทถี่ ูกปล่อยท้งิ ร้าง 20.ขอ้ มูลแสดงปริมาณแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์และจานวนชนิดของไลเคนที่พบในบรเิ วณทม่ี รี ะยะหา่ งจากตวั เมอื งต่างกนั ดังตาราง จากข้อมูล ขอ้ ใดกล่าวถูกต้อง 1.คุณภาพอากาศใน พ.ศ. 2555 ดกี วา่ พ.ศ.2550 2.จานวนชนิดของไลเคนจะเพ่ิมขึ้นตามคณุ ภาพอากาศทีล่ ดลง 3.ความหลากหลายของไลเคน แปรผกผนั กบั ระยะห่างจากตวั เมอื ง 4.ความหลากหลายของไลเคนแปรผกผันกับปรมิ าณแก๊สคารบ์ อนมอนอกไซด์ 5.จานวนชนิดของไลเคนในทุกระยะหา่ งจากตัวเมอื งใน พ.ศ.2555 มากกว่า พ.ศ.2550 Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 19
แบบปรนยั เลอื กตอบเชงิ ซ้อน 1.ในวนั ทอ่ี ากาศร้อนและมีฝนตก นกั เรยี นคนหนึ่งออกวิ่งหลังจากฝนตก โดยวิง่ อยา่ งตอ่ เนอื่ งเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ได้ ระยะทาง 10 กิโลเมตร และไม่ด่ืมนา้ ขอ้ ความตอ่ ไปน้ี อธิบายสภาวะในรา่ งกายของนักเรยี นคนน้ีทนั ทหี ลงั จากทีว่ งิ่ เสรจ็ ได้ถูกตอ้ งใชห่ รอื ไม่ ข้อความ ใช่ หรือ ไมใ่ ช่ 1.1 นา้ ในรา่ งกายมมี ากขึ้น เนื่องจากเมแทบอลซิ มึ ทีส่ งู ข้ึน ใช่ / ไม่ใช่ 1.2 ไตกาจัดน้ามากกวา่ ปกติ เนอื่ งจากมีของเสียปรมิ าณมากจากกระบวนการเมแทบอลิ ใช่ / ไม่ใช่ ซมึ 1.3 นักเรียนคนนีม้ ีความเสย่ี งต่อการเปน็ ลมแดดมากขึน้ เพราะเหงื่อออกไดน้ ้อยลง ใช่ / ไมใ่ ช่ เน่ืองจากในอากาศมีความชน้ื สูง Amphon Khuanpuck coffee_kafair icecoffeekafair 20
Search
Read the Text Version
- 1 - 21
Pages: