Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารติวเข้มวิชาวิทยาศาสตร์ (o-net)

เอกสารติวเข้มวิชาวิทยาศาสตร์ (o-net)

Published by phisit.yaemnun, 2019-06-20 03:59:48

Description: cover-sci

Search

Read the Text Version

วชิ าวิทยาศาสตร (O-NET) อาจารยกรกฤช ศรวี ิชัย

วทิ ยาศาสตร์ ครูต่งิ KRU TING KRU CLUB ครูตง่ิ : กรกฤช ศรีวชิ ัย สถาบนั ครูคลบั [ KRUCLUB ] - รายการ ติวเข้มเติมเต็มความรู้ และ อนิ ไซด์ O-NET ช่อง 2 NBT และ สถานีวทิ ยโุ ทรทศั น์เพ่อื การศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ - รายการ Infinite Challenge Thailand ช่อง 23 WORKPOINT - โครงการ BRAND’S SUMMER CAMP - โครงการ Sahapat Admission - โครงการ OSOTSAPA ROAD TO UNIVERSITY - โครงการ เพอื่ นชุมชนตวิ เตอร์ แรงในธรรมชาติ 1. แรงแม่เหลก็ ( Magnetic ) : มีทิศจากข้วั ________ไปข้วั ________ N NS S อนุภาคท่ีมีประจุไฟฟ้ า ประจุบวก : มือขวา ลบ : มือซา้ ย นิ้วโป้ ง คือ การเคลื่อนที่ นิ้วช้ี คือ ทิศทาง นิ้วกลาง คือ แม่เหลก็ ~1~

วทิ ยาศาสตร์ ครูต่งิ KRU TING KRU CLUB สนามแม่เหลก็ พ่งุ เขา้ สนามแม่เหลก็ พงุ่ ออก xxxxxx xxxxxx xxxxxx xxxxxx ประโยชนจ์ ากสนามแม่เหลก็ สนามแม่เหลก็ โลก - ข้วั โลกเหนือ ทาหนา้ ที่เป็น ข้วั ใตข้ องแม่เหลก็ - ข้วั โลกใต้ ทาหนา้ ที่เป็น ข้วั เหนือของแม่เหลก็ ทาหน้าท่ี เป็ นโล่ป้ องกันลมสุริยะ ท่ีประกอบด้วย อนุภาคที่มีประจุไฟฟ้ า ได้แก่ โปรตอน อิเลก็ ตรอน เพอื่ เป็นเกราะคุม้ กนั ส่ิงมีชีวติ ~2~

วทิ ยาศาสตร์ ครูต่ิง KRU TING KRU CLUB 2. แรงไฟฟ้ า ( Electric ) : มีทิศจากข้วั _______ไปข้วั _______ ( แทนดว้ ย_____) อนุภาคท่ีมีประจุไฟฟ้ า ประโยชนจ์ ากสนามไฟฟ้ า เคร่ืองกาจดั ฝ่ นุ เครื่องรับโทรทศั น์ สนามไฟฟ้ าเป็นตวั เร่งอิเลก็ ตรอนใหไ้ ปชนจอเรืองแสง ~3~

วทิ ยาศาสตร์ ครูต่งิ KRU TING KRU CLUB 3. แรงโนม้ ถ่วง ( Gravitational ) เกิดแรงดึงดูด พ่งุ เขา้ สู่______________________ แรงโนม้ ถ่วง : = ������������ ������2 แรงโนม้ ถ่วงท่ีกระทาต่อวตั ถุ คือ น้าหนกั ของวตั ถุ (Weight) สูตร W = ~4~

วิทยาศาสตร์ ครูต่งิ KRU TING KRU CLUB 4. แรงนิวเคลียร์ คือ แรงท่ีทาใหอ้ นุภาคอยรู่ วมกนั ใน____________________ ซ่ึงประกอบดว้ ยอนุภาค โปรตอน และ นิวตรอน ( รวมเรียกวา่ ____________________________ )  แบบอ่อน เกิดจาก การสลายของสารกมั มนั ตรังสีที่ใหร้ ังสีบีตา  แบบเขม้ เป็นแรงยดึ เหนี่ยวของควาร์ก ซ่ึงแบ่งเป็น - ควาร์กบน (+ 2 ) 3 1 - ควาร์กล่าง ( - 3 ) ~5~

วทิ ยาศาสตร์ ครูต่งิ KRU TING KRU CLUB ตัวอย่างข้อสอบ 1. ยงิ โปรตอนเขา้ ไปในสนามแม่เหลก็ สม่าเสมอซ่ึงมีทิศทางพุง่ ออกและต้งั ฉากกบั ระนาบ กระดาษ (แทนดวั ยสัญลกั ษณ์ • ) ดงั ภาพ โปรตอนจะมีเส้นทางการเคล่ือนท่ีดงั ภาพใด 1. 2. 3. 4. 5. ~6~

วทิ ยาศาสตร์ ครูต่ิง KRU TING KRU CLUB 2. เม่ือวางอนุภาค A B และ C ในบริเวณที่มีสนามไฟฟ้ าสม่าเสมอ ผลเป็นดงั ภาพท่ี 1 กาหนดให้ แทนสนามไฟฟ้ า แทนทิศทางการเคล่ือนที่ของอนุภาค จากภาพที่ 1 อนุภาคใดมปี ระจุไฟฟ้ าเป็นบวก และ จากภาพท่ี 2 เมื่อยงิ A B และ C เขา้ ไปใน แนวต้งั ฉากกบั สนามไฟฟ้ า อนุภาคใดจะเคล่ือนที่โดยไม่เบน ( ตอบตามลาดบั ) 1. A และ B 2. A และ C 3. B และ B 4. C และ A 5. C และ B ~7~

วทิ ยาศาสตร์ ครูต่งิ KRU TING KRU CLUB 3. กาหนดให้ ความเร่งโนม้ ถ่วงท่ีพ้นื ท่ีผวิ ดาวเคราะห์ A เท่ากบั 3 เมตรต่อวนิ าที2 ความเร่งโนม้ ถ่วงที่พ้ืนท่ีผวิ ดาวเคราะห์ B เท่ากบั 1 เมตรต่อวนิ าที 2 ถา้ ชงั่ น้าหนกั ของวตั ถุมวล 2 กิโลกรัม บนพ้ืนที่ผวิ ดาวเคราะหท์ ้งั สอง ขอ้ ใดถกู 1.น้าหนกั ของวตั ถุบนดาวเคราะห์ A มากกวา่ และมากกวา่ 2 นิวตนั 2.น้าหนกั ของวตั ถุบนดาวเคราะห์ A มากกวา่ และมากกวา่ 4 นิวตนั 3.น้าหนกั ของวตั ถุบนดาวเคราะห์ B มากกวา่ และมากกวา่ 2 นิวตนั 4.น้าหนกั ของวตั ถุบนดาวเคราะห์ B มากกวา่ และมากกวา่ 4 นิวตนั 5.น้าหนกั ของวตั ถุบนดาวเคราะห์ A เท่ากบั B ~8~

วทิ ยาศาสตร์ ครูต่งิ KRU TING KRU CLUB 4. แรงแบบใดที่เหนี่ยวร้ังใหโ้ ปรตอนอยดู่ ว้ ยกนั ไดใ้ นนิวเคลียสของอะตอม 1. แรงไฟฟ้ า 2. แรงแม่เหลก็ 3. แรงโนม้ ถ่วง 4. แรงนิวเคลียร์แบบอ่อน 5. แรงนิวเคลียร์แบบเขม้ 5. อนุภาคใดประกอบข้ึนจากอนุภาคอ่ืน 1. ควาร์ก 2. โปรตอน 3. นิวทริโน 4. อิเลก็ ตรอน 5. โพสิตรอน ~9~

วทิ ยาศาสตร์ ครูต่งิ KRU TING KRU CLUB ปฏกิ ริ ิยานิวเคลยี ร์ คือ ปฏิกิริยาที่นิวเคลียสของสารเปล่ียนเป็นธาตุใหม่ แลว้ เกิดพลงั งานออกมา ฟิ วชนั ฟิ ชชนั :___________ ------> ___________ :___________ -------> ___________ : เกิดยาก : เกิดง่าย  ฟิ วชนั 2 1 H + 3 1 H ------> 4 2 He + 1 0 n - เกิดรังสีนอ้ ย จึงไม่มีผลต่อส่ิงแวดลอ้ ม - เกิดใน______________________  ฟิ ชชนั 1 0 n + 235 92 U ------> 141 Ba + 92 36 Kr + 56 อลั เบิร์ต ไอนส์ ไตน์ เสนอทฤษฎีสมั พทั ธภาพ พบวา่ มวลท่ีหายไป จะเปล่ียนเป็น พลงั งาน หรือ __________________ เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ทาหนา้ ท่ี เปล่ียนพลงั งานนิวเคลียร์ให้เป็นพลงั งานความร้อน นามาใชผ้ ลิตกระแสไฟฟ้ า และ สามารถควบคุมปฏิกิริยาลกู โซ่ โดยใชแ้ ท่งแคดเมียม โรงไฟฟ้ าเชอร์โนบิล ของยเู ครน (สหภาพโซเวียต) และโรงไฟฟ้ าฟูกูชิมะ ของญ่ีป่ ุน เกิดการระเบิดอยา่ งรุนแรง ทาใหเ้ ช้ือเพลิงท่ีเป็นกมั มนั ตภาพรังสีแพร่กระจาย จนทาใหส้ ่ิงมีชีวติ เกิดการเปลี่ยนแปลง ~ 10 ~

วทิ ยาศาสตร์ ครูต่ิง KRU TING KRU CLUB กมั มนั ตภาพรังสี  รังสีแกมมา ( ) มีสมบตั ิเป็นกลาง ( ) เป็นคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟ้ า มีอานาจทะลุผา่ นมากที่สุด ก้นั ไดโ้ ดยใชแ้ ผน่ ตะกว่ั หรือคอนกรีต  รังสีบีตา ( ) มีประจุลบ เป็นอิเลก็ ตรอน ( ) ก้นั ไดโ้ ดยใชแ้ ผน่ อะลูมิเนียม  รังสีแอลฟา ( ) มีประจุบวก เป็นนิวเคลียสของธาตุฮีเลียม ( ) สามารถทาใหส้ ารแตกตวั เป็นไอออนไดด้ ี มีอานาจทะลุผา่ นนอ้ ยท่ีสุด ก้นั ไดโ้ ดยใชแ้ ผน่ กระดาษและผวิ หนงั ~ 11 ~

วทิ ยาศาสตร์ ครูต่งิ KRU TING KRU CLUB ตวั อย่างข้อสอบ 1. สนามแม่เหลก็ สามารถเบนรังสีใด 1. แอลฟา (α) 2. บีตา (β) 3. แกมมา (γ) 4. แอลฟา (α) กบั บีตา (β) 5. แอลฟา (α) กบั แกมมา (γ) 2. ขอ้ ใดเป็นเช้ือเพลิงท่ีใชใ้ นเตาปฏิกรณ์ปรมาณู 1. ถ่านหิน 2. แกส๊ มีเทน 3. ตะกวั่ -206 4. ยเู รเนียม-235 5. คาร์บอน-12 6. พลโู ตเนียม-239 ~ 12 ~

วทิ ยาศาสตร์ ครูต่งิ KRU TING KRU CLUB 3. แท่งควบคุมจานวนนิวตรอนในแกนของเคร่ืองปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทาจากโลหะใด 1. ตะกว่ั 2. ทองแดง 3. ยเู รเนียม 4. แคดเมียม 5. พลโู ตเนียม 4. พลงั งานท่ีปลดปล่อยออกมาจากแก่นกลางดาวฤกษม์ ีตน้ ตอมาจากปฏิกิริยาใดเป็นหลกั 1. C + O2 CO2 2. 2H2 + O2 2H2O 3. 10e  10e   4. 11������ + 11������ 12������ + 10e  v 5. 411������ 24������������ + 2 10e + 2v ~ 13 ~

วิทยาศาสตร์ ครูต่งิ KRU TING KRU CLUB กาเนิดเอกภพ ทฤษฏีกาเนิดเอกภพ เรียกวา่ ____________________ ในอดีต เอกภพ เป็นพลงั งานท่ีมีอุณหภูมิสูงกวา่ 1032 เคลวนิ ( K = oC + 273 ) จนเกิดการระเบิดคร้ังใหญ่ พลงั งาน เปลี่ยนเป็น สสาร ในรูปของอนุภาคมูลฐาน ( particle ) คือ ควาร์ก อิเลก็ ตรอน นิวทริโน และ โฟตอน และ จะเกิดส่ิงที่มีประจุตรงขา้ ม เรียกวา่ ปฎิอนุภาค ( Anti – particle ) ( ยกเว้น นิวทริโน และ แอนตินิวทริโน ไม่มีประจุไฟฟ้ า ) ในธรรมชาติมีอนุภาค_____________ปฏิอนุภาค หลงั บิกแบง 10- 6 วนิ าที อุณหภมู ิเร่ิมลดลง ทาให้ ควาร์ก 3 อนุภาครวมตวั เป็นโปรตอน (____________________________________) หรือ นิวตรอน หลงั บิกแบง 3 นาที โปรตอน และ นิวตรอน รวมตวั เป็น______________________________ หลงั บิกแบง 300,000 ปี นิวเคลียสดึงอิเลก็ ตรอนเขา้ มา เกิดเป็น_________________________ หลงั บิกแบง 1,000 ลา้ นปี กลุ่มแก๊สไฮโดรเจนและฮีเลียม หรือเรียกวา่ ___________________ จะเป็นสารเบ้ืองตน้ กาเนิดเป็น_________________แลว้ รวมกนั เป็น_____________________ ~ 14 ~

วทิ ยาศาสตร์ ครูต่งิ KRU TING KRU CLUB หลกั ฐานท่ีสนบั สนุนทฤษฏีบิกแบง 1. เอกภพขยายตวั คน้ พบโดย เอด็ วนิ ฮบั เบิล พบวา่ กาแลก็ ซีจะเคล่ือนท่ีไกลออกไป ดว้ ยอตั ราเร็ว ที่__________________ตามระยะทาง 2. อุณหภมู ิพ้ืนหลงั ของเอกภพ ปัจจุบนั มีค่าลดลงเหลือ 2.73 เคลวนิ คน้ พบโดย อาร์โน เพนเซียส และโรเบิร์ต วิลสัน พบสัญญาณรบกวนของคลื่น ไมโครเวฟที่เหลืออยใู่ นอวกาศตลอดเวลา ที่มีอุณหภมู ิ 2.73 เคลวนิ ~ 15 ~

วิทยาศาสตร์ ครูต่งิ KRU TING KRU CLUB ตัวอย่างข้อสอบ 1. ขอ้ ใดสนบั สนุนทฤษฎีบิกแบงของการกาเนิดของเอกภพ 1. การหดตวั ของเอกภพ 2. การหมุนรอบตวั เองของกาแลก็ ซี 3. การขยายตวั ของกาแลก็ ซีทางชา้ งเผอื ก 4. อุณหภูมิ 2.73 K ของคล่ืนไมโครเวฟพ้ืนหลงั 5. ปรากฏการณ์ดอพเพลอร์ของแสงจากดวงอาทิตย์ 2. กาแลก็ ซีเกิดหลงั บิกแบงเป็นเวลาประมาณเท่าใด 1. 3 นาที 2. 300,000 ปี 3. 1,000 ลา้ นปี 4. 5,000 ลา้ นปี 5. 13,700 ลา้ นปี ~ 16 ~

วทิ ยาศาสตร์ ครูต่งิ KRU TING KRU CLUB 3. อนุภาคใดไม่ไดป้ ระกอบข้ึนจากอนุภาคอื่น 1. โปรตอน 2. ทริเทรียม 3. นิวทริโน 4. ดิวทีรอน 5. อิเลก็ ตรอน 6. ไพออน ( mesons,pions) 4. ขอ้ ใดต่อไปน้ีกล่าวถึงอนุภาคมลู ฐานไดถ้ กู ตอ้ ง 1. อนุภาคและปฎิอนุภาคท่ีเป็นคู่กนั จะมีประจุไฟฟ้ าแตกต่างกนั 2. อิเลก็ ตรอนเป็นปฏิอนุภาคของโปรตอน 3. การรวมกนั ของอนุภาคและปฏิอนุภาคที่เป็นคู่กนั ทาใหเ้ กิดสสารข้ึน 4. เอกภพมีอนุภาคมากกวา่ ปฏิอนุภาค 5. โปรตอนและนิวตรอนประกอบข้ึนจากควาร์กชนิดเดียวกนั 6. อนุภาคมลู ฐาน ไดแ้ ก่ ควาร์ก อิเลก็ ตรอน โปรตอน และ นิวตรอน ~ 17 ~

วทิ ยาศาสตร์ ครูต่งิ KRU TING KRU CLUB ระบบสุริยะ มาจาก เนบิวลาด้งั เดิมหลงั Big Bang และ เนบิวลาใหม่จาก Supernova มวลของเนบิวลา ร้อยละ 99.8 จะยบุ ตวั กลายเป็น ดวงอาทิตย์ มวลที่เหลือ จะหมุนวนจบั กลุ่มกนั เกิดเป็น_________________และบริวาร ดวงอาทิตย์ : เป็นดาวฤกษม์ วล___________สี___________ ชนิดสเปกตรัม ____ : มีอาย_ุ ____________ลา้ นปี และ จะส่องแสงต่อไปอีก 5,000 ลา้ นปี : ที่แก่นกลางมีอุณหภูมิ 15 ลา้ น เคลวนิ - แสงสวา่ ง ใชเ้ วลาเดินทางถึงโลก 8.3 นาที - ลมสุริยะ มีอนุภาคโปรตอนและอิเลก็ ตรอน มาถึงโลก ภายใน 20 - 40 ชวั่ โมง ออกมา จากจุดมืดดวงอาทิตย์ ( sunspot ) ซ่ึงจะมีการลุกจา้ โดยเกิดมากทุกๆ _____ ปี ทาใหม้ ีอนุภาค ออกมามากและมีอตั ราเร็วสูงเรียกวา่ ___________________ ทาใหเ้ กิด  ปรากฏการณ์แสงเหนือ- แสงใต้  ประเทศที่อยใู่ กลข้ ้วั โลก ไฟฟ้ าแรงสูงดบั  วงจรอิเลก็ ทรอนิกส์ของดาวเทียมถูกทาลาย  การส่ือสารของคลื่นวทิ ยตุ ิดขดั ~ 18 ~

วทิ ยาศาสตร์ ครูต่ิง KRU TING KRU CLUB 1. เขตดาวเคราะห์ช้นั ใน : มีขนาดเลก็ และ มีพ้นื ผวิ เป็น__________  ดาวพธุ ( Mercury ) : ไม่มีบรรยากาศ เตม็ ไปดว้ ยหลุมอุกกาบาต  ดาวศกุ ร์ ( Venus ) : เป็นดาวฝาแฝดกบั โลก - บรรยากาศหนาแน่นมาก ประกอบดว้ ย แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ทาใหเ้ กิดปรากฏการณ์________________________________ - แกนหมุนเอียง 177 องศา ทาใหห้ มุนรอบตวั เองสวนทางกบั ดาวอ่ืน  โลก ( Earth ) : มีดวงจนั ทร์บริวาร 1 ดวง - แกนหมุนเอียง_________องศา  ดาวองั คาร ( Mars ) - แกนหมุนเอียง_________องศา จึงมีฤดูกาลใกลเ้ คียงกบั __________ - หมุนรอบตวั เองใชเ้ วลา 24 ชวั่ โมง 37 นาที 2. แถบดาวเคราะห์นอ้ ย : เป็นเศษที่เหลือจาก ดาวเคราะห์ช้นั ใน ไม่สามารถรวมตวั กนั ได้ เพราะถูกดึงดูดจากแรงโนม้ ถ่วงของ __________________และ___________________ 3. เขตดาวเคราะห์ช้นั ใน หรือ ดาวเคราะหย์ กั ษ์ มีองคป์ ระกอบ คือ แกส๊ _______________และ________________  ดาวพฤหสั บดี ( Jupiter ) : มีขนาดใหญ่ที่สุดและมมี วลมากท่ีสุด - หมุนรอบตวั เองเร็วที่สุด ( 10 ชวั่ โมง )  ดาวเสาร์ ( Saturn ) : มีวงแหวนลอ้ มรอบ - มีความหนาแน่นนอ้ ยที่สุด  ดาวยเู รนสั ( Uranus ) - แกนหมุนเอียง 98 องศา จึงหมุนรอบตวั เองแบบตะแคง หรือ กลิ้ง  ดาวเนปจูน ( Neptune ) : มีกระแสลมพดั รุนแรงท่ีสุด ~ 19 ~

วิทยาศาสตร์ ครูต่ิง KRU TING KRU CLUB 4. เขตดาวหาง เป็นกอ้ นน้าแขง็ สกปรก เมื่อเคลื่อนท่ีเขา้ ใกลด้ วงอาทิตย์ ทาใหเ้ กิดการ _________________กลายเป็น แกส๊ และ ฝ่ นุ กระจาย พบที่ - ขอบนอกระบบสุริยะ ซ่ึงสงั เกตเห็นได้ เรียกวา่ แถบคอยเปอร์ - ลอ้ มรอบขอบนอกระบบสุริยะ เรียกวา่ ดงดาวหางของออร์ต เม่ือโลกผา่ นเขา้ ไปในวงโคจรของดาวหาง จะดูดเศษฝ่ นุ เขา้ มาในบรรยากาศ ทาใหเ้ กิด การลุกไหมเ้ ป็นแสงวบู วาบ เรียกวา่ ปรากฏการณ์_______________________ แต่เมื่อมีวตั ถุผา่ นเขา้ มาในบรรยากาศโลก จะเกิดการลุกไหม้ เรียกวา่ _____________ แต่ถา้ ลุกไหมไ้ ม่หมด จะตกลงบนพ้ืนโลก เรียกวา่ _____________________________ ~ 20 ~

วทิ ยาศาสตร์ ครูต่งิ KRU TING KRU CLUB ตวั อย่างข้อสอบ 1. ที่แกนกลางของดวงอาทิตยม์ ีอุณหภูมิประมาณก่ีเคลวนิ 1. 1,000 2. 5,800 3. 20,000 4. 1 ลา้ น 5. 15 ลา้ น 2. ดวงอาทิตยม์ ีอายปุ ระมาณเท่าไหร่ และจะฉายแสงเช่นน้ีไปอีกนานเท่าไหร่ 1. 100 ลา้ นปี , 1,000 ลา้ นปี 2. 1,000 ลา้ นปี , 10,000 ลา้ นปี 3. 5,000 ลา้ นปี , 5,000 ลา้ นปี 4. 5,000 ลา้ นปี , 50,000 ลา้ นปี 5. 13,700 ลา้ นปี , 5,000 ลา้ นปี ~ 21 ~

วทิ ยาศาสตร์ ครูต่งิ KRU TING KRU CLUB 3. พายสุ ุริยะมีผลอยา่ งไรต่อโลก 1. ทาใหเ้ กิดสึนามิ 2. ทาใหเ้ กิดแสงเหนือใต้ ( aurora ) 3. รบกวนการทางานของอุปกรณ์สื่อสาร 4. ทาใหเ้ กิดแผน่ ดินไหว 5. ทาใหแ้ กนโลกพลิกกลบั ดา้ น 6. ทาใหเ้ กิดสารพิษในอากาศ 4. ดาวเคราะหด์ วงใดต่อไปน้ีถูกคน้ พบดว้ ยวธิ ีท่ีแตกต่างจากดาวเคราะหด์ วงอ่ืน 1. ดาวเนปจูน 2. ดาวยเู รนสั 3. ดาวเสาร์ 4. ดาวองั คาร 5. ดาวพุธ ~ 22 ~

วทิ ยาศาสตร์ ครูต่ิง KRU TING KRU CLUB 5. ทิศของแกนหมุนรอบตวั เองของดาวเคราะห์หาไดจ้ ากการกามือขวา โดยใหน้ ิ้วท้งั ส่ีโคง้ ไป ตามทิศการหมุนรอบตวั เอง นิ้วโป้ งจะบอกทิศของแกนหมุน ในทานองเดียวกนั ทิศของแกน โคจรของดาวเคราะหร์ อบดวงอาทิตย์ กห็ าไดจ้ ากนิ้วโป้ งของการกามือขวาที่ใหน้ ิ้วท้งั ส่ีโคง้ ไป ตามทิศการโคจร โดยนิยามน้ี แกนหมุนรอบตวั เองของดาวเคราะห์ ดวงใดท่ีเอียงออกจากแกน โคจรรอบดวงอาทิตยม์ ากกวา่ ดาวเคราะห์ดวงอ่ืน 1. ดาวพธุ 2. ดาวศกุ ร์ 3. ดาวพฤหสั บดี 4. ดาวเสาร์ 5. ดาวยเู รนสั 6. ดาวเนปจูน 6. ดาวเคราะห์ใดเม่ือมองจากกลอ้ งโทรทรรศนบ์ นดาวองั คาร จะไม่มีโอกาสเห็นสวา่ งเตม็ ดวง 1. ดาวศุกร์ 2. โลก 3. ดาวพฤหสั 4. ดาวเสาร์ 5. ดาวยเู รนสั 6. ดาวเนปจนู ~ 23 ~


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook