วิชาเคมี อาจารยก รกฤช ศรวี ชิ ยั
วทิ ยาศาสตร์ 9 วชิ าสามญั และ O-NET KRU TING KRU CLUB ครูตง่ิ : กรกฤช ศรีวชิ ัย โรงเรียนกวดวิชาครูคลบั และ KPN SMART ทว่ั ประเทศ - รายการ ตวิ เข้มเตมิ เตม็ ความรู้ , อนิ ไซด์ O-NET , พฒั นาครู กศน. ช่อง NBT และ สถานีวทิ ยโุ ทรทศั นเ์ พ่ือการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ - โครงการ BRAND’S SUMMER CAMP - โครงการ ทบทวนความรู้สู่มหาวทิ ยาลยั กบั สหพฒั น์ - โครงการ OSOTSAPA ROAD TO UNIVERSITY สาระการเรียนรู้ สารและสมบตั ขิ องสาร ( เคมี ) ปิ โตรเลยี ม เกิดจากการทบั ถมของซากพชื ซากสตั ว์ แลว้ ยอ่ ยสลายใหธ้ าตุ___________ และ____________ จนรวมตวั เป็น สารประกอบ___________________________ 1. น้ามนั ดิบ : พบคร้ังแรกที่ อ. ฝาง จ.เชียงใหม่ ต่อมาพบท่ี อ.________________ จ.กาแพงเพชร ตอ้ งนาไป_______________________ จุดเดือดต่า มีเทน คาร์บอนนอ้ ย อีเทน โพรเพน จุดเดือดสูง บิวเทน คาร์บอนมาก เบนซิน กา๊ ด ดีเซล หล่อล่ืน เตา ไข ยางมะตอย 2. แกส๊ ธรรมชาติ : พบมากบริเวณ____________________ และท่ี อ.น้าพอง จ.ขอนแก่น ส่วนใหญ่เป็นแกส๊ _________________ ~1~
วทิ ยาศาสตร์ 9 วชิ าสามญั และ O-NET KRU TING KRU CLUB 1. ในการกลน่ั ลาดบั ส่วนสารไฮโดรคาร์บอนท่ีมีอะตอมคาร์บอนดงั ตาราง ขอ้ ใดไม่ถูกตอ้ ง สารไฮโดรคาร์บอน จานวนอะตอมของคาร์บอนในโมเลกลุ A 60 B 36 C 24 D 3 1.D มีสถานะเป็นแก๊ส 2. B มีความหนืดกวา่ C 3. A มีจุดเดือดสูงสุด 4. C มีแรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งโมเลกลุ มากกวา่ B 5. B และ C มีสถานะเป็นของเหลว 2. ในการกลนั่ ลาดบั ส่วนสารไฮโดรคาร์บอน ดงั ตาราง สารคู่ใดแยกออกจากกนั ไดย้ ากท่ีสุด สารไฮโดรคาร์บอน จานวนอะตอมของคาร์บอนในโมเลกลุ A 40 B 20 C 18 D 6 1. A และ B 2. A และ C 3. C และ D 4. B และ D 5. B และ C ~2~
วทิ ยาศาสตร์ 9 วชิ าสามญั และ O-NET KRU TING KRU CLUB 3. ขอ้ ใดเป็นการเรียงลาดบั จุดเดือดต่าไปสูงของผลิตภณั ฑท์ ี่ไดจ้ ากการกลนั่ ลาดบั ส่วน 1. แกส๊ หุงตม้ น้ามนั ดีเซล น้ามนั เบนซิน น้ามนั เตา 2. ยางมะตอย น้ามนั เบนซิน น้ามนั หล่อลื่น น้ามนั เตา 3. น้ามนั เบนซิน น้ามนั ดีเซล น้ามนั หล่อล่ืน ยางมะตอย 4. น้ามนั ดีเซล น้ามนั หล่อลื่น แกส๊ หุงตม้ น้ามนั เบนซิน 5. น้ามนั หล่อลื่น แก๊สหุงตม้ น้ามนั เบนซิน ยางมะตอย 4. กาหนดให้ A B C และ D เป็นผลิตภณั ฑท์ ี่ไดจ้ ากการกลนั่ น้ามนั ดิบ ขอ้ ใดถูกตอ้ ง ผลิตภณั ฑ์ ประโยชน์ A เป็นเช้ือเพลิงสาหรับหุงตม้ และสาหรับเครื่องยนตใ์ นรถยนตบ์ างชนิด B เป็นเช้ือเพลิงสาหรับเครื่องบินไอพน่ ส่วนผสมในยาฆา่ แมลง และน้ามนั ชกั เงา C เป็นเช้ือเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้ า และใชใ้ นยานยนตบ์ างชนิด D ใชห้ ล่อลื่นและสามารถป้ องกนั ไมใ่ หฝ้ ่ นุ เขา้ ไปอยรู่ ะหวา่ งผวิ โลหะได้ ขอ้ A B C D 1 LPG น้ามนั ก๊าด CNG จาระบี 2 CNG น้ามนั ก๊าด น้ามนั เบนซิน น้ามนั หล่อล่ืน 3 แกส๊ โซฮอล์ น้ามนั เบนซิน น้ามนั กา๊ ด ยางมะตอย 4 LPG น้ามนั เบนซิน แก๊สโซฮอล์ น้ามนั เตา 5 CNG น้ามนั ดีเซล LPG จาระบี 5. ขอ้ ใดเป็นพลงั งานทดแทน 3. น้ามนั แก๊สโซฮอล์ 4. น้ามนั ดีเซล 5. น้ามนั เบนซิน 1. CNG 2. LPG ~3~
วทิ ยาศาสตร์ 9 วชิ าสามญั และ O-NET KRU TING KRU CLUB พอลเิ มอร์ เกิดจาก การรวมตวั ของสารขนาดเลก็ หลายๆโมเลกลุ ซ่ึงเรียกวา่ _________________ 1. พลาสติก เทอร์มอพลาสติก : มีโครงสร้างแบบเสน้ หรือแบบกิ่ง : เม่ือไดร้ ับความร้อนจะ_____________ : เปลี่ยนรูปร่างกลบั ไปกลบั มาได้ ( พลาสติกรีไซเคิล ) มี ____ประเภท 1. PETE คือ พอลิเอทิลีนเทเรฟทาเลต หรือ _______ : ________________ 2. HDPE คือ พอลิเอทิลีนความหนาแน่น______ :____________________ 3. PVC คือ พอลิไวนิลคลอไรด์ :_________________________________ 4. LDPE คือ พอลิเอทิลีนความหนาแน่น_______ :_____________________ 5. PP คือ พอลิโพรพลิ ีน :_____________________________________ 6. PS คือ พอลิสไตรีน :_______________________________________ 7. ______________ เทอร์มอเซต มีโครงสร้างแบบร่างแห : เม่ือไดร้ ับความร้อนจะ______________ เบกาไลท์ ใชท้ า ดา้ มจบั กระทะและเตารีด ปลก๊ั ไฟฟ้ า เมลามีน ใชท้ า____________________ ยเู รียฟอร์มาลดีไฮด์ ใชท้ าเตา้ เสียบ แผน่ ฟอร์ไมกาปโู ตะ๊ ยรู ีเทน ใชท้ า__________ เป็นฉนวน กนั เสียง เคลือบไม้ 2. ยาง ยางธรรมชาติ : มอนอเมอร์ คือ ไอโซพรีน รวมตวั เป็น__________________ - ________ต่อแรงดึงและการขดั ถู - ________น้า น้ามนั พชื และสัตว์ - ________น้ามนั เบนซินและตวั ทาละลายอินทรีย์ - ________ความร้อนและความเยน็ ~4~
วทิ ยาศาสตร์ 9 วชิ าสามญั และ O-NET KRU TING KRU CLUB ยางสงั เคราะห์ : ยางไอโซพรีน ( _______ ) : มีส่ิงเจือปนนอ้ ย และ คุณภาพสม่าเสมอ ใชท้ าจุกนม : ยางสไตรีน- บิวทาไดอีน (_________) : ทนต่อการขดั ถู ใชท้ าพ้นื รองเทา้ ยางปพู ้ืน 3. เส้นใย ธรรมชาติ - พชื คือ ________________เช่น ฝ้ าย นุ่น ปอ ป่ าน มะพร้าว ลินิน ศรนารายณ์ - สัตว์ คือ ________________เช่น ไหม ขนสตั ว์ ผม - แร่ธาตุ คือ_______________ ทนความร้อน ทนสารเคมี มีอนั ตรายต่อระบบหายใจ สังเคราะห์ : ยบั ยาก ไม่ดูดซบั น้า ทนเช้ือรา ทนสารเคมี เช่น___________________________________________________________ ~5~
วทิ ยาศาสตร์ 9 วชิ าสามญั และ O-NET KRU TING KRU CLUB 1. สารอินทรียช์ นิดใดต่อไปน้ีท่ีจดั เป็นพอลิเมอร์ที่เกิดจากมอนอเมอร์หลายชนิด 1. ยางพารา 2. เซลลูโลส 3. ไกลโคเจน 4. กรดนิวคลีอิก 5. คอเลสเทอรอล 2. ขอ้ ใดเป็นกลุ่มของพลาสติกท่ีสามารถรีไซเคิลไดท้ ้งั หมด 1. พอลิเอทิลิน และ พอลิโพรพิลีน 2. เบกาไลต์ และ พอลิสไตรีน 3. พอลิไวนิลคลอไรต์ และ ซิลิโคน 4. พอลิเอทิลีนเทเรฟทาเลต และ เมลานีน 5. พอลิไวนิลอะซิเตต และ พอลีเมลามีนฟอร์มาลดีไฮด์ ~6~
วทิ ยาศาสตร์ 9 วชิ าสามญั และ O-NET KRU TING KRU CLUB 3. ขอ้ ใดไม่ถูกตอ้ ง 1. เสน้ ใยไนลอนนามาใชท้ าเส้ือผา้ ท่ีเหมาะสมกบั อากาศเยน็ 2. เมลามีน นามาใชท้ าเป็นพลาสติกรีไซเคิล 3. ยางสไตรีน – บิวตาไดอีน (ยาง SBR) ใชท้ าพ้นื รองเทา้ ท่อสายยาง 4. พอลิเอทิลีนเทเรฟทาเลต (PETE) นามาใชท้ าขวดน้าดื่มชนิดใส 5. ชิลิโคนนามาใชท้ าอวยั วะเทียมในทางการแพทย์ 4.การลดปริมาณของเสียท่ีเป็นสาเหตุปัญหาสิ่งแวดลอ้ มในขอ้ ใด ท่ีเป็นวธิ ีการนากลบั มาใชซ้ ้า 1. ป๋ ุยชีวภาพที่ไดจ้ ากการหมกั ผลไมท้ ่ีเน่าเสีย 2. ถุงพลาสติกหูหิ้วท่ีใชแ้ ลว้ นาไปใชเ้ ป็นถุงขยะ 3. กระดาษทิชชูท่ีไดจ้ ากการนากระดาษใชแ้ ลว้ ไปยอ่ ยผลิตใหม่ 4. กระเป๋ าผา้ ที่ประดิษฐจ์ ากเศษผา้ ท่ีเหลือทิ้งจากการตดั เส้ือผา้ 5. น้าทิง้ จากโรงงานถูกบาบดั ก่อนเอามาใชร้ ดน้าตน้ ไม้ 5. วธิ ีการรักษาส่ิงแวดลอ้ มในขอ้ ใดท่ีเป็นวธิ ีรีไซเคิล (recycle) 1. นาปฏิทินท่ีไม่ใชแ้ ลว้ มาทาเป็นหนงั สือสาหรับคนตาบอด 2. เกบ็ ขวดแกว้ นาไปหลอมทาขวดใหม่ 3. ใชเ้ ส้ือผา้ เก่า มาตดั เยบ็ เป็นถุงยา่ ม 4. นาพลาสติกท่ีเคยไดม้ า มาใชแ้ ทนถุงพลาสติกใบใหม่ 5. ใชก้ ระติกน้าส่วนตวั แทนการซ้ือน้าขวดพลาสติก ~7~
วทิ ยาศาสตร์ 9 วชิ าสามญั และ O-NET KRU TING KRU CLUB 6. ชายคนหน่ึงมีแผนท่ีจะใชก้ งั หนั ตีอากาศและปูนขาวมาปรับปรุงบ่อกงุ้ ร้างของเขาท้งั 5 บ่อ เพ่อื นามาเล้ียงปลา บ่อกงุ้ ใดใน 5 บ่อที่จะตอ้ งปรับปรุงดว้ ยวธิ ีดงั กล่าวจึงจะเล้ียงปลาได้ บ่อ ค่า BOD (mg/I) ค่า DO (mg/I) pH A 5 B 4 3 7.5 C 8 D 6 18 E 7 1. บ่อ A 13 2. บ่อ B 3. บ่อ C 25 27 4. บ่อ D 5. บ่อ E 7.จากตารางค่าของ BOD และค่า pH ของแหล่งน้าต่างๆ แหล่งน้าใดมีความสะอาดที่สุด แหล่งน้า ค่า BOD (มิลลิกรัม/ลิตร) ค่า pH A4 4.5 B 21 7.3 C 2 6.8 D 3.5 9.0 E 17 10.0 1. A 2. B 3. C 4. D 5. E ~8~
วทิ ยาศาสตร์ 9 วชิ าสามญั และ O-NET KRU TING KRU CLUB ปฏกิ ริ ิยาเคมี การสังเคราะห์แสง : มีแสงและคลอโรฟิ ลล์ เป็นตวั เร่งปฏิกิริยา CO2 (g) + H2O( l ) ------> ___________ + ____________ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ( H2O2) :ใช_้ __________________________และฆ่าเช้ือโรค เมื่อไดร้ ับแสงและความร้อนจะสลายตวั จึงตอ้ งเกบ็ ในที่______หรือภาชนะสี____ โซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต ( NaHCO3 หรือ_________ ) เมื่อไดร้ ับความร้อนจะไดแ้ ก๊ส_______________________________________ ถ่านหิน : จะมี______________ เมื่อทาปฏิกิริยากบั น้า จะเกิดเป็น___________________________ สนิม เกิดจาก เหลก็ ( Fe ) ทาปฏิกิริยากบั แก๊ส______________ ปัจจยั ที่มีผลต่ออตั ราการเกิดปฏิกิริยาเคมี 1. ธรรมชาติของสารต้งั ตน้ ( Mg > Zn > Cu ) 2. ความเขม้ ขน้ ของสารต้งั ตน้ ( ____________ > ______________) 3. พ้นื ที่ผวิ สัมผสั ของสาร ( _____________ > _____________ ) 4. อุณหภูมิ ( _____________> ______________) 5. สารท่ีเติมเพม่ิ ลงไป : ทาใหป้ ฏิกิริยาเกิดเร็วข้ึน เรียกวา่ _________________ : ทาใหป้ ฏิกิริยาเกิดชา้ ลง เรียกวา่ __________________ ~9~
วทิ ยาศาสตร์ 9 วชิ าสามญั และ O-NET KRU TING KRU CLUB 1. สาร ลกั ษณะของสาร A ของแขง็ สีขาวข่นุ B สารละลายใสไม่มีสี เมื่อนาสาร A ใส่ในสาร B พบวา่ มีฟองแกส๊ เกิดข้ึนและอุณหภมู ิสารละลายเพ่ิมข้ึน ขอ้ ใดถกู ตอ้ ง 1. เป็นการละลาย และ เกิด การคายความร้อน 2. เป็นการละลาย และ เกิดการดูดความร้อน 3. เกิดปฏิกิริยาเคมี และ เกิดการคายความร้อน 4. เกิดปฏิกิริยาเคมี และ เกิดการดูดความร้อน 5. เกิดการเปลี่ยนสถานะ และ เกิดการดูดความร้อน 2.ขอ้ ใดถูกตอ้ งท่ีสุด 1.ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซดค์ วรเกบ็ ไวใ้ นภาชนะใสที่ฝาปิ ด 2. การสลายตวั ของโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตเป็นปฏิกิริยาคายความร้อน 3. การป้ องกนั การเกิดสนิมเหลก็ ทาไดโ้ ดยชุบดว้ ยโครเมียม 4. แก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ เกิดจากการเผาไหมเ้ ช้ือเพลิงอยา่ งสมบรูณ์ 5. กรดที่มีในฝนกรด คือ HClO4 ทาใหส้ ่ิงปลกู สร้างเกิดการสึกกร่อน ~ 10 ~
วทิ ยาศาสตร์ 9 วชิ าสามญั และ O-NET KRU TING KRU CLUB 3. การทดลองต่อไปน้ีขอ้ ใดมีอตั ราการเกิดปฏิกิริยาสูงที่สุด ท่ีอุณหภมู ิเดียวกนั 1.ใส่แผน่ สงั กะสี 1 ชิ้น หนกั 1 กรัม ลงในกรดไฮโดรคลอริกเขม้ ขน้ 0.1 mol / dm3 2.ใส่ผงสงั กะสี น้าหนกั รวม 1 กรัม ลงในกรดไฮโดรคลอริกเขม้ ขน้ 0.2 mol / dm3 3.ใส่แผน่ สังกะสี 2 ชิ้น หนกั 1 กรัม ลงในกรดไฮโดรคลอริกเขม้ ขน้ 0.2 mol / dm3 4. ใส่ผงสงั กะสี น้าหนกั รวม 1 กรัม ลงในกรดไฮโดรคลอริกเขม้ ขน้ 0.1 mol / dm3 5. การทดลองทุกขอ้ มีอตั ราการเกิดปฏิกิริยาเท่ากนั 4. ขอ้ ใดส่งผลใหอ้ ตั ราการเกิดปฏิกิริยาระหวา่ งสังกะสีกบั กรดไฮโดรคลอริกลดลง 1. ใชแ้ ผน่ สังกะสีท่ีมีแผน่ ทองแดงพนั เป็นเกลียวโดยรอบ 2. เติมน้ากลนั่ ลงไป 100 cm3 3. เพ่ิมความเขม้ ขน้ ของกรดไฮโดรคลอริก 4. ใชผ้ งสังกะสีแทนแผน่ สงั กะสี 5. นาหลอดทดลองไปแช่ในอ่างน้าร้อน ~ 11 ~
วทิ ยาศาสตร์ 9 วชิ าสามญั และ O-NET KRU TING KRU CLUB ธาตุและสารประกอบ หน่วยเลก็ ที่สุดของธาตุ เรียกวา่ ______________มีอนุภาคมลู ฐาน คือ__________________ สญั ลกั ษณ์นิวเคลียร์ เลขมวล แทน จานวน________________________ 1231������������ เลขอะตอม แทน จานวน________________________ การจดั ตวั ของอิเลก็ ตรอน : 2 , 8 , 8/18 , 8 / 18 / 32 ,……., ไม่เกิน 8 - อิเลก็ ตรอนวงนอกสุด (เวเลนซ์อิเลก็ ตรอน) มีค่าเท่ากบั __________ - ระดบั พลงั งาน มคี ่าเท่ากบั _____________ ~ 12 ~
วทิ ยาศาสตร์ 9 วชิ าสามญั และ O-NET KRU TING KRU CLUB IA IIA IIIA IVA VA VIA VIIA VIIIA H He Li Be B C N O F Ne Na Mg Al Si P S Cl Ar K Ca Sc Ti V Cr Mn Fe Co Ni Cu Zn Br Kr Rb Sr Ag I Xe Cs Ba Pt Au Hg At Rn Fr Ra พนั ธะเคมี โลหะ ไอออนิก โคเวเลนต์ ธาตุองคป์ ระกอบ สถานะ จุดเดือด/จุดหลอมเหลว การนาไฟฟ้ า การเขียนสูตรเคมี : คูณไขวเ้ ลขประจุ ~ 13 ~
วทิ ยาศาสตร์ 9 วชิ าสามญั และ O-NET KRU TING KRU CLUB 1. พิจารณาตาแหน่งของธาตุสมมติในตารางธาตุคาบที่ 2-4 ขอ้ ใดไม่ถูกตอ้ ง IA IIA IIIA IVA VA VIA VIIA VIIIA คาบที่ E FG H 2 AB CD I3 ธาตุแทรนซิชนั J4 1. ธาตุ A มีความเป็นโลหะมากกวา่ ธาตุ I 2. ธาตุ G มีความเป็นอโลหะมากกวา่ ธาตุ F 3. ธาตุ B ทาปฏิกิริยากบั น้าไดร้ ุนแรงกวา่ ธาตุ C 4. ธาตุ E และ D เป็นก่ึงโลหะ 5. ธาตุ H มีความเป็นอโลหะนอ้ ยกวา่ ธาตุ J 2. ธาตุสมมติ K, L, M และ N มีเลขอะตอมเท่ากบั 12, 13, 18 และ 20 ตามลาดบั ขอ้ ใดถกู ตอ้ ง 1. ธาตุ K มีจุดเดือดต่ากว่าธาตุ M 2. ธาตุ L เป็นธาตุหมู่ VA คาบ 3 3. ธาตุ K มีความเป็นโลหะนอ้ ยกวา่ ธาตุ L 4. ธาตุ K และ N เป็นธาตุอยใู่ นหมู่ IIA 5. ธาตุ M ตีแผเ่ ป็นแผน่ บางหรือดึงเป็นเส้นได้ ~ 14 ~
วทิ ยาศาสตร์ 9 วชิ าสามญั และ O-NET KRU TING KRU CLUB 3.สารใดเป็นสารประกอบโคเวเลนต์ สารประกอบไอออนิก และ โลหะ ตามลาดบั สาร การละลายน้า จุดเดือด จุดหลอมเหลว การนาไฟฟ้ า A ละลาย 82 ของแขง็ ของเหลว B ละลาย 2,080 C ไม่ละลาย 2,800 -91 ไม่นา ไม่นา D ไม่ละลาย 3,600 1. A B C 1360 ไม่นา นา 1,976 นา นา 2,573 ไม่นา ไม่นา 2. A C D 3. B C A 4. B D C 5. C B D 4. ธาตุสมมติ X และ Y มีเลขอะตอมเท่ากบั 15 และ 17 ตามลาดบั ขอ้ ใดระบุชนิดของ สารประกอบและสูตรของสารประกอบระหวา่ งธาตุ X และ Y ไดถ้ ูกตอ้ ง 1. สารประกอบไอออนิก สูตร Y3X 2. สารประกอบโคเวเลนต์ สูตร XY3 3. สารประกอบไอออนิก สูตร XY3 4. สารประกอบโคเวเลนต์ สูตร X3Y 5. สารประกอบไอออนิก สูตร X3Y ~ 15 ~
Search
Read the Text Version
- 1 - 16
Pages: