Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การขยายพันธุ์พืช ด้วยวิธีการตอนกิ่ง

การขยายพันธุ์พืช ด้วยวิธีการตอนกิ่ง

Published by vrw.tum3121, 2021-01-10 13:55:07

Description: ระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ 4

Search

Read the Text Version

รำยวิชำกำรงำนอำชพี รหสั ง14101 ระดบั ชัน้ ประถมศึกษำปีที่ 4 ภำคเรยี นท่ี 2 ปีกำรศกึ ษำ 2564 กลมุ่ สำระกำรงำนอำชพี จัดทำโดย นำยสฏรัฏฐ์ ทองก่ำ ตำแหนง่ ครผู ู้ช่วย โรงเรยี นวดั ตำหนักใต้ฯ (วิลำศโอสถำนนทน์ ุเครำะห์ สังกดั สำนกั งำนเขตพน้ื ท่ีกำรศกึ ษำประถมศึกษำนนทบคุรรีูสเฏขรตฏั ฐ์ ท1องก่ำ สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ โษรงำเขรีย้ันนพวัดน้ื ตฐำำหนนักกใตร้ ะฯทวรลิ วำศงโศอกึสถษำำนธนิกทำน์ รุเครำะห์

กำรขยำยพันธ์ุพชื ด้วยวิธีกำรตอนก่ิง กำรตอนก่งิ หมายถงึ วธิ กี ารทาใหก้ ่งิ พชื ออกรากในขณะอยู่ตดิ กบั ตน้ แม่ เมอ่ื กง่ิ ตอนนั้นออกรากดีแลว้ จงึ ตดั ไปปลูกตอ่ ไป การตอนกง่ิ เป็นการตดั ท่อลาเลยี งอาหารของพชื ส่วนท่อนา้ ยังมอี ยูต่ ามปกติ จึงทาให้กิ่งท่ีทาการ ตอนไดร้ บั น้าอยตู่ ลอดเวลา ด้วยเหตุน้จี ึงทาให้ก่ิงตอนสดอยู่เสมอจนกว่าจะออกรากการออกรากของกิ่งตอน จะ ข้นึ อย่กู ับความชนื้ การถา่ ยเทอากาศ และระดับอุณหภูมทิ ีเ่ หมาะสม แต่ถ้าปลอ่ ยใหด้ ินหรือวสั ดุหุ้มกงิ่ แหง้ โดยมไิ ด้ ดูแล ย่อมจะเปน็ อุปสรรคตอ่ การเกิดรากไดเ้ ช่นกนั ดังนัน้ ฤดกู าลที่เหมาะสมทส่ี ุดในการตอนก่งิ ควรเปน็ ฤดฝู น การตอนก่ิง ใชแ้ ก้ปัญหา โดยเฉพาะพืชบางชนิดท่ไี ม่สามารถออกรากไดโ้ ดยใชว้ ธิ ีตัดชา แตอ่ อกรากได้ โดยวิธีตอนกิ่ง สามารถทาไดง้ า่ ยทง้ั กลางแจง้ และในเรือนเพาะชา นอกจากนี้ กงิ่ ตอนยงั มีจานวนรากมากกวา่ ก่งิ ตัดชา เมือ่ นาไปปลกู จึงมโี อกาสตง้ั ตวั ได้เรว็ และมีเปอรเ์ ซน็ ต์การตายนอ้ ยกว่ากง่ิ ตดั ชา ประการสาคัญอกี อย่าง หนง่ึ คอื พืชต้นใหมท่ ่ีไดจ้ ากการตอน จะมลี ักษณะเป็นไม้พ่มุ เต้ยี จงึ สะดวกต่อการดูแลปฏบิ ัติบารงุ รักษาและเกบ็ เกย่ี ว โดยเฉพาะไมป้ ระดบั จะไดท้ รงพ่มุ ท่ีสวยงาม เปน็ ตน้ แตก่ งิ่ ตอนมีข้อเสีย คอื พชื ที่นาไปปลกู เม่ือโตเตม็ ท่ีจะ ล้มง่าย เพราะไม่มรี ากแก้ว ครูสฏรัฏฐ์ ทองกำ่ โรงเรียนวัดตำหนักใต้ ฯ วลิ ำศโอสถำนนทน์ ุเครำะห์

ควำมสำคัญและประโยชน์ของกำรตอนก่ิง 1. เป็นการขยายพันธุท์ ีส่ ามารถทาได้งา่ ย 2. พชื ท่ีขยายพันธ์ดุ ว้ ยการตอนก่งิ สามารถทากับพชื ทม่ี ขี นาดใหญ่ 3. ใช้ในกรณที ี่ต้องการตน้ พชื ขนาดใหญ่จานวนไมม่ ากและใช้อปุ กรณน์ ้อย 4. ได้ต้นพชื ทม่ี ลี กั ษณะเหมือนต้นแม่ทุกประการ 5. พืชทขี่ ยายพนั ธดุ์ ้วยการตอนกิง่ ให้ผลผลติ เร็วกว่าการตัดชา ข้อดี ของกำรขยำยพันธพุ์ ชื ด้วยกำรตอนกิง่ 1. สามารถใชก้ บั พชื ทีอ่ อกรากยาก ท่ีไมส่ ามารถใชต้ ดั ชาได้ แตเ่ กิดรากได้ดีดว้ ยการตอนกง่ิ 2. ไดก้ ่ิงพันธุท์ ไี่ ม่กลายพันธุ์ 3. การปฏบิ ัตแิ ละบารุงรักษาง่าย 4. สามารถประหยัดคา่ ใช้จ่าย และพืชบางชนิดออกรากได้ง่าย 5. เปน็ วธิ ที ีส่ ามารถทาได้งา่ ย ทง้ั กลางแจง้ และในเรือนเพาะชา ครูสฏรัฏฐ์ ทองก่ำ โรงเรยี นวัดตำหนักใต้ ฯ วิลำศโอสถำนนท์นเุ ครำะห์

ขอ้ เสยี ของกำรขยำยพนั ธุ์พชื ดว้ ยกำรตอนก่งิ 1. ก่ิงตอนไม่มรี ากแก้ว ปลูกแล้วจะโคน่ ล้มได้ง่าย เม่ือมีพายแุ รง เชน่ ล้นิ จ่ี และลาไยเป็นต้น 2. ต้องเสยี เวลาในการตดั กิง่ มาปกั ชากอ่ น เพื่อให้ตน้ แขง็ แรงกอ่ นนาไปปลูก 3. สามารถขยายพนั ธ์ุได้นอ้ ย เพราะตอ้ งใชข้ นาดกิ่งโตพอสมควร 4. ตอ้ งใช้ตน้ ไมจ้ านวนมากทาใหต้ ้องปลูกในเนื้อท่ีมีมากกว่าการขยายพันธ์ุดว้ ยวธิ ีอ่ืน ๆ และตอ้ งเสยี คา่ ใช้จ่ายมากขน้ึ ปจั จัยท่เี กี่ยวข้องกบั กำรตอนกิ่ง 1. การเลอื กกง่ิ ควรเลอื กก่งิ เพลาด มีสนี ้าตาลไมแ่ กห่ รอื อ่อนเกินไป ใบยอดควรจะพน้ ระยะใบออ่ น เปลอื กลอ่ น ถ้ากงิ่ แก่ไปจะออกรากยาก และนอ้ ย นอกจากน้ันกงิ่ แก่มกั จะเป็นก่ิงขนาดใหญ่เมือ่ ออกรากแล้วมกั จะ มปี ญั หาในการชา เพราะขนาดของตน้ ใหญ่ มีรากน้อย ทาให้ใบกบั รากไม่สมดุลกันใบจะเห่ยี ว เนื่องจากขาดนา้ กิ่งที่ อย่รู อบในทรงพมุ่ กไ็ มค่ วรตอน เพราะจะออกรากชา้ และนอ้ ยบางครงั้ จะไม่ออกรากเลยนอกจากนั้นควรจะพจิ ารณา ถงึ 1.1 ขนาดของก่งิ ควรมขี นาดต้งั แตข่ นาดดินสอดาถึงขนาดหวั แมม่ อื 1.2 ชนิดของก่งิ ก่ิงกระโดงเหมาะทสี่ ุด เพราะจะออกรากไดร้ อบดา้ น ถา้ เปน็ กิ่งนอนหรอื กงิ่ ปลายชลี้ งดิน รากจะออกทาง ดา้ นบนของก่ิงแล้วหอ้ ยลงตามแรงดึงดูดของโลกทาใหไ้ ด้รากน้อยและรากโตชา้ ถ้าจาเปน็ ต้อง เลือกกงิ่ นอนควรคา้ หรอื โยงให้กงิ่ ต้งั ตรงกอ่ นแล้วจงึ ตอนโดยทาไมห้ ลักไวก้ ลางพุ่มสาหรบั ผูกเชือกโยงกิง่ ตอน ทงั้ หลายให้ตัง้ ข้ึน 2. ฤดกู าล ควรตอนก่งิ ในช่วงฤดฝู นซง่ึ เปน็ ระยะทีพ่ ืชกาลังเจริญเตบิ โต ถ้าตอนกิ่งในฤดูร้อนตอ้ งรดน้า กระเปาะห้มุ ให้ชน้ื อยูเ่ สมอ สาหรบั ฤดูหนาวไมแ่ นะนาให้ตอน โดยทั่วไปชาวสวนจะนิยมตอนในปลายฤดูฝน เน่อื งจากกระเปาะหุ้มจะไมแ่ ฉะซง่ึ เป็นสาเหตใุ ห้รากไมเ่ ดิน 3. การใช้ฮอรโ์ มนเร่งราก ปจั จุบนั เปน็ ท่ียอมรบั กนั วา่ ฮอร์โมนเรง่ รากจะช่วยให้การเกิดรากของกิ่ง ตอนเรว็ ข้นึ เพ่ือช่วยใหม้ ีการเจรญิ เตบิ โตเป็นรากได้งา่ ย และรวดเรว็ ตลอดจนไดค้ ณุ ภาพรากดขี นึ้ ควรใช้สาร ครูสฏรัฏฐ์ ทองกำ่ โรงเรยี นวัดตำหนักใต้ ฯ วลิ ำศโอสถำนนทน์ เุ ครำะห์

ควบคุมการเจริญเติบโตพืชและสารทชี่ ว่ ยในการเกิดรากของกิ่งตอนท่ีนิยมใชค้ ือ สารในกลุ่มออกซนิ ไดแ้ ก่ เอนเอเอ และไอบเี อ หรอื เอนเอเอ ผสมกับไอบเี อ และสารละลายของสารควบคุมการเจรญิ เติบโตของพชื เช่น การศึกษา การตอนส้มโอพนั ธข์ุ าวทองดดี ้วยฮอรโ์ มนเซอราดกิ ส์ เบอร์ 2 และบิวตีรูท พบวา่ การใช้ฮอรโ์ มนทาใหก้ ารออกราก เร็วข้นึ จาก 60 วนั เปน็ 30 วนั มีจานวนราก ขนาดราก และรากยาวกว่ากงิ่ ไม่ใชฮ้ อร์โมน แต่เปอรเ์ ซ็นตก์ ารออก ราก 80 - 90 เปอรเ์ ซน็ ต์ ใกล้เคียงกนั (เสนาะ นาคสิงห์ และ จริ า ณ หนองคาย 2536 : 25) ธใี ชฮ้ อรโ์ มนเร่งราก สามารถทาได้ โดยทาบรเิ วณเหนือรอยคว่นั (บริเวณทจ่ี ะออกราก) ระวงั อย่าทาถึงใตร้ อยควัน่ บริเวณนจ้ี ะเกดิ ราก เรว็ กว่าบริเวณเหนอื รอยควัน่ เม่ือเหน็ รากโผลอ่ อกมาจากตมุ้ หากตดั ไปชามกั จะตาย เนือ่ งจากไม่สามารถสง่ อาหารจากยอดมารากได้ ทอ่ อาหารถูกตัดขาด) และพบว่าในระยะนรี้ ากบริเวณเหนือรอยคว่นั มกั จะยังเจริญไม่พอ ด้วย ดังน้นั การตัดกงิ่ ตอนควรจะพิจารณาจากจานวนรากท่ีสังเกตเห็นได้ โดยมองผ่านพลาสตกิ ใสทีห่ ุ้ม ควรจะมี รากมาก ปลายรากมีสนี า้ ตาล เมือ่ ตัดกิง่ ตอนไปปลูกแล้วควรตัดแต่งใบและก่ิงใหส้ มดลุ กับราก ปัจจยั ทีม่ อี ิทธิพลตอ่ กำรตอนกิง่ 1) การทาให้เกิดการสะสมอาหารและสารบางชนิดทจ่ี าเป็นตอ่ การงอกราก ในบรเิ วณทที่ าการตอน โดย วิธีการทาใหก้ ิ่งเกิดแผล เพ่ือตัดท่อลาเลียงอาหารของพชื ในสว่ นอน่ื ๆ จึงเกิดการสะสมอาหารและสารบางอย่างขึ้น เหนือแผลท่ีทาการตอน 2) การสร้างสภาพแวดล้อมใหเ้ หมาะสมกับการงอกรากของพืช เช่น ความชื้น อณุ หภูมิ และแสงสวา่ ง 3) การดูแลรักษา ควบคมุ ความชนื้ หรอื การป้องกันไมใ่ หเ้ กิดความเสยี หาย อนั เกดิ จากศัตรูอน่ื ๆ เช่น มด แมลง สตั ว์เลี้ยง เป็นต้น ครูสฏรัฏฐ์ ทองก่ำ โรงเรยี นวดั ตำหนกั ใต้ ฯ วลิ ำศโอสถำนนท์นุเครำะห์

อุปกรณท์ ใ่ี ช้ในกำรตอนกิง่ 1) มดี ขยายพนั ธ์หุ รือคตั เตอร์ (Cutter) หรอื มดี ตดิ ตาตอ่ ก่งิ 2) ถุงพลาสตกิ ขนาด 2x4 นวิ้ หรอื 3x5 น้ิว 3) วัสดหุ มุ้ ก่ิงตอน เชน่ กาบมะพร้าว ถ่านแกลบหรอื ขยุ มะพร้าว 4) เชือกมดั วสั ดหุ มุ้ กงิ่ ตอน เช่น เชือกฟาง 5) ฮอรโ์ มนเรง่ ราก รูปแบบกำรตอนก่ิง มีหลายวิธี ทน่ี ยิ มกนั ไดแ้ ก่ 1) การตอนกงิ่ ในอากาศ (Air Layering) 2) การตอนก่ิงแบบฝังยอด (Tip Layering) 3) การตอนก่งิ แบบฝงั ก่งิ ให้ยอดโผลพ่ น้ ดนิ (Simple Layering) 4) การตอนกิ่งแบบงเู ลื้อย (Compound Layering) ครูสฏรัฏฐ์ ทองก่ำ โรงเรยี นวัดตำหนักใต้ ฯ วลิ ำศโอสถำนนท์นุเครำะห์

5) การตอนกิง่ แบบขดุ รอ่ ง (Trench Layering) 6) การตอนกง่ิ แบบสุมโคน (Mound or Stool Layering) กำรตอนก่ิงในอำกำศ (Air Layering) การตอนกิง่ ในอากาศ โดยเฉพาะแบบคว่นั กิง่ เหมาะสาหรบั ไม้ประดับ เช่น กหุ ลาบ โมก โกสน แสง จนั ทร์ เล็บครุฑ ฯลฯ และไม้ผลบางชนิด เช่น มะม่วง ลาไย มังคดุ มะเฟือง ฯลฯ เปน็ ตน้ มีขน้ั ตอน ดงั น้ี (1) เลอื กกงิ่ ท่มี ีอายไุ ม่เกนิ 1 ปี หรอื อยใู่ นวัยหน่มุ สาว ซ่ึงจะออกรากได้ดกี วา่ กิ่งทีม่ อี ายมุ าก และควรเป็น กง่ิ กระโดงหรือก่ิงน้าค้าง ท่สี มบูรณ์ ปราศจากโรคและแมลง (2) ควน่ั เปลือกกิง่ ความยาวของรอยแผล ประมาณเสน้ รอบวงของก่งิ ท้งั ด้านบนและล่างของก่งิ แลว้ ลอก เอาเปลือกออกและขูดเย่ือเจรญิ ที่เปน็ เมอื กล่ืนๆ รอบกงิ่ ออกให้หมด (3) นาต้มุ ตอน (ขุยมะพรา้ วเก่าที่แช่นา้ จนอ่ิมตัว แลว้ บีบนา้ ออกพอหมาดๆ อัดลงในถุงพลาสตกิ แลว้ ผูกปาก ครูสฏรฏั ฐ์ ทองก่ำ โรงเรยี นวัดตำหนกั ใต้ ฯ วลิ ำศโอสถำนนทน์ ุเครำะห์

ถุงให้แนน่ ) มาผา่ ตามความยาวแลว้ นาไปหมุ้ รอยแผลของก่ิงตอน มัดดว้ ยเชือกท้ังบนและล่างรอยแผลที่คว่ัน (4) เม่อื กงิ่ ตอนงอกรากซงึ่ จะเกิดตรงบริเวณรอยควั่นดา้ นบน และรากเร่มิ แก่เป็นสีเหลอื ง หรือมสี นี า้ ตาล ปลายรากมีสีขาวและมจี านวนรากมากพอ จึงตดั ก่งิ ตอนไปชาหรอื ปลูกได้ (5) ตดั ก่ิงตอนไปชาในภาชนะ ในกระถางหรอื ถงุ พลาสตกิ เพือ่ รอการปลกู ตอ่ ไป ข้ันตอนกำรตอนก่ิง ครูสฏรัฏฐ์ ทองกำ่ โรงเรยี นวัดตำหนักใต้ ฯ วลิ ำศโอสถำนนทน์ เุ ครำะห์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook