ป.3 วิทยาการคำนวณ

รายวชิ า วทิ ยาการคานวณ รหัส 13101 ระดบั ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 กลุม่ สาระวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี จดั ทาโดย นายสฏรฏั ฐ์ ทองกา่ ตาแหน่ง ครผู ชู้ ว่ ย โรงเรยี นวัดตาหนกั ใต้ฯ (วลิ าศโอสถานนทน์ ุเคราะห์) สงั กัดสานกั งานเขตพนื้ ท่กี ารศกึ ษาประถมศกึ ษานนทบุรี เขต 1 สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร

เรอื่ ง การแก้ปญั หาโดยใชแ้ นวคิดเชงิ คานวณ 1. การแกป้ ัญหาในชวี ติ ประจาวนั แต่ละคนเมอ่ื พบสถานการณ์หรอื เหตกุ ารณ์ต่างๆ ท่เี ปน็ ปัญหา อาจมีวธิ กี ารและขน้ั ตอนในการแกป้ ัญหา ที่แตกตา่ งกนั ไป โดยผลลัพธท์ ่ีไดจ้ ะเหมือนหรอื แตกต่างกนั ก็ได้ 1.1 การแก้ปัญหาเบ้ืองต้น การแก้ปัญหา คอื การนาขน้ั ตอนและวิธีการตา่ งๆ มาใช้เพ่ือใหไ้ ดผ้ ลลัพธต์ ามที่ตอ้ งการ ประกอบด้วย 4 ข้ันตอน ดังนี้ - พิจารณาและทาความเข้าใจปญั หา ทาความเข้าใจปญั หา ว่าปัญหาคืออะไร - วางแผนการแก้ปญั หา กาหนดและจดั ลาดับขั้นตอนทต่ี อ้ งกระทาเพอ่ื แกป้ ัญหา - ลงมอื แก้ปญั หา กระทาตามข้นั ตอนทีว่ างแผนไว้ - ตรวจสอบผลการแกป้ ัญหา ตรวจสอบผลลพั ธ์ ถ้าผลลัพธ์ไม่เปน็ ไปตามแนวทางที่วางไว้ สามารถ ปรับปรงุ ข้ันตอนการแก้ปญั หาได้ สถานการณต์ วั อย่างการแกป้ ญั หาเบอ้ื งต้น บอลไม่ตง้ั ใจเรยี นจนทาใหา้ ด้คะแนนในวชิ าภาษาอังกฤษน้อยมาก เพราะมเี นอื้ หาคอ่ นขา้ งยากและ ไม่ใชว่ ิชาท่ตี นเองถนดั จะมีวธิ ใี นการแก้ปญั หาให้บอลสอบผ่านวชิ านไ้ี ด้อย่างไร ข้นั ตอนการแกป้ ญั หา 1.2 การแก้ปัญหาโดยใช้แนวคดิ เชงิ คานวณ

แนวคดิ เชงิ คานวณ เป็นกระบวนการแก้ปัญหาโดยใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะหรือวิธอี น่ื ๆ เช่น การจัดลาดับ เชงิ ตรรกศาสตร์ การวเิ คราะหข์ ้อมลู การสรา้ งสรรคว์ ธิ ีแกป้ ญั หาไปทลี ะขัน้ ตอน หรอื เรยี กว่า อลั กอริทึม ประกอบด้วย 4 แนวคิดย่อย ดงั น้ี 1. การแบ่งแยกสว่ นของปัญหา แบ่งปญั หาออกเป็นสว่ นย่อยๆ เพ่อื ให้งา่ ยต่อการแก้ปญั หา 2. การหารูปแบบของปญั หา หาความสมั พันธ์ของปญั หา โดยการเปรียบเทยี บหรอื จัดเรยี งลาดบั 3. การหาสว่ นสาคัญของปัญหา หาสาระสาคัญหรือคาสาคญั ของการแกป้ ญั หา 4. การแสดงขัน้ ตอนการแก้ปญั หา แสดงข้ันตอนการวางแผนการแก้ปญั หา โดยเขียนบอกเล่า การวาด ภาพ หรือการใชส้ ัญลักษณ์ ขนั้ ตอนการแกป้ ญั หา สถานการณ์ตวั อยา่ งที่ 1 การแกป้ ญั หาโดยใชแ้ นวคดิ เชงิ คานวณ ในกจิ กรรมชมรม ปอู ยชู่ มรมห้องสมุด ซงึ่ วนั นปี้ ไู ด้รับมอบหมายให้จัดเก็บหนงั สอื เข้าช้ันวาง หนงั สือตามลาดับความสงู

ให้นักเรียนบอกเขียนวิธีการแก้ปัญหาใน ชีวิตประจาวันของนักเรียน แล้วเขียนลงใน กระดาษแบบฝกึ ท่ีครตู ้อมแจกดว้ ยนะครบั แลว้ สง่ ครตู อ้ ม เปดิ เรยี น 1 ก.พ.2564

สถานการณท์ ี่ 1 แบบฝกึ หัด การแก้ปญั หาโดยใชแ้ นวคิดเชิงคานวณ นกุ นิกกาลงั หอ่ ของขวัญใหเ้ พ่อื น 10 คนโดยของขวญั เป็นต๊กุ ตาเซรามกิ แบบเดียวกนั ท้ังหมด หลังจากทห่ี ่อเสรจ็ พบวา่ สรอ้ ยทคี่ อไดห้ ลน่ หายไป แต่ไมร่ ู้วา่ หายไปไหน นักเรียนช่วยนุกนิก แกป้ ญั หาโดยใช้แนวคิดเชิงคานวณอยา่ งไร ใหน้ กั เรียนชว่ ยกนั แกป้ ญั หาจากสถานการณท์ ีก่ าหนดให้ โดยใชแ้ นวคดิ เชงิ คานวณ 1. นักเรียนคิดว่าสร้อยของนุกนิกท่หี ายไปน้ัน เราสามารถสนั นษิ ฐานอย่างไรไดบ้ า้ ง (Decomposition) 1.1 ตกอย่ทู ี่พ้ืน เพราะ……………………………………………………………………………. 1.2 ลืมใสม่ า เพราะ………………………………………………………………………..…. 1.3 หล่นอยใู่ นกลอ่ งของขวัญ เพราะ………………………………………………………. 2. จากการสนั นิษฐานของข้อ 1 นกั เรยี นคิดวา่ สรอ้ ยหายไปอยทู่ ี่ไหน เพราะอะไร (Pattern Recognition) 1.1 กล่องสีแดง เพราะ………………………………………………………………………… 1.2 กลอ่ งสเี หลอื ง เพราะ……………………………………………………………..……... 1.3 กลอ่ งสีฟ้า เพราะ……………………………………………………………….……….. 3. จากข้อ 2 ถ้าสร้อยหลน่ อยใู่ นกลอ่ งของขวญั เราจะรู้ไดอ้ ย่างไรวา่ อยใู่ นกล่องไหน (Abstraction) 4. ให้นักเรียนแสดงขน้ั ตอนการหาสรอ้ ยที่หายไป (Algorithm Design) ช่ือ……………………………….. นามสกลุ …………………… ชนั ้ …………..เลขที่……………….