คานา รายงานทาเนียบแหล่งเรียนรู้ อาเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลาภู ฉบับน้ี จัดทาขึน้ เพอื่ รวบรวมข้อมูลแหลง่ เรยี นรู้ เช่น แหล่งเรียนรู้ทางโบราณคดี แหล่งเรียนรู้ ทางโบราณวัตถุ แหล่งศึกษาทางธรรมชาติ แหล่งเรียนรู้ทางการเกษตร แหล่งเรียนรู้ ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ภายในเขตอาเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลาภู เพ่ือเป็นแหล่งรวม ขององค์ความรู้อันหลากหลายพร้อมท่ีจะให้ผู้สนใจเข้าไปศึกษาค้นคว้า ด้วย กระบวนการจัดการเรียนรู้ท่ีแตกต่างกันของแต่ละบุคคล และเป็นการส่งเสริมการ เรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นแหล่งเช่ือมโยงให้สถานศึกษาและชุมชนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด กนั การจัดทาข้อมูลแหล่งเรียนรู้ อาเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลาภู คร้ังน้ี ได้รับ ความร่วมมืออย่างดียิ่งจากชุมชน จึงขอขอบคุณอย่างสูงไว้ ณ โอกาสน้ี และหวังเป็น อย่างยิ่งว่าสารสนเทศท่ีได้จากการจัดทาข้อมูลแหล่งเรียนรู้ อาเภอโนนสัง จังหวัด หนองบัวลาภู จะเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพ่ือใช้เป็นแนวทางในการ ขยายผลและพัฒนาการดาเนินงานท่ีถูกต้องเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล ในการดาเนนิ งานย่งิ ขนึ้ ต่อไป คณะผู้จดั ทา
สารบญั หน้า เร่ือง 1 แหลง่ เรยี นร้ตู าบลโนนสัง 2-3 เกษตรฤษฎใี หม่ 4 แหลง่ เรยี นรู้ตาบลนคิ มพัฒนา 5-6 สวนเรียนรู้ 7 แหลง่ เรียนรตู้ าบลโคกใหญ่ 8-15 ทอผ้าพืน้ เมือง(ผ้าฝ้ายมดั มี่ 11 แหลง่ เรยี นรู้ตาบลบ้านถนิ่ 12-15 การย้อมผา้ มัดหมี่ 16 แหลง่ เรยี นรตู้ าบลหนองเรือ 17-19 ไรส่ วน วษิ ณุ เกษตรผสมผสาน 20 แหล่งเรียนรู้ตาบลปางกู่ 21-23 ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 24 แหล่งเรียนรู้ตาบลกดุ ดู่ 25-27 ศูนย์พัฒนาเด็กเลก็ 28 แหล่งเรยี นรตู้ าบลบา้ นคอ้ 29-31 การทอผ้าพนื้ เมอื ง 32 แหล่งเรียนรูต้ าบลโคกม่วง 33-35 ผ้าพน้ื เมือง 36 แหลง่ เรียนรู้ตาบลโนนเมอื ง 37-39 การจักสานไมไ้ ผ่
ประวัตแิ ละผลงานครภู มู ปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ ต.โนนสัง อ.โนนสงั จ.หนองบวั ลาภู ดา้ นเกษตรฤษฎใี หม่ สาขาเศรษฐกิจพอเพยี ง นายประยูร พรมมาสิม
ประวัตแิ ละผลงาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสนพระราชหฤทัยในการจัดหาน้าให้แก่เกษตรกร สาหรับใช้ในการทาการเกษตรเสมอมา ด้วยทรงตระหนักว่าสระน้าในไร่นาเป็นปัจจัยสาคัญใน การเพาะปลูก จึงทรงคิดวิธีกักเก็บน้าเพ่ือการเกษตร การจัดการด้านการใช้น้ากับพ้ืนท่ี การเกษตรใหเ้ กดิ ประโยชน์สูงสดุ โดยไดพ้ ระราชทานแนวพระราชดาริ \"ทฤษฎีใหม่\" ความร้แู ละความเชยี่ วชาญ ความสนใจใฝ่รูส้ งั่ สมความรู้ความสามารถของตนในการปฏบิ ัติ เป็นศูนยก์ ารเรียนรู้ เศรษฐกจิ พอพยี ง ดว้ ยการศกึ ษา คน้ คว้า และพฒั นาตนเองอยา่ งตอ่ เนอื่ ง จนสามารถประยกุ ต์ใช้ความร้เู ชิงวิชาการ และการเกษตร ตา่ งๆใหเ้ กิดผลสัมฤทธิ์ การถ่ายทอดองคค์ วามร้แู ละความเช่ยี วชาญ เปน็ วิทยาการสอน เก่ียวกบั เศรษฐกจิ พอเพยี ง เช่น การปลูกผกั การเพาะพันธแ์ ละ ขยายพนั ธุ์พืช การเลี้ยงปลา และการใหค้ วามรู้เกี่ยวกับเกษตร เปน็ ตน้ ศูนยเ์ รยี นรตู้ ามแนวพระราชดารเิ ศรษฐกจิ พอเพียงโปง่ สทุ ธิ เป็นศูนย์การเรียนรู้ เศรษฐกิจพอพยี ง ของกองสวสั ดกิ ารเทศบาลตาบลโนนสงั โดยภายในศูนยก์ ารเรยี นรูโ้ ปง่ สุทธิ มกี ารจัดอบรมให้ความรูแ้ ละการศกึ ษาการแปลงสาธิต เกี่ยวกบั เศรษฐกจิ พอเพยี ง เชน่ การ ปลกู ผัก การเพาะพนั ธแ์ ละขยายพนั ธ์พุ ืช การเล้ยี งปลา และการใหค้ วามรูเ้ ก่ยี วกบั เกษตร เปน็ ตน้ การสลกั ษณะเครือขา่ ยและการสร้างเครอื ขา่ ย ร้างเครือข่ายความรว่ มมือในการสืบทอดภูมปิ ญั ญา แลกเปล่ยี นความรู้ เกษตร และบทเรยี น จากการพัฒนา หรอื รว่ มมือกันพฒั นา ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพยี ง ทาให้ประเทศอนั เปน็ สังคมใหญอ่ นั ประกอบด้วยชุมชน องค์กร และธรุ กจิ หวงั เพือ่ ท่านไดใ้ ชเ้ ป็นหลักคดิ หรอื แนวทางในการดาเนินชวี ติ สรา้ งความสมดลุ มนั่ คง ยัง่ ยนื แกช่ ีวติ เศรษฐกิจสงั คม ในทางสายกลางอยา่ งพอประมาณ มเี หตมุ ผี ลและมภี ูมิค้มุ กนั
ผลทเ่ี ป็นประโยชนแ์ ละต่อชมุ ชนและสังคม ประโยชนข์ องทฤษฎใี หม่ 1. ทาให้ประชาชนมกี นิ ตามอัตภาพ 2. ถา้ น้าพอดีปไี หนก็สามารถทาการเกษตรหรือปลกู ขา้ วนาปไี ด้ ถ้าตอ่ ไปในหน้าแล้งนา้ มี นอ้ ยกส็ ามารถนานา้ จากสระมาใช้ได้ 3. ถ้าในภาวะปกตกิ ส็ ามารถทาให้มรี ายได้มากข้ึน 4. ถ้าในภาวะท่ีมีอุทกภัยกส็ ามารถจะฟน้ื ตวั ได้ โดยไม่ตอ้ งใหท้ างราชการไปช่วยมาก เกนิ ไปทาให้พง่ึ ตนเองได้เป็นอย่างดี ภาพการจดั กิจกรรมตา่ งๆในแหลง่ เรยี นรู้
ประวัติและผลงานครภู มู ิปัญญาทอ้ งถน่ิ ต.นิคมพัฒนา อ.โนนสงั จ.หนองบวั ลาภู ดา้ นสวนเรียนรู้ พ่อวชิ ดิ สาขาเกษตร นายวิชติ คาดบัว
ประวตั ิและผลงาน ช่ือแหล่งเรียนรู้ : สวนเรียนรู้ พอ่ วิชติ คาดบวั ช่ือศนู ย์เรยี นรู้ : กศน.ตาบลนิคมพฒั นา บ้านภูเก้า หมทู่ ี่ 3 ตาบลนิคมพัฒนา อ.โนนสงั จ.หนองบัวลาภู 39140 ช่ือ (ปราชญช์ าวบา้ น/ผถู้ า่ ยทอดการเรียนรู้ : นายวชิ ติ คาดบัว เบอรโ์ ทร 087 - 8578471 ท่ตี ง้ั แหล่งเรียนรู้ :สวนเรยี นรู้ พอ่ วิชิต คาดบัว บา้ นภเู กา้ หมู่ที่ 3 ตาบลนิคมพฒั นา อ.โนนสั ง จ.หนองบัวลาภู 39140 เบอร์โทรศัพท์ นายวิชิต คาดบัว เบอรโ์ ทร 087 - 8578471,นายรตั นะ ม่วงกลาง 088-3117863 กิจกรรมเรียนรขู้ องแหลง่ เรยี นรู้ /ศนู ย์เรยี นรู้ ผักเป็นอาหารประจาวันของมนุษย์ เป็นแหล่งอาหารให้แร่ธาตุวิตามินท่ีมีคุณค่าทาง อาหารสูง มีราคาถูก เมื่อเปรียบเทียบกับเน้ือสัตว์จากข้อมูลวิจัยกล่าวว่า มนุษย์เราควรบริโภค ผักวนั ละประมาณ 200 กรัม เพ่อื ใหร้ า่ งกายได้รบั แร่ธาตแุ ละวติ ามินอย่างเพียงพอ ผลการวิจัยของศูนย์วิจัยและพัฒนาพืชผักแห่งเอเชีย ช้ีให้เห็นว่าประชากรของประเทศไทย โดยเฉพาะ สตรีมีครรภ์และพวกเด็กๆ มักขาดแคลนแร่ธาตุวิตามินกันมาก ประกอบกับปัญหา ด้านเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบ ทาให้มีค่าครองชีพสูงข้ึน ดังนั้นกรมส่งเสริมการเกษตร จึงได้มี การรณรงคใ์ หม้ ีการปลกู ผักสวนครัวไว้รับประทานเองในครอบครัว โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้มี พืชผักเพียงพอแก่การบริโภคในครัวเรือน ทาให้ได้รับสารอาหารครบตามความต้องการของ รา่ งกาย และชว่ ยลดภาวะคา่ ครองชีพ ความรูแ้ ละความเชี่ยวชาญ งานด้านวชิ าการเกษตร โดยใชค้ วามรู้ ความสามารถความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ สงู ปฏบิ ตั ิงานเชิงพฒั นาระบบหรือมาตรฐานของงาน หรอื งานพฒั นาทฤษฎี หลกั การ ความรู้ใหม่ ปฏิบัติงานวิจัยด้านวิชาการเกษตรและนามาประยกุ ต์ใช้ในทางปฏบิ ตั ิ เพอื่ ใหก้ ารด าเนินงานตามแผนงานโครงการสาาเร็จตามเปห้ มายและ วัตถปุ ระสงค์ ตลอดจน เสนอแนะและประเมินผลแผนงาน
การถา่ ยทอดองค์ความรูแ้ ละความเชีย่ วชาญ จัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยยึดหลักปรัชญาหลักแนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียง และเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามแนวพระราชดาริ กล่าวคือ เศรษฐกิจพอเพียงกับแนวทางปฏิบัติ ของทฤษฎีใหม่ เป็นแนวทางในการพัฒนาที่นาไปสู่ความสามารถในการพึ่งตนเอง ในระดับ ต่างๆ อย่างเป็นข้ันตอนโดยลดความเส่ียงเก่ียวกับการผันแปรของธรรมชาติหรือการ เปล่ียนแปลงจากปัจจัย ต่างๆโดยอาศัย ความพอประมาณและความมีเหตุผลการสร้าง ภูมิคุ้มกันที่ดี มีความรู้ ความเพียรและความอดทน สติและปัญญา การช่วยเหลือซึ่งกันและ กนั และความสามคั คี ศนู ยเ์ รยี นรู้ กศน.ตาบลนิคมพัฒนา จึงจดั กจิ กรรมเรียนรู้ ลกั ษณะเครือขา่ ยและการสรา้ งเครือข่าย อาศยั ความพอประมาณและความมีเหตผุ ลการสร้างภมู ิคุ้มกันท่ดี ี มีความรู้ ความเพียรและความอดทน สติและปัญญา การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และความ สามคั คี ศนู ย์เรียนรู้ กศน.ตาบลนิคมพฒั นา จึงจัดกิจกรรมเรยี นรู้
ผลทเ่ี ปน็ ประโยชนแ์ ละตอ่ ชมุ ชนและสงั คม พชื ผกั สวนครวั เปน็ แหลง่ รวมสารอาหารที่เป็นประโยชนต์ อ่ ร่างกาย โดยเฉพาะอย่าง ย่งิ เกลอื แร่ และวติ ามิน การบริโภค 1. ลดค่าใช้จ่ายในการซ้ือผกั มาประกอบอาหารประจาวัน 2. ครอบครัวไดร้ บั ประทานผกั ที่มคี ณุ คา่ ทางอาหารครบถ้วนและปลอดภัยจากสารเคมี ภาพการจดั กิจกรรมตา่ งๆในแหลง่ เรยี นรู้
ประวัตแิ ละผลงานครภู ูมิปัญญาทอ้ งถิ่น ต.โคกใหญ่ อ.โนนสัง จ.หนองบัวลาภู ด้านหัตถกรรม สาขา ทอผ้าพนื้ เมือง(ผ้าฝา้ ยมดั ม่ี) นางลมัย แสงสิมมา
ประวัตแิ ละผลงาน ชือ่ เจา้ ของภมู ิปัญญา นางลมัย แสงสมิ มา ทอ่ี ยู่136 หมทู่ ี่6 บา้ นหนองสะแบง ตาบลโคกใหญ่ อาเภอโนนสัง จังหวดั หนองบัวลาภู 39140อาชีพ เกษตรกรอายุการศึกษาภมู ิปัญญา 20 ปี ชือ่ ภมู ิปัญญาการทอผ้าพน้ื เมอื ง (ผ้าฝ้ายมดั หม่ี) ผ้ามัดหม่ี เป็นการทอผ้าอย่างหน่งึ ทม่ี กี ารสร้างลวดลายกก่อนท่ีจะทาการย้อมสี การ ทาลายผ้ามัดหมี่เป็นการเอกเชอื กมากมัดดา้ ยหรือมดั เสน้ ไหมตามลวดลายที่ได้ออกแบบไว้ การ มัดและย้อมลายจะมีการทาท้งั เส้นทางแนวยนื และแนวนอน หรอื ทเี่ รยี กว่าแนวพุ่งการทอผ้า มดั หมีโ่ บราณนยิ มการย้อมสีด้วยสธี รรมชาติ เชน่ สีแดงจากครั่ง สนี ้าเงนิ จากคราม เปน็ ต้น ปัจจุบันผา้ มัดหม่มี ีการทากนั อยา่ งแพรห่ ลาย สามารถทาไดด้ ีทงั้ ผ้าฝา้ ยและผ้าไหม โดยเฉพาะ ผา้ ไหมจะมีความสวยงามมาก นอกจากตัวผา้ ไหมเองแล้ว ลวดลายและสสี ันยังเป็นปัจจัยท่ีชว่ ย สร้างความสวยงามใหม้ ากยง่ิ ขนึ้ การอนุรกั ษล์ วดลายโบราณ และนามาประยกุ ตใ์ ช้ จงึ เป็นสิ่งท่ี น่าจะไดร้ บั การสง่ เสรมิ พฒั นาเป็นอย่างย่ิง ดงั น้นั การเก็บรวบรวมองคค์ วามรู้เก่ียวกับการผลิต ผ้าไหม ผ้าฝา้ ยมดั หม่สี ธี รรมชาติเพอื่ ถ่ายทอดสู่คนรุ่นต่อไปจึงเปน็ เร่อื งท่ดี แี ละควรคา่ ตลอดไป บ้านหนองสะแบง หมู่ท่ี 6 ตาบลโคกใหญ่ อาเภอโนนสงั จงั หวัดหนองบัวลาภู เปน็ หมู่บา้ นหนงึ่ ทีม่ กี ารทอผา้ ฝ้ายมดั หม่ีกันอย่างแพร่หลายในหมูบ่ ้าน ทัง้ ท่ีทอไวใ้ ชใ้ นครวั เรอื น และนาไป จาหน่ายเพอ่ื เปน็ รายได้เสริม ความรู้และความเช่ยี วชาญ นางลมยั แสงสิมมา อายุ 57 ปี อาชีพ เกษตรกร อยู่บ้านเลขท่ี 136 หม่ทู ่ี 6 บ้าน หนองสะแบง ตาบลโคกใหญ่ อาเภอโนนสงั จงั หวัดหนองบัวลาภู ไดเ้ ร่มิ เรยี นรู้การทอผา้ จาก มารดาและครอบครวั ตงั้ แต่อายุ 18 ปี ซง่ึ เมอ่ื ก่อนไดท้ อเพ่อื ใชใ้ นครอบครวั เทา่ น้นั ตอ่ มาเมือ่ 20 ปกี อ่ นนางลมยั แสงสิมมา ได้นาความรูท้ ี่มีอยู่มาตอ่ ยอด โดยเริม่ ทอลายใหม่ๆ ลวดลายที่ เป็นทนี่ ยิ มของท้องตลาด จนทาใหเ้ ป็นท่ีสนใจของคนในชุมชนและบุคคลทั่วไป จงึ นามาขาย เปน็ อาชีพเสรมิ ในเวลาว่างหลงั จากการทาไร่ ทานา มาจนถงึ ปัจจุบนั และไดเ้ ป็นประธาน จัดต้ังกลุ่มทอผ้าพน้ื เมืองบา้ นโพธิ์ชัย ท่มี สี มาชกิ กลุ่ม จานวน 30 คน
การถ่ายทอดองค์ความรู้และความเช่ียวชาญ การสรา้ งความรู้ (ขัน้ ตอน/วิธีการการสรา้ งภมู ิปัญญา) อปุ กรณก์ ารทอผา้ 1. หูก (ก่ี) เปน็ เคร่ืองมือสาหรับทอผา้ มีหลายขนาดและชนิด แตม่ ีหลักการพนื้ ฐาน อยา่ งเดียวกนั คือ การขดั ประสานระหว่างด้ายเสน้ พุ่ง และด้ายเส้นยืน จนแน่นเปน็ เน้อื ผ้า ปัจจุบันนิยมใช้กี่กระตุก กี่ (หกู ) ก่กี ระตกุ 2. ฟืม หรอื ฟนั หวี มีลกั ษณะคล้ายหวี ยาวเท่ากับความกว้างของหนา้ ผา้ ทาด้วยโลหะ มีลกั ษณะเป็นซเ่ี ล็กๆ มีกรอบทาดว้ ยไม้หรือโลหะ แตล่ ะซี่ของฟมื จะเปน็ ชอ่ งสาหรับสอดด้าย ยนื เข้าไป เป็นการจดั เรียงด้ายยืน ใหห้ า่ งกันตามความละเอยี ดของเนื้อผ้า เปน็ ส่วนท่ีใช้ กระทบให้เสน้ ด้ายทที่ อเรยี งตดิ กันแนน่ เป็นผืนผา้
3. กง ใช้สาหรบั ใส่ไจหมี่ 4. อัก ใช้สาหรบั กวักหม่ีออกจากกง 5. หลักตีนกง (ไมท้ ใ่ี ช้ยดึ ทงั้ สองขา้ งในการกวกั ดา้ ย)
7. หลอดใส่ดา้ ย (ลูกคน้ ) เปน็ อุปกรณ์สาหรับใช้ในการค้นเส้นดา้ ย โดยเส้นดา้ ยทกุ เส้น ถูกม้วนหรือพันเก็บไว้ในหลอดค้น ซง่ึ มีลักษณะเป็นหลอดยาวประมาณ 8 นิว้ เส้นผา่ ศนู ย์กลางประมาณ 1 นิว้ หลอดคน้ ทาจากไมไ้ ผ่ ปัจจบุ ันนยิ มนาหลอดพลาสตกิ มาทาเป็นหลอดใส่ด้ายเพราะมอี ายกุ ารใชง้ านท่ียาวนานกว่าไมไ้ ผ่ 8. หลา เปน็ เครือ่ งมือท่ีใชส้ าหรับปัน่ หลอด จากอักมาสโู่ บกเพือ่ ทาเป็นทางตา่ (เสน้ พุง่ ) เข็นหรือปั่นหม่ี 2 เส้นรวมกนั เรียกว่า เข็นรังกัน เข็นควบกัน หรือเข็นคุรกนั ถา้ เป็นหมี่ คนละสี เข็นรวมกนั แล้วเรียกว่า มับไม ใชแ้ กวง่ หม่ี ข้นั ตอนน้ีเปน็ การเก็บปมุ่ ทเ่ี รียกวา่ ข้ี หมี่ ออกจากเสน้ หมี่และยงั ทาใหเ้ ส้นหม่ีบดิ ตัวแนน่ ข้ึน ให้ทาเป็นทางเครอื
ขนั้ ตอนการทอผา้ พื้นเมือง 1. การคน้ เสน้ ยนื เป็นวิธกี ารเตรยี มเส้นยนื ในการทอผา้ โดยนาเสน้ ดา้ ยทีย่ อ้ มสแี ลว้ มาทาการค้น เครอื หูก หรอื ท่เี รยี กวา่ การคน้ เส้นยืน เร่ิมตน้ ดว้ ยการนาเสน้ ด้ายไปสวมเขา้ ในกงเพ่ือทา การกรอเสน้ ดา้ ยเข้าอกั จากนนั้ ทาการคน้ เส้นยืนโดยใชอ้ ุปกรณท์ ีเ่ รยี กว่า หลักเฝือ เดนิ เสน้ ยนื เพ่ือจัดเรยี งเส้นด้าย ตามความกวา้ งของผนื ผา้ หรอื ขนาดฟืม นบั จานวนเส้นยืนโดยใช้ซ่ี ไมม้ าคน่ั เพื่อมิให้สับสน และปอ้ งกันการผิดพลาดในการนบั 2. การเตรยี มฟืมทอผา้
สาหรบั การทอทมี่ ีการทอตอ่ เนือ่ ง จะใชว้ ธิ กี ารสืบเครือหูกจากฟืมที่มีการเก็บตะกอไว้ แลว้ จากการทอครง้ั ก่อน โดยนาเสน้ ดา้ ยยนื มาผูกกับเส้นยนื เดิมจนครบทกุ เสน้ แล้วจดั เรียงและ ขงึ ใหต้ งึ ก็พรอ้ มทจ่ี ะทอได้ กอ่ นการทอก็เหมอื นกับการทอผ้าชนิดอน่ื ๆ ท่ีตอ้ งนานา้ แป้งขา้ วหรือ น้าแปง้ มัน ชุบดว้ ยผ้า และทาให้ทว่ั บนเส้นยนื แลว้ ปลอ่ ยใหแ้ หง้ หลงั จากนั้นทาดว้ ยไขขี้ผ้งึ ทบั อกี ครงั้ เพ่ือให้เกิดความล่ืนขณะทอ การจดั เก็บและการค้นคนื ความรู้ (การจดจา/เอกสาร/ฐานขอ้ มูล) ใชก้ ารจดจา การเล่าสู่กนั ฟัง และการฝึกปฏบิ ัตทิ าเปน็ การสืบทอดความรู้ ไปสู่คนรนุ่ หลัง การถา่ ยทอดความรู้และการใชป้ ระโยชน์ (ซมึ ซบั ไว้กับตนเอง หรอื เผยแพร่ ความรู้ใหแ้ ก่องค์กร) ใหป้ ระชาชน คนรนุ่ หลงั ทม่ี ีความสนใจ และองคก์ รท่ีสนใจสามารถเขา้ มา ศึกษาเรยี นรู้ได้
แผนที่การเดินทาง การทอผา้ พ้นื เมือง(ผ้าฝา้ ยมัดม่ี)
ประวัติและผลงานครูภมู ปิ ญั ญาท้องถ่นิ ต.บา้ นถน่ิ อ.โนนสัง จ.หนองบวั ลาภู ดา้ นหัตถกรรม สาขา การย้อมผา้ มัดหมี่ คณุ แม่วรารัตน์ แสงเนยี ม
ประวัตแิ ละผลงาน กล่มุ ทอผ้าพืน้ บ้าน บ้านโสกก้านเหลือง ก่อตงั้ เมื่อปี พ.ศ.2555 มีสมาชิกกล่มุ 20 คน โดยมีคุณแม่วรารัตน์ แสงเนียม เป็นประธานกลุ่มทอผ้าพืน้ บ้าน ซ่ึงทุกคนประกอบ อาชีพหลกั คือทาการเกษตร (ทานา) วา่ งจากอาชีพหลกั ก็มาทอผ้า ซงึ่ เดิมก็เรียนรู้มาจากภมู ิ ปัญญาท้องถ่ินต่อมาก็มีการพฒั นาให้ดีขึน้ ตามความต้องการของตลาด ในปี พ.ศ.2558 กศน.ตาบลบ้านถ่ิน อ.โนนสงั จ.หนองบวั ลาภู ได้เข้ามามีส่วนร่วมกบั กล่มุ โดยการสนบั สนนุ งบประมาณ ในการจดั การหาวสั ดอุ ปุ กรณ์ และหาวิทยากร มาสอนเพม่ิ พนู ความรู้เรื่องการ ทาผ้าหมกั โคลน และการหมกั นา้ ข้าวเหนียว เพ่ือเพิ่มมลู ค่าของผลิตภณั ฑ์และได้สนบั สนนุ พฒั นาต่อยอด ในทกุ ปีจนถึงปัจจุบนั จนผลิตภณั ฑ์ของกล่มุ เป็นยอมรับของตลาดผ้าไทย จงึ ได้นาผ้าเข้าประกวดเพื่อคดั สรรเป็นผลิตภณั ฑ์ระดบั 4 ดาว ตามโครงการคัดสรรสดุ ยอด หน่งึ ตาบลหน่ึงผลิตภณั ฑ์ไทย ในปี พ.ศ. 2559 กล่มุ ทอผ้าพืน้ บ้านก็ได้ผ่านการคดั สรรตาม เป้าหมายท่ีวางไว้ ได้รับรางวลั ผลิตภณั ฑ์ระดบั 4 ดาว และได้รับอนญุ าตให้ใช้เครื่องหมาย มาตรฐานผลติ ภณั ฑ์ชมุ ชน จากสานกั งานมาตรฐานผลิตภณั ฑ์อตุ สาหกรรมในปี 2559 ผ้า ของกลุ่มก็เป็นท่ีต้องการของตลาด ทาให้สมาชิกของกลุ่มมีรายได้เพ่ิมขึน้ ตลอดจน เสนอแนะและประเมินผลแผนงาน การถ่ายทอดองค์ความรู้และความเช่ียวชาญ เทคนิคการถ่ายทอดภมู ปิ ัญญาการย้อมผ้ามดั หมี่ อาเภอโนนสงั จงั หวดั หนองบวั ลาภู มีวิธีการถ่ายทอดได้หลายทางโดยใช้เทคนคิ การสาธิต การปฏบิ ตั ิจริง การ บอกเลา่ เพอ่ื ให้ปฏบิ ตั ิตามโดยการ ท าให้ดพู ร้อมทงั้ การพดู คยุ แลกเปล่ียนความรู้ร่วมกนั วธิ ีการเรียนรู้สว่ นใหญ่เกิดจากการลงมือทา ซง่ึ กระบวนการเรียนรู้นีเ้ป็นพลวตั ร จนเกิดการ สงั่ สมและพฒั นาความรู้การย้อมผ้ามดั หม่ี อยตู่ ลอดเวลา ซงึ่ แต่ละวธิ ีขึน้ อย่กู บั องค์ความรู้ และกลมุ่ เปา้ หมายที่จะรับการถ่ายทอด ลักษณะเครือข่ ายและการสร้ างเครือข่ าย ถ่ายทอดองค์ความรู้การย้อมสธี รรมชาติ ใช้วสั ดจุ ากธรรมชาติที่อย่รู อบๆตวั เพ่ือลดการใช้สารเคมีเป็นการลดรายจา่ ยเพิม่ รายได้ให้กบั กลมุ่ วิสาหกิจชมุ ชนให้ เกิดความยง่ั ยืนตอ่ ไป
ขนั้ ตอนการย้อมจากสีธรรมชาติ -ต้มนา้ ให้เดือด ในภาชนะท่ีใหญ่พอประมาณ (ขนึ ้ อย่กู บั จานวนผ้า ท่ีจะย้อมด้วย) ใสเ่ กลือลงไป พร้อมกบั นา้ เพือ่ ให้สีติดทนนานและสีสดขนึ ้ -นาวตั ถดุ บิ ให้สีที่เตรียมไว้มาสบั ๆ ให้เล็กพอประมาณ แล้วใส่ ใน ถงุ ผ้าหรือตาข่ายท่ีเตรียมไว้ แล้วนาเอาไปต้มกบั นา้ ที่เดือด เพ่อื สกดั เอาสารที่มี อย่ใู นนนั้ ออกมา -นาผ้าลงไปในหม้อต้มสี ให้กลบั ด้านผ้าหรือกวนให้ตลอด เพอ่ื ให้สีผ้าดดู สีสม่าเสมอกนั ทงั้ ผืน ให้สงั เกตสีท่ีซมึ เข้าไปในเนือ้ ผ้า ถ้าพอใจหรือเหมาะสมแล้วจงึ นาออกมา วางให้เย็นก่อน (ประมาณ 30 นาที ขนึ ้ อย่กู บั อณุ หถมู ิของนา้ ) แล้วค่อยเอาลงล้างขยีเ้บาๆ แล้วนาไปตากแดดให้แห้ง
ผลท่ีเป็ นประโยชน์และต่อชุมชนและสังคม -เพ่อื เป็นการอนรุ ักษ์วธิ ีการทาผ้ามดั ย้อม - สร้างความสามคั คีและสร้างปฏสิ มั พนั ธ์ให้กบั คนในชมุ ชน -เสริมสร้างรายได้ให้กบั คนในชนุ ชน - เกิดความคดิ สร้างสรรค์ในคดิ ลวดลายของผ้ามดั ย้อม ทาให้เกิดลวดลายท่ีใหม่ๆขนึ ้ - เป็นท่ีเผยแพร่ความรู้ให้กบั ผ้ทู ่ีสนใจ ภาพการจดั กิจกรรมตา่ งๆในแหลง่ เรียนรู้
ประวัตแิ ละผลงานครูภมู ปิ ัญญาท้องถิ่น ต.หนองเรือ อ.โนนสัง จ.หนองบวั ลาภู ด้านไร่สวน วษิ ณุ เกษตรผสมผสาน สาขา เกษตรกร นายประยรู พรมมาสมิ
ประวัตแิ ละผลงาน ช่อื แหล่งเรียนรู้ : ไร่สวนวิษณุ เกษตรผสมผสาน ชอ่ื ศนู ยเ์ รยี นรู้ : กศน.ตาบลหนองเรือ บ้านหนองกงุ จารย์ผาง หม่ทู ี่ 6 ตาบลหนองเรือ อ.โนนสงั จงั หวดั หนองบวั ลาภู 39140ชอ่ื (ปราชญ์ชาวบา้ น/ผ้ถู ่ายทอดการเรียนรู้ ท่ตี ้ังแหล่งเรียนรู้ :ไร่สวนวิษณุ เกษตรผสมผสาน นายประยรู พรมมาสิม บ้านหนองกงุ จารย์ ผาง หมทู่ ่ี 6 ตาบลหนองเรือ อ.โนนสงั จงั หวดั หนองบวั ลาภู 39140 ศูนย์เรียนรู้ : กศน. ตาบลหนองเรือ บ้านหนองกงุ จารย์ผาง หม่ทู ี่ 6 ตาบลหนองเรือ อ.โนนสงั จงั หวดั หนองบวั ลาภู 39140 ตาบลหนองเรือ อาเภอโนนสงั เป็นเกษตรกรรมมาช้านาน เนื่องจากตงั้ อยู่ในตาบล หนองเรือ มีสภาพภมู ิประเทศ ทรัพยากร ส่ิงแวดล้อม และภูมิอากาศเอือ้ อานวยต่อการทา การเกษตร ประชากร ส่วนใหญ่ของประเทศประกอบอาชีพทางการเกษตรหรือเกี่ยวข้องมา โดยตลอด แม้ว่าจะพยายามพฒั นาไปส่คู วามเป็นประเทศอตุ สาหกรรมเพียงใดก็ตาม แต่ก็ ยังคงพ่ึงพาอาศัยเกษตรกรรมอยู่เช่นเดียวกับประเทศท่ีได้ พัฒนาไปแล้ วทัง้ หลาย วิวฒั นาการและพฒั นาการเกษตรของตาบลหนองเรือได้เปล่ียนแปลงได้ตามยคุ สมัย และ ตามกระแสการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของโลกมาตามลาดบั การถ่ายทอดองค์ความรู้และ ความเช่ยี วชาญ ความพอประมาณและความมีเหตุผลการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี มีความรู้ ความเพียรและ ความอดทน สติและปัญญา การช่วยเหลือซ่ึงกันและกัน และความสามัคคี ศูนย์เรียนรู้ กศน. ตาบลหนองเรือ จึงจดั กิจกรรมเรียนรู้ -ฐานการทาป๋ ยุ หมกั -ฐานการทานา้ หมกั ชีวภาพ -ฐานการทาสวนครัวพอเพยี งและเกษตรทฤษฎีใหม่ -ฐานการเรียนรู้ด้วยตนเอง -แหล่งเรียนรู้สามารถฝึกอบรมได้ 50 คน - ระยะเวลาในการฝึกการเรียนรู้ 1 วนั
ลักษณะเครอื ขา่ ยและการสร้างเครือขา่ ย ในการผลติ เนื่องจากการปลูกพร้อมกันจงึ ท าใหม้ ีผลผลิตออกมาเป็นจานวนมาก จากการศึกษาสภาพปญั หาของเกษตรกรผู้ปลกู กระจบั โดยการวิเคราะห์ สภาพแวดล้อมภายนอกพบปญั หาท่เี กดิ ข้ึน 3 ดา้ นคอื 1) สภาพสงั คม วฒั นธรรมหรือภมู ิปัญญาทอ้ งถนิ่ พบวา่ ในอนาคตพื้นทป่ี ลูกกระจับอาจจะมี ปริมาณที่ลดลงจากในปัจจบุ ันเพราะผู้สืบทอดหรือคนรุน่ ใหมม่ ีการศกึ ษาท่ี สงู ขนึ้ 2) การเมืองและกฎหมายพบว่า หน่วยงานภาครฐั ไมไ่ ด้ใหก้ ารสนับสนุน อยา่ งเต็มที่ เพราะกระจับไม่ไดจ้ ดั อยใู่ นพชื เศรษฐกจิ 3) ภูมิศาสตร์สภาพ อากาศทร่ี ้อนขน้ึ สง่ ผลใหน้ ้ ามอี ุณหภมู ิทีส่ งู ขนึ้ ยากต่อการเตบิ โตของกระจบั และ ปัญหาเรื่องศัตรูพืชได้แก่ เกดิ โรคเช้ือรา การรกุ รานของหอยเชอร่ี เต่าด า หนอนม้วนใบ เป็นตน้
ผลท่ีเป็ นประโยชน์และต่อชุมชนและสังคม 1. ลดความเส่ียงจากความแปรปรวนของสภาพลม ฟา้ อากาศ จากปรากฏการณ์ทาง ธรรมชาตทิ ีม่ คี วามแปรปรวนในแต่ละปี 2. ลดความเสยี่ งจากความผันแปรของราคาผลผลิต ในการดาเนินระบบการเกษตรที่มี เพยี งกิจกรรมเดยี ว 3. ลดความเสี่ยงจากการระบาดของศัตรูพืช ในการดาเนินกจิ กรรมการปลูกขา้ ว หรอื พชื ไรเ่ พียงอย่างเดียว 4. ชว่ ยเพิม่ รายได้และกระจายรายได้ตลอดปี การดาเนนิ ระบบเกษตรผสมผสานซ่งึ มี กิจกรรมหลายกิจกรรม ในพื้นที่เดียวกัน ภาพการจดั กจิ กรรมตา่ งๆในแหลง่ เรียนรู้
ประวตั ิและผลงานครูภูมิปัญญาทอ้ งถิ่น ต.ปางกู่ อ.โนนสงั จ.หนองบวั ลาภู ด้านปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง สาขาเกษตรกร นายประถม คนอาด
ประวัตแิ ละผลงาน ช่ือแหลง่ เรียนรู้ : ไร่นาสวนผสมพอ่ ประถม คนอาด ชอ่ื ศนู ยเ์ รยี นรู้ : กศน.ตาบลปางกู่ บ้าน หนองบวั เงนิ หม่ทู ่ี 3 ตาบลปางกู่ อ.โนนสงั จงั หวดั หนองบวั ลาภู 39140ชอ่ื (ปราชญ์ ชาวบ้าน/ผ้ถู ่ายทอดการเรียนรู้ : นายประถม คนอาด เบอร์โทร 080 – 1946127 ท่ตี ัง้ แหลง่ เรียนรู้ :ไร่นาสวนผสมพอ่ ประถม คนอาด บ้านหนองบวั เงนิ หมทู่ ่ี 3 ตาบลปางกู่ อ.โนนสงั จงั หวดั หนองบวั ลาภู 39140 ศูนยเ์ รียนรู้ : กศน.ตาบลปางกู่ บ้านหนองบวั เงิน หม่ทู ี่ 3 ตาบลปางกู่ อ.โนนสงั จงั หวดั หนองบวั ลาภู 39140เบอรโ์ ทรศัพท์ นายประถม คนอาด เบอร์โทร 080 – 1946127 ,นายอนวุ ฒั น์ ทองเดช 085-2798126 ผลจากการใช้แนวทางการพัฒนาประเทศไปสู่ความทันสมัย ได้ก่อให้เกิดการ เปล่ียนแปลงแก่สังคมไทยอย่างมากในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ การเมื อง วัฒนธรรม สังคมและสิ่งแวดล้อม อีกทัง้ กระบวนการของความเปลี่ยนแปลงมีความ สลบั ซบั ซ้อนจนยากที่จะอธิบายใน เชิงสาเหตแุ ละผลลพั ธ์ได้ เพราะการเปลี่ยนแปลงทงั้ หมด สาหรับผลของการพฒั นาในด้านบวกนนั้ ได้แก่ การเพิ่มขึน้ ของอตั ราการเจริญเติบโตทาง เศรษฐกิจ ความเจริญทางวตั ถุ และสาธารณูปโภคต่างๆ ระบบสื่อสารที่ทนั สมัย หรือการ ขยายปริมาณและกระจายการศึกษาอย่างทว่ั ถึงมากขึน้ แต่ผลด้านบวกเหล่านีส้ ่วนใหญ่ กระจายไปถงึ คนในชนบท หรือผ้ดู ้อยโอกาสในสงั คมน้อย การถ่ายทอดองค์ความรู้และความเช่ยี วชาญ จัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยยึดหลักปรัชญาหลักแนวคิดของเศรษฐกิจพอเพียง และเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามแนวพระราชดาริ กล่าวคือ เศรษฐกิจพอเพียงกับแนวทางปฏิบัติ ของทฤษฎีใหม่ เป็นแนวทางในการพัฒนาที่นาไปสู่ความสามารถในการพ่ึงตนเอง ในระดับ ต่างๆ อย่างเป็นข้ันตอนโดยลดความเส่ียงเกี่ยวกับการผันแปรของธรรมชาติหรือการ เปล่ยี นแปลงจากปัจจยั ตา่ งๆโดยอาศยั ลักษณะเครือข่ ายและการสร้ างเครือข่ าย -โดยพืน้ ฐานก็คือ การพง่ึ ตนเอง เป็นหลกั ทาอะไรอย่างเป็นขนั ้ เป็นตอน รอบคอบ ระมดั ระวงั -พิจารณาถงึ ความพอดี พอเหมาะ พอควร -การสร้ างสามคั คีให้เกิดขึน้ บนพืน้ ฐานของความสมดุลในแต่ละสดั ส่วนแต่ละ ระดบั -ครอบคลุมทัง้ ทางด้ านจิตใจ สังคม เทคโนโลยี ทรัพยากรธรรมชาติและ สง่ิ แวดล้อม รวมถึงเศรษฐกิจ
ผลท่ีเป็ นประโยชน์และต่อชุมชนและสังคม -ชว่ ยกระจายการใช้แรงงาน ทาให้มีงานทาตลอดปี เป็นการลดปัญหาการเคล่ือนย้าย แรงงานออกนอกภาคการ เกษตร และในสภาวะเศรษฐกิจตกต่าของประเทศขณะนี ้ -ชว่ ยก่อให้เกิดการหมนุ เวียน ของกิจกรรมต่าง ๆ ในระดบั ไร่นา เป็นการช่วยอนุรักษ์ ทรัพยากรในระดบั ไร่นา ไมใ่ ห้เส่ือมสลายหรือถกู ใช้ให้หมดไปอยา่ งรวดเร็ว -ชว่ ยให้เกษตรกรมีอาหารเพียงพอตอ่ การบริโภคภายในครัวเรือน ภาพการจดั กจิ กรรมตา่ งๆในแหลง่ เรียนรู้
ประวตั แิ ละผลงานครูภูมปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ ต.กุดดู่ อ.โนนสัง จ.หนองบวั ลาภู ด้านศูนย์พัฒนาเดก็ เล็ก สาขาการศึกษา ศูนยพ์ ัฒนาเด็กเล็กวดั ศรสี วา่ ง
ประวตั แิ ละผลงาน ศนู ยพ์ ัฒนาเดก็ เล็กวดั ศรีสวา่ ง สงั กัดเทศบาลตาบลกดุ ดู่ ต้ังอยู่เลขที่ 123 หมูท่ ี่ 1 ตาบลกุดดู่ อาเภอโนนสัง จงั หวัด หนองบวั ลาภู มีเนอ้ื ท่ี 3 งาน บนท่ีดนิ สาธารณะของหมู่บา้ น ศูนยพ์ ัฒนาเดก็ เล็กบา้ นกดุ ดู่ เดมิ เปน็ การก่อต้ังของคณะกรรมการหมบู่ ้านกดุ ดู่ เพอื่ รบั เล้ียงดเู ดก็ ในหมบู่ า้ น ต้งั แต่ปี พ.ศ. 2543 โดยสร้างอาคารช่ัวคราวในหม่บู ้าน โดยให้ผปู้ กครองมสี ว่ นร่วมสมทบเงินคา่ ตอบแทน ให้ผู้ดูแลเดก็ ซ่ึงตอ่ มาคณะกรรมการหม่บู า้ นจึงของบประมาณการก่อสร้างอาคารถาวร พร้อม เงนิ คา่ ตอบแทนให้แกผ่ ้ดู แู ลเดก็ ไปยังกรมการพฒั นาชุมชน พ.ศ. 2543 กรมการพฒั นาชุมชนไดอ้ นุมัตงิ บประมาณการก่อสร้างอาคารถาวร พรอ้ มหอ้ งนา้ ห้องอาบน้า หอ้ งประกอบการอาหาร เครือ่ งเลน่ กลางแจง้ และในร่ม งบประมาณ คา่ ตอบแทนแก่ผู้ดูแลเด็กตลอดจน งบประมาณค่าจ้างเหมาประกอบอาหารกลางวนั และ อาหารเสรมิ (นม) แกเ่ ด็ก พ.ศ.2543 องค์การบริหารสว่ นตาบลกุดดูไ่ ดร้ ับการถา่ ยโอน ภารกจิ งานศูนยพ์ ฒั นาเดก็ เล็กจาก กรมพัฒนาชมุ ชนได้สนบั สนุนคา่ วสั ดุ อปุ กรณข์ องเลน่ อาหารกลางวัน อาหารเสรมิ (นม) แกศ่ นู ยพ์ ัฒนาเดก็ เลก็ การถ่ายทอดองค์ความรู้และความเช่ียวชาญ การจดั การศกึ ษาต้องเปน็ ไปเพอ่ื พฒั นาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณท์ งั้ ร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคณุ ธรรม มีจรยิ ธรรมและวัฒนธรรมในการดารงชีวิต สามารถอยู่รว่ มกับ ผู้อนื่ ได้อย่างมีความสขุ ลักษณะเครือข่ ายและการสร้ างเครือข่ าย ปัจจบุ นั การจดั การเรียนรู้และการศึกษา “ปฐมวยั ” (เด็กแต่แรกเกิด-5 ขวบ) ได้รับความสนใจอย่างมาก เน่ืองจากเป็นช่วงวัยสาคัญในการวางรากฐาน สติปัญญา ความสามารถ ความฉลาดทางอารมณ์ บคุ ลิกภาพ และพฤติกรรมของ บุคคล จึงคาดการณ์ได้ว่า ประเทศจะก้าวหน้าได้มากน้อยเพียงใด ขึน้ อย่กู ับการ วางรากฐานให้แก่บคุ ลากรในประเทศตงั ้ แต่ปฐมวยั
ผลท่ีเป็ นประโยชน์และต่อชุมชนและสังคม -ช่วยให้คนุ้ เคยและมีแนวคิดแก่การเรยี นรู้ ในสภาวะแวดลอ้ มทม่ี โี ครงสรา้ ง กฎระเบียบ และความหา่ ไกลจากผู้ปกครอง -เดก็ ๆจะได้มีโอกาส เข้าสงั คมกับเด็กอน่ื ๆ และรจู้ ักแบง่ ปันมีนา้ ใจ ภาพการจัดกจิ กรรมตา่ งๆในแหลง่ เรียนรู้
ประวตั แิ ละผลงานครูภูมปิ ัญญาท้องถ่นิ ต.บา้ นคอ้ อ.โนนสัง จ.หนองบวั ลาภู ด้านการทอผา้ พน้ื เมอื ง สาขาหตั ถกรรม นางสุภา ศรภี ูธร
ประวตั แิ ละผลงาน ข้อมลู เจ้าของภมู ิปัญญา ชอ่ื เจ้าของภมู ิปญั ญา นางสุภา ศรีภูธร ทอี่ ยู่ 18 หมทู่ ่ี 9 บ้านโพธชิ์ ยั ตาบลบา้ นค้อ อาเภอโนนสัง จงั หวดั หนองบัวลาภู 39140 อาชพี เกษตรกรอายกุ ารศกึ ษาภมู ปิ ัญญา 33 ปี ชื่อภูมปิ ญั ญา การทอผา้ พื้นเมือง (ผ้าฝา้ ยมดั หม่ี) ผ้าทอพน้ื เมืองด้วยกี่หรือหกู พื้นบ้าน ตามกรรมวธิ ีท่ีสืบทอดกันมาแต่โบราณ มกั ทอดว้ ย ฝา้ ยหรอื ไหม ผา้ พนื้ บา้ นหรือผ้าทอมกี รรมวธิ ีการทอทแี่ ตกตา่ งกนั เช่น ทอเรียบๆ ไม่มลี าย เรยี กผ้าพน้ื ทอเปน็ ลวดลาย เรียก ผ้ายก ทอเป็นลวดลายด้วยการจก เรียก ผ้าจก ผ้าทอเปน็ ลวดลายโดยการขิด เรยี ก ผ้าขดิ และทอเป็นลวดลายดว้ ยการมัดย้อม เรียก ผา้ มดั หม่ี เปน็ ต้น ซ่ึงผา้ ทอของนางสภุ า ศรีภธู ร น้ันเป็นแบบผ้าฝา้ ยมดั หม่ี สืบเนื่องจากการทอผา้ ในสมัยก่อน ปู่ ยา่ ตา ยาย จะทอผ้าไวใ้ ชน้ ุ่งหม่ เองตามครัวเรือน ดังนั้นจงึ เปน็ หน้าทท่ี ี่สาคัญของผูห้ ญิงทจ่ี ะต้องทอผ้าใหเ้ ป็น ถา้ ครวั เรือนไหนมีลกู สาวตอ้ งสอน ใหท้ อผ้าเป็นรนุ่ สูร่ ่นุ การทอผ้าเปน็ ศลิ ปะอย่างหน่ึง ทต่ี อ้ งอาศัยเทคนคิ วิธกี ารในการทอ เพอื่ ใหเ้ กิดลวดลายต่างๆ ตามความเชย่ี วชาญและความสามารถของแตล่ ะคน ในส่วนของผา้ ทอพ้นื เมืองบ้านโพธช์ิ ยั จะเป็นลวดลายที่ นางสภุ า ศรภี ูธร คิดค้นขึ้นมาเองและ มดั หมตี่ ามลายท่ไี ด้ออกแบบไว้ โดยพืน้ ฐานการออกแบบลวดลายจะออกแบบตามขา้ วของ เคร่ืองใช้ วิถีชวี ิตตามพืน้ ถิ่น และได้นาไปสอนใหก้ ับชาวบา้ นทีส่ นใจได้ทอผ้าไว้ใช้และนาไป จาหนา่ ยเพื่อเป็นรายไดเ้ สรมิ ให้กับครวั เรือน การถ่ายทอดองค์ความรู้และความเช่ียวชาญ ใหป้ ระชาชน คนรุน่ หลังท่ีมคี วามสนใจ และองคก์ รท่สี นใจสามารถเข้ามาศกึ ษาเรยี นรู้ ได้ ลักษณะเครือข่ ายและการสร้ างเครือข่ าย ใช้การจดจา การเล่าสู่กันฟัง และการฝึกปฏิบัติทาเป็นการสืบทอดความรู้ไปสู่คนรุ่น หลงั
ขัน้ ตอนการทอผา้ พ้ืนเมือง 1. การค้นเส้นยนื เป็นวิธีการเตรียมเส้นยืนในการทอผ้า โดยนาเส้นด้ายที่ย้อมสีแล้วมาทาการค้นเครือ หูก หรือท่ีเรียกว่า การค้นเส้นยืน เร่ิมต้นด้วยการนาเส้นด้ายไปสวมเข้าในกงเพ่ือทาการกรอ เส้นด้ายเข้าอัก จากนั้นทาการค้นเส้นยืนโดยใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า หลักเฝือ เดินเส้นยืนเพ่ือ จัดเรยี งเสน้ ด้าย ตามความกว้างของผนื ผา้ หรอื ขนาดฟมื นบั จานวนเส้นยืนโดยใช้ซ่ีไม้มาคั่นเพื่อมิ ให้สับสน และป้องกนั การผดิ พลาดในการนับ 2. การเตรียมฟืมทอผ้า สาหรบั การทอทม่ี กี ารทอตอ่ เน่อื ง จะใชว้ ธิ ีการสืบเครอื หกู จากฟืมท่ีมกี ารเก็บตะกอไว้ แล้วจากการทอครัง้ ก่อน โดยนาเส้นด้ายยนื มาผูกกับเส้นยืนเดิมจนครบทุกเสน้ แล้วจดั เรียงและ ขงึ ใหต้ งึ กพ็ รอ้ มทจ่ี ะทอได้ กอ่ นการทอก็เหมือนกบั การทอผ้าชนิดอน่ื ๆ ที่ตอ้ งนานา้ แป้งขา้ วหรอื นา้ แป้งมนั ชุบด้วยผา้ และทาให้ท่ัวบนเส้นยนื แล้วปลอ่ ยให้แหง้ หลังจากนั้นทาด้วยไขข้ีผ้งึ ทับอกี ครง้ั เพื่อให้เกิดความล่ืนขณะทอ
ผลท่ีเป็ นประโยชน์และต่อชุมชนและสังคม ผลการศึกษาพบว่าประเภทของผ้าทอสามารถแบ่งได้ ๒ ประเภท คือ แบ่ฃตาม วัตถุดิบท่ีใช้ในการทอ แบ่งตามกรรมวิธีในการทอ ผ้าทอมีความสาคญั เพื่อสนองความ จาเป็นขนั้ พนื ้ ฐานของการดารงชีวติ เพราะผ้าทอเป็นหน่ึงในปัจจยั สี่ เพ่ือแสดงถึงฐานะของ ผ้สู วมใส่ เป็นการแบง่ หน้าท่ีระหวา่ งชายและหญิง อีกทงั้ ยงั ชีใ้ ห้เห็นถึงความเป็นหญิงอย่าง เด่นชัดเพราะการทอผ้าต้องใช้ ความขยัน ความอดทน ความพยายาม ความประณีต ละเอียดออ่ น ซง่ึ เป็นอปุ นสิ ยั ของผ้หู ญิง การทอผ้าเป็นเครื่องแสดงถึงความพร้อมในวยั ท่ีจะ มีครอบครัว ประโยชน์ของผ้าทอเป็นเครื่องน่งุ ห่มเพ่ือใช้ในชีวิตประจาวันและใช้ในพิธีกรรม ตงั้ แต่เกิดนตาย เม่ือสงครมโลกครัง้ ที่ ๒ ได้ยตุ ิลงปรากฏว่าอตุ สาหกรรมการทอผ้าของยโุ รป ซง่ึ เจริญก้าวหน้า ได้เผยแพร่ขยายเข้ามาส่สู งั คมไทย ผ้าทอดงั กล่าว มีเนือ้ แน่น สีไม่ตก มี ราคาถกู ซอื ้ หาได้ง่าย ประหยดั เวลา ไม่ต้องเสียเวลา ในการทอด้วยมือชาวบ้าน จึงนิยมใช้ ผ้าทอจากเคร่ืองจกั รแทนผ้าทอด้วยมือ ภาพการจดั กจิ กรรมตา่ งๆในแหลง่ เรียนรู้
ประวัติและผลงานครภู ูมิปัญญาท้องถิ่น ต.โคกมว่ ง อ.โนนสงั จ.หนองบัวลาภู ด้านภมู ิปญั าทอ้ งถน่ิ สาขาหัตถกรรม นางบวั เครือ เดชโมรา
ประวัตแิ ละผลงาน ช่อื แหลง่ เรียนรู้ : กลมุ่ ทอผ้าพนื ้ เมือง บ้านหนองปิง ชอ่ื (ปราชญ์ชาวบา้ น/ผ้ถู ่ายทอดการ เรียนรู้ : นางบวั เครือ เดชโมรา เบอร์โทร 087-9541668 ท่ตี ง้ั แหลง่ เรียนรู้ :บ้านหนองปิง หมทู่ ่ี 6 ตาบลโคกมว่ ง อาเภอโนนสงั จงั หวดั หนองบวั ลาภู 39140 การทอผ้า เปน็ วัฒนธรรมอย่างหน่ึงของคนชนบทมาตง้ั แตอ่ ดีต ซงึ่ ส่วนใหญ่ทอเพื่อใช้ เอง โดยใช้ก่พี ื้นเมือง เส้นใยกไ็ ด้จากฝ้ายปลูกเอง ต่อมาเมือ่ เขา้ สยู่ คุ ของอตุ สาหกรรมเฟอ่ื งฟู ก็ เกดิ ผา้ ทอจากโรงงาน ซึ่งผลิตจากเสน้ ใยสงั เคราะห์ ย้อมสเี คมี การทอผา้ แบบดง้ั เดิมจึงลดลง แตส่ าหรบั บา้ นหนองปงิ หมู่ที่ 6 ตาบลโคกม่วง อาเภอโนนสงั จงั หวดั หนองบวั ลาภู ยงั นิยม ทอผ้าพนื ้ เมืองด้วยกี่ และเส้นใยที่นามาทอก็ได้มาจากการปลกู ฝา้ ย และนามาผ่านกรรมวิธี ตามภมู ปิ ัญญาดงั้ เดิม คือนาดอกฝา้ ยมาอวิ ้ และปั่นจนเป็นเส้นและย้อมสีตามใจชอบ ขนึ ้ ลายนามาทอเป็นผืน ซง่ึ ขนั้ ตอนการผลติ ล้วนเกิดจากภมู ิปัญญาท้องถ่ินของชมุ ชน บางลาย ก็ค้นคดิ จากภาพวถิ ีชีวิตของคนชนบท เช่น ลายสตั ว์ใช้แรงงาน เช่น ช้าง ม้า วัว ควาย เป็น ต้น ซง่ึ ลายเดน่ ของกล่มุ ได้แก่ ผ้าฝา้ ยทอมือส่ีตะกรอ ผ้าลายยกดอก ผ้าลายราชวตั ร ผ้าลายดอกแก้ว ชมุ ชนบ้านหนองปิงทอผ้าคลมุ ไหล่ ซง่ึ เกิดจากภมู ปิ ัญญา และสามารถ สร้างอาชีพ สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกานอกจากนีไ้ ด้มีการย้อมสีจากธรรมชาติ เช่น นา เปลือกขนนุ มาย้อมให้ได้สีเหลือง ต้นเพกา ย้อมแล้วได้สีเขียวออ่ น แก่นฝาง ย้อมแล้วได้สี ชมพู และเปลือกต้นประดู่ ย้อมแล้วได้สีนา้ ตาล สง่ คดั สรรผลิตภณั ฑ์ OTOP ได้รับรางวลั ๕ ดาวการถ่ายทอดองค์ความรู้และความเช่ียวชาญ กลุ่มทอผ้าพืน้ เมืองบ้านหนองปงิ ประธานกลมุ่ นางบัวเครอื เดชโมรา ลักษณะเครือข่ ายและการสร้ างเครือข่ าย -ได้ รับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ๕ ดาว ประเภทผ้ าและเคร่ื องแต่งกายโมรา
ขัน้ ตอนการทอผ้าพื้นเมอื ง ภายหลงั จากสาวเป็นเส้นไหมแล้ว สิง่ ที่สาคญั ที่จะต้องพถิ ีพถิ นั ก็คือ ๑. การตีเกลียว เส้นไหมที่ไม่ได้ตีเกลียวจะใช้ทอไม่ได้ ๒. การควบเส้น โดยมากมกั จะควบอยา่ งน้อย ๒ เส้น เพอื่ ให้ผ้าไหมหนาพอสมควร ๓. การฟอก เพือ่ ให้เส้นไหมน่ิม ทาให้ทนทานในการใช้สอย ๔. การย้อมสี ตามความต้องการของผ้ทู อวา่ จะต้องการพนื ้ สีอะไร ๕. การมดั หมี่ ตามความต้องการของผ้ทู อว่าต้องการลายแบบไหน ๖. การเข้าก่ี และเข้าฟืม โดยส่วนใหญ่ใช้ก่ีพนื ้ เมือง และใช้ฟืมขนาด ๖ ตะกอ การเตรียมเส้นไหมพงุ่ - ต้มฟอกเส้นไหม เพื่อให้กาวไหมออกโดยใส่ด่าง ๑ ขีด ต่อไหม ๑ กิโลกรัม ประมาณ ๑ ช.ม. แล้วนาไปล้างกบั นา้ เปล่า ๒-๓ ครัง้ - นาไหมไปย้อมสีธรรมชาติ โดยย้อมคร่ัง และเหลืองเข ใช้เวลา ๓ วนั ส่วนครามแล้วแต่เรา ชอบสีออ่ นหรือแก่ใช้เวลาประมาณ 3 วนั เหมือนกนั โดยการขยากลางแดดจดั ๆ พอได้สีตามท่ีเรา ต้องการแล้วนาไปตาก ๑ วนั แล้วนาไปตดั เชือกที่มดั ลายออก แล้วล้างด้วยนา้ มะพร้าวตากให้แห้ง แล้วนาไหมไปใส่ระวงิ ปั่นเข้าอกั แล้วกรอไหมจากอกั เข้าหลอด การเตรียมเส้นไหมยืน - ต้มฟอกเส้นไหมเพือ่ ให้กาวไหมออกโดยใช้ด่าง ๑ ขีด ต่อไหม ๑ กิโลกรัม ประมาณ ๑ ชวั่ โมง แล้วนาไปล้างกบั นา้ เปลา่ ๒-๓ ครัง้ จนไหมสะอาด - นาไหมไปย้อมสี โดยต้มนา้ อนุ่ ใส่สีลงไปตามปริมาณที่ต้องการ โดยย้อมสีดา และริมแดง เก็บตะกอตามท่ีเราต้องการ
ผลท่ีเป็ นประโยชน์และต่อชุมชนและสังคม -ได้เป็นรายได้เสริม จากการทอผ้า -ได้พฒั นาฝีมือ ในทกุ ๆวนั -ได้ความรู้เก่ียวกบั ผ้า ภาพการจดั กจิ กรรมตา่ งๆในแหลง่ เรียนรู้
ประวตั ิและผลงานครูภมู ปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ ต.โนนเมอื ง อ.โนนสงั จ.หนองบวั ลาภู ด้านการจักสานไมไ้ ผ่ สาขาการจกั สาน พอ่ สวาสดิ์ อุทามนตรี
ประวัตแิ ละผลงาน ช่อื แหล่งเรยี นรู้ : ภมู ปิ ัญญาบ้านพอ่ สวาสด์ิ อทุ ามนตรี .ช่ือศูนยเ์ รยี นรู้ : กศน.ตาบล โนนเมือง บ้านโนนตาล หมทู่ ี่ 2 ตาบลโนนเมือง อ.โนนสงั จงั หวดั หนองบวั ลาภู 39140 ช่ือ (ปราชญ์ชาวบ้าน/ผ้ถู ่ายทอดการเรียนรู้ : นายสวาสด์ิ อทุ ามนตรี เบอร์โทร - ที่ตงั้ แหล่งเรียนรู้ :ภมู ิปัญญาด้านการจกั สานไม้ไผ่ เลขท่ี44หมทู่ ี่ 2 บ้านโนนตาล ตาบล โนนเมือง อ.โนนสงั จังหวัดหนองบวั ลาภู 39140 ศนู ย์เรียนรู้ : กศน.ตาบลโนนเมือง บ้านโนนตาล หมทู่ ี่ 2 ตาบลโนนเมือง อ.โนนสงั จงั หวดั หนองบวั ลาภู 39140 เบอร์โทรศพั ท์ นายสวาสด์ิ อทุ ามนตรี นายชยั กิตติ โสภา ศรี เบอร์โทร 082-1541719 .กิจกรรมเรียนรู้ของแหล่งเรียนรู้/ศนู ย์เรียนรู้ ความรู้และความเช่ยี วชาญ จดั กิจกรรมการเรียนการสอนโดยยึดหลักการมสี ว่ นรว่ มเปน็ การฝึกปฏบิ ัตจิ รงิ ดูแล และแนะนาชว่ ยเหลือซง่ึ กนั และกัน ศนู ยเ์ รียนรู้ กศน.ตาบลโนนเมอื ง จงึ จดั กิจกรรม เรยี นรูด้ งั น้ี -การเรียนรเู้ รื่องทฤษฎี -การคดั เลอื กและตัดไม้ไผ่ -การจักและสาน -แหลง่ เรียนรู้สามารถฝึกอบรมได้ 30 คน -ระยะเวลาในการฝึกการเรียนรู้ 5 วนั ลักษณะเครือข่ ายและการสร้ างเครือข่ าย - กิจกรรมการเรียนการสอนโดยยึดหลักการมีส่วนร่วมเป็นการฝึกปฏิบัติจริง ดูแล และแนะนาช่วยเหลอื ซ่งึ กันและกนั ศูนย์เรียนรู้ กศน.ตาบลโนนเมอื ง จงึ จดั กิจกรรม
ขัน้ ตอนการสานหวด การก่อตัวหวด นาเส้นตอกที่ผ่านกระบวนการผึ่งแดดและแช่นา้ จนได้ที่แล้ วมาสานหวด โดยเร่ิมต้นจากการสานส่วนที่เป็นก้นหวดก่อน วางเส้นตอกในแนวตงั้ 4 เส้น แนวนอน 8 เส้น สาน ขัดเป็นลาย 3 โดยเริ่มจากจุดก่ึงกลาง สานไปข้างละ 13 ขัด ซ่ึงความยาวหรือสนั้ ของเส้นตอก ขนึ ้ อย่กู บั ความต้องการของผ้สู าน การสานจะนบั เป็นบี (การนบั ช่วงลายตอกในระหว่างการสานที่ มีการยกตอกข้ึน 3 เสน้ และสานทบั เสน้ ตอก 3 เสน้ ) ในแตล่ ะบีจะมีเส้นตอกอย่สู ามเส้น การไป่ หวด เมื่อสาน ส่วนของก้นหวดได้ตามขนาดแล้วก็ทาการหกั มมุ เป็น 2 มมุ จากนนั้ ก็ทา การไป่ หวด การ ไป่ หมายถงึ การสานเปล่ียนลายจากลายของส่วนก้นหวดเป็ นลายตัวหวด ซง่ึ การไป่ นีจ้ ะเป็น ชว่ งของการกาหนดขนาดของหวดให้ได้ขนาดตามต้องการด้วยการยกตอก 3 เส้นขนึ ้ แล้วคว่าตอก 3 เส้นลง แตจ่ ะไม่เป็นวธิ ีการที่ตายตวั นกั ทงั้ นีข้ นึ ้ อย่กู บั ความถนดั และทักษะผ้สู านว่าจะสานไปใน แนวเดียวกนั หรือไม่ การใส่ลายตัวหวด การใส่ลายตวั หวดเป็นขนั้ ตอนการสานตัวหวดต่อจาการไป่ หวด ซ่ึง การใส่ลายตัวหวดนัน้ ขึน้ อยู่กับความเหมาะสมหรือขนาดของหวด ส่วนมากนิยมใช้เส้ นตอก จานวน 10 เส้น จะได้หวดที่มีขนาดพอดี ซึง่ ในขนั้ ตอนนีข้ ณะที่กาลงั สานหวดควรจะพรมนา้ เป็น ระยะ เพ่ือให้เส้นตอกมีความอ่อนตวั นุ่ม สานง่าย ซ่ึงจะส่งผลต่อผลิตภัณฑ์หวดไม้ไผ่ท่ีมีความ แน่นแขง็ แรงและคงทน การใส่ไพกาวหวด เป็นขนั้ ตอนท่ีทาหลังจากสานตวั หวดจนได้ขนาด และความสูงของ หวดตามท่ีต้องการ และความเหมาะสมแล้ว โดยขนึ ้ อยกู่ บั ความถนดั และทกั ษะของผ้สู านแต่ละคน ว่า จะใส่ไพกาวในลักษณะแบบใด (ไพกาว คือการทาขอบหวดด้านบนให้แข็งแรงนนั่ เอง) ซ่ึง ลกั ษณะของเส้นตอกท่ีนามาสานไพกาวมีลกั ษณะเป็นเส้นเล็กๆ กลมๆ โดยผ้สู านจะจกั ตอกให้มี ลกั ษณะกลมเรียบเนียนเส้นเลก็ ๆ หวด 1 ใบ จะใช้ตอกชนดิ นีป้ ระมาณ 6 เส้น ขนาดเท่าๆ กันนามา สานแบบยก 3 คว่า 3 ไปเร่ือยๆ จนรอบตวั หวด เพื่อป้องกนั ไม่ให้เส้นตอกที่สานตวั หวดหลุดออก จากกนั ได้ง่าย เพมิ่ ความแขง็ แรงให้กบั ผลิตภณั ฑ์หวดไม้ไผ่และเพ่ือความสวยงาม การม้วนหวด เป็นขนั้ ตอนสดุ ท้ายของการสานหวด โดยตดั เส้นตอกท่ียาวเกินไปทิง้ ก่อน แล้วจึง ม้วนเก็บส่วนของเส้นตอกท่ียงั คงเหลือจากการสานตวั หวด ให้เกิดความเรียบร้อยและสวยงามของ หวด จะทาในลกั ษณะการแบ่งกึ่งกลางของตวั หวดออกเป็นสองข้างตามลายสาน โดยรวบตอกแต่ ข้างรวมกนั แล้วบิดให้แนน่ จากนนั้ จงึ ทาการม้วนหรือเก็บตอกให้ดเู รียบร้อยสวยงาม และปลอดภยั จากเสีย้ นไม้ หรือความคมของปลายตอกในระหวา่ งการใช้งานของผ้บู ริโภค
ผลท่ีเป็ นประโยชน์และต่อชุมชนและสังคม -ได้ใช้ประโยช์นในครัวเรือนได้ -สร้างรายได้แก่ คนในชมุ ชน -ได้มีการฝึกฝีมือในการจกั สาน -ใช้เวลาวา่ งให้เป็นประโยช์น ภาพภูมปิ ัญญา
คณะผู้จดั ทา ที่ปรึกษา ๑. นางนวพรรษ จนั ทราทูล ครูรักษาการในตาแหน่ง ผอู้ านวยการ กศน.อาเภอโนนสงั ผู้รับผดิ ชอบ ครู กศน.ตาบล ๑. นางมะลิ ไชยพาฤทธิ์ ครู กศน.ตาบล ๒. นางสาวมณทภิ า ดูหฤคา ครู กศน.ตาบล ๓. นางธนพร สมสนั ต์ ครู กศน.ตาบล ๔. นางสาวสุภาพร วงษ์ออ่ น ครู กศน.ตาบล ๕. นางสาวสนุ นี าถ แวววงศ์ ครู กศน.ตาบล ๖. นางสาวอรดี ไชยบรุ มณ์ ครู กศน.ตาบล ๗. นางถนอมทรพั ย์ ทองเดช ครู กศน.ตาบล ๘. นายชัยกิตติ โสภาศรี ครู กศน.ตาบล ๙. นายอรณุ รัตนงาม ครู กศน.ตาบล ๑๐. นายธนภัทร สมสนั ต์ ครู กศน.ตาบล ๑๑. นายสทุ ธินัน สีอุดทา ครู กศน.ตาบล ๑๒. นายปฏวิ ตั ิ ววิ าจารย์ ครู กศน.ตาบล ๑๓. นายรัตนะ ม่วงกลาง ครู กศน.ตาบล ๑๔. นายอนุวัฒน์ ทองเดช ผรู้ วบรวมและจัดพิมพ์ บรรณารักษ์ ๑. นางสาวจุฑามาศ พลนางาม เจา้ ของเอกสาร ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอโนนสงั
ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอโนนสงั สานักงาน กศน.จังหวดั หนองบวั ลาภู สานกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร กระทรวงศึกษาธกิ าร
Search
Read the Text Version
- 1 - 46
Pages: