Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สอบสนามอบรมวิชา ธรรมวิภาค

สอบสนามอบรมวิชา ธรรมวิภาค

Published by Noy4021, 2021-10-13 08:33:39

Description: สอบสนามอบรมวิชา ธรรมวิภาค

Search

Read the Text Version

สอบ สนามอบรม วิชาธรรม [๑.] ธรรมมีอปุ การะมากมีอะไรบา้ ง ? ท่ีวา่ มีอุปการะมากน้นั เพราะเหตุไร ? ต มี สติ ความระลึกได้ และสัมปชญั ญะ ความรู้ตวั ฯ เพราะทาใหเ้ ป็นผไู้ มป่ ระมาทในการทากิจการ งานใด ๆ และเป็นอุปการะ ใหธ้ รรมเหลา่ อ่ืนเกิดข้ึน ฯ [๒.] ธรรมคุม้ ครองโลกมีอะไรบา้ ง ? ธรรมขอ้ น้ีจะคุม้ ครองโลกไดอ้ ยา่ ง ? ต มี ๑.หิริ ความละอายแก่ใจ และ ๒.โอตตปั ปะ ความเกรงกลวั ธรรมขอ้ น้ีจะคุม้ โลกได้ คือ หาก ชาวโลกมีธรรมขอ้ น้ีต้งั มน่ั อยใู่ นใจแลว้ ก็จะไม่เบียดเบียนกนั และกนั อยรู่ ่วมกนั อยา่ งมีความสุข รวมถึงช่วยแกว้ ิกฤตปัญหาที่เกิดข้ึนในปัจจุบนั ดว้ ย ฯ [๓.] คนที่มีน้าใจงดงาม และมีมารยาทงาม เพราะอาศยั ธรรมอะไร เป็นหลกั ประพฤติ ? ต เพราะอาศยั ธรรมอนั ทาใหง้ าม ๒ อยา่ ง คือ ขนั ติ ความอดทน และโสรัจจะ ความเสง่ียม เป็นหลกั ประพฤติปฏิบตั ิ ฯ [๔.] บพุ พการีและกตญั ญูกตเวที ไดแ้ ก่บุคคลเช่นไร ? จงยกตวั อยา่ งมาสกั ๓ คู่ ต บุพพการี ไดแ้ ก่บคุ คลผทู้ าอปุ การะก่อน ส่วนกตญั ญูกตเวที ไดแ้ ก่บคุ คลผรู้ ู้อปุ การะท่ีทา่ นทาแลว้ และทาตอบแทน คู่ที่ ๑ มารดาบิดากบั บตุ รธิดา คู่ท่ี ๒ ครูอาจารยก์ บั ศิษย์ คู่ที่ ๓ พระราชากบั ราษฎร คูท่ ่ี ๔ พระพทุ ธเจา้ กบั พทุ ธบริษทั ฯ (เวลาตอบใหต้ อบเพียง ๓ คู)่

[๕.] พระรัตนตรัย กบั ไตรสรณคมน์ เป็นอยา่ งเดียวกนั หรือต่างกนั อยา่ งไร ? ต มีความต่างกนั อยา่ งน้ี คือพระรัตนตรัย ไดแ้ ก่หมวด ๓ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ส่วน ไตรสรณคมน์ ไดแ้ ก่การถึง (เขา้ ถึง) พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะ จดั เป็นไตรสรณคมน์ ฯ [๖.] รากเหงา้ ของอกศุ ลเรียกวา่ อะไร ? มีอะไรบา้ ง ? เพราะเหตใุ ดจึงควรละเสีย ? ต เรียกวา่ อกุศลมูล ฯ มี ๑.โลภะ อยากไดข้ องเขา ๒.โทสะ คิดประทุษร้ายเขา ๓.โมหะ หลงไมร่ ู้จริง ฯ เหตทุ ี่ควรละ เพราะวา่ เมื่ออกุศลมูลเหลา่ น้ีมีอยู่ อกศุ ลอ่ืนท่ียงั ไมเ่ กิดก็เกิดข้ึน ท่ีเกิดแลว้ กเ็ จริญมาก ข้ึน ฯ [๗.] นกั เรียนผตู้ อ้ งการจะเรียนหนงั สือใหไ้ ดผ้ ลดี จะนาอิทธิบาทมาใชอ้ ยา่ งไร ? ต ในเบ้ืองตน้ ตอ้ งสร้างฉนั ทะคือความพอใจในการศึกษาเล่าเรียนก่อน เม่ือมีความพอใจ จะเป็นเหตุ ใหข้ ยนั ศึกษาหาความรู้ท่ีเรียกวา่ วิริยะและเกิดความใฝ่ ใจใคร่รู้สิ่งตา่ ง ๆ มากข้ึน ท่ีเรียกวา่ จิตตะ และ เม่ือเรียนรู้แลว้ กต็ อ้ งนาความรู้น้นั มาใคร่ครวญพิจารณาใหเ้ ขา้ ใจเหตุและผลอยา่ งถูกตอ้ งท่ีเรียกวา่ วมิ งั สา ดง่ั น้ีกจ็ ะประสบผลสาเร็จในการศึกษาเลา่ เรียนได้ ฯ [๘.] ปัญญาอนั เห็นชอบอยา่ งไร จึงช่ือวา่ มรรคในอริยสจั ๔ ? เพราะเหตุไร ? ต ปัญญาอนั เห็นชอบวา่ สิ่งน้ีทุกข์ ส่ิงน้ีเหตใุ หท้ กุ ขเ์ กิด ส่ิงน้ีความดบั ทกุ ข์ สิ่งน้ีทางใหถ้ ึงความดบั ทุกข์ ไดช้ ่ือวา่ มรรค ฯ เพราะเป็นขอ้ ปฏิบตั ิใหถ้ ึงความดบั ทกุ ข์ ฯ

[๙.] อภิณหปัจจเวกขณ์ ๕ อยา่ ง ทรงสอนใหพ้ ิจารณาอะไรบา้ ง ? ต ทรงสอนใหพ้ จิ ารณา คือ ๑. ความแก่ วา่ เรามีความแก่เป็นธรรมดาไม่ล่วงพน้ ความแก่ไปได้ ๒. ความเจบ็ ไข้ วา่ เรามีความเจบ็ ไขเ้ ป็นธรรมดาไม่ลว่ งพน้ ความเจ็บไขไ้ ปได้ ๓. ความตาย วา่ เรามีความตายเป็นธรรมดาไม่ลว่ งพน้ ความตายไปได้ ๔. ความพลดั พราก วา่ เราจะตอ้ งพลดั พรากจากของรักของชอบใจท้งั สิ้น ๕. กรรม วา่ เรามีกรรมเป็ นของตวั เราทาดีจกั ไดด้ ีทาชวั่ จกั ไดช้ ว่ั ฯ [๑๐.] ความดีท่ีถูกก้นั ไวไ้ ม่ใหบ้ รรลุ หมายถึง ความดีอยา่ งไหน ? ต ความดีท่ีถกู ก้นั ไวไ้ ม่ใหบ้ รรลุ หมายถึงความดีทุกๆ อยา่ ง แตเ่ มื่อกลา่ วโดยตรง ไดแ้ ก่สมาธิ คือการ ทาจิตใจใหส้ งบ ฯ