จุดเริ่มต้น สงครามโลก1-2
คำนำ ผมชอบเป็นส่วนตัวเพราะการเกิดเสรี การจัดระบบของสงครามที่เน่าเฟะของ ระบบประเทศ ถ้าไม่มีสงครามโลกระบบ ประเทศจะล่มจมเเละไม่มีความเท่าเทียม ของประเทศชาติ
สารบัญ สงครามครั้งที่ 1 หน้า 1-5 สงครามครั้งที่ 2 หน้า 6-21 บรรฌานุกรม หน้า 22-23
1 สงครามโลกครั้งที่ 1 (World War I) เริ่ม เปิดฉากขึ้นเมื่อ ออสเตรีย-ฮังการี (Austria- Hungary) ประกาศสงครามกับ เซอร์เบีย (Serbia) ภายหลังจาก ฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ (Franz Ferdinand, Archduke of Austria) อาร์คดยุกแห่งออสเตรียถูกลอบ ปลงประชนม์โดยชาวเซิร์บหัวรุนแรงเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2457 ทั้งนี้สงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นความขัดแย้งทางการทหารระหว่างฝ่าย พันธมิตร (Allied Powers) คืออังกฤษ, ฝรั่งเศส, รัสเซีย, อิตาลี และ สหรัฐอเมริกา กับฝ่าย มหาอำนาจกลาง (Central Powers) คือ เยอรมนี, ออสเตรีย-ฮังการี และ จักรวรรดิอ็อตโตมาน
2 สาเหตุเกิดจากความเจริญก้าวหน้าทาง วิทยาศาสตร์จนก่อให้เกิดการปฏิวัติ อุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 18 มหาอำนาจต่าง ๆ ในตะวันตกจึงออกล่าอาณานิคมเพื่อกระจาย สินค้าและแสดงแสนยานุภาพทางทหาร จึงก่อให้ เกิดความขัดแย้งขึ้นในยุโรปหลายฝ่ายคือ การ แข่งขันระหว่างออสเตรียกับรัสเซียเพื่อชิงความ เป็นใหญ่เหนือคาบสมุทรบอลข่าน และความขัด แย้งระหว่างฝรั่งเศสกับเยอรมนี ภายหลังจา กอาร์คดยุกแห่งออสเตรียถูกลอบปลงประชนม์ ประเทศต่าง ๆ ที่เป็นอริกันต่างกล่าวหาซึ่งกัน และกัน ในที่สุดจึงประกาศสงครามต่อกันเป็น ลูกโซ่ กลายเป็นสงครามใหญ่ ในช่วงแรกฝ่าย มหาอำนาจกลางเป็นฝ่ายมีชัย
3 กระทั่งในปี 2458 เรือดำน้ำเยอรมันโจมตีเรือ โดยสารของอังกฤษซึ่งมีผู้โดยสารชาวอเมริกัน อยู่ด้วย สหรัฐอเมริกาจึงตัดสินใจเข้าร่วม สงครามในปี 2460 ฝ่ายพันธมิตรจึงได้เปรียบ มากขึ้น ในปีเดียวกันรัสเซียเริ่มมีปัญหาภายใน จึงได้ถอนตัวออกจากสงคราม ฝ่ายมหาอำนาจ กลางเริ่มตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ ในที่สุด เยอรมนีต้องยอมเจรจาสงบศึกและลงนามใน สนธิสัญญาแวร์ซายส์ (Versailles Treaty)
4 มื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2462 ซึ่งนับเป็นวันยุติ สงครามโลกครั้งที่ 1 แต่สนธิสัญญาฉบับนี้ได้ ระบุให้เยอรมนีต้องรับผิดชอบจ่ายค่า ปฏิกรรมสงครามจำนวนมาก ถูกลดกำลัง ทหารและอาวุธ ถูกยึดดินแดนอาณานิคม ทำให้เศรษฐกิจเยอรมันตกต่ำ ประชาชน ตกงาน เกิดภาวะข้าวยากหมากแพงทั่ว ประเทศ ชาวเยอรมันโกรธแค้นมาก ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) ได้ก้าวขึ้นสู่อำนาจในช่วงนี้ สร้างกระแสชาตินิยม ฉีกสนธิสัญญาแวร์ ซายส์ และพัฒนาอุตสาหกรรมและการทหาร จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ สงครามโลกครั้ง ที่ 2 (World War II)
5 ในอีก 20 ปีต่อมา สงครามโลกครั้งที่ 1 นับ เป็นความขัดแย้งครั้งใหญ่ระดับโลกครั้ง แรก มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดประมาณ 8 ล้าน คนและบาทเจ็บอีกกว่า 16 ล้านคน ผลของ สงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้แผนที่ยุโรป เปลี่ยนไปเนื่องจากการล่มสลายของ จักรวรรดิใหญ่ทั้งสี่ ก่อให้เกิดประเทศใหม่ ๆ อีกหลายประเทศ เศรษฐกิจตกต่ำครั้ง ใหญ่ทั่วโลก ประเทศยุโรปหลายแห่งต่าง เป็นลูกหนี้ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเติบโตจน กลายเป็นประเทศมหาอำนาจของโลกหลัง จากสงครามนี้
สงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 กันยายน 1939 และสิ้นสุดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 กันยายน 1945 โดยสงครามในยุโรปสิ้นสุดก่อนเมื่อวัน ที่ 8 พฤษภาคม 2545 จำนวนพลเมืองโลกที่เสียชีวิตมี มากกว่า 75 ล้านคน โดยพลเมืองยุโรปที่เสียชีวิตมี ประมาณ 38 ล้านคน เป็นทหาร 20 ล้านคนและพลเรือน 18 ล้านคน สงครามโลกครั้งนี้สร้างความหายนะและ ความพินาศให้แก่ประเทศต่าง ๆ ทั้งทางด้านระบบ เศรษฐกิจ การเมืองและสังคม มากยิ่งกว่าสงครามโลก 6 ครั้งที่ 1
สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นสงคราม เบ็ดเสร็จ(Total War) และเป็นสงครามที่ มีการนำระเบิดปรมาณูซึ่งมีอานุภาพทำลาย ล้าง สูงกว่าอาวุธอื่น ๆ มาใช้เป็นครั้งแรกอำนาจ การทำลายล้างอย่างกว้างขวางของอาวุธ ปรมาณูหรือนิวเคลียร์รวมทั้งมหันตภัยที่ เกิดจากกัมมันตภาพรังสีของระเบิดปรมาณู ได้ทำให้โลกในเวลาต่อมาก้าวสู่ยุค ปรมาณู(Atomic Age ) และการเริ่มต้น สมัยความน่าสะพรึงกลัวของสงครามโลก นิวเคลียร์ (Nuclear War) 7 7
1. สาเหตุของสงคราม ชนวนของ 8 สงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อ เยอรมนีบุกโปแลนด์ในวันที่ 1 กันยายน 1939 อังกฤษและฝรั่งเศส ซึ่งสนับสนุนโปแลนด์จึงประกาศ สงครามต่อเยอรมนี(3 ก.ย. ) อีกหนึ่ง เดือนต่อมาเยอรมนีก็บุกเดนมาร์กและ นอร์เวย์ และสามารถยึดครองประเทศ ดังกล่าวรวมทั้งเบลเยียมได้ภายในเวลา 6 สัปดาห์สหภาพโซเวียตซึ่งเป็นพันธ มิตกับเยอรมนีในระยะแรกของสงคราม จึงประกาศสงครามกับฟินแลนด์และ ประเทศแถบบอลติกสงครามในยุโรป ขยายตัวและนานาประเทศก็ถูกดึงเข้า ร่วมในสงคราม ต่อมาใน 1941 ญี่ปุ่น ซึ่งสนับสนุนเยอรมนีได้เข้าโจมตี ฐานทัพเรือสหรัฐอเมริกาที่อ่าวเพิร์ล หมู่เกาะฮาวาย การโจมตีดังกล่าวทำให้ สงครามขยายตัวไปยังส่วนอื่น ๆ ของ โลกและเป็นการเริ่มต้นของสงคราม ทางด้านแปซิฟิกและตะวันออกไกล ทั้ง ทำให้รัฐบาลสหรัฐอเมริกาเข้าสู่สงคราม กับประเทศสัมพันธมิตร
9 2. ปัจจัยที่นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ สำคัญมีดังนี้ 2.1 ความล้มเหลวขององค์การ สันนิบาติชาติ เป็นผลจากการที่ สหรัฐอเมริกาไม่ได้เข้าเป็นสมาชิกของ องค์การสันนิบาตชาติ และมาตรการต่าง ๆ ของสันนิบาติชาติในการแก้ไขข้อพิพาท ระหว่างประเทศไม่บรรลุผล ตลอดจนการ ดำเนินงานเพื่อควบคุมอาวุธและลดอาวุธ ประสบความล้มเหลว ทำให้ประเทศต่าง ๆ หันมาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างกัน ด้วยสงคราม สันนิบาติชาติก็ไม่มีกำลังที่ เข็มแข็งและไม่มีอำนาจพอที่จะยับยั้งข้อ พิพาทระหว่างประเทศ การพยายามใช้แรง กดดันทางการเมืองระหว่างประเทศ เพื่อ แก้ไขปัญหาความขัดแย้งไม่เป็นที่ยอมรับจึง ทำให้เยอรมนีและญี่ปุ่นลาออกจากการเป็น สมาชิกของสันนิบาติชาติ
2.2 การเติบโตของลัทธินิยมทหาร ความล้มเหลวของสันนิบาติชาติและการ ประชุมลดอาวุธมีส่วนสำคัญทำให้ประเทศ ต่าง ๆ หันมาเสริมสร้างกำลังทหารและ กำลังอาวุธขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ลัทธินิยมหาร จึงฟื้ นขึ้นมามีบทบาทสำคัญทางการเมือง การขยายตัวของอำนาจทางทหารนำไปสู่ การคาดการณ์เรื่องราวการเกิดสงคราม ประเทศต่าง ๆ จึงเตรียมตัวสร้าง กองทัพให้เข็มแข็งเพื่อป้องกันตัวเอง บรรยากาศของความไม่ไว้วางใจกันจึงก่อ ตัวขึ้น 10
11 2.3 ความขัดแย้งทางอุดมการณ์ ทางการเมือง การก้าวสู่อำนาจ ทางการเมืองของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ในเยอรมนีเมื่อ 1933 ทำให้แนว ความคิดนาลัทธินาซี (Nazism) มี บทบาทและอิทธิพลสำคัญทางการ เมือง ในขณะเดียวกันแนวความคิดลิ ทธิฟาสซิสต์ (Fascism) ที่เกิดขึ้นใน อิตาลีก็ขยายขอบเขตเข้าไปใน ประเทศอื่น ๆทั้งลัทธินาซีและ ฟาสซิสต์ต่างต่อต้านแนวความคิด เสรีนิยมและเน้นความสำคัญของ ลัทธิชาตินิยม และอำนาจที่เกิดจาก การรวมพลังกันมากกว่าพลังของ ปัจเจกบุคคล ตลอดจนเน้นความของ
สำคัญของระบบและกลไกการ บริหารที่จะนำไปสู่การมีอำนาจของ รัฐและผู้นำ อุดมการณ์ของฝ่าย ขวาที่นิยมทหารที่ขัดแย้งกับแนว ความคิดแบบเสรีนิยมและระบบ การเมืองแบบรัฐสภาในยุโรป แต่ ยังนำไปสู่กรณีพิพาททางการเมือง ขึ้นอีกด้วย 12
2.4 การแข่งขันทางเศรษฐกิจ การ พ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้เยอรมนีสูญเสียอาณานิคม ของตนให้กับอังกฤษและฝรั่งเศสซึ่ง ทำให้ทั้งสองประเทศมีความมั่งคั่ง มากขึ้น เยอรมนี อิตาลีและญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าเป็นชาติที่ไม่มั่งคั่งทาง เศรษฐกิจเกิดความไม่พอใจและนำ ไปสู่การต่อสู้แข่งขันเพื่อสร้างความ เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ การ แข่งขันทางเศรษฐกิจดังกล่าวจึง กลายเป็นการต่อสู้ระหว่างกลุ่ม ประเทศที่มี ( The Have Nations) กับกลุ่มประเทศที่ไม่มี (The Have-not Nations)และ นำไปสู่สงครามทางเศรษฐกิจ ระหว่างประเทศขึ้นในเวลาต่อมา 13
14 2.5 ความไม่เป็นธรรมของสนธิสัญญาสันติภาพ แวร์ซายส์ (Treaty of Versailles) และสนธิ สัญญาสันติภาพฉบับอื่น ๆ ที่เยอรมนีและประเทศที่ แพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ถูกบีบบังคับให้ลงนาม โดยไม่อาจต่อรองได้ ทำให้เยอรมนีและประเทศแพ้ สงครามไม่พอใจ เนื่องจากต้องเสียค่า ปฏิกรรมสงครามจำนวนมหาศาลและสูญเสียดิน แดนรวมทั้งอาณานิคมของตน ตลอดจนถูกลด กำลังทหารทหารและอาวุธ เยอรมนีจึงมุ่งจะทำลาย ข้อตกลงในสนธิสัญญาแวร์ซายส์และเมื่อมีโอกาสก็ มักจะดำเนินการละเมิดข้อตกลงในสนธิสัญญา จน นำมาสู่วิกฤตการณ์ทางการเมืองที่นำมาสู่การเกิด สงครามโลกครั้งที่ 2 ในที่สุด
15 3. การรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 ใน สงครามโลกครั้งที่ 2 มีการพัฒนาอาวุธที่ เคยใช้มาแล้วจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ให้มี ประสิทธิภาพ เช่น แนวความคิดการใช้กำลัง รถถังและยานเกราะประสานกับการรบหนุน ช่วยทางอากาศหรือการทิ้งระเบิดทาง ยุทธศาสตร์ ด้วยการใช้เครื่องบินโจมตีเจาะ ลึกในแนวหลังข้าศึก ทำลายแหล่ง อุตสาหกรรมและสถานที่สำคัญทางทหารและ ของรัฐบาล ตลอดจนการยกพลขึ้นบกและ ทำสงครามสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก เป็นต้น
16 อาวุธที่นับว่าเป็นความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางทหาร ในสงครามครั้งนี้คือ จรวดและเครื่องบินขับไล่ที่ใช้เครื่อง ยนต์เจ็ต (Jet engine)ซึ่งมีความเร็วกว่าเสียงจรวดแบบ วี 2 (V-2) ที่สามารถบรรทุกหัวรบได้หนักครึ่งตัน และมี ความเร็วประมาณ 4 เท่าของเสียง ถูกนำมาใช้ใน ค.ศ. 1944 และถือได้ว่าเป็นต้นแบบขีปนาวุธ (Ballistic Missile ) ในเวลาต่อมา เครื่องบิน เครื่องยนต์เจ็ตซึ่ง บินได้สูงถึง 10,520 เมตร และมีความเร็ว 865 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีส่วนทำให้การรบทางอากาศมี บทบาทสำคัญมากในสงคราม อย่างไรก็ตามความสำเร็จ ของการประดิษฐ์ระเบิดนิวเคลียร์หรือระเบิดอะตอมของ ฝ่ายพันธมิตรในช่วงปลายสงครามและมีการนำระเบิดดัง กล่าวไปทิ้งที่เมือง ฮิโรชิมาและนานาซากิในต้นเดือน สิงหาคม 1945 ซึ่งมีผลให้ญี่ปุ่นต้องยอมจำนนยุติ สงครามลงโดยไม่มีเงื่ อนไข
4. การยกพลขึ้นบกในวันดีเดย์ (D-Day) 4.1 ภูมิหลังของเหตุการณ์ สงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 กันยายน 1939 โดยเยอรมนีบุกโจมตีโปแลนด์ เป็นผลสืบ เนื่องจากการที่Adolf Hitler ผู้นำเยอรมนีต้องการขยาย ดินแดนในยุโรปโดยอ้างว่าเยอรมนีจำเป็นต้องมี “ที่อาศัย” (Living space) เยอรมนีจึงละเมิดสนธิสัญญาแวร์ซายส์ ด้วยการฟื้ นฟูอำนาจของกองทัพบกและ กองทัพเรือ รวม ทั้งเริ่มสร้างป้อมค่ายและสถานที่ทางทหารในบริเวณแม่น้ำ ไรน์ซึ่งเป็นเขตปลอดทหาร ตลอดจนลาออกจากการเป็น สมาชิกองค์การสันนิบาติชาติ ต่อมาในปี 1936 เยอรมนีได้ จัดทำข้อตกลงเป็นพันธมิตรต่อต้านคอมมิวนิสต์กับญี่ปุ่น และในปี ค.ศ. 1938 ก็ได้ผนวกออสเตรียรวมทั้งยึดครอง แควันซูเดเทนแลนด์ (Sudeten Land) ของเชโกสโลวะ เกียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเยอรมนีโดยอ้างว่าซูเดเทนแลนด์มี ชาวเยอรมันอาศัยอยู่จำนวนมาก 17
อังกฤษและฝรั่งเศสซึ่งขณะนั้นไม่มีความพร้อมทาง ทหารที่จะก่อสงครามใหญ่จึงหาทางออกโดยการผ่อน ปรนและประนีประนอมกับเยอรมนีโดยมีการจัดประชุม กับฮิตเลอร์ที่เรียกว่า ความตกลงที่เมืองมิวนิก (Munich Agreement) ในเดือนกันยายน 1938 โดย ประเทศมหาอำนาจประกอบด้วยอังกฤษ ฝรั่งเศสและ อิตาลี ตกลงให้เยอรมนีครอบครองแคว้นซูเดเทนแลนด์ แต่มีเงื่อนไขว่าเยอรมนีจะไม่รุกรานดินแดนส่วนที่เหลือ ของเชโกสโลวะเกียอย่างไรก็ตาม ในเดือนมีนาคม 1939 เยอรมนีได้ส่งกองทัพเข้ายึดครองเชโกสโลวะ เกียทั้งหมด ซึ่งเป็นการท้าทายอังกฤษและฝรั่งเศสใน ข้อตกลงที่เมืองมิวนิก อังกฤษและฝรั่งเศสจึงยกเลิก นโยบายผ่อนปรนแก่เยอรมนีและดำเนินนโยบายรับ ประกันเอกราชของโรมาเนีย กรีซ และโปแลนด์ 18
แต่มีเงื่ อนไขว่าเยอรมนีจะไม่รุกรานดินแดนส่วนที่เหลือของเชโกสโลวะ เกียอย่างไรก็ตาม ในเดือนมีนาคม 1939 เยอรมนีได้ส่งกองทัพเข้า ยึดครองเชโกสโลวะเกียทั้งหมด ซึ่งเป็นการท้าทายอังกฤษและ ฝรั่งเศสในข้อตกลงที่เมืองมิวนิก อังกฤษและฝรั่งเศสจึงยกเลิก นโยบายผ่อนปรนแก่เยอรมนีและดำเนินนโยบายรับประกันเอกราชของ โรมาเนีย กรีซ และโปแลนด์ แต่ฮิตเลอร์เมินเฉยต่อนโยบายดังกล่าว และเรียกร้องเมืองดานซิก (Danzig) และฉนวนโปแลนด์ที่เคยสูญ เสียไปในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 คืน โปแลนด์ซึงได้รับการ สนับสนุนจากอังกฤษและฝรั่งเศสปฏิเสธจะคืนให้ เยอรมนีจึงส่ง กองทัพบุกโปแลนด์ เมื่อวันที่ 1 กันยายน 1939 อังกฤษและ ฝรั่งเศสตอบโต้โดยการประกาศสงครามกับเยอรมนีเมื่อวันที่ 3 กันยายน 1939 สงครามในยุโรปจึงเริ่มขึ้นและต่อมาได้ขยายตัวเป็น สงครามโลกครั้งที่ 2 (ก่อนบุกโปแลนด์เยอรมนีเจรจาทำสนธิสัญญา (Non-Aggressived)กับสหภาพโซเวียตในเดือนส.ค.1939 เยอรมนีใช้ยุทธวิธีสงครามแบบสายฟ้าแลบ(lightening war) โดยใช้รถถังและทหารราบยานยนต์ซึ่งใช้อาวุธทันสมัยและยุทธภัณฑ์ ชั้นเยี่ยมบุกโจมตีอย่างรวดเร็ว รวมทั้งได้รับการสนับสนุนจากกำลัง ทางอากาศ ทำให้ฝ่ายข้าศึกตระหนกและขวัญเสียจนโปแลนด์ถูกยึด ครองในปลายเดือนกันยายน 1939 จากนั้นเยอรมนีก็บุกเข้ายึด เดนมาร์ก นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยมและลักเซมเบิร์ก รวมทั้ง บุกโจมตีฝรั่งเศสในเดือนมิถุนายน 1940 จนยึดกรุงปารสได้ชัยชนะ ต่อฝรั่งเศสจึงหมายถึงการครอบครองภาคพื้นทวีปทั้งหมดของ เยอรมนี ใน ปี 1941 19
20 ภายหลังที่ฮิตเลอร์ยึดฝรั่งเศสได้ ฮิตเลอร์ระดม กำลังทหารเยอรมันเข้าโจมตีเกาะอังกฤษตลอดปี 1941แต่ไม่สามารถเอาชนะได้ฮิตเลอร์เปลี่ยนใจ หันไปโจมตีรัสเซียเพราะต้องการได้แร่ธาตุซึ่งจะ เป็นยุทธปัจจัยสำคัญและแหล่งข้าวสาลีในรัฐ ยูเครนของรัสเซียเพื่อจะได้มาระดมโจมตีอังกฤษ อีกครั้งหนึ่ง แต่การทำสงครามกับรัสเซียไม่ได้ เอาชนะได้ง่าย ๆ เหมือนที่ฮิตเลอร์คิดไว้เพราะใน ฤดูหนาวทหารเยอรมันก็ไม่สามารถทนสภาพ อากาศที่หนาวทารุณในรัสเซียได้แหล่งแร่ธาตุและ แหล่งอาหารที่ฮิตเลอร์หมายตาไว้รัสเซียขนไป แอบซ่อนไว้หลังเทือกเขายูราลเพื่อไม่ให้เยอรมนี ใช้ประโยชน์จากดินแดนของรัสเซียที่เยอรมนียึด ได้และระยะทางยาวประมาน 1,800 ไมล์ที่ทหาร เยอรมันยึดได้ก็เป็นระยะทางที่ยาวเกินไปต้องใช้ ทหารจำนวนมากที่จะควบคุมพื้นที่ฉะนั้นการที่ฮิต เลอร์ตัดสินใจหันไปโจมตีรัสเซียจึงเป็นการตัดสิน ใจที่ผิดพลาด
ในกลาง ค.ศ. 1942 เป็นการเปลี่ยนบทบาทของฝ่าย สัมพันธมิตรจากการเป็นฝ่ายตั้งรับเปลี่ยนมาเป็นฝ่าย รุกรานบ้าง กองทัพเยอรมนีและอิตาลีเริ่มพ่ายแพ้ในการรบที่เมืองเอล อะลาเมน (Battles of El-Alamein) ในแอฟริกาเหนือ ตอนปลาย ค.ศ. 1942 ชัยชนะครั้งนี้ทำให้ฝ่าย สัมพันธมิตรเริ่มวางแผนที่จะเปิดการรุกใหญ่ขึ้นในยุโรป ในปี 1943 ประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรวางแผนประชุม หารือร่วมกันหลายครั้งเพื่อเอาชนะสงครามและทำลาย กองทัพเยอรมนี แผนการรบที่สำคัญคือ การยกพลขึ้นบก ครั้งใหญ่ที่เรียกว่าวันดี-เดย์ ในเดือนมิถุนายน 1944 การยกพลขึ้นบกของฝ่ายสัมพันธมิตรที่หาดนอร์มังดี (Normandy) เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 1944 เพื่อปลด ปล่อยยุโรปจากการยึดครองของเยอรมนีถือเป็น เหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่มีส่วนทำให้ สถานการณ์ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เปลี่ยนแปลงไป วัน ดี-เดย์เป็นวันปฏิบัติการที่ได้ชื่อว่ายาวนานที่สุด (the longest day) และเป็นการยกพลขึ้นบกครั้งยิ่งใหญ่ ที่สุดในประวัติศาสตร์การรบในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ความสำเร็จของการยกพลขึ้นบกในวันดี-เดย์ ถือว่า เป็นการวางแผนการรบที่เยี่ยมยุทธ์ ทำให้ฝ่าย สัมพันธมิตรเริ่มเป็นฝ่ายรุกจนสามารถปลดปล่อย เบลเยี่ยม เนเธอร์แลนด์และฝรั่งเศสจากการยึดครองของ นาซีได้สำเร็จ วันดี –เดย์เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ ของการรบ เพราะทำให้ฝ่ายสัมพันธมิตรซึ่งในเวลาต่อมา สามารถเผด็จศึกเยอรมนีในยุโรปได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 1945 สงครามโลกในภาคพื้นยุโรปจึงสิ้นสุด 21ลง
22 บรรฌานุกรม https://l.facebook.com/l.php? u=https%3A%2F%2Fr.search.yahoo.com%2F_yl t%3DAwrx1slNhtpihWAA8gybSwx.%3B_ylu%3 DY29sbwNzZzMEcG9zAzEEdnRpZAMEc2VjA3Ny %2FRV%3D2%2FRE%3D1658517197%2FRO%3D1 0%2FRU%3Dhttps%253a%252f%252fth.wikipe dia.org%252fwiki%252f%2525E0%2525B8%252 5AA%2525E0%2525B8%252587%2525E0%2525B 8%252584%2525E0%2525B8%2525A3%2525E0% 2525B8%2525B2%2525E0%2525B8%2525A1%25 25E0%2525B9%252582%2525E0%2525B8%2525 A5%2525E0%2525B8%252581%2525E0%2525B8 %252584%2525E0%2525B8%2525A3%2525E0%2 525B8%2525B1%2525E0%2525B9%252589%252 5E0%2525B8%252587%2525E0%2525B8%25259 7%2525E0%2525B8%2525B5%2525E0%2525B9% 252588%2525E0%2525B8%2525AB%2525E0%25 25B8%252599%2525E0%2525B8%2525B6%2525 E0%2525B9%252588%2525E0%2525B8%252587 %2FRK%3D2%2FRS%3DfYpgX1rRCsnG8j1hyXc9 k0FwiJI-&h=AT0x1z7FWZs0- 3GYYyBRU4Lz9tkAv6iQSCCwanjmz9K8mnupI0q mPxpwPGYJeuP0009II40v7lJKIe2Jqann20SfTXv- PwiuVvCGO3yZPdOAtSKWQsGOCt79dtKnw07D oATmgA
23 บรรฌานุกรม https://l.facebook.com/l.php? u=https%3A%2F%2Fr.search.yahoo.com%2F_ylt%3 DAwrx1sn8htpiTCEATSmbSwx.%3B_ylu%3DY29sb wNzZzMEcG9zAzEEdnRpZAMEc2VjA3Ny%2FRV%3D 2%2FRE%3D1658517373%2FRO%3D10%2FRU%3Dht tps%253a%252f%252fth.wikipedia.org%252fwiki% 252f%2525E0%2525B8%2525AA%2525E0%2525B8% 252587%2525E0%2525B8%252584%2525E0%2525B8 %2525A3%2525E0%2525B8%2525B2%2525E0%2525 B8%2525A1%2525E0%2525B9%252582%2525E0%25 25B8%2525A5%2525E0%2525B8%252581%2525E0% 2525B8%252584%2525E0%2525B8%2525A3%2525E 0%2525B8%2525B1%2525E0%2525B9%252589%252 5E0%2525B8%252587%2525E0%2525B8%252597%2 525E0%2525B8%2525B5%2525E0%2525B9%252588 %2525E0%2525B8%2525AA%2525E0%2525B8%2525 AD%2525E0%2525B8%252587%2FRK%3D2%2FRS%3 D3iioqDYqWS_nhrB2_g8FWlVRlcg- &h=AT0x1z7FWZs0- 3GYYyBRU4Lz9tkAv6iQSCCwanjmz9K8mnupI0qmP xpwPGYJeuP0009II40v7lJKIe2Jqann20SfTXv- PwiuVvCGO3yZPdOAtSKWQsGOCt79dtKnw07DoAT mgA
ผู้จัดทำ ด.ช.นพคุณ ยุผง เลขที่11 ม.2/9 ด.ช.นวพล พรอินทร์ เลขที่13 ม.2/9 ด.ช.อนุวัฒน์ แสงรุ่ง เลขที่40 ม.2/9 ด.ช.อัมรินทร์ ศรีสวัสดิ์ เลขที่43 ม.2/9
Search
Read the Text Version
- 1 - 28
Pages: