แหสเ่ทูบาภงรงาาวกไัหวยกซะว้ลอานน ด้วยหลัก 5 อ. แนวปฏิบัติการดูแลตนเองของผู้สูงอายุที่เป็นโรคเบาหวานชนิ ดที่ 2 โรงพยาบาลส่ งเสริมสุขภาพตำบลบ้านพระแท่น
โรคเบาหวาน คือ โรคที่เกิดขึ้ นเมื่อร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาล กลูโคสในเลือดไปใช้ได้อย่างเหมาะสม ซึ่งอาหารที่ รับประทานเข้าไปจะถูกเปลี่ยนเป็นกลูโคส ถ้ารับประทาน อาหารมากเกินไป น้ำตาลที่นำไปใช้ได้ไม่หมดจะสะสมอยู่ ในกระแสเลือด ถ้ามีมากก็จะออกมาในปัสสาวะได้ เอมไซม์อินซูลิน ซึ่งสร้างจากตับอ่อนเป็นตัวการนำ กลูโคสที่มีนี้ เข้าเซลล์เพื่อไปใช้เป็นพลังงาน ถ้าอินซูลินมี น้อยหรือตับอ่อน สร้างอินซูลินไม่เพียงพอ แต่ออกฤทธิ์ได้ ไม่ดีทำให้ร่างกายใช้กลูโคสไม่ได้ จึงทำให้เกิดเป็น โรคเบาหวานขึ้ น
อาการที่สำคัญ ของโรคเบาหวาน 1. ปัสสาวะบ่อย (อาจมีมดขึ้นบนปัสสาวะ) 2. กระหายน้ำบ่อยและดื่มน้ำมาก 3. อ่อนเพลีย น้ำหนักลดลง และผอมลง ทั้ง ๆ ที่รับประทานมาก 4. อาการแทรกซ้อนของเบาหวาน เช่น ตาพร่ามัว ชาตามปลายมือ ปลายเท้า แผลหายช้า ติดเชื้อง่าย โรคไต โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ฯลฯ
หลัก 5อ. อาหาร อารมณ์ ออกกำลังกาย อดิเรก อนามัย
อ.อาหาร
อาหารของผู้ป่วยเบาหวาน อาหารที่ควรรับประทานต่อวัน 1. - อาหารที่มีกากใยมาก เช่น ข้าวกล้อง/ไม่ขัดสี - พืชที่ให้พลังงานน้ อย เช่น ผักใบทุกชนิ ด อาหารที่ควรลด 2. - ผลไม้รสหวานจัด เช่น กล้วย สั บปะรด ทุเรียน ฯลฯ โดยรับประทานให้น้ อยลง อาหารที่ควรงด 3. - อาหารที่มีรสหวานจัด ขนมหวาน น้ำตาลทุกชนิ ด - เช่น น้ำหวาน ลูกอม น้ำอดลม
อาหารแลกเปลี่ยน อาหารแลกเปลี่ยนคืออะไร? อาหารแลกเปลี่ยน คือ อาหารที่แบ่งออกเป็นทั้งหมด 6 หมวด โดยในหมวด เดียวกันให้พลังงาน และสารอาหารที่ใกล้เคียงกัน อาหารในหมวดเดียวกันหรือ ต่างกันสามารถแลกเปลี่ยนกันได้ หากมีสารอาหารและพลังงานที่ใกล้เคียงกัน หน่วยนับอาหารในรายการอาหารแลกเปลี่ยน เรียกว่า \"ส่วน\" ซึ่งแต่ละส่วนจะมี ปริมาณอาหารแตกต่างกันตามหมวดอาหารนั้นๆ 1. หมวดข้าว - แป้ง (Rice & Flour)
คำแนะนำผู้ป่วยเบาหวาน หมวดข้าว - แป้ง (Rice & Flour)
2. หมวดผลไม้ (Fruit)
คำแนะนำผู้ป่วยเบาหวาน หมวดผลไม้ (Fruit)
3. หมวดผัก (Vegetable) คำแนะนำผู้ป่วยเบาหวาน หมวดผัก (Vegetable) 1. แนะนำให้รับประทานผักเพิ่มมากขึ้น เน้นผักที่ไม่ใช่พืชหัว เพื่อเป็นการเพิ่มใยอาหาร 2. เน้นเพิ่มเมนูผักในอาหารแทนการดื่มน้ำผักคั้น/สกัด/แยกกาก
4. หมวดเนื้อสัตว์ (Meat)
4. หมวดเนื้อสัตว์ (Meat)
คำแนะนำผู้ป่วยเบาหวาน หมวดเนื้อสัตว์ (Meat)
5. หมวดน้ำมัน (Oil)
คำแนะนำผู้ป่วยเบาหวาน หมวดน้ำมัน (Oil)
6. หมวดนม และผลิตภัณฑ์จากนม (Milk)
คำแนะนำผู้ป่วยเบาหวาน หมวดนม และผลิตภัณฑ์จากนม (Milk)
อ.อารมณ์
การจัดการกับอารมณ์และความเครียด ความเหมาะสมในการ อารมณ์ ด้านลบและ จัดกโภาชรนกัาบกาอรารมณ์ ภาวะความเครียดส่ ง ความเครียด ของตนเอง ผลกระทบให้ ภาวะซึมเศร้า ส่งผล หลอดเลือดมีการ ทำงานมากขึ้ น ทำให้เกิดภาวะน้ำตาล การคิดบวกและ ในเลือดต่ำ/สูงเกินไป ผ่อนคลายทำให้เซลล์ ของร่างกายทำงานมี ประสิ ทธิภาพดี ทุกคนสมควรที่จะ สุขภาพจิตคือความสมดุล และจำเป็นต้อง มีสุขภาพจิตที่ดี ใช้ความสามารถในการจัดการความเครียด เพื่อให้บรรลุถึงศักยภาพของแต่ละบุคคล ความเครียดเป็นเรื่องปกติ แต่หากเครียดมากเกินไป อาจเพิ่มความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพจิตได้
การจัดการกับปัญหา หรือความเครียด 01 ขอคำปรึกษาจากผู้ที่มีความรู้หรือผู้เชี่ยวชาญใน เรื่องนั้นๆ หรือผู้ที่เคย อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน มาก่อน 02 ค้นหาสิ่ งที่ดี จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำวิกฤติให้ เป็นโอกาส 03 เรียนรู้จากเหตุการณ์ที่ประสบ ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และพัฒนาตนเอง 04 มองโลกในแง่ดี มองชีวิตให้สดใสเบิกบาน ทุกปัญหามีทางออก 05 หาทางผ่อนคลายความเครียด โดยทำกิจกรรมที่ ชอบ (เช่น ฟังเพลง อ่านหนังสือ เล่น ดนตรี ดู โทรทัศน์ ฯลฯ) ฝึกสมาธิหรือทำงานอดิเรก
การจัดการกับปัญหา หรือความเครียด 06 เล่าปัญหา ระบายความในใจให้เพื่อนหรือใครบาง คนฟังไม่เก็บความรู้สึกต่างๆ ไว้คนเดียว 07 พบปะสังสรรค์กับเพื่อนๆ พยายามผูกมิตรกับผู้อื่น 08 ไม่ตำหนิตนเอง ความรู้สึกผิด จะทำให้บุคคลรู้สึก ว่าตนไร้ค่า ท้อแท้ สิ้ นหวังได้ 09 ใช้หลักธรรมะฝึกจิตใจให้สงบ มีสมาธิ เพื่อให้คิด ได้อย่างกระจ่าง ยอมรับสิ่ งที่เกิดขึ้นได้ตามความ เป็นจริง 10 คนทุกคนมีคุณค่าและความสามารถ มองหาส่วนดี ที่ตนมี พัฒนาตนเองให้มีความสามารถ สร้างพลัง และกำลังใจในการเผชิญปัญหา
อ.ออกกำลังกาย
หลักเกณฑ์การออกกำลังกาย การออกกำลังกายที่ดีจะต้องเหมาะสมกับผู้ที่ ออกกำลัง มีความหนั กเพียงพอ มีความสม่ำเสมอ และความนานเพียงพอ ก่อนออกกำลังกายจะต้องมี การ อุ่นเครื่อง (Warm up) และหลังการออก กำลังกายต้องมีการผ่อนคลาย (Cool down) ควรออก กำลังกายเวลาเข้าหรือเย็นเพื่อหลีกเสี่ ยงอากาศร้อน จัด การอุ่นเครื่องและการผ่อนคลาย เป็นการเตรียมกล้ามเนื้ อ, การอุ่นเครื่องและ ข้อ และระบบหมุนเวียน ผ่อนคลายใช้เวลา โลหิต สำหรับเข้าสู่การ ทำงานหนั กและชะลอลงช้าๆ นานช่วงละ ก่อนหยุดการออกกำลังกาย 3 - 5 นาที โดยเฉพาะผู้สูงอายุหรือผู้มี โรคประจำตัวจำเป็นต้อง ปฏิบัติเคร่งครัด
ออกกำล ังกาย ความสม่ำเสมอ (Frequency) ในกรณีที่สามารถทำได้ ควรออกกำลังกายทุกวัน ถ้าไม่ได้ก็ควร ทำวันเว้นวันหรืออย่างน้ อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ความนาน (DURATION) การออกกำลังกายควรทำครั้งละ 20 - 30 นาทีเป็นอย่างน้ อย แต่เมื่อเริ่มออกกำลังกายใหม่ๆ อาจเริ่มเพียงระยะเวลาสั้นๆ 5 - 10 นาที แล้วเพิ่มขึ้นทุกๆ 2 - 4 สัปดาห์ เมื่อร่างกายมี ความพร้อม ผู้สูงอายุและผู้มีโรคหัวใจต้องเริ่มน้ อยๆ และเพิ่มขึ้นช้าๆ ความเหมาะสม การจะเลือกออกกำลังกายประเภทใดต้องดูให้เหมาะสมกับ วัย สุขภาพ และอาชีพ ผู้ออกกำลังกายควรจะเลือกออกกำลัง กายที่ตนเองชอบและสามารถปฏิบัติได้จริง การรวมเป็นกลุ่มจะ ช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกันทำให้มีความต่อเนื่ อง
ความหนักของการออกกำลังกาย (Intensity) เป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างเสริมความอดทน ความหนั กของ การออกกำลังกายสามารถวัดโดยดูอัตราการใช้ออกชิเจนคิดเป็น ร้อยละของอัตราการใช้ออกชิเจนสูงสุด (VO2 max) ซึ่งต้องอาศัย เครื่องมือใช้การวัดทำให้ไม่สะดวก ในทางปฏิบัติจึงใช้อัตราเต้นสูงสุดของหัวใจเป็นเกณฑ์ โดยให้ออกกำลังกายจนมีความหนั กร้อยละ 60 - 85 ของอัตรา เต้นสูงสุดของหัวใจ นั่ นคือชีพจรเป้าหมายในการออกกำลังกาย ให้ได้เป็นร้อยละ 60 - 85 ของอัตราเต้นสูงสุดของหัวใจ อัตรา เต้นสูงสุดของหัวใจสูงสุดเท่ากับ \"220\" ลบด้วยจำนวนอายุเป็นปี สูตรคำนวณชีพจรเป้าหมายจึงเขียนได้เป็น ชีพจรเป้าหมาย = ความหนักที่กำหนด X (220 - อายุ) ถ้าความหนักที่กำหนด = ร้อยละ 70 อายุของผู้ออกกำลังกาย = 60 ปี ชีพจรเป้าหมาย = (70/100) X (220 - 60) = 112ครั้ง/นาที
ท่ากายบริหารขาของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ป่วยเบาหวาน จำเป็นต้องมีการปรับปรุงข้อบกพร่องของระบบ หมุนเวียนเลือดของขาและเท้า โดยการออกกำลังกายเป็น ประจำ จะช่วยป้องกันอาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ 1 การเดิน ควรเดินวันละครึ่งถึง 2 การเดินขึ้นบันได เดินขึ้น หนึ่งชั่วโมง และพยายามเพิ่ม บันไดในลักษณะก้าวเขย่ง ระยะทางเดินทีละน้อยทุกวัน 3 การเหยียดกล้ามเนื้อน่อง ยืนโน้มตัวไป ลุกนั่งบนเก้าอี้ นั่งเก้าอี้ ข้างหน้า โดยใช้มือเกาะผนังไว้ ยืนเท้า 4 และลุกขึ้น - ลง 10 ครั้ง ห่างกันเล็กน้อยให้สันเท้าอยู่บนพื้น พับ แขนและเหยียดแขน 10 ครั้ง โดยให้ หลังและขาอยู่ในแนวตรงตลอดเวลา
ท่ากายบริหารขาของผู้ป่วยโรคเบาหวาน 5บริหารปลายเท้า ยื่นเอามือเกาะเก้าอี้ 6 งอเข่าลุกขึ้นและลง 10 ครั้ง เดินย่ำอยู่กับที่ โดยยกส้นเท้าขึ้น - ลง โดยใช้มือเกาะเก้าอี้ และให้ และให้ปลายเท้าแตะพื้นตลอดเวลา หลังตรงตลอดเวลา 7 8 สะบัดเท้า นั่งเก้าอี้โน้มตัวไปข้าง เขย่งส้นเท้ายกส้นเท้าขึ้นลง ประมาณ หลัง สะบัดเท้าไปมาเป็นวงกลม 20 ครั้ง พยายามลงน้ำหนักตัวที่ปลาย ประมาณ 10 ครั้ง แล้วเปลี่ยนข้าง เท้าข้างใดข้างหนึ่งก่อนแล้วเปลี่ยนไป ทำเหมือนกัน อีกข้างหนึ่ง
อ . อ ดิ เ ร ก
อ . อ ดิ เ ร ก ปัญหาอย่างหนึ่ งของผู้สูงอายุ คือ ความเหงา เพราะไม่คุ้นเคย กับการอยู่คนเดียวหรืออยู่บ้านเฉยๆ แต่จะเคยชินกับการอยู่ใน สั งคมที่มีผู้คนมากๆ ถ้าหากผู้สูงอายุมีงานอดิเรกทำก็จะช่วยคลายเหงาได้ เช่น การทำงานฝีมือ ปลูกต้นไม้ ทำสวน ทำอาหาร ร้องเพลง เต้น การทำกิจกรรมจิตอาสาต่างๆ การเข้าเป็นสมาชิก ชมรมผู้สูงอายุ เป็นต้น ทำให้ผู้สูงอายุได้ค้นพบในสิ่ งที่ตนเองชอบ และเป็นการสร้างสั มพันธภาพจากการทำ กิจกรรมร่วมกับผู้อื่นอีกด้วย
อ.อนามัย
การดูแลสุขภาพเท้าในผู้ที่ เป็นโรคเบาหวาน สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน สิ่งที่มีผลต่อการเกิดแผลที่เท้า ได้แก่ การที่เส้นเลือดส่วนปลายที่มาเลี้ยงขาและเท้าตีบ ในกรณี ที่เป็นเบาหวานมานานร่วมกับมีการเสื่ อมของเส้ น ประสาทส่วนปลาย ทำให้มีโอกาสเกิดแผลที่เท้าได้ง่าย สิ่ งอันตราย!! ดังนั้น การป้องกันการ เกิดแผลที่เท้า จะช่วยลด ได้แก่ การไม่รู้สึกเจ็บ อัตราการตัดขา ช่วยเพิ่ม ปวดที่แผล ทำให้มี โอกาสเกิดการ คุณภาพชีวิต ลดภาระ ลุกลามและเรื้อรัง ครอบครัว และลดค่าใช้ ของแผล นำไปสู่การ จ่ายในการรักษา ตัดขาในที่สุด พยาบาลระยะยาว
ระยะเวลาในการเป็นเบาหวาน ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี นานกว่า 15 ปี โดยจะมีผลต่อความสามารถของ เม็ดเลือดขาวในการกำจัดเชื้อโรค ลดลง ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย และโรคลุกลามเร็ว ขาดความรู้เกี่ยวกับการดูแลเท้า มีความผิดปกติของเส้ นประสาท และเส้นเลือด ส่วนปลาย ได้แก่ การชาปลายมือ ปลายเท้า ทำให้ ประสาทสั มผัสการป้องกันการ เกิดแผลเสี ยไป เท้าผิดรูป ทำให้การลง น้ำหนั กที่เท้าผิดปกติ การสูบบุหรี่ มีผลทำให้เกิด หลอดเลือดอุดตันได้ ปัจจัยเสี่ ยงที่สัมพันธ์กับการเกิดแผลที่เท้า ในผู้ป่วยเบาหวาน
วิธีดูแลเท้า 01. อย่าเดินเท้าเปล่า เวลาออกนอกบ้านหรือเดินบนพื้นที่สกปรก เพราะถ้าเหยียบถูกของมีคม หนามแหลม หรือของร้อน จะเป็นแผลแบบไม่รู้ตัวและเน่ าได้ 0 2 . เวลาตัดเล็บเท้า ควรตัดออกตรงๆ อย่าตัดโค้งหรือตัดถูกเนื้ อ 0 3 . ถ้าเป็นหูดหรือตาปลาที่เท้า ควรให้แพทย์รักษา อย่าพยายาม แกะหรือตัดออกด้วยตัวเอง 04. ถ้ามีตุ่มน้ำที่เท้า เป็นแผลพุพองหรืออักเสบที่เท้า ควรรีบไปให้แพทย์ รักษาอย่าปล่อยทิ้งไว้และไม่ควรใช้เข็มบ่ง (ตุ่มพอง) เอง 05. ควรล้างแผลด้วยน้ำสะอาดกับสบู่ ปิดแผลด้วยผ้าก๊อซที่ฆ่าเชื้อโรค แล้วและติดด้วยพลาสเตอร์อย่างนิ่ ม (เช่น ไมโครพอร์) อย่าปิด ด้วยพลาสเตอร์ธรรมดา
วิธีดูแลเท้า 06. เช็คความร้อนของน้ำที่แช่เท้า หรืออาบ เอาแค่ข้อศอกจุ่มพอ ทนได้ผู้ป่วยที่ใช้กระเป๋าน้ำร้อนวางที่เท้าต้องทำด้วยความ ระมัดระวัง 07. ควรล้างเท้าให้สะอาดด้วยสบู่ เช็ดให้แห้งโดยเฉพาะตรง ซอกเท้า อย่าถูแรง ๆ 0 8 . อย่าสวมรองเท้าคับไป หรือใส่ถุงเท้ารัดแน่ นเกินไป
สั ญญาณอันตรายที่ผู้ป่วยต้องระวัง 1. สีของเท้า 2. รู้สึกเจ็บปวด เปลี่ยนแปลง ไม่สบายเท้า 3. ผิวหนังที่ 4. เท้าบวม เท้าแตก หรือมี น้ำเหลืองไหล
ข้อแนะนำในการดูแลตนเอง สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน การควบคุมอาหาร การลดน้ำหนัก (ถ้าอ้วน) และการออกกำลังกาย มีความสำคัญต่อการรักษาเบาหวานเป็นอย่างมาก ผู้ป่วยควรเลิกสูบบุหรี่โดยเด็ดขาด มิเช่นนั้น อาจทำให้ผนังหลอด เลือดแดงแข็งเร็วขึ้น ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ควรหมั่นดูแลรักษาเท้าเป็นพิเศษ ระวังอย่าให้เกิดบาดแผล หรือการอักเสบ ซึ่งอาจลุกลามจนกลายเป็นแผลเน่าจนต้อง ตัดนิ้ วหรือขาทิ้ง ผู้ป่วยห้ามซื้อยาชุดกินเอง เพราะยาบางอย่างอาจเพิ่ม น้ำตาลในเลือดได้ ผู้ป่วยที่กินยาหรือฉีดยารักษาเบาหวานอยู่ บางครั้ง อาจเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำผู้ป่วยควรพกน้ำตาล หรือของหวานติดตัวประจำ หากเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหรือสูงถ้ายังเป็นอยู่บ่อยๆ ควรไปปรึกษาแพทย์ที่รักษา
แนวปฏิบัติการดูแลตนเองของผู้สูงอายุที่เป็นโรคเบาหวานชนิ ดที่ 2 โรงพยาบาลส่ งเสริมสุขภาพตำบลบ้านพระแท่น
Search
Read the Text Version
- 1 - 38
Pages: