Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore .ใบความรู้ พื้นฐานกลศาสตร์

.ใบความรู้ พื้นฐานกลศาสตร์

Published by kob901, 2018-03-28 05:20:30

Description: .ใบความรู้ พื้นฐานกลศาสตร์

Search

Read the Text Version

1 แผนการสอน/แผนการเรียนรู้ภาคทฤษฎี แผนการจดั การเรียนรู้ หน่วยท่ี 1 ช่ือวชิ า กลศาสตร์เครื่องกล สอนสัปดาห์ที่ 1-3 ชื่อหน่วย พ้ืนฐานกลศาสตร์ (The Fundamental of คาบรวม 9 Mechanics)ช่ือเร่ือง พ้นื ฐานกลศาสตร์ (The Fundamental of Mechanics) จานวนคาบ 9หวั ข้อเรื่องด้านความรู้1. ความหมายและนิยามของกลศาสตร์2. ยกตวั อยา่ งระบบหน่วยด้านทกั ษะ 3. คานวณการเคล่ือนของวตั ถุ 4. คานวณงานและพลงั งาน 5. คานวณประสิทธิภาพของงานด้านจิตพสิ ัย 6. ปริมาณสเกล่าร์และปริมาณเวคเตอร์ 7. กฎของการเคลื่อนที่ของนิวตนัด้านคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง 8. คานวณการเปล่ียนแปลงหน่วย การเคลื่อนท่ีของวตั ถุ งาน พลงั งานและประสิทธิภาพของงานไดอ้ ยา่ ง ถูกตอ้ งเหมาะสมสาระสาคญั กลศาสตร์ หมายถึง วชิ าที่ศึกษาเกี่ยวกบั แรงที่กระทาต่อวตั ถุในสภาวะท่ีหยดุ นิ่ง หรือสภาวะเคล่ือนที่ และผลท่ีเกิดข้ึนกบั วตั ถุภายหลงั จากท่ีถูกแรงกระทา จุดมุ่งหมายสาคญั ในการศึกษาวชิ ากลศาสตร์กเ็ พือ่ ใหน้ กั ศึกษาดา้ นช่างทุกสาขาวชิ าชีพ มีความรู้ ความสามารถ และมีความเขา้ ใจในการวเิ คราะห์แกไ้ ขปัญหาเบ้ืองตน้ ได้ เพ่ือเป็นพ้นื ฐานในการศึกษาวชิ าอ่ืน ๆ ตอ่ ไป

2สมรรถนะอาชีพประจาหน่วย 1. คานวณการเปล่ียนแปลงหน่วย การเคล่ือนที่ของวตั ถุ งาน พลงั งานและประสิทธิภาพของงานจุดประสงค์การสอน/การเรียนรู้  จุดประสงค์ทว่ั ไป / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1. เพื่อใหม้ ีความรู้เกี่ยวกบั การอธิบายความหมายและนิยามของกลศาสตร์ (ดา้ นความรู้) 2. เพ่ือใหม้ ีความรู้เกี่ยวกบั การยกตวั อยา่ งระบบหน่วย (ดา้ นความรู้) 3. เพอื่ ใหม้ ีทกั ษะในการสงั เกตการคานวณการเคล่ือนของวตั ถุ (ด้านทักษะ) 4. เพอ่ื ใหม้ ีทกั ษะในการฝึกคานวณงานและพลงั งาน (ดา้ นทกั ษะ) 5. เพอ่ื ใหม้ ีทกั ษะในการสาธิตและคานวณประสิทธิภาพของงาน (ด้านทักษะ) 6. เพอ่ื ใหม้ ีเจตคติที่ดีในการจาแนกปริมาณสเกล่าร์และปริมาณเวคเตอร์ (ดา้ นจิตพิสัย) 7. เพ่อื ใหม้ ีเจตคติท่ีดีในการยอมรับกฎของการเคล่ือนที่ของนิวตนั (ดา้ นจิตพิสัย) 8. เพื่อคานวณการเปล่ียนแปลงหน่วย การเคล่ือนที่ของวตั ถุ งาน พลงั งานและประสิทธิภาพของงานได้ อยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม (ดา้ นดา้ นคุณธรรม จริยธรรม/บรู ณาการเศรษฐกิจพอเพียง)  จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม / บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง 1. อธิบายความหมายและนิยามของกลศาสตร์ได้ (ดา้ นความรู้) 2. ยกตวั อยา่ งระบบหน่วยได้ (ดา้ นความรู้) 3. สงั เกตการคานวณการเคล่ือนของวตั ถุได้ (ดา้ นทกั ษะ) 4. ฝึกคานวณงานและพลงั งานได้ (ดา้ นทกั ษะ) 5. สาธิตและคานวณประสิทธิภาพของงานได้ (ดา้ นทกั ษะ) 6. จาแนกปริมาณสเกล่าร์และปริมาณเวคเตอร์ได้ (ดา้ นจิตพิสยั ) 7. ยอมรับกฎของการเคล่ือนท่ีของนิวตนั ได้ (ดา้ นจิตพสิ ัย) 8. คานวณการเปลี่ยนแปลงหน่วย การเคลื่อนที่ของวตั ถุ งาน พลงั งานและประสิทธิภาพของงานได้ อยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม (ดา้ นดา้ นคุณธรรม จริยธรรม/บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง)

3เนือ้ หาสาระการสอน/การเรียนรู้• ด้านความรู้(ทฤษฎ)ีกลศาสตร์ (Mechanics) กลศาสตร์ หมายถึง วิชาท่ีศึกษาเกี่ยวกบั แรงที่กระทาต่อวตั ถุในสภาวะที่หยุดน่ิง หรือสภาวะเคลื่อนที่และผลที่เกิดข้ึนกับวตั ถุภายหลังจากท่ีถูกแรงกระทา จุดมุ่งหมายสาคญั ในการศึกษาวิชากลศาสตร์ก็เพื่อให้นกั ศึกษาดา้ นช่างทุกสาขาวชิ าชีพ มีความรู้ ความสามารถ และมีความเขา้ ใจในการวเิ คราะห์แกไ้ ขปัญหาเบ้ืองตน้ได้ เพ่ือเป็นพ้นื ฐานในการศึกษาวชิ าอ่ืน ๆ ต่อไป วชิ ากลศาสตร์แบง่ ออกเป็น 2 แขนงใหญ่ ๆ ไดแ้ ก่ 1. สถิตยศาสตร์ (Statics) เป็นการศึกษาวตั ถุในสภาวะท่ีหยดุ น่ิง หรือสภาวะสมดุลภายใตก้ ารกระทาของแรง ดังน้ันจึงเป็ นการวิเคราะห์และแก้ปัญหาระบบของแรง ซ่ึงในหนังสือเล่มน้ีจะกล่าวถึงพ้ืนฐานของสถิตยศาสตร์เทา่ น้นั 2. พลศาสตร์ (Dynamics) เป็ นการศึกษาวตั ถุในสภาวะท่ีเคลื่อนท่ี และผลของแรงที่ทาให้วตั ถุน้ันเคลื่อนที่หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนท่ีนิยาม (Definition) เพื่อความเข้าใจท่ีถูกตอ้ งในการศึกษาวิชากลศาสตร์ จึงจาเป็ นตอ้ งทราบถึงความหมายของคานิยามตอ่ ไปน้ี 1. ปริภมู ิ (Space) คือ ขอบเขตรูปทรงเรขาคณิต ซ่ึงมีเหตุการณ์ต่าง ๆ ท่ีจะทาการศึกษาเกิดข้ึน โดยทว่ั ไปหมายถึงปริภูมิ 3 มิติ แต่ถา้ เป็ นการเคล่ือนที่ในแนวเส้นตรงหรือในระนาบ ก็จะพิจารณาเพียง 1 มิติ หรือ 2 มิติตามลาดบั 2. กรอบอา้ งอิง (Reference Frame) คือ กรอบที่ใชใ้ นการกาหนดตาแหน่งของวตั ถุที่พิจารณาน้นั ซ่ึงอาจกาหนดเป็นตาแหน่งเชิงมุมหรือเชิงเส้นกไ็ ด้ โดยเปรียบเทียบกบั แกนอา้ งอิงเป็นหลกั 3. เวลา (Time) คือ การวดั ช่วงความต่อเน่ืองของเหตุการณ์ หรือการกระทาที่เกิดข้ึนโดยเทียบกับมาตรฐานสากล ในหน่วยเอสไอ (SI Units) วดั เป็น วนิ าที (s) 4. แรง (Force) คือ การกระทาของวตั ถุหน่ึงต่ออีกวตั ถุหน่ึง โดยแรงจะพยายามทาให้วตั ถุน้ันเกิดการเคลื่อนท่ีไปในทิศทางที่แรงน้นั กระทา หรือทาใหเ้ กิดการหมุนรอบแกนใดแกนหน่ึง 5. ความเฉ่ือย (Inertia) คือ คุณสมบตั ิของสสารที่ต่อตา้ นการเปล่ียนแปลงการเคลื่อนที่ 6. มวล (Mass) คือ ปริมาณที่ใชว้ ดั ความเฉ่ือย หรือเป็ นปริมาณเน้ือสารของวตั ถุมีคุณสมบตั ิในการดึงดูดซ่ึงกนั และกนั 7. วตั ถุ (Body) คือ สสารท่ีผวิ ปิ ดโดยรอบ หรือเป็นการรวมตวั ของสสารท่ีก่อใหเ้ กิดรูปร่างต่าง ๆ ข้ึน 8. วตั ถุเกร็ง (Rigid body) คือ วตั ถุท่ีไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างและขนาด เมื่อถูกแรงกระทา ซ่ึงเป็ นเพียงสภาพในอุดมคติเท่าน้ัน เน่ืองจากวตั ถุเม่ือถูกแรงกระทาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงท้งั รูปร่างและขนาด แต่

4เกิดข้ึนนอ้ ยมากเม่ือเปรียบเทียบกบั ขนาดท้งั หมดของวตั ถุ เพื่อให้ง่ายตอ่ การพจิ ารณาหาค่าความสัมพนั ธ์ต่าง ๆ จึงถือว่าเป็ นวตั ถุเกร็งวตั ถุแปรรูป (Deformation body) คือ วตั ถุที่มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างและขนาด เมื่อถูกแรงกระทา โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงผลของการกระทาที่เกิดข้ึนภายในเน้ือวตั ถุ ซ่ึงจะทาให้เกิดความเคน้ และความเครียดภายในเน้ือวตั ถุน้นัปริมาณสเกล่าร์ (Scalar quantity) ปริมาณสเกล่าร์ คือปริมาณใด ๆ ท่ีเก่ียวขอ้ งหรือกาหนดเฉพาะ ขนาด (Magnitude) เท่าน้นั ก็มีความชดั เจนอยู่ในตวั ไม่จาเป็ นตอ้ งระบุทิศทาง (Direction) แต่อย่างใด ได้แก่ เวลา มวล ระยะทาง ปริมาตร ความหนาแน่น อุณหภูมิ อตั ราเร็ว พลงั งาน เป็ นตน้ ตวั อยา่ งเช่น เรือลาหน่ึงแล่นมาแลว้ เป็ นเวลา 6 ชว่ั โมง โลหะท่อนหน่ึงมีมวล 50 กิโลกรัม น้ามนั มีปริมาตร 100 ลิตร หรือน้ามีอุณหภมู ิ 20 องศาเซลเซียส เป็นตน้ การรวมปริมาณสเกล่าร์จะใช้การรวมแบบธรรมดา เช่น รถยนต์คนั หน่ึงวนั น้ีแล่นเป็ นเวลานาน 6ชว่ั โมง พรุ่งน้ีจะแล่นอีก 4 ช่ัวโมง รวมเป็ นเวลาที่รถยนต์คนั น้ีแล่นนานท้งั หมด 10 ช่ัวโมงหรือน้ามนั ในถงั มีปริมาตร 10 ลิตร เม่ือเติมไปอีก 20 ลิตร รวมน้ามนั ในถงั ท้งั สิ้น 30 ลิตรปริมาณเวคเตอร์ (Vectors quantity) ปริมาณเวคเตอร์ (Vector quantity) คือปริมาณใด ๆ ท่ีเก่ียวขอ้ งหรือมีการกาหนดท้งั ขนาดและทิศทางที่ชดั เจน ไดแ้ ก่ แรง การขจดั (Displacement) ความเร็ว ความเร่ง โมเมนต์ โมเมนต้มั เป็นตน้ ตวั อยา่ งเช่น แรงปริมาณ 200 นิวตนั กระทากบั คานในแนวด่ิง เรือลาหน่ึงแล่นไปทางทิศเหนือเป็ นระยะทาง 200 ไมลท์ ะเล ซ่ึงเรียกวา่ การขจดั หรือรถยนตค์ นั หน่ึงแล่นดว้ ยความเร็ว 80 กิโลเมตรตอ่ ชว่ั โมง การบวกเวคเตอร์กระทาไดท้ ้งั วธิ ีการเขียนรูปและวธิ ีการคานวณ สาหรับการบวกเวคเตอร์โดยวธิ ีการคานวณ จะกล่าวตอ่ ไปในบทท่ี 2 การบวกเวคเตอร์โดยวิธีการเขียนรูป เช่น การเขียนรูปของแรง จะกาหนดเป็ นลูกศร โดยท่ีความยาวของเส้นตรงของตวั ลูกศรจะเป็นความยาวตามสัดส่วนของขนาดของแรง สมมุติ แรงมีขนาด 50 นิวตนั ก็อาจเขียนดว้ ยเส้นตรงที่มีความยาว 5 ซม. และมีหวั ลูกศรกากบั ที่ปลายเส้นตรงเพือ่ แสดงใหท้ ราบวา่ แรงน้ีมีทิศทางไปทางใด สญั ลกั ษณ์ของปริมาณเวคเตอร์จะเขียนดว้ ยตวั อกั ษรและมีหวั ลูกศรกากบั อยขู่ า้ งบน เวคเตอร์ในทางฟิ สิกส์ แบง่ ออกเป็น 3 แบบ ดงั น้ี 1. เวคเตอร์อิสระ (Free vector) หมายถึงเวคเตอร์ท่ีมีตาแหน่งไม่แน่นอน หรือเป็ นเวคเตอร์ที่กระทาที่ใดกไ็ ดใ้ นวตั ถุอนั หน่ึง โดยไม่ทาใหว้ ตั ถุเกิดการหมุน 2. เวคเตอร์เลื่อน (Sliding vector) หมายถึงเวคเตอร์ที่มีแนวแน่นอน จะตอ้ งเคลื่อนที่อยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกนั ในปริภูมิ

5 3. เวคเตอร์คงที่ (Fixed vector) หมายถึงเวคเตอร์ที่มีแนวและตาแหน่งที่แน่นอนตายตวั ถ้ามีการเปล่ียนแปลงตาแหน่งท่ีกระทา กจ็ ะมีผลต่อการแปรรูปของวตั ถุได้กฎการเคลื่อนที่ของนิวตนั (Newton’Law of Motion) Sir Isaac Newton เป็นผตู้ ้งั กฎเกณฑพ์ ้ืนฐานเกี่ยวกบั การเคล่ือนท่ีของอนุภาค ดงั น้ี กฎขอ้ ท่ี 1. อนุภาคจะยงั คงรักษาสภาวะหยุดนิ่งหรือเคลื่อนท่ีต่อไปในแนวเส้นตรง ด้วยความเร็วคงท่ีนอกจากจะมีแรงไม่สมดุลมากระทากบั อนุภาคน้นั กฎขอ้ ที่ 2. ความเร่งของอนุภาคจะเป็ นสัดส่วนโดยตรงกบั แรงลพั ธ์ที่กระทา และมีทิศทางเดียวกนั กบัแรงลพั ธ์น้นั เม่ือประยกุ ตก์ บั อนุภาคท่ีมีมวล m จะไดว้ า่ F = ma …………………………….(1.1) เมื่อ F = แรงลพั ธ์ท่ีกระทาตอ่ อนุภาค, N m = มวลของอนุภาค, kg a = ความเร่งลพั ธ์ของอนุภาค, m/s2 กฎขอ้ ที่ 3. แรงกริยา (Action) และแรงปฏิกริยา (Reaction) ระหวา่ งวตั ถุที่กระทาตอ่ กนัจะมีขนาดเท่ากนั อยใู่ นแนวเดียวกนั แต่มีทิศทางตรงกนั ขา้ มหน่วย (Units) หน่วยต่าง ๆ ท่ีใชใ้ นประเทศไทยมีหลายระบบ เพือ่ ไมใ่ หเ้ กิดการสบั สนและยงุ่ ยากในการเปล่ียนหน่วย ดงั น้นั ในหนงั สือเล่มน้ีจะใชร้ ะบบสากลท่ีเป็นมาตรฐานเดียวกนั คือหน่วยเอสไอ (SIUnits) ซ่ึงยอ่ มาจาก Systeme International d’ Unites หรือ International System of Unitsหน่วยเอสไอ ที่ใชใ้ นวชิ ากลศาสตร์เครื่องกล

6 หน่วยของปริมาณ 3 ตวั แรกเป็นหน่วยมูลฐาน (Fundamental Unit) ส่วนแรงมีหน่วยเป็ นหน่วยอนุพนั ธ์(Derived Unit) โดยกาหนดวา่ แรง 1 N หมายถึง แรงท่ีกระทาใหม้ วล 1 kg มีความเร่ง 1 m/s2 จากกฎหน่วยเอสไอ ท่ีใชใ้ นวชิ ากลศาสตร์เคร่ืองกลการเคลื่อนที่ (Motion) การเคลื่อนท่ีของวตั ถุ คือ การเปลี่ยนแปลงตาแหน่งท่ีอยขู่ องวตั ถุ ในการศึกษาการเคล่ือนที่ของอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เฟื อง ลูกเบ้ียว สายพาน ฯลฯ ซ่ึงสามารถส่งถ่ายการเคล่ือนท่ีได้ ส่ิงสาคญั ที่ตอ้ งพจิ ารณาไดแ้ ก่ 1. การขจดั (Displacement) คือระยะทางระหวา่ งจุดเริ่มตน้ (O) และจุดสุดทา้ ย (A) หรือ(Aʹ) ดงั แสดงในรูปท่ี 1.7(a) การขจดั s = + 5 m และในรูปท่ี 1.7 (b) การขจดั = sʹ - 3 m 2. ความเร็ว (Velocity) คือระยะทางท่ีเคล่ือนที่ในหน่ึงหน่วยเวลา มีทิศทางที่แน่นอนความเร็วเป็นปริมาณเวคเตอร์ ถา้ ตอ้ งการทราบวา่ วตั ถุเคลื่อนท่ี ณ เวลาหน่ึงดว้ ยความเร็วเทา่ ใดจะเรียกวา่ ความเร็วชว่ั ขณะ(Instantaneous Velocity) 3. อตั ราเร็ว (Speed) เป็นปริมาณสเกล่าร์ เป็นการเคล่ือนท่ีไปตามระยะทางในหน่ึงหน่วยเวลาเช่นเดียวกบั ความเร็ว แต่ไมค่ านึงถึงทิศทางที่เคลื่อนท่ี เช่น ถา้ ทา่ นตอ้ งการเดินทางจากบา้ นของท่านไปยงัสนามหลวงโดยรถยนต์ ทา่ นอาจเลือกเส้นทางไดห้ ลายเส้นทาง และความเร็วในการขบั รถยนตก์ ไ็ มไ่ ดค้ งที่ตลอดเวลา ดงั น้นั อตั ราเร็วจึงกาหนดมาเป็นความเร็วเฉล่ีย (Average Velocity) ตลอดเส้นทาง ดงั น้ี

7 V = s …………………………(1.3) tเมื่อ v = อตั ราเร็วหรือความเร็วเฉล่ีย, m/s s = ระยะทางในการเคลื่อนที่, m t = เวลาที่ใชใ้ นการเคลื่อนท่ี, s4. ความเร่งหรือความเร่งชว่ั ขณะ (Instantaneous Acceleration) คืออตั ราการเปล่ียนแปลงความเร็วตอ่หน่วยเวลา เหมือนกบั ความเร็ว ความเร่งก็เป็ นปริมาณเวคเตอร์ ความเร่งชวั่ ขณะเป็นความเร่งในช่วงเวลาส้ันๆ5. อตั ราเร่งหรือความเร่งเฉล่ีย (Average Acceleration) นิยามไดเ้ ช่นเดียวกบั ความเร็วเฉล่ียหรืออตั ราเร็ว คืออตั ราการเปลี่ยนแปลงความเร็วต่อหน่วยเวลา เป็นปริมาณสเกล่าร์อตั ราเร่ง หาไดจ้ าก V A = t ………………………….(1.4)เมื่อ a = อตั ราเร่ง, m/s2 v = อตั ราเร็วหรือความเร็วเฉลี่ย, m/s t = เวลาที่ใชใ้ นการเคล่ือนท่ี, sท้งั ความเร็ว และความเร่งมีการเคล่ือนที่ท้งั 2 แบบ คือ การเคลื่อนที่เชิงเส้น (Linear Motion)และการเคล่ือนท่ีเชิงมุม (Angular Motion)ความสมั พนั ธ์ของความเร็วเชิงเส้นและเชิงมุม (Linear-Angular Velocity Relationship)ในการออกแบบชิ้นส่วนเครื่องจกั รกล ในบางคร้ังมีความจาเป็นอยา่ งยงิ่ ที่จะตอ้ งเปลี่ยนค่าของความเร็วเชิงเส้นใหเ้ ป็ นคา่ ของความเร็วเชิงมุมความเร็วเชิงมุมหาค่าไดจ้ ากสมการ ดงั น้ี ω= θ …………………………….(1.5) tเมื่อ ω = ความเร็วเชิงมุม, rad/s θ = การเคล่ือนที่เชิงมุมหรือการขจดั เชิงมุม, rad t = เวลาท่ีใชใ้ นการเคลื่อนท่ี, sโดยท่ี 1 เรเดียน = 57.3 องศา หรือ 1 องศา = 0.01745 เรเดียน เม่ือตอ้ งการเปล่ียนความเร็วเชิงมุมใหเ้ ป็นความเร็วเชิงเส้น ใชค้ วามสัมพนั ธ์ ดงั น้ี V = rω …………………………….(1.6)ในทานองเดียวกนั a = rα ……………………………..(1.7)เมื่อ v = ความเร็วเชิงเส้น, m/sr = รัศมีการหมุน, mω = ความเร็วเชิงมุม, rad/sα = ความเร่งเชิงมุม, rad/s2ในการเคล่ือนท่ีเชิงมุมเปลี่ยนใหอ้ ยใู่ นหน่วยของ รอบต่อนาที (R.P.M. = Revolution Per Minute)

8ω = 2������N ดงั น้นั 1 rev = 2������ radv = ������DN = 2������rN เม่ือ N = R.P.M.สมการการขจดั ความเร็วและความเร่ง (Displacement-Velocity-Acceleration Equations)สูตรต่อไปน้ี เป็ นประโยชน์อยา่ งยง่ิ ในงานต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การเคลื่อนที่ของวตั ถุ\การเคลื่อนท่ีเชิงเส้น การเคลื่อนที่เชิงมุมเม่ือ v1 = ความเร็วเชิงเส้นเร่ิมตน้ , m/s v2 = ความเร็วเชิงเส้นสุดทา้ ย, m/s s = ระยะทางในการเคล่ือนที่, mt = เวลาในการเคล่ือนท่ี, sa = ความเร่งเชิงเส้น, m/s2=������1 ความเร็วเชิงมุมเร่ิมตน้ , rad/s=������2 ความเร็วเชิงมุมสุดทา้ ย, rad/sθ= การเคลื่อนที่เชิงมุม, radα = ความเร่งเชิงมุม, rad/s2การเคล่ือนท่ีแบบโปรเจกไตล์ (Projectile Motion)การเคล่ือนท่ีแบบโปรเจกไตล์ คือ การเคล่ือนท่ีของวตั ถุภายใตแ้ รงดึงดูดหรือแรงโนม้ ถ่วงของโลก ซ่ึงเส้นทางการเคล่ือนท่ีของวตั ถุมีลกั ษณะเป็นเส้นโคง้ ตวั อยา่ งท่ีเห็นไดค้ ือ การยงิ ปื นการโยนลูกบอล การทิ้งระเบิดของเครื่องบิน การตีกอลฟ์ เป็นตน้ 2 v1 R = g sin2θ ……………………..(1.8) 2 v1 R = 2g sin2θ ……………………..(1.9) R = 2������1 sin2θ ……………………..(1.10) gเมื่อ R = ระยะทางการเคล่ือนท่ี, mH = ความสูงในแนวดิ่ง, mt = เวลาที่วตั ถุลอยอยใู่ นอากาศ, sV1 = ความเร็วเร่ิมตน้ , m/s2

9 g = อตั ราเร่งเนื่องจากแรงโนม้ ถ่วงของโลก = 9.81 m/s2งาน และพลงั งาน (Work and Energy)งาน (Work) เป็ นผลมาจากเมื่อวตั ถุถูกแรงภายนอกมากระทาและทาให้วตั ถุน้นั เกิดการเคล่ือนท่ีไป ในทิศทางท่ีแรงน้นั กระทา หรืองาน ก็คือผลคูณของแรงท่ีกระทากบั ระยะทางที่เคลื่อนที่ดงั น้นั หน่วยที่ใชว้ ดั งานคือนิวตนั •เมตร (N•m) หรือเรียกวา่ จลู (Joule) 1 J = 1 Nm = 1 kg m2/s2 W = FS ……………….. (1.11) เม่ือ W = งานที่ทา, Nm หรือ J F = แรงที่กระทา, N S = ระยะทางท่ีเคล่ือนท่ี, mพลงั งาน (Energy) คือความสามารถในการทางาน พลงั งานไม่สามารถทาใหเ้ กิดข้ึนไดแ้ ละไมส่ ามารถทาลายได้ แต่พลงั งานสามารถเปลี่ยนจากรูปหน่ึงไปยงั พลงั งานอีกรูปหน่ึงได้ เช่นพลงั งานกล เปลี่ยนเป็นพลงั งานไฟฟ้ า เช่น เครื่องกาเนิดไฟฟ้ า พลงั งานไฟฟ้ าเปลี่ยนเป็นพลงั งานความร้อน เช่น เตารีดไฟฟ้ าพลงั งานแบง่ ออกเป็นหลายรูป ในที่น้ีขอกล่าวเพยี ง 2 รูป คือพลงั งานศกั ย์ (Potential Energy) คือ พลงั งานที่เกิดจากมวลของวตั ถุอยภู่ ายในสนามดึงดูดของโลก เม่ือตาแหน่งของวตั ถุน้นั เปลี่ยนไปจากตาแหน่งเดิม เช่น เม่ือวตั ถุถูกยกให้สูงข้ึน ก็จะมีพลงั งานศกั ยเ์ กิดข้ึน ซ่ึงหาได้จากสมการ PE = mgz ……………….. (1.12) เม่ือ PE = พลงั งานศกั ย,์ Nm หรือ J m = มวลของวตั ถุ, kg g = อตั ราเร่งเน่ืองจากแรงดึงดูดของโลก, m/s2 z = ความสูงวดั จากระดบั อา้ งอิง, mพลงั งานจลน์ (Kinetic Energy) คือพลงั งานที่เกิดจากวตั ถุน้นั ทางานได้ เมื่อเกิดการเคล่ือนที่ของวตั ถุดว้ ยความเร็วจากจุดหน่ึงไปยงั อีกจุดหน่ึง ดงั น้นั ปริมาณของพลงั งานจลน์จะมากหรือนอ้ ย ก็ข้ึนอยกู่ บั ขนาดของมวลและความเร็วของวตั ถุน้นั เช่น รถยนตแ์ ล่นดว้ ยความเร็วไปตามถนน พลงั งานจลน์หาไดจ้ ากสมการ KE = 21mv2 ……………….. (1.13) เม่ือ KE = พลงั งานจลน์ (Nm หรือ J) m = มวลของวตั ถุ (kg) V = ความเร็วของวตั ถุ (m/s)กาลงั งานและประสิทธิภาพ (Power and Efficiency)

10กาลงั งาน (Power) คือปริมาณของงานหรือพลงั งานที่กระทาตอ่ หน่ึงหน่วยเวลา หาไดจ้ ากสมการ w P = t ……………….. (1.14)เม่ือ P = กาลงั งาน (J/s หรือ W) W = งานที่ทา (J) t = เวลาที่ใชใ้ นการทางาน (s) เปลี่ยนหน่วยกาลงั (W) เป็นแรงมา้ (hp) ไดด้ งั น้ี 746 W = 1 hpถา้ ระยะทางที่แรงกระทาเป็นวงกลมหรือเป็นการหมุน P = Fv F(2πTN) = 60แต่ Fr = T F(2πTN)ดงั น้นั P = 60 ……………….. (1.15)เมื่อ P = กาลงั งาน, J/s หรือ W T = แรงบิด, N•m N = ความเร็วรอบ, R.P.M.ประสิทธิภาพ (Efficiency) กาลงั งานและประสิทธิภาพเป็ นขอ้ พิจารณาท่ีสาคญั ในการเปรียบเทียบการทางานของเคร่ืองจกั รกล ในการทางานทุกคร้ังจะตอ้ งได้ผลงานออกมา แต่เม่ือพิจารณาดูจะเห็นว่า งานท่ีได้ออกมาน้นั จะมีคา่ ไม่เท่ากบั งานที่ใส่เขา้ ไป ซ่ึงเกิดจากเหตุผลหลายประการดว้ ยกนั ประสิทธิภาพ คิดออกมาเป็ นเปอร์เซ็นต์ (%) หรือจุดทศนิยมก็ได้ เช่น 80 % หรือ 0.80 ประสิทธิภาพหาไดจ้ ากสมการ เม่ือ η = ประสิทธิภาพของงาน, % Wout = งานท่ีไดอ้ อกมา, J Win = งานท่ีใหเ้ ขา้ ไป, J• ด้านทกั ษะ+ด้านจิตพสิ ัย (ปฏบิ ัติ+ด้านจติ พสิ ัย) (จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อท่ี 3-5) 1. แบบฝึกหดั หน่วยท่ี 1• ด้านคุณธรรม/จริยธรรม/จรรยาบรรณ/บูรณาการเศรษฐกจิ พอเพยี ง (จุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อที่ 6)

111. คานวณการเปล่ียนแปลงหน่วย การเคล่ือนท่ีของวตั ถุ งาน พลงั งานและประสิทธิภาพของงานไดอ้ ยา่ ง ถูกตอ้ งเหมาะสม

12 กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้ข้นั ตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนรู้หรือกจิ กรรมของนักเรียน1. ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน (15 นาที ) 1. ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน (15 นาที )1. ผูส้ อนจดั เตรียมเอกสาร พร้อมกับแนะนา 1. ผเู้ รียนเตรียมอุปกรณ์และ ฟังครูผสู้ อนแนะนารายวิชา วิธีการให้คะแนนและวิธีการเรียนเร่ือง รายวิชา วิธี การให้คะแนนและวิธีการเรี ยนเร่ื องพ้ืนฐานกลศาสตร์ (The Fundamental of Mechanics) พ้ืนฐานกลศาสตร์ (The Fundamental of Mechanics)2. ผูส้ อนแจง้ จุดประสงค์การเรียนของหน่วย 2. ผูเ้ รียนทาความเขา้ ใจเกี่ยวกบั จุดประสงค์การเรียนที่ 1 และขอให้ผูเ้ รียนร่วมกันทากิจกรรมการ เรียนของหน่วยเรียนที่ 1 และการให้ความร่วมมือในเรียนการสอน การทากิจกรรม3. ผสู้ อนให้ผเู้ รียนอธิบายความหมายและนิยาม 3. ผู้เรี ยนอธิ บายความหมายและนิ ยามของของกลศาสตร์พร้อมใหเ้ หตุผลประกอบ กลศาสตร์พร้อมพร้อมใหเ้ หตุผลประกอบ2. ข้นั ให้ความรู้ (240 นาที) 2. ข้นั ให้ความรู้ (240 นาที )1. ผู้สอนเปิ ด PowerPoint หน่วยที่ 1 เร่ื อง 1. ผู้เรี ยนศึกษา PowerPoint หน่วยที่ 1 เร่ื องพ้ืนฐานกลศาสตร์ (The Fundamental of Mechanics) พ้ืนฐานกลศาสตร์ (The Fundamental of Mechanics)และให้ผู้เรี ยนศึกษาเอกสารประกอบการสอน แล ะให้ผู้เรี ยน ศึกษ าเอกส ารป ระกอบ การส อนกลศาสตร์เคร่ืองกล หน้าที่ 3-26 โดยให้ผู้เรียน กลศาสตร์เครื่องกล หนา้ ที่ 3-26 โดยให้ผเู้ รียนเรียนรู้เรียนรู้ด้วยตนเอง และสามารถสอบถามข้อสงสัย ด้วยตนเอง และสามารถสอบถามข้อสงสัยระหว่างระหวา่ งเรียนจากผสู้ อน เรียนจากผสู้ อน2. ผูส้ อนและผเู้ รียนร่วมกนั สังเกตการคานวณ 2. ผูเ้ รียนร่วมกันสังเกตการคานวณการเคลื่อนการเคล่ือนของวตั ถุตามท่ีไดศ้ ึกษาจาก PowerPoint ของวตั ถุตามที่ไดศ้ ึกษาจาก PowerPoint3. ข้นั ประยุกต์ใช้ ( 225 นาที ) 3. ข้ันประยกุ ต์ใช้ ( 225 นาที )1. ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนทาแบบฝึ กหัดหน่วยที่ 1 1. ผเู้ รียนทาทาแบบฝึ กหดั หน่วยที่ 1 หนา้ 27-หนา้ 27-29 292. ผู้ ส อ น ใ ห้ ผู้ เรี ย น สื บ ค้ น ข้ อ มู ล จ า ก 2. ผเู้ รียนสืบคน้ ขอ้ มลู จากอินเทอร์เน็ตอินเทอร์เน็ต

13 กจิ กรรมการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้ข้นั ตอนการสอนหรือกจิ กรรมของครู ข้นั ตอนการเรียนรู้หรือกจิ กรรมของนักเรียน4. ข้ันสรุปและประเมินผล ( 60 นาที ) 4. ข้นั สรุปและประเมินผล ( 60 นาที )1. ผสู้ อนและผเู้ รียนร่วมกนั สรุปเน้ือหาที่ไดเ้ รียน 1. ผเู้ รียนร่วมกนั สรุปเน้ือหาที่ไดเ้ รียนให้มีความใหม้ ีความเขา้ ใจในทิศทางเดียวกนั เขา้ ใจในทิศทางเดียวกนั2. ครูตรวจทาแบบฝึ กหดั หน่วยท่ี 1 พร้อมกบั 2. ผเู้ รียนนาคะแนนจากการทาแบบฝึ กหดั หน่วยที่บนั ทึกคะแนน 1 มาประเมินเพ่อื ดูความกา้ วหนา้ ของตนเอง3. ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนศึกษาเพ่ิมเติมนอกห้องเรียน 3. ผู้เรี ยน ศึกษ าเพิ่มเติมน อกห้องเรี ยน ด้วยดว้ ย PowerPoint ที่จดั ทาข้ึน PowerPoint ท่ีจดั ทาข้ึน(บรรลจุ ุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อท่ี 1-8) (บรรลจุ ุดประสงค์เชิงพฤติกรรมข้อท่ี 1-8) (รวม 540 นาที หรือ 9 คาบเรียน)

14งานที่มอบหมายหรือกจิ กรรมการวดั ผลและประเมินผลก่อนเรียน 1. จดั เตรียมเอกสาร ส่ือการเรียนการสอนหน่วยที่ 1 2. ทาความเขา้ ใจเกี่ยวกบั จุดประสงคก์ ารเรียนของหน่วยที่ 1 และใหค้ วามร่วมมือในการทากิจกรรมใน หน่วยท่ี 1 ขณะเรียน 1. ทาแบบฝึกหดั หน่วยท่ี 1 หลงั เรียน 1. สรุป เรื่อง พ้นื ฐานกลศาสตร์ (The Fundamental of Mechanics)ผลงาน/ชิน้ งาน/ความสาเร็จของผ้เู รียน แบบฝึกหดั หน่วยท่ี 1

15สื่อการเรียนการสอน/การเรียนรู้ส่ือส่ิงพมิ พ์ 1. เอกสารประกอบการสอนวชิ า กลศาสตร์เครื่องกล (ใชป้ ระกอบการเรียนการสอนจุดประสงคเ์ ชิง พฤติกรรมขอ้ ที่ 1-8) 2. ใบความรู้ที่ 1 เรื่อง พ้ืนฐานกลศาสตร์ (The Fundamental of Mechanics) (ใชป้ ระกอบการเรียน การสอนข้นั ใหค้ วามรู้ เพื่อใหบ้ รรลุจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 1-8) 3. แบบฝึกหดั หน่วยท่ี 1 ข้นั ประยกุ ตใ์ ช้ ขอ้ 1 4. แบบประเมินผลงาน ใชป้ ระกอบการสอนข้นั ประยกุ ตใ์ ช้ ขอ้ 1 5. แบบประเมินพฤติกรรมการทางาน ใชป้ ระกอบการสอนข้นั ประยกุ ตใ์ ช้ ขอ้ 2สื่อโสตทศั น์ (ถ้ามี) 1. เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ 2. PowerPoint เร่ือง พ้ืนฐานกลศาสตร์ (The Fundamental of Mechanics)ส่ือของจริง พ้นื ฐานกลศาสตร์ (ใชป้ ระกอบการเรียนการสอนจุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมขอ้ ท่ี 1-8)

16แหล่งการเรียนรู้ ในสถานศึกษา 1. หอ้ งสมุดวทิ ยาลยั เทคนิคสมุทรสาคร 2. หอ้ งปฏิบตั ิการคอมพวิ เตอร์ ศึกษาหาขอ้ มลู ทางอินเทอร์เน็ต นอกสถานศึกษา ผปู้ ระกอบการ สถานประกอบการ ในทอ้ งถิ่นจงั หวดั สมุทรสาครการบูรณาการ/ความสัมพนั ธ์กบั วชิ าอนื่ 1. บรู ณาการกบั วชิ ากลศาสตร์ยานยนต์ 2. บูรณาการกบั คณิคศาสตร์

17การประเมนิ ผลการเรียนรู้  หลกั การประเมนิ ผลการเรียนรู้ ก่อนเรียน 1. ความรู้ก่อนเบ้ืองตน้ ก่อนการเรียนการสอน ขณะเรียน 1. ทาแบบฝึกหดั หน่วยท่ี 1 2. สังเกตการทางาน หลงั เรียน 1. ศึกษาคน้ ควา้ หาความรู้เพม่ิ เติมคาถาม 1. จงอธิบายความหมายและนิยามของกลศาสตร์ 2. จงยกตวั อยา่ งระบบหน่วย 3. จงคานวณการเคลื่อนของวตั ถุ 4. จงคานวณงานและพลงั งาน 5. จงคานวณประสิทธิภาพของงาน 6. จงจาแนกปริมาณสเกล่าร์และปริมาณเวคเตอร์ 7. กฎของการเคล่ือนที่ของนิวตนั หมายถึงผลงาน/ชิน้ งาน/ผลสาเร็จของผู้เรียน ตรวจแบบฝึกหดั หน่วยที่ 1

18สมรรถนะทพี่ งึ ประสงค์ ผเู้ รียนสร้างความเขา้ ใจเก่ียวกบั พ้นื ฐานกลศาสตร์ (The Fundamental of Mechanics) 1. วเิ คราะห์และตีความหมาย 2. ต้งั คาถาม 3. อภิปรายแสดงความคิดเห็นระดมสมอง 4. การประยกุ ตค์ วามรู้สู่งานอาชีพสมรรถนะการปฏิบตั งิ านอาชีพ 1. คานวณการเปลี่ยนแปลงหน่วย การเคล่ือนที่ของวตั ถุ งาน พลงั งานและประสิทธิภาพของงานสมรรถนะการขยายผล ความสอดคล้อง จากการเรียนเร่ือง พ้ืนฐานกลศาสตร์ (The Fundamental of Mechanics) ทาให้ผูเ้ รียนมีความรู้เพิ่มเกี่ยวกบั วชิ าที่ศึกษาเก่ียวกบั แรงท่ีกระทาต่อวตั ถุในสภาวะที่หยุดน่ิง หรือสภาวะเคลื่อนที่ และผลที่เกิดข้ึนกบัวตั ถุภายหลงั จากที่ถูกแรงกระทา จุดมุ่งหมายสาคญั ในการศึกษาวิชากลศาสตร์ก็เพ่ือให้นกั ศึกษาดา้ นช่างทุกสาขาวิชาชีพ มีความรู้ ความสามารถ และมีความเขา้ ใจในการวเิ คราะห์แกไ้ ขปัญหาเบ้ืองตน้ ได้ เพอ่ื เป็นพ้ืนฐานในการศึกษาวชิ าอ่ืน ๆ ตอ่ ไป

19รายละเอียดการประเมินผลการเรียนรู้ จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 1 อธิบายความหมายและนิยามของกลศาสตร์ได้1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ2. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : อธิบายความหมายและนิยามของกลศาสตร์ได้ จะได้ 1 คะแนน จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ท่ี 2 ยกตวั อยา่ งระบบหน่วยได้1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : ยกตวั อยา่ งระบบหน่วยได้ จะได้ 1 คะแนน จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ท่ี 3 สงั เกตการคานวณการเคลื่อนของวตั ถุได้1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ2. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : สังเกตการคานวณการเคล่ือนของวตั ถุได้ จะได้ 1 คะแนน จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ท่ี 4 ฝึกคานวณงานและพลงั งานได้1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : ฝึกคานวณงานและพลงั งานได้ จะได้ 1 คะแนน จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 5 สาธิตและคานวณประสิทธิภาพของงานได้1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : สาธิตและคานวณประสิทธิภาพของงานได้ จะได้ 1 คะแนน

20 จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 6 จาแนกปริมาณสเกล่าร์และปริมาณเวคเตอร์ได้1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : จาแนกปริมาณสเกล่าร์และปริมาณเวคเตอร์ได้ จะได้ 1 คะแนน จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ท่ี 7 ยอมรับกฎของการเคล่ือนท่ีของนิวตนั ได้1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ2. เครื่องมือ : แบบทดสอบ3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : ยอมรับกฎของการเคล่ือนท่ีของนิวตนั ได้ จะได้ 1 คะแนน จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม ขอ้ ที่ 8 คานวณการเปล่ียนแปลงหน่วย การเคล่ือนท่ีของวตั ถุ งาน พลงั งานและประสิทธิภาพของงานไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม1. วธิ ีการประเมิน : ทดสอบ2. เคร่ืองมือ : แบบทดสอบ3. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน : คานวณการเปล่ียนแปลงหน่วย การเคล่ือนท่ีของวตั ถุ งาน พลงั งานและประสิทธิภาพของงานไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม จะได้ 3 คะแนน

21 แบบประเมินผลการนาเสนอผลงานช่ือกลุ่ม……………………………………………ช้นั ………………………หอ้ ง...........................รายชื่อสมาชิก 1……………………………………เลขที่……. 2……………………………………เลขท่ี……. 3……………………………………เลขที่……. 4……………………………………เลขที่…….ท่ี รายการประเมิน คะแนน ขอ้ คดิ เห็น 32 11 เน้ือหาสาระครอบคลุมชดั เจน (ความรู้เกี่ยวกบั เน้ือหา ความถกู ตอ้ ง ปฏิภาณในการตอบ และการแกไ้ ขปัญหาเฉพาะหนา้ )2 รูปแบบการนาเสนอ3 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม4 บุคลิกลกั ษณะ กิริยา ท่าทางในการพดู น้าเสียง ซ่ึงทาให้ผฟู้ ังมีความ สนใจ รวม ผปู้ ระเมิน…………………………………………………เกณฑ์ การให้ คะแนน1. เน้ือหาสาระครอบคลุมชดั เจนถูกตอ้ ง 3 คะแนน = มีสาระสาคญั ครบถว้ นถกู ตอ้ ง ตรงตามจุดประสงค์ 2 คะแนน = สาระสาคญั ไมค่ รบถว้ น แต่ตรงตามจุดประสงค์ 1 คะแนน = สาระสาคญั ไม่ถกู ตอ้ ง ไม่ตรงตามจุดประสงค์2. รูปแบบการนาเสนอ 3 คะแนน = มรี ูปแบบการนาเสนอที่เหมาะสม มกี ารใชเ้ ทคนิคท่ีแปลกใหม่ ใชส้ ื่อและเทคโนโลยี ประกอบการ นาเสนอท่ีน่าสนใจ นาวสั ดุในทอ้ งถิ่นมาประยกุ ตใ์ ชอ้ ยา่ งคุม้ ค่าและประหยดั คะแนน = มเี ทคนิคการนาเสนอท่แี ปลกใหม่ ใชส้ ่ือและเทคโนโลยปี ระกอบการนาเสนอที่น่าสน ใจ แต่ขาดการ ประยกุ ตใ์ ช้ วสั ดุในทอ้ งถิ่น 1 คะแนน = เทคนิคการนาเสนอไมเ่ หมาะสม และไมน่ ่าสนใจ3. การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม 3 คะแนน = สมาชิกทุกคนมีบทบาทและมสี ่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญ่มีบทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม 1 คะแนน = สมาชิกส่วนนอ้ ยมบี ทบาทและมีส่วนร่วมกิจกรรมกลุ่ม4. ความสนใจของผฟู้ ัง 3 คะแนน = ผฟู้ ังมากกวา่ ร้อยละ 90 สนใจ และใหค้ วามร่วมมอื 2 คะแนน = ผฟู้ ังร้อยละ 70-90 สนใจ และใหค้ วามร่วมมือ 1 คะแนน = ผฟู้ ังนอ้ ยกวา่ ร้อยละ 70 สนใจ และใหค้ วามร่วมมือ

22แบบประเมนิ กระบวนการทางานชื่อกลุ่ม……………………………………………ช้นั ………………………หอ้ ง...........................รายช่ือสมาชิก 2……………………………………เลขที่……. 4……………………………………เลขท่ี……. 1……………………………………เลขท่ี……. 3……………………………………เลขท่ี…….ที่ รายการประเมิน คะแนน ขอ้ คดิ เห็น1 การกาหนดเป้ าหมายร่วมกนั 3212 การแบ่งหนา้ ที่รับผดิ ชอบและการเตรียมความพร้อม3 การปฏิบตั ิหนา้ ท่ีท่ีไดร้ ับมอบหมาย4 การประเมินผลและปรับปรุงงาน รวม ผปู้ ระเมิน………………………………………………… วนั ท่ี…………เดือน……………………..พ.ศ…………...เกณฑ์ การให้ คะแนน1. การกาหนดเป้ าหมายร่วมกนั 3 คะแนน = สมาชิกทกุ คนมีส่วนร่วมในการกาหนดเป้ าหมายการทางานอยา่ งชดั เจน 2 คะแนน = สมาชิกส่วนใหญม่ ีส่วนร่วมในการกาหนดเป้ าหมายในการทางาน 1 คะแนน = สมาชิกส่วนนอ้ ยมีส่วนร่วมในการกาหนดเป้ าหมายในการทางาน2. การมอบหมายหนา้ ที่รับผิดชอบและการเตรียมความพร้อม 3 คะแนน = กระจายงานไดท้ วั่ ถึง และตรงตามความสามารถของสมาชิกทุกคน มีการจดั เตรียมสถานที่ ส่ือ / อุปกรณ์ไวอ้ ยา่ งพร้อมเพรียง 2 คะแนน = กระจายงานไดท้ วั่ ถึง แตไ่ ม่ตรงตามความสามารถ และมีส่ือ / อุปกรณ์ไวอ้ ยา่ งพร้อมเพรียง แต่ขาด การจดั เตรียมสถานที่ 1 คะแนน = กระจายงานไม่ทว่ั ถึงและมีสื่อ / อุปกรณ์ไม่เพยี งพอ3. การปฏิบตั ิหนา้ ท่ีท่ีไดร้ ับมอบหมาย 3 คะแนน = ทางานไดส้ าเร็จตามเป้ าหมาย และตามเวลาที่กาหนด 2 คะแนน = ทางานไดส้ าเร็จตามเป้ าหมาย แตช่ า้ กวา่ เวลาที่กาหนด 1 คะแนน = ทางานไม่สาเร็จตามเป้ าหมาย4. การประเมินผลและปรับปรุงงาน 3 คะแนน = สมาชิกทกุ คนร่วมปรึกษาหารือ ติดตาม ตรวจสอบ และปรับปรุงงานเป็นระยะ 2 คะแนน = สมาชิกบางส่วนมีส่วนร่วมปรึกษาหารือ แต่ไมป่ รับปรุงงาน 1 คะแนน = สมาชิกบางส่วนไม่มีส่วนร่วมปรึกษาหารือ และปรับปรุงงาน

23 บนั ทกึ หลงั การสอน หน่วยที่ 1 พนื้ ฐานกลศาสตร์ (The Fundamental of Mechanics)ผลการใช้แผนการเรียนรู้ 1. เน้ือหาสอดคลอ้ งกบั จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม 2. สามารถนาไปใชป้ ฏิบตั ิการสอนไดค้ รบตามกระบวนการเรียนการสอน 3. สื่อการสอนเหมาะสมดีผลการเรียนของนักเรียน 1. นกั ศึกษาส่วนใหญม่ ีความสนใจใฝ่ รู้ เขา้ ใจในบทเรียน อภิปรายตอบคาถามในกลุ่ม และร่วมกนั ปฏิบตั ิใบ งานท่ีไดร้ ับมอบหมาย 2. นกั ศึกษากระตือรือร้นและรับผดิ ชอบในการทางานกลุ่มเพอ่ื ใหง้ านสาเร็จทนั เวลาที่กาหนด 3. นกั ศึกษาสังเกตการคานวณการเคล่ือนของวตั ถุได้ 4. นกั ศึกษาฝึกคานวณงานและพลงั งานได้ 5. นกั ศึกษาสาธิตและคานวณประสิทธิภาพของงานได้ผลการสอนของครู 1. สอนเน้ือหาไดค้ รบตามหลกั สูตร 2. แผนการสอนและวธิ ีการสอนครอบคลุมเน้ือหาการสอนทาใหผ้ สู้ อนสอนไดอ้ ยา่ งมนั่ ใจ 3. สอนไดท้ นั ตามเวลาท่ีกาหนด


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook