Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนสุขศึกษา ม.ปลาย 1-63

แผนสุขศึกษา ม.ปลาย 1-63

Published by naykingphit555, 2020-06-10 23:07:05

Description: แผนสุขศึกษา ม.ปลาย 1-63

Search

Read the Text Version

แผนการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ กลุม่ สาระความรู้ทักษะการดาเนนิ ชีวิต รายวิชา สุขศกึ ษา-พลศกึ ษา ทช 31002 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย แผนการจัดการเรยี นรูเ้ ร่ืองท่ี 1 การปฐมนเิ ทศ เวลา 6 ชั่วโมง สอนวันที่ …….……เดอื น …………………พ.ศ.………......... ภาคเรียนที่ ………ปกี ารศึกษา……….. มาตรฐานการเรยี นร้รู ะดบั รู้ เข้าใจ มคี ุณธรรม จริยธรรม เจตคติท่ีดี มที กั ษะในการดแู ล และสรา้ งเสรมิ การมีพฤติกรรมสขุ ภาพทีด่ ี ปฏิบตั ิจนเป็นกิจนสิ ยั วางแผนพฒั นาสุขภาพ ดํารงสุขภาพของตนเอง และครอบครวั ตลอดจนสนับสนนุ ให้ ชมุ ชนมีสว่ นรว่ มในการส่งเสรมิ ดา้ นสุขภาพพลานามัยและพฒั นาสภาพแวดลอ้ มที่ดี ร้เู ข้าใจและสามารถเลือก การประกอบอาชีพการผลิตและจําหนา่ ยอาหารสําเร็จรปู ตามหลกั สุขาภิบาลอาหารได ตัวชว้ี ดั 1. เพอ่ื ให้ผู้เรยี นมคี วามเข้าใจแนวทางการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน ในรายวิชา รายวิชา สุขศกึ ษา-พล ศกึ ษา ทช 31002 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย 2. เพอื่ เตรียมตวั ลว่ งหน้าในการเรยี น และมสี ว่ นร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอนอย่างมปี ระสิทธิภาพ 3. เพอ่ื ทดสอบความรู้พื้นฐานเดมิ ของผเู้ รยี น และเปน็ แนวทางในการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ การปฐมนเิ ทศ 1. รายละเอียดคาอธบิ ายรายวชิ า สขุ ศกึ ษา-พลศึกษา ทช 31002 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย 2. หลักเกณฑก์ ารวดั ผล และการใหค้ ะแนนรายวิชา ภาษาไทย ทช 31002 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย 3. ขอ้ ตกลงเกย่ี วกับหลกั การ ขอ้ ปฏิบตั ิและกฎระเบยี บในการเรยี นการสอนในห้องเรยี น กระบวนการจัดการเรยี นรู้ 1. ข้นั กาหนดสภาพปัญหาความต้องการในการเรียนรู้ 1.1 ครกู ลา่ วทักทายผู้เรยี น และแนะนาตัวเอง โดยบอกชื่อ นามสกลุ และช่องทางการติดต่อ 1.2 ครสู อบถามผเู้ รียนถึงกจิ กรรมทีท่ าในระหว่างปิดภาคเรียนทีผ่ ่านมา และนาเข้าสเู่ รื่องท่ีจะเรียน 1.3 ครูแจง้ ใหผ้ ู้เรยี นทราบวา่ ในภาคเรยี นน้จี ะไดเ้ รยี น รายวชิ า สุขศึกษา-พลศกึ ษา ทช 31002 2. ขน้ั แสวงหาข้อมลู และจัดการเรยี นรู้ 2.1 ครูช้แี จงรายละเอียดคาอธิบายรายวชิ า สขุ ศกึ ษา-พลศกึ ษา ทช 31002 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย ท่จี ะเรียนในภาคเรียนน้ี จานวน 4 เรอื่ ง คือ ปฐมนิเทศ ปญั หาเรอื่ งเพศ การควบคุมอารมณท์ างเพศ อาหารและ โภชนาการ ครูแจ้งตัวช้ีวดั และอภปิ รายถึงเนื้อหา ท่ีจะเรียนร่วมกันกับผเู้ รยี น 2.2 ครู และผู้เรยี นตกลงหลกั เกณฑก์ ารวดั ผล และการให้คะแนนในส่วนต่าง ๆ ร่วมกนั จากคะแนนเตม็ 100 คะแนน อัตราส่วนคะแนนระหว่างภาคต่อปลายภาค = 60 : 40 เป็นดังน้ี 1. คะแนนระหวา่ งเรยี น 60 คะแนนแบง่ เก็บ ดงั นี้ 1.1 คะแนนดา้ นความรู้ 30 คะแนน 1.2 คะแนนดา้ นทกั ษะ (โครงงาน/ช้นิ งาน) 20 คะแนน 1.3 คะแนนด้านคณุ ลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ 10 คะแนน 2. คะแนนปลายภาคเรยี น 40 คะแนน ดงั นี้ เกณฑ์การประเมนิ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นด้านความรู้ ของผ้เู รียนที่ศึกษา หลักสูตรรายวชิ า สุขศกึ ษา-พลศึกษา ทช 31002 มีดงั นี้ หมายถึง ผเู้ รียนมีคะแนนสอบปลายภาคเรยี น ตงั้ แต่ 12.00 – 40.00 หรอื รอ้ ยละ 30 ของคะแนนเตม็ ขนึ้ ไป ไม่ผา่ น หมายถึง ผู้เรยี นมคี ะแนนสอบปลายภาคเรียน ตงั้ แต่ 0.00 – 11.99 หรอื ร้อยละ 0.00 – 29.99 ของ คะแนนเตม็ ขนึ้ ไป

การตัดสนิ ผลการเรียน รายวชิ า สขุ ศึกษา-พลศึกษา ทช 31002 จะนาคะแนนระหว่างภาคมารวมกบั คะแนนปลายภาคเรยี น และจะต้องไดค้ ะแนนไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 50 จงึ จะถือวา่ ผา่ น ทง้ั น้ี ผู้เรยี นต้องเขา้ สอบปลายภาคเรียนดว้ ย แล้วนาคะแนนไปเปรียบเทียบกับเกณฑ์ทีก่ าหนดให้ค่าระดบั ผลการเรียน เปน็ 8 ระดบั ดังนี้ ไดค้ ะแนนร้อยละ 80 – 100 ให้ระดับ 4 หมายถึง ดเี ยีย่ ม ได้คะแนนรอ้ ยละ 75 – 79 ใหร้ ะดับ 3.5 หมายถงึ ดีมาก ได้คะแนนร้อยละ 70 – 74 ให้ระดบั 3 หมายถึง ดี คะแนนรอ้ ยละ 65 – 69 ใหร้ ะดับ 2.5 หมายถึง ค่อนข้างดี ได้คะแนนรอ้ ยละ 60 – 64 ใหร้ ะดับ 2 หมายถงึ ปานกลาง ไดค้ ะแนนร้อยละ 55 – 59 ให้ระดับ 1.5 หมายถงึ พอใช้ ได้คะแนนรอ้ ยละ 50 – 54 ให้ระดบั 1 หมายถึง ผ่านเกณฑ์ขน้ั ตา่ ที่กาหนด ได้คะแนนรอ้ ยละ 0 – 49 ใหร้ ะดับ 0 หมายถึง ต่ากวา่ เกณฑ์ขัน้ ต่าทกี่ าหนด 2.3 ข้อตกลง ข้อปฏิบัติ และกฎระเบยี บในการเรียนการสอนในหอ้ งเรยี น ดังน้ี 1. ผูเ้ รียนต้องเขา้ เรียนไม่ตา่ กวา่ 80 เปอร์เซน็ ต์ ของเวลาเรียนทั้งหมด 2. ผู้เรยี นไมพ่ ูดคุยเสียงดงั หรอื สง่ เสยี งรบกวนเพอื่ นในเวลาเรยี น 3. ผเู้ รยี นตอ้ งเข้าเรยี นใหต้ รงเวลา 4. หากมคี วามจาเปน็ ตอ้ งหยดุ เรียน ต้องขออนญุ าตครูผสู้ อนกอ่ นทกุ ครงั้ 5. ไมน่ าอาหารมารับประทานในหอ้ งเรียนขณะครสู อน 6. หากมขี อ้ สงสยั ขณะเรยี น ใหส้ อบถามครูได้ทันที 3 2.4 ครูช้ีแจงรายละเอยี ดการพบกลุ่ม วัน เวลา สถานทใี่ ห้ผเู้ รียนทราบ 3. ข้นั ปฏบิ ตั ิ และนาไปประยกุ ตใ์ ช้ 3.1 ครใู ห้ผู้เรยี นแนะนาตวั ให้ครู และเพอ่ื น ๆ ทกุ คนในหอ้ งเรยี นไดร้ ้จู กั 3.2 ครแู จกแบบทดสอบกอ่ นเรยี น รายวชิ า สุขศกึ ษา-พลศกึ ษา ทช 31002 ใหผ้ เู้ รยี นทาจากนน้ั ตรวจแบบทดสอบ พรอ้ มบันทึกคะแนนไว้ และร่วมกันสรปุ ถงึ การทาแบบทดสอบ กอ่ นเรยี น รายวิชา สขุ ศกึ ษา-พลศกึ ษา ทช 31002 4. ข้นั ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 4.1 ครูถามผู้เรียนเก่ียวกบั เร่ืองทค่ี รกู ลา่ วมาขา้ งต้น วา่ มีเรอื่ งอะไรบา้ งมีรายละเอยี ดท่สี าคญั อยา่ งไร (เรื่องท่ี จะเรียน หลกั เกณฑ์การให้คะแนน กฎระเบียบ ขอ้ ตกลง ข้อควรปฏิบตั ิ กตกิ าในการเรยี นการสอน) 4.2 ครูถามผู้เรียนว่าพบกลมุ่ วันไหน เวลาไหน และท่ไี หน 4.3 ครูซกั ถามผ้เู รียนวา่ มขี ้อสงสยั หรือไม่ 4.4 ครมู อบหมายใหผ้ ู้เรยี นศึกษาเรอ่ื งท่จี ะเรียนในคร้ังตอ่ ไปลว่ งหน้า (เรื่อง ปญั หาเร่ืองเพศ การควบคุม อารมณ์ทางเพศ อาหารและโภชนาการ ) การวัดผลประเมนิ ผล วธิ กี ารวัด ประเมนิ จากการสังเกต การซักถาม ตอบคาถาม และแบบทดสอบก่อนเรยี น เคร่อื งมือ ไดแ้ ก่ แบบประเมิน และแบบทดสอบกอ่ นเรยี น เกณฑก์ ารวัด ผ่าน ตอ้ งทาแบบทดสอบกอ่ นเรียน ไดค้ ะแนนไมน่ อ้ ยกว่าร้อยละ 50 ของคะแนนเต็ม สื่อ และแหลง่ เรียนรู้ 1. แบบทดสอบก่อนเรยี น รายวิชา สขุ ศึกษา-พลศกึ ษา ทช 31002 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย 2. ใบความรู้ เอกสารประกอบการปฐมนิเทศ

บนั ทกึ หลงั สอน 1. ปัญหาหรืออุปสรรคในการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. แนวทางการแกป้ ัญหาหรืออุปสรรค กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 3. การปรบั ปรุงแผนการจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้ เรอ่ื ง การปฐมนเิ ทศ กกกกกกก…………………………………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ…………………………………………………… (……………………………………………………) ตาแหนง่ …………………………………………………. ความคิดเหน็ ของผู้นิเทศที่ได้รับมอบหมายจากผ้บู รหิ าร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงช่อื ………………………………………………..…… (……………………………………………………) ตาแหนง่ …………………………………………………. ความคิดเหน็ ของผู้บริหารสถานศกึ ษา …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชอ่ื ………………………………………………..…… (……………………………………………………) ตาแหน่ง………………………………………………….

แผนการจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้ กลมุ่ สาระความรู้ทักษะการดาเนินชีวติ รายวิชา สขุ ศกึ ษา-พลศกึ ษา ทช 31002 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย แผนการจัดการเรียนรเู้ รื่องท่ี 2 ปัญหาเร่อื งเพศ เวลา 6 ชัว่ โมง สอนวันที่ …….……เดอื น …………………พ.ศ.………......... ภาคเรยี นที่ ………ปีการศึกษา……….. มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดบั รู เขาใจ มคี ุณธรรม จริยธรรม เจตคติทีด่ ี มีทักษะในการดแู ล และสรางเสริมการมพี ฤติกรรมสขุ ภาพทด่ี ี ปฏบิ ตั ิจนเปนกจิ นิสัย วางแผนพัฒนาสขุ ภาพ ดํารงสุขภาพของตนเอง และครอบครัว ตลอดจนสนับสนุนใหชุมชนมี สว่ นรวมในการสงเสรมิ ดานสุขภาพพลานามัยและพัฒนาสภาพแวดลอมที่ดี ตัวชีว้ ัด 1. อธิบายข้ันตอนการสื่อสารเพื่อขอความชวยเหลือเกี่ยวกบั ปญหาทางเพศ 2. อธิบายวธิ ีการจดั การกับอารมณและความตองการทางเพศไดอยางเหมาะสม 3. วเิ คราะหความเช่ือผิดๆ เรอื่ งเพศทสี่ งผลตอสุขภาพทางเพศ 4. วิเคราะหการนาํ เสนอสื่อท่ีสงผลให 5 เกิดปญหาทางเพศระบกุ ฎหมายที่เกย่ี วของกับการลวงละเมิดทางเพศ และกฎหมายคุมครอง เดก็ และสตรี สาระการเรียนรู้ 1. การสือ่ สาร/การตอรองและการขอความชวยเหลอื เกีย่ วกบั ปญหาทางเพศ 2. การจัดการกบั อารมณและความตองการทางเพศ 3. ความเชื่อผดิ ๆ เรอื่ งเพศท่ีสงผลตอสุขภาพทางเพศ กระบวนการจดั การเรียนรู้ 1.ขั้นกาํ หนดสภาพปญั หาความตอ้ งการในการเรียนรู้ [ O ] 1.ครูและผู้เรียนร่วมกนั กําหนดการเรยี นรูใ้ นเรื่องต่อไปนี้ - วธิ กี ารจดั การกับอารมณแ์ ละความตอ้ งการทางเพศได้อยา่ งเหมาะสม - เร่ืองเพศท่ีส่งผลตอ่ สขุ ภาพทางเพศ - ปฏบิ ตั ิตนตามหลักสขุ าภิบาลอาหาร - ให้ผเู้ รียนทํากจิ กรรมตามใบงาน ขน้ั ที่ ๒ แสวงหาข้อมูลและจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ [ N ] ครผู ูเ้ รยี นรว่ มกนั กาํ หนดกรอบเน้อื หาเกย่ี วกับการเรยี นรูด้ ้วยตนเอง การใชแ้ หล่งเรียนรู้ รวมท้งั การจัดการความรู้ ขัน้ ท่ี ๓ การปฏบิ ัติและการนาํ ไปใช้ [ I ] ๑.ครูและผ้เู รยี นสรปุ สาระสําคัญและนําความรทู้ ี่สอดคล้องกบั วถิ ีชีวติ ไปเป็นแนวทางในการดาํ เนินชวี ิต ๒.จดั ทําเป็นรูปเล่มรายงานจดั นิทรรศการและอภิปรายร่วมกนั ขั้นท่ี ๔ การประเมินผลการเรียนรู้ [ E ] ๑ ครูและผเู้ รียนสรุปสาระสําคญั ตามมาตรฐานการเรยี นรู้ ๒ .ซักถาม ๓. แบบประเมิน ขน้ั ท่ี ๕ มอบหมายงาน/กจิ กรรมการเรียนรใู้ นสัปดาห์ตอ่ ไป ๑.มอบหมายงานการเรยี นรใู้ นหนว่ ยการเรยี นรู้/กจิ กรรมในสัปดาห์ตอ่ ไป ๒.ผ้เู รียนนําผลการเรยี นรูท้ ี่ได้รบั ไปบันทึกในคู่มอื ผ้เู รียน/สมดุ บนั ทกึ

การวดั และประเมินผล 1.สังเกตกระบวนการมีส่วนรว่ ม 2.ผลงานจากการเข้าร่วม 3.บันทกึ ขอ้ ตกลง สื่อและแหลง่ เรียนรู้ 1. แบบบนั ทกึ ข้อมูลกลุม่ 2. ปฏิทินการเรียนรู้ 3. ใบความรู้ 4. ใบงาน 5. แบบทดสอบ

ใบความรู้ เร่อื ง ปัญหาเรอ่ื งเพศ พจนานกุ รมฉบบั ราชบัณฑิตยสถานได้ให้ความหมายของคําวา่ “เพศ” หมายถงึ “รปู ทแ่ี สดงให้รูว้ า่ หญงิ หรอื ชาย ทวั่ ไป คาํ ว่า “เร่อื งเพศ” หรือในภาษาองั กฤษเรียกวา่ เซก็ ส์ (sex) หมายถึง ลกั ษณะทางกายภาพ ท่บี อกวา่ เปน็ เพศชาย หรือหญิง บางครัง้ หมายถงึ แรงขบั หรือสัญชาตญาณตามธรรมชาติของมนุษย์ท่ีแสดงออกเปน็ พฤตกิ รรม บางครงั้ หมายถึงพฤติกรรมทางเพศ หรอื การมเี พศสัมพนั ธ์ เพศศึกษา หมายถึง กระบวนการเรยี นร้ทู ่ีจะทาํ ให้ผูเ้ รยี นมีความร้คู วามเข้าใจ และมีพฤตกิ รรมทางเพศอย่าง ถูกตอ้ ง การจัดการเรียนรเู้ พศศึกษารอบด้าน หมายถึง การจัดการเรียนรทู้ ่ีมีลักษณะดังนี้ 1.สอนใหเ้ หน็ ว่า เรอื่ งเพศเป็นเร่อื งธรรมชาติ ความตอ้ งการทางเพศเปน็ เร่ืองปกติ และเปน็ ส่วนหนึ่งของชวี ติ ที่มสี ุขภาวะ 2.สอนให้เหน็ วา่ การไม่มีเพศสัมพนั ธ์ คือ วธิ ที ไี่ ด้ผลท่ีสดุ ตอ่ การปอ้ งกนั การตงั้ ครรภ์ไมพ่ งึ ประสงค์ โรคตดิ ต่อ ทางเพศสมั พันธ์ รวมทง้ั เอดส์ 3.สอนใหต้ ระหนกั ถึงการใหค้ ณุ ค่า และตระหนกั ถงึ สิง่ ทตี่ นเองใหค้ ณุ ค่าควบคูไ่ ปกับความเข้าใจว่าครอบครัว และชมุ ชนทเ่ี ราอยู่ให้คุณคา่ ต่อส่งิ นน้ั อย่างไร 4.ใหส้ าระทหี่ ลากหลายเกย่ี วกับเรื่องเพศ ไมว่ ่าจะเป็นพฒั นาการ ธรรมชาตใิ นเรื่องเพศของมนุษย์ สัมพันธภาพ ทกั ษะส่วนบคุ คล การแสดงออกในเรอื่ งเพศ สุขภาพทางเพศ มิตดิ า้ นสงั คมวฒั นธรรมของเรื่องเพศ 5.ให้ขอ้ เท็จจรงิ ตรงไปตรงมาไมป่ ดิ บังในเรือ่ งการทาํ แท้ง การสาํ เร็จความใครด่ ว้ ยตนเอง ความพึงพอใจ และ รสนยิ มทางเพศแบบต่างๆ 6.ให้ขอ้ มลู ทางบวกเก่ียวกบั เรือ่ งเพศ การแสดงออกทางเพศ ควบคู่ไปกับผลดขี องการรกั ษาพรหมจรรย์ 7.สอนใหร้ วู้ ่า การใชถ้ ุงยาง และสารหลอ่ ลนื่ อย่างถูกต้อง จะทําให้สามารถลดความเสีย่ งตอ่ การต้งั ครรภไ์ มพ่ งึ ประสงค์ และการเกดิ โรคติดทางเพศสัมพนั ธ์ แมว้ ่าจะไม่ประกันความเสย่ี งได้ 100% 8.สอนให้รูว้ ่า การใชว้ ิธีการคุมกําเนดิ สมัยใหม่สามารถป้องกนั การตั้งครรภไ์ มพ่ ึงประสงคไ์ ด้อย่างไร 9.ใหข้ ้อมูลท่ีถกู ตอ้ งชัดเจนเกย่ี วกับโรคตดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์ และเอดส์ รวมทั้งการหลีกเลยี่ งความเสี่ยงได้ อยา่ งไรบ้าง 10.สอนใหต้ ระหนักวา่ คาํ สอน และคณุ ค่าทางศาสนาท่ีบุคคลยึดถอื มสี ่วนกําหนดการดาํ เนนิ ชวี ิต และการ แสดงออกทางเพศของบคุ คลอย่างไร และใหโ้ อกาสผเู้ รียนไดส้ าํ รวจความคดิ ความเชอ่ื ของตน และครอบครัวต่อเร่ือง นี้ 11.สอนให้เห็นวา่ เมือ่ เดก็ /วัยรุ่นหญงิ ตง้ั ครรภไ์ มต่ ั้งใจ และไม่พรอ้ มมที างเลอื กไม่วา่ จะเป็นการอมุ้ ครรภ์จน ครบกําหนดคลอด และเล้ยี งดูทารก หรอื เม่อื คลอดแล้วหาทางให้ทารกแกผ่ อู้ ปุ ถมั ภอ์ น่ื หรือยตุ ิการตั้งครรภด์ ว้ ยการ ทําแทง้ หากไม่พรอ้ มจรงิ ๆ การวางตัวต่อเพศตรงข้าม การวางตัวตอ่ เพศตรงขา้ ม หมายถึง การท่ีชายหรือหญิงประพฤตปิ ฏบิ ตั ิต่อกัน เพือ่ สร้างสัมพนั ธภาพทีด่ ี ระหว่างกันในแบบเพือ่ น แบบพ่ีน้อง หรือแบบค่รู ักภายใต้สภาพแวดล้อมตลอดจนขนบธรรมเนยี มประเพณีและ วฒั นธรรมใน สังคมนนั้ ๆ

ใบงาน คาส่งั ให้ผ้เู รียนศกึ ษาค้นคว้าเร่ืองตอ่ ไปน้ี พร้อมทัง้ อธิบายพอสงั เขป 1. การปรบั ตวั ทางเพศ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. การปรบั ตัวทางดา้ นรา่ งกาย ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การปรับตวั ทางด้านจติ ใจ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ความรักระหวา่ งเพศ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 5. ความรกั ในวยั รนุ่ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

แบบทดสอบคร้งั ท่ี 2 ใหผเู รยี นเลือกคาตอบท่ถี กู ตองเพียงคาตอบเดยี ว 1. วธี ีการระบายอารมณ์ทางเพศทีเ่ หมาะสมคอื ขอ้ ใด ก. ออกกาลังกาย ข. อ่านหนงั สอื ค. ฟงั เพลง ง. ดูภาพยนต์ 2. ข้อใดไมใ่ ชก่ ารเปลยี่ นแปลงเมือ่ เขา้ สู่วยั รนุ่ ก. เสยี งแตกในเด็กผูช้ าย ข. การมปี ระจาเดอื นของเดก็ ผู้หญิง ค. มคี วามคลอ่ งแคล่ววอ่ งไวมากข้ึน ง. การฝนั เปยี กในเด็กผู้ชาย 3. ข้อใดเปน็ สถานการณ์เส่ยี งต่อการมีเพศสัมพนั ธ์มากทส่ี ดุ ก. เที่ยวกลางคนื กบั เพศตรงขา้ ม และดื่มของมนึ เมา ข. การไดเ้ หน็ ภาพ และสือ่ เกยี่ วกบั เพศสมั พนั ธ์ ค. การแตง่ กายยว่ั ยุให้เกดิ อารมณ์ทางเพศ ง. การเดินคนเดยี วในทีเ่ ปล่ยี ว 4. ขอ้ ใดไม่ใชก่ ารสรา้ งเสรมิ การรู้จกั ตนเองและการยอมรบั ตนเอง ก. การทาให้ค่านยิ มกระจา่ งชัดเจน ข. การเผชิญกบั ปญั หาได้ ค. การรบั รถู้ ึงความรู้สึกตนเอง ง. การบรหิ ารจัดการใช้เวลาอย่างเหมาะสม 5. คากล่าวท่ีวา่ \"มนษุ ย์ทกุ คนมีหมอ 2 คน คือ ขาขวาและขาซา้ ย\" ให้นกั เรยี นเปรยี บเทยี บวา่ ใกล้เคียงกบั ขอ้ ความใด ก. ออกกาลงั กายด้วยการเดนิ ข ออกกาลังกายป้องกนั โรคได้ ค. การดแู ลตนเองก่อนเสมอ ง. การมหี มอหรือแพทยป์ ระจาครอบครัว

บันทึกหลงั สอน 1. ปัญหาหรอื อปุ สรรคในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. แนวทางการแก้ปัญหาหรอื อปุ สรรค กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การปรับปรุงแผนการจัดประสบการณ์การเรยี นรู้ เร่ือง ปัญหาเรอ่ื งเพศ กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ…………………………………………………… (……………………………………………………) ตาแหน่ง…………………………………………………. ความคิดเหน็ ของผนู้ เิ ทศทีไ่ ด้รบั มอบหมายจากผู้บริหาร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงช่อื ………………………………………………..…… (……………………………………………………) ตาแหนง่ …………………………………………………. ความคิดเห็นของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชอ่ื ………………………………………………..…… (……………………………………………………) ตาแหนง่ ………………………………………………….

แผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ กล่มุ สาระความรู้ทักษะการดาเนินชวี ิต รายวิชา สขุ ศกึ ษา-พลศกึ ษา ทช 31002 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย แผนการจัดการเรียนรู้เรื่องท่ี 3 การควบคุมอารมณท์ างเพศ เวลา 6 ชว่ั โมง สอนวันที่ …….……เดือน …………………พ.ศ.………......... ภาคเรยี นที่ ………ปีการศึกษา……….. มาตรฐานการเรยี นรูร้ ะดับ รู เขาใจ มีคุณธรรม จรยิ ธรรม เจตคตทิ ดี่ ี มีทักษะในการดูแล และสรางเสริมการมีพฤติกรรมสขุ ภาพทด่ี ี ปฏบิ ัตจิ นเปนกจิ นิสัย วางแผนพฒั นาสขุ ภาพ ดาํ รงสุขภาพของตนเอง และครอบครัว ตลอดจนสนับสนนุ ใหชุมชนมี สว่ นรวมในการสงเสริมดานสุขภาพพลานามัยและพัฒนาสภาพแวดลอมทด่ี ี ตัวช้วี ัด 1. อธิบายข้นั ตอนการส่ือสารเพ่ือขอความชวยเหลอื เก่ียวกบั ปญหาทางเพศ 2. อธบิ ายวิธีการจัดการกบั อารมณและความตองการทางเพศไดอยางเหมาะสม 3. วเิ คราะหความเชือ่ ผดิ ๆ เรื่องเพศท่สี งผลตอสุขภาพทางเพศ 4. วเิ คราะหการนําเสนอส่ือที่สงผลให 5. เกิดปญหาทางเพศระบกุ ฎหมายท่ีเกยี่ วของกบั การลวงละเมดิ ทางเพศ และกฎหมายคุมครอง เด็กและสตรี สาระการเรียนรู้ 1. การสอื่ สาร/การตอรองและการขอความชวยเหลือเก่ยี วกับปญหาทางเพศ 2. การจดั การกับอารมณและความตองการทางเพศ 3. ความเชื่อผดิ ๆ เร่อื งเพศท่ีสงผลตอสขุ ภาพทางเพศ กระบวนการจัดการเรยี นรู้ 1.ข้ันกาํ หนดสภาพปญั หาความตอ้ งการในการเรยี นรู้ [ O ] 1.ครแู ละผู้เรยี นรว่ มกันกําหนดการเรยี นรู้ในเร่ืองต่อไปน้ี - วิธีการจดั การกบั อารมณ์และความต้องการทางเพศไดอ้ ยา่ งเหมาะสม - เรอ่ื งเพศท่สี ่งผลตอ่ สขุ ภาพทางเพศ - ปฏบิ ัติตนตามหลกั สขุ าภิบาลอาหาร - ให้ผ้เู รียนทํากจิ กรรมตามใบงาน ขน้ั ที่ ๒ แสวงหาข้อมูลและจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ [ N ] ครผู ู้เรยี นร่วมกันกาํ หนดกรอบเนอ้ื หาเกยี่ วกบั การเรียนรู้ด้วยตนเอง การใช้แหลง่ เรียนรู้ รวมทงั้ การจดั การความรู้ ข้ันท่ี ๓ การปฏิบตั ิและการนาํ ไปใช้ [ I ] ๑.ครแู ละผูเ้ รียนสรุปสาระสาํ คญั และนาํ ความรู้ท่ีสอดคล้องกับวิถชี ีวติ ไปเปน็ แนวทางในการดาํ เนนิ ชวี ิต ๒.จัดทาํ เป็นรูปเลม่ รายงานจดั นทิ รรศการและอภปิ รายร่วมกัน ขน้ั ที่ ๔ การประเมินผลการเรียนรู้ [ E ] ๑ ครแู ละผเู้ รียนสรุปสาระสาํ คัญตามมาตรฐานการเรยี นรู้ ๒ .ซกั ถาม ๓. แบบประเมิน ขน้ั ท่ี ๕ มอบหมายงาน/กจิ กรรมการเรียนรู้ในสัปดาหต์ อ่ ไป ๑.มอบหมายงานการเรียนร้ใู นหน่วยการเรยี นรู/้ กจิ กรรมในสปั ดาหต์ ่อไป ๒.ผเู้ รยี นนาํ ผลการเรยี นรู้ทีไ่ ด้รับไปบนั ทกึ ในค่มู อื ผ้เู รยี น/สมุดบนั ทึก

การวดั และประเมินผล 1.สังเกตกระบวนการมีส่วนรว่ ม 2.ผลงานจากการเข้าร่วม 3.บันทกึ ขอ้ ตกลง สื่อและแหลง่ เรียนรู้ 1. แบบบนั ทกึ ข้อมูลกลุม่ 2. ปฏิทินการเรียนรู้ 3. ใบความรู้ 4. ใบงาน 5. แบบทดสอบ

ใบความรู้ เร่ือง การควบคมุ อารมณท์ างเพศ การจดั การกับอารมณ์เพศอาจแบง่ ตามความรุนแรงได้เปน็ 3 ระดบั ดงั นี้ ระดบั ที่ 1 การควบคมุ อารมณท์ างเพศ อาจทําได้ 2 วิธี คอื 1. การควบคุมจติ ใจตนเอง พยายามขม่ ใจตนเอง มใิ ห้เกิดอารมณท์ างเพศได้ หรอื ถา้ เกิดอารมณ์ทางเพศ ก็ ให้พยายามขม่ ใจไวไ้ มใ่ ห้เกิดอารมณ์ทางเพศ เพ่อื ใหอ้ ารมณท์ างเพศค่อยๆ ลดลงจนสู่สภาพอารมณ์ที่ปกติ 2. การหลกี เลีย่ งจากสงิ่ เรา้ สงิ่ เร้าภายนอกทย่ี วั่ ยอุ ารมณ์ทางเพศหรือยวั่ กิเลส ย่อมทาํ ให้เกดิ อารมณ์ทาง เพศได้ ดงั น้ัน การตดั ไฟเสยี แตต่ น้ ลม คือหลีกเล่ยี งจากสิ่งเร้าเหล่าน้นั เสยี ก็จะช่วยให้ไมเ่ กดิ อารมณ์ได้ เช่น ไมด่ ูสอ่ื ลามกต่างๆไม่เท่ียวกลางคืนเป็นต้น ระดับท่ี 2 การเบีย่ งเบนอารมณ์ทางเพศ ถ้า เกิดอารมณท์ างเพศจนไม่อาจควบคุมไดค้ วรใช้วธิ ีการเบีย่ งเบนเปลีย่ นใหไ้ ปสนใจ ในสง่ิ อ่นื แทนท่จี ะ หมกมุ่นอยกู่ ับอารมณท์ างเพศเช่น ไปออกกําลังกาย ประกอบกจิ กรรมนันทนาการตา่ งๆให้สนกุ สนานเพลดิ เพลนิ ไป ทาํ งานต่างๆเพ่อื ใหจ้ ิตใจม่งุ ที่งาน ไปพูดคยุ สนทนากับคนอน่ื เป็นตน้ ระดับที่ 3 การปลดปลอ่ ยหรอื ระบายอารมณท์ างเพศ ถ้าเกิดอารมณ์ทางเพศระดบั มากจนเบย่ี งเบนไมไ่ ด้ หรอื สถานการณน์ ัน้ อาจทําใหไ้ ม่มี โอกาสเบ่ียงเบนอารมณ์ ทางเพศกอ็ าจปลดปลอ่ ย หรือระบายอารมณ์ทางเพศด้วยวธิ กี ารท่เี หมาะสมกับสภาพของวัยรนุ่ ซ่งึ เปน็ นักเรียนโดยทํา ได้ 2 ประการ คือ 1. โดยการฝันนน่ั กค็ ือการฝนั เปยี ก (Wet Dream)ในเพศชาย ซงึ่ การฝนั น้ีเราไม่สามารถบงั คับให้ฝันหรอื ไมใ่ หฝ้ นั ได้ แต่จะเกดิ ขน้ึ เองเม่อื เราสนใจหรอื มคี วามรู้สึกในทางเพศมากจนเกินไปหรืออาจเกิดการสะสมของนาํ้ อสจุ มิ ี มากจนล้นถงุ เก็บน้ําอสจุ ธิ รรมชาติก็จะระบายน้ําอสุจอิ อกมาโดยการใหฝ้ นั เก่ยี วกับเรื่องเพศจนถงึ จุดสุดยอด และมี การหลัง่ นํ้าอสุจอิ อกมา 2. การสําเรจ็ ความใครด่ ้วยตนเองหรืออาจเรยี กอกี อย่างหนงึ่ วา่ การชว่ ยเหลือตวั เอง(Masturbation)ทําได้ ท้ังผหู้ ญิงและผูช้ าย ซึง่ ผชู้ ายแทบทุกคนมกั มีประสบการณ์ในเรื่องน้ีแต่ผ้หู ญงิ น้ันมเี ปน็ บางคนท่มี ปี ระสบการณ์ ใน เร่ืองน้ี การสาํ เรจ็ ความใครด่ ้วยตนเองเป็นเรื่องธรรมชาติของคนเรา เม่อื เกดิ อารมณท์ างเพศจนหยุดยั้งไมไ่ ด้ เพราะ การสาํ เร็จความใครด่ ว้ ยตนเองไม่ ทําให้ตนเองและผ้อู ่นื เดอื ดรอ้ น แตไ่ ม่ควรกระทําบ่อยนัก

ใบงาน 1. จงอธบิ ายการควบคมุ อารมณ์ทางเพศมกี ่วี ิธี ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

แบบทดสอบครั้งที่ 3 1. ขอ้ ความใดไม่ถูกต้อง ก. หญิงเข้าสวู่ ยั เจรญิ พนั ธ์เุ ร็วกว่าชาย ข. การสาเรจ็ ความใครด่ ว้ ยตนเองเปน็ การระบายอารมณ์ทางเพศที่ไม่ควรกระทา ค. การใส่เสอื้ สายเด่ยี วน่งุ กระโปรงส้ันอาจทาให้เกดิ อาชญากรรมทางเพศได้ ค. ชายสามารถมีลกู ไดจ้ นอายุ 60 ปี 2. เมอ่ื อยใู่ นวัยเรียนหากนกั เรยี นหญิงตงั้ ครรภ์โดยไม่ตัง้ ใจวิธีการแกป้ ัญหาท่คี วรกระทาคอื ขอ้ ใด ก. ปรกึ ษาผู้ใหญห่ รือครอู าจารย์ ข. หาทางแกป้ ัญหากับคนรกั ค. ลาออกจากโรงเรียน ง. ทาแทง้ 3.นันทนาการหมายถึงขอ้ ใด ก. การพกั ผอ่ น ข. การนอนหลบั ค. การออกกาลงั กาย ง. การทากจิ กรรมยามวา่ ง 4. วัฒนธรรมตา่ งชาติทมี่ ผี ลตอ่ พฤติกรรมทางเพศของเดก็ วัยร่นุ เกิดจากสาเหตใุ ดมากทส่ี ุด ก. หนงั สอื และส่งิ พิมพ์ต่างๆ ข. การสอ่ื สารท่ีไรพ้ รมแดน ค. ความเจริญทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ง. ภาพยนตร์ วิทยุ โทรทศั น์ 5. ขอ้ ใดเปน็ การปอ้ งกนั ตนเองจากโรคเอดสเ์ มือ่ มีเพศสมั พันธ์ ก. ทาความสะอาดอวัยวะเพศ ข. สวมถุงยางอนามยั ทุกครัง้ ที่มเี พศสัมพันธ์ ค. หลีกเลีย่ งการมเี พศสมั พันธ์ก่อนวยั อนั ควร ง. ไม่สาส่อนทางเพศ

บนั ทึกหลังสอน 1. ปญั หาหรืออุปสรรคในการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. แนวทางการแก้ปญั หาหรอื อปุ สรรค กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การปรับปรุงแผนการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ เรอื่ ง การควบคุมอารมณท์ างเพศ กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื …………………………………………………… (……………………………………………………) ตาแหน่ง…………………………………………………. ความคิดเหน็ ของผู้นเิ ทศทีไ่ ด้รับมอบหมายจากผู้บริหาร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชอื่ ………………………………………………..…… (……………………………………………………) ตาแหน่ง…………………………………………………. ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงช่อื ………………………………………………..…… (……………………………………………………) ตาแหนง่ ………………………………………………….

แผนการจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้ กลุม่ สาระความรู้ทกั ษะการดาเนนิ ชีวติ รายวิชา สุขศกึ ษา-พลศึกษา ทช 31002 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย แผนการจดั การเรยี นร้เู รอ่ื งที่ 4 อาหารและโภชนาการ เวลา 6 ชวั่ โมง สอนวนั ท่ี …….……เดอื น …………………พ.ศ.………......... ภาคเรยี นที่ ………ปกี ารศกึ ษา……….. มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดบั รู เขาใจ มคี ุณธรรม จริยธรรม เจตคตทิ ่ีดี มีทักษะในการดูแล และสรางเสริมการมีพฤตกิ รรมสุขภาพที่ดี ปฏิบตั ิจนเปนกจิ นสิ ยั วางแผนพฒั นาสุขภาพ ดาํ รงสุขภาพของตนเอง และครอบครวั ตลอดจนสนบั สนนุ ใหชุมชนมี ส่วนรวมในการสงเสริมดานสุขภาพพลานามยั และพฒั นาสภาพแวดลอมทีด่ ี ตวั ช้วี ัด 1.อธบิ ายปญหา สาเหตุ อาการ และการปองกนั โรคขาดสารอาหาร 2.บอกหลักการ และปฏิบัติตนตามหลักสุขาภิบาลอาหารไดอยางเหมาะสม 3. จดั โปรแกรมอาหารที่เหมาะสมสําหรบั ครอบครัว ผูสงู อายุ และผูปวย สาระการเรียนรู้ 1.โรคขาดสารอาหารไดแก โรคลกั ปดลกั เปดโรคคอหอยพอก โรคเออโรคตาฟาง โรคโลหิตจางฯลฯ 2 หลกั การสุขาภิบาลอาหาร การปนเปอน การปรุงและจาํ หนาย ผูประกอบการ จาํ หนายอาหาร สขุ ลกั ษณะทว่ั ไป บริเวณแผงจาํ หนาย สุขลกั ษณะอาหารถงุ ฯลฯ 3. การจดั โปรแกรมอาหารท่ีเหมาะสมสําหรบั บุคคลกลุมตางๆ ตนเองและครอบครัว ผสู งู อายุ ผูปวย ฯลฯ กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขัน้ ที่ 1 ข้นั กําหนดสภาพปญั หาความตอ้ งการในการเรยี นรู้ [ O ] ครแู ละผู้เรียนรว่ มกนั กาํ หนดการเรียนรใู้ นเรอ่ื งต่อไปนี้ - วิธีการจดั การกับอารมณแ์ ละความต้องการทางเพศไดอ้ ยา่ งเหมาะสม - เรือ่ งเพศท่ีส่งผลต่อสขุ ภาพ - ปฏิบตั ิตนตามหลกั สุขาภิบาลอาหาร - ใหผ้ ู้เรียนทํากจิ กรรมตามใบงาน ขน้ั ที่ ๒ แสวงหาขอ้ มูลและจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ [ N ] ครผู เู้ รียนรว่ มกันกําหนดกรอบเน้อื หาเก่ยี วกับการเรียนรู้ด้วยตนเอง การใชแ้ หลง่ เรียนรู้ รวมทั้งการจัดการความรู้ ข้นั ที่ ๓ การปฏิบตั ิและการนําไปใช้ [ I ] ๑.ครแู ละผูเ้ รยี นสรปุ สาระสําคญั และนาํ ความรู้ที่สอดคล้องกบั วถิ ชี วี ิตไปเป็นแนวทางในการดาํ เนินชีวิต ๒.จดั ทําเป็นรปู เล่มรายงานจดั นทิ รรศการและอภปิ รายรว่ มกนั ขัน้ ท่ี ๔ การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ [ E ] ๑ ครูและผู้เรียนสรุปสาระสาํ คัญตามมาตรฐานการเรยี นรู้ ๒ .ซกั ถาม ๓. แบบประเมิน ขั้นที่ ๕ มอบหมายงาน/กจิ กรรมการเรยี นรใู้ นสปั ดาหต์ อ่ ไป ๑.มอบหมายงานการเรยี นรู้ในหนว่ ยการเรยี นรู้/กจิ กรรมในสัปดาหต์ ่อไป ๒.ผู้เรียนนําผลการเรยี นรูท้ ่ีไดร้ ับไปบนั ทึกในคู่มือผู้เรยี น/สมุดบันทึก

การวดั และประเมินผล 1.สงั เกตกระบวนการมสี ่วนรว่ ม 2.ผลงานจากการเขา้ รว่ ม 3.บนั ทกึ ขอ้ ตกลง สอื่ และแหล่งเรยี นรู้ 1. แบบบนั ทึกขอ้ มูลกล่มุ 2. ปฏทิ นิ การเรยี นรู้ 3. ใบความรู้ 4. ใบงาน 5. แบบทดสอบ

ใบความรู้ เรื่อง อาหารและโภชนาการ อาหารและโภชนาการ อาหาร หมายถงึ สารซงึ่ อาจเป็นของแข็งหรอื ของเหลวที่รบั ประทานเข้าไปแล้วไม่เป็นพษิ หรอื โทษ ต่อรา่ งกาย แตม่ ปี ระโยชนต์ อ่ ร่างกาย โภชนาการ หมายถึง อาหารที่เรารับประทานเขา้ ไป แล้วร่างกายนําเอาไปใช้ เพ่อื การทาํ หน้าท่อี ยา่ ง สม่ําเสมอของอวยั วะทส่ี าํ คญั เชน่ หัวใจ ปอด เป็นต้น นอกจากนย้ี งั นําไปใชเ้ พื่อสรา้ งความเจริญเติบโตของรา่ งกาย การซอ่ มแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย เราสามารถแบ่งอาหารออกเป็นประเภท โดยอาศยั หลักทางโภชนาการ ไดแ้ ก่ โปรตีน คารโ์ บไฮเดรต ไขมัน วติ ามิน เกลือแร่ และนํ้า ซงึ่ มีส่วนสําคัญต่อการทาํ งานของร่างกายไมย่ ง่ิ หย่อนไปกวา่ กนั โดยโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมนั เม่อื รบั ประทานเข้าไปรา่ งกายจะเผาผลาญทาํ ให้เกิดพลงั งานได้ สว่ นพวกวิตามนิ เกลอื แร่ และนํา้ จะเป็นองค์ประกอบทม่ี ีความสาํ คญั ในการทําให้วงจรการทํางานต่างๆ ของร่างกาย ดําเนนิ ต่อไปได้ เปน็ ปกติ โภชนาการกับสขุ ภาพ การทค่ี นเราจะมสี ุขภาพดีขน้ึ อยู่กบั ปจั จยั หลายๆ อยา่ ง ซ่งึ ส่วนใหญจ่ ะอยูภ่ ายใต้การ ควบคมุ ของตวั เอง ส่วนทน่ี อกเหนือการควบคุมมีน้อย เช่น กรรมพันธุ์ ดังนนั้ ถ้าเราควบคุมปัจจัยต่างๆ ไดเ้ ช่น การ เลยี้ งดูต้งั แต่เดก็ การดําเนินชีวิตอยา่ งถูกต้อง คนส่วนใหญช่ ว่ ยกนั รกั ษาส่งิ แวดลอ้ ม ในครอบครัวมคี วามสงบสุขดีคือมี สขุ ภาพจติ ดี และสิ่งทสี่ าํ คญั อีกประการหน่ึงคือ การเอาใจใสเ่ ร่อื งโภชนาการ ถ้าสามารถควบคุมส่งิ เหล่านีไ้ ด้หมด สขุ ภาพดีถ้วนหน้าก็คงจะไม่เกินความเป็นจริง ความสาคญั ของอาหารกับสุขภาพ กิจกรรมของมนษุ ย์ในแต่ละวนั จําเปน็ ต้องใช้พลังงาน และสารอาหารท่ีรา่ งกายได้รับจากการรับประทานอาหารในแต่ ละมือ้ การรู้จักเลอื กรับประทานอาหารให้เหมาะสมกับความต้องการของรา่ งกาย จะชว่ ยใหร้ า่ งกายเจริญเติบโตอยา่ ง เตม็ ทส่ี มบรู ณ์ และมีสุขภาพรา่ งกายที่แขง็ แรง 1.โภชนาการเป็นการศกึ ษาความสมั พันธร์ ะหว่างอาหารกบั กระบวนการต่างๆ ท่เี ก่ียวขอ้ งกบั สุขภาพ และ การเจรญิ เติบโตของสิ่งมชี ีวติ หากสภาพรา่ งกายไดร้ บั อาหารทมี่ ีสารอาหารครบ และเพียงพอต่อความต้องการ ร่างกายสามารถนาํ สารอาหารเหล่าน้ันไปใช้ไดอ้ ยา่ งเตม็ ที่ เรยี กวา่ ภาวะโภชนาการทด่ี ี แตถ่ ้ารา่ งกายไดร้ ับสารอาหารที่ ไม่ครบถว้ น และไมเ่ พียงพอต่อความต้องการของรา่ งกาย จะเรียกว่าภาวะโภชนาการทไี่ ม่ดี หรือทุพโภชนาการ 2.ภาวะโภชนาการต่ํา เปน็ สภาวะของร่างกายทข่ี าดอาหาร ได้รับสารอาหารตํ่ากวา่ ที่รา่ งกายต้องการ หรอื รับประทานอาหารไมไ่ ด้เนื่องจากสาเหตุตา่ งๆ ทําให้เกิดโรคขาดสารอาหาร 3.ภาวะโภชนาการเกิน เป็นสภาวะของรา่ งกายท่ีไดอ้ าหาร และสารอาหารเกนิ ความต้องการของรา่ งกาย ทาํ ใหเ้ กิดการสะสมจนเกิดโทษแก่รา่ งกาย

ใบงาน คาส่ัง จงอธบิ ายและตอบคําถามดังตอ่ ไปน้ี 1. อาหาร หมายถึง .................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................... 2. โภชนาการ หมายถึง ............................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................... 3. จงอธบิ ายความหมายของโรคขาดสารอาหาร พรอ้ มทั้งยกตัวอยา่ ง คําอธบิ าย ลกั ษณะและอาการของโรค ขาดสารอาหาร จํานวน 1 โรค ............................................................................................................................................................ .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................

แบบทดสอบครั้งท่ี 4 1. การท่ีโครโมโซมคู่ท่ี ๒๑ เกนิ มา ๑ โครโมโซม เป็นลักษณะของโรคใด ก. กลุ่มอาการดาวน์ ข. กลุ่มอาการเอ็ดเวริ ์ด ค. กลมุ่ อาการพาทัว ง. กล่มุ อาการครดิ ูชาต์ 2. ขอ้ ใดคอื สารอาหารท่ีให้พลังงานสงู ทส่ี ดุ ก. ไขมนั ข. โปรตนี ค. วิตามิน ง. คาร์โบไฮเดรต 3. การวางแผนดแู ลสขุ ภาพเพ่ือใหม้ สี ุขภาพดี ด้วยการรบั ประทานอาหารครบทกุ หมู่และออกกาลงั กายดว้ ยการ เดิน จะได้ประโยชน์มากทสี่ ุดข้อใด ก. กระดูกยาวขึ้น ข. มวลกระดูกมากขน้ึ ค. กล้ามเน้อื แขง็ แรงข้ึน ง. เอน็ และขอ้ ต่อแขง็ แรงข้นึ 4. การวางแผนการดแู ลสุขภาพเพอ่ื ให้มีสุขภาพดดี ว้ ยการรับประทานอาหารครบทุกหมู่และออกกาลังกายด้วย การเดนิ จะได้ประโยชนม์ ากท่ีสุดขอ้ ใด ก. กระดกู ยาว ข. มวลกระดกู หนาแน่นขึน้ ค. กล้ามเน้ือแขง็ แรงขึน้ ง. เอน็ และข้อต่อแข็งแรงขน้ึ 5. กิจกรรมนนั ทนาการกีฬาว่ายนา้ ให้ประโยชนต์ ่อสว่ นใดของร่างกายมากทสี่ ุด ก. กล้ามเนอื้ ข. กระดกู ได้เคลือ่ นไหว ค. สมองคลายความตงึ เครียด ง. ทุกส่วนของร่ายกาย

บนั ทกึ หลงั สอน 1. ปญั หาหรืออุปสรรคในการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. แนวทางการแก้ปญั หาหรอื อปุ สรรค กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การปรบั ปรุงแผนการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ เรื่อง อาหารและโภชนาการ กกกกกกก……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื …………………………………………………… (……………………………………………………) ตาแหนง่ …………………………………………………. ความคิดเห็นของผู้นเิ ทศทไี่ ดร้ บั มอบหมายจากผู้บรหิ าร …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชอื่ ………………………………………………..…… (……………………………………………………) ตาแหนง่ …………………………………………………. ความคิดเห็นของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชอื่ ………………………………………………..…… (……………………………………………………) ตาแหนง่ ………………………………………………….


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook