รายงานผล การขับเคลอ่ื นการดาเนนิ งานตามนโยบายและยทุ ธศาสตร์ การพัฒนาอนามยั การเจริญพนั ธุ์แห่งชาติ ฉบับท่ี 2 (พ.ศ.2560-2569)วา่ ด้วยการสง่ เสรมิ การเกดิ และการเจรญิ เตบิ โตอย่างมีคณุ ภาพ ประจาปีงบประมาณ 2561 กลุม่ พฒั นาประชากร สานกั อนามัยการเจริญพนั ธ์ุ กรมอนามัย
รายงานผลการขับเคลอ่ื นการดาเนนิ งานตามนโยบายและยทุ ธศาสตร์การพฒั นาอนามัยการเจริญพนั ธ์ุแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2560-2569)ว่าด้วยการส่งเสริมการเกดิ และการเจริญเติบโตอยา่ งมคี ณุ ภาพประจาปงี บประมาณ 2561ท่ีปรกึ ษา :นายแพทย์วชิระ เพง็ จนั ทร์ อธบิ ดีกรมอนามัยนายแพทย์บัญชา ค้าของ รองอธบิ ดีกรมอนามัยนายแพทยก์ ติ ตพิ งศ์ แซ่เจง็ ผ้อู านวยการสานักอนามัยการเจริญพนั ธ์ุรับผิดชอบโดย :กลุ่มพัฒนาประชากร สานกั อนามยั การเจรญิ พนั ธ์ุ กรมอนามัยจดั ทาโดย :ปภาวี ไชยรักษ์ ผู้ชว่ ยเลขานุการอนุกรรมการขับเคลือ่ นนโยบายและยทุ ธศาสตร์ ฯเผยแพร่ : วันที่ 8 สงิ หาคม 2561
คานา ภายหลังจากคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบในหลักการร่างนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ฉบับท่ี 2 (พ.ศ. 2560-2569 ) ว่าด้วยการส่งเสริมการเกิดและการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ เม่ือวันท่ี 18 ตุลาคม 2559 เป็นต้นมา ทุกภาคส่วนที่เก่ียวข้องได้ร่วมกันจัดทาแผนปฏิบัติการภายใต้นโยบายและยุทธศาสตร์ดังกล่าว และได้ร่วมดาเนินการมาเป็นลาดับ ดังนั้นเพื่อฉายภาพการขับเคลื่อนการดาเนินงานให้เห็นอย่างเด่นชัด สานักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัยในฐานะเลขานุการคณะอนุกรรมการขับเคล่ือนนโยบายและยุทธศาสตร์ ฯ จึงได้จัดทารายงานผลการขับเคลื่อน การดาเนินงานตามนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ฉบับที่ 2(พ.ศ.2560-2569) ว่าด้วยการส่งเสริมการเกิดและการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ ประจาปีงบประมาณ2561 ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวม วิเคราะห์ และรายงานความก้าวหน้าผลการดาเนินงานให้ทุกภาคส่วนท่ีเกี่ยวข้องได้รับทราบ เพื่อนาข้อมูลไปปรับใช้ในการวางแผนการขับเคลื่อนงานในปี 2562ตอ่ ไป โอกาสน้ี ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการให้ข้อมูล และร่วมกันผลักดันการขับเคลื่อนการดาเนินงานตามนโยบายและยุทธศาสตร์ด้วยดีเสมอมา หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานผลการดาเนินงานฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาและขับเคล่ือนการดาเนินงานร่วมกันเพ่ือให้ “มีการเกิดเพ่ิมข้ึนด้วยความสมัครใจ เพ่ือเพียงพอสาหรับทดแทนประชากร และการเกิดทุกรายมีการวางแผน มีความตั้งใจและมคี วามพร้อมในทุกด้าน นาไปสู่การคลอดท่ีปลอดภัย ทารกแรกเกิดมีสุขภาพแข็งแรง พร้อมที่จะเจรญิ เตบิ โตอย่างมีคุณภาพ” เป็นกาลงั สาคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป คณะผูจ้ ัดทา 8 สิงหาคม 2561 ก
สารบญั หนา้คานา กสารบญั ขบทสรุปผบู้ รหิ าร 1สถานการณส์ าคญั 5ผลการดาเนนิ งานตามยุทธศาสตร์ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 1 พัฒนากฎหมาย นโยบายและยุทธศาสตร์ที่เกยี่ วข้อง 10ยทุ ธศาสตร์ท่ี 2 พัฒนาระบบบรกิ ารสาธารณสขุ และสรา้ งการเข้าถึงบรกิ าร 12 อย่างเทา่ เทียม 17ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 3 พัฒนาระบบจัดสวสั ดิการสงั คม 20ยุทธศาสตรท์ ี่ 4 พฒั นาระบบสารสนเทศและการสอ่ื สารสงั คม 27สรปุ การดาเนนิ งานในปีงบประมาณ 2561 28แนวทางการขับเคลอื่ นงานในปงี บประมาณ 2562ภาคผนวก- กรอบการบูรณาการความรว่ มมือกลมุ่ เด็กปฐมวัย- คาสงั่ แตง่ ต้ังคณะอนุกรรมการขบั เคล่ือนนโยบายและยุทธศาสตร์ การพฒั นาอนามยั การเจรญิ พันธุแ์ หง่ ชาติ ฉบับท่ี 2 (พ.ศ.2560-2569) วา่ ดว้ ยการสง่ เสรมิ การเกิดและการเจรญิ เตบิ โตอยา่ งมคี ุณภาพ ข
บทสรุปสาหรบั ผูบ้ รหิ าร ประเทศไทยประสบความสาเร็จในการดาเนินงาน มีการตายของทารก อันเน่ืองมาจากภาวะ ความพิการแต่กาเนิดร้อยละ 7 เด็กปฐมวัยโครงการวางแผนครอบครัวแห่งชาติเป็นอย่างดี อัตรา มีพัฒนาการไม่สมวัยร้อยละ 27.3 ทารกคลอดก่อนคุมกาเนิดในหญิงวัยเจริญพันธ์ุท่ีแต่งงานแล้ว และยังอยู่ กาหนดร้อยละ 10.4 ทารกแรกเกิดน้าหนักต่ากว่ากินกับสามีได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจากท่ีเคยต่ากว่า 2,500 กรัมร้อยละ 10.4 ทารกมีภาวะแทรกซ้อนร้อยละ 15 ในช่วงก่อนเริ่มโครงการวางแผนครอบครัว หลังคลอดร้อยละ 18.2 หรือเกือบ 1 ใน 5 ของเด็กแห่งชาติ เพ่ิมเป็นร้อยละ 80 ในปัจจุบันการประสบ ท่ีคลอด อัตราการเล้ียงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวความสาเร็จของนโยบายวางแผนครอบครัว ประกอบกับ อย่างน้อย 6 เดือนมีเพียงร้อยละ 23.9 เด็กปฐมวัยวิถีชีวิตของประชากรไทยที่เปลี่ยนแปลงไป ผู้หญิงไทยมี ขาดสารอาหารร้อยละ 16.8 มีภาวะเตี้ยร้อยละการศึกษาสูงข้ึน ออกไปทางานนอกบ้านมากข้ึนคนรุ่น 8.2 มีภาวะอ้วนร้อยละ 10.6 มีรูปร่างไม่สมส่วนใหม่ทั้งหญิงและชายมีค่านิยมที่จะอยู่เป็นโสดมากข้ึน ร้อยละ 35.3 เด็กปฐมวัยมีฟันผุสูงโดยเฉพาะเด็กแต่งงานกันน้อยลง แต่งงานช้าลง ส่งผลให้อัตราเพ่ิม กลุ่มอายุ 3 ปีฟันน้านมผุร้อยละ 52.3 เด็กกลุ่มอายุประชากรลดลงจากร้อยละ 2.7 ในปี พ.ศ.2513 เหลือ 5 ปีมีฟันน้านมผุร้อยละ 78.5 และมีฟันแท้ผุร้อยละเพียงร้อยละ 0.7 ในปี พ.ศ.2553 และส่งผลให้อัตรา 52.3 จากขอ้ มูลขา้ งตน้ แสดงใหเ้ ห็นวา่ ประเทศไทยเจริญพันธุ์รวมของประเทศไทยลดลง จากเดิมผู้หญิงไทย ยงั คงเผชิญกับปัญหา“เด็กเกิดนอ้ ย ดอ้ ยคนหนึ่งมีบุตรเฉลี่ยตลอดวัยเจริญพันธุ์ของตนมากถึง คุณภาพ”6 คน แต่ในปัจจุบันมีบุตรเฉล่ียเพียง 1.6 คน(สารประชากร ม.มหดิ ล , ม.ค.2561 ) ซง่ึ ตา่ กวา่ ระดับทดแทนอัตราเกิดซ่ึงเคยสูงกว่า 30 ต่อประชากรพันคน ก็ลดลงเหลือเพียง 13 ต่อประชากรพันคน การเกิดในประเทศไทย ซ่ึงเคยมีจานวนมากกว่า 1 ล้านคน ในระหว่างปี2506 ถึง 2526 ก็ลดลงเหลือเพียง 702,755 คน ในปี2560 นอกจากนี้ยังพบปัญหาด้านอนามัยแม่และเด็ก คืออตั ราส่วนการตายมารดา ในปี 2558 อยู่ท่ี 20.0 ต่อการเกิดมีชีพแสนคน โดยสาเหตุการตายส่วนใหญ่มาจากการตกเลือดหลังคลอด หญิงวัยเจริญพันธ์ุอายุ 15 ปีขึ้นไปมีภาวะโลหิตจางร้อยละ 29.8 หญิงต้ังครรภ์มีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหลก็ รอ้ ยละ 39.0 1
บทสรุปสาหรบั ผบู้ ริหาร กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับทุกภาคส่วนท่ีเก่ียวข้อง การเกดิ ทุกรายมีความพรอ้ ม (การเกิดทุกรายมกี ารจึงได้จัดทา นโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาอนามัย วางแผน มกี ารเตรียมความพร้อมต้ังแตก่ อ่ นตงั้ ครรภ์การเจริญพันธุ์แห่งชาติฉบับที่ 2 ( พ.ศ.2560-2569) และได้รับความช่วยเหลอื ในการมีบตุ ร ) ทารกแรกเกดิว่าด้วยการส่งเสริมการเกิดและการเจริญเติบโตอย่างมี แข็งแรง พร้อมเติบโตอยา่ งมีคณุ ภาพ (ส่งเสริมใหล้ กูคุณภาพ ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เกดิ รอด แม่ปลอดภัย ได้รบั การดูแลหลงั คลอดทด่ี ี เดก็เม่อื วนั ท่ี 18 ตุลาคม 2559 โดยรัฐบาลมนี โยบายว่า ได้รบั การเลี้ยงดูในสง่ิ แวดลอ้ มทีเ่ ออื้ ต่อการเจริญเตบิ โต และพฒั นาการสมวยั พรอ้ มที่จะเรยี นรใู้ นช่วงวัยต่อไป “ รั ฐบ า ล ส นั บ ส นุ น แ ล ะส่ งเ ส ริ ม ก า ร เ กิ ด เ พิ่ ม ขึ้ น อยา่ งม่นั คง ) .ด้วยความสมัครใจ เพื่อเพียงพอสาหรับทดแทนประชากร และการเกิดทุกรายมีการวางแผน มีความ ดาเนินงานภายใตย้ ทุ ธศาสตร์ 4 ขอ้ ดังน้ีต้ังใจและมีความพร้อมในทุกด้าน นาไปสู่การคลอดที่ ยทุ ธศาสตร์ท่ี 1 พัฒนากฎหมาย นโยบายและปลอดภัย ทารกแรกเกิดมีสุขภาพแข็งแรง พร้อมท่ีจะเจรญิ เตบิ โตอย่างมคี ุณภาพ” ยุทธศาสตร์ทเ่ี กยี่ วข้อง ยุทธศาสตร์ที่ 2 พัฒนาระบบบรกิ ารสาธารณสขุ และ ซึ่งสอดคล้องกับ 1) กรอบยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ20 ปี (พ.ศ.2560-2579) ด้านการพัฒนาและเสริมสร้าง สร้างการเข้าถงึ บรกิ ารอยา่ งเทา่ เทียมศักยภาพคน 2) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ยุทธศาสตรท์ ี่ 3 พัฒนาระบบจัดสวสั ดกิ ารสังคมฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560-2569) ที่เน้นการเตรียมพร้อมด้าน ยทุ ธศาสตร์ท่ี 4 พัฒนาระบบสารสนเทศและการกาลังคนและการเสริมสร้างศักยภาพของประชากรในทุกช่วงวัย 3) แผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 12 สอื่ สารสังคม(พ.ศ.2560 - 2564 ) 4) สนธิสัญญา นโยบาย และคารับรองในระดับนานาชาติที่ประเทศไทยได้ลงนามไว้มกี ลมุ่ เป้าหมายสาคญั 3 กลมุ่ คือ กลุ่มหญงิ -ชายวัยเจรญิ พนั ธุ์ กลมุ่ หญงิ ตั้งครรภ์ กลุ่มเด็กอายุ 0 - 5 ปี นโยบายฉบับนี้มีเป้าประสงค์ 3 ประการ คือ เพิ่มจานวนการเกิด เพื่อทดแทนจานวนประชากร( โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมการเกิดในหญิงอายุ 20 - 34 ปีท่ีมคี วามพรอ้ ม และตั้งใจมคี รรภ์) 2
บทสรุปสาหรับผูบ้ รหิ ารตัวชีว้ ดั เป้าประสงค์ 2. การจัดกจิ กรรมรณรงค์ให้คนไทยมลี ูก จานวนการเกดิ ไมน่ ้อยกวา่ ปีละ 700,000 คน 3. ปรับปรุงแก้ไขสิทธิการลาคลอดให้เหมาะสมสาหรับ อัตราการเจริญพันธุ์รวมไมต่ า่ กวา่ 1.6 อตั ราคลอดมชี ีพในหญงิ อายุ 20-34 ปี หญิงต้ังครรภ์และคู่สมรส ท้ังในกลุ่มที่ทางานใน อัตราสว่ นการตายมารดา ภาครัฐและภาคเอกชน เพ่ือส่งเสริมบทบาทหญิง อัตราตายทารกแรกเกิด ชายในการเล้ียงดูบุตรจัดสวัสดิการเร่ืองที่อยู่อาศัย ร้อยละทารกแรกเกดิ นา้ หนักตา่ กวา่ เกณฑ์ เพ่ือเอ้ือให้คู่สมรสได้มีที่อยู่ใกล้ที่ทางาน และมี รอ้ ยละเดก็ อายุ 0-5 ปี มีพัฒนาการสมวัย ความสะดวก เพยี งพอต่อการมีบุตร รอ้ ยละเดก็ อายุ 0-5 ปี สงู ดี สมสว่ น 4. การกาหนดมาตรการทางภาษีเพ่ือช่วยลดภาระ คา่ ใชจ้ า่ ยในการดูแลบตุ รภายใตก้ ารผลกั ดันมาตรการสาคัญ ไดแ้ ก่ 5. ขยายจานวนสถานรับเล้ียงเด็กหรือศูนย์เด็กเล็ก คุณภาพเพิ่มขึ้น เพ่ือช่วยลดภาระในการดูแลบุตร1. การพัฒนาระบบการให้บริการสาธารณสุขที่มี ระหว่างทางาน 6. ปรับปรุงนโยบายเวลาการทางานให้ยืดหยุ่น ประสิทธิภาพต้ังแต่ระยะก่อนสมรส ระยะก่อน เพ่ือสร้างสมดุลการทางานและชีวติ ครอบครวั มีบุตร ระยะตั้งครรภ์ ระยะคลอด และระยะ หลงั คลอด 3
บทสรุปสาหรับผู้บรหิ ารผลจากการถอดบทเรียน พบว่า 3. ข้อมูลทางวิชาการยังไม่เพียงพอต่อการตัดสินใจ1. มาตรการ/โครงการที่มีในปัจจุบัน เป็นการ จาเป็นจะต้องมกี ารรวบรวม วิเคราะห์ และศึกษา เพิ่มเติม หากจะมีการผลักดันมาตรการใดออกมา ดาเนินงานตามบทบาทหน้าท่ีของแต่ละหน่วยงาน รวมถึงจะต้องศึกษาผลกระทบจากการออกมาตรการ ส่วนใหญ่จะอยู่ในระยะเร่ิมต้น การติดตาม ต่างๆ ที่จะกระทบต่อประชาชน และภาวะการเงิน ประเมินผลเป็นสิ่งท่ีต้องดาเนินการต่อ ยังไม่เห็น การคลังของประเทศ ถึง Impact ท่ีส่งต่อเป้าหมายของนโยบายและ ยทุ ธศาสตร์ฯ ทชี่ ัดเจน โดยประเมินผลตงั้ แต่ ก่อน 4. ควรมีการจัดทาแนวปฏิบตั กิ ารดาเนินงานตามนโยบาย ระหว่าง หลังดาเนินการ และควรดาเนินการ และยุทธศาสตร์ ฯ ทีช่ ัดเจน ประเมินท้ังจากผูป้ ระเมนิ และภายนอก2. .มาตรการ/โครงการส่วนใหญ่ เน้นเรื่องคุณภาพ 5. จะต้องมีการพัฒนาระบบฐานข้อมูลกลาง และวาง การเกิด และการเติบโตอย่างมีคุณภาพ แต่ยังขาด ระบบการรายงานตามตวั ชวี้ ดั สาคัญ การเพ่ิมจานวนการเกิด ซ่ึงสอดคล้องกับผลการ สารวจความเห็นของผู้เข้าร่วมประชุมท่ีพบว่า 6. ประชาสัมพันธ์โครงการต่างๆ เพ่ือเพิ่มการรับรู้ และ ผู้เข้าร่วมประชุมเกือบ 80% เห็นด้วยอย่างย่ิงว่า เข้าถงึ บรกิ ารของประชาชน ควรใหค้ วามสาคัญกับคุณภาพเกดิ มากกว่าจานวน การเกิด 7. สร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพให้กับประชาชนในทุก ระดบั ผา่ นช่องทางต่างๆ 8. จดั ใหม้ ีการแลกเปล่ียนเรียนรูร้ ว่ มกัน (best practice) อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง 9. การพฒั นาคุณภาพของประชากรไม่ควรม่งุ เน้นเฉพาะ ดา้ นสขุ ภาพและการเจริญเตบิ โต แตค่ วรดาเนินการ ควบคู่ไปกบั การปลูกฝังความดี คณุ ธรรม จรยิ ธรรม การสร้างครอบครัวอบอนุ่ โดยมุ่งเน้นที่ความสขุ ใน ครอบครวั เป็นสาคญั เช่ือมตอ่ ในทุกช่วงวยั ต้งั แตก่ อ่ น ตง้ั ครรภ์จนถึงสงู อายุ 10. ควร empowerment ประชาชน และชมุ ชนให้ หนั มาดูแลสุขภาพตนเอง 11. หน่วยงานท่ีเกยี่ วขอ้ ง ควรพัฒนาความรทู้ เี่ ข้าใจง่าย ประชาชนสามารถนาไปปฏิบตั ิเองได้ 12. ควรปรบั ทัศนคติในการสง่ เสรมิ สุขภาพใหก้ ับ ประชาชน โดยปรับตวั ใหท้ ันกับความเปล่ยี นแปลง ทางด้านเทคโนโลยี และการเปล่ียนแปลงวถิ ชี ีวิต 4
ขอ้ มูลสถานการณส์ าคญั 5
ขอ้ มูลสถานการณส์ าคญั 6
ขอ้ มูลสถานการณส์ าคญั 7
ขอ้ มูลสถานการณส์ าคญั 8
ขอ้ มูลสถานการณส์ าคญั 9
ผลการดาเนินงาน การขับเคลื่อนการดาเนินงานตามนโยบายและยุทธศาสตร์การพฒั นาอนามยั การเจรญิ พันธุแ์ หง่ ชาติฉบับที่ 2 (พ.ศ.2560-2569) วา่ ดว้ ยการสง่ เสริมการเกดิ และการเจรญิ เตบิ โตอยา่ งมคี ุณภาพ เปน็ ความร่วมมอื จากทกุ ภาคสว่ นทีเ่ ก่ียวขอ้ ง โดยได้ดาเนนิ งานตามบทบาทภารกจิ ของหน่วยงานเปน็ สาคญั ขอมลูผลการดาเนนิ งานจึงไดร้ วบรวมกฎหมาย นโยบาย ยุทธศาสตรท์ ี่เกย่ี วข้องเพื่อช้ีให้เหน็ ถึงความเช่อื มโยงในการทางานร่วมกนั โดยมรี ายละเอยี ดตามรายยทุ ธศาสตร์ ฯ ดงั นี้ ยทุ ธศาสตรท์ ี่ 1 พฒั นากฎหมาย นโยบายและยุทธศาสตรท์ ี่เกี่ยวข้อง กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนา สังคมและความม่ันคงของมนุษย์ (พม.) ผลักดันนโยบายและ ยุทธศาสตร์การพัฒนาสถาบันครอบครัว พ.ศ.2560 – 2564 1 ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2559 มีวัตถุประสงค์หลักเพ่ือให้ครอบครัวมีชีวิตท่ีเป็นสุข . และปราศจากความรุนแรง สามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยมี อาชีพสุจริตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง สามารถเล้ียงลูกให้มี ความสุขและมีพัฒนาการ รอบด้านท่ีเหมาะสมตามวัย ครอบครัวเป็นพลังสร้างสังคมท่ีมีคุณภาพ ลดปัจจัยเสี่ยงและ สภาพแวดล้อมท่ีเป็นอันตรายและบั่นทอนครอบครัว พร้อม ทั้งเพ่ิมปัจจัยเกื้อหนุน และสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ครอบครัว จัดบริการท่ีเหมาะสมแก่ครอบครัวท่ีมีปัญหาจนสามารถ กลับคืนสู่สภาวะปกติ สร้าง พัฒนา และเผยแพร่องค์ความรู้ ที่จาเป็นสาหรับครอบครัวให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง บุคลากรท่ีทางานด้านครอบครัวได้รับความรู้ ทักษะ และ มีเจตคติท่ีถูกต้องในการพัฒนาป้องกันและแก้ไขปัญหา ครอบครัว องค์กรทุกภาคส่วนมีการประสานและดาเนินงาน อยา่ งมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และเพื่อส่งเสริมให้ส่ือมี หนา้ ทแี่ ละความรับผิดชอบในการนาเสนอข้อมูลข่าวสารท้ังใน รูปแบบและเนื้อหาสาระท่ีถูกต้องและเหมาะสมเพ่ือพัฒนา 10 ครอบครัว
ผลการดาเนนิ งานยุทธศาสตรท์ ี่ 1 พัฒนากฎหมาย นโยบายและยุทธศาสตร์ทเี่ กย่ี วขอ้ ง2 คณะกรรมการปอ้ งกันและแกไ้ ขปญั หาการต้ังครรภ์ในวัยรุ่น ผลักดัน ยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหาการต้ังครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ.. 2560–2569 ตามพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหา การตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2559 ผ่านความเห็นชอบจาก คณะรัฐมนตรี เมื่อวันท่ี 16 พฤษภาคม 2561 ทาให้มีกรอบ แนวทางในการดาเนินงานท่ีชัดเจน ซ่ึงหากการต้ังครรภ์ในวัยรุ่น ลดลง จะส่งผลให้การเกิดท่ีมาจากความไม่ต้ังใจลดลง เด็กเกิดจาก พอ่ แม่ทม่ี คี วามพร้อม มีความตัง้ ใจ และมวี างแผนมากขึ้น กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสุข ผลักดันพระราชบัญญัติควบคุม 3การส่งเสริมการตลาดอาหารสาหรับทารกและเด็กเล็ก พ.ศ.2560 มีผล .บังคับใช้ เมื่อวันท่ี 8 กันยายน 2561เพ่ือการคุ้มครองผู้บริโภคกลุ่มทารกและเด็กเล็ก โดยควบคุมการส่งเสริมการตลาด ผ่านส่ือโฆษณาและวิธีการ 11ลดแลกแจกแถมของผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารสาหรับทารกและเด็กเล็ก หรือผลิตภัณฑ์นมผงให้เป็นไปอย่างเหมาะสม เพื่อให้เด็กทุกคนได้กินนมแม่อยา่ งเต็มท่ี บรรลุเป้าหมายให้เด็กทั่วโลกอย่างน้อยร้อยละ 50 ได้รับนมแม่อย่างเหมาะสม ตามหลักท่ีองค์การอนามัยโลกแนะนา หรือ “ 1-6-2” คือกนิ นมแม่ตัง้ แต่ 1 ชั่วโมงแรกหลังคลอด กินนมแม่เพียงอย่างเดียวในช่วง 6เดือนแรก และกินนมแม่ต่อเน่ืองควบคู่อาหารตามวัยจนถึงอายุ 2 ปีหรือนานกวา่ นั้น โดยวางมาตรการสาคญั 3 ด้าน ได้แก่ 1. ส่งเสริม กระตุ้นช่วยเหลือให้แม่มีความพร้อมและตัดสินใจเลย้ี งลูกด้วยนมแม่ 2. สนบั สนุน โดยจดั บริการคลินกิ นมแมใ่ นโรงพยาบาลการเย่ยี มบ้านหลังคลอด สนบั สนนุ การจดั มมุ นมแม่ในสถานท่ที างาน 3. ปกปอ้ ง โดยคมุ้ ครองแมแ่ ละครอบครวั จากการไดร้ บั ขอ้ มูลและคาแนะนาทีไ่ มถ่ กู ต้อง หรอื ชวนเชอื่ ให้ใช้อาหารอื่นทดแทนในช่วงท่ียังควรไดร้ ับนมแม่
ผลการดาเนนิ งานยุทธศาสตรท์ ่ี 2 พัฒนาระบบบรกิ ารสาธารณสุขและสรา้ งการเข้าถึงบรกิ ารอยา่ งเทา่ เทียม1 สานกั งานหลกั ประกันสขุ ภาพแห่งชาติ มีประกาศคณะกรรมการหลักประกนั สุขภาพ แห่งชาติ เรอ่ื ง ประเภทและขอบเขตของบรกิ ารสาธารณสขุ (ฉบบั ที่ ๑๐) เพ่ือ. สนับสนุนบรกิ ารสง่ เสรมิ สุขภาพแมแ่ ละเดก็ ดังนี้ 12
ผลการดาเนินงานยุทธศาสตร์ท่ี 2 พัฒนาระบบบริการสาธารณสุขและสร้างการเข้าถงึ บริการอย่างเทา่ เทียม2 กรมควบคมุ โรค ดาเนนิ การในส่วนทเ่ี กย่ี วข้อง ดงั นี้ 1. การใหว้ คั ซนี กลุ่มเด็ก. 2. การให้วคั ซนี HPV ในนกั เรียนหญงิ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 5 วคั ซนี HPV ในนักเรยี นหญิงช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 5 เร่มิ นาร่องในปี 2557 ในจงั หวัดพระนครศรอี ยธุ ยา ในปี 2560 ใหบ้ ริการทวั่ ประเทศ ในแผนงานสรา้ งเสริมภมู คิ ุ้มกนั โรค จานวน 2 เขม็ ครอบคลุม 2 สายพนั ธุ์ (16 และ 18 ) ห่างกัน 6 เดอื น 3. การใหว้ ัคซนี ไขห้ วดั ใหญใ่ นกลมุ่ หญงิ ตงั้ ครรภ์ 4. การกาจดั โรคไวรัสตบั อักเสบบี จากแม่สู่ลกู 5. แบบประเมนิ ศูนยเ์ ด็กเลก็ ปลอดโรค 6. โครงการจดั การเชิงรกุ รายบคุ คล เพอื่ เร่ิมยาตา้ นไวรัสแก่ทารก ทีต่ ิดเช้ือเอชไอวี ใหเ้ ร็วท่สี ดุ 7. การยตุ ิการถา่ ยทอดเช้อื เอชไอวแี ละซิฟลิ สิ จากแม่สลู่ ูกในประเทศไทย3 สถาบนั ราชานุกลู กรมสุขภาพจติ ดาเนินการในสว่ นท่ีเกี่ยวข้อง ดงั น้ี โครงการเสรมิ สร้างพฒั นาการเด็กล่าชา้ . ตวั ช้ีวัด รอ้ ยละของเด็กกล่มุ เสี่ยงและเด็กพัฒนาการล่าชา้ ได้รับการกระตุน้ พัฒนาการจนเป็นปกติ หรอื ไดร้ บั การสง่ ต่อเพื่อดูแลรกั ษา เด็กกลุ่มเสี่ยง (Birth Asphyxia, LBW, ทารกคลอดจากแม่วัยรุ่น, ทารก คลอดจากมารดาท่ีได้รับการสนับสนุน) ได้รับการกระตุ้นพัฒนาการจนเป็น ปกตหิ รอื ไดร้ ับการสง่ ต่อตามระบบ (ค่าเปา้ หมาย 85%) เด็กพัฒนาการล่าช้าได้รับการกระตุ้นพัฒนาการจนเป็นปกติ (ค่าเป้าหมาย 70%) 13 เด็กพัฒนาการล่าช้าท่ีได้รับการกระตุ้นพัฒนาการแล้วยังมีพัฒนาการล่าช้า ได้รบั การสง่ ตอ่ เพ่ือดูแลรกั ษา (คา่ เปา้ หมาย 30%)
ผลการดาเนินงานยทุ ธศาสตร์ที่ 2 พฒั นาระบบบริการสาธารณสขุ และสร้างการเขา้ ถงึ บริการอยา่ งเท่าเทยี ม4 สานักส่งเสริมสขุ ภาพ กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสขุ ผลกั ดนั พระราชบัญญัติควบคุมการส่งเสรมิ การตลาดอาหารสาหรับทารกและเดก็ เลก็ . พ.ศ. 2560 (พ.ร.บ. นมผง) มีผลบงั คบั ใชว้ ันท่ี 8 ก.ย. 60 พัฒนาระบบเฝา้ ระวงั เพอ่ื ลดอตั ราตายของมารดา ป้องกนั การคลอดก่อนกาหนด พฒั นา “โรงเรียนพ่อแม่ จติ ประภัสสร” สาหรับขยายการใหบ้ ริการในสถานบริการ สาธารณสขุ เพ่ือเตรยี มความพรอ้ มพ่อแมส่ าหรับการเกิดและเตบิ โตอยา่ งมีคณุ ภาพ ของลูกต้ังแตช่ ่วงต้ังครรภ์ การบูรณาการความร่วมมือ กลมุ่ เด็กปฐมวัย 4 กระทรวงในการขับเคลื่อนการพัฒนาเด็ก ปฐมวัยตั้งแตร่ ะดับนโยบาย จนถึงระดบั ปฏบิ ัติ อยา่ งเป็นรูปธรรม ตดิ ตามเด็ก 0-5 ปีให้รับการตรวจคัดกรองและกระตุน้ พฒั นาการ คัดเลือกหนงั สอื นิทาน และจดั ทาเป็นบัญชีนทิ านแห่งชาติ เพ่ือใหพ้ ่อแม่ ผ้เู ลยี้ งดเู ดก็ ครู และบคุ ลากร ทีเ่ ก่ยี วข้องไดน้ าไปใช้กับเด็ก ส่งเสรมิ พอ่ แมย่ ุคดิจิตอลเลย้ี งลกู แบบ traditional 5 สานักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ดาเนนิ การใน 2 โครงการสาคัญ คอื โครงการเดก็ ปฐมวัยสูงดี สมสว่ น เปน็ การบูรณาการความร่วมมอื 4 กระทรวงหลกั คือ . กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธกิ าร กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการ พัฒนาสงั คมและความม่นั คงของมนษุ ย์ โดยร่วมจัดทามาตรฐานสถานพฒั นาเด็กปฐมวัย แห่งชาติ พัฒนาตาบลส่งเสรมิ เด็กอายุ 0-5 ปี สงู ดีสมสว่ น ฟนั ไมผ่ ุ พัฒนาการสมวยั พฒั นารูปแบบบริการดา้ นโภชนาการในฝากครรภ์ (ANC) และคลินกิ เด็กสขุ ภาพดี (WCC) จัดทาสื่อสง่ เสรมิ เดก็ อายุ 0-5 ปี สงู ดีสมส่วน โครงการสาวไทยแกม้ แดง สนับสนุนให้สาวไทยมคี วามพร้อมในการมบี ตุ ร โดยส่งเสริม ใหม้ โี ภชนาการทด่ี ี ดว้ ยการเสรมิ วิตามินเสรมิ ธาตเุ หล็กและโฟลกิ 14
ผลการดาเนนิ งานยุทธศาสตร์ที่ 2 พฒั นาระบบบรกิ ารสาธารณสุขและสร้างการเขา้ ถึงบรกิ ารอย่างเทา่ เทียม6 กองกิจกรรมทางกาย กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสขุ สง่ เสริมกิจกรรมทางกายทกุ กล่มุ วัย ในสถานบรกิ ารสาธารณสุข . เฝ้าระวงั และสง่ เสรมิ พัฒนาการเด็กปฐมวยั ส่งเสริมกจิ กรรมทางกายเด็กปฐมวยั วยั เรียน วยั รนุ่ ในสถานศึกษา ส่งเสรมิ กจิ กรรมทางกายในศูนยพ์ ฒั นาเดก็ เล็ก สง่ เสริมกจิ กรรมทางกายวัยทางานในสถานประกอบการ ผลิตส่อื สง่ เสริมความรู้7 สานักอนามยั กรุงเทพมหานคร จดั บรกิ ารคลินิกวางแผนครอบครัวในศนู ยบ์ ริการสาธารณสขุ 68 แห่ง ทกุ วันพธุ. ให้คาแนะนา ปรกึ ษาการวางแผนครอบครัว และสนบั สนนุ ดา้ นการวางแผนครอบครวั ให้กบั ผู้ที่มาจดทะเบียนสมรสในวนั วาเลนไทนท์ ่สี านักงานเขต พัฒนามาตรฐาน/นิเทศติดตามโรงเรียนพอ่ แม่ พฒั นาและปรบั ปรุงระบบการจดั สวัสดกิ ารสงั คม พัฒนาศนู ย์เด็กเล็กตามเกณฑ์มาตรฐานศูนย์เดก็ เล็กแหง่ ชาติ 15
ผลการดาเนินงานยุทธศาสตร์ท่ี 2 พฒั นาระบบบรกิ ารสาธารณสขุ และสรา้ งการเขา้ ถึงบริการอย่างเทา่ เทียม6 กองกิจกรรมทางกาย กรมอนามยั กระทรวงสาธารณสุข สง่ เสรมิ กจิ กรรมทางกายทกุ กลมุ่ วยั ในสถานบริการสาธารณสุข. เฝ้าระวังและส่งเสริมพัฒนาการเดก็ ปฐมวัย ส่งเสรมิ กิจกรรมทางกายเดก็ ปฐมวยั วยั เรียน วัยรุ่นในสถานศึกษา สง่ เสริมกจิ กรรมทางกายในศูนยพ์ ฒั นาเด็กเลก็ สง่ เสรมิ กจิ กรรมทางกายวยั ทางานในสถานประกอบการ ผลติ สือ่ สง่ เสริมความรู้7 สานักอนามัย กรุงเทพมหานคร จัดบริการคลินกิ วางแผนครอบครัวในศูนย์บริการสาธารณสขุ 68 แหง่ ทุกวันพธุ. ให้คาแนะนา ปรึกษาการวางแผนครอบครวั และสนับสนุนด้านการวางแผนครอบครวั ใหก้ ับผ้ทู ่มี าจดทะเบยี นสมรสในวนั วาเลนไทนท์ ีส่ านักงานเขต พฒั นามาตรฐาน/นิเทศตดิ ตามโรงเรียนพ่อแม่ พฒั นาและปรับปรงุ ระบบการจัดสวัสดกิ ารสังคม พัฒนาศนู ย์เด็กเล็กตามเกณฑม์ าตรฐานศูนยเ์ ดก็ เล็กแหง่ ชาติ 16
ผลการดาเนนิ งานยทุ ธศาสตรท์ ่ี 3 พฒั นาระบบจัดสวัสดิการสงั คมกระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนษุ ย์ มาตรการให้เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด เงนิ อุดหนุนเพอ่ื การเลยี้ งดูเด็กแรกเกิดท่ีจะจ่ายให้ผมู้ ีสิทธิม์ รี ายละเอยี ด ดงั น้ี 1) เด็กที่เกดิ ระหว่างวนั ท่ี 1 ตลุ าคม 2558 – 30 กันยายน 2559และมาลงทะเบียนขอรบั สทิ ธิ์เงนิอดุ หนุนเพื่อการเลยี้ งดูเดก็ แรกเกดิ ภายในวนั ที่ 30 กนั ยายน 2559 จะได้รับเงินอุดหนุนเดือนละ 400บาท นบั แต่เดือนทเี่ กดิ จนถึงเดอื นกันยายน 2559 และไดร้ ับเงนิ เดอื นละ 600 บาท ต้ังแต่เดือนตุลาคม2559 จนเดก็ อายุครบ 3 ขวบ 2) เด็กทีเ่ กดิ ระหว่างวันท่ี 1 ตุลาคม 2559 – 30 กันยายน 2560 และมาลงทะเบียนขอรบั สิทธเ์ิ งินอุดหนนุ เพ่อื การเลย้ี งดเู ดก็ แรกเกดิ ภายในวนั ที่ 30 กนั ยายน 2560 ไดร้ บั เงนิ อดุ หนนุ เดอื นละ 600 บาทต้งั แตเ่ ดือนท่ีเกดิ จนเด็กอายคุ รบ 3 ขวบ 3) เด็กทเ่ี กดิ ระหว่างวันท่ี 1 ตุลาคม 2558 – 30 กันยายน 2560 แตม่ าลงทะเบยี นขอรับสทิ ธิเ์ งินอดุ หนุนเพือ่ การเล้ียงดเู ดก็ แรกเกดิ ภายหลังวันท่ี 30 กนั ยายน 2560 จะไดร้ บั เงินอดุ หนนุ เดือนละ 600บาท นบั แตเ่ ดือนทม่ี าลงทะเบยี น จนเดก็ อายุครบ 3 ขวบ ท่มี า : https://csg.dcy.go.th/th/homehttps://csg.dcy.go.th/th/homeกองสวสั ดกิ ารแรงงาน กระทรวงแรงงาน การส่งเสรมิ การจดั ตัง้ มุมนมแม่ในสถานประกอบกอบการ เรมิ่ ดาเนินการมาตงั้ แต่ปี 2549 เพอื่ สนับสนุนให้นายจ้าง ลูกจ้าง เห็นความสาคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยนายจ้างจะต้องจัดสวัสดิการให้กับลูกจ้างในการจัดสถานที่ที่มิดชิดเหมาะสมถูกสุขลักษณะ โต๊ะ เก้าอ้ี อ่างล้างมือ ตู้เย็น รวมถึงอุปกรณ์ที่เก่ียวข้องกับการเก็บน้านม เช่น เส้ือให้นมลูก ถุงเก็บน้านม และอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบันมีมุมนมแม่ในสถานประกอบกิจการ ทั้งสิ้น 1,562 แห่งข้อมูล ณ เดอื นกรกฎาคม 2561 17
ผลการดาเนินงานยทุ ธศาสตรท์ ี่ 3 พัฒนาระบบจดั สวสั ดกิ ารสงั คมกรมสรรพากร กระทรวงการคลงั มาตรการทางภาษีคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพ่ิมเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับท่ี ..)พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ ..(พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเวน้ รัษฎากร (มาตรการภาษีเพอ่ื สนับสนุนการมบี ุตร) เมอ่ื วนั ท่ี 16 มกราคม 2561 ดังน้ี1. อนุมตั ิหลักการร่างพระราชบัญญตั แิ กไ้ ขเพ่มิ เตมิ ประมวลรษั ฎากร (ฉบบั ท่ี ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ และให้ส่งสานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานติ บิ ัญญตั แิ หง่ ชาติพิจารณากอ่ นเสนอสภานิตบิ ัญญัตแิ หง่ ชาติต่อไป2. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับท่ี .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพจิ ารณา แลว้ ดาเนนิ การตอ่ ไปได้สาระสาคญั ของรา่ งพระราชบญั ญตั ิ1. กาหนดให้ปรับเพิ่มค่าลดหย่อนบุตรชอบด้วยกฎหมายต้ังแต่คนท่ี 2 เป็นต้นไปของผู้มีเงินได้หรอื ของสามีหรอื ภรยิ าของผมู้ ีเงนิ ได้ ซึง่ เกิดต้ังแต่ปี พ.ศ. 2561 เปน็ ต้นไป ท้ังน้ี ไม่ว่าบุตรคนก่อนหน้าจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ ให้หักลดหย่อนได้เพ่ิมอีก 30,000 บาท ต่อคนต่อปีภาษี และให้ใช้บังคับสาหรับเงินได้พงึ ประเมินประจาปีภาษี พ.ศ. 2561 ท่จี ะตอ้ งย่นื รายการในปี พ.ศ. 2562 เป็นต้นไป2. กาหนดให้ผู้มีเงินได้หรือคู่สมรสสามารถนาค่าฝากครรภ์หรือค่าคลอดบุตรไปหักเป็นค่าลดหยอ่ นในการคานวณภาษเี งนิ ได้บคุ คลธรรมดาตามจานวนที่จ่ายจริงสาหรับการต้ังครรภ์แต่ละคราวแต่ไม่เกิน 60,000 บาทหากการจ่ายค่าฝากครรภ์และค่าคลอดบุตรเกิน 1 ปีภาษีสาหรับการต้ังครรภ์แต่ละคราว ให้หักลดหย่อนตามจานวนที่จ่ายจริงในแต่ละปีภาษี แต่เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 60,000บาท ทง้ั นี้ สาหรับคา่ ฝากครรภ์และคา่ คลอดบุตรท่ีจา่ ยไปต้ังแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 เป็นต้นไป และให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขท่ีอธิบดีประกาศกาหนดโดยสิทธิในการหักลดหย่อนสาหรับค่าฝากครรภ์และค่าคลอดบุตรข้างต้น ให้เฉพาะผู้ที่ไม่ได้มีการเบิกค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์และคลอดบตุ รจากแหล่งอนื่ ๆ เชน่ สทิ ธปิ ระกนั สังคม สิทธิข้าราชการ เปน็ ต้น ซึ่งหลกั เกณฑ์และเงื่อนไขดังกล่าวจะเปน็ ไปตามทอ่ี ธบิ ดปี ระกาศกาหนด 18*** ขณะน้ีรา่ งพระราชบญั ญตั ิ ฯ อยู่ระหว่างการส่งสานกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี าตรวจพิจารณาท่มี า : http://www.ldd.go.th/Web_Cabinet/PDF/2561/Jan/16012018.pdf
ผลการดาเนินงานยุทธศาสตร์ที่ 3 พัฒนาระบบจดั สวสั ดกิ ารสงั คมกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง มาตรการภาษี คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าดว้ ยการยกเวน้ รัษฎากร (ฉบับท่ี ..) พ.ศ. ....(มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดต้ังศูนย์รับเลี้ยงเด็กเพื่อเ ป็น สวัสดิกา รของลูกจ้า งสา หรับสถา น ประกอบกา ร ของบริษัทหรือห้า ง หุ้น ส่วน นิติบุค ค ล )เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2561 ตามท่ีกระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ และให้ส่งสานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี าตรวจพิจารณา แล้วดาเนินการต่อไปได้สาระสาคัญของรา่ งพระราชกฤษฎกี า 1. กาหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีค่าใช้จ่ายเพื่อจัดตั้งศูนย์รับเล้ียง เด็กในสถานประกอบการ สามารถนาคา่ ใช้จา่ ยดงั กล่าวมาหักเป็นรายจ่ายได้ตามทจ่ี า่ ยจรงิ และสามารถหักได้เพ่ิมขึ้นอีกหน่ึงเท่าตามท่ีจ่ายจริงแต่ไม่เกิน 1 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายที่นามาหักเป็นรายจ่ายได้จะต้องมีลักษณะและคุณสมบัติถกู ตอ้ งครบถ้วนตามระเบยี บคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ ว่าด้วยการจัดให้มีศูนย์รับเลี้ยงเด็กในสถานประกอบกิจการ พ.ศ. 2560 ท้ังนี้ นายจ้างหรือผู้ได้รับมอบหมายจากนายจ้างต้องได้รับใบประกาศการจัดให้มีศูนย์รับเล้ียงเด็กจากกรมกิจการเด็กและเยาวชน หรือสานักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนษุ ย์จงั หวัด 2. กาหนดมาตรการภาษใี นเรื่องนใ้ี ช้สาหรบั คา่ ใช้จา่ ยทไ่ี ดจ้ า่ ยในรอบระยะเวลาบัญชที เี่ ริ่มในหรือหลังวนั ที่ 1 มกราคม 2561 ถึงวันท่ี 31 ธนั วาคม 2563 *** ขณะนีร้ ่างพระราชบญั ญตั ิ ฯ อยู่ระหวา่ งการสง่ สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ท่ีมา : http://www.ldd.go.th/Web_Cabinet/PDF/2561/Jan/16012018.pdf 19
ผลการดาเนินงานยุทธศาสตร์ท่ี 4 พฒั นาระบบสารสนเทศและการสอื่ สารสงั คมสานักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงดจิ ิทัลเพื่อเศรษฐกจิ และสังคม สานกั งานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และ องค์การยูนเิ ซฟ (UNICEF) การสารวจสถานการณเ์ ด็กและสตรีในประเทศไทย (MICs5) พ.ศ. 2558-2559 พบข้อมูลสาคญัทเ่ี กย่ี วขอ้ ง 4 ส่วน ดังน้ี โภชนาการและการกินนมแม่- เด็กรอ้ ยละ 9.4 มีน้าหนกั เม่ือแรกเกดิ ต่ากว่า 2,500 กรัม ทารกทีม่ นี ้าหนักแรกคลอดตา่ กวา่ 2,500 กรัมมีสดั สว่ นสงู สุดในภาคใต้ (รอ้ ยละ 11.3) และมีสัดส่วนต่าสดุ ในกรงุ เทพมหานคร (รอ้ ยละ 6.8) แต่ความแตกต่างไมม่ ากนักระหวา่ งพ้ืนที่นอกเขตเทศบาลกับพ้นื ที่ในเขตเทศบาล (รอ้ ยละ 10.1 และ 8.5) และพบวา่ ทารกในครัวเรือนท่มี ฐี านะร่ารวยมีน้าหนกั แรกคลอดตา่ มสี ดั สว่ นทต่ี า่ สุด (ร้อยละ 7.6) เมื่อเทียบกบัครวั เรือนทมี่ ีฐานะทางเศรษฐกจิ อ่นื ๆ- 1 ใน 12 ของเด็กอายุตา่ กว่า 5 ปีในประเทศไทย มภี าวะอ้วน- 1 ใน 10 ของเดก็ ในประเทศไทยประสบภาวะทุพโภชนาการเรือ้ รังปานกลางหรือรุนแรง (เตี้ย)- ภาวะทุพโภชนาการเรอ้ื รงั พบมากทีส่ ดุ ในเดก็ ท่อี ย่ใู นครวั เรอื นที่หัวหน้าครวั เรือนไม่ได้พูดภาษาไทย (รอ้ ยละ 16.3)- ภาวะทุพโภชนาการเฉยี บพลนั ปานกลางหรือรุนแรง (ผอม) พบในสัดส่วนรอ้ ยละ 5.4ของเดก็ อายุต่ากว่า 5 ปีในประเทศไทย และพบสงู สุดในเดก็ อายุ 0-5 เดอื น(ร้อยละ 12.4)- เด็กแรกเกิดเกอื บทั้งหมด (ร้อยละ 97.4) เคยกนิ นมแม่ แต่มีเพยี งรอ้ ยละ 39.9 ทไ่ี ด้กินนมแมใ่ นเวลาทเ่ี หมาะสม (ภายใน 1 ชัว่ โมงหลงั คลอด) ทารกอายุ 0-5 เดอื นรอ้ ยละ23.1 กนิ นมแม่อยา่ งเดยี ว เดก็ อายุตา่ กวา่ 6 เดอื นในภาคเหนือกินนมแม่อย่างเดยี วในสัดสว่ นท่ีสูงกว่าภาคอื่น เดก็ ในประเทศไทยร้อยละ 15.6 กินนมแมต่ ่อเนอื่ งเป็นระยะเวลา 2 ปี สถานะความมงั่ คัง่ ของครัวเรอื นมคี วามสัมพันธ์เชิงลบกบั การกินนมแม่ต่อเนือ่ งเป็นระยะเวลา 2 ปี เด็กอายุ 0-35 เดือนกนิ นมแม่อยา่ งเดียวเฉลีย่ (มธั ยฐาน)0.6 เดอื น เมอ่ื พจิ ารณาเด็กอายุ 6-23 เดือน พบวา่ ร้อยละ 55.6 ไดร้ บั อาหารตามความถ่แี ละความหลากหลายขนั้ ตา่ ทย่ี อมรบั ได้ 20- 3 ใน 4 (รอ้ ยละ 73.3) ของครวั เรอื นบริโภคเกลือท่ีมไี อโอดีนเพยี งพอ โดยพบสัดสว่ นค่อนข้างสูงในครวั เรอื นที่รา่ รวยมาก (ร้อยละ 86.3) ขณะทค่ี รัวเรอื นในภาคตะวันออกเฉียงเหนอื รอ้ ยละ 39.1 บรโิ ภคเกลอื ทไี่ ม่มีไอโอดีนหรอื บริโภคเกลอื ที่มไี อโอดีนไมเ่ พยี งพอ
ผลการดาเนนิ งานยทุ ธศาสตร์ท่ี 4 พัฒนาระบบสารสนเทศและการสอ่ื สารสงั คม สุขภาพของเดก็ - ร้อยละ 71.6 ของเด็กอายุ 12-23 เดือนได้รับวัคซีนครบทุกชนิดก่อนอายุครบ 12 เดือน ขณะท่ี ร้อยละ 79.1 ของเด็กอายุ 12-23 เดือนได้รับวัคซีนครบทุกชนิดในช่วงเวลาใด ๆ ก่อนการสารวจ เม่ือพิจารณาวัคซีนแต่ละชนิด พบว่า ร้อยละ 96.2 ของเด็กอายุ 12-23 เดือนได้รับ วคั ซีนป้องกนั วณั โรคก่อนอายคุ รบ 12 เดือน เกือบ 9 ใน 10 ของเด็กได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัด คางทูม หดั เยอรมนั ครัง้ แรกภายใน 12 เดอื น - ผู้หญิงอายุ 15-49 ปีท่ีคลอดบุตรในช่วง 2 ปีท่ีผ่านมา พบว่า เกือบ 3 ใน 4 เคยได้รับวัคซีน ป้องกนั บาดทะยักอย่างน้อย 2 เข็ม และพบว่า ผู้หญิงในครวั เรือนท่ียากจนมากไดร้ บั วคั ซนี ปอ้ งกนั บาดทะยักในสดั สว่ นทต่ี ่ากวา่ ผูห้ ญิงในกลุม่ อื่น (ร้อยละ 63.8) - รอ้ ยละ 70.7 ของเดก็ ทมี่ อี าการทอ้ งรว่ งเขา้ รับบรกิ ารทส่ี ถานพยาบาลหรือผู้ใหบ้ รกิ ารด้าน สขุ ภาพ เด็กในภาคใตเ้ ข้ารับการรกั ษาหรอื คาแนะนาขณะมีอาการทอ้ งรว่ งในสดั ส่วนตา่ ท่สี ุด และพบวา่ เด็กทมี่ ีอาการทอ้ งร่วงประมาณ 3 ใน 4 ไดร้ ับสารละลายเกลือแร่ ORS หรือสาร ละลายที่ผสมเองตามคาแนะนา - เดก็ ทม่ี ีอาการไข้ได้รบั การดแู ลรกั ษาในสัดสว่ นท่สี ูงเชน่ เดยี วกัน โดยพบวา่ ประมาณ 3 ใน 4 ของ เดก็ ทีม่ ีอาการไข้ได้รับการรักษาหรอื คาแนะนาจากสถานพยาบาลหรอื ผู้ใหบ้ ริการดา้ นสขุ ภาพ และเป็นท่ีนา่ สังเกตว่าเดก็ นอกเขตเทศบาลได้รบั การรักษาหรอื คาแนะนาจากสถานพยาบาล หรือผู้ใหบ้ ริการดา้ นสุขภาพในสดั สว่ นท่สี ูงกว่าเดก็ ในเขตเทศบาล 21
ผลการดาเนินงาน ยุทธศาสตรท์ ี่ 4 พฒั นาระบบสารสนเทศและการสอ่ื สารสงั คม อนามยั เจริญพนั ธ์ุ - อัตราเจริญพันธุ์รวม ( TFR) ซง่ึ เปน็ ตัววัดภาวะเจรญิ พันธ์ุปจั จบุ นั มีค่าเทา่ กับเด็ก 1.5 คนต่อผูห้ ญงิ 1 คน ภาวะเจรญิ พันธุ์สาหรบั นอกเขตเทศบาลมีคา่ สงู กวา่ ในเขตเทศบาลเล็กนอ้ ย - ผ้หู ญงิ อายุ 20-24 ปี ร้อยละ 9.4 มีบุตรก่อนอายุ 18 ปี สัดส่วนนี้พบสูงสุดในผู้หญิงท่ีมีการศึกษา ระดับประถมศึกษา (ร้อยละ 20.9) รองลงมาคือ ผู้หญิงในครัวเรือนที่ยากจนมาก (ร้อยละ 17.8) - การคุมกาเนดิ พบวา่ รอ้ ยละ 78.4 ของผหู้ ญิงทป่ี จั จุบันสมรสหรืออย่กู ินกับผู้ชายกาลงั คมุ กาเนดิ ดว้ ยวิธีใดวิธีหนง่ึ วธิ คี มุ กาเนดิ ทเ่ี ป็นทนี่ ิยมทส่ี ุด คอื การใชย้ าเม็ด (รอ้ ยละ 32.8) รองลงมา คือ การทาหมนั หญงิ (รอ้ ยละ 24.3) - ความตอ้ งการที่ยังไมส่ มั ฤทธ์ิสาหรับการคมุ กาเนดิ เทา่ กับรอ้ ยละ 6.2 โดยผูห้ ญิงอายุ 15-19 ปี มีอตั ราความตอ้ งการทยี่ งั ไม่สมั ฤทธ์ิสงู ทส่ี ดุ (ร้อยละ 13.0) - ผหู้ ญิงทค่ี ลอดบตุ รในชว่ ง 2 ปที ี่ผ่านมาเกือบทั้งหมด (ร้อยละ 98.1) ได้ไปฝากครรภ์กับผู้ชานาญการ โดย 4 ใน 5 ไปฝากครรภก์ บั แพทย์ ผู้หญิงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือฝากครรภ์กบั เจ้าหน้าที่ สถานีอนามัย/ผู้ช่วยพยาบาลในสัดส่วนท่ีสูงกว่าภาคอื่น (ร้อยละ 14.3) ร้อยละ 90.8 ของผู้หญิง ทคี่ ลอดบตุ รในชว่ ง 2 ปที ผี่ ่านมาไดร้ ับการตรวจครรภ์อยา่ งนอ้ ย 4 ครั้ง และร้อยละ 79.8 ไปฝาก ครรภ์ในชว่ ง 3 เดือนแรกของการตงั้ ครรภ์ อยา่ งไรกต็ ามพบว่า ผู้หญงิ ทีไ่ มไ่ ดร้ ับการศกึ ษาท่ีไป ฝากครรภใ์ นชว่ ง 3 เดือนแรกของการต้งั ครรภม์ ีเพียงร้อยละ 40.3 - 9 ใน 10 ของผหู้ ญิงทคี่ ลอดบุตรในช่วง 2 ปที ผ่ี า่ นมาได้รบั การตรวจโรคตดิ ต่อทางเพศสัมพันธ์ (VDRL) คร้ังที่ 1 ขณะท่ีร้อยละ 87.6 ได้รับการตรวจธาลัสซีเมีย และผู้หญิงร้อยละ 37.1 ระบุว่า สามีได้รับการตรวจธาลสั ซเี มยี - ผู้หญิงเกือบทัง้ หมด (รอ้ ยละ 99.1) ไดร้ บั การทาคลอดโดยผชู้ านาญการ และร้อยละ 32.7 คลอด ด้วยวิธีผ่าตดั การผ่าตดั คลอดมีสดั ส่วนแตกตา่ งกัน เมื่อพิจารณาตามภาคและลกั ษณะภูมิหลัง โดยพบสดั สว่ นสูงในกลมุ่ ต่อไปน้ี คอื ผ้หู ญิงในกรงุ เทพมหานคร (รอ้ ยละ 46.5) ผ้หู ญิงอายุ 35-49 ปี (ร้อยละ 48.8) ผู้หญิงที่มีการศึกษาสูงกว่ามัธยมศึกษา (ร้อยละ 54.2) และผู้หญิงในครัวเรือน ทรี่ า่ รวยมาก (รอ้ ยละ 50.5) และเป็นทน่ี า่ สงั เกตว่ามากกวา่ 6 ใน 10 (ร้อยละ 64.1) ของผูห้ ญงิ ที่ คลอดในสถานพยาบาลเอกชนคลอดดว้ ยวธิ ีผ่าตัด - การคลอดในสถานพยาบาลพบได้ทัว่ ไปในประเทศไทย (ร้อยละ 98.6) โดยส่วนใหญ่ (รอ้ ยละ 22 88.7) คลอดในสถานพยาบาลรัฐบาล การคลอดบุตรในสถานพยาบาลเอกชนมีสัดส่วนเพิ่มข้ึน ตามสถานะความม่งั ค่ังของครวั เรือน - รอ้ ยละ 78.1 ของผ้หู ญงิ ทค่ี ลอดบตุ รในชว่ ง 2 ปที ผี่ า่ นมาไดร้ บั การตรวจสุขภาพหลังคลอด ภายใน 42 วนั หลงั คลอดอยา่ งน้อย 1 ครั้ง
ผลการดาเนินงาน ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 4 พัฒนาระบบสารสนเทศและการสอื่ สารสงั คม พัฒนาการของเดก็ - เด็กอายุ 3-4 ปใี นประเทศไทยร้อยละ 84.7 กาลังเรียนในหลักสตู รปฐมวัย แต่เป็นทนี่ า่ สงั เกต ว่าเด็กในกรงุ เทพมหานครเขา้ เรียน (รอ้ ยละ 63.4) ในสดั ส่วนท่ีตา่ กวา่ ภาคอืน่ - ร้อยละ 92.7 ของเดก็ มีสมาชิกในครวั เรือนทีเ่ ป็นผใู้ หญ่รว่ มทากจิ กรรมสง่ เสริมการเรยี นรู้และ เตรยี มความพรอ้ มในการเขา้ โรงเรยี นอย่างนอ้ ย 4 กิจกรรม - 3 ใน 4 ของเดก็ มขี องเล่นอยา่ งน้อย 2 ประเภทและเกอื บครึง่ หนึ่งของเด็ก (ร้อยละ 50.9) ทเ่ี ลน่ อุปกรณ์อเิ ลก็ ทรอนิกส์ - การปล่อยเด็กอายุตา่ กว่า 5 ปที ง้ิ ไวโ้ ดยได้รบั การดแู ลทไี่ มเ่ พยี งพอในชว่ งสปั ดาห์ท่ผี ่านมา พบวา่ มีรอ้ ยละ 6.1 - เด็กอายุ 36-59 เดอื นในประเทศไทยรอ้ ยละ 91.1 มีพัฒนาการเป็นไปตามเกณฑ์ ผลการ สารวจชวี้ า่ เด็กทมี่ พี ฒั นาการเป็นไปตามเกณฑ์มสี ดั สว่ นสูงในกลมุ่ ต่อไปน้ี เดก็ ในครัวเรอื น ทรี่ ่ารวยมาก (รอ้ ยละ 96.0) เด็กทีแ่ ม่มกี ารศึกษาสงู กวา่ มธั ยมศกึ ษา (ร้อยละ 95.4) เดก็ อายุ 48-59 เดือน (ร้อยละ 95.6) และเดก็ ที่เข้าเรยี นหลักสตู รปฐมวยั (ร้อยละ 93.4) ท่ีมา : https://www.unicef.org/thailand/tha/Thailand_MICS_Full_Report_TH.pdf 23
ผลการดาเนินงานยทุ ธศาสตร์ท่ี 4 พฒั นาระบบสารสนเทศและการสอื่ สารสงั คม สานักอนามยั การเจรญิ พนั ธุ์ กรมอนามัย พฒั นาระบบฐานขอ้ มลู อนามัยการเจริญพันธุป์ ระเทศไทย (Thailand Reproductive HealthDatabase) โดยรวบรวมข้อมลู 4 ด้าน ได้แก่ ด้านประชากร ด้านการวางแผนครอบครัว ด้านแม่และเดก็และดา้ นวัยรุ่น โดยจัดทาเป็นอนิ โฟกราฟฟิค ดงั น้ี 24
ผลการดาเนินงาน ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 4 พัฒนาระบบสารสนเทศและการสอื่ สารสงั คมฐานข้อมูลอนามัยการเจริญพนั ธ์ุประเทศไทย (Thailand Reproductive Health Database) 25ทม่ี า : http://rhdata.anamai.moph.go.th/
ผลการดาเนินงานยทุ ธศาสตรท์ ี่ 4 พัฒนาระบบสารสนเทศและการสอ่ื สารสังคม ระบบคลังข้อมลู ด้านการแพทย์และสขุ ภาพ ( Health Data Center ) 26ทมี่ า : https://hdcservice.moph.go.th/hdc/reports/page_kpi.php?flag_kpi_level=1&flag_kpi_year=2018
สรุปการดาเนินงานในปีงบประมาณ 2561 จ า ก ก า ร ป ร ะ ชุ ม ค ณ ะ อ นุ ก ร ร ม ก า ร ขั บ เ ค ล่ื อ น โ ย บ า ย แ ล ะ ยุ ท ธ ศ า ส ต ร์ ก า ร พั ฒ น า อ น า มั ยการเจริญพันธ์ุแห่งชาติ ฉบับท่ี 2 (พ.ศ.2560-2569) ว่าด้วยการส่งเสริมการเกิดและการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ และการถอดบทเรียนการดาเนินงานในปีงบประมาณ 2561 พบว่ามีการขับเคลื่อนการดาเนินงานไปแล้วหลายสว่ น อาทิ 1. มาตรการส่งเสรมิ การมบี ตุ ร เช่น การประกาศนโยบายในเรื่องการมีลูกเพ่ือชาติ ซ่ึงมีนัยสาคัญคือ อยากให้คนไทยให้คุณค่าของการมีบุตร ซ่ึงเป็นส่วนเติมเต็มความรัก ความอบอุ่นให้กับครอบครัวแทนการมองว่าเป็นภาระ การออกมาตรการทางภาษีเพื่อส่งเสริมการมีบุตรของกระทรวงการคลังซ่ึงขณะนี้อยู่ระหว่างการส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา สาหรับตัวเลขความเหมาะสมของจานวนบุตรในแต่ละครอบครัวขึ้นอยู่กับความพร้อมในการมีบุตร ซ่ึงแตกต่างกัน แต่หากตอบตามหลกั การทดแทนทางประชากรก็คือ ครอบครัวควรจะมบี ตุ รอยา่ งนอ้ ย 2 คน เพื่อทดแทนพอ่ และแม่ 2. มาตรการเพ่ือให้การเกิดมีคุณภาพ สถานบริการสาธารณสุขมีการจัดบริการให้การปรึกษาก่อนการสมรสและก่อนมีบุตร การให้วิตามินเสริมธาตุเหล็กและโฟลิกก่อนตั้งครรภ์ ซ่ึงขณะน้ีผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดทางเว็บไซต์ สาวไทยแก้มแดง การให้สิทธิประโยชน์ในการฝากครรภ์ทุกท่ีฟรีทกุ สิทธิ การดแู ลตั้งแตก่ อ่ นตั้งครรภ์ ตัง้ ครรภ์ การคลอด และหลังคลอด การเปิดแคมเปญการเตรียมความพรอ้ มกอ่ นมบี ตุ ร เม่ือวนั ท่ี 14 กุมภาพันธ์ 2561 โดยจุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั 3. มาตรการเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ เช่น การให้เงินสงเคราะห์บุตร การให้เงนิ อุดหนนุ เด็กแรกเกิด การใหส้ ทิ ธิในการเรียนฟรี การส่งเสริมการเลี้ยงดูอย่างมีคุณภาพในช่วง 1,000แรกของชีวิต การให้ความช่วยเหลือในเร่ืองเงินกู้เพ่ือซ้ือที่อยู่อาศัย การพัฒนาศูนย์เด็กอ่อนและศูนย์เด็กเล็กท่ีมีคุณภาพ อยู่ใกล้บ้าน สะดวกต่อการเดินทาง สาหรับมาตรการที่มุ่งเน้นการสร้างความสมดลุ ในการทางานและชีวติ ครอบครวั เช่น สทิ ธิการลาคลอด สิทธกิ ารลาเพื่อช่วยเลี้ยงดูบุตร สิทธิการไปฝากครรภโ์ ดยไมถ่ อื เปน็ วันลา อยู่ระหว่างการศกึ ษาผลกระทบ ซ่ึงผลการดาเนินงานตามมาตรการต่างๆ จะเป็นเช่นไรน้ัน จะต้องกากับ ติดตามในระยะยาวโดยกระทรวงหลักท่ีรับผิดชอบในการดาเนินงานแต่ละด้าน ซ่ึงถือเป็นภารกิจสาคัญอีกหน่ึง อย่างทภ่ี าคส่วนท่ีเกย่ี วขอ้ งจะดาเนนิ การ แต่สง่ิ ท่ีเหน็ ไดอ้ ยา่ งชัดเจนคือ เกิดการตื่นตัวในเรื่องการรณรงค์ให้มีบุตร รวมถงึ การใหค้ วามสาคญั กบั คุณภาพชีวติ และการพฒั นากาลงั คนมากข้นึ 27
แนวทางการขับเคลอื่ นงานในปีงบประมาณ 2562มาตรการสาคัญในการดาเนินงาน คือ 1. พัฒนาระบบการให้บริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพตั้งแต่ระยะก่อนสมรส ระยะ ก่อนมีบุตร ระยะตงั้ ครรภ์ ระยะคลอด และระยะหลงั คลอด 2. จดั กิจกรรมรณรงคใ์ หค้ นไทยมลี กู 3. ปรับปรงุ แกไ้ ขสทิ ธิการลาคลอดสาหรับหญงิ ตงั้ ครรภแ์ ละคสู่ มรส ส่งเสรมิ การเลยี้ งดบู ุตร 4. จัดสวัสดกิ ารเรื่องทอ่ี ย่อู าศยั เอือ้ ใหค้ สู่ มรสมที อี่ ยู่ใกล้ที่ทางาน มคี วามสะดวก เพยี งพอตอ่ การมบี ตุ ร 5. กาหนดมาตรการทางภาษีชว่ ยลดภาระค่าใช้จ่ายในการดแู ลบตุ ร 6. เพม่ิ จานวนสถานรบั เลี้ยงเด็กหรือศนู ยเ์ ด็กเล็กคุณภาพ เพ่ือชว่ ยลดภาระในการ ดูแลบตุ รระหว่างทางาน และพฒั นาส่วนท่มี ีอยู่ให้ไดค้ ณุ ภาพ สามารถไวว้ างใจได้ 7. ปรบั ปรงุ นโยบายเวลาการทางานให้ยืดหยนุ่ สร้างสมดลุ การทางานและชีวิต ครอบครวั โดยคานึงถงึ ประโยชนข์ องท้ังฝ่ายนายจ้างและลกู จ้าง 8. ประเมินผลการดาเนนิ งาน ความเป็นไปไดใ้ นการผลักดันมาตรการสาคัญท่ีอยู่ ระหวา่ งการศกึ ษาผลกระทบ การสารวจความต้องการจาเป็นของประชาชน กลุ่มเปา้ หมาย และ การจดั ทาขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบายให้กับรัฐบาลเพ่ือกาหนด ใช้เป็นนโยบายของประเทศต่อไป 28
ภาคผนวก
กลมุ่ พัฒนาประชากร สานกั อนามยั การเจริญพนั ธุ์ กรมอนามัย88/22 อาคาร 2 ชน้ั 4 ถ.ติวานนท์ ต.ตลาดขวญั อ.เมือง จ.นนทบรุ ี โทร.02 590 4243
Search
Read the Text Version
- 1 - 38
Pages: