Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรภาษาไทย ม.ต้น

หลักสูตรภาษาไทย ม.ต้น

Published by naratham1965, 2019-12-22 04:00:18

Description: หลักสูตรภาษาไทย ม.ต้น

Search

Read the Text Version

ความนา กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใชห้ ลกั สตู รการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๔ ให้เปน็ หลักสูตรแกนกลาง ของประเทศ โดยกาหนดจดุ หมาย และมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายและกรอบทิศทางในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ให้เป็นคนดี มีปัญญา มีคุณภาพชีวิตท่ีดีและมีขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีระดับโลก (กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๔๔) พรอ้ มกนั น้ีไดป้ รับกระบวนการพฒั นาหลักสูตรให้มีความสอดคล้องกับเจตนารมณ์แห่งพระราชบัญญัติการศึกษา แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และท่ีแกไ้ ขเพมิ่ เตมิ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ ท่ีมุ่งเน้นการกระจายอานาจทางการศึกษาให้ท้องถิ่น และสถานศึกษาได้มีบทบาทและมีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร เพ่ือให้สอดคล้องกับสภาพ และความต้องการของ ทอ้ งถนิ่ (สานักนายกรฐั มนตรี, ๒๕๔๒) จากการวิจัย และติดตามประเมินผลการใช้หลักสูตรในช่วงระยะ ๖ ปีที่ผ่านมา (สานักวิชาการและมาตรฐาน การศกึ ษา, ๒๕๔๖ ก., ๒๕๔๖ ข., ๒๕๔๘ ก., ๒๒๕๔๘ข.; สานกั งานเลขาธิการสภาการศึกษา, ๒๕๔๗; สานักผตู้ รวจ ราชการและติดตามประเมินผล, ๒๕๔๘; สุวิมล ว่องวาณิช และนงลักษณ์ วิรัชชัย, ๒๕๔๗; Nutravong, ๒๐๐๒; Kittisunthorn, ๒๐๐๓) พบว่า หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๔ มีจุดดีหลายประการ เช่น ช่วย ส่งเสริมการกระจายอานาจทางการศึกษาทาให้ท้องถิ่นและสถานศึกษามีส่วนร่วมและมีบทบาทสาคัญในการพัฒนา หลักสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการของท้องถ่ิน และมีแนวคิดและหลักการในการส่งเสริมการพัฒนาผู้เรียนแบบ องคร์ วมอยา่ งชัดเจน อย่างไรก็ตาม ผลการศกึ ษาดงั กล่าวยงั ได้สะท้อนให้เห็นถึงประเดน็ ทีเ่ ป็นปญั หาและความ ไม่ชัดเจน ของหลกั สตู รหลายประการท้ังในสว่ นของเอกสารหลักสูตร กระบวนการนาหลกั สตู ร สกู่ ารปฏบิ ตั ิ และผลผลิตที่เกิด จากการใช้หลักสูตร ได้แก่ ปัญหาความสับสนของผู้ปฏิบัติในระดับสถานศึกษาในการพัฒนาหลักสูตรส ถานศึกษา สถานศึกษาส่วนใหญ่กาหนดสาระและผลการเรียนรู้ที่คาดหวังไว้มาก ทาให้เกิดปัญหาหลักสูตรแน่น การวัดและ ประเมนิ ผลไมส่ ะทอ้ นมาตรฐาน สง่ ผลต่อปัญหาการจัดทาเอกสารหลักฐานทางการศึกษาและการเทียบโอนผลการเรียน รวมทงั้ ปัญหาคณุ ภาพของผเู้ รียนในดา้ นความรู้ ทกั ษะ ความสามารถและคุณลักษณะทีพ่ ึงประสงคอ์ ันยงั ไมเ่ ป็นท่ีนา่ พอใจ นอกจากน้ันแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี ๑๐ ( พ.ศ. ๒๕๕๐ – ๒๕๕๔) ได้ ชี้ให้เห็นถึงความจาเป็นในการปรับเปลี่ยนจุดเน้น ในการพัฒนาคุณภาพคนในสังคมไทยให้มีคุณธรรม และมีความรอบรู้ อย่างเท่าทัน ให้มีความพร้อมท้ังด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และศีลธรรม สามารถก้าวทันการเปลี่ยนแปลงเพ่ือ นาไปสู่สังคมฐานความรู้ไดอ้ ยา่ งมน่ั คง แนวการพฒั นาคนดงั กล่าวมงุ่ เตรียมเด็กและเยาวชนให้มพี ืน้ ฐานจิตใจที่ดีงาม มี จิตสาธารณะ พร้อมทั้งมสี มรรถนะทกั ษะและความรู้พนื้ ฐานท่ีจาเป็นในการดารงชีวิต อนั จะสง่ ผลต่อการพัฒนาประเทศ แบบย่ังยืน (สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, ๒๕๔๙) ซ่ึงแนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายของ กระทรวงศึกษาธิการในการพัฒนาเยาวชนของชาติเข้าสู่โลกยุคศตวรรษท่ี ๒๑ โดยมุ่งส่งเสริมผู้เรียนมีคุณธรรม รักความ เป็นไทย ให้มีทักษะการคิดวิเคราะห์ สร้างสรรค์ มีทักษะด้านเทคโนโลยี สามารถทางานร่วมกับผู้อื่น และสามารถอยู่ ร่วมกบั ผอู้ น่ื ในสงั คมโลกไดอ้ ยา่ งสนั ติ (กระทรวงศกึ ษาธิการ, ๒๕๕๑) หลักสตู รกล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ระดบั ช้ันมัธยมศึกษาตอนตน้ ๑

วสิ ัยทัศนห์ ลักสูตร หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคนให้เป็นมนุษย์ที่มีความสมดุลท้ังด้านร่างกาย ความรู้ คุณธรรม มีจิตสานึกในความเป็นไทยและเป็นพลโลก ยึดม่ันในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความรู้ และทักษะพื้นฐาน รวมท้ัง เจตคติ ท่ีจาเป็นต่อการศึกษาต่อ การประกอบ อาชีพ และการศึกษาตลอดชีวิต โดยมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญบนพื้นฐานความเช่ือว่า ทุกคนสามารถเรียนรู้ และพัฒนา ตนเองไดเ้ ตม็ ตามศกั ยภาพ หลกั การ หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน มีหลกั การทสี่ าคญั ดังน้ี ๑. เป็นหลกั สูตรการศกึ ษาเพือ่ ความเปน็ เอกภาพของชาติ มจี ุดหมายและมาตรฐานการเรียนรเู้ ป็นเปา้ หมาย สาหรับพฒั นาเด็กและเยาวชนใหม้ คี วามรู้ ทกั ษะ เจตคติ และคณุ ธรรมบนพน้ื ฐานของความเป็นไทยควบคกู่ ับความเปน็ สากล ๒. เป็นหลักสตู รการศึกษาเพ่ือปวงชน ทีป่ ระชาชนทุกคนมีโอกาสไดร้ บั การศึกษาอย่างเสมอภาค และมีคณุ ภาพ ๓. เปน็ หลักสตู รการศกึ ษาทส่ี นองการกระจายอานาจ ใหส้ ังคมมีสว่ นรว่ มในการจดั การศึกษาใหส้ อดคลอ้ งกับ สภาพและความตอ้ งการของทอ้ งถิน่ ๔. เป็นหลกั สตู รการศกึ ษาทม่ี ีโครงสรา้ งยืดหยุน่ ทง้ั ดา้ นสาระการเรยี นรู้ เวลาและการจัด การเรียนรู้ ๕. เปน็ หลักสูตรการศกึ ษาทเี่ นน้ ผู้เรยี นเป็นสาคัญ ๖. เป็นหลักสตู รการศกึ ษาสาหรบั การศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอธั ยาศยั ครอบคลมุ ทกุ กลุ่มเป้าหมาย สามารถเทยี บโอนผลการเรยี นรู้ และประสบการณ์ จุดหมาย หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน ม่งุ พฒั นาผู้เรยี นใหเ้ ปน็ คนดี มปี ญั ญา มคี วามสขุ มศี กั ยภาพใน การศกึ ษาตอ่ และประกอบอาชีพ จงึ กาหนดเป็นจดุ หมายเพื่อใหเ้ กดิ กับผ้เู รียนเมื่อจบการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน ดงั น้ี ๑. มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นิยมที่พงึ ประสงค์ เห็นคุณคา่ ของตนเอง มวี ินัยและปฏบิ ตั ติ นตามหลักธรรม ของพระพทุ ธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนบั ถอื ยดึ หลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง ๒. มีความรู้ ความสามารถในการส่อื สาร การคดิ การแกป้ ัญหา การใช้เทคโนโลยี และมีทกั ษะชีวิต ๓. มสี ขุ ภาพกายสุขภาพจิตที่ดี มสี ขุ นสิ ยั และรกั การออกกาลังกาย ๔. มีความรกั ชาติ มีจติ สานึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมัน่ ในวถิ ีชีวิตและการปกครองตาม ระบอบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษตั รยิ ์ทรงเป็นประมขุ ๕. มจี ติ สานึกในการอนุรกั ษ์วฒั นธรรมและภมู ปิ ญั ญาไทย การอนุรกั ษแ์ ละพัฒนาส่งิ แวดลอ้ ม มีจติ สาธารณะท่ี มุ่งทาประโยชน์และสรา้ งส่งิ ทีด่ ีในสงั คม และอยรู่ ่วมกนั ในสังคมอยา่ งมีความสขุ หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาตอนตน้ ๒

สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ในการพัฒนาผู้เรยี นตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน มงุ่ เนน้ พัฒนาผเู้ รยี นให้มคี ณุ ภาพตาม มาตรฐานท่ีกาหนด ซ่ึงจะชว่ ยใหผ้ ู้เรยี นเกดิ สมรรถนะสาคญั และคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ดงั นี้ สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น ๕ ประการ คอื ๑) ความสามารถในการสือ่ สาร เปน็ ความสามารถในการรับและส่งสาร ท่ีใช้ถ่ายทอดความคิด ความรู้ ความ เข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพ่ือแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการ พัฒนาตนเองและสังคม รวมทัง้ การเจรจาตอ่ รองเพ่อื ขจัดและลดปญั หาความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูล ข่าวสารด้วยหลกั เหตผุ ลและความถกู ต้อง ตลอดจนการเลือกใชว้ ิธกี ารสอื่ สารที่มีประสิทธิภาพโดยคานึงถึงผลกระทบท่ีมี ตอ่ ตนเองและสังคม ๒) ความสามารถในการคิด เปน็ ความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่างสร้างสรรค์ การคดิ อย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนพไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศเพื่อตัดสินใจเก่ียวกับ ตนเองและสังคมไดอ้ ย่างเหมาะสม ๓) ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรค์ต่าง ๆ ท่ีเผชิญได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์และการเปล่ียนแปลงของ เหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา มีการตัดสินใจที่มี ประสิทธภิ าพ โดยคานึงถงึ ผลกระทบทีเ่ กิดต่อตนเอง สังคมและสิง่ แวดล้อม ๔) ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ เปน็ ความสามารถในการนากระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการดาเนินชีวิต ในประจาวนั การเรียนรูด้ ้วยตนเอง การเรียนรู้อยา่ งตอ่ เนื่อง การทางาน และการอยรู่ ว่ มกันในสังคมด้วยการสร้างเสริม ความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันการ เปลยี่ นแปลงของสงั คมและสภาพสงั คม และการรจู้ กั หลกี เลย่ี งพฤตกิ รรมไมพ่ งึ ประสงค์ ส่งผลกระทบต่อตนเองและผูอ้ นื่ ๕) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี เปน็ ความสามารถในการเลอื ก และใชเ้ ทคโนโลยีดา้ นต่าง ๆ และมีทักษะ กระบวนการทางเทคโนโลยี เพ่ือการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การส่ือสาร การทางาน การแก้ปัญหา อยา่ งสรา้ งสรรค์ ถูกต้องเหมาะสม และมีคุณธรรม คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ คุณลักษณะอันพึงประสงค์มุ่งเน้นให้ผู้เรียนสามารถอยู่รวมกับผู้อ่ืนในสังคมได้อย่างมีความสุข ในฐานะเป็น พลเมืองไทยและพลโลก ๘ ข้อ นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้สถานศึกษาสามารถกาหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพิ่มเตมิ ให้สอดคลอ้ งตามบรบิ ทและจดุ เนน้ ของตนเองได้ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ๑. รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ ๕. อยอู่ ยา่ งพอเพียง ๒. ซ่ือสัตยส์ ุจริต ๖. มุง่ มน่ั ในการทางาน ๓. มีวนิ ยั ๗. รักความเป็นไทย ๔. ใฝ่ เรียนรู้ ๘. มีจิตสาธารณะ หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ ๓

โครงสรา้ งหลกั สตู รโรงเรยี นเข่อื นผากวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามหลกั สูตรการศกึ ษาพระปรยิ ตั ธิ รรม แผนกสามัญศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามนโยบายลดเวลาเรยี นเพ่มิ เวลารู้ ของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร เวลาเรียน กลุ่มสาระกาเรยี นรู้/กจิ กรรม ระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น ม.1 ม.๒ ม.๓ ชัว่ โมง ชวั่ โมง ชวั่ โมง กลมุ่ สาระกาเรยี นรู้ - ภาษาไทย 120(3นก.) 120(3นก.) 120(3นก.) - คณิตศาสตร์ 120(3นก.) 120(3นก.) 120(3นก.) - วิทยาศาสตร์ 120(3นก.) 120(3นก.) 120(3นก.) - สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม 160(4นก.) 160(4นก.) 160(4นก.) - ประวัติศาสตร์ 40 (1 นก.) 40 (1 นก.) 40 (1 นก.) - ศาสนา ศลี ธรรม จริยธรรม - หน้าทีพ่ ลเมอื ง 1๒0(2นก.) 120(2นก.) 120(2นก.) - เศรษฐศาสตร์ - ภูมิศาสตร์ - สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา 40 (1 นก.) 40 (1 นก.) 40 (1 นก.) - ศลิ ปะ 40 (1 นก.) 40 (1 นก.) 40 (1 นก.) - การงานอาชีพและเทคโนโลยี 80 (2 นก.) 80 (2 นก.) 80 (2 นก.) - ภาษาต่างประเทศ 120(3นก.) 120(3นก.) 120(3นก.) รวมเวลาเรยี น (พน้ื ฐาน) 800 (20) 800 (20) 800 (20) - รายวชิ าเพมิ่ เตมิ ตามจุดเนน้ ของ รร. - ภาษาบาลี 2๐0(๕นก.) 2๐0(๕นก.) 2๐0(๕นก.) -พระพทุ ธศาสนา - ธรรม,กระทู้ 40 (1 นก) 40 (1 นก) 40 (1 นก) - พุทธประวตั ,ิ ศาสนพธิ ี 40 (1 นก) 40 (1 นก) 40 (1 นก) - วนิ ัย,พระราชบญั ญตั คิ ณะสงฆ์ 40 (1 นก) 40 (1 นก) 40 (1 นก) -หนา้ ท่พี ลเมอื ง 40 (1 นก) 40 (1 นก) 40 (1 นก) รวมเวลาเรยี นรายวิชาเพมิ่ เตมิ 280(7 นก) 280(7 นก) 280(7 นก) กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รียน - กจิ กรรมแนะแนว - กิจกรรมนักเรยี น ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ กจิ ของสงฆ์ กจิ กรรมชมุ นุม - กิจกรรมเพอ่ื สังคมและ สาธารณประโยชน์ - รวมเวลากจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น 120(3 นก) 120(3 นก) 120(3 นก) รวมเวลาเรยี น ไม่น้อยกวา่ 1,200 ไม่น้อยกว่า 1,200 ไม่นอ้ ยกว่า 1,200 ชม./ปี ชม./ปี ชม./ปี หมายเหตุ ปรบั โครงสร้างเวลาเรยี นให้สอดคล้องกบั หลกั สูตรการศึกษาพระปรยิ ตั ิธรรม แผนกสามัญศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามหลกั สตู ร แกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาตอนตน้ ๔

คณุ ภาพผู้เรยี น จบชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๓  อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองเป็นทานองเสนาะได้ถูกต้อง เข้าใจความหมายโดยตรงและ ความหมายโดยนยั จบั ใจความสาคัญและรายละเอียดของส่งิ ท่ีอ่าน แสดงความคิดเหน็ และข้อโต้แย้งเกี่ยวกับเร่ืองท่ีอ่าน และเขียนกรอบแนวคิด ผังความคิด ย่อความ เขียนรายงานจากสิ่งที่อ่าน วิเคราะห์ วิจารณ์ อย่างมีเหตุผล ลาดับ ความอยา่ งมขี ้ันตอนและความเป็นไปได้ของเร่ืองท่ีอ่าน รวมท้ังประเมินความถูกต้องของข้อมูลท่ีใช้สนับสนุนจากเรื่องท่ี อ่าน  เขียนสื่อสารด้วยลายมือท่ีอ่านง่าย ชัดเจน ใช้ถ้อยคาได้ถูกต้องเหมาะสมตามระดับภาษา เขียนคาขวัญ คาคม คาอวยพรในโอกาสต่างๆ โฆษณา คติพจน์ สุนทรพจน์ ชีวประวัติ อัตชีวประวัติ และประสบการณ์ต่างๆ เขียนยอ่ ความ จดหมายธรุ กิจ แบบกรอกสมคั รงาน  เขยี นวเิ คราะหว์ ิจารณ์ และแสดงความรู้ ความคิด หรือข้อโต้แย้งอย่างมีเหตุผล ตลอดจนเขียนรายงาน การศกึ ษา ค้นคว้า และเขยี นโครงงาน  พูดแสดงความคิดเห็น วิเคราะห์ วิจารณ์ ประเมินสิ่งท่ีได้จากการฟังและดู นาข้อคิดไปประยุกต์ใช้ใน ชีวติ ประจาวนั พดู รายงานเรือ่ งหรอื ประเด็นท่ีได้จากการศึกษาค้นคว้าอย่างเป็นระบบ มีศิลปะในการพูด พูดในโอกาส ตา่ งๆ ไดต้ รงตามวัตถปุ ระสงค์ และพดู โนม้ นา้ วอยา่ งมีเหตผุ ลน่าเช่ือถือ รวมท้ังมีมารยาทในการฟงั ดู และพดู  เข้าใจและใช้คาราชาศัพท์ คาบาลีสันสกฤต คาภาษาต่างประเทศอื่นๆ คาทับศัพท์และศัพท์บัญญัติใน ภาษาไทย  วิเคราะห์ความแต่งต่างในภาษาพูด ภาษาเขยี น โครงสรา้ งของประโยครวม ประโยคซ้อน ลักษณะภาษา ที่เปน็ ทางการ กง่ึ ทางการ และไม่เป็นทางการ รวมทัง้ แตง่ บทร้อยกรองประเภทกลอนสภุ าพ กาพย์ และโคลงสี่สุภาพ สรุปเน้ือหาวรรณคดี และวรรณกรรมที่อ่าน วิเคราะห์ตัวละครสาคัญ วิถีชีวิตไทย และคุณค่าที่ได้รับจากวรรณคดี วรรณกรรม และบทอาขยาน พร้อมท้งั สรุปความรู้ ขอ้ คิดเพ่ือนาไปประยุกต์ใช้ในชีวติ จรงิ สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ สาระที่ ๑ : การอา่ น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสรา้ งความรู้และความคดิ เพื่อนาไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดาเนิน ชวี ติ และมนี สิ ยั รักการอ่าน สาระที่ ๒ : การเขียน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขียน เขยี นสือ่ สาร เขียนเรียงความ ย่อความและเขยี นเรอ่ื งราวในรูปแบบ ต่าง ๆ เขียนรายงานข้อมลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ คว้าอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ สาระท่ี ๓ : การฟัง การดู และการพดู มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ความคิด ความรู้สึกใน โอกาสต่าง ๆ อย่างมวี ิจารณญาณและสรา้ งสรรค์ สาระท่ี ๔ : หลักการใช้ภาษา มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลังของ ภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบัตขิ องชาติ สาระที่ ๕ : วรรณคดแี ละวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่า และ นามาประยกุ ต์ใช้ในชีวิต หลักสตู รกล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ ๕

ตัวชว้ี ัดและสาระการเรยี นรู้แกนกลาง สาระที่ ๑ การอา่ น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิด เพื่อนาไปใช้ตัดสินใจแก้ปัญหาในการดาเนินชีวิต และมนี ิสัยรักการอา่ น ตัวช้วี ัดชนั้ ปี ม.๑ ม.๒ ม.๓ ๑. อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ และ ๑. อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแก้ว ๑. อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแก้วและ บทรอ้ ยกรองได้ถกู ต้องและ และบทร้อยกรองได้ถูกตอ้ ง บทรอ้ ยกรองได้ถกู ตอ้ ง เหมาะสมกับเรื่องที่อา่ น ๒. ระบุความแตกต่างของคา เหมาะสมกบั เรอื่ งท่อี า่ น ๒. จบั ใจความสาคัญ สรปุ ความ ที่มีความหมายโดยตรง และ ความหมายโดยนยั ๒. จับใจความสาคญั จากเรอื่ งทีอ่ า่ น และอธบิ ายรายละเอียดจาก ๓. ระบุใจความสาคัญและ รายละเอยี ดของขอ้ มลู ๓. ระบเุ หตุและผล และข้อเทจ็ จรงิ กบั เรอ่ื งทอ่ี ่าน ที่สนับสนุน จากเรอื่ งทอี่ ่าน ๔. อา่ นเรอ่ื งตา่ งๆ แลว้ เขยี น ขอ้ คิดเหน็ จากเรอ่ื งทอ่ี ่าน ๓. เขียนผังความคดิ เพือ่ แสดง กรอบแนวคดิ ผังความคิด บนั ทึก ย่อความและรายงาน ๔.ระบุและอธบิ ายคาเปรยี บเทยี บและคาที่ ความเขา้ ใจในบทเรียนต่าง ๆ ทอ่ี ่าน ๕. วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และ ประเมินเรอื่ งทีอ่ า่ นโดยใช้ มีหลายความหมายในบรบิ ทต่างๆ จาก ๔. อภิปรายแสดงความคิดเห็น กลวิธีการเปรยี บเทยี บ เพือ่ ใหผ้ อู้ ่านเข้าใจได้ดขี ้นึ การอา่ น และขอ้ โตแ้ ยง้ เกย่ี วกบั เรอื่ งทอ่ี า่ น ๖. ประเมนิ ความถกู ตอ้ งของ ขอ้ มูลทใ่ี ช้ สนับสนนุ ในเรอ่ื งที่อา่ น ๕. ตีความคายากในเอกสารวิชาการ ๕. วเิ คราะห์และจาแนก ๗. วิจารณค์ วามสมเหตุสมผล การลาดบั ความและความเปน็ ไปได้ ของ โดยพิจารณาจากบรบิ ท ข้อเท็จจรงิ ขอ้ มูลสนบั สนุน เรอ่ื ง ๘. วิเคราะหเ์ พื่อแสดงความ ๖. ระบขุ อ้ สงั เกตและความ และขอ้ คิดเห็นจากบทความทอี่ ่าน คิดเห็นโตแ้ ยง้ เกย่ี วกบั เร่ืองทอี่ ่าน ๙. ตคี วามและประเมนิ คณุ ค่า สมเหตุสมผลของงานเขยี น ๖. ระบขุ ้อสงั เกตการชวนเช่อื และแนวคิด ท่ีไดจ้ ากงานเขยี น อยา่ งหลากหลาย เพือ่ นาไปใช้ ประเภทชกั จงู โนม้ น้าวใจ การโน้มน้าว หรือความ แก้ปัญหาในชีวติ ๑๐. มมี ารยาทในการอา่ น ๗. ปฏิบัติตามคมู่ อื แนะนา สมเหตุสมผลของงานเขียน วิธีการใช้งานของเครื่องมือ ๗. อ่านหนังสือ บทความหรอื หรอื เครอ่ื งใช้ในระดบั ทย่ี ากขึน้ คาประพันธอ์ ย่างหลากหลาย ๘. วเิ คราะหค์ ณุ ค่าท่ีไดร้ ับจาก การอ่าน และประเมินคณุ คา่ หรือ งานเขยี นอยา่ หลากหลาย เพอื่ นาไปใช้ แนวคดิ ท่ไี ด้จากการอา่ นเพอ่ื แก้ปัญหาในชวี ติ นาไปใช้แกป้ ญั หาในชวี ติ ๙. มมี ารยาทในการอ่าน ๘. มีมารยาทในการอา่ น หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาตอนตน้ ๖

สาระที่ ๒ การเขยี น มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนส่ือสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวในรูปแบบ ต่างๆ เขยี นรายงานข้อมลู สารสนเทศและ รายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธิภาพ ม.๑ ตวั ช้วี ัดชน้ั ปี ม.๓ ๑. คัดลายมือตัวบรรจง ม.๒ ๑. คดั ลายมอื ตวั บรรจง คร่งึ บรรทัด ๑. คดั ลายมอื ตัวบรรจง ครงึ่ บรรทดั ๒. เขียนสอ่ื สารโดยใชถ้ ้อยคา ครึง่ บรรทัด ๒. เขียนขอ้ ความโดยใช้ ถูกต้อง ชัดเจน เหมาะสม และ ๒. เขียนบรรยายและพรรณนา ถอ้ ยคาได้ถกู ต้องตาม สละสลวย ๓. เขยี นเรียงความ ระดบั ภาษา ๓. เขียนบรรยายประสบการณ์ ๔. เขยี นย่อความ ๓. เขียนชวี ประวัติหรือ โดยระบสุ าระสาคญั และ ๕. เขียนรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ อัตชีวประวัตโิ ดยเลา่ เหตุการณ์ รายละเอยี ดสนับสนุน ๖. เขยี นจดหมายกจิ ธุระ ข้อคิดเห็น และทศั นคติใน ๔. เขียนเรยี งความ ๗. เขียนวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และ เรือ่ งตา่ งๆ ๕. เขียนย่อความจากเรอ่ื งทอ่ี า่ น ๔. เขียนย่อความ ๖. เขยี นแสดงความคดิ เหน็ แสดงความรู้ ความคิดเหน็ ๕. เขียนจดหมายกจิ ธุระ เก่ียวกับสาระจากส่ือท่ไี ดร้ ับ หรอื โต้แย้งในเรือ่ งที่อา่ นอยา่ ง ๖. เขียนอธบิ าย ช้แี จง แสดง ๗. เขียนจดหมายสว่ นตวั มเี หตุผล ความคิดเหน็ และโต้แยง้ อย่าง และจดหมาย กิจธุระ ๘. มมี ารยาทในการเขยี น มีเหตผุ ล ๘. เขยี นรายงานการศึกษาค้นคว้า ๗. เขียนวเิ คราะห์ วจิ ารณ์ และโครงงาน และแสดงความรู้ ความคดิ เหน็ ๙. มมี ารยาทในการเขยี น หรอื โต้แยง้ ในเรื่องต่างๆ ๘. กรอกแบบสมัครงานพรอ้ ม เขยี นบรรยายเกย่ี วกับความรู้ และทักษะของตนเองที่เหมาะสม กับงาน ๙. เขียนรายงานการศึกษาคน้ ควา้ และโครงงาน ๑๐. มมี ารยาทในการเขยี น หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาตอนตน้ ๗

สาระท่ี ๓ การฟัง การดู และการพดู มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟงั และดูอยา่ งมีวจิ ารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคดิ และความรู้สกึ ในโอกาส ตา่ งๆ อยา่ งมีวจิ ารณญาณและสร้างสรรค์ ม.๑ ตัวชวี้ ดั ชน้ั ปี ม.๓ ๑. พดู สรุปใจความสาคญั ม.๒ ๑. แสดงความคดิ เหน็ และ ของเร่อื งที่ฟังและดู ๑. พดู สรุปใจความสาคญั ประเมนิ เรอ่ื งจากการฟงั และ ๒. เลา่ เรือ่ งย่อจากเรอ่ื งท่ีฟังและดู ของเรือ่ งทฟี่ งั และดู การดู ๓. พูดแสดงความคิดเห็น ๒. วเิ คราะหแ์ ละวิจารณ์เรอ่ื ง ๒. วิเคราะหข์ อ้ เท็จจริงขอ้ คดิ เห็น ท่ฟี ังและดูเพ่ือนาข้อคดิ มา อย่างสรา้ งสรรคเ์ กีย่ วกับเร่ือง และความน่าเช่อื ถือของ ประยุกต์ใช้ในการดาเนนิ ชวี ติ ทฟี่ ังและดู ข่าวสารจากสื่อต่างๆ ๓. พูดรายงานเร่ืองหรอื ๔. ประเมินความน่าเช่ือถือของสื่อ ประเด็นทศี่ กึ ษาคน้ คว้า จาก ที่มีเนื้อหาโน้มนา้ วใจ ๓. วิเคราะหแ์ ละวจิ ารณ์เรอ่ื งท่ีฟังและดู การฟัง การดู และ ๕. พดู รายงานเร่อื งหรอื ประเด็นที่ อย่างมเี หตผุ ลเพ่ือนา การสนทนา ศึกษาค้นควา้ จากการฟงั การดู ขอ้ คดิ มาประยุกต์ใช้ในการ ๔. พูดในโอกาสต่างๆ ได้ตรงตามวตั ถุประสงค์ และการสนทนา ดาเนนิ ชวี ิต ๕. พูดโน้มนา้ วโดยนาเสนอ ๖. มมี ารยาทในการฟงั การดู และ หลกั ฐานตาม ลาดบั เนื้อหา การพดู ๔. พูดในโอกาสต่างๆได้ตรงตาม อย่างมเี หตผุ ล และนา่ เชอ่ื ถือ วตั ถปุ ระสงค์ ๖. มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพูด ๕. พดู รายงานเรือ่ งหรือประเด็นที่ศึกษา คน้ คว้า ๖. มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพดู สาระท่ี ๔ หลกั การใชภ้ าษาไทย มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษาและพลังของภาษา ภูมิ ปัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบตั ขิ องชาติ ม.๑ ตัวชีว้ ัดชน้ั ปี ม.๓ ๑. อธบิ ายลกั ษณะของเสยี ง ม.๒ ๑. จาแนกและใช้คา ในภาษาไทย ๑. สรา้ งคาในภาษาไทย ภาษาตา่ งประเทศทใี่ ช้ ๒. สรา้ งคาในภาษาไทย ๒. วเิ คราะหโ์ ครงสรา้ งประโยค ในภาษาไทย ๓. วิเคราะหช์ นิดและหน้าที่ ๒. วเิ คราะหโ์ ครงสรา้ งประโยค สามญั ประโยครวมและ ซบั ซอ้ น ของคาในประโยค ประโยคซอ้ น ๓. วเิ คราะห์ระดับภาษา ๔. วเิ คราะห์ความแตกตา่ ง ๓. แตง่ บทรอ้ ยกรอง ๔. ใช้คาทับศพั ทแ์ ละศพั ท์บัญญัติ ๔. ใช้คาราชาศพั ท์ ๕. อธบิ ายความหมายคาศัพทท์ างวชิ าการและ ของภาษาพูดและภาษาเขียน ๕. รวบรวม และอธิบาย วิชาชีพ ๕. แตง่ บทรอ้ ยกรอง ความหมายของคา ๖. แต่งบทรอ้ ยกรอง ๖. จาแนกและใชส้ านวน ภาษาต่างประเทศท่ใี ชใ้ น ภาษาไทย ท่ีเป็นคาพังเพยและสุภาษติ หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ๘

สาระที่ ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่าและนามา ประยุกตใ์ ช้ในชีวติ จรงิ ม.๑ ตัวชว้ี ัดชัน้ ปี ม.๓ ๑. สรปุ เน้อื หาวรรณคดีและ ม.๒ ๑. สรปุ เนื้อหาวรรณคดี วรรณกรรมท่ีอา่ น ๑. สรุปเนื้อหาวรรณคดีและ วรรณกรรม และวรรณกรรม ๒. วิเคราะหว์ รรณคดแี ละ วรรณกรรมทีอ่ า่ นในระดบั ทอ้ งถ่ิน ในระดบั ท่ยี ากยิ่งขนึ้ ทยี่ ากขน้ึ ๒. วิเคราะหว์ ถิ ไี ทย และคณุ ค่า วรรณกรรมที่อ่านพรอ้ ม จากวรรณคดี และวรรณกรรม ทีอ่ า่ น ยกเหตุผลประกอบ ๒. วิเคราะห์และวจิ ารณ์ ๓. สรุปความรูแ้ ละขอ้ คดิ จาก ๓. อธบิ ายคณุ ค่าของวรรณคดีและ วรรณคดีวรรณกรรมและ การอ่าน เพอ่ื นาไปประยุกต์ วรรณกรรมทีอ่ า่ น วรรณกรรมทอ้ งถนิ่ ที่อ่าน ใช้ในชีวิตจรงิ ๔. สรุปความรแู้ ละข้อคดิ จาก พร้อมยกเหตุผลประกอบ ๔. ท่องจาและบอกคุณคา่ การอ่าน เพ่ือประยุกตใ์ ช้ใน บทอาขยานตามที่กาหนด ชวี ติ จริง ๓. อธิบายคุณคา่ ของ และบทร้อยกรองท่มี คี ณุ ค่าตามความ ๕. ทอ่ งจาบทอาขยานตามที่ วรรณคดี และวรรณกรรม สนใจและนาไปใชอ้ ้างองิ กาหนดและบทรอ้ ยกรอง ที่อ่าน ทมี่ ีคุณคา่ ตามความสนใจ ๔. สรปุ ความรูแ้ ละขอ้ คดิ จากการอ่านไป ประยกุ ต์ใช้ในชีวิตจริง ๕. ทอ่ งจาบทอาขยานตามที่ กาหนด และบทรอ้ ยกรอง ที่มีคณุ คา่ ตามความสนใจ หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ๙

ตัวช้วี ดั และสาระการเรยี นรู้แกนกลาง ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑ สาระท่ี ๑ การอา่ น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอา่ นสรา้ งความรู้และความคดิ เพอ่ื นาไปใชต้ ดั สินใจ แก้ปัญหาในการดาเนินชีวิต และมี นสิ ยั รกั การอา่ น ตัวชีว้ ดั สาระการเรียนร้แู กนกลาง ๑. อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ และ บท  การอา่ นออกเสยี ง ประกอบดว้ ย รอ้ ยกรองได้ถกู ตอ้ งเหมาะสมกบั เร่อื งที่ - บทร้อยแก้วทเ่ี ปน็ บทบรรยาย อ่าน - บทรอ้ ยกรอง เชน่ กลอนสุภาพ กลอนสกั วา กาพย์ยานี ๑๑ กาพยฉ์ บงั ๑๖ กาพย์ สรุ างคนางค์ ๒๘ และโคลงสี่สภุ าพ ๒. จับใจความสาคญั จากเรือ่ งทีอ่ า่ น การอา่ นจับใจความจากสอ่ื ตา่ งๆ เชน่ ๓. ระบเุ หตแุ ละผล และขอ้ เทจ็ จรงิ กับ - เร่อื งเลา่ จากประสบการณ์ ข้อคดิ เห็นจากเรื่องที่อ่าน - เรอ่ื งส้นั ๔. ระบแุ ละอธิบายคาเปรียบเทียบ และคาที่ - บทสนทนา มีหลายความหมายในบริบทต่างๆ จาก - นิทานชาดก การอา่ น - วรรณคดีในบทเรยี น ๕. ตีความคายากในเอกสารวิชาการ โดย - งานเขียนเชงิ สรา้ งสรรค์ พจิ ารณาจากบริบท - บทความ ๖. ระบุข้อสงั เกตและความสมเหตสุ มผลของ - สารคดี งานเขยี นประเภทชักจูง โน้มนา้ วใจ - บันเทงิ คดี - เอกสารทางวชิ าการที่มีคา ประโยค และขอ้ ความทตี่ ้องใชบ้ รบิ ทชว่ ยพิจารณา ความหมาย - งานเขยี นประเภทชักจูงโนม้ นา้ วใจเชงิ สร้างสรรค์ ๗. ปฏิบัตติ ามคมู่ อื แนะนาวิธกี ารใช้งาน การอ่านและปฏิบัตติ ามเอกสารคมู่ อื ของเคร่ืองมือหรือเครื่องใช้ในระดับทย่ี าก ขนึ้ ๘. วิเคราะหค์ ณุ ค่าท่ไี ด้รบั จากการอา่ นงาน การอา่ นหนังสอื ตามความสนใจ เชน่ เขียนอย่างหลากหลายเพอ่ื นาไปใช้ - หนังสอื ท่นี ักเรียนสนใจและเหมาะสมกับวัย แกป้ ญั หาในชวี ติ - หนังสืออ่านทีค่ รูและนกั เรยี นกาหนดร่วมกัน ๙. มีมารยาทในการอา่ น มารยาทในการอา่ น หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาตอนตน้ ๑๐

สาระที่ ๒ การเขียน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี นเขยี นสอ่ื สาร เขยี นเรียงความ ยอ่ ความ และเขียนเรอื่ งราวในรปู แบบต่างๆ เขยี นรายงาน ข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้าอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ตัวช้วี ดั สาระการเรียนร้แู กนกลาง ๑. คัดลายมือตัวบรรจงครงึ่ บรรทดั การคัดลายมือตวั บรรจงครึ่งบรรทดั ตามรูปแบบการเขียนตวั อักษรไทย ๒. เขียนสื่อสารโดยใช้ถอ้ ยคาถกู ตอ้ งชดั เจน การเขยี นสอ่ื สาร เชน่ เหมาะสม และสละสลวย - การเขยี นแนะนาตนเอง - การเขียนแนะนาสถานท่ีสาคญั ๆ - การเขยี นบนสื่ออิเล็กทรอนกิ ส์ ๓. เขียนบรรยายประสบการณโ์ ดยระบุ การบรรยายประสบการณ์ สาระสาคัญและรายละเอยี ดสนบั สนนุ ๔. เขียนเรยี งความ การเขียนเรยี งความเชงิ พรรณนา ๕. เขยี นย่อความจากเรอื่ งทอ่ี า่ น การเขียนย่อความจากสอื่ ตา่ งๆ เชน่ เร่อื งสนั้ คาสอน โอวาท คา ปราศรยั สุนทรพจน์ รายงาน ระเบยี บ คาสัง่ บทสนทนา เรื่องเล่า ประสบการณ์ ๖. เขียนแสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั สาระ การเขยี นแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกับสาระจากส่ือตา่ งๆ เชน่ จากส่อื ทีไ่ ด้รบั - บทความ - หนังสืออา่ นนอกเวลา - ข่าวและเหตกุ ารณป์ ระจาวนั - เหตกุ ารณส์ าคญั ตา่ งๆ ๗. เขียนจดหมายส่วนตวั และจดหมาย กิจ การเขียนจดหมายสว่ นตวั ธุระ - จดหมายขอความช่วยเหลอื - จดหมายแนะนา  การเขยี นจดหมายกจิ ธรุ ะ - จดหมายสอบถามข้อมลู ๘. เขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าและ การเขยี นรายงาน ได้แก่ โครงงาน - การเขียนรายงานจากการศึกษาค้นควา้ - การเขียนรายงานโครงงาน ๙. มีมารยาทในการเขยี น มารยาทในการเขียน หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดับชัน้ มัธยมศึกษาตอนตน้ ๑๑

สาระท่ี ๓ การฟัง การดู และการพดู มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และความรู้สึกในโอกาส ต่างๆ อยา่ งมวี จิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์ ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ๑. พดู สรุปใจความสาคญั ของเร่ืองท่ฟี ังและ  การพูดสรปุ ความ พดู แสดงความรู้ ความคดิ อย่างสรา้ งสรรค์จาก ดู เรอ่ื งทฟี่ ังและดู ๒. เลา่ เรือ่ งย่อจากเร่ืองท่ีฟังและดู  การพดู ประเมินความนา่ เชื่อถอื ของส่ือท่ีมีเนือ้ หาโนม้ นา้ ว ๓. พูดแสดงความคิดเหน็ อย่างสรา้ งสรรค์ การพูดรายงานการศึกษาคน้ คว้าจากแหล่งเรียนรตู้ ่างๆ ในชุมชน และทอ้ งถ่ิน เกยี่ วกบั เรือ่ งทฟ่ี ังและดู ของตน ๔. ประเมินความน่าเช่ือถอื ของสื่อ มารยาทในการฟงั การดู และการพูด ทม่ี ีเนอ้ื หาโน้มน้าวใจ ๕. พูดรายงานเรอ่ื งหรอื ประเด็นทีศ่ ึกษา ค้นคว้าจากการฟัง การดู และการ สนทนา ๖. มีมารยาทในการฟัง การดู และการ พดู สาระที่ ๔ หลักการใชภ้ าษาไทย มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษา และพลงั ของภาษา ภมู ิปญั ญา ทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบตั ิของชาติ ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ๑. อธบิ ายลักษณะของเสยี งใน เสียงในภาษาไทย ภาษาไทย ๒. สรา้ งคาในภาษาไทย การสร้างคา - คาประสม คาซ้า คาซอ้ น ๓. วิเคราะห์ชนิดและหนา้ ทข่ี องคาใน - คาพอ้ ง ประโยค ชนิดและหนา้ ทีข่ องคา ๔. วเิ คราะหค์ วามแตกตา่ งของภาษาพูดและ ภาษาเขยี น ภาษาพูด ภาษาเขยี น ๕. แตง่ บทรอ้ ยกรอง กาพยย์ านี ๑๑ ๖. จาแนกและใช้สานวนทเ่ี ป็นคาพังเพยและ สานวนทเี่ ป็นคาพงั เพยและสภุ าษิต สภุ าษติ หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ระดับช้ันมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ๑๒

สาระที่ ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วจิ ารณ์วรรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอย่างเหน็ คุณค่าและนามา ประยกุ ตใ์ ช้ในชีวิตจริง ตวั ชวี้ ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ๑. สรปุ เนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมท่ี วรรณคดแี ละวรรณกรรมเกี่ยวกบั - ศาสนา อ่าน - ประเพณี - พธิ ีกรรม ๒. วิเคราะหว์ รรณคดีและวรรณกรรม ที่ - สุภาษติ คาสอน อ่านพรอ้ มยกเหตผุ ลประกอบ - เหตุการณ์ประวตั ิศาสตร์ - บนั เทงิ คดี ๓. อธบิ ายคณุ ค่าของวรรณคดแี ละ - บนั ทกึ การเดนิ ทาง วรรณกรรมท่ีอา่ น - วรรณกรรมท้องถิน่ การวเิ คราะห์คณุ คา่ และข้อคิดจากวรรณคดแี ละวรรณกรรม ๔. สรุปความรูแ้ ละขอ้ คดิ จากการอ่านเพ่อื ประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตจรงิ บทอาขยานและบทรอ้ ยกรองทม่ี ีคุณคา่ - บทอาขยานตามท่กี าหนด ๕. ทอ่ งจาบทอาขยานตามที่กาหนดและบท - บทร้อยกรองตามความสนใจ รอ้ ยกรองทีม่ คี ุณค่าตามความสนใจ หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ระดบั ชั้นมัธยมศึกษาตอนตน้ ๑๓

ตัวชว้ี ดั และสาระการเรยี นรู้แกนกลาง ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒ สาระท่ี ๑ การอา่ น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความรแู้ ละความคดิ เพอื่ นาไปใชต้ ัดสินใจ แกป้ ญั หาในการดาเนิน ชีวติ และมนี ิสยั รักการอ่าน ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ๑. อา่ นออกเสยี งบทรอ้ ยแกว้ และ บท การอ่านออกเสียง ประกอบด้วย รอ้ ยกรองไดถ้ กู ต้อง - บทรอ้ ยแก้วทีเ่ ป็นบทบรรยายและบทพรรณนา - บทรอ้ ยกรอง เช่น กลอนบทละคร กลอนนทิ าน กลอนเพลงยาว และ กาพยห์ ่อโคลง ๒. จบั ใจความสาคญั สรปุ ความ และ การอา่ นจับใจความจากส่อื ต่างๆ เช่น อธบิ ายรายละเอยี ดจากเรื่องทอี่ ่าน - วรรณคดใี นบทเรยี น ๓. เขยี นผงั ความคิดเพอ่ื แสดงความเขา้ ใจใน - บทความ บทเรยี นต่างๆ ทีอ่ ่าน - บันทึกเหตกุ ารณ์ ๔. อภปิ รายแสดงความคิดเหน็ และ ขอ้ - บทสนทนา โตแ้ ย้งเกี่ยวกับเรอ่ื งท่อี า่ น - บทโฆษณา ๕. วเิ คราะหแ์ ละจาแนกข้อเทจ็ จรงิ ขอ้ มูล - งานเขยี นประเภทโนม้ น้าวใจ สนบั สนุน และขอ้ คดิ เห็นจากบทความท่ี - งานเขยี นหรือบทความแสดงขอ้ เทจ็ จริง อา่ น - เรือ่ งราวจากบทเรยี นในกลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย และกลมุ่ สาระการ ๖. ระบุข้อสังเกตการชวนเช่อื การ โน้ม เรยี นรู้อนื่ น้าว หรอื ความสมเหตสุ มผลของงาน เขยี น ๗. อ่านหนงั สือ บทความ หรอื คาประพันธ์อย่าง การอา่ นตามความสนใจ เชน่ หลากหลาย และประเมนิ คณุ คา่ หรอื - หนังสอื อา่ นนอกเวลา แนวคดิ ที่ได้จากการอา่ น เพอื่ นาไปใช้ - หนงั สอื ที่นกั เรยี นสนใจและเหมาะสมกบั วยั แกป้ ัญหาในชวี ิต - หนงั สืออ่านที่ครูและนักเรยี นกาหนดรว่ มกนั ๘. มมี ารยาทในการอ่าน มารยาทในการอา่ น หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ระดบั ช้ันมัธยมศกึ ษาตอนตน้ ๑๔

สาระท่ี ๒ การเขียน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวในรูปแบบต่างๆ เขยี นรายงานขอ้ มลู สารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ อย่างมีประสิทธิภาพ ตวั ชวี้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ๑. คดั ลายมือตัวบรรจงครึง่ บรรทดั การคดั ลายมือตัวบรรจงครง่ึ บรรทดั ตามรปู แบบการเขยี น ตัวอกั ษรไทย ๒. เขียนบรรยายและพรรณนา การเขยี นบรรยายและพรรณนา ๓. เขยี นเรยี งความ การเขยี นเรยี งความเกยี่ วกับประสบการณ์ ๔. เขยี นย่อความ การเขยี นยอ่ ความจากส่อื ตา่ งๆ เชน่ นทิ าน คาสอน บทความ ๕. เขียนรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ ทางวิชาการ บนั ทกึ เหตกุ ารณ์ เรอ่ื งราวในบทเรยี นใน กล่มุ สาระการเรยี นรู้อ่นื นิทานชาดก ๖. เขยี นจดหมายกจิ ธรุ ะ การเขยี นรายงาน - การเขยี นรายงานจากการศึกษาคน้ ควา้ ๗. เขยี นวิเคราะห์ วจิ ารณ์ และแสดงความรู้ - การเขียนรายงานโครงงาน ความคิดเห็น หรือโตแ้ ยง้ การเขยี นจดหมายกจิ ธรุ ะ ในเร่อื งทอ่ี ่านอยา่ งมเี หตผุ ล - จดหมายเชญิ วิทยากร - จดหมายขอความอนุเคราะห์ ๘. มีมารยาทในการเขยี น การเขียนวเิ คราะห์ วิจารณ์ และแสดงความรู้ ความคดิ เห็น หรอื โตแ้ ย้ง จากสอื่ ต่างๆ เช่น - บทความ - บทเพลง - หนังสอื อา่ นนอกเวลา - สารคดี - บันเทิงคดี มารยาทในการเขียน หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาตอนตน้ ๑๕

สาระท่ี ๓ การฟัง การดู และการพดู มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคิด และความรู้สึกในโอกาส ตา่ งๆ อยา่ งมีวิจารณญาณและสรา้ งสรรค์ ตัวชวี้ ดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ๑. พดู สรุปใจความสาคญั ของเรือ่ งที่ฟังและดู การพดู สรุปความจากเรือ่ งที่ฟังและดู ๒. วเิ คราะห์ข้อเทจ็ จริง ขอ้ คิดเหน็ และความ การพดู วเิ คราะห์และวิจารณจ์ ากเรื่องท่ีฟังและดู นา่ เช่ือถอื ของขา่ วสารจากส่ือตา่ งๆ การพดู ในโอกาสตา่ งๆ เช่น ๓. วิเคราะหแ์ ละวจิ ารณเ์ รอื่ งทฟ่ี งั และดูอยา่ งมี - การพดู อวยพร - การพูดโน้มน้าว เหตผุ ลเพ่ือนาขอ้ คดิ มาประยุกตใ์ ช้ในการ - การพดู โฆษณา ดาเนินชีวติ การพดู รายงานการศึกษาค้นคว้าจากแหล่งเรยี นรตู้ า่ งๆ ๔. พูดในโอกาสตา่ งๆ ไดต้ รงตามวตั ถปุ ระสงค์ มารยาทในการฟงั การดู และการพดู ๕. พดู รายงานเรื่องหรอื ประเดน็ ทศี่ ึกษาคน้ ควา้ จากการฟงั การดู และการสนทนา ๖. มมี ารยาทในการฟัง การดู และการพดู สาระท่ี ๔ หลกั การใชภ้ าษาไทย มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลยี่ นแปลงของภาษาและพลังของภาษา ภูมิปัญญาทาง ภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบตั ขิ องชาติ ตัวชวี้ ัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ๑. สรา้ งคาในภาษาไทย การสร้างคาสมาส ๒. วเิ คราะห์โครงสรา้ งประโยคสามญั ประโยครวม ลักษณะของประโยคในภาษาไทย - ประโยคสามญั และประโยคซ้อน - ประโยครวม - ประโยคซ้อน ๓. แตง่ บทร้อยกรอง กลอนสุภาพ ๔. ใชค้ าราชาศพั ท์ คาราชาศัพท์ ๕. รวบรวมและอธิบายความหมายของ คา คาทีม่ าจากภาษาตา่ งประเทศ ภาษาตา่ งประเทศที่ใช้ในภาษาไทย หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ๑๖

สาระที่ ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็นคุณค่าและนามา ประยุกตใ์ ช้ในชีวติ จรงิ ตัวช้ีวดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ๑. สรุปเน้อื หาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อา่ นใน วรรณคดแี ละวรรณกรรมเก่ียวกับ - ศาสนา ระดับทยี่ ากข้นึ - ประเพณี - พิธีกรรม ๒. วเิ คราะห์และวิจารณ์วรรณคดวี รรณกรรม และ - สภุ าษิต คาสอน วรรณกรรมท้องถ่ินท่อี า่ น พรอ้ มยกเหตผุ ล - เหตกุ ารณป์ ระวตั ศิ าสตร์ ประกอบ - บันเทงิ คดี - บันทกึ การเดนิ ทาง ๓. อธบิ ายคณุ ค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมท่ี การวเิ คราะหค์ ณุ คา่ และขอ้ คิดจากวรรณคดี วรรณกรรม และ อ่าน วรรณกรรมท้องถ่ิน ๔. สรุปความรู้และข้อคดิ จากการอ่าน ไป บทอาขยานและบทร้อยกรองที่มคี ุณคา่ ประยุกต์ใช้ในชวี ติ จรงิ - บทอาขยานตามทีก่ าหนด - บทรอ้ ยกรองตามความสนใจ ๕. ทอ่ งจาบทอาขยานตามท่ีกาหนดและบทรอ้ ย กรองทมี่ คี ณุ ค่าตามความสนใจ หลักสตู รกลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ระดับชนั้ มัธยมศึกษาตอนตน้ ๑๗

ตวั ช้วี ดั และสาระการเรียนรู้แกนกลาง ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๓ สาระท่ี ๑ การอา่ น มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนาไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการดาเนิน ชวี ติ และมนี สิ ัยรกั การอ่าน ตัวชว้ี ดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ๑. อ่านออกเสยี งบทร้อยแก้ว และ บทรอ้ ยกรอง การอา่ นออกเสียง ประกอบด้วย ได้ถูกต้องและเหมาะสมกบั เรื่องทอี่ า่ น - บทรอ้ ยแกว้ ท่ีเปน็ บทความทวั่ ไปและบทความปกณิ กะ - บทร้อยกรอง เช่น กลอนบทละคร กลอนเสภา กาพย์ยานี ๑๑ กาพยฉ์ บัง ๑๖ และโคลงส่สี ุภาพ ๒. ระบุความแตกตา่ งของคาท่มี คี วามหมายโดยตรง การอ่านจบั ใจความจากส่ือตา่ งๆ เชน่ และความหมายโดยนยั - วรรณคดใี นบทเรียน ๓. ระบใุ จความสาคญั และรายละเอยี ดของขอ้ มูลท่ี - ข่าวและเหตกุ ารณส์ าคญั สนับสนนุ จากเร่ืองท่อี า่ น - บทความ ๔. อา่ นเรือ่ งต่างๆ แล้วเขียนกรอบแนวคิด ผังความคดิ - บนั เทงิ คดี บันทกึ ยอ่ ความและรายงาน - สารคดี ๕. วิเคราะห์ วจิ ารณ์ และประเมนิ เรอ่ื ง ที่อา่ นโดย - สารคดเี ชิงประวัติ ใชก้ ลวิธีการเปรียบเทียบเพอ่ื ให้ผู้อ่านเข้าใจได้ดขี น้ึ - ตานาน ๖. ประเมินความถูกต้องของขอ้ มลู ท่ใี ช้ - งานเขยี นเชิงสรา้ งสรรค์ สนับสนุนในเรอ่ื งท่อี ่าน - เรื่องราวจากบทเรยี นในกลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๗. วิจารณค์ วามสมเหตสุ มผล การลาดบั ความ และ และกลุ่มสาระการเรียนรอู้ ื่น ความเป็นไปไดข้ องเรอ่ื ง ๘. วเิ คราะห์เพ่ือแสดงความคดิ เหน็ โต้แยง้ เกี่ยวกบั เร่ืองท่อี ่าน ๙. ตคี วามและประเมนิ คณุ ค่า แนวคดิ ท่ีไดจ้ ากงาน การอา่ นตามความสนใจ เช่น เขยี นอย่างหลากหลายเพอ่ื นาไปใชแ้ กป้ ญั หา ใน - หนังสืออ่านนอกเวลา ชีวติ - หนงั สืออ่านตามความสนใจและตามวยั ของนกั เรยี น - หนงั สืออ่านท่คี รแู ละนักเรียนร่วมกันกาหนด ๑๐. มมี ารยาทในการอา่ น มารยาทในการอ่าน หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ๑๘

สาระท่ี ๒ การเขียน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขียนเขียนสื่อสาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเร่ืองราวในรูปแบบต่างๆ เขยี นรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสทิ ธิภาพ ตัวชวี้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ๑. คดั ลายมือตวั บรรจงคร่ึงบรรทดั  การคัดลายมอื ตวั บรรจงครึ่งบรรทดั ตามรูปแบบการเขยี นตัวอกั ษรไทย ๒. เขียนข้อความโดยใชถ้ ้อยคาไดถ้ ูกต้องตามระดบั  การเขยี นข้อความตามสถานการณ์และโอกาสต่างๆ เช่น - คาอวยพรในโอกาสต่างๆ ภาษา - คาขวญั - คาคม ๓. เขียนชีวประวตั ิหรืออตั ชีวประวตั ิโดยเล่าเหตกุ ารณ์ - โฆษณา ขอ้ คิดเหน็ และทัศนคติในเรือ่ งตา่ งๆ - คตพิ จน์ - สนุ ทรพจน์ ๔. เขยี นย่อความ  การเขยี นอัตชวี ประวตั ิหรือชีวประวัติ ๕. เขียนจดหมายกจิ ธรุ ะ  การเขียนยอ่ ความจากสอื่ ตา่ งๆ เช่น นทิ าน ประวัติ ตานาน สารคดที าง ๖. เขยี นอธิบาย ชแี้ จง แสดงความคดิ เห็นและโต้แย้ง วชิ าการ พระราชดารัส พระบรมราโชวาท จดหมายราชการ อย่างมีเหตุผล  การเขยี นจดหมายกจิ ธรุ ะ - จดหมายเชญิ วิทยากร ๗. เขยี นวิเคราะห์ วิจารณ์ และแสดงความรู้ ความ - จดหมายขอความอนุเคราะห์ คิดเห็น หรอื โต้แยง้ ในเรือ่ งตา่ งๆ - จดหมายแสดงความขอบคณุ  การเขยี นอธิบาย ช้ีแจง แสดงความคดิ เหน็ และโต้แย้งในเร่ืองตา่ งๆ ๘. กรอกแบบสมคั รงานพรอ้ มเขยี นบรรยายเกี่ยวกับ ความรู้และทกั ษะ ของตนเองทีเ่ หมาะสมกบั งาน  การเขียนวเิ คราะห์ วิจารณ์ และแสดงความรู้ ความคดิ เห็น หรอื โตแ้ ยง้ จากสือ่ ตา่ งๆ เชน่ ๙. เขียนรายงานการศึกษาคน้ คว้า และโครงงาน - บทโฆษณา - บทความทางวิชาการ ๑๐. มมี ารยาทในการเขยี น  การกรอกแบบสมัครงาน  การเขยี นรายงาน ได้แก่ - การเขียนรายงานจากการศกึ ษาค้นควา้ - การเขยี นรายงานโครงงาน  มารยาทในการเขยี น หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาตอนตน้ ๑๙

สาระที่ ๓ การฟงั การดู และการพดู มาตรฐาน ท ๓.๑ สามารถเลือกฟังและดูอย่างมวี จิ ารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคดิ และความรู้สึกใน โอกาสตา่ งๆ อยา่ งมีวจิ ารณญาณและสรา้ งสรรค์ ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ๑. แสดงความคิดเหน็ และประเมนิ เรอ่ื งจากการฟงั และ การพดู แสดงความคดิ เห็น และประเมินเร่ืองจากการฟงั และการดู การพดู วเิ คราะหว์ จิ ารณจ์ ากเรอื่ งทฟี่ งั และดู การดู ๒. วิเคราะห์และวจิ ารณเ์ รอ่ื งทีฟ่ งั และ การพดู รายงานการศึกษาค้นควา้ เกย่ี วกบั ภูมปิ ญั ญาท้องถ่นิ ดูเพื่อนาขอ้ คดิ มาประยุกตใ์ ชใ้ นการดาเนนิ ชวี ิต การพูดในโอกาสต่างๆ เช่น ๓. พูดรายงานเรอ่ื งหรอื ประเด็นทศี่ ึกษาคน้ ควา้ จากการ - การพูดโต้วาที - การอภปิ ราย ฟัง การดู และการสนทนา - การพดู ยอวาที ๔. พูดในโอกาสตา่ งๆ ได้ตรงตามวตั ถปุ ระสงค์ การพูดโนม้ น้าว ๕. พดู โนม้ นา้ วโดยนาเสนอหลกั ฐานตามลาดับเนอ้ื หา มารยาทในการฟัง การดู และการพดู อยา่ งมเี หตผุ ลและน่าเชอ่ื ถอื ๖. มมี ารยาทในการฟงั การดแู ละการพูด สาระที่ ๔ หลกั การใช้ภาษาไทย มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา และพลังของภาษา ภมู ปิ ัญญาทางภาษา และรักษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัตขิ องชาติ ตวั ชวี้ ดั สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง ๑. จาแนกและใช้คาภาษาตา่ งประเทศที่ใชใ้ นภาษาไทย คาทม่ี าจากภาษาต่างประเทศ ๒. วเิ คราะหโ์ ครงสรา้ งประโยคซับซอ้ น ประโยคซบั ซ้อน ๓. วเิ คราะหร์ ะดบั ภาษา ระดับภาษา ๔. ใช้คาทบั ศัพท์และศพั ทบ์ ญั ญตั ิ คาทบั ศัพท์ คาศพั ท์บัญญัติ ๕. อธบิ ายความหมายคาศพั ท์ทางวิชาการและวชิ าชพี คาศัพท์ทางวิชาการและวชิ าชพี ๖. แต่งบทรอ้ ยกรอง โคลงสสี่ ภุ าพ หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาตอนตน้ ๒๐

สาระท่ี ๕ วรรณคดีและวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วจิ ารณว์ รรณคดแี ละวรรณกรรมไทยอย่างเหน็ คณุ ค่าและนามา ประยุกตใ์ ชใ้ นชีวิตจรงิ ตัวช้วี ัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ๑. สรปุ เนื้อหาวรรณคดี วรรณกรรมและวรรณกรรม วรรณคดี วรรณกรรม และวรรณกรรมทอ้ งถิ่นเก่ียวกับ - ศาสนา ท้องถิ่นในระดบั ทยี่ ากย่ิงขนึ้ - ประเพณี - พธิ ีกรรม ๒. วเิ คราะห์วิถีไทยและคณุ คา่ จากวรรณคดีและ - สภุ าษิตคาสอน วรรณกรรมทีอ่ า่ น - เหตกุ ารณใ์ นประวตั ศิ าสตร์ - บันเทงิ คดี ๓. สรุปความร้แู ละข้อคดิ จากการอ่าน เพอ่ื นาไป การวิเคราะหว์ ิถีไทย และคณุ คา่ จากวรรณคดแี ละวรรณกรรม ประยกุ ต์ใช้ในชีวติ จริง บทอาขยานและบทร้อยกรองทีม่ ีคณุ ค่า ๔. ท่องจาและบอกคุณค่าบทอาขยานตามทีก่ าหนด - บทอาขยานตามท่กี าหนด และบทร้อยกรองทม่ี ีคณุ คา่ ตามความสนใจและ - บทรอ้ ยกรองตามความสนใจ นาไปใชอ้ า้ งองิ หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนตน้ ๒๑

โครงสรา้ งหลกั สตู รโรงเรยี นเขอื่ นผากวทิ ยา ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ตามหลักสูตรพระปริยตั ธิ รรม แผนกสามญั ศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามนโยบายลดเวลาเรียนเพมิ่ เวลารู้ ของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 (ภาคเรยี นที่ 1) ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 (ภาคเรียนที่ 2) รายวิชา / กิจกรรม เวลาเรยี น รายวิชา / กจิ กรรม เวลาเรยี น (หนว่ ยกิต/ชม.) (หนว่ ยกติ /ชม.)  รายวชิ าพื้นฐาน 10.0 (400)  รายวชิ าพ้ืนฐาน 10.0 (400) ท 21101 ภาษาไทย 1 1.5 (60) ท 21102 ภาษาไทย 2 1.5 (60) ค 21101 คณติ ศาสตร์ 1 1.5 (60) ค 21102 คณติ ศาสตร์ 2 1.5 (60) ว 21101 วทิ ยาศาสตร์และเทคฯ 1 1.5 (60) ว 21102 วทิ ยาศาสตร์และเทคฯ 2 1.5 (60) ส 21101 สงั คมศึกษา 1 1.5 (60) ส 21103 สงั คมศึกษา 2 1.5 (60) ส 21102 ประวตั ิศาสตร์ 1 0.5 (20) ส 2110๔ ประวตั ิศาสตร์ 2 0.5 (20) พ 21101 สขุ ศกึ ษา 1 0.5 (20) พ 21102 สุขศึกษา 2 0.5 (20) ศ 21101 ศลิ ปะ 1 0.5 (20) ศ 21102 ศลิ ปะ 2 0.5 (20) ง 21101 การงานอาชีพ 1 1.0 (40) ง 21102 การงานอาชีพ 2 1.0 (40) อ 21101 ภาษาอังกฤษ 1 1.5 (60) อ 21102 ภาษาอังกฤษ 2 1.5 (60) รายวชิ าเพ่ิมเตมิ 3.5 (140) รายวชิ าเพิม่ เติม 3.๕ (140) บ 21201 ภาษาบาลี 1 1.5 (60) บ 21202 ภาษาบาลี 2 1.5 (60) ส 21201 หนา้ ทีพ่ ลเมอื ง 1 0.5 (20) ส 21202 หนา้ ท่พี ลเมือง 2 0.5 (20) ส 21211 ธรรม 1 0.5 (20) ส 21212 ธรรม 2 0.5 (20) ส 21221 พทุ ธประวตั ิ 1 0.5 (20) ส 21222 พทุ ธประวตั ิ 2 0.5 (20) ส 21231 วินัย 1 0.5 (20) ส 21232 วนิ ยั 2 0.5 (20)  กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น (60)  กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น (60) ก 21301 กิจกรรมแนะแนว 0.5 (20) ก 21301 กจิ กรรมแนะแนว 0.5 (20) ก 21311 กิจกรรมนกั เรียน 0.5 (20) ก 21311 กจิ กรรมนกั เรยี น 0.5 (20) - ชุมนมุ ………… - ชมุ นุม.............. ก 21321กจิ กรรมเพือ่ สังคมและ 0.5 (20) ก 21321กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและ 0.5 (20) สาธารณประโยชน์ สาธารณประโยชน์ -กจิ ของสงฆ์+สังคม -กจิ ของสงฆ์+สงั คม รวมเวลาเรียนภาคเรียนที่ 1 15.๐ (600) รวมเวลาเรียนภาคเรียนท่ี 2 15.๐ (600) รวมเวลาเรยี นทง้ั ส้นิ ๓๐ (1,200) หมายเหตุ จัดตามนโยบายลดเวลาเรยี นเพิม่ เวลารู้ ของกระทรวงศกึ ษาธิการ วชิ าสขุ ศึกษา และศลิ ปะ ลดหน่วยกติ ตามหลักสตู รแกนกลาง จาก 2 หนว่ ยกติ คงเหลอื 1 หนว่ ยกิต วิชาภาษาบาลี ลดหนว่ ยกิต มติ มส. จาก 5 หนว่ ย คงเหลอื 3 หนว่ ย หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาตอนตน้ ๒๒

โครงสรา้ งหลกั สตู รโรงเรยี นเขื่อนผากวิทยา ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น ตามหลักสูตรพระปรยิ ตั ธิ รรม แผนกสามญั ศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามนโยบายลดเวลาเรียนเพม่ิ เวลารู้ ของกระทรวงศึกษาธิการ ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๒ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 (ภาคเรยี นที่ 1) ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 2 (ภาคเรียนท่ี 2) รายวชิ า / กิจกรรม เวลาเรยี น รายวิชา / กจิ กรรม เวลาเรียน (หนว่ ยกติ /ชม.) (หน่วยกิต/ชม.)  รายวิชาพ้ืนฐาน 10.0 (400)  รายวชิ าพืน้ ฐาน 10.0 (400) ท 22101 ภาษาไทย 3 1.5 (60) ท 22102 ภาษาไทย 4 1.5 (60) ค 22101 คณิตศาสตร์ 3 1.5 (60) ค 22102 คณิตศาสตร์ 4 1.5 (60) ว 22101 วทิ ยาศาสตร์และเทคฯ 3 1.5 (60) ว 22102 วิทยาศาสตร์และเทคฯ 4 1.5 (60) ส 22101 สังคมศึกษา ๓ 1.5 (60) ส 2210๓ สงั คมศกึ ษา ๔ 1.5 (60) ส 22102 ประวตั ิศาสตร์ 3 0.5 (20) ส 2210๔ ประวัตศิ าสตร์ 4 0.5 (20) พ 22101 สุขศกึ ษา และพลศึกษา 3 0.5 (20) พ 22102 สขุ ศกึ ษา และพลศกึ ษา 4 0.5 (20) ศ 22101 ศลิ ปะ 3 0.5 (20) ศ 22102 ศลิ ปะ 4 0.5 (20) ง 22101การงานอาชีพ 1.0 (40) ง 22102 การงานอาชพี 1.0 (40) อ 22101 ภาษาองั กฤษ 3 1.5 (60) อ 22102 ภาษาอังกฤษ 4 1.5 (60) รายวิชาเพ่ิมเตมิ 3.5 (140) รายวชิ าเพ่มิ เติม 3.5 (140) บ 22203 ภาษาบาลี 3 2.5 (100) บ 22204 ภาษาบาลี 4 2.5 (100) ส 22203 หนา้ ทีพ่ ลเมือง 3 0.5 (20) ส 22204 หนา้ ทพ่ี ลเมือง 4 0.5 (20) ส 22213 ธรรม 3 0.5 (20) ส 22214 ธรรม 4 0.5 (20) ส 22223 พุทธประวัติ 3 0.5 (20) ส 22224 พทุ ธประวัติ 4 0.5 (20) ส 22233 วินัย 3 0.5 (20) ส 22234 วินัย 4 0.5 (20)  กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น (60)  กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี น (60) ก 21301 กจิ กรรมแนะแนว 0.5 (20) ก 21301 กจิ กรรมแนะแนว 0.5 (20) ก 21311 กิจกรรมนกั เรยี น 0.5 (20) ก 21311 กิจกรรมนกั เรียน 0.5 (20) - ชมุ นุม............. - ชุมนมุ ............. ก 21321กิจกรรมเพ่อื สงั คมและ 0.5 (20) ก 21321กจิ กรรมเพ่อื สงั คมและ 0.5 (20) สาธารณประโยชน์ สาธารณประโยชน์ -กิจของสงฆ์+สังคม -กิจของสงฆ์+สงั คม รวมเวลาเรียนภาคเรยี นที่ 1 15.๐ (600) รวมเวลาเรยี นภาคเรียนท่ี 2 15.๐ (600) รวมเวลาเรยี นท้งั สน้ิ ๓๐ (1,200) หมายเหตุ จัดตามนโยบายลดเวลาเรยี นเพม่ิ เวลารู้ ของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร วิชาสขุ ศกึ ษา และศิลปะ ลดหน่วยกติ ตามหลกั สตู รแกนกลาง จาก 2 หน่วยกิต คงเหลือ 1 หนว่ ยกิต วิชาภาษาบาลี ลดหนว่ ยกติ มติ มส. จาก 5 หน่วย คงเหลอื 3 หนว่ ย หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนตน้ ๒๓

โครงสรา้ งหลกั สตู รโรงเรียนเขื่อนผากวิทยา ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น ตามหลักสูตรพระปรยิ ัติธรรม แผนกสามญั ศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามนโยบายลดเวลาเรยี นเพมิ่ เวลารู้ ของกระทรวงศึกษาธิการ ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 3 (ภาคเรยี นที่ 1) ช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 (ภาคเรยี นที่ 2) รายวชิ า / กิจกรรม เวลาเรยี น รายวิชา / กจิ กรรม เวลาเรียน (หนว่ ยกติ /ชม.) (หนว่ ยกิต/ชม.)  รายวชิ าพื้นฐาน 10.0 (400)  รายวชิ าพ้ืนฐาน 10.0 (400) ท 23101 ภาษาไทย 5 1.5 (60) ท 2๓102 ภาษาไทย 6 1.5 (60) ค 23101 คณิตศาสตร์ 5 1.5 (60) ค 2๓102 คณิตศาสตร์ 6 1.5 (60) ว 23101 วิทยาศาสตร์และเทคฯ 5 1.5 (60) ว 2๓102 วิทยาศาสตร์และเทคฯ 6 1.5 (60) ส 23101 สงั คมศึกษา ๕ 1.5 (60) ส 2๓103 สังคมศึกษา ๖ 1.5 (60) ส 23102 ประวตั ศิ าสตร์ 5 0.5 (20) ส 2๓104 ประวตั ศิ าสตร์ 6 0.5 (20) พ 23101 สุขศกึ ษา และพลศกึ ษา 5 0.5 (20) พ 2๓102 สขุ ศึกษา และพลศึกษา 6 0.5 (20) ศ 23101 ศลิ ปะ 5 0.5 (20) ศ 2๓102 ศลิ ปะ 6 0.5 (20) ง 23101 การงานอาชพี 1.0 (40) ง 2๓102 การงานอาชพี 1.0 (40) อ 23101 ภาษาอังกฤษ 5 1.5 (60) อ 2๓102 ภาษาองั กฤษ 6 1.5 (60) รายวิชาเพมิ่ เตมิ 4 (1๔0) รายวิชาเพ่มิ เติม 4 (1๔0) บ 23205 ภาษาบาลี 5 1.5 (๖0) บ 2๓206 ภาษาบาลี 6 1.5 (๖0) ส ๒๓๒๐๕ หนา้ ทพี่ ลเมือง ๕ 0.5 (20) ส ๒๓๒๐๖ หนา้ ทพี่ ลเมือง ๖ 0.5 (20) ส 23215 ธรรม 5 0.5 (20) ส 23216 ธรรม 6 0.5 (20) ส 23225 พทุ ธประวตั ิ 5 0.5 (20) ส 23226 พุทธประวตั ิ 6 0.5 (20) ส 232๓5 วนิ ยั 5 0.5 (20) ส 232๓6 วนิ ยั 6 0.5 (20)  กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน 1.๕ (60)  กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน 1.๕ (60) ก 23301 กจิ กรรมแนะแนว 0.5 (20) ก 23302 กจิ กรรมแนะแนว 0.5 (20) ก 23311 กิจกรรมนักเรยี น 0.5 (20) ก 23312 กจิ กรรมนักเรียน 0.5 (20) - ชุมนมุ - ชุมนุม ก 23321กจิ กรรมเพื่อสังคมและ 0.5 (20) ก 23322กจิ กรรมเพอ่ื สังคมและ 0.5 (20) สาธารณประโยชน์ สาธารณประโยชน์ -กิจของสงฆ์+สงั คม -กจิ ของสงฆ์+สังคม รวมเวลาเรยี นภาคเรียนท่ี 1 15 (600) รวมเวลาเรียนภาคเรยี นท่ี 2 15 (600) รวมเวลาเรยี นทัง้ สน้ิ 600 รวมเวลาเรยี นทัง้ ส้นิ 600 หมายเหตุ จัดตามนโยบายลดเวลาเรยี นเพม่ิ เวลารู้ ของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร วิชาสุขศึกษา และศลิ ปะ ลดหนว่ ยกติ ตามหลกั สตู รแกนกลาง จาก 2 หนว่ ยกติ คงเหลอื 1 หนว่ ยกติ วชิ าภาษาบาลี ลดหน่วยกติ มติ มส. จาก 5 หน่วย คงเหลือ 3 หน่วย หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาตอนตน้ ๒๔

โครงสรา้ งหลักสูตรกลุม่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ท ๒๑๑๐๑ ภาษาไทย ๑.๕ นก. ๓ ชว่ั โมง/สัปดาห์ รายวิชาพน้ื ฐาน ท ๒๑๑๐๒ ภาษาไทย ๑.๕ นก. ๓ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑ ภาคเรยี นที่ ๑ ท ๒๒๑๐๑ ภาษาไทย ๑.๕ นก. ๓ ชว่ั โมง/สัปดาห์ ภาคเรยี นที่ ๒ ท ๒๒๑๐๒ ภาษาไทย ๑.๕ นก. ๓ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๒ ภาคเรียนที่ ๑ ท ๒๓๑๐๑ ภาษาไทย ๑.๕ นก. ๓ ชวั่ โมง/สปั ดาห์ ภาคเรยี นท่ี ๒ ท ๒๓๑๐๒ ภาษาไทย ๑.๕ นก. ๓ ชว่ั โมง/สัปดาห์ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๓ ภาคเรยี นท่ี ๑ ภาคเรยี นที่ ๒ รายวิชาเพิ่มเติม ท ๒๐๒๐๑ เสริมทกั ษะภาษาไทย ๑.๐ นก. ๒ ชั่วโมง/สัปดาห์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ ท ๒๐๒๕๑ การใช้หอ้ งสมุด ๑.๐ นก. ๒ ชั่วโมง/สปั ดาห์ ภาคเรยี นที่ ๑ ท ๒๑๒๐๑ ภาษาลา้ นนา ๑ ๑.๐ นก. ๒ ชั่วโมง/สัปดาห์ ภาคเรยี นที่ ๑ ท ๒๐๒๒๑ การพูดและการเขียนเชงิ สร้างสรรค์ ๑.๐ นก. ๒ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ ภาคเรยี นที่ ๑ ท ๒๐๒๓๑ ภาษาไทยเพือ่ กจิ ธุระ ๑.๐ นก. ๒ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ ภาคเรยี นที่ ๒ ท ๒๑๒๐๒ ภาษาลา้ นนา ๒ ๑.๐ นก. ๒ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ ภาคเรยี นท่ี ๒ ภาคเรยี นที่ ๒ ท ๒๐๒๓๒ หลกั ภาษาเพื่อการสอ่ื สาร ๑.๐ นก. ๒ ชั่วโมง/สปั ดาห์ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๒ ท ๒๐๒๔๑ ภูมิปญั ญาท้องถน่ิ ๑ ๑.๐ นก. ๒ ชั่วโมง/สัปดาห์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ท ๒๒๒๐๑ ภาษาลา้ นนา ๓ ๑.๐ นก. ๒ ชั่วโมง/สปั ดาห์ ภาคเรยี นที่ ๑ ท ๒๐๒๔๒ นิทานพนื้ บา้ น ๑.๐ นก. ๒ ชั่วโมง/สัปดาห์ ภาคเรยี นที่ ๑ ท ๒๐๒๑๑ การแต่งคาประพนั ธ์ ๑.๐ นก. ๒ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ ภาคเรยี นที่ ๒ ท ๒๒๒๐๒ ภาษาลา้ นนา ๔ ๑.๐ นก. ๒ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ ภาคเรยี นท่ี ๒ ภาคเรยี นท่ี ๒ ท ๒๐๒๐๒ การอ่านและพิจารณาหนงั สือ ๑.๐ นก. ๒ ชั่วโมง/สปั ดาห์ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๓ ท ๒๐๒๐๓ การอา่ นวรรณกรรม ๑.๐ นก. ๒ ชว่ั โมง/สัปดาห์ ภาคเรยี นที่ ๑ ท ๒๓๒๐๑ ภาษาลา้ นนา ๕ ๑.๐ นก. ๒ ชั่วโมง/สปั ดาห์ ภาคเรยี นท่ี ๑ ท ๒๐๒๐๔ การอา่ นงานประพนั ธเ์ ฉพาะเร่อื ง ๑.๐ นก. ๒ ชั่วโมง/สัปดาห์ ภาคเรยี นที่ ๑ ท ๒๐๒๔๓ ภูมิปญั ญาท้องถ่นิ ๒ ๑.๐ นก. ๒ ชั่วโมง/สัปดาห์ ภาคเรยี นท่ี ๒ ท ๒๓๒๐๒ ภาษาลา้ นนา ๖ ๑.๐ นก. ๒ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ ภาคเรยี นที่ ๒ ภาคเรยี นที่ ๒ หลักสตู รกล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ระดบั ช้นั มัธยมศึกษาตอนตน้ ๒๕

คาอธบิ ายรายวชิ า กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ชิ าภาษาไทย รายวิชาภาษาไทย ๑ รหสั วชิ า ท ๒๑๑๐๑ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑ เวลา ๖๐ ช่ัวโมง/ภาคเรียน จานวน ๑.๕ หนว่ ยกติ ภาคเรยี นท่ี ๑ ศกึ ษาวิเคราะห์ และฝึกทักษะ การอา่ นออกเสยี งร้อยแกว้ และรอ้ ยกรอง การอา่ นจบั ใจความสาคัญจากส่ือต่าง ๆ การระบเุ หตุและผล ขอ้ เท็จจริงกับขอ้ คดิ เหน็ การระบุและอธิบายคาเปรียบเทียบและคาที่มีหลายความหมายในบริบท ตา่ ง ๆ การวิเคราะห์คุณค่าของเรื่องจากการอ่านงานเขียนท่ีหลากหลาย การคัดลายมือตัวบรรจงคร่ึงบรรทัด การเขียน ส่ือสารโดยใช้ถ้อยคาถกู ตอ้ ง เหมาะสม และสละสลวย เขยี นบรรยายประสบการณ์ เขยี นย่อความจากการอ่านสื่อต่าง ๆ การเขยี นจดหมายส่วนตัว และจดหมายกิจธุระ การพูดสรุปใจความสาคัญ เล่าเรื่องย่อ และพูดแสดง ความคิดเห็นจาก เรื่องที่ฟังและดู ลักษณะของเสียงในภาษาไทย การสร้างคาในภาษาไทย ชนิด และ หน้าที่ของคาในประโยค การสรุป เนื้อหา วเิ คราะหค์ ุณคา่ และข้อคิดจากวรรณคดี และวรรณกรรม การทอ่ งจาบทอาขยาน และบทรอ้ ยกรองที่มคี ุณคา่ โดยใช้กระบวนการเรียนภาษา กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการสร้างความตระหนัก กระบวนการกลุ่ม กระบวนการสร้างความรู้ความเขา้ ใจ กระบวนการคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณ และการเสริมสร้างคุณลกั ษณะท่พี งึ ประสงค์ เพ่ือให้เกิดการพัฒนาสมรรถภาพการเรียนรู้ การศึกษาค้นคว้า การใช้ภาษาในการสื่อสารเห็นคุณค่าของ วรรณคดแี ละวรรณกรรม นาความคิดไปใชใ้ นการตดั สนิ ใจแก้ไขปัญหา และสร้างวิสยั ทศั นใ์ นการดารงชวี ติ ใหส้ อดคลอ้ งกบั ขนบธรรมเนียมประเพณแี ละวัฒนธรรม สามารถนาไปประยุกตใ์ ช้ในชีวิตจริงได้ มีมารยาทในการอ่าน การเขียน การฟัง การดู และการพูด และมีนสิ ยั รกั การอ่าน การเขียน อนุรักษ์และสืบสานภาษาไทยใหค้ งอยู่ค่ชู าติไทยตลอดไป รหสั ตัวชี้วัด ท ๑.๑ ม.๑/๑, ท ๑.๑ ม.๑/๒, ท ๑.๑ ม.๑/๓, ท ๑.๑ ม.๑/๔, ท ๑.๑ ม.๑/๘, ท ๑.๑ ม.๑/๙ ท ๒.๑ ม.๑/๑, ท ๒.๑ ม.๑/๒, ท ๒.๑ ม.๑/๓, ท ๒.๑ ม.๑/๕, ท ๒.๑ ม.๑/๗, ท ๒.๑ ม.๑/๙ ท ๓.๑ ม.๑/๑, ท ๓.๑ ม.๑/๒, ท ๓.๑ ม.๑/๓, ท ๓.๑ ม.๑/๖ ท ๔.๑ ม.๑/๑, ท ๔.๑ ม.๑/๒, ท ๔.๑ ม.๑/๔ ท ๕.๑ ม.๑/๑, ท ๕.๑ ม.๑/๒, ท ๕.๑ ม.๑/๓, ท ๕.๑ ม.๑/๔, ท ๕.๑ ม.๑/๕ รวม ๒๔ ตัวช้วี ดั หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาตอนตน้ ๒๖

รายวชิ า ภาษาไทยพืน้ ฐาน ๒ คาอธบิ ายรายวิชา ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๑ จานวน ๖๐ ชั่วโมง/ภาคเรยี น กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิชาภาษาไทย ภาคเรยี นท่ี ๒ รหัสวิชา ท ๒๑๑๐๒ จานวน ๑.๕ หน่วยการเรียน ศึกษาคาศัพท์จากเอกสารทางวิชาการ โดยตีความจากบริบท ฝึกสังเกตความสมเหตุสมผลของงานเขียน ประเภทชักจูง โน้มน้าวใจ ศกึ ษาคู่มอื และวธิ ีการใช้งานของเครอ่ื งมือ วิเคราะห์คุณค่าของหนังสือที่สนใจอ่านตามความ เหมาะสมของวัย ศึกษาการเขียนยอ่ ความและฝึกย่อเรื่องราวตา่ ง ๆ เชน่ เร่ืองสั้น คาปราศรัย รางาน ระเบียบคาส่ัง บทสนทนา เรื่องเล่าประสบการณ์ เขียนแสดงความคิดจากบทความหนังสือ ข่าวและเหตุการณ์สาคัญ ๆ ศึก ษา มารยาทในการเขียน วิเคราะห์และประเมินความน่าเช่ือถือของส่ือท่ีมีเน้ือหาโน้มน้าว ศึกษาหลักภาษาในเรื่องคาและ หน้าที่ของคา การแต่งคาประพนั ธ์ ประเภทกาพย์ยานี ตลอดจนสุภาษิต สานวน คาพังเพย ศึกษาวรรณคดีเรื่องราว เก่ยี วกบั ประวตั ิศาสตร์ บันเทิงคดี จนถงึ วรรณกรรมท้องถ่ิน โดยกระบวนการสร้างความคิดรวบยอด ในการวิเคราะห์ คณุ ค่าและข้อคิดจากวรรณกรรม ทอ่ งจาบทอาขยานทป่ี ระทับใจ รหัสตวั ช้วี ดั ท ๑.๑ ม.๑/๕ ม.๑/๖ ม.๑/๘ ม.๑/๘ ท ๒.๑ ม.๑/๕ ม.๑/๖ ม.๑/๙ ท ๓.๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๔ ท ๔.๑ ม.๑/๓ ม.๑/๕ ม.๑/๖ ท ๕.๑ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๔ ม.๑/๕ รวม ๑๘ ตัวช้วี ัด (บางตวั ช้ีวัดจะเรียนซา้ กบั ภาคเรียนที่ ๑) หลักสตู รกล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ๒๗

รายวิชาภาษาไทย ๓ คาอธิบายรายวิชา ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ ๒ เวลา ๖๐ ช่วั โมง/ภาคเรยี น กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิชาภาษาไทย ภาคเรยี นท่ี ๑ รหสั วิชา ท ๒๒๑๐๑ จานวน ๑.๕ หน่วยกิต ศกึ ษาวิเคราะหห์ ลักภาษาเก่ียวกับคา การสร้างคาสมาส การแต่งกลอนสุภาพ ฝึกอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว และ บทร้อยกรอง อ่านจับใจความสาคัญ สรุปความ อธิบายรายละเอียด เขียนผังความคิดเพ่ือแสดงความเข้าใจ อภปิ รายแสดงความคดิ เห็น และข้อโต้แย้งเกี่ยวกับเร่ืองที่อ่านและเร่ืองในบทเรียนต่าง ๆ อ่านหนังสือ บทความ หรือคา ประพันธ์อย่างหลากหลาย และประเมินคุณค่าหรือแนวคิดที่ได้จากการอ่าน คัดลายมือตัวบรรจงครึ่งบรรทัด เขียน บรรยายและพรรณนา เขียนจดหมายเชิญวิทยากร เขยี นจดหมายขอความอนุเคราะห์ พูดสรุปใจความสาคัญของเรื่องที่ ฟังและดู พูดวิเคราะห์ข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น และความน่าเช่ือถือของข่าวสารจากสื่อต่าง ๆ พูดวิเคราะห์และวิจารณ์ เร่ืองท่ฟี งั และดูอย่างมเี หตผุ ล สรปุ เน้อื หา วิเคราะหค์ ุณค่าและข้อคดิ จากวรรณคดี วรรณกรรม และวรรณกรรมทอ้ งถน่ิ ท่องจาบทอาขยานและบทรอ้ ยกรองทม่ี ีคณุ ค่า โดยใช้กระบวนการเรียนการสอนภาษา กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการสร้างความตระหนัก กระบวนการ กลุ่ม กระบวนการสร้างความรู้ความเข้าใจ กระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ เพื่อให้เกิดการพัฒนาสมรรถภาพการเรียนรู้ การศึกษาค้นคว้า นาความคิดไปใช้ในการตัดสินใจแก้ไขปัญหา และสร้างวสิ ัยทัศนใ์ นการดารงชวี ติ ให้สอดคลอ้ งกบั ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี และวฒั นธรรม สามารถนาไปใช้ในชีวิตจริง ได้ มีมารยาทในการอา่ น การเขียน การฟงั การดู และการพูด และมีนสิ ยั รักการอ่าน การเขยี น รหสั ตัวช้วี ัด ท ๑.๑ ม.๒/๑ , ท ๑.๑ ม.๒/๒ , ท ๑.๑ ม.๒/๓ , ท ๑.๑ ม.๒/๔ , ท ๑.๑ ม.๒/๗ , ท ๑.๑ ม.๒/๘ ท ๒.๑ ม.๒/๑ , ท ๒.๑ ม.๒/๒ , ท ๒.๑ ม.๒/๖ , ท ๒.๑ ม.๒/๘ ท ๓.๑ ม.๒/๑ , ท ๓.๑ ม.๒/๒ , ท ๓.๑ ม.๒/๓ , ท ๓.๑ ม.๒/๖ ท ๔.๑ ม.๒/๑ , ท ๔.๑ ม.๒/๓ ท ๕.๑ ม.๒/๑ , ท ๕.๑ ม.๒/๒ , ท ๕.๑ ม.๒/๓ , ท ๕.๑ ม.๒/๔ , ท ๕.๑ ม.๒/๕ รวม ๒๒ ตวั ช้วี ดั หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ระดับชั้นมธั ยมศึกษาตอนตน้ ๒๘

รายวิชา ภาษาไทยพนื้ ฐาน ๔ คาอธิบายรายวชิ า ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒ เวลา ๖๐ ช่วั โมง/ ภาคเรียน กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ชิ าภาษาไทย ภาคเรยี นที่ ๒ รหัสวชิ า ท ๒๒๑๐๒ จานวน ๑.๕ หนว่ ยการเรียน ศึกษาบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว จับใจความสาคัญ สรุปความและอธิบาย รายละเอียดจากเรอื่ งทอ่ี า่ น เขยี นผังความคดิ เพื่อแสดงความเข้าใจในบทเรียนตา่ งๆทอ่ี ่าน อภปิ รายแสดงความคดิ เห็นและ ข้อโต้แย้งเก่ียวกับเรื่องท่ีอ่าน วิเคราะห์และจาแนกข้อเท็จจริง ข้อมูลสนับสนุน และข้อคิดเห็นจากบทความท่ีอ่าน ระบุ ข้อสังเกตการชวนเช่ือ การโน้มน้าว หรือความสมเหตุสมผลของงานเขียน อ่านหนังสือ บทความหรือคาประพันธ์อย่าง หลากหลายและประเมนิ คุณคา่ หรือแนวคดิ ทไี่ ด้จากการอ่าน และมีมารยาทในการอ่านเขียนบรรยายและพรรณนา เขียน เรียงความเก่ียวกับประสบการณ์ เขียนรายงานการศึกษาค้นคว้า เขียนวิเคราะห์วิจารณ์และแสดงความรู้ ความคิดเห็น หรอื ข้อโตแ้ ย้งในเรอื่ งทอ่ี ่านอยา่ งมเี หตุผล และ มมี ารยาทในการเขยี น ผู้สรุปใจความสาคัญของเรื่องที่ฟังและดู วิเคราะห์ ขอ้ เท็จจริง ขอ้ คิดเหน็ และความหนา้ ชอ่ื ถอื ของขา่ วสารจากสอ่ื ตา่ งๆ วิเคราะห์เรื่องท่ีฟังและดูอย่างมีเหตุผล พูดในโอกาส ตา่ งๆได้ตรงตามวัตถุประสงค์ พูดรายงานเรอื่ งหรือประเด็นทศ่ี กึ ษาค้นคว้าจากการฟงั การดูและการพดู มมี ารยาทในการ ฟัง การดู และการพูด วิเคราะห์โครงสร้างประโยคสามัญ ประโยครวม และประโยคซ้อน ใช้คาราชาศัพท์ สรุปเนื้อหา วรรณคดี และวรรณกรรมเก่ียวกับศาสนา ประเพณี พิธีกรรม สุภาษิต คาสอน เหตุการณ์ ประวัติศาสตร์ บันเทิงคดีและ บันทึกการเดินทาง วิเคราะห์และวิจารณ์วรรณคดี วรรณกรรม และวรรณกรรมท้องถิ่นที่อ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบ อธบิ ายคณุ ค่าของวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่ีอา่ น สรปุ ความรแู้ ละขอ้ คดิ จากการอ่านไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ท่องจาบท อาขยานตามทก่ี าหนดและบทรอ้ ยกรองทีม่ คี ณุ คา่ ตามความสนใจ รหสั ตวั ชว้ี ดั ท ๑.๑ ตัวช้วี ัด ท ๑.๑ (ม.๒/๑),ท ๑.๑ (ม.๒/๒),ท ๑.๑ (ม.๒/๓),ท ๑.๑ (ม.๒/๔), ท ๑.๑ (ม.๒/๕),ท ๑.๑ (ม.๒/๖) ,ท ๑.๑ (ม.๒/๘),ท ๑.๑ (ม.๒/๘) ท ๒.๑ ตวั ชว้ี ัด ท ๑.๑ (ม.๒/๒),ท ๑.๑ (ม.๒/๓),ท ๑.๑ (ม.๒/๕),ท ๑.๑ (ม.๒/๘), ท ๑.๑ (ม.๒/๘) ท ๓.๑ ตวั ชว้ี ดั ท ๑.๑ (ม.๒/๑),ท ๑.๑ (ม.๒/๒),ท ๑.๑ (ม.๒/๓),ท ๑.๑ (ม.๒/๔), ท ๑.๑ (ม.๒/๕),ท ๑.๑ (ม.๒/๖) ท ๔.๑ ตัวช้วี ดั ท ๑.๑ (ม.๒/๒),ท ๑.๑ (ม.๒๔) ท ๕.๑ ตวั ช้ีวัด ท ๑.๑ (ม.๒/๑),ท ๑.๑ (ม.๒/๒),ท ๑.๑ (ม.๒/๓),ท ๑.๑ (ม.๒/๔), ท ๑.๑ (ม.๒/๕) รวม ๒๖ ตัวชว้ี ดั หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาตอนตน้ ๒๙

รายวิชา ภาษาไทย ๕ คาอธิบายรายวชิ า ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓ เวลา ๖๐ ชว่ั โมง/ภาคเรยี น กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ชิ าภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑ รหสั วชิ า ท ๒๓๑๐๑ จานวน ๑.๕ หนว่ ยกิต ศกึ ษาวิเคราะห์ และฝึกทกั ษะทางภาษา ฟัง ดู พูด อ่าน และเขียนเกี่ยวกับ วรรณคดี และวรรณกรรมต่าง ๆ อ่าน ฟัง และดู อย่างมีวิจารณญาณ ตีความ วิเคราะห์ วิจารณ์ ประเมินค่า และวินิจฉัยเร่ืองอย่างมีเหตุผล อา่ นออกเสียง บทรอ้ ยแก้ว บทร้อยกรองและท่องบทอาขยาน เขยี นยอ่ ความ เขียนจดหมายกิจธุระ เขียนช้ีแจงแสดง ความคิดเห็น การใช้ถ้อยคาสานวน ระดับภาษา คาภาษาต่างประเทศในภาษาไทย พูดและเขียนได้ชัดเจนถูกต้อง เหมาะสมตรงตามจุดประสงค์ สามารถแสดงออกเชิงสร้างสรรค์ ท้ังการพูด และการเขียน อ่าน ฟัง และดู ส่ิงท่ีมี ประโยชน์ตลอดเวลาและมมี ารยาทในการใช้ภาษา โดยใช้ กระบวนการเรียนภาษา กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการสร้างความตระหนัก กระบวนการกลุ่ม กระบวนการสรา้ งความร้คู วามเขา้ ใจ กระบวนการคิดอยา่ งมวี จิ ารณญาณ และการเสริมสรา้ งคุณลักษณะทพี่ ึงประสงค์ เพ่ือให้เกิด การพัฒนาสมรรถภาพเรียนรู้ การศึกษาค้นคว้า นาความคิดไปใช้ในการตัดสินใจแก้ไขปัญหา และสรา้ งวิสยั ทัศน์ในการดารงชีวิตให้สอดคล้องกับขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรม สามารถนาไปใช้ชีวิตจริงได้ มีมารยาทในการอา่ น การเขียน การฟงั การดูและการพดู และมนี ิสยั รักการอา่ นการเขยี น รหัสตัวช้ีวดั ท ๑.๑ ม.๓/๑, ท ๑.๑ ม.๓/๒, ท ๑.๑ ม.๓/๔, ท ๑.๑ ม.๓/๕,ท ๑.๑ ม.๓/๖,ท ๑.๑ ม.๓/๑๐ ท ๒.๑ ม.๓/๒,ท ๒.๑ ม.๓/๖ ท ๓.๑ ม.๓/๑, ท ๓.๑ ม.๓/๓, ท ๓.๑ ม.๓/๕,ท ๓.๑ ม.๓/๖ ท ๔.๑ ม.๓/๑, ท ๔.๑ ม.๓/๓, ท ๔.๑ ม.๓/๕,ท ๔.๑ ม ๓/๖ ท ๕.๑ ม.๓/๑, ท ๕.๑ ม.๓/๒, ท ๕.๑ ม.๓/๓, ท ๕.๑ ม ๓/๔ รวม ๒๐ ตัวชี้วดั หลักสตู รกลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ๓๐

คาอธบิ ายรายวชิ า กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ชิ าภาษาไทย รายวชิ า ภาษาไทยพ้ืนฐาน ๖ รหสั วิชา ท ๒๓๑๐๒ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๓ เวลา ๖๐ ชั่วโมง/ภาคเรียน จานวน ๑.๕ หนว่ ยการเรียน ภาคเรียนที่ ๒ อา่ นออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง ระบุความแตกต่างของคาที่มีความหมายโดยตรงและความหมาย โดยนยั ระบุใจความสาคัญและรายละเอยี ดของขอ้ มลู ทสี่ นับสนุนจากเรื่องที่อ่าน วิเคราะห์ วิจารณ์ประเมินเร่ืองท่ีอ่าน โดยใช้กลวิธีการเปรยี บเทยี บ ประเมนิ ความถูกต้องของขอ้ มูลทใี่ ช้สนบั สนนุ ในเรอ่ื งท่อี า่ น วิจารณ์ความสมเหตุสมผล การ ลาดบั ความเปน็ ไปไดข้ องเรอ่ื ง แสดงความคดิ เหน็ หรอื โต้แย้งเก่ียวกับเรื่องทีอ่ า่ น ตคี วามและประเมนิ คุณคา่ แนวคิดทีไ่ ด้ จากงานเขียนเพ่ือนาไปใช้ในการแก้ไขปัญหาชีวิต มีมารยาทในการอ่าน เขียนชีวประวัติ หรืออัตชีวประวัติ เขียน จดหมายกจิ ธุระ เขียนอธบิ ายชแี้ จงแสดงความเหน็ โต้แย้งอย่างมีเหตุผล เขียนวิเคราะห์ วิจารณ์ละแสดงความรู้ความ คิดเหน็ หรือโต้แย้งในเร่อื งต่างๆ มมี ารยาทในการเขียน พูดแสดงความคิดเห็นและประเมินเรื่องจากการฟังและการดู วิเคราะห์ วิจารณ์เรื่องเพื่อนาข้อคิดมาประยุกต์ใช้ในการดาเนินชีวิต พูดรายงานเร่ืองหรือประเด็นท่ีศึกษาค้นคว้าจาก การฟัง การดูและการสนทนา พูดในโอกาสต่างๆได้ตรงตามวัตถุประสงค์ วิเคราะห์โครงสร้างประโยคท่ีซับซ้อน วเิ คราะห์ระดับภาษา และแต่งบทรอ้ ยกรอง โดยใชก้ ระบวนการฝึกตามแบบอธิบาย อภิปราย แสดงความคิดเห็น เปรียบเทียบ คิดวิเคราะห์ ฝึกปฏิบัติ แสวงหาความรดู้ ว้ ยตนเองเพ่ือใหเ้ กดิ ความรู้ ความคดิ ความเข้าใจในภาษาไทย สรุปเน้ือหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน วิเคราะห์ตัวละครที่สาคัญ วิถีไทยและคุณค่าท่ีได้รับจากวรรณคดี วรรณกรรม และบทอาขยานทอ่ี ่าน สามารถอ้างองิ และนาไปประยกุ ต์ใช้ในชีวติ จริงได้อยา่ งมีคณุ ค่าและเหมาะสม รหัสตัวชีว้ ดั ท๑.๑ ม.๓/๑, ม.๓/๒ม.๓/๓, ม.๓/๔, ม.๓/๕, ม.๓/๖, ม.๓/๘, ม.๓/๘, ม.๓/๙, ม.๓/๑๐ ท๒.๑ ม ๓/๑, ม ๓/๒, ม ๓/๓, ม ๓/๔, ม ๓/๖ , ม ๓/๘, ม ๓/๑๐ ท๓.๑ ม.๓/๑, ม.๓/๒, ม.๓/๓, ม.๓/๔, ม.๓/๕, ม.๓/๖ ท๔.๑ ม.๓/๒, ม.๓/๓, ม.๓/๖ ท๕.๑ ม.๓/๑, ม.๓/๒, ม.๓/๓, ม.๓/๔ รวม ๓๐ ตวั ชวี้ ัด หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ๓๑

คาอธบิ ายรายวชิ า กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิชาภาษาไทย รายวชิ า เสริมทักษะภาษาไทย รหัสวิชา ท ๒๐๒๐๑ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง/ภาคเรียน จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ ภาคเรียนท่ี ๑ ศึกษาวิเคราะห์ และฝกึ ทกั ษะ การฟงั การพดู การอา่ น และการเขียน โดยเน้นการจัดกิจกรรมเพื่อให้สามารถ ใชภ้ าษาได้อย่างคล่องแคล่วยงิ่ ขน้ึ โดยใช้กระบวนการเรียนภาษา กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการสร้างความตระหนัก กระบวนการกลุ่ม กระบวนการสร้างความร้คู วามเขา้ ใจ กระบวนการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ และการเสริมสร้างคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ ใช้ทักษะด้านการฟัง พูด อ่าน และเขียนได้อย่างถูกต้อง นาไปใช้ประโยชน์ใน การศกึ ษาและประกอบอาชีพ การดารงชีวติ ประจาวัน ผลการเรียนรู้ ๑. บอกความหมายและความสาคญั ของการฟงั และการดไู ด้ ๒. สรปุ ใจความสาคญั จบั ประเดน็ สาคญั จากการฟงั และดูได้ ๓. วิเคราะหใ์ นส่วนของการตีความจากเร่ืองที่ฟังได้ ๔. บอกความหมาย ความสาคัญของการพูดได้ ๕. สามารถพูดในโอกาสต่างๆได้ ๖. บอกความหมายความสาคญั ของการอ่านได้ ๗. อ่านออกเสยี งรอ้ ยแก้วและรอ้ ยกรองไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง ๘. บอกความหมายและความสาคญั ของการเขียนได้ ๙. เขียน อธบิ าย บรรยาย ในหัวขอ้ ต่าง ๆ ได้ ๑๐.เขียนบันทึก คาขวญั ในหวั ขอ้ ท่กี าหนดให้ได้ หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ระดับชน้ั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ๓๒

คาอธิบายรายวิชา กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิชาภาษาไทย รายวิชา การใชห้ อ้ งสมดุ รหสั วิชา ท ๒๐๒๕๑ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ ๑ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง/ภาคเรียน จานวน ๑.หนว่ ยกิต ภาคเรยี นท่ี ๑ ศึกษาความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับห้องสมุด การสืบค้นข้อมูล วัสดุสารนิเทศ หนังสืออ้างอิง หลักการเขียน บรรณานกุ รม การจดั หมวดหมูห่ นงั สือ การบารงุ รักษาและซ่อมแซมหนังสือ ปฏิบัติการใช้ห้องสมุด ค้นหาหนังสือในห้องสมุด โดยคอมพิวเตอร์ในการสืบค้นข้อมูลการเรียนรู้ การ ดาเนนิ งานห้องสมดุ เกย่ี วกบั วัสดสุ ารนเิ ทศห้องสมุด สงิ่ ตีพิมพ์ในห้องสมดุ หลกั การเขยี นบรรณานุกรม การจัดหมวดหมู่ หนงั สือ การจัดเรียงหนังสือบนชัน้ การบารุงรกั ษาและการซ่อมแซมหนังสือ เพอ่ื ให้มคี วามรคู้ วามเข้าใจ และมีทักษะในการใช้ห้องสมุด สามารถนาความรู้ไปพัฒนาตนเอง ใช้เป็นพ้ืนฐาน ในการศึกษาตอ่ และประกอบอาชพี ได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ ผลการเรยี นรู้ ๑. รแู้ ละเขา้ ใจประวัตคิ วามเปน็ มาและวิวัฒนาการของห้องสมดุ ๒. รแู้ ละเข้าใจความหมาย วัตถุประสงค์ ประเภทและลกั ษณะงานของหอ้ งสมุด ๓. ค้นหาหนงั สือในหอ้ งสมุดโดยใช้โปรแกรมห้องสมุดอัตโนมตั ิ ๔. รแู้ ละเข้าใจวสั ดสุ ารนิเทศหอ้ งสมดุ ๕. รู้และเขา้ ใจความหมายของหนังสอื ประโยชน์ของหนังสือ และสว่ นตา่ ง ๆ ของหนงั สือ ๖. รู้และเขา้ ใจสิง่ พมิ พ์ในห้องสมดุ ๗. ใชส้ ิง่ พมิ พใ์ นห้องสมดุ เพื่อการศึกษาค้นควา้ ได้ ๘. รู้และเขา้ ใจความหมายของบรรณานกุ รม ๙. รู้และเข้าใจประโยชน์ของบรรณานกุ รม ๑๐. ร้แู ละเข้าใจหลกั การลงรายการบรรณานุกรมหนงั สอื ๑๑. เขยี นและพมิ พ์บรรณานกุ รมของสิง่ พมิ พใ์ นหอ้ งสมดุ ได้ถกู ต้องตามหลกั เกณฑ์ ๑๒. รู้และเข้าการจัดหมวดหมู่หนงั สอื ระบบทศนิยมของดิวอ้ีได้ ๑๓. รแู้ ละเข้าใจการจดั เรยี งหนงั สอื บนชน้ั ได้ ๑๔. รู้และเข้าใจการบารงุ และการระวังรกั ษาหนังสือได้ ๑๕. รู้และเข้าใจการเยบ็ เล่มหนังสอื ได้ด้วยตนเอง หลักสตู รกล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาตอนตน้ ๓๓

คาอธบิ ายรายวิชา กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิชาภาษาไทย รายวิชา การพูด และการเขียนเชิงสร้างสรรค์ รหสั วชิ า ท ๒๐๒๒๑ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ เวลา ๔๐ ช่วั โมง/ภาคเรยี น จานวน ๑.หนว่ ยกติ ภาคเรียนท่ี ๒ ฝึกพดู ในโอกาสตา่ งๆไดต้ รงตามวตั ถุประสงค์ และฝึกเขยี นส่อื สารในรปู แบบตา่ งๆทั้งร้อยแก้วและรอ้ ยกรองโดย เลอื กใชโ้ วหารได้อย่างเหมาะสมเพือ่ ใหส้ ามารถพูดและเขยี นไดอ้ ยา่ งมศี ลิ ปะ โดยใช้กระบวนการเรียนภาษา กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการสร้างความตระหนัก กระบวนการกลุ่ม กระบวนการสร้างความร้คู วามเขา้ ใจ กระบวนการคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณ และการเสริมสรา้ งคุณลกั ษณะท่พี ึงประสงค์ เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ ใช้ทักษะด้านการพูด และเขียนได้อย่างถูกต้อง นาไปใช้ประโยชน์ในการศึกษา และประกอบอาชีพ การดารงชีวติ ประจาวัน ผลการเรยี นรู้ ๑. บอกความหมายและ ความสาคัญของการพดู ได้ ๒. พูดนาเสนอความรู้ ความคดิ และมมี ารยาทในการพดู ๓. พูดเชญิ ชวน พูดอวยพร และ พูดในโอกาสต่าง ๆ ได้ ๔. บอกความหมายและ ความสาคญั ของการเขยี นได้ ๕. เขยี นอธิบาย /บรรยาย/ชแ้ี จง แสดงความคดิ เห็นไดถ้ กู ตอ้ ง และมมี ารยาทในการเขยี น ๖. เขียนบันทกึ /เขยี นคาขวัญ/ เขยี นรอ้ ยกรอง ได้ และมี มารยาทในการเขียน ๗. ได้ และมมี ารยาทในการเขียนเขยี นรายงาน/เขยี น เชิง สรา้ งสรรค์ หลักสตู รกล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาตอนตน้ ๓๔

คาอธิบายรายวิชา กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิชาภาษาไทย รายวิชา ภาษาไทยเพื่อกิจธุระ รหสั วชิ า ท ๒๐๒๓๑ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ เวลา ๒ ชว่ั โมง/สัปดาห์ จานวน ๑.๐ หน่วยกติ ภาคเรียนท่ี ๒ ศึกษาการใช้ถอ้ ยคาสานวน การเรียบเรยี งข้อความทั้งในการพูดการเขียน ตดิ ตอ่ สอื่ สารเพอื่ กจิ ุระที่เกย่ี วขอ้ งกับ การงานอาชีพและกจิ ธรุ ะในชวี ติ ประจาวันไดอ้ ย่างถกู ต้องเหมาะสม เหน็ ความสาคญั ของภาษาท่ใี ช้ในการตดิ ตอ่ กจิ ธรุ ะ ผลการเรยี นรู้ ๑. บอกความหมายและความสาคญั ของภาษากจิ ธุระได้ ๒. บอกความสาคญั ของการใชภ้ าษากจิ ธรุ ะเพ่ือการสื่อสารได้ ๓. มมี ารยาทในการใช้ภาษากิจธรุ ะทั้งการพูดและการเขยี น ๔. บอกความหมายและองค์ประกอบของการสื่อสารได้ ๕. สามารถใช้ถ้อยคาสานวนภาษาเพือ่ การสื่อสารได้ ๖. สามารถใชภ้ าษาไดเ้ หมาะสมกบั บคุ คล โอกาสและกาลเทศะ ๗. สงั เกตและวเิ คราะหเ์ นอ้ื หาจากการใชภ้ าษาประเภทตา่ งๆ ๘. ติดต่อกิจธุระกับสว่ นราชการและองคก์ รตา่ งๆได้ ๙. กรอกข้อความในแบบฟอรม์ ตา่ งๆไดถ้ ูกต้อง ๑๐. เขยี นคาขวญั ได้ ๑๑. เขยี นประกาศตามเง่ือนไขท่ีกาหนด ๑๒. เขยี นจดหมายกิจธรุ ะ ๑๓. เขยี นบตั รเชญิ โอกาสต่างๆไดถ้ กู ตอ้ งตามแบบแผนและเงอ่ื นไขที่กาหนด ๑๔. นาความรเู้ ร่อื งการใชภ้ าษากจิ ธรุ ะเพ่อื การส่ือสารไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวิตประจาวัน รวม ๑๔ ผลการเรยี นรู้ หลักสตู รกล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดับช้นั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ ๓๕

คาอธบิ ายรายวิชา กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ชิ าภาษาไทย รายวิชา หลกั ภาษาเพือ่ การสอ่ื สาร รหัสวิชา ท ๒๐๒๓๒ ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๒ เวลา ๔๐ ชั่วโมง / ภาคเรยี น จานวน ๑.๐ หน่วยกิต ภาคเรยี นที่ ๒ ศึกษาการใชภ้ าษาไทยท่ใี ชส้ ่อื สารในชวี ติ ประจาวันเกี่ยวกับรปู ลกั ษณข์ องคาไทยชนิดต่าง ๆ กลุ่มคาและหน้าที่ ของกลมุ่ คา การใช้คา สานวน และภาษิต ความสัมพันธ์ของคาตา่ ง ๆ ท่ใี ชอ้ ย่ใู นประโยค ประโยครูปแบบตา่ ง ๆ โดยใช้กระบวนการเรียนภาษา กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการสร้างความตระหนัก กระบวนการกลุ่ม กระบวนการสร้างความรู้ความเข้าใจ กระบวนการคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ และการเสรมิ สร้างคณุ ลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ เพ่ือใหส้ ามารถเรียบเรียงข้อความท้ังในการพดู และการเขียนได้อย่างถกู ต้องตามหลักภาษาและหลกั ความนิยม ผลการเรยี นรู้ ๑. มีความรู้ความเข้าใจรูปลกั ษณข์ องคาไทยชนดิ ต่างๆ ๒. มคี วามรู้ความเขา้ ใจส่วนประกอบของประโยค ๓. ใช้ประโยครปู แบบต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ๔. วเิ คราะห์ชนดิ และหนา้ ทข่ี องคาในประโยคได้ ๕. วเิ คราะห์ชนดิ และหนา้ ที่ของกลมุ่ คาทีใ่ ช้ในประโยคได้ ๖. ใชค้ า สานวน และภาษิตไดอ้ ย่างเหมาะสม หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาไทย ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ๓๖

รายวชิ า ภมู ิปัญญาทอ้ งถ่นิ ๑ คาอธบิ ายรายวิชา ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๒ เวลา ๒๐ ชั่วโมง/ภาคเรยี น กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิชาภาษาไทย ภาคเรยี นท่ี ๑ รหัสวิชา ท ๒๐๒๔๑ จานวน ๐.๕ หน่วยกิต ศึกษาวิเคราะห์ ศึกษา ตานานพ้ืนบ้าน เพลงพ้ืนบ้าน ภาษาถ่ิน สานวน สุภาษิต คาพังเพย ประวัติและ ผลงานบุคคลที่เป็นภูมิปัญญาในท้องถ่ิน และ มโนราห์ โดยศึกษาเก่ียวกับเนื้อเรื่อง สานวนภาษา และแนวคิดท่ี สะท้อนให้เหน็ ความเช่ือ ความรู้สึกนึกคิด หรือค่านิยม ความเป็นอยู่ และขนบธรรมเนียมประเพณีของสังคมเพื่อให้มี ความรคู้ วามเข้าใจ และเหน็ คุณค่าของวรรณกรรมพืน้ บ้าน โดยใช้ กระบวนการเรียนภาษา กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการสร้างความตระหนัก กระบวนการกลุ่ม กระบวนการสรา้ งความรคู้ วามเข้าใจ และการเสริมสรา้ งคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เพ่ือให้ความรู้ ความเข้าใจ ภาคภูมิใจในภูมิปัญญาท้องถิ่นตระหนักและเห็นคุณค่าของภูมิปัญญาท้องถิ่นใน ฐานะทเ่ี ปน็ วฒั นธรรมของท้องถ่นิ ผลการเรียนรู้ ๑. บอกความหมาย ความสาคัญและการถ่านทอดของภูมปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ได้ ๒. ร้แู ละเข้าใจเกย่ี วกบั ความหมายทีม่ า ประเภทของปริศนาสามารถวเิ คราะห์ภมู ิปัญญาทางภาษาทปี่ รากฏใน ปริศนาคาทายและคณุ ค่าทางสงั คมท่ีสะท้อนจากเน้อื หา ๓. รแู้ ละเขา้ ใจเกี่ยวกับความหมาย ทมี่ า ของบทเพลงสาหรับเด็ก สามารถวเิ คราะห์คณุ ค่าด้านการใช้ภาษา ของบทเพลงสาหรับเด็ก ๔. รแู้ ละเข้าใจเกี่ยวกบั ความหมาย ทมี่ า ของนทิ านพืน้ บ้าน รวมทัง้ ตระหนกั ถงึ คณุ ค่าของนิทานพนื้ บ้าน ตลอดจนสามารถวเิ คราะหภ์ ูมิปญั ญาทางภาษาทเ่ี กิดจากนิทานพื้นบา้ น ๕. รแู้ ละเข้าใจเกีย่ วกับความหมาย ที่มา ของนทิ านปรมั ปราและสามารถวเิ คราะหเ์ น้ือหาที่ได้จากการศกึ ษา ทงั้ ในด้านภูมปิ ัญญาทางภาษาและสภาพสงั คมท่ีสะทอ้ นจากนทิ านปรัมปรา ๖. รู้และเข้าใจประวตั ิ และความสาคญั ของหนงั ตะลงุ ในฐานะท่ีเปน็ ศิลปะการแสดงของภาคใต้ รวมถึง การศกึ ษาวเิ คราะห์และการนาเสนอได้ หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดบั ชนั้ มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ๓๗

คาอธบิ ายรายวชิ า กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ชิ าภาษาไทย รายวิชา การอ่านและพิจารณาหนังสอื รหสั วิชา ท ๒๐๒๐๒ ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ ๑ จานวน ๒ ชัว่ โมง/สปั ดาห์ จานวน ๑.๐ หน่วยการเรียน ภาคเรียนท่ี ๑ บอกประเภทและหลกั การพจิ ารณาหนงั สือ และอา่ นหนังสือซง่ึ เป็นที่นิยมหรอื ทคี่ วรอา่ นเพือ่ ให้มคี วามรู้ ความ เข้าใจในหลักการพิจารณาหนังสือ สามารถแสดงความคิดเห็นเชิงวิจารณ์เก่ียวกับหนังสือที่เลือกอ่านและเกิดความ เพลดิ เพลนิ ในการอ่าน ผลการเรียนรู้ ๑. มคี วามร้คู วามเขา้ ใจในหลักการพิจารณาหนังสือ ๒. เลือกอ่านหนงั สอื ซ่งึ เปน็ ทน่ี ยิ มหรอื ทค่ี วรอ่าน ๓. แสดงความคดิ เห็นเชิงวิจารณเ์ ก่ียวกบั หนังสอื ทเ่ี ลอื กอา่ น รวม ๓ ผลการเรยี นรู้ หลกั สตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดับชนั้ มัธยมศึกษาตอนตน้ ๓๘

คาอธิบายรายวชิ า กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ชิ าภาษาไทย วชิ า นทิ านพน้ื บา้ น รหัสวชิ า ท ๒๐๒๔๒ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๒ เวลา ๔๐ ชั่วโมง/ภาคเรียน จานวน ๑.๐ หน่วยกิต ภาคเรยี นที่ ๒ ศึกษานิทาน นิยาย หรือตานานพื้นบ้านท่ีมีในท้องถิ่นของตน หรือท้องถ่ินอ่ืน โดยให้ศึกษาเก่ียวกับเน้ือเร่ือง สานวนภาษา และแนวคิดที่สะท้อนให้เห็นความเช่ือ ความรู้สึกนึกคิด หรือค่านิยม ความเป็นอยู่ และขนบธรรมเนียม ประเพณขี องสงั คม เพ่ือใหม้ ีความรคู้ วามเข้าใจและเห็นคุณค่าของวรรณกรรมพื้นบ้าน โดยใช้กระบวนการเรียนการสอนภาษา กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการสร้างความตระหนัก กระบวนการ กลุ่ม กระบวนการสร้างความรู้ความเข้าใจ กระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึง ประสงค์ เพ่ือให้เกิดการพัฒนาสมรรถภาพการเรียนรู้ การศึกษาค้นคว้า นาความคิดไปใช้ในการตัดสินใจแก้ไขปัญหา และสร้างวสิ ยั ทศั นใ์ นการดารงชีวิตให้สอดคล้องกบั ขนบธรรมเนียม ประเพณี และวฒั นธรรม สามารถนาไปใช้ในชีวิตจริง ได้ มีมารยาทในการอ่าน การเขยี น การฟัง การดู และการพูด และมีนสิ ยั รกั การอา่ น การเขยี น ผลการเรียนรทู้ ี่คาดหวงั ๑. อธบิ ายความหมาย บอกลักษณะ และจาแนกประเภทของนิทานพน้ื บ้านได้ ๒. สรปุ สาระสาคญั ของนิทานพนื้ บา้ นทศี่ ึกษาได้ ๓. อธบิ ายศพั ท์ สานวนภาษาในนทิ านพ้ืนบา้ นได้ ๔. บอกแนวคดิ ท่มี ใี นนิทานพ้ืนบา้ นได้ ๕. สามารถเลา่ นิทานพน้ื บ้านได้ ๖. บอกคณุ ค่าและแนวทางในการอนุรักษน์ ิทานพืน้ บ้านได้ หลกั สตู รกล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาตอนตน้ ๓๙

รายวิชา การแตง่ คาประพันธ์ คาอธิบายรายวชิ า ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๒ เวลา ๔๐ ชั่วโมง/ภาคเรียน กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิชาภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๒ รหสั วิชา ท ๒๐๒๑๑ จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ ศึกษา วิเคราะห์ และฝึกทักษะเก่ียวกับข้อบังคับของคาประพันธ์ประเภทต่างๆ ฝึกแต่งคาประพันธ์ประเภท โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย โดยคานงึ ถึงลักษณะบังคบั ความไพเราะ เนอื้ หา สาระความคดิ สร้างสรรค์ เพื่อให้มี ความรู้เก่ยี วกบั ฉนั ทลกั ษณ์ สามารถแต่งคาประพันธ์ประเภทต่างๆ ได้ เห็นคณุ ค่าของงานประพันธ์ประเภทร้อยกรอง โดยใช้กระบวนการเรียนภาษา กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการสร้างความตระหนัก กระบวนการกลุ่ม กระบวนการสร้างความรคู้ วามเข้าใจ กระบวนการคดิ อยา่ งมวี จิ ารณญาณ และ การเสริมสรา้ งคุณลกั ษณะพึงประสงค์ เพ่ือให้เกิดความรู้ความเข้าใจ เกิดทักษะการประพันธ์ ในการถ่ายทอดความคิด ความรู้สึก ให้ถูกต้องตาม ธรรมเนียมนิยม เกดิ ความชานาญในการประพนั ธต์ ามรูปแบบต่างๆ ผลการเรียนรู้ ๑. มคี วามรู้ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั ฉนั ทลักษณล์ ักษณะขอ้ บังคับของการแตง่ คาประพันธ์ ๒. อธิบายข้อบังคบั ประเภทกลอนและสามารถแต่งกลอนประเภทตา่ งๆได้ ๓. อธิบายลกั ษณะข้อบงั คับของโคลงและสามารถแตง่ โคลงตามทต่ี นถนดั ได้ ๔. อธบิ ายขอ้ บงั คับของกาพยแ์ ต่ละประเภทและสามารถแต่งกาพยต์ ามหวั ข้อที่ถนดั ได้ ๕. อธบิ ายข้อบงั คบั ของรา่ ยและสามารถแตง่ รา่ ยตามทต่ี นถนัดได้ ๖. มีความรู้ความเข้าใจในเรอ่ื งของคาประพนั ธ์ประเภทฉนั ทลักษณต์ ลอดจนสามารถแตง่ ฉันทลกั ษณต์ ามหวั ข้อทก่ี าหนดใหแ้ ละตามท่ตี นถนัดได้ หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนตน้ ๔๐

รายวิชา การอ่านวรรณกรรม คาอธบิ ายรายวชิ า ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี ๓ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง/ภาคเรยี น กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ชิ าภาษาไทย ภาคเรียนท่ี ๑ รหสั วชิ า ท ๒๐๒๐๓ จานวน ๑.๐ หน่วยกิต ศึกษาวิเคราะห์ ฝึกทักษะทางภาษาเกี่ยวกับ ข้อเขียนประเภทต่างๆ วรรณกรรมรูปแบบต่างๆ ท้ังบันเทิงคดี สารคดที เ่ี ปน็ ร้อยแก้วรอ้ ยกรอง พจิ ารณาแยกแยะขอ้ เท็จจรงิ ออกจากข้อคิดเห็น แยกองค์ประกอบของวรรณกรรม เลือก อา่ นวรรณกรรมทม่ี ีประโยชน์ แสดงความคดิ เห็นหลังจาการอ่าน ตลอดจนนาแนวทางการอ่านวรรณกรรมไปเป็นแนวทาง ในการพจิ ารณาวรรณกรรมประเภทตา่ งๆ โดยใช้ กระบวนการเรียนภาษา กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการสร้างความตระหนัก กระบวนการกลุ่ม กระบวนการสรา้ งความรู้ความเข้าใจ กระบวนการคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ และเสริมสร้างคณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ เพื่อให้สามารถ จับใจความสาคัญ แยกข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น ตีความเกี่ยวกับส่ิงอ่านเลือกอ่านหนังสือได้ตรง ตามความตอ้ งการ สามารถแสดงความคดิ เหน็ เชิงวจิ ารณใ์ นเรอ่ื งท่ีอ่านเข้าใจสาระของผู้แต่ง เห็นคุณค่าของวรรณกรรมที่ อา่ นและมีมารยาทในการใช้ภาษา ผลการเรยี นรู้ ๑. อธิบายความหมาย ความสาคญั ประเภทของการอา่ นได้ ๒. มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจในเร่อื งการอา่ นอย่างพจิ ารณา ๓. อธบิ ายความหมายประเภทของสารคดีและบันเทงิ คดีได้ ๔. พจิ ารณาวรรณกรรมประเภทสารคดไี ด้ ๕. พจิ ารณาวรรณกรรมประเภทบนั เทงิ คดไี ด้ หลักสตู รกล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดับชนั้ มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ๔๑

คาอธบิ ายรายวชิ า กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ชิ าภาษาไทย รายวชิ า การอ่านงานประพันธเ์ ฉพาะเรื่อง รหัสวิชา ท ๒๐๒๐๔ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี ๓ เวลา ๔๐ ช่วั โมง/ภาคเรยี น จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ ภาคเรียนท่ี ๒ ศกึ ษาหลกั การวจิ ารณ์เบอ้ื งตน้ โดยวเิ คราะห์งานประพันธ์ที่กาหนดในด้านรูปแบบ โครงเรื่อง ลักษณะ ของตัว ละคร การใช้ถ้อยคาสานวน และวิธีเสนอเร่ือง เลือกอ่านงานประพันธ์ที่มีประโยชน์ แสดงความคิดเห็นเชิงวิจารณ์หลัง การอา่ น ตลอดจนนาแนวทางการอ่านงานประพันธ์ไปเป็นแนวทางในการอา่ นงานประพันธป์ ระเภทต่าง ๆ โดยใช้ กระบวนการเรียนภาษา กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการสร้างความตระหนัก กระบวนการกลุ่ม กระบวนการสรา้ งความรคู้ วามเข้าใจ กระบวนการคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ และเสริมสรา้ งคณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค์ เพ่ือให้มีความรู้และความเข้าใจในหลักการวิจารณ์ และสามารถแสดงความคิดเห็นเชิงวิจารณ์เก่ียวกับงาน ประพนั ธ์ได้ ผลการเรียนรู้ ๑. อธิบายความหมาย ความสาคญั ประเภทของการอา่ นได้ ๒. มีความรูค้ วามเขา้ ใจในเรื่องการอา่ นงานประพนั ธ์ ๓. มีความรู้ความเขา้ ใจหลักการวจิ ารณ์ ๔. วิเคราะหง์ านประพนั ธ์ทกี่ าหนดใหไ้ ด้ ๕. แสดงความคิดเห็นเชิงวิจารณเ์ กี่ยวกบั งานประพนั ธ์ได้ หลกั สตู รกลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนตน้ ๔๒

คาอธิบายรายวิชา กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ชิ าภาษาไทย รายวิชา ภูมิปญั ญาทอ้ งถิ่น ๒ รหสั วิชา ท ๒๐๒๔๓ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๓ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง/ภาคเรียน จานวน ๑.๐ หน่วยกติ ภาคเรียนท่ี ๒ ศึกษาวิเคราะห์ ศึกษา ตานานพื้นบ้าน เพลงพ้ืนบ้าน ภาษาถ่ิน สานวน สุภาษิต คาพังเพย ประวัติและ ผลงานบุคคลท่ีเป็นภูมิปัญญาในท้องถ่ิน และ มโนราห์ โดยศึกษาเกี่ยวกับเน้ือเรื่อง สานวนภาษา และแนวคิดท่ี สะท้อนให้เห็นความเชื่อ ความรู้สึกนึกคิด หรือค่านิยม ความเป็นอยู่ และขนบธรรมเนียมประเพณีของสังคมเพื่อให้มี ความร้คู วามเขา้ ใจ และเหน็ คณุ ค่าของวรรณกรรมพืน้ บา้ น โดยใช้ กระบวนการเรียนภาษา กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการสร้างความตระหนัก กระบวนการกลุ่ม กระบวนการสร้างความร้คู วามเข้าใจ และการเสรมิ สร้างคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ เพ่ือให้ความรู้ ความเข้าใจ ภาคภูมิใจในภูมิปัญญาท้องถิ่นตระหนักและเห็นคุณค่าของภูมิปัญญาท้องถิ่นใน ฐานะท่ีเป็นวฒั นธรรมของทอ้ งถ่นิ ผลการเรียนรู้ ๑. รูแ้ ละเขา้ ใจเกยี่ วกบั ความหมาย ท่มี าของตานานพนื้ บา้ น สามารถวเิ คราะห์เนอ้ื หาและตระหนกั ถงึ คุณคา่ ของภมู ิปญั ญาทางภาษาทไี่ ด้จากตานานพ้ืนบา้ น ๒. รแู้ ละเข้าใจเกย่ี วกบั ความหมายทม่ี า ของเพลงพืน้ บา้ น สามารถวิเคราะหเ์ นือ้ หาและตระหนกั ถึงคุณคา่ ของ ภมู ปิ ญั ญาทางภาษาทไ่ี ดจ้ ากตานานพน้ื บ้าน ๓. รู้และเข้าใจเกย่ี วกับภาษาถิ่นในด้านต่างๆและสามารถบอกความแตกต่างของภาษาถน่ิ ได้ ๔. และเข้าใจความหมาย ของสานวน คาพังเพย ภาษิต เหน็ ความแตกต่างทางภาษา และ สามารถวเิ คราะหค์ ณุ ค่าของสานวน คาพงั เพย ภาษิตได้ ๕. รู้และเข้าใจประวัติ และผลงานของบคุ คลทเ่ี ปน็ ภมู ิปญั ญาทางภาษาในท้องถิ่น ตระหนักถงึ ความสาคญั ของ บุคคลที่เปน็ ภมู ิปัญญาทางภาษาได้ ๖. ร้แู ละเข้าใจประวัติ และความสาคญั ของมโนราห์ในฐานะทเี่ ป็นศลิ ปะการแสดงของภาคใต้ รวมถงึ การศึกษาวิเคราะห์และการนาเสนอได้ หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดับชนั้ มัธยมศกึ ษาตอนตน้ ๔๓

โครงสร้างรายวิชา กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ชิ าภาษาไทย รายวิชา ภาษาไทยพน้ื ฐาน รหสั วิชา ท ๒๑๑๐๑ ชั้นมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ จานวน ๑.๕ หนว่ ยการเรียน ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ หนว่ ย ชอื่ หน่วย มาตรฐาน สาระแกนกลาง สาระท้องถ่นิ เวลา/ นา้ หนัก การ การเรยี นรู้ การเรียนร/ู้ ชวั่ โมง คะแนน เรียนรู้ ตัวชวี้ ดั ๑ การอ่าน ท ๑.๑ การอ่านออกเสยี ง ๔ ๑๐ ม.๑/๑ ประกอบด้วย - บทรอ้ ยแกว้ ที่เป็นบท บรรยาย - บทร้อยกรอง เช่น กาพย์ยานี ๑๑กาพย์ฉบงั ๑๖ กาพยส์ รุ างคนางค์ ๒๘ กลอนสุภาพ และโคลงส่ี สภุ าพ ท ๑.๑ การอ่านจับใจความสาคัญ ๒ ๑๐ ม.๑/๒ จากส่ือต่าง ๆ - เรือ่ งเลา่ จาก ๒๕ ท ๑.๑ ประสบการณ์ ม.๑/๓ - เรื่องส้ัน ๒๕ - บทสนทนา ท ๑.๑ - นทิ านชาดก ๒๕ ม.๑/๔ - วรรณคดใี นบทเรยี น ท ๑.๑ - มารยาทในการอา่ น ม.๑/๙ ๒ การเขียน ท ๒.๑ การคดั ลายมอื ตวั บรรจงคร่ึง ๒๕ ม.๑/๑ บรรทัดตามรูปแบบการ เขียนอักษรไทย หลักสตู รกลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ๔๔

หน่วย ชอื่ หน่วย มาตรฐานการ สาระท้องถ่ิน เวลา/ น้าหนัก การ การเรยี นรู้ เรียนร/ู้ ตวั ช้ีวดั สาระแกนกลาง ช่ัวโมง คะแนน เรียนรู้ ท ๒.๑ การเขยี นบรรยาย ๒๕ ม.๑/๓ ประสบการณ์ ท ๒.๑ม.๑/๔ เขยี นเรยี งความเชงิ พรรณนา ๒๕ ท ๒.๑ม.๑/๗ การเขียนจดหมาย ๒๕ - จดหมายขอความ ช่วยเหลือ - จดหมายแนะนา - การเขยี นจดหมาย กิจธรุ ะ - การเขยี นจดหมาย สอบถามขอ้ มลู ท ๒.๑ การเขยี นรายงาน ได้แก่ ๒๕ ม.๑/๘ - การเขยี นรายงานจาก การศกึ ษาค้นควา้ - โครงงาน ๓ การฟัง ท ๓.๑ พดู สรปุ ความ พดู แสดง ๒๕ การดู และ ม.๑/๑ ความรู้ ความคดิ อยา่ ง การพดู สรา้ งสรรคจ์ ากเรื่องท่ีฟังและ ดู ท ๓.๑ พดู บรรยายการศึกษา ๒๕ ม.๑/๕ ค้นคว้าจากแหลง่ เรยี นรู้ ต่าง ๆ ในชมุ ชนและท้องถนิ่ ของ ตน ท ๓.๑ มารยาทในการฟัง การดู ๑๕ ม.๑/๖ และการพดู หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ๔๕

หน่วย ช่ือหน่วย มาตรฐานการ สาระแกนกลาง สาระทอ้ งถนิ่ เวลา/ น้าหนกั การ การเรยี นรู้ เรยี นรู/้ ตวั ชี้วดั ช่ัวโมง คะแนน เรียนรู้ ๔ หลกั การใช้ ท ๔.๑ม.๑/๒ เสยี งในภาษาไทย ๔ ๑๐ ภาษาไทย ท ๔.๑ม.๑/๔ การสร้างคา ๔ ๑๐ - คาประสม คาซ้า คาซอ้ น คาพ้อง ท ๔.๑ม.๑/๑ ภาษาพูด ๒ ๑๐ ภาษาเขียน ๕ วรรณคดีและ ท ๕.๑ม.๑/๑ วรรณคดีและวรรณกรรม ๑๓ ๒๐ วรรณกรรม เก่ียวกบั - ศาสนา - ประเพณี - พธิ ีกรรม - สภุ าษิต - บนั ทึกการเดนิ ทาง ท ๕.๑ม.๑/๒ท วเิ คราะหค์ ุณคา่ และขอ้ คดิ ๑๐ ๑๐ ๕.๑ม.๑/๓ท ๕.๑ จากวรรณคดีและ ม.๑/๔ วรรณกรรม รวมตลอดภาคเรยี น รวม ๖๐ ๑๐๐ หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ๔๖

โครงสร้างรายวชิ า กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิชาภาษาไทย รายวิชา ภาษาไทยพน้ื ฐาน รหัสวิชา ท ๒๑๑๐๒ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาตอนต้น จานวน ๑.๕ หนว่ ยการเรียน มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ หน่วย ชอ่ื หน่วย มาตรฐาน สาระแกนกลาง สาระทอ้ งถ่นิ เวลา/ นา้ หนัก การ การเรียนรู้ การเรียนร/ู้ ช่วั โมง คะแนน เรียนรู้ ตัวชีว้ ัด ๑ การอา่ น ท ๑.๑ ม.๑/ เอกสารทางวิชาการท่มี ี ๒ ๑๐ ๕ ประโยคและขอ้ ความทต่ี อ้ งใช้ บรบิ ทชว่ ยพิจารณา ความหมาย ท ๑.๑ ม.๑/ งานเขยี นประเภทชกั จงู โนม้ ๒๕ ๖ นา้ วใจเชงิ สร้างสรรค์ ท ๑.๑ ม.๑/ การอ่านและปฏบิ ตั ติ าม ๒๕ ๘ เอกสารคมู่ อื ท ๑.๑ ม.๑/ การอ่านหนังสอื ตามความ ๘ ๑๐ ๘ สนใจ เชน่ - หนังสอื ท่ีนกั เรียนสนใจ และเหมาะสมกบั วยั - หนงั สอื อ่านทคี่ รแู ละ นกั เรยี นกาหนดรว่ มกัน ๒ การเขียน ท ๒.๑ ม.๑/๕ การเขียนยอ่ ความจากส่อื ต่าง ๔๕ ๆ เช่น - เร่ืองส้ัน คาสอน โอวาท คาปราศรยั สนุ ทรพจน์ รายงาน ระเบยี บคาสัง่ บท สนทนา เรือ่ งเลา่ ประสบการณ์ ท ๒.๑ ม.๑/๖ การเขยี นแสดงความคดิ เห็น ๔๕ เก่ียวกบั สาระจากสื่อต่าง ๆ เช่น - บทความ - หนังสอื บอกเวลา - ข่าวและเหตุการณ์ ประจาวัน - เหตุการณส์ าคญั ต่าง ๆ ท ๒.๑ ม.๑/๙ มารยาทในการเขยี น ๒๕ หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดับชั้นมัธยมศกึ ษาตอนตน้ ๔๗

หน่วย ชื่อหน่วย มาตรฐานการ สาระแกนกลาง สาระทอ้ งถิ่น เวลา/ นา้ หนัก การ การเรียนรู้ เรยี นรู้/ตัวช้วี ดั ชั่วโมง คะแนน เรียนรู้ ๓ การฟงั ท ๓.๑ ม.๑/๒ การประเมนิ ความน่าเชื่อถือ ๔๕ การดแู ละ ท ๓.๑ ม.๑/๓ท ของส่อื ทม่ี เี นอ้ื หาโนม้ นา้ ว การพูด ๓.๑ ม.๑/๔ ๔ หลกั การใช้ ท ๔.๑ ม.๑/๓ ชนดิ และหนา้ ที่ของคา ๘ ๑๐ ภาษาไทย ท ๔.๑ ม.๑/๕ กาพยย์ านี ๑๑ ๒๕ ท ๔.๑ ม.๑/๖ สานวนนเ้ี ป็นคาพังเพยและ ๓๕ สภุ าษติ ๕ วรรณคดี ท ๕.๑ ม.๑/๑ วรรณคดแี ละวรรณกรรม ๖ ๑๐ และ เกีย่ วกบั วรรณกรรม - เหตุการณป์ ระวตั ิศาสตร์ - บนั เทงิ คดี - วรรณคดที ้องถนิ่ ท ๕.๑ ม.๑/๒ท การวิเคราะห์คณุ คา่ และ ๖ ๑๕ ๕.๑ ม.๑/๓ท ๕.๑ ขอ้ คดิ จากวรรณคดแี ละ ม.๑/๔ วรรณกรรม ท ๕.๑ ม.๑/๕ บทอาขยานและบทร้อย ๔๕ กรองท่มี ีคุณค่า - บทอาขยานตามที่ กาหนด - บทรอ้ ยกรองตามความ สนใจ รวม ๖๐ ๑๐๐ หลักสตู รกลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาไทย ระดบั ชั้นมัธยมศกึ ษาตอนตน้ ๔๘

รายวชิ า ภาษาไทย รหัส ๒๒๑๐๑ โครงสร้างรายวิชา จานวนหนว่ ยกติ ๑.๕ หน่วยกติ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิชาภาษาไทย ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี ๒ จานวนเวลาเรียน ๖๐ ชวั่ โมง หนว่ ย ชอื่ หน่วย ตัวชีว้ ดั /ผลการเรยี นรู้ จานวน สัดส่วนคะแนน การเรยี นรู้ ชั่วโมง K P A รวม ๑ พูดดีมเี สนห่ ์ ท ๓.๑ ม. ๒/๑ พูดสรุปใจความสาคัญ ๕ ๒ ๒ ๑ ๕ จากเร่อื งทีฟ่ งั และดไู ด้ ท ๓.๑ ม. ๒/๒ วิเคราะห์ข้อเทจ็ ขอ้ คิดเหน็ และความน่าเชอ่ื ถือของ ข่าวสารจากส่ือต่าง ๆ ท ๓.๑ ม. ๒/๓ วิเคราะหแ์ ละวจิ ารณ์ เรื่องที่ฟงั และดูอย่างมเี หตผุ ลเพ่ือนา ข้อคิดมาประยกุ ตใ์ ช้ในการดาเนินชีวิต ท ๓.๑ ม. ๒/๔ พูดในโอกาสต่าง ๆ ได้ ตรงตามวตั ถุประสงค์ ท ๓.๑ ม. ๒/๕ พูดรายงานเรือ่ งหรือ ประเด็นทศ่ี กึ ษาค้นคว้าจากการฟงั การ ดูและการสนทนา ท ๓.๑ ม. ๒/๖ มมี ารยาทในการฟงั การดู และการพดู ๒ ออมไว้ใส่ถุงแดง ท ๑.๑ ม. ๒/๑ อา่ นออกเสียงบทรอ้ ย ๕ ๒ ๒ ๑ ๕ แกว้ และบทร้อยกรองได้ถกู ตอ้ ง ท ๑.๑ ม. ๒/๒ จบั ใจความสาคัญสรปุ ความ และอธบิ ายรายละเอยี ดจากเรื่อง ทีอ่ ่าน ท ๑.๑ ม. ๒/๓ เขยี นแผนผงั ความคดิ เพื่อแสดงความเขา้ ใจในบทเรยี นตา่ ง ๆ ที่อา่ น ท ๑.๑ ม. ๒/๔ อภปิ รายแสดงความ คิดเหน็ และขอ้ โต้แยง้ เกย่ี วกับเร่ืองทีอ่ า่ น ท ๑.๑ ม. ๒/๕ วเิ คราะห์และจาแนก ข้อเทจ็ จริงขอ้ มูลสนบั สนุนและ ขอ้ คดิ เหน็ จากบทความทอ่ี า่ น ท ๑.๑ ม. ๒/๖ ระบขุ ้อสงั เกตการชวน เช่ือ การโนม้ นา้ ว หรือความ สมเหตุสมผลของงานเขยี น หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดบั ชัน้ มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ๔๙

หนว่ ย ช่อื หน่วย ตัวชี้วดั /ผลการเรยี นรู้ จานวน สัดสว่ นคะแนน การเรียนรู้ ช่วั โมง K P A รวม ๒ ออมไวใ้ ส่ถุงแดง ท ๑.๑ ม. ๒/๗ อา่ นหนงั สอื หรอื บทความหรือคาประพนั ธอ์ ย่าง หลากหลาย และประเมินค่าหรือแนวคิด จากเร่ืองทอ่ี า่ น เพ่ือนาไปใชแ้ ก้ปญั หาใน ชีวติ ท ๑.๑ ม. ๒/๘ มีมารยาทในการอา่ น ท ๒.๑ ม. ๒/๔ เขยี นยอ่ ความ ๓ เมื่อแพะกลายเปน็ ท ๑.๑ ม. ๒/๔ อภปิ รายแสดงความ ๕ ๒๒๑ ๕ สนุ ขั คิดเหน็ และข้อโต้แยง้ เกี่ยวกบั เรื่องทอ่ี า่ น ท ๑.๑ ม. ๒/๕ วเิ คราะห์และจาแนก ขอ้ เทจ็ จริงข้อมลู สนับสนนุ และ ข้อคิดเหน็ จากบทความท่อี า่ น ท ๑.๑ ม. ๒/๖ ระบขุ ้อสังเกตการชวน เช่ือ การโน้มน้าว หรือความ สมเหตุสมผลของงานเขยี น ท ๑.๑ ม. ๒/๘ มีมารยาทในการอา่ น ท ๒.๑ ม. ๒/๔ เขียนย่อความ ท ๒.๑ ม. ๒/๖ เขยี นจดหมายกจิ ธรุ ะ ๔ ลกู ผ้ชู าย...ตัวเกอื บ ท ๑.๑ ม. ๒/๒ จับใจความสาคญั สรุป ๕ ๒ ๒ ๑ ๕ จรงิ ความ และอธบิ ายรายละเอยี ดจากเรื่อง ที่อา่ น ท ๑.๑ ม. ๒/๔ อภิปรายแสดงความ คดิ เห็นและขอ้ โตแ้ ยง้ เกยี่ วกับเรือ่ งท่อี า่ น ท ๑.๑ ม. ๒/๕ วิเคราะห์และจาแนก ขอ้ เท็จจรงิ ข้อมลู สนบั สนุนและ ขอ้ คดิ เห็นจากบทความท่อี า่ น ท ๑.๑ ม. ๒/๘ มมี ารยาทในการอา่ น ท ๒.๑ ม. ๒/๒ เขียนบรรยายและ พรรณนา ท ๒.๑ ม. ๒/๗ เขยี นวิเคราะห์วจิ ารณ์ และแสดงความรู้ ความคิดเห็น หรือ โตแ้ ย้งในเรอื่ งทีอ่ า่ นอย่างมเี หตผุ ล ท ๒.๑ ม. ๒/๘ มีมารยาทในการเขยี น หลกั สตู รกลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ระดบั ช้ันมธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ๕๐


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook