บทที่ 8 อนิ เตอรเ์ น็ตและการใช้บริการบนอนิ เตอรเ์ นต็
ความหมายของอินเทอรเ์ น็ต อินเทอร์เน็ต (Internet) หมายถึง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ท่ีมีขนาดใหญ่ มีการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายหลาย ๆ เครือข่ายทั่วโลก โดยใช้ภาษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่างคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า โพรโทคอล (protocol) ผู้ใช้เครือข่ายน้ีสามารถสื่อสารถึงกันได้ในหลาย ๆ ทาง อาทิ อีเมล เว็บบอร์ด และสามารถสบื ค้นข้อมลู และข่าวสารต่าง ๆ รวมทั้งคัดลอกแฟม้ ขอ้ มลู และโปรแกรมมาใช้ได้ความเปน็ มา อนิ เทอร์เน็ตเกดิ ขึ้นในปี ค.ศ. 1969 (พ.ศ. 2512) จากการเกิดเครอื ข่าย ARPANET (AdvancedResearch Projects Agency NETwork) ซ่ึงเป็นเครือข่ายสานักงานโครงการวิจัยช้ันสูงของกระทรวงกลาโหม ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีวัตถุประสงค์หลักของการสร้างเครือข่ายคือ เพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถเชื่อมต่อ และมีปฏิสัมพันธ์กันได้ เครือข่าย ARPANET ถือเป็นเครือข่ายเริ่มแรกซง่ึ ต่อมาไดพ้ ัฒนาใหเ้ ปน็ เครอื ข่าย อินเทอร์เน็ตในปัจจุบันประโยชนข์ องอนิ เทอร์เน็ต อินเทอรเ์ น็ตเป็นเครอื่ งเทคโนโลยีส่ือสารท่เี อ้ืออานวยความสะดวกให้แกผู้ใช้บริการ ในลักษณะของการส่ือสารที่ผ่านทางคอมพิวเตอร์ และช่องทางการส่ือสารชนิดต่างๆ ไม่ได้เป็นการสื่อสารจากบุคคลหนึ่งไปยังบุคคลหน่ึงโดยตรง จึงทาให้เกิดทั้งประโยชน์และโทษในการส่ือสารบนอินเทอร์เน็ตทางเราเลยจาแนกออกมาเป็นข้อ ๆ ดังนี้ 1. สามารถติดตอ่ สือ่ สารกับบคุ คลอ่นื ท่ัวโลก 2. สามารถคน้ หาขอ้ มูลตา่ งๆไดเ้ สมอื นกับเราไปนัง่ อยู่ทห่ี ้องสมุดขนาดใหญ่ได้ขอ้ มลู มากมายจากทว่ั ทุกมุมโลก 3. เปรยี บเสมือนท่ีใหเ้ ขา้ ไปแสดงความคดิ เห็นไดภ้ ายในหอ้ งสนทนา (chat room) และกระดานขา่ ว (Web room) เปน็ การเปดิ โลกกว้างและวสิ ัยทัศนใ์ นเรื่องทน่ี ่าสนใจ 4. สามารถตดิ ตามเคลือ่ นไหวจากข่าวสารทั่วโลกอยา่ งรวดเร็ว
5. สามารถเปดิ การค้าไดด้ ้วยตัวเอง โดยไม่ตอ้ งหาท่ีจัดต้งั รา้ นหรือพนกั งานบรกิ าร แตส่ ามารถทาการคา้ ไดด้ ้วยตวั เองคนเดียว 6. สามารถซ้ือสนิ ค้า โดยไมต่ ้องเดินทางไปยังรา้ นคา้ ซือ้ ผา่ นทางเว็บไซต์ที่ใหบ้ ริการ การชาระเงินก็สะดวก เชน่ ชาระผ่านบตั รเครดิต การหักเงนิ ผา่ นบญั ชีธนาคาร 7. สามารถรบั สง่ จดหมายอเิ ล็กทรอนิกส์ (E-mail) เปน็ การส่งจดหมายที่ไมต่ ้องเสยี คา่ บรกิ ารและรบั ส่งจดหมายได้ภายในและภายนอกประเทศ นอกจากจดหมายทเ่ี ปน็ ข้อความแล้ว ยังสง่ บตั รอวยพรในเทศการต่างๆได้อีก 8. สามารถอ่านนติ ยสาร หนงั สอื พิมพ์ บทความ และเรือ่ งราวตา่ งๆได้ฟรเี หมือนกบั เราซ้อืหนังสือฉบับนน้ั มาอา่ นเอง 9. สามารถตดิ ประกาศขอ้ ความต่างๆท่ีต้องการประกาศใหผ้ อู้ น่ื ทราบได้ เชน่ ประกาศขายบ้านประกาศสมัครงาน ประกาศขอความช่วยเหลือ 10. มีของฟรอี ีกมากมายท่ีสามารถใช้บรกิ ารได้จากอนิ เทอร์เนต็ เช่น ภาพ เพลง โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ดหู นงั เกมวิธกี ารเชือ่ มตอ่ อนิ เตอรเ์ นต็ การเช่ือมต่อระบบอินเตอร์เน็ตนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งานเป็นสาคัญ เช่นใช้อินเตอรเ์ น็ตเพ่ือค้นหาข้อมูลทบี่ ้าน ใช้ในเชิงธุรกิจ ใช้เพ่ือความบันเทิง หรือใช้ภายในองค์กรขนาดใหญ่ดังน้ันการเช่ือมต่อระบบอินเตอรเ์ น็ตจึงมคี วามแตกต่างกันซ่ึงข้ึนอยู่กับปัจจัยด้านความตอ้ งการ รวมทั้งเงนิ ทนุ ทีจ่ ะใชใ้ นการติดตง้ั ระบบด้วย ปัจจุบันการเชื่อมต่ออนิ เตอร์เน็ตที่นิยมใช้มี 5 ลักษณะ คือ 1. การเชอ่ื มต่อแบบ Dial Up เป็นการเชือ่ มต่ออนิ เตอร์เน็ตท่เี คยไดร้ ับความนิยมในยุคแรก ๆโดยใช้เครอื่ งคอมพวิ เตอร์บคุ คล กบั สายโทรศัพทบ์ ้านที่เป็นสายตรงตอ่ เช่อื มเขา้ กบั โมเดม็ (Modem) ก็สามารถใช้งานอนิ เตอรเ์ นต็ ได้แลว้ ผู้ใช้บรกิ ารอินเตอรเ์ นต็ ตอ้ งทาการตดิ ตอ่ กบั ผใู้ ห้บรกิ ารเชอื่ มตอ่อนิ เตอร์เนต็ ผ่านหมายเลขโทรศพั ท์บ้าน โดยผู้ให้บริการเช่อื มตอ่ อินเตอร์เนต็ จะกาหนดช่ือผูใ้ ช้(Username) และรหัสผา่ น (Password) มาใหเ้ พอ่ื เขา้ ใช้บรกิ ารอินเตอร์เนต็
ข้อดี ของการเชื่อมต่อแบบ Dial Up คือ อปุ กรณ์มรี าคาถกู การติดต้ังง่าย การเคล่ือนย้ายอปุ กรณท์ าไดง้ า่ ยข้อเสีย คืออัตราการรับส่งข้อมูลค่อนข้างต่าเพียงไม่เกิน 56 kbit (กโิ ลบติ ) ต่อวนิ าที 2. การเชอ่ื มต่อแบบ ISDN (Internet Services Digital Network) เปน็ การเช่ือมต่อท่คี ลา้ ยกบัแบบ Dial Up เพราะต้องใช้โทรศัพท์และโมเด็มในการเชื่อมต่อ ต่างกันตรงที่ระบบโทรศัพท์เป็นระบบความเรว็ สูงทใ่ี ช้เทคโนโลยรี ะบบดิจติ อล (Digital) และต้องใชโ้ มเด็มแบบ ISDN Modem ในการเชอ่ื มตอ่ ดงั นน้ั การเชือ่ มต่ออินเตอรเ์ น็ตแบบ ISDN จะตอ้ งคานึงถงึ สงิ่ เหลา่ นี้ คอื 1. ตอ้ งตดิ ตอ่ ผ้ใู ห้บริการอนิ เตอรเ์ นต็ (ISP) ทใี่ ห้บริการการเช่อื มต่อแบบ ISDN 2. การเชื่อมตอ่ ต้องใช้ ISDN Modem ในการเช่อื มต่อ
3. ตอ้ งตรวจสอบว่าสถานทีท่ จ่ี ะใช้บรกิ ารนี้ อยูใ่ นอาณาเขตทใ่ี ชบ้ รกิ าร ISDN ไดห้ รือไม่ขอ้ ดี คอื ไม่มีสัญญาณรบกวน มคี วามเรว็ สูง และยงั คงสามารถใช้โทรศัพทเ์ พอื่ พูดคุยไปไดพ้ รอ้ ม ๆ กับการเลน่ อนิ เตอร์เนต็ขอ้ เสีย คือมคี ่าใชจ้ ่ายสูงกว่าระบบ Dial-Up 3. การเชือ่ มต่อแบบ DSL (Digital Subscriber Line) เป็นเทคโนโลยกี ารเช่อื มต่ออนิ เทอรเ์ นต็ ความเรว็ สูงโดยใชส้ ายโทรศพั ท์ธรรมดา ที่สามารถใชอ้ ินเตอร์เน็ตและพูดผา่ นสายโทรศัพท์ปกตไิ ด้ในเวลาเดยี วกัน สง่ิ ท่ีตอ้ งคานึงถึงในการติดต้ังระบบอนิ เตอร์เนต็ แบบ DSL กค็ อื 1. ต้องตรวจสอบว่าสถานท่ที ่ตี ดิ ต้ังอย่ใู นเขตพื้นท่ีให้บริการระบบโทรศัพท์แบบ DSL หรอื ไม่ 2. บญั ชีผู้ใช้อนิ เตอร์เนต็ จากผใู้ หบ้ รกิ ารอนิ เตอร์เนต็ ในแบบ DSL 3. การเชื่อมต่อตอ้ งใช้ DSL Modem ในการเช่ือมต่อ 4. ต้องตดิ ตั้ง Ethernet Adapter Card หรอื Lan Card ไวท้ ่เี ครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ท่ใี ชใ้ นการเชอ่ื มต่ออินเตอร์เนต็ ด้วยข้อดี คือมคี วามเร็วสงู กว่าแบบ Dial-Up และ ISDNขอ้ เสยี คอื ไมส่ ามารถระบคุ วามเร็วทแี่ นน่ อนได้
4. การเช่ือมต่อแบบ Cable เป็นการเชื่อมตอ่ อินเทอร์เน็ตโดยผ่านสายสือ่ สารเดียวกบั CableTV จึงทาให้เราสามารถเชอื่ มต่ออินเทอร์เนต็ ไปพร้อม ๆ กบั การดทู ีวีได้ โดยตอ้ งจัดหาอุปกรณ์เพิม่ เติมคือ 1. ใช้ Cable Modem เพ่ือเชือ่ มต่อ 2. ต้องติดตง้ั Ethernet Adapter Card หรือ Lan Card ไวท้ เ่ี ครือ่ งคอมพวิ เตอร์ท่ใี ชใ้ นการเช่อื มตอ่ อนิ เตอร์เน็ตดว้ ยขอ้ ดี คือถ้ามสี ายเคเบลิ ทีวอี ยแู่ ลว้ สามารถเชื่อมต่ออินเทอรเ์ นต็ ไดโ้ ดยเพิม่ อุปกรณ์ Cable Modem ก็สามารถเช่ือมต่อได้ขอ้ เสยี คอื ถ้ามีผใู้ ชเ้ คเบลิ ในบรเิ วณใกล้เคยี งมาก อาจทาให้การรับสง่ ข้อมลู ช้าลง5. การเช่อื มตอ่ แบบดาวเทียม (Satellites) เปน็ การเชอื่ มต่ออนิ เทอร์เน็ตท่มี คี า่ ใชจ้ ่ายคอ่ นข้างสูงระบบทใ่ี ช้กนั อยใู่ นปจั จุบันเรียกว่า Direct Broadcast Satellites หรอื DBS โดยผูใ้ ช้ต้องจดั หาอปุ กรณ์เพมิ่ เตมิ คือ 1. จานดาวเทียมขนาด 18-21 นว้ิ เพือ่ ทาหนา้ ทเี่ ปน็ ตวั รับสัญญาณจากดาวเทียม 2. ใช้ Modem เพอื่ เชื่อมตอ่ ระบบอนิ เตอร์เน็ต
ขอ้ เสยี ของการเชอื่ มตอ่ แบบดาวเทยี ม (Satellites) ไดแ้ ก่ 1. ต้องสง่ ผ่านสายโทรศัพท์เหมือนแบบอ่นื ๆ 2. ความเร็วในการรับส่งขอ้ มลู ตา่ มากเม่อื เทยี บกบั แบบอ่ืน ๆ 3. คา่ ใช้จา่ ยสูงชนิดของโพรโทคอล 1. NetBEUI (NetBIOS Extended User Interface) เป็นโปรโตคอลท่ีเหมาะสาหรับระบบ เครือข่ายขนาดเล็กเนื่องจากโปรโตคอลนี้ใช้วิธีกระจาย สญั ญาณไปท่วั ทั้งเครอื ขา่ ยไมส่ ามารถหาเสน้ ทาง (route) ไปยงั คอมพวิ เตอร์ท่รี อ้ งขอข้อมลู ได้ ขอ้ ดีของ โปรโตคอลนี้คอื การตดิ ตง้ั ซอฟตแ์ วรเ์ ครอื ขา่ ยไมย่ ุ่งยากซบั ซอ้ น 2. IPX/SPX (Internet Packet Exchange) เป็นโปรโตคอลท่ีถูกพัฒนาขึ้นมาเพ่ือนาไปใช้กับระบบเครือข่ายของ Netwareโปรโตคอลน้ีมี ความสามารถในการหาเส้นทางได้ แต่ก็ไม่ดีเท่ากับ TCP/IP ดังนั้นจึงเหมาะสาหรับเครือข่ายขนาดเล็ก ถงึ ระดบั กลางเท่าน้ัน ปจั จบุ ัน Netware ได้พัฒนาความสามารถจนสามารถรองรับเครือข่ายขนาดใหญ่ และมโี ปรโตคอลใหเ้ ลือกใชห้ ลากหลายข้ึน
3. TCP/IP (Transfer Control Protocol/ Internet Protocol) เป็นโปรโตคอลทใี่ ช้กนั อย่างแพรห่ ลายในเครือข่ายขนาดใหญแ่ ละเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เนือ่ งจากมีความสามารถในการค้นหาเส้นทางไปยังเครื่องคอมพิวเตอรท์ ่ีร้องขอข้อมลู จึงถูกใชเ้ ป็นโปรโตคอลหลักในเครือข่ายอินเทอร์เน็ตข้อเสียของโพรโตคอลนี้ คือ ต้องมีความรู้พ้ืนฐานเก่ียวกับโปรโตคอล TCP/IP การกาหนด IP Addressอีกท้ังจะต้องมีการปรับแต่งค่าต่าง ๆ หลังจากการติดตั้งซอฟต์แวร์เครือข่าย ในที่น้ีจะได้กล่าวถึงรายละเอียดและคุณสมบัติของโปรโตคอลที่สาคัญบางโปรโตคอลเท่านนั้ คอื 3.1 FTP (File Transfer Protocol) ใช้ในการรับ-ส่ง แฟ้มข้อมูลระหว่างเคร่ืองลูกข่ายและเครื่องเซิร์ฟเวอร์ โดยท่ีเครื่องเซิร์ฟเวอร์จะต้องมีโปรแกรมให้บริการ FTP (FTP Server) ติดตั้งและทางานอยู่ เพ่ือให้เครื่องลูกข่ายท่ีรันโปรแกรม FTP Client สามารถเข้ามาขอใช้บริการได้ นอกจากรับส่งแฟ้มข้อมูลแล้ว FTP ยังมคี าส่ังท่ใี ช้ในการแสดงช่ือแฟ้มข้อมลู บนเคร่อื งเซิรฟ์ เวอร์ เปล่ียนชื่อแฟ้มหรอื ลบแฟ้มขอ้ มูล 3.2 TELNET เป็นบริการท่ีให้เคร่ืองลูกข่ายสามารถเข้าไปใช้เครื่องเซิร์ฟเวอร์ โดยการจาลองตัวเองใหท้ างานเป็นเทอรม์ ินัลผู้ใช้งานจะต้องใส่รหัสผู้ใช้และรหัสผ่านเพื่อแจง้ การเข้าใช้เครื่อง เมื่อเข้าไปไดแ้ ลว้ การทางานต่างๆ จะเหมือนกบั การเข้าไปทางานที่หน้าจอของ เครื่องเซิร์ฟเวอร์ 3.3 SMTP เป็นการให้บริการเพ่ือรับส่งจดหมายอิเลคทรอนิคส์ (E-Mail) โดยท่ีSMTPจะมีตู้ไปรษณยี ์เพื่อทาหนา้ ที่รับจดหมายจากผู้อื่นท่ตี ้องการส่งให้ และเกบ็ จดหมายของผู้ใชท้ ่ีต้องการส่งไปยังผู้ใช้อ่ืน เม่ือถึงกาหนดเวลาท่ีตั้งไว้โปรแกรมจะทาการส่งจดหมายออกและรับจดหมายเข้ามา ผู้ใช้ก็สามารถจะเปิดอ่านได้เม่ือต้องการส่วนการรับส่งจดหมายระหว่างเครื่องลูกข่ายกับ SMTP Server ในลักษณะท่เี ป็น Client/Server จะใชโ้ ปรโตคอลที่ชือ่ วา่ POP3 (Post Office Protocol) 3.4 HTTP (Hyper Text Transfer Protocol) ใช้ในการตดิ ต่อรบั ส่งข้อมูลชนิดไฮเปอร์เทก็ ซ์(Hypertext)ระหว่างเครื่องลูกข่ายกับ WWW Server (World Wide Web) โดยที่เอกสารน้ีจะอยู่ในรูปแบบท่ีเขียนในภาษา HTML (Hyper Text Markup Language) เอกสารแต่ละช้ินจะสามารถเชื่อมโยงไปยังเอกสารชิ้นอ่ืนได้ ซ่ึงเอกสารที่ถูกเชื่อมโยงน้ีอาจจะอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวกนั หรือตา่ งเคร่ืองกันก็ได้
3 . 5 DNS ( Domain Name System) ใ น ก า ร เ ช่ื อ ม โ ย ง เ ค รื อ ข่ า ย แ บ บ ที่ ใ ช้โปรโตคอล TCP/IP นั้นเคร่ืองเซิร์ฟเวอร์และเครื่องลูกข่ายทุกตัวจะต้องมีหมายเลขที่ใช้ในการ ระบุตวั เองคล้ายกบั ช่ือ-นามสกุลของคนเรา หมายเลขที่กล่าวมานเ้ี รียกว่า IP Address โดยเขียนในลกั ษณะนี้ 203.154.126.134 การจดจา IP Address เป็นส่ิงที่ทาได้ยากกว่าการจาชื่อของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ดังน้ันจึงเกิดการสร้างเซิร์ฟเวอร์ที่จะให้บริการการสอบถามชื่อเครื่องและ IP Address ในเครือข่ายอนิ เตอรเ์ น็ตขึ้นมาซ่งึ เรียกวา่ Domain Name Services ในการใชง้ านน้ันผูใ้ ชเ้ พยี งแตร่ ะบุ IP Addressขอ งเ ค รื่อ ง ที่ใ ห้ บริ กา ร น้ีแ ล้ วเ ม่ื อต้ อง ก าร จ ะติ ด ต่อ กับ เ ครื่ อ งค อ มพิ วเ ต อร์ เ ครื่ อ งใ ดใ น เค รื อข่ า ยอินเตอร์เน็ต DNS จะช่วยค้นหา IP Address ของเคร่ืองที่ต้องการให้เพ่ือให้โปรแกรมสามารถใช้ IPAddress ท่ไี ดใ้ นการตดิ ต่อ4. โพรโทคอลจัดการระดบั ตวั อกั ษร เป็นแบบท่ีเก่าแก่ท่ีสุดท่ีมีใช้งานบนเคร่ืองเมนเฟรม ซ่ึงกาหนดให้หน่ึงตัวอักษรประกอบด้วยข้อมูลขนาด 8 บิต แบบที่แพร่หลายท่ีสุดเรียกว่า แบบ บีเอสซี ( Binary SynchronousCommunication; BSC or BISYNC) ข้ อ มู ล จ ะ ถู ก ส่ ง อ อ ก ไ ป เ ป็ น ก ลุ่ ม ข อ ง ตั ว อั ก ษ รแบบ Synchronous ในลักษณะก่ึงสองทิศทาง ได้รับการพัฒนาข้ึนมาโดยบริษัทไอบีเอ็ม ในปี พ.ศ.2510 และได้กลายเป็นมาตรฐานในการสื่อสารระหว่างเครอ่ื งเมนเฟรมในยุดน้ัน แตก่ ็ยังมกี ารใช้งานอยู่มากในปัจจบุ ัน5. โพรโทคอลจดั การแบบนบั จานวนไบต์ (Byte-Count-Oriented Protocols) ปรับปรุงประสิทธิภาพของโพรโทคอลจัดการระดับตัวอักษรท่ีใช้ตัวอักษรพิเศษโดยการเพิ่มข้อมูล จานวนไบต์ของข้อมูลในบล็อก หมายเลขท่ีอยู่บนเครือข่าย และตัวอักษรควบคุมบล็อกเข้าไปแทน6. โพรโทคอลจัดการระดับบิต (Bit-Oriented Protocols)
เป็นแนวทางการทางานท่ีรวมข้อมลู จรงิ และขอ้ มลู ควบคุมเขา้ ดว้ ยกันเป็นโครงสร้างเรียกวา่ เฟรม(Frame) ซ่ึงจะต้องกาหนดรายละเอียดไว้อย่างชัดเจนเพ่ือให้สามารถดึงข้อมูลแต่ละส่วนออกไปใช้ได้อย่างถูกตอ้ ง บรษิ ัทและองคก์ รตา่ ง ๆ ได้กาหนดโพรโทคอลประเภทนข้ี น้ึ มาใชง้ านอยา่ งแพรห่ ลาย7. โพรโทคอลเอสเอ็นเอ (System Network Architecture; SNA) รูปแบบโครงสร้างแบบเอสเอ็นเอเป็นหนึ่งในรูปแบบโครงสร้างระบบเครือข่ายวงกว้างสาหรับการส่ือสารระหว่างเคร่ืองเมนเฟรมกับเทอร์มินอลท่ีมีใช้งานมานานแล้ว บริษัทไอบีเอ็มได้พัฒนาระบบเอสเอ็นเอขึ้นมาใช้งานต้ังแต่ พ.ศ. 2517 โดยการกาหนดรายละเอียดวิธีการติดต่อส่ือสารระหว่างอุปกรณ์ทั้งหมด เพ่ือแก้ปัญหาในความแตกต่างของอุปกรณ์ในยุคน้ัน เน่ืองจากบริษัทไอบีเอ็มเป็นเจ้าของระบบเอสเอ็นเอ จึงเน้นการแก้ปัญหาท่ีเกิดขึ้นกับอุปกรณ์ที่ผลิตโดยบริษัทไอบีเอ็มเป็นหลัก อย่างไรก็ตามมีบริษัทอื่นอีกเป็นจานวนมากที่ได้นาระบบเครือข่ายน้ีไปใช้อย่างแพร่หลายทาให้ระบบเครือข่ายเหลา่ น้ันสามารถตดิ ตอ่ กับระบบเครือข่ายของไอบีเอ็มและของผู้อ่ืนได้ปัจจบุ ันระบบเอสเอ็นเอยังคงได้รับการพฒั นาอย่างต่อเนือ่ งในขณะท่มี รี ะบบเครือขา่ ยอนื่ ทด่ี เี กดิ ขึน้ มากมาย8. โพรโทคอล H.323 การสื่อสารแบบแพ็กเกตสวิท (Packet Switched Network) ใช้ โพรโทคอลH.323 สาหรับการส่งข้อมูลทุกชนิด แบบเรียลไทม์ (Real-Time) การสื่อสารแบบน้ีจะส่งข้อมลู จากจดุ หนงึ่ ไปยังอกี จดุ หน่ึงโดยแบ่งข้อมูลออกเป็นส่วนเล็ก ๆ เรียกว่า แพ็กเกต เพ่ือส่งไปยัง เป้าหมายตามสายส่ือสารที่เร็วที่สุดโพรโทคอลนี้ไดร้ ับการรับรองมาตรฐานโดย ITU เมอ่ื เดือนตลุ าคม พ.ศ. 2539 ช่วยให้สามารถส่งข้อมูลเสียงภาพหรือนามาใช้ในการประชุมทางไกลอิเลก็ ทรอนกิ ส์ได้9. โพรโทคอล X.25 ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร CCITT (Consultative Committee for International Telegraph andTelephone) ได้พัฒนาโพรโทคอลมาตรฐานขึ้นมาเพื่อใช้ในการสื่อสารระหว่างประเทศ ผ่านระบบเครือข่ายท่ีใช้แพ็กเกตสวิทช่ิง เรียกว่า โพรโทคอล X.25ระบบเครือข่ายท่ีใช้แพ็กเกตสวิตชิ่ง (Packet-switching Network or Packet Distribution Network) จะแบ่งข้อมูลออกเป็นส่วนเล็กๆ คือ แพ็กเกต เพือ่ สง่ ออกทางสายส่ือสารความเรว็ สงู ไปยังผู้รบั อปุ กรณ์ทใ่ี ชใ้ นระบบเครอื ข่าย
จดั ทาโดยนายสาละวิน บรรจงธุระการ
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: