บทที่ 9อุปกรณส์ ำหรับเชอ่ื มต่อเครอื ขำ่ ย ประเภท LAN
อปุ กรณส์ ำหรบั เชื่อมตอ่ เครือข่ำยประเภท LANการด์ (lan) เคร่ืองพีซีจะเชื่อต่อกันเป็นระบบ LAN ข้ึนมาน้ัน แต่ละเครื่องต้องติดต้ังการ์ดLAN เคร่ืองรุ่นใหมๆ่ อาจจะมกี าร์ด LAN ฝังตัวอยู่ในบอร์ดให้แล้ว (Lan Onboard) หรือในโน๊ตบุ๊คใหม่ๆก็มักจะมีพอร์ต LAN มาให้แล้ว โดยส่วนใหญ่จะมีความเร็ว 1000หรือ100 เมกกะบติ (ถ้าเป็นรุ่นเกา่ จะมีความเร็วเพยี ง 10 เมกกะบติ ต่อวินาทีเทา่ น้ัน) เรยี กว่าเป็น Fast Ethernet และบางแบบก็อาจใช้ได้ทั้ง 2 ความเร็วโดยสามารถปรับแบบอัตโนมตั ิแล้วแตจ่ ะไปเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Hub หรือ Switch แบบใดการ์ด LAN รุน่ ใหม่จะมีคุณสมบัติ Plug&Play หรือ PnP มักเสียบเข้ากับสล๊อตแบบ PCI (การ์ดรุ่นเก่าจะใช้กับสลอ๊ ตแบบ ISA ซงึ่ ไม่คอ่ ยพบแล้ว จงึ ไม่ขอกลา่ วถึง) โดยมชี อ่ งดา้ นหลังเครื่องใหเ้ สยี บสายได้
ฮบั (hub) เป็นอุปกรณ์ท่ีรวมสัญญาณท่ีมาจากอุปกรณ์รับส่งหลายๆ สถานี เข้าด้วยกัน ฮับเปรียบเสมือนเป็นบัสท่ีรวมอยู่ท่ีจุดเดียวกัน ฮับท่ีใช้งานอยู่ภายใต้มาตรฐานการรับส่งแบบอีเทอร์เน็ต หรือ IEEE802.3 ข้อมูลท่ีรับส่งผ่านฮับจากเครื่องหน่ึงจะกระจายไปยังทุกสถานีท่ีต่ออยู่บนฮับนั้น ดังน้ัน ทุกสถานีจะรับสัญญาณข้อมูลที่กระจายมาได้ทั้งหมดแต่จะเลือกคัดลอกเฉพาะข้อมูลท่ีส่งมาถึงตนเท่าน้ัน การตรวจสอบข้อมูลจึงต้องดูที่แอดเดรส(address)ท่กี ากบั มาในกลุม่ ของขอ้ มลู หรอื แพ็กเกต็สวิตซ์ (switch) เป็นอุปกรณ์รวมสัญญาณที่มาจากอุปกรณ์รับส่งหลายสถานีเช่นเดียวกับฮับ แต่มีข้อแตกตา่ งจากฮับ กล่าวคือ การรับส่งข้อมลู จากสถานี (อปุ กรณ)์ ตวั หน่ึง จะไมก่ ระจายไปยังทุกสถานี (อุปกรณ์) เหมือนฮับ ทั้งน้ีเพราะสวิตช์จะรับกลุ่มข้อมูล(แพ็กเก็ต) มา
ตรวจสอบก่อน แล้วดูว่ามา แอดเดรสของสถานีปลายทางไปที่ใด สวิตช์จะนาแพ็กเก็ตหรือกลุ่มข้อมูลน้ันส่งต่อไปยังสถานี (อุปกรณ์) เป้าหมายให้อย่างอัตโนมัติ สวิตช์จะลดปัญหาการชนกันของข้อมูลเพราะไม่ต้องกระจายข้อมูลไปทกุ สถานี และยังมขี ้อดใี นเรื่องการป้องกันการดักจับข้อมลู ท่ีกระจายไปในเครอื ขา่ ยเราเตอร์ (router) ในการเช่ือมโยงเครือข่ายหลายๆ เครือข่ายเข้าด้วยกัน หรือเช่ือมโยงอุปกรณ์หลายอยา่ งเขา้ ด้วยกัน ดงั นน้ั จงึ มเี สน้ ทางการเข้าออกของข้อมลู ไดห้ ลายเสน้ ทาง และแต่ละเส้นทางอาจใช้เทคโนโลยีเครือข่ายท่ีต่างกัน อุปกรณ์จัดเส้นทางจะหาเส้นทางที่เหมาะสมให้การท่อี ุปกรณ์จัดหาเส้นทางเลือกเส้นทางไดถ้ ูกตอ้ งเพราะแตล่ ะสถานภี ายในเครือข่ายมีแอดเดรสกากับ อุปกรณ์จัดเส้นทางต้องรับรู้ตาแหน่งและสามารถนาข้อมูลออกทางเส้นทางได้ถูกต้องตามตาแหน่งแอดเดรสท่ีกากับอยู่ในเส้นทางน้ัน รวมท้ังการจัดรูปแบบและนาเสนอขอ้ มูล โดยกาหนด
สาย UTP (Unshield Twisted Pair) สายที่ใช้กับ LAN เรียกว่าสาย UTP (Unshield Twisted Pair) ซ่ึงใช้หัวต่อแบบRJ-45 ซึ่งมีท้ังหมด 8 ขา สายแบบน้ีท่ีเข้าหัวไว้แล้วจะหาซ้ือได้ตามร้านขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทั่วไป หรือจะซื้อแบบเป็นม้วนมาตัดเข้าหัวเองก็ได้ แต่ต้องมีเครื่องมือหรือคมี เขา้ หัว RJ-45 โดยเฉพาะ มีข้อจากัดคอื จะต้องยาวไม่เกนิ 100 เมตร จากเครอื่ งไปยังSwitch และแบง่ ไดเ้ ป็น 2 ประเภทตามลักษณะการใช้งาน คือ• สายตรง (Straight-through Cable) คือสายปกตทิ ี่ใช้เชื่อมระหวา่ งการด์ LAN และHub / Switch• สายไขว้ (Crossover Cable) ใชต้ ่อการด์ LAN บนคอมพวิ เตอร์ 2 เครื่องหรือพอร์ตของ Hub หรอื Switch 2 ตัวโดยตรง เพ่ือเพม่ิ ขยายพอร์ต ซงึ่ วธิ กี ารเขา้ หัวจะตา่ งจากปกติ
ระบบเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ ระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ หรือระบบเนต็ เวิร์ก คือ กลมุ่ ของคอมพวิ เตอรแ์ ละอปุ กรณต์ า่ งๆ ทีถ่ ูกนามาเชือ่ มต่อกนั เพอ่ื ใหผ้ ู้ใชใ้ นเครือข่ายสามารถติดต่อส่อื สารแลกเปลยี่ นข้อมูล และใช้อปุ กรณต์ า่ งๆ ในเครอื ขา่ ยร่วมกนั ได้\"เครือขา่ ยนน้ั มหี ลายขนาดตง้ั แต่ขนาดเล็กที่เชอื่ มต่อกันด้วยคอมพิวเตอร์เพียงสองสามเครอ่ื ง เพอื่ ใช้งานในบา้ นหรอื ในบรษิ ทั เล็กๆ ไปจนถงึ เครอื ขา่ ยขนาดใหญท่ ีเ่ ชือ่ มต่อกันทว่ั โลก สว่ น HomeNetwork หรือเครอื ข่ายภายในบา้ น ซงึ่ เป็นระบบ LAN ( Local Area Network) เป็นระบบเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กๆ หมายถึง การนาเคร่อื งคอมพวิ เตอร์และอุปกรณ์มาเชื่อมตอ่ กันในบา้ น ส่งิ ท่ีเกดิ ตามมากค็ อื ประโยชน์ในการใช้คอมพิวเตอรด์ า้ นต่างๆเช่น การใช้ทรพั ยากรร่วมกัน หมายถงึ การใช้อปุ กรณต์ า่ งๆ เชน่ เครือ่ งพิมพร์ ว่ มกันกล่าวคือ มเี ครอื่ งพิมพ์เพียงเครอื่ งเดยี ว ทกุ คนในเครือขา่ ยสามารถใชเ้ คร่ืองพิมพน์ ไี้ ด้ ทาให้สะดวกและประหยัดคา่ ใช้จ่าย เพราะไมต่ ้องลงทนุ ซ้ือเครื่องพมิ พ์หลายเคร่อื ง(นอกจากจะเปน็ เครื่องพมิ พค์ นละประเภท) การแชร์ไฟล์ เมื่อคอมพวิ เตอร์ถูกตดิ ต้ังเปน็ ระบบเนต็ เวริ ์กแลว้ การใชไ้ ฟลข์ อ้ มูลรว่ มกนั หรอื การแลกเปล่ียนไฟล์ทาได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ไมต่ อ้ งอปุ กรณเ์ ก็บขอ้ มูลใดๆท้งั สนิ้ ในการโอนย้ายข้อมลู ตดั ปัญหาเรอื่ งความจขุ องสอ่ื บนั ทึก ยกเว้นอปุ กรณ์ในการจัดเกบ็ ขอ้ มลู หลกั อยา่ งฮาร์ดดสิ ก์ หากพน้ื ทีเ่ ต็มกค็ งตอ้ งหามาเพม่ิ การติดต่อสือ่ สาร โดยคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเปน็ ระบบเนต็ เวริ ์ก สามารถตดิ ต่อพูดคยุ กบั เครื่องคอมพิวเตอรอ์ ืน่ โดยอาศยั โปรแกรมสอื่ สารทมี่ ีความสามารถใช้เปน็เครื่องคอมพิวเตอร์ได้เช่น เดยี วกัน หรอื การใชอ้ เี มล์ภายในกอ่ ให้เครือข่าย HomeNetwork หรอื Home Office จะเกดิ ประโยชนน์ ้อี กี มากมาย
การใชอ้ ินเทอร์เน็ตรว่ มกนั คอมพวิ เตอร์ทกุ เคร่ืองท่ีเชอื่ มตอ่ ในระบบเนต็ เวิร์กสามารถใช้งานอินเทอร์เนต็ ไดท้ กุ เครอ่ื ง โดยมโี มเดม็ ตวั เดียว ไมว่ ่าจะเป็นแบบอนาล็อกหรอื แบบดิจติ อลอยา่ ง ADSL ยอดฮติ ในปจั จบุ นั ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้กลายเปน็ สว่ นหนงึ่ ขององค์กร สถาบันการศึกษาและบ้านไปแลว้ การใช้ทรัพยากรร่วมกันไดท้ งั้ ไฟล์ เคร่อื งพิมพ์ ต้องใชร้ ะบบเครอื ข่ายเปน็พืน้ ฐาน ระบบเครือข่ายจะหมายถงึ การนาคอมพิวเตอร์ตัง้ แต่ 2 เคร่ืองข้ึนไปมาเชอ่ื มต่อกันเพือ่ จะทาการแชรข์ ้อมูล และทรพั ยากรรว่ มกนั เช่น ไฟล์ข้อมลู และเครอ่ื งพิมพ์ระบบเครือข่ายสามารถแบ่งออกเปน็ 3 ประเภท ด้วยกันคอื1. LAN (Local Area Network) ระบบเครื่องข่ายท้องถ่ิน เป็นเน็ตเวิร์กในระยะทางไม่เกิน 10 กิโลเมตร ไม่ต้องใช้โครงข่ายการส่ือสารขององค์การโทรศัพท์ คือจะเป็นระบบเครือข่ายที่อยู่ภายในอาคารเดียวกันหรือต่างอาคาร ในระยะใกล้ๆพัฒนาการของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เกิดจากการเชอื่ มตอ่ เทอรม์ ินอล (Terminal)เข้ากบั เครือ่ งคอมพวิ เตอรเ์ มนเฟรม (MainframComputer) หรือเชื่อมต่อกับมินิคอมพิวเตอร์ (Mini Computer) ซึ่งการควบคุมการสื่อสารและการประมวลผลต่างๆจะถูกควบคุมและดาเนินการโดยเคร่ืองเมนเฟรมหรือมนิ คิ อมพิวเตอร์ซ่ึงอาจเรยี กอีกอย่างว่าโฮสต์ (Host) โดยมกี ารเช่ือมโยงระหว่างโฮสต์กับเทอรม์ นิ อล ส่วนเทอรม์ นิ อลทาหน้าท่ีเป็นเพียงจุดรับข้อมลู และ แสดงขอ้ มูลเท่านั้น สาหรับเครือข่ายในปัจจุบันมีการทางานที่มีประสิทธิภาพและคล่องตัวมากย่ิงข้ึนท้ังการเข้าถึงและการใช้งานทรัพยากรที่มีอยู่บนเครือข่าย เช่น เครื่องพิมพ์ ดิสก์ หรืออปุ กรณอ์ ่ืน ๆ ซ่ึงปัจจบุ ันเรยี กเทอร์มนิ อลทม่ี ีความสามารถเล่านี้ว่าโหนด(Node)ลกั ษณะการกระจายการทางานแบบการกระจายศูนย์ (Distributed System) ซ่ึงเป็นการกระจายภาระ และหน้าที่การทางานไปโหนดบนเครือข่ายท้ังภายใน และภายนอ กหนว่ ยงาน ซึง่ จะชว่ ยลดภาระการทางาน ของโฮสตล์ งไดเ้ ป็นอยา่ งมาก
ปัจจุบนั มกี ารใชง้ านเครือข่ายระยะใกล้ หรือเรยี กอีกอย่างวา่ เครือข่ายทอ้ งถน่ิ (LAN หรอืLocal Area Network) อยา่ งแพร่หลายในเกอื บทุกหน่วยงาน จนเปรียบเสมอื นปจั จยั ในการทางานของสานักงานท่ัว ๆ ไป เช่นเดียวกับเครื่องพิมพ์ดีด หรือเคร่ืองถ่ายเอกสารบุคคลากรเกือบทุกคนในหน่วยงานจะมี เครื่องคอมพิวเตอร์อย่างน้อย 1 เคร่ือง เพ่ือใช้งานในด้านต่างๆ นอกจากน้ีอาจจะมีการเช่ือมโยงกับเครื่องคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ทางคอมพิวเตอร์กับระบบงานอื่น ภายในหน่วยงานเดียวกันภายในตึกเดียวกัน หรือภายในองค์กรเดียวกัน การเชือ่ มโยงในลักษณะนี้เปรยี บเสมอื นการเชื่อมโยงประสานการทางานของหน่วยงานหรือ องคก์ รเข้าด้วยกัน ซ่ึงเรยี กการเช่ือมโยงลักษณะน้ีว่าเครอื ข่ายทอ้ งถน่ิ สรุปแล้วเครือข่ายระยะใกล้ หรือเครือข่ายท้องถิ่น (LAN)เป็นรูปแบบการทางานของระบบเครือข่ายแบบหนึ่ง ท่ีช่วยให้เคร่ืองคอมพิวเตอร์ (Computer) เคร่ืองพิมพ์(Printer) และอุปกรณ์ใช้งานทางคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ สามารถเชื่อมโยงเอกสาร ส่งข้อมูลติดต่อใช้งานร่วมกันได้ การติดต่อส่ือสารของอุปกรณ์ จะอยู่ในบริเวณแคบ โดยทั่วไปมีระยะทางไม่เกิน 10 กิโลเมตร เช่น ภายในอาคารสานักงานภายในคลังสินค้า โรงงานหรือระหว่างตึกใกล้ ๆ เช่ือมโยงด้วย สายส่ือสารจึงทาให้มีความเร็วในการส่ือสารข้อมูลด้วยความเร็วสงู มาก และมคี วามผดิ พลาดของข้อมูลต่า2. MAN (Metropolitan Area Network) ระบบเครอื ข่ายเมือง เปน็ เนต็ เวริ ์กทีจ่ ะต้องใช้โครงข่ายการสอื่ สารขององค์การโทรศัพท์ หรอื การสอื่ สารแหง่ ประเทศไทย เปน็ การติดตอ่ กันในเมอื ง เช่น เคร่อื งเวิรก์ สเตช่นั อยูท่ ส่ี ุขุมวิท มีการติดตอ่ ส่อื สารกับเครือ่ งเวริ ก์ สเตชัน่ ทบ่ี างรกั
3. WAN (Wide Area Network) เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ที่ใช้สาหรับเชื่อมโยงกันในระยะทางท่ีห่างไกลมาก เป็นหลาย ๆ กิโลเมตร ซ่งึ อาจใช้เช่อื มโยงระหว่างเมอื ง หรือระหว่างประเทศ ดงั นนั้ ความเรว็ในการเช่ือมโยงระหว่างกันอาจไม่สูงมากนัก เพราะระยะทางไกลทาให้มสี ัญญาณรบกวนได้สูง ความเร็วจึงอยู่ในระดับช่วง 9.6-64 Kbps และ 1.5-2 Mbps ข้ึนอยู่กับแอพพลิเคช่ันและขนาดของข้อมูล ผ่านสื่อท่ีเป็นตัวกลางรับ-ส่งข้อมูลเช่น สายเคเบิลหรือ ดาวเทียม เป็นต้น WAN ต่างกับ LAN ตรงท่ีสามารถเชื่อมโยงได้ในระยะทางที่ไกลมากกว่าเครอื ขา่ ย WAN สามารถแบง่ เป็นประเภทใหญ่ๆ คือ 1 . เครือข่ายส่วนตวั (private network) เป็นการจัดต้งั ระบบเครือข่ายซึ่งมีการใช้งานเฉพาะองค์กร เช่น องค์กรท่ีมีสาขาอาจทาการสร้างระบบเครือข่าย เพื่อเชื่อมตอ่ ระหว่างสานักงานใหญ่กับสาขาที่มีอยู่ เป็นต้น การจัดตั้งระบบเครือข่ายส่วนตัวมีจุดเด่นในเรื่องของการรักษาความลับของ ข้อมูล สามารถควบคุมดูแลเครือข่ายและขยายเครือข่ายไปยังจุดท่ีต้องการ ส่วนข้อเสียคือในกรณีที่ไม่ได้มีการส่งข้อมูลต่อเนื่องตลอดเวลา จะเสียค่าใช้จ่ายสูงมากเมื่อเทียบกับการส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายสาธารณะและหากมีการส่งข้อมูลระหว่างสาขาต่างๆ จะต้องมีการจัดหาช่องทางสื่อสารเช่ือมโยงระหว่างแต่ละสาขาด้วย ซึ่งอาจจะไม่สามารถจัดช่องทางการส่ือสารไปยังพื้นทที่ ่ีต้องการได้ 2. เครือข่ายสาธารณะ (PDN: public data network) หรือบางครั้งเรียกว่าเครือข่ายมูลค่าเพิ่ม (VAN: Value Added Network) เป็นเครือข่าย WAN ท่ีจะมีองค์กรหน่ึง (third party) เป็นผู้ทาหน้าที่ในการเดินระบบเครือข่าย และให้เช่าช่องทางการสื่อสารให้กับ บริษัทต่างๆ ท่ีต้องการสร้างระบบเครือข่าย ซึ่งบริษัทจะลดค่าใช้จ่ายของตนลงได้ เนื่องจากมีบุคคลอ่ืนมาช่วยแบ่งปันค่าใช้จ่ายไป ซ่ึงจะนิยมใช้กัน
มาก เน่ืองจากมคี ่าใช้จ่ายตา่ กวา่ การจัดตงั้ เครอื ข่ายส่วนตวั สามารถใช้งานไดท้ นั ทีโดยไม่ต้องเสียเวลาในการจัดตั้งเครือข่ายใหม่ รวมท้ังมีบริการให้เลือกอย่าง หลากหลาย ซ่ึงแตกต่างกันไปทั้งในส่วนของราคา ความเร็ว ขอบเขตพื้นท่ีบริการ และความเหมาะสมกับงานแบบต่าง ๆ ซอฟต์แวรร์ ะบบปฏบิ ตั กิ ำรเครอื ข่ำย ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการเครือข่าย หมายถึง ซอฟต์แวร์ที่ทาหน้าที่ จัดการระบบเครือข่ายของคอมพิวเตอร์ เพ่ือให้คอมพิวเตอร์ ที่เช่ือมต่ออยู่กับ เครือข่าย สามารถติดต่อสื่อสาร แลกเปล่ียนข้อมูลกันได้อย่างถูกต้อง และมี ประสิทธิภาพ ทาหน้าท่ีจัดการด้านการรักษาความปลอดภัย ของระบบ เครือข่าย และยังมีหน้าท่ีควบคุม การนาโปรแกรมประยุกต์ ด้านการ ติดต่อสื่อสาร มาทางานในระบบเครือข่ายอีกด้วย นับว่าซอฟต์แวร์ ระบบปฏิบัติการเครือข่าย มีความสาคัญต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์อย่างยิ่ง ตัวอย่าง ซอฟต์แวร์ประเภทนี้ได้แก่ ระบบปฏิบัติการWindows NT , Linux , Novell Netware , Windows XP ,Windows 2000 , Solaris , Unix เ ป็ น ตน้ แสดงซอฟตแ์ วร์ระบบปฏิบัติกำรเครือขำ่ ย โครงสรา้ งเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ (TOPOLOGY) การนาเครอ่ื งคอมพิวเตอร์มาเช่อื มตอ่ กนั เพ่อื ประโยชนข์ องการ สอ่ื สารนัน้ สามารถกระทาได้หลายรูปแบบ ซงึ่ แตล่ ะแบบก็มจี ุดเด่นที่แตกตา่ ง
กันไป โดยทวั่ ไปแล้วโครงสร้างของเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์สามารถจาแนกตามลกั ษณะของการเชอ่ื มต่อดังต่อไปน้ี 1. โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบบัส (bus topology)โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบบัส จะประกอบด้วย สายส่งข้อมูลหลักทใี่ ช้ส่งข้อมูลภายในเครือข่าย เคร่ืองคอมพิวเตอร์แตล่ ะเคร่ือง จะเชื่อมต่อเข้ากับสายข้อมูลผ่านจุดเชื่อมต่อ เม่ือมีการส่งข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์หลายเคร่ืองพร้อมกัน จะมีสัญญาณข้อมูลส่งไปบนสายเคเบิ้ล และมีการแบ่งเวลาการใช้สายเคเบิ้ลแต่ละเครื่อง ข้อดขี องการเชื่อมต่อแบบบัส คือ ใช้ส่ือนาข้อมูลน้อย ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่าย และถ้าเคร่ืองคอมพิวเตอร์เคร่ืองใดเครื่องหนึ่งเสียก็จะไม่ส่งผลต่อการทางานของระบบโดยรวม แต่มีข้อเสียคือการตรวจจุดท่ีมีปัญหา กระทาได้ค่อนข้างยาก และถ้ามีจานวนเคร่ืองคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายมากเกินไป จะมีการส่งข้อมูลชนกันมากจนเป็นปัญหา 2. โครงสร้างเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอรแ์ บบวงแหวน (ring topology)โครงสรา้ งเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์แบบวงแหวน มีการเชื่อมตอ่ ระหว่างเคร่ืองคอมพวิ เตอรโ์ ดยที่แต่ละการเชื่อมต่อจะมลี ักษณะเป็นวงกลม การสง่ ข้อมูลภายในเครือข่ายนี้กจ็ ะเปน็ วงกลมด้วยเชน่ กัน ทศิ ทางการสง่ ขอ้ มลู จะเปน็ทศิ ทางเดยี วกนั เสมอ จากเคร่อื งหนึง่ จนถึงปลายทาง ในกรณีที่มเี คร่ืองคอมพิวเตอร์เครอื่ งใดเคร่ืองหน่งึ ขัดข้อง การสง่ ข้อมูลภายในเครือขา่ ยชนิดน้ีจะไม่สามารถทางานต่อไปได้ ข้อดีของโครงสร้าง เครอื ขา่ ยแบบวงแหวนคือใช้สายเคเบล้ิ นอ้ ย และถา้ ตัดเครอื่ งคอมพิวเตอรท์ เ่ี สียออกจากระบบ ก็จะไม่สง่ ผลตอ่ การทางานของระบบเครือข่ายน้ี และจะไมม่ กี ารชนกนั ของขอ้ มลู ที่แตล่ ะเคร่อื งส่ง
3. โครงสรา้ งเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบดาว (star topology)โครงสรา้ งเครือข่ายคอมพวิ เตอร์แบบดาว ภายในเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์จะตอ้ งมจี ุกศนู ย์กลางในการควบคมุ การเช่อื มต่อคอมพิวเตอร์ หรือ ฮับ(hub) การสือ่ สารระหวา่ งเครื่องคอมพวิ เตอร์ตา่ งๆ จะส่อื สารผา่ นฮับก่อนท่ีจะสง่ ข้อมูลไปสเู่ คร่อื งคอมพวิ เตอรเ์ คร่ืองอืน่ ๆ โครงสรา้ งเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ แบบดาวมีขอ้ ดี คือ ถ้าต้องการเชื่อมต่อคอมพวิ เตอรเ์ ครอื่ งใหม่ก็สามารถทาได้งา่ ยและไมก่ ระทบต่อเครื่องคอมพวิ เตอร์อ่นื ๆ ในระบบ ส่วนขอ้ เสยี คือ ค่าใชจ้ า่ ยในการใชส้ ายเคเบล้ิ จะคอ่ นขา้ งสงู และเมื่อฮับไมท่ างานการสื่อสารของคอมพวิ เตอร์ทง้ั ระบบกจ็ ะหยุดตามไปด้วย
จดั ทำโดยนำยสำละวิน บรรจงธุระกำร
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: