การขึ้นรูปด้วยกรรมวิธกี ารหล่อ 20102-2007 <<<<<<<< Jirayut Chotikul @ Sisaket Technical College >>>>>>>>
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 6 การขน้ึ รปู ด้วยกรรมวธิ ีการหลอ่ สาระสาคัญ การหล่อเป็นกรรมวิธีท่ีใช้ในการผลิตตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบันยังคงมีการ ใช้กรรมวิธีการหล่อในการขึ้นรูปโลหะให้เป็นรูปร่างต่างๆ ตามต้องการโดยในปัจจุบันได้ นากรรมวิธีการหล่อมาใช้ในการหล่อขึ้นรูปชิ้นส่วนต่างๆ ในงานอุตสาหกรรม เนื่องจาก การหล่อสามารถผลิตช้ินส่วนท่ีมีความซับซ้อนได้คร้ังละจานวนมากๆ สามารถหล่อได้ท้ัง วัสดุท่เี ปน็ โลหะและอโลหะ <<<<<<<< Jirayut Chotikul @ Sisaket Technical College >>>>>>>>
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 การขนึ้ รปู ดว้ ยกรรมวิธีการหลอ่ บทนา การหล่อโลหะเป็นกรรมวิธีอย่างหน่ึงท่ีนาเอาโลหะชนิดใดชนิดหน่ึงหรือหลายๆ ชนิดนามาทาให้ร้อนจนถึงอุณหภูมิหนึ่ง โลหะนั้นจะหลอมละลายกลายเป็นน้าโลหะ (Molten Iron) แล้วนาเอาน้าโลหะไปเทลงในแบบทราย แบบปูนปลาสเตอร์ แบบเหล็ก ฯลฯ ท้ิงไว้ให้เย็นจนน้าโลหะแข็งตัวได้รูปร่างตามแบบที่ต้องการแล้วจงึ นาชิ้นงานหลอ่ ไป ตกแตง่ ใช้งานต่อไป 6.1 ประเภทของกรรมวธิ ีการหล่อโลหะ กรรมวิธกี ารหล่อโลหะสามารถจาแนกออกได้ ดังรูปท่ี 6.1 รปู ท่ี 6.1 การจาแนกประเภทของการหลอ่ โลหะ จากรปู ท่ี 6.1 กรรมวธิ ีการหล่อโลหะสามารถจาแนกเป็น 2 ประเภท คอื 1.การหลอ่ แบบไมถ่ าวร (Expendable Mold Processes) 2.การหล่อแบบถาวร (Permanent Mold Processes) <<<<<<<< Jirayut Chotikul @ Sisaket Technical College >>>>>>>>
6.2 การหล่อแบบไม่ถาวร การหล่อแบบไม่ถาวร (Expendable Mold Processes) คือกรรมวิธีการหล่อที่ สามารถหล่อได้เพียงครั้งเดียวและจะถูกทาลายออกเม่ือโลหะนั้นแข็งตัวแล้ว การหล่อ ด้วยวิธีน้ีสามารถกระทาได้ 2 วิธี คือ การหล่อด้วยแบบหล่อทราย (Sand Casting) และ การหล่อดว้ ยกรรมวิธอี ่นื ๆ (Other Casting Processes) 6.2.1 กระสวน กระสวน (Pattern) หมายถึง ช้ินงานต้นแบบที่สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นแม่แบบของ ชิ้นงานหล่อท่ีต้องกรภายหลังจากการเทน้าโลหะเข้าไปในโพรงแบบหล่อแล้ว ซึ่งมีอยู่ 2 ชนิด คือ กระสวนถอดได้ (Removable Pattern) และกระสวนระเหิด (Disposable Pattern) 1. กระสวนถอดได้ กระสวนแบบน้ีส่วนใหญ่ทาจากไม้ หรืออาจใช้วัสดุจาพวก โลหะอาจทาขึ้นมามีลักษณะเป็นช้ินเดียว หรือประกอบด้วยชิ้นส่วนหลายช้ินก็ได้ ท้ังน้ี ข้ึนอยู่กับความซับซ้อนของช้ินงานดังรูปท่ี 6.2 การทากระสวนจากโลหะอาจมีข้ันตอนท่ี ยุ่งยากกว่าการใช้ไม้และกระสวนจะเป็นตัวทาให้เกิดหลุมหรือโพรงท่ีมีรูปร่างลักษณะ เหมือนชิ้นงานขึ้นในทราย เมื่อเทโลหะหลอมเหลวเข้าไปในหลุมหรือโพรงน้ี แล้วท้ิงให้ โลหะเย็นตัวและแข็งตัวเป็นของแข็งภายในหลุมหรือโพรงกจ็ ะไดช้ ้ินงานหล่อตามตอ้ งการ กระสวนถอดไดน้ ส้ี ามารถนามาใชง้ านไดห้ ลายคร้ัง รูปที่ 6.2 กระสวนแบบต่างๆทใ่ี ชใ้ นทรายหล่อ 2. กระสวนระเหิด (Disposable Pattern) กระสวนแบบน้ีจะทาจากวัสดุชนิด พิเศษท่ีเมื่อสัมผัสกับความร้อนสูงจะระเหิดกลายเป็นไอ ได้แก่ พลาสติกจาพวกโพลิสไต <<<<<<<< Jirayut Chotikul @ Sisaket Technical College >>>>>>>>
รนี (Polystyrene) กระสวนแบบน้สี ว่ นใหญจ่ ะทาออกมาในลกั ษณะช้นิ เดยี ว นาไปฝงั ใน ทรายแล้วอัดทรายให้แน่นตามเกณฑ์ที่กาหนด เตรียมรูเท (Sprue Hole) ไว้สาหรับเท โลหะหลอมเหลวลงไปเมื่อเทโลหะหลอมเหลวลงไปแล้วสัมผัสกับกระสวน กระสวนจะ ระเหิดกลายเป็นไอหนีออกไป โลหะหลอมเหลวจะเข้าแทนที่กระสวน เมื่อปล่อยให้เย็น ตัวจะได้ช้ินงานหล่อตามแบบกระสวนท่ีต้องการ กระสวนแบบนี้จะใช้งานได้เพียงคร้ัง เดียว 6.2.2 การจัดระบบงานหล่อ เป็นการจัดระบบเส้นทางการไหลของน้าโลหะ หลอมเหลว (Gating System) เพื่อให้โลหะหลอมเหลวจากภายนอกไหลเข้าสู่โพรงแบบ หล่อ (Mold Cavity) เรียกว่า ระบบเส้นทางไหลของโลหะหลอมเหลวดังรูปที่ 6.3 ซ่ึง ประกอบดว้ ย 1. แอ่งเท (Pouring Basin) มีลักษณะเป็นแอ่งอยู่บรเิ วณส่วนบนสุดของรูเทแอ่ง เทควรมคี วามสงู ประมาณ 5-6 เทา่ ของเส้นผ่าศนู ย์กลางรูเท 2. รูเท (Sprue Hole) โดยปกติแล้วรูเทจะวางตัวอยู่ในแนวดิ่ง ช่องทางท่ี เชื่อมตอ่ ระหว่างส่วนลา่ งของรเู ทกับโพรงแบบหล่อ 3. รูเข้า (Gate) มขี นาดเลก็ กวา่ รูว่งิ หน้าตัดเป็นรูปส่เี หลี่ยมมมุ ฉากหรือสี่เหล่ียม คางหมหู รือครง่ึ วงกลม 4. รูว่ิง (Runner) โดยทั่วไปจะมีพื้นท่ีหน้าตัดเป็นรูปส่ีเหลี่ยมคางหมู หรือครึ่ง วงกลม รูวิ่งขนาดใหญ่จะดีเพราะจาทาให้น้าโลหะเย็นตัวช้า แต่ถ้าใหญ่เกิดไปจะทาให้ สนิ้ เปลืองนา้ โลหะ 5. รูล้น (Riser) มีลักษณะเป็นรูปทรงกระบอก ทาหน้าที่ป้อนน้าโลหะเข้าไป ทดแทนสว่ นทีห่ ดในขณะทนี่ า้ โลหะแขง็ ตัว <<<<<<<< Jirayut Chotikul @ Sisaket Technical College >>>>>>>>
รูปท่ี 6.3 ระบบเสน้ ทางไหลของโลหะหลอมเหลว 6.2.3 ทรายสาหรบั การหล่อ ทรายท่ีใช้ในการทาแบบหล่อ (Sand for Casting) สามารถแบ่งออกได้ เป็น 2 ชนดิ คือ ทรายธรรมชาติ และทรายสังเคราะห์ 1. ทรายธรรมชาติ (Natural Molding Sand) ได้แก่ทรายที่ได้จากแม่น้าหรือ ทรายท่ีใช้ในงานก่อสร้าง ซึ่งปกติแล้วทรายพวกน้ีจะมีดินเหนียวผสมอยู่ปริมาณ 15-20 เปอร์เซ็นต์ เวลาใช้งานต้องผสมน้าอีกประมาณ 8-9 เปอร์เซ็นต์คลุกเคล้าให้เข้ากันก็สาร ถนาไปใช้งานได้ ทรายประเภทน้ีทนความร้อนได้ไม่สูงมากนักคือประมาณ 1,400-1,500 0C จึงเหมาะที่จะใช้กับงานหล่อเหล็กหล่อและงานหล่อโลหะนอกกลุ่มเหล็ก เช่น อลมู ิเนียม ทองเหลืองและทองบรอนซ์ เปน็ ต้น 2. ทรายสังเคราะห์ (Synthetic Molding Sand) ทรายประเภทนี้ได้จากการนา ทรายแก้วซึ่งมีซิลิการผสมอยู่มากกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ ผสมกับเบนทอไนต์ (Bentonite) ในปรมิ าณ 4-7 เปอรเ์ ซ็นต์ ทรายสงั เคราะหม์ ีความแข็งแรงสูงเหมาะกับงานหลอ่ โลหะทุก ชนิด ไม่วา่ จะเป็นเหลก็ หล่อ เหลก็ กล้า หรอื โลหะนอกกล่มเหลก็ <<<<<<<< Jirayut Chotikul @ Sisaket Technical College >>>>>>>>
การเลอื กขนาดของเมด็ ทรายที่ช้าแบบหล่อจะพิจารณาจากชนิดของโหลหะและ ขนาดของชิ้นงาน ถ้าใช้ชิ้นงานท่ีมีขนาดเล็กควรเลือกใช้ทรายละเอียด ถ้าชิ้นงานมีขนาด ใหญ่ควรเลือกใช้ทรายหยาบ 6.2.4 ไส้แบ ไส้แบบ (Cores) คือทรายท่ีปั้นข้ึนมาให้มีลักษณะเป็นแท่งเพ่ือใช้ติดตั้งลงไปใน แบบหล่อตรงบริเวณที่ต้องการให้เกิด รู ช่อง หรือหลุมข้ึนในช้ินงาน ไส้แบบแบ่งตาม ลักษณะรูปร่างและการติดตั้งลงในแบบหล่อได้หลายชนิดดังรูปท่ี 6.4 แต่ถ้าแบ่งตาม ลักษณะของทรายทใี่ ช้จะแบ่งได้เป็น 2 ชนดิ คอื ไส้แบบทรายช้ืน และไสแ้ บบทรายแห้ง 1. ไส้แบบทรายช้ืนเป็นไส้แบบที่ปั้นขึ้นรูปมาจากทรายท่ีใช้ทาแบบหล่อโดยตรง ท้ังไส้แบบและแบบหล่อติดเป็นช้ินเดียวกันแยกออกจากกันไม่ได้ ไส้แบบนี้เหมาะกับงาน ที่มีรูปร่างเรยี บงา่ ยไม่ซับซอ้ นไส้แบบมีขนาดใหญ่แต่มีความยาวไม่มากไม่เหมาะในกรณีที่ ไส้แบบมีขนาดเล็กและมีความยาวมากๆ เพราะไส้แบบจะไม่แข็งแรงพังทลายได้ง่ายใน ขณะท่เี ทโลหะหลอมเหลวลงในแบบหลอ่ 2.ไส้แบบทรายแห้ง เป็นไส้แบบที่สรา้ งแยกออกจากแบบหล่อด้วยทรายทีเ่ ตรียม ขึ้นมาเป็นพิเศษโดยการนาทรายหล่อมาผสมกับสารยึดแล้วป้ันขึ้นเป็นไส้แบบซึ่งอาจป้ัน ด้วยมือหรือป้ันด้วยเครื่องจักรก็ได้นาไส้แบบท่ีได้ไปอบแห้งซ่ึงจะได้ไส้แบบที่แข็งและมี ความแข็งแรงมากกว่าไสแ้ บบทรายช้นื ไสแ้ บบทรายแห้งมีหลายลักษณะการติดต้งั ก็ทาได้ หลายแบบดังรูปท่ี 6.4 รปู ที่ 6.4 ชนดิ ของไสแ้ บบ <<<<<<<< Jirayut Chotikul @ Sisaket Technical College >>>>>>>>
นอกจากไสแ้ บบทที่ ามาจากทรายทง้ั สองชนดิ นี้แล้ว ไสแ้ บบยงั สามารถทามาจาก โลหะได้อีกด้วยไส้แบบโลหะนี้นิยมใช้กับงานส่วนที่ไม่ต้องการตกแต่งอีกต่อไป เพราะไส้ แบบโลหะท่ใี ชจ้ ะทาใหส้ ว่ นที่ใกลแ้ บบเย็นตวั ลงไดอ้ ยา่ งรวดเร็วและทาให้เกิดผวิ แข็ง คณุ ภาพทีส่ าคัญของไส้แบบทตี่ ้องคานงึ ถงึ ได้แก่ ความแขง็ แรง สามารถคงสภาพ และรักษารูปร่างอยู่ได้ ต้องมีเนื้อพรุนยอมให้ก๊าซและไอน้าซึมผ่านได้สะดวกต้องมีผิว เรียบเพ่ือให้ได้งานหล่อที่มีคุณภาพผิวดี และต้องทนอุณหภูมิได้สูงโดยไม่แตกสลายหรือ เสอ่ื มสภาพเม่ือสัมผัสกับโลหะหลอมเหลวที่มอี ุณหภมู ิสูง สารยึดและส่วนผสมสาหรับทาไส้แบบ ในการทาไส้แบบทรายแห้งนั้นจะนา ทรายหล่อมาผสมกับสารยึดแล้วจึงปั้นเป็นแบบไส้แบบ เม่ือได้ไส้แบแล้วจะนาไปอบให้ แห้ง สารยึดที่ใช้มีอยู่หลายชนิด เช่น สารยึดประเภทน้ามัน สารยึดประเภทละลายน้า และสารยดึ ประเภทเรซิน สารยึดประเภทน้ามนั ท่ีนิยมใช้มากท่ีสุด คือ น้ันลินซดิ ในการผสมจะใชน้ ้ามันลิน ซิด 1 ส่วนผสมคลุกเคล้ากับทรายแม่น้า 40 ส่วน นาส่วนผสมท่ีได้ไปปั้นเป็นไส้แบบแล้ว น้าไปอบที่อณุ หภูมิ 180-220oC นานสองช่ัวโมง สารยึดประเภทละลายน้าได้แก่ แป้งสาลี แป้งท่ีได้จากหนังหรือกระดูกสัตว์ อตั ราสว่ นผสมคือ สารยดึ 1 สว่ น ต่อทราย 8 ส่วน สารยดึ ประเภทเรซิน ท่ีนิยมใชไ้ ด้แก่เฟอรฟ์ ิวริล แอลกอฮอล์ เรซิน ผสมกับยูเรีย ฟอร์มาลดีไฮด์ เรซิน ใช้ส่วนผสมคลุกเคล้ากับทรายปั้นเป็นแบบแล้วทิ้งไว้ให้แห้งใน อากาศโดยไม่ต้องอบ การทาไส้แบบหล่ออาจใช้วิธีการเดียวกับการทาแบบหล่อทราย คาร์บอนไดออกไซด์กล่าวคือนาทรายมาผสมกับโซเดียมซิลิเกตปั้นเป็นไส้แบบแล้วทาให้ แขง็ โดยใชก้ ๊าซคารบ์ อนไดออกไซด์ 6.2.5 ขน้ั ตอนการทาแบบหลอ่ ในการทาแบบหล่อมขี นั้ ตอนการทาอยู่ 2 แบบตามชนิดของกระสวนท่ีใช้ดังนี้ 1. การทาแบบหล่อจากกระสวนถอดได้แบบหล่อจะถูกจัดทาข้ึนในหีบหล่อซึ่ง แยกออกเป็นสองส่วน ส่วนบนเรียกว่า ฝาบน และส่วนล่างเรียกว่าฝาล่าง ฝาบนและฝา <<<<<<<< Jirayut Chotikul @ Sisaket Technical College >>>>>>>>
ล่างของหีบหล่อยึดติดกันโดยใช้เดือยนาศูนย์ ในขั้นแรกของการทาแบบหล่อจะนา กระสวนมาวางบนแผ่นรองหีบหล่อจากน้ันจึงนาหบี หล่อฝาล่างวางคว่าลงบนแผ่นรองหีบ หล่อให้เดือยนาศูนย์ชล้ี งขา้ งล่าง จัดวางให้กระสวนอยู่ในตาแหน่งกึ่งกลางของหบี หล่อดัง แสดงในรูปที่ 6.5 จากน้ันนาทรายทาแบบหล่อท่ีเตรียมไว้ใส่ลงในหีบหล่อกลบทับลงบน กระสวน อัดทรายให้แน่นจนเต็มหีบ เสร็จแล้วพลิกหีบหล่อหงายขึ้นวางบนแผ่นรองหีบ หลอ่ ให้เดอื ยนาศนู ย์ชี้ข้นึ ข้างบนนาหีบหลอ่ ฝาบนมาประกอบติดเข้ากับฝาล่างนากระสวน ส่วนท่ีเหลือประกอบติดเข้ากับส่วนแรกวางเดือยสาหรับทารูเทลงไปให้อยู่ในตาแหน่งท่ี ตอ้ งการจากน้นั นาทรายทาแบบหล่อที่เตรยี มไว้ใส่ลงในหีบแลว้ อัดให้แนน่ จนเต็มหีบ เมื่อ ได้ทแ่ี ล้วให้แยกหบี หล่อฝาบนและฝาล่างออกจากกัน วางลงบนแผ่นรองโดยพลิกด้านท่ีมี กระสวนขึ้นด้านบนเพื่อถอดกระสวนออกทารูล้นและรูเข้าแล้วแต่งแบบหล่อให้สมบูรณ์ นาแบบหล่อฝาบนและฝาล่างประกอบกลับเข้าไปใหม่จะไดแ้ บบหล่อท่พี ร้อมใช้งานดังรูป ที่ 6.5 รูปท่ี 6.5 ข้ันตอนการทาแบบหลอ่ จากกระสวนถอดได้ <<<<<<<< Jirayut Chotikul @ Sisaket Technical College >>>>>>>>
2. การทาแบบหล่อจากกระสวนระเหิด กระสวนระเหิดปกติแล้วจะมีลักษณะ เป็นช้ินเดียวมเี ดือยทจ่ี ะทาให้เกดิ ชอ่ งทางไหลของโลหะหลอมเหลวเชือ่ มติดอยกู่ ับกะสวน ดงั รูปที่ 6.6 การทาแบบหลอ่ จากกระสวนระเหิดจะลดข้นั ตอนลงเมื่อเทียบกับกรณีการใช้ กระสวนแบบถอดได้ เริ่มต้นด้วยการประกอบหีบหล่อฝาบนและฝาล่างเข้าด้วยกัน จ า ก น้ั น ใส่ ท ร า ย ท า แ บ บ ห ล่ อ ท่ี เต รี ย ม ไว้ ล ง ใน หี บ ห ล่ อ ให้ ได้ ค ว า ม ห น า ข อ ง ท ร า ย พอประมาณวางกระสวนลงในหีบหล่อพยายามจัดวางตาแหน่งให้กระสวนอยู่บริเวณ กง่ึ กลางของหีบ และหนั ด้านที่มีเดือยซง่ึ จะทาใหเ้ กิดชอ่ งทางไหลของโลหะหลอมเหลวขึ้น ด้านบน แล้วจึงใส่ทรายทาแบบหล่อกลบทับบนกระสวนแล้วอัดจนทรายแน่นเต็มหีบจะ ไดแ้ บบหลอ่ ดังแสดงในรูปท่ี 6.6 เมื่อเทโลหะหลอมเหลวลงไปสมั ผัสกับโพลิสไตรีนทีใ่ ชท้ า กระสวนสารนี้จะระเหิดกลายเป็นไอหนีออกไปทางรูพรุนที่เตรียมไว้ในส่วนบนของแบบ หล่อโลหะหลอมเหลวจะเขา้ ไปแทนท่ีจนเตม็ เม่ือโลหะแขง็ ตวั ก็จะไดช้ ิ้นงานตามต้องการ รปู ท่ี 6.6 การทาแบบหล่อจากกระสวนระเหดิ 6.2.6 การหล่อด้วยแบบหล่อทราย การ ห ล่ อด้ วย แบ บ ห ล่ อท ราย แบ่ งออกได้ ห ล าย ช นิ ด ขึ้น อยู่ กับ ลั กษณ ะแล ะ ส่วนผสมของทรายท่ีมาใช้ทาแบบหล่อได้แก่ แบบหล่อทรายแห้ง แบบหล่อผิวแห้ง แบบ หล่อทรายแห้ง แบบหล่อทรายผสมซีเมนต์ แบบหล่อทรายฟิวแรน แบบหล่อทราย คาร์บอนไดออกไซด์ 1. แบบหล่อทรายช้ืนเป็นแบบหล่อท่ีทาจากทรายผสมกับดินเหนียวและน้าใน อัตราส่วนที่เหมาะสมผสมคลกุ เคล้าให้เข้ากัน แล้วนามาทาแบบหล่อนาไปใช้งานได้ทันที โดยไมต่ อ้ งอบให้แหง้ <<<<<<<< Jirayut Chotikul @ Sisaket Technical College >>>>>>>>
2. แบบหล่อผิวแห้ง การหล่อด้วยแบบหล่อผิวแห้งทาได้ 2 วิธี คือ วิธีแรกนา ทรายมาคลุกเคล้ากับสารยึดแล้วนาส่วนผสมน้ีมาอัดรอบๆ กระสวนให้ได้ความหนา ประมาณ 12.7 มม. เม่ือแหง้ จะกลายเป็นแบบหล่อส่วนท่ีแข็งส่วนที่เหลือค้างอย่จู ะทาต่อ ดว้ ยทรายชืน้ วิธีท่ีสองจะเหมอื นกับแบบหลอ่ ทรายชนื้ ทุกอยา่ งแต่เม่อื เสร็จสมบูรณจ์ ะพ่น เคลอื บดว้ ยนา้ ยาพเิ ศษเม่ือสัมผัสกับความร้อนแลว้ จะแข็ง 3. แบบหล่อทรายแห้ง ทาจากทรายหยาบผสมกับสารยึดซ่ึงวิธีการทาแบบหล่อ จะเหมือนกับการทาแบบหล่อทรายช้ืน แต่ก่อนจะนาไปใช้งานต้องอบให้แห้งก่อน แบบ หล่อผิวแหง้ และแบบหลอ่ ทรายแห้งจะมคี วามแขง็ แรงสงู จึงนยิ มใช้ในการหล่อเหลก็ กล้า 4. แบบหล่อทรายผสมซีเมนต์ เป็นแบบหล่อที่ใช้กับงานขนาดกลางและงาน ขนาดใหญ่ ในการทาแบบหล่อนี้จะใช้ทรายแม่น้าท่ีปริมาณซิลิการผสมอยู่สูงมาผสมกับ ปูนซีเมนต์ประมาณ 6-12 เปอรเ์ ซ็นต์และเตมิ ส่วนผสมอื่นเพ่ือช่วยให้ทรายแข็งตัวเร็วขึ้น เม่ือทาแบบหล่อเสร็จต้องถอดกระสวนออกก่อนที่ทรายจะแข็งตัว ในการถอดกระสวน ออกต้องทาดว้ ยความระมัดระวังเพราะแบบหล่ออาจเกิดรอยรา้ วข้ึนได้ 5. แบบหล่อทรายผสมฟิวแรน ฟิวแรนเป็นสารสังเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ จัด อยู่ในสารจาพวกพลาสตกิ คงรูป นาฟวิ แรนมาผสมกบั ตัวทาใหแ้ ขง็ แล้วนามาคลุกเคล้ากับ ทรายโดยใช้เคร่ืองผสมนาทรายท่ีผสมเสร็จแล้วต้องรีบนาไปทาแบบหล่อให้เสร็จโดยเร็ว เพราะถ้าทง้ิ ไว้นานทรายจะแข็งตวั ทรายหล่อชนดิ นน้ี ยิ มใช้ร่วมกบั กระสวนระเหิด 6. แบบหลอ่ ทรายคารบ์ อนไดออกไซด์ ใช้ทรายจากแม่น้าหรอื ทรายก่อสรา้ งผสม กับโซเดียมซิลิเกต 3-7 เปอร์เซ็นต์คลุกเคล้าให้เข้ากันโดยเคร่ืองผสมนาทรายท่ีผสมเสร็จ แล้วไปทาแบบหลอ่ จากน้ันใช้กา๊ ซคาร์บอนได้ออกไซด์เป่าให้ก๊าซซึมผ่านแบบหลอ่ โดยใช้ ความดันประมาณ 0.1เมกะพาสคาลแบบหล่อจะแข็งตัวโดยไม่ต้องนาไปอบ 6.2.7 การหลอ่ ดว้ ยกรรมวิธีอืน่ การหล่อดว้ ยแบบหล่อทรายจะใชด้ ินเหนียวเป็นตวั ประสานเพราะมีราคาถูก แต่ มคี วามแข็งแรงตา่ และไมส่ ามารถทาแบบหลอ่ บางๆ ได้ บางครงั้ ทรายหลอ่ ที่มีตัวประสาน ไม่ดีอาจทาให้เม็ดทรายหลุดออกมาปะปนกับน้าโลหะขณะทาการเทหรือถูกกัดเซาะออก <<<<<<<< Jirayut Chotikul @ Sisaket Technical College >>>>>>>>
โดยการชนของน้าโลหะ ในปัจจุบันได้มีการคิดค้นตัวประสานพิเศษที่มีคุณสมบัติทนต่อ ความร้อนและงา่ ยในการทาแบบหลอ่ ซงึ่ มอี ย่หู ลายชนดิ แลว้ แต่กระบวนการหล่อวธิ ใี ด 1. แบบหล่อเปลือก บางท่ีเรียกว่า (C-Processes) แบบหล่อท่ีใช้สาหรับการ หล่อด้วยวิธีนี้ทาจากทรายผสมกับเรซิน เรซินท่ีนิยมใช้ที่สุด คือ ฟีนอล ฟอร์มาดีไฮด์ เร ซิน กระสวนที่ใช้จะทามาจากโลหะและก่อนใช้ต้องนาไปอุ่นให้ร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 230oC แลว้ พน่ เคลือบดว้ ยซลิ ิกา จากน้นั นาไปทาแบบหล่อเปลอื กบางดงั รูปท่ี 6.7 รปู ท่ี 6.7 การหลอ่ แบบหล่อเปลอื ก 2. แบบหล่อสุญญากาศ (Vacuum) หรือบางทีเรียกว่า (Counter-Gravity Low-Pressure Process) แบบหล่อทาดว้ ยทรายละเอียดผสมยูริเทน แล้วบม่ ใน Amine Vapor ข้ึนรูปด้วยกระบวนการหล่อแบบพอกหุ่นหรือแบบหล่อทรายก็ได้ วิธีการคือต้อง นาแบบหล่อทีย่ ึดกับชุดดูดอากาศที่อยดู่ ้านบน ด้านลา่ งจะเป็นเตาหลอมโลหะสว่ นใหญ่ที่ ใช้คือ เตาเหนี่ยวนาเมื่อหลอมละลายจนได้น้าโลหะแล้วก็นาแบบหล่อไปจุ่มลงในเตา หลอมเม่ือน้าโลหะเข้าท่วมทางเข้าก็ทาการดูดอากาศออกจากแม่แบบหล่อด้วยความดัน ประมาณ 2-3 บรรยากาศ น้าโลหะจะถูกดูดเข้าจนเต็มโพรงของแบบหล่อจากนั้นเล่ือน ชดุ แบบหลอ่ ข้ึนเหนือเตาหลอมรอให้น้าโลหะแข็งตัวแล้วจึงนาชน้ิ งานออกจากแบบดงั รูป ท่ี 6.8 <<<<<<<< Jirayut Chotikul @ Sisaket Technical College >>>>>>>>
รูปท่ี 6.8 แบบหล่อสญุ ญากาศ 3. แบบหล่อโพลีเอทิลีน (Expanded Polystyrene Process) หรือเรียกว่า Lost Foam Casting หรอื Lost Pattern Processes การหล่อแบบนี้จะใช้โฟมเป็นกระ สวน ส่วนการออกแบบน้ันจะต้องออกแบบให้มีแอ่งเท รูเท และทางวิ่งอยู่ในชิ้นเดียวกัน กับสวน แบบหล่อชนิดน้ีจะไม่ใช้หีบหล่อบนและหีบหล่อล่าง ทรายที่ใช้ต้องผสมตัวยึด และสามารถนากลบั มาใชใ้ หมไ่ ดอ้ ีก ดังรูปที่ 6.9 รูปท่ี 6.9 แบบหล่อโพลเี อทลิ ิน (Expanded Polystyrene Process) 4. แบบหล่อพอกหุ่น (Investment Casting) เป็นวิธีการหล่อที่ใช้ในกรณีท่ี ตอ้ งการผลิตช้ินงานท่ีมีคุณภาพสงู ชิ้นงานทไ่ี ด้จากการหล่อดว้ ยวิธนี ้ีจะมีคุณภาพผิวดีมาก มีความประณีต ได้ขนาดท่ีความเท่ียงตรงสูงใช้ได้ดีท้ังการหล่อโลหะในกลุ่มเหล็กและ โลหะนอกกลุ่มเหล็ก ดงั รูปที่ 6.10 แสดงใหเ้ ห็นชน้ิ งานหล่อซึ่งเป็นศูนยห์ นา้ ของปืนยาวที่ หล่อมาจากเหล็กกล้าเจือโครเมียและโมลิบดินัมซ่ึงเป็นการหล่อจากแบบพอกหุ่นชิ้นงาน <<<<<<<< Jirayut Chotikul @ Sisaket Technical College >>>>>>>>
ที่ได้จากการหล่อด้วยวิธีน้ีไม่จาเป็นต้องนาไปแต่งผิวอีก จึงนิยมใช้กับช้ินงานขนาดเล็กที่ ตอ้ งการผิวเรียบ ขนาดมีความเท่ียงตรงและรูปร่างซับซ้อนยากต่อการแต่งผิว นอกจากน้ี ยังนิยมใช้หล่อโลหะท่ีมีสภาพเป็นสารกัมมันตรังสี ชิ้นงานที่เหมาะสมกบั การหล่อด้วยวิธี นี้จะต้องมนี ้าหนักไมเ่ กนิ 45 กก. ขอ้ ดีของการหลอ่ จากแบบพอกห่นุ มดี ังนี้ ได้ช้ินงานท่ีมีความประณิตสูง รายละเอียดหรือลวดลายต่างๆ บน ช้ินงานสามารถทาไดอ้ ยา่ งชัดเจน ได้ชิ้นงานที่มีผิวเรียบทุกซอกทุกมุมและจะไม่ปรากฏร่องรอยของแนว ประกบแบบใหเ้ ห็น ไดช้ ิ้นงานท่ีมีขนาดเท่ยี งตรง เหมาะสาหรับใชผ้ ลิตชนิ้ งานที่มรี ปู รา่ งซับซอ้ นยากต่อการแต่งผวิ การหล่อจากแบบพอกหุ่นจะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายสูงจึงเหมาะสาหรับการหล่อ ชิ้นงานขนาดเล็กการนาไส้แบบมาใช้กับแบบหล่อแบบนี้จะมีปัญหาในเรื่องการติดต้ังไส้ แบบลงในแบบหล่อ ดังนั้นขนาดรูบนชิ้นงานจึงมีขนาดเล็กที่สุดไม่น้อยกว่า 1.5 มม.และ ความลูกของรตู อ้ งไม่เกนิ 1.5 เทา่ ของเสน้ ผา่ นศนู ย์กลางของรู สาหรับการหล่อแบบพอกหุ่นท่ีนิยมใช้ในปัจจุบัน คือ การหล่อแบบละลายข้ีผ้ึง (Lost-Wax Method) มีรายละเอยี ดดังน้ี การหล่อแบบละลายขผี้ ้ึง เป็นวธิ ีการหล่อที่พัฒนามาจากการหล่อเทวรูปในสมัย โบราณ กระบวนการทางานจะเริ่มจากการปั้นหุ่นขี้ผึ้งก่อน หุ่นขี้ผ้ึงท่ีปั้นข้ึนมานั้นจะมี รูปร่างลักษณะรายละเอียดต่างๆ รวมท้ังขนาดเหมือนของจริงทุกประการ เมื่อปั้นหุ่น เสร็จเรยี บร้อยแล้วจะนาปูนปลาสเตอรม์ าพอกทบั ลงไปบนตวั ข้ีผง้ึ จนทวั่ และไดค้ วามหนา ตามทต่ี ้องการจากน้ันทิ้งไว้ให้ปูนปลาสเตอร์แห้งแลว้ นาไปอบให้ร้อนเพื่อละลายข้ีผง้ึ ออก จะเหลือเฉพาะปูนปลาสเตอร์น้ันก็คือแบบหล่อ เทโลหะหลอมเหลวลงในแบบหล่อเม่ือ โลหะเย็นตัวเป็นของแข็งก็จะได้ชิ้นงานตามต้องการ ในกรณีที่ชิ้นงานมีขนาดใหญ่จะป้ัน หนุ่ หยาบๆ จากปูนปลาสเตอร์แลว้ ท้ิงให้แห้ง จากนั้นนาขี้ผึ้งมาพอกทับลงไปแล้วแต่งขีผ้ ึ้ง ให้มีรูปร่างขนาดและรายละเอียดต่างๆ ตามที่ต้องการ เสร็จแล้วพอกทับด้วยปูน <<<<<<<< Jirayut Chotikul @ Sisaket Technical College >>>>>>>>
ปลาสเตอร์อีกครั้งจนท่ัวและได้ความหนาทิ้งไว้ให้แห้งแล้วนาไปอบร้อนเพ่ือละลายขี้ผ้ึง ออกใหเ้ ฉพาะปนู ปลาสเตอร์แลว้ เทโลหะหลอมเหลวลงในแบบหล่อน้ีเม่ือโลหะเยน็ ตัวเป็น ของแขง็ ก็จะได้ช้ินงานตามตอ้ งการ วิธที ใ่ี ชใ้ นปัจจบุ ันยังคงคล้ายคลึงกับวธิ ีการทีใช้ในสมัยโบราณแต่จะแตกต่างกนั ที่ หุ่นข้ีผ้ึงจะได้จากการแบบหล่อท่ีทาจากตะกั่วหรือโลหะอื่น ปูนปลาสเตอร์ท่ีใช้จะเป็น ชนิดพิเศษที่มีความแข็งแรงและทนความร้อนได้สูง ในบางคร้ังแบบหล่ออาจทาจากวัสดุ จาพวกเซรามิก ส่วนวิธกี ารปอ้ นโลหะหลอมเหลวเข้าสู่แบบหลอ่ นน้ั อาจใช้แรงโน้มถ่วงอัด ด้วยความดัน หรือการหมุนเหว่ียงก็ได้ แต่ถ้าเป็นการอัดด้วยความดันค่าความดันที่ใช้ไม่ ควรเกิน 0.2 Mpa เพราะจะทาให้แบบหล่อแตกลักษณะการทาแบบหลอ่ สาหรบั การหล่อ แบบละลายขีผ้ งึ้ สมัยใหมด่ งั รปู ที่ 6.10 รปู ที่ 6.10 การหลอ่ แบบละลายข้ผี งึ้ 5. แบบหล่อปูนปลาสเตอร์ จะทาจากปูนปลาสเตอร์ชนดิ พิเศษทท่ี าจากยิบซ่มั ซึ่ง มีคุณสมบัติพิเศษ คือ แห้งเร็ว เน้ือพรุน และทนความร้อนได้สูง การทาแบบหล่อจะมี ข้ันตอนเหมือนการทาแบบหล่อด้วยทรายหล่อ แต่กรณีนี้กระสวนที่ใช้จะทามาจาก ทองเหลืองเม่ือทาแบบหล่อเสร็จแล้วจะถอดออกจากหีบหล่อ ถอดกระสวนออก นาแบบ หล่อที่ได้ไปเผาท่ีอุณหภูมิ 815oC แบบหล่อก็พรอ้ มท่ีจะนาไปใช้งาน แบบหล่อชนิดน้ีทน <<<<<<<< Jirayut Chotikul @ Sisaket Technical College >>>>>>>>
ความรอ้ นไดไ้ มส่ ูงและใชง้ านได้เพียงครัง้ เดียว เหมาะสาหรบั ใช้ในการหล่อโลหะนอกกลุ่ม เหลก็ ดังรปู ท่ี 6.11 รูปท่ี 6.11 แบบหล่อปูนพลาสเตอร์ 6.แบบหล่อเซรามิก (Ceramic Mold Casting) เป็นการหล่อท่ีมีกระบวนการ คล้ายกับการหล่อแบบพอกหุ่น แต่การหล่อด้วยวิธีการน้ีจะใช้วัสดุที่ทนต่อความร้อนที่ อุณหภูมิสูงได้เซรามิกท่ีใช้ทาแบบหล่อมีส่วนผสมท่ีสาคัญคือเซอคอนละเอียด อลูมิเนียม ออกไซด์ และซิลิกา พร้อมตัวประสาน เหมาะกับการหล่อเหล็กหรือหล่อโลหะผสม เช่น เหล็กสแตนเลส หรือเหล็กเครื่องมือ จะได้ผลิตภัณฑ์ท่ีมีขนาดและความเที่ยงตรงสูง ผิว เรียบ มีข้อเสียคือ ราคาแพง ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ คือ ใบพัด แม่พิมพ์ตัดโลหะ เป็นต้น ดัง รูปท่ี 6.12 รูปท่ี 6.12 แบบหล่อเซรามกิ <<<<<<<< Jirayut Chotikul @ Sisaket Technical College >>>>>>>>
6.3 การหล่อแบบถาวร แบบหลอ่ ถาวรจะใช้งานในกรณีท่ีต้องการปริมาณช้ินงานมากๆ และขนาด ช้ินงานไม่ไดโ้ ตจนเกนิ ไปการหลอ่ แบบถาวร (Permanent Mold) มีกระบวนการหลอ่ หลายกระบวนการดังตอ่ ไปน้ี 1. การหลอแบบหล่อถาวรเบื้องต้น 2. การหลอ่ แบบดายโลหะ 3. การหล่อแบบหมนุ เหวีย่ ง 6.3.1 การหล่อแบบหล่อถาวรเบือ้ งตน้ การหล่อแบบหล่อถาวรเบื้องต้น ดังรูปท่ี 6.13 การหล่อวิธีการนี้จะมีลักษณะ การปฏิบตั ิงานเหมือนกับการหลอ่ ด้วยแบบหล่อทรายทุกประการ แตกต่างกนั ที่แบบหล่อ ทีใ่ ช้เป็นแบบหล่อที่ทาจากโลหะซ่ึงเป็นแบบหล่อที่ใช้งานได้หลายคร้ัง ใช้หล่อได้ทั้งโลหะ ในกลุ่มเหล็กและโลหะนอกกลุ่มเหล็ก การหล่อโลหะในกลุ่มเหล็กจะมีปัญหายุ่งยาก มากกว่า เน่ืองจากโลหะกลุ่มน้ีมีจุดหลอมเหลวสูงซึ่งจะทาให้แบบหล่อชารุดเสียหายได้ งา่ ย รปู ที่ 6.13 การหล่อแบบถาวรเบอื้ งตน้ <<<<<<<< Jirayut Chotikul @ Sisaket Technical College >>>>>>>>
6.3.2 การหลอ่ แบบดายโลหะ การหล่อแบบดายโลหะ (Die Casting) การหล่อด้วยวิธีนี้จะทางานโดยอาศัย เครื่องจักรซ่ึงปกติแล้วจะเป็นเครื่องจักรท่ีทางานแบบอัตโนมัติเคร่ืองจักรจะทาหน้าท่ีอัด โลหะหลอมเหลวเข้าสู่แบบหล่อและถอดช้ินงานท่ีหล่อเสร็จแล้วออกจากแบบหล่อโดยท่ี แบบหล่อที่ใช้ทาจากโลหะซ่ึงเรียกว่าแบบดาย ความดันท่ีใช้ในการอัดโลหะหลอมเหลว เข้าสู่แบบดายจะอยู่ในช่วงประมาณ 0.6-275 Mpa การหล่อแบบดายแบ่งออกได้ 3 วิธี คอื 1. แบบอ่างร้อน การหล่อแบบอ่างรอ้ นจะใช้เครื่องจักรท่ีมีเตาหลอมที่ใช้สาหรับ หลอมละลายโลหะอยู่ในตัว ดังรูปท่ี 6.14 นิยมใช้ในการหล่อโลหะท่ีมีจุดหลอมเหลวต่า เชน่ สังกะสี ดีบกุ และตะก่วั เปน็ ตน้ เหมาะสาหรับการหลอ่ ชนิ้ งานที่มขี นาดไม่โตมากนัก มนี า้ หนกั อยู่ในช่วง 0.03-40 กก. ความดนั ทใี่ ช้อยู่ในช่วง 0.6-35 Mpa รูปท่ี 6.14 แบบอ่างรอ้ น 2. แบบอ่างเยน็ การหล่อแบบอ่างเย็นจะใช้เครอ่ื งจกั รทีม่ ีลักษณะการทางานตา่ ง จากการหล่อแบบอา่ งร้อนโดยเคร่ืองจักรท่ีใช้สาหรับการหล่อแบบน้ีจะไม่มีเตาหลอมท่ีใช้ สาหรับหลอมละลายโลหะอยู่ภายในเครื่อง เตาหลอมจะแยกอยู่ต่างหาก เวลาใช้งานจะ ใช้วิธีนาโลหะหลอมเหลวจากเตาหลอมมาป้อนลงแบบดายในเคร่ืองจักรซึ่งดังรูปท่ี 6.15 <<<<<<<< Jirayut Chotikul @ Sisaket Technical College >>>>>>>>
การหล่อแบบน้ีนิยมใช้หล่อโลหะที่มีจุดหลอมเหลวสูง เช่น ทองเหลือง อลูมิเนียม และ แมกนีเซียม เป็นต้น ความดันที่ใช้จะสูงกว่าในกรณีการหล่อแบบอ่างร้อนคือ อยู่ในช่วง 39-150 Mpa เหมาะสาหรับชิ้นงานทมี่ นี า้ หนกั ไม่เกิด 38 กก. รูปที่ 6.15 แบบอ่างเย็น 3. การหล่อด้วยแบบโลหะความดันต่า การหล่อวิธีนี้จะใช้แบบหล่อท่ีทาจาก โลหะและติดตั้งแบบหล่อไว้เหนือเตาหลอมไฟฟ้าแบบเหนี่ยวนา จากเตาหลอไปยังแบบ หล่อมีทางเชื่อมต่อถึงกันเรียกว่า Stalk ดังรูปที่ 6.16 เตาหลอมติดตั้งอยู่ในห้องปิดท่ีมี การป้องกันอากาศร่ัวเอาไว้อย่างดี ใช้เครื่องสูบสุญญากาศดูดอากาศออกจากแบบหล่อ จนหมด แล้วจึงอัดก๊าซเฉ่อื ยเข้าไปในห้องปิดท่ตี ิดต้งั เตาหลอมจะทาให้โลหะหลอมเหลวที่ อยู่ในเตาหลอมถูกดันเข้าไปในแบบหล่อ เหมาะสาหรับการผลิตชิ้นงานที่มีน้าหนักไมเ่ กิน 29 กก. รปู ที่ 6.16 การหลอ่ ด้วยแบบหลอ่ โลหะความดันตา่ <<<<<<<< Jirayut Chotikul @ Sisaket Technical College >>>>>>>>
6.3.3 การหล่อแบบหมนุ เหว่ียง การหล่อแบบหมุนเหว่ียง (Centrifugal Casting) แบบหล่อที่ใช้สาหรับการหล่อ แบบน้ีจะติดตั้งบนแกนหมุนท่ีมีตัวขับให้หมุนด้วยความเร็วสูงเม่ือเดินเคร่ืองแบบหล่อจะ หมุนด้วยคามเร็วรอบสูงในขณะเดียวกันจะป้อนโลหะหลอมเหลวเข้าสู่แบบหล่อ เกิดแรง เหว่ียงกระทาต่อโลหะหลอมเหลวและใช้แรงเหวี่ยงนี้เป็นตัวผลักดันให้โลหะหลอมเหลว เข้าไปอัดตัวอยใู่ นโพรงแบบหล่อ การหล่อประเภทนี้จัดเป็นการหล่อทป่ี ระหยดั ค่าใช้จ่าย ทีส่ ดุ ในบรรดาการหลอ่ แบบถาวรท้ังหมด ถึงแมจ้ ะมีขอ้ จากัดในเรื่องรูปรา่ งของช้ินงานคือ ช้นิ งานต้องมรี ูปรา่ งสมมาตรกนั การหล่อแบบหมุนเหวี่ยงสามารถแยกออกได้ 3 แบบ คือ การหล่อแบบหมุนเหว่ียงจริง การหลอ่ แบบกึ่งหมุนเหวี่ยง การหลอ่ แบบเหวยี่ งหนีศูนย์ 1. การหล่อแบบหมุนเหวี่ยงจริง ใช้ในการหล่อช้ินงานที่มีลักษณะเป็นท่อกลวง หรือช้ินงานกลวงอื่นๆ ท่ีมีรูปร่างสมมาตร แกนหมุนของแบบหล่ออาจออกแบบให้อยู่ใน แนวนอนหรือแนวด่ิง ดังรูปท่ี 6.17 ความเร็วที่ใช้ในการหมุนของแบบหล่อขึ้นอยู่กับ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของชิ้นงานและชนิดของโลหะท่ีนามาหล่อ แรงท่ีเกิดจากการ หมุนในกรณีท่ีแกนหมุนของแบบหล่ออยู่ในแนวนอน คือ 65 เท่าของแรงดึงดูดโลก ส่วน กรณีท่ีแกนหมุนของแบบหล่ออยู่ในแนวดิ่งจะใช้แรงเหว่ียงในการหล่อประมาณ 90-100 เท่าของแรงดงึ ดดู โลก รูปท่ี 6.17 การหลอ่ แบบหมนุ เหว่ยี งจริง <<<<<<<< Jirayut Chotikul @ Sisaket Technical College >>>>>>>>
2. การหล่อแบบก่ึงหมุนเหว่ียง (Semi Centrifugal Casting) การหล่อแบบนี้ใช้ สาหรับการหล่อช้ินงานตันหรือชิ้นงานกลวงแต่มีความหนาของเนื้อโลหะมาก เช่น ล้อ หรือ เฟือง เป็นต้น เน้ือโลหะในแต่ละตาแหน่งวงหมุนจะถูกเหวีย่ งไปด้วยแรงท่ีไม่เท่ากัน ดังรูปท่ี 6.18 ความเร็วที่ใช้ในการหมุนแบบหล่อจะไม่สูงมากนกั สว่ นใหญ่จะใช้ความเร็ว ต่ากวา่ การหลอ่ แบบหมนุ เหวีย่ งจริง รูปท่ี 6.18 การหล่อแบบกงึ่ หมุนเหวีย่ ง 3. การหล่อแบบเหว่ียงหนีศูนย์ (Centrifuging Casting) สามารถหล่อช้ินงานที่ มีรปู ร่างใดก็ได้ไม่จาเปน็ ต้องมรี ูปร่างสมมาตรเพียงแตต่ ้องนาแบบหล่อของชิ้นงานหลายๆ อนั มาวงในตาแหน่งท่ีสมมาตรแล้วจัดทาช่องทางท่ีจะป้อนโลหะหลอมเหลวให้อยู่ในแนว เดยี วกับการหมนุ ของชดุ แบบหล่อดังรูปที่ 6.19 รูปท่ี 6.19 การหล่อแบบเหวี่ยงหนศี นู ย์ <<<<<<<< Jirayut Chotikul @ Sisaket Technical College >>>>>>>>
สรปุ สาระสาคัญ การหล่อโลหะเป็นกรรมวิธีท่ีใช้ในการผลิตช้ินส่วนต่างๆ โดยกรรมวิธีการหล่อ สามารถกระทาได้ 2 แบบ คือ การหล่อแบบไม่ถาวร และการหล่อแบบถาวร โดยการ หล่อแบบไม่ถาวรจะเป็นการหล่อโดยใช้ทรายเป็นส่วนผสมในแบบหลอ่ และเม่ือน้าโลหะ แข็งตัวแล้วจะต้องทาลายแบบหล่อเพื่อนาชิ้นงานออกมาใช้งาน ส่วนการหล่อแบบถาวร จะเป็นการหล่อโดยใช้แบบหล่อที่ทามาจากเหล็กและสามารถใช้งานได้ซ้าหลาย ๆครั้ง เพราะแบบหล่อสามารถถอดแยกออกจากกนั ได้ <<<<<<<< Jirayut Chotikul @ Sisaket Technical College >>>>>>>>
แสงสวา่ งจงบังเกดิ แด่ท่าน จริ ยทุ ธ์ โชติกุล ช่างกลโรงงาน วทิ ยาลัยเทคนคิ ศรีสะเกษ <<<<<<<< Jirayut Chotikul @ Sisaket Technical College >>>>>>>>
Search
Read the Text Version
- 1 - 23
Pages: