ค�ำนำ� งานเว็บไซต์จดั ท�ำข้ึนเพอ่ื เปน็ ส่วนหน่ึงของ วชิ าการผลติ สือ่ ส่ิงพมิ พ์ช้ัน ปวช.2/2 เพอ่ื ให้ได้ศึกษาหาความรใู้ นเรอ่ื ง สรา้ งและ ออกแบบหนังสอื อิเลคทรอนิกสแ์ ละไดศ้ ึกษาอยา่ งเขา้ ใจเพอื่ เปน็ ประโยชนก์ บั การเรียนผู้จดั ทำ� หวังว่างานนจี้ ะเป็นประโยชน์กับผู้ อ่าน หรือนกั เรียนนกั ศกึ ษา ท่กี �ำลังหาข้อมูลเรอื่ งนอ้ี ยหู่ ากมีข้อ แนะน�ำหรือข้อผดิ พลาดประการใด ผ้จู ัดทำ� ขอนอ้ มรบั ไว้และขอ อภยั มาณ ทนี ดี้ ว้ ย ผจู้ ดั ทำ� นาย นายปฏภิ าณ เสวกพนั ธ์
สารบญั หน้า ประวตั ริ ัชกาลท่ี ๑............................................................. ๔ ประวตั ริ ชั กาลที่ ๒............................................................... ๕ ประวัติรัชกาลที่ ๓............................................................... ๖ ประวัติรัชกาลท่ี ๔............................................................... ๗ ประวัติรชั กาลท่ี ๕............................................................... ๘ ประวตั ริ ัชกาลที่ ๖............................................................... ๙ ประวตั ิรชั กาลท่ี ๗............................................................... ๑๐ ประวตั ิรชั กาลที่ ๘............................................................... ๑๑ ประวตั ิรัชกาลท่ี ๙............................................................... ๑๒ ประวตั ิรัชกาลท่ี ๑๐............................................................ ๑๓
ประวัตริ ชั กาลที่ ๑ พระราชประวตั ริ ัชกาลท่ี 1 แห่งราชวงศ์ จักรพี ระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟา้ จุฬาโลก มหาราช(ประสูติ พ.ศ. 2279 ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2325 - พ.ศ. 2352)มพี ระนามเดมิ ว่า ทองด้วง พระราชประวตั ิ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจฬุ าโลก ทรง เปน็ ปฐมกษัตริย์แหง่ พระบรมราชวงศจ์ กั รที รง พระนามเต็มว่า\" พระบาทสมเดจ็ พระบรมราชาธิราชรามาธิบดี ศรีสินทรบรมมหาจักรพร รดริ าชาธบิ ดนิ ทร์ ธรณนิ ทราธิราชรตั นากาศภาสกรวงศอ์ งค์ปรมาธิเบศร ตรีภูว เนตรวรนารถนายก ดลิ กรัตน ชาตอิ าชาวศรัย สมทุ ยั วโรมนตส์ กลจักรฬาธเิ บน ทร์ สุริเยนทราธิบดินทรหริหรนิ ทรธาดาธบิ ดี ศรสี วุ ิบลุ ยคุณธขนษิ ฐ์ ฤทธิราเม ศวรมหนั ตบ์ รมธรรมกิ ราชาธิราชเดโชไชย พรหมเทพา ดเิ ทพนฤดินทร์ภมู นิ ทร ปรามาธเิ บศร โลกเชฎฐวิสุทธร์ิ ตั นมกฎุ ประเทศคตามหาพทุ ธางกรู บรมบพติ ร พระพทุ ธเจา้ อยหู่ วั \" ทรงประสูตเิ มื่อวนั ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2279 พระราชบดิ าทรงพระนามวา่ ออกอักษรสนุ ทร ศาสตร์ พระราชมารดาทรงพระนามวา่ ดาวเรอื ง มบี ตุ รและธิดารวมท้ังหมด 5 คน คือ คนท่ี 1 เปน็ หญิงชือ่ \"สา\" ( ต่อมาไดร้ บั สถาปนาเป็นพระเจา้ พน่ี างเธอกรมสมเด็จพระเทพสุดาวดี ) คนท่ี 2 เปน็ ชายชื่อ \"ขุนรามนรงค์\" ( ถงึ แก่กรรมก่อนทจ่ี ะเสียกรุงศรีอยธุ ยาแกพ่ ม่าคร้งั ที่ 2 ) คนที่ 3 เปน็ หญงิ ชอ่ื \"แก้ว\" ( ต่อมาไดร้ บั สถาปนาเปน็ พระเจ้าพน่ี างเธอกรมสมเดจ็ พระศรีสุดารกั ษ์ ) คนท่ี 4 เป็นชายชือ่ \"ดว้ ง\" (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช ) คนท่ี 5 เปน็ ชายชื่อ \"บญุ มา\" ( ต่อมาได้รับสถาปนาเป็นกรมพระราชวังบวรมหาสรุ สิงหนาท สมเดจ็ พระอนุชาธริ าช )
ประวัตริ ชั กาลท่ี ๒ พระราชประวตั ริ ัชกาลที่ 2 แหง่ ราชวงศ์ จักรพี ระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลศิ หล้านภาลยั (ประสูติ พ.ศ. 2310 ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2353 - พ.ศ. 2367) มีพระนามเดมิ ว่า ฉิม พระราชประวตั ิ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลศิ หล้านภาลัย ทรงเป็นพระมหากษตั ริยไ์ ทยองคท์ ี่ 2 แหง่ ราชวงศ์จกั รี ทรงประสูตเิ ม่ือ 24 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2310 ตรงกบั วันพุธ ขึน้ 7 คํ่า เดอื น 3 ปีกุน มพี ระนามเดมิ ว่า \"ฉมิ \" พระองค์ทรงเป็นพระบรมราชโอรสองคท์ ี่ 4 ในพระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟา้ จฬุ าโลก มหาราชและกรมสมเด็จพระอมรินทรามาตยพ์ ระบรมราชชนนีพันปหี ลวง ประสตู ิ ณ บ้านอมั พวา แขวงเมืองสมทุ รสงคราม ขณะนน้ั พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟา้ จุฬาโลก มหาราช เป็นหลวงยกกรับตั รเมืองราชบรุ ี พระบดิ าไดใ้ หเ้ ข้าศึกษากบั สมเดจ็ พระวนั รัต ( ทองอยู่ ) ณ วดั บางหวา้ ใหญ่ พระองคท์ รงมพี ระชายาเท่าทปี่ รากฎ 1. กรมสมเดจ็ พระศรีสุรเิ ยนทรามาตย์ พระอคั รมเหสี 2. กรมสมเด็จพระศรสี รุ าลยั พระสนมเอก ขณะขึ้นครองราชยใ์ นปี พ.ศ. 2352 มพี ระ ชนมายไุ ด้ 42 พรรษา ด้านการปกครอง พระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลิศหล้านภาลยั ทรงประกอบพระราชกรณียกิจด้านการปกครองโดยยงั คง รปู แบบการปกครองแบบเดิม ด้านเศรษฐกจิ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลัยทรงประกอบพระราชกรณยี กจิ ด้านเศรษฐกิจ ทสี่ ำ� คญั คือ การรวบรวมรายได้จาการค้ากบั ตา่ งประเทศ ซ่งึ ในสมัยนี้ได้มกี ารเรยี กเกบ็ ภาษีอากรแบบใหม่
ประวัตริ ัชกาลท่ี ๓ พระราชประวตั ริ ัชกาลที่ 3 แหง่ ราชวงศ์ จักรี พระบาทสมเดจ็ พระนั่งเกลา้ เจา้ อยหู่ วั (ประสูติ พ.ศ. 2330 ข้ึนครองราชย์ พ.ศ. 2367 - พ.ศ. 2394)มพี ระนามเดมิ วา่ พระองค์ชายทับ พระราชประวัติ พระบาทสมเดจ็ พระน่ังเกลา้ เจ้าอยู่หัว ทรง เปน็ พระมหากษตั รยิ ์ไทยองค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์ จกั รี เปน็ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จ พระพุทธเลิศหล้านภาลยั และสมเด็จพระศรี สรุ าลยั ( เจา้ จอมมารดาเรียม ) ประสตู ิ ณ วันจนั ทร์ เดือน 4 แรม 10 คา่ํ ปีมะแม ตรงกับวันท่ี 31 มนี าคม พทุ ธศักราช 2330 มีพระนามเดิมว่า \"พระองค์ชายทับ\" พระราชกรณียกิจส�ำคญั ในรชั กาลที่ ๓ ดา้ นการปกครอง ลกั ษณะการปกครองในสมัยรตั นโกสินทร์ตอนต้น ยังคงเปน็ แบบอย่างทส่ี บื ทอดมาจาก สมัยอยธุ ยาและกรุงธนบรุ ี คอื การปกครองแบบสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชย์ พระมหากษัตรยิ ท์ รง อยใู่ นต�ำแหนง่ สูงสุดของการปกรองประเทศ ทรงเปน็ ประมขุ ผพู้ ระราชทานความพทิ ักษร์ กั ษา บา้ นเมืองใหป้ ลอดภัยตำ� แหนง่ รองลงมา คอื พระมหาอปุ ราช ซึง่ ด�ำรงตำ� แหน่งกรมพระราชวัง บวรสถานมงคล เชน่ เดียวกับในสมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยาตอนปลาย ต�ำแหนง่ บังคบั บญั ชาในด้านการ ปกครองแยกต่อมา คอื อคั รมหาเสนาบดฝี ่ายทหาร คอื พระสมุหพระกลาโหม และฝ่ายพลเรอื น คือ สมหุ นายก ต�ำแหน่งรองลงมา เรียก เสนาบดีจตุสดมภ์ คอื เสนาบดีเมืองหรอื เวียง กรมวงั กรมพระคลัง และกรมนา ดา้ นการทำ� นบุ ำ� รงุ ประเทศ ในสมยั รตั นโกสนิ ทร์ เน้นหลกั ไปในด้านการกอ่ สรา้ งบา้ นเมือง ตลอดจนการขดุ ลอกคู คลอง สรา้ งปอ้ ม สร้างเมือง ฯลฯ เพราะอยูใ่ นระยะการสรา้ งราชธานีใหม่ และพระมหากษัตริย์ ในสามรชั กาลแรกทรงยึดถอื นโยบายร่วมกนั ในอนั ที่จะสรา้ งบา้ นเมืองใหใ้ หญโ่ ตสง่างามเทยี บ เท่ากับกรงุ ศรีอยุธยา นับตั้งแต่การสร้างพระบรมมหาราชวงั วัดวาอารามตา่ ง ๆ เปน็ ต้น
ประวตั ริ ัชกาลท่ี ๔ พระชนมายุได้ 37 พรรษา พระราชประวัตริ ัชกาลที่ 4 แหง่ ราชวงศจ์ ักรี พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจา้ อยู่หัว (ประสตู ิ พ.ศ. 2347ข้ึนครองราชย์ พ.ศ. 2393 - พ.ศ. 2411) มีพระนามเดิมว่า เจา้ ฟา้ มหามาลา พระราชประวัติ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจ้าอยู่หัว เป็นพระราชโอรส ในพระบาทสมเด็จพระพุทธ เลิศหล้านภาลยั กบั สมเด็จพระศรีสรุ ิเยนทรา บรมราชนิ ี ประสูตเิ มอื่ วนั พฤหัสบดีท่ี 18 ตุลาคม เมอ่ื พระชนมายุได้ 9 พรรษา สมเดจ็ พระบรมชนกนาถก็โปรดให้มีการพระราช พิธลี งสรง ( พ.ศ. 2355 ) เป็นครั้งแรกทกี่ ระทําขน้ึ ในกรุงรัตนโกสินทร์ ไดร้ ับ พระราชทานนามจารึกในพระสุพรรณปัฎวา่ \" สมเดจ็ พระเจ้าลูกยาเธอเจา้ ฟา้ มงกุฎ สมมตุ ิเทววงศ์พงศอ์ สิ รคก์ ษัตริย์ ขัตตยิ ราชกุมาร \" สมเดจ็ เจ้าฟ้ามงกุฎฯ ไดเ้ สด็จ ขนึ้ ครองราชยเ์ มอื่ วนั ท่ี 4เมษายน พุทธศักราช 2394 ทรงพระนามวา่ \"พระบาท สมเดจ็ พระจอมเกล้าเจ้าอย่หู วั \" เรียกขานในหมชู่ าวตา่ งชาตวิ ่า \"คงิ สม์ งกฎุ \" ขณะที่ พระองคข์ ึ้นเสวย สิริราชย์สมบตั ินัน้ พระชนมายุ 37 พรรษา เม่ือไดเ้ สด็จขน้ึ ครองราชยแ์ ล้วทรงโปรดเกล้าฯ สถาปนาสมเด็จพระเจ้า นอ้ งยาเธอเจา้ ฟา้ กรมขุนอิศเรศรงั สรรค์ ( พระนามเดิมเจ้าฟ้าจุธามณีโอรสองค์ที่ 50 ของรัชกาลสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ) ข้นึ เป็นสมเดจ็ พระปน่ิ เกล้าเจ้าอยู่ หวั ทรงมฐี านะเสมือนพระเจา้ แผ่นดนิ อีกพระองคห์ น่ึง
ประวัติรัชกาลท่ี ๕ พระราชประวตั ริ ัชกาลท่ี 3 แหง่ ราชวงศ์ จักรี พระบาทสมเดจ็ พระน่งั เกล้าเจ้าอยูห่ ัว (ประสูติ พ.ศ. 2330 ข้ึนครองราชย์ พ.ศ. 2367 - พ.ศ. 2394)มพี ระนามเดมิ วา่ พระองคช์ ายทบั พระราชประวตั ิ พระบาทสมเด็จพระนัง่ เกล้าเจ้าอย่หู วั ทรง เปน็ พระมหากษัตรยิ ไ์ ทยองค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์ จักรี เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จ พระพุทธเลศิ หล้านภาลยั และสมเด็จพระศรี สรุ าลยั ( เจา้ จอมมารดาเรียม ) ประสูติ ณ วนั จนั ทร์ เดอื น 4 แรม 10 คาํ่ ปีมะแม ตรงกับวันที่ 31 มนี าคม พทุ ธศกั ราช 2330 มพี ระนามเดมิ ว่า \"พระองคช์ ายทบั \" พระราชกรณยี กจิ ส�ำคญั ในรชั กาลท่ี ๓ ด้านการปกครอง ลักษณะการปกครองในสมัยรัตนโกสนิ ทร์ตอนตน้ ยงั คงเปน็ แบบอยา่ งที่สบื ทอดมาจาก สมัยอยุธยาและกรุงธนบุรี คือ การปกครองแบบสมบรู ณาญาสทิ ธิราชย์ พระมหากษตั ริย์ทรง อยใู่ นต�ำแหน่งสงู สุดของการปกรองประเทศ ทรงเปน็ ประมุขผพู้ ระราชทานความพทิ กั ษร์ กั ษา บ้านเมืองให้ปลอดภัยตำ� แหน่งรองลงมา คอื พระมหาอปุ ราช ซง่ึ ด�ำรงตำ� แหนง่ กรมพระราชวัง บวรสถานมงคล เชน่ เดยี วกับในสมัยกรงุ ศรีอยธุ ยาตอนปลาย ตำ� แหนง่ บงั คับบญั ชาในดา้ นการ ปกครองแยกต่อมา คืออคั รมหาเสนาบดฝี ่ายทหาร คือ พระสมหุ พระกลาโหม และฝา่ ยพลเรือน คอื สมุหนายก ต�ำแหน่งรองลงมา เรียก เสนาบดีจตสุ ดมภ์ คือ เสนาบดีเมืองหรอื เวียง กรมวัง กรมพระคลัง และกรมนา ด้านการท�ำนุบ�ำรุงประเทศ ในสมัยรัตนโกสินทร์ เนน้ หลักไปในดา้ นการก่อสรา้ งบา้ นเมอื ง ตลอดจนการขดุ ลอกคู คลอง สรา้ งปอ้ ม สร้างเมือง ฯลฯ เพราะอยู่ในระยะการสร้างราชธานใี หม่ และพระมหากษตั ริย์ ในสามรชั กาลแรกทรงยดึ ถอื นโยบายรว่ มกนั ในอันที่จะสร้างบ้านเมอื งใหใ้ หญ่โตสงา่ งามเทยี บ เท่ากบั กรุงศรีอยธุ ยา นบั ตงั้ แตก่ ารสรา้ งพระบรมมหาราชวงั วดั วาอารามต่าง ๆ เปน็ ต้น
ประวัตริ ชั กาลที่ ๖ พระราชประวัติรัชกาลที่ 6 แห่งราชวงศ์ จกั รีพระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกลา้ เจ้าอยหู่ วั (ประสูติ พ.ศ. 2423 ขึ้นครองราชย์ พ.ศ. 2453 - พ.ศ. 2468) มีพระนามเดมิ วา่ สมเด็จเจา้ ฟ้า มหาวชริ าวุธ พระราชประวตั ิ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยู่หวั ทรงพระราชสมภพเม่อื วันเสาร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2421 พระองคท์ รงเป็นพระราชโอรสของ พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อย่หู วั และสมเด็จพระนางเจา้ เสาวภาผ่องศรี ( สมเดจ็ พระศรพี ัชรนิ ทราบรมราชเทวี ) เม่อื ยังทรงพระเยาว์ทรงพระนามว่า \"สมเดจ็ เจา้ ฟ้ามหาวชิราวุธ\" ได้รบั สถาปนาเป็น สมเด็จเจา้ ฟ้ากรมขุนเทพทวาราวดี ในปี พ.ศ. 2431 และต่อมาในปี พ.ศ. 2437 สมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชเจ้าฟ้าชายมหาวชิราวธุ ไดร้ ับสถาปนาเป็นสมเด็จ พระบรมโอรสาธริ าชสยามมงกุฎราชกุมารดาํ รงตําแหน่งรัชทายาท พระบาทสมเด็จ พระมงกฎุ เกล้าฯ จึงได้รับสถาปนาเป็นสมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราชสยามมงกุฎราช กมุ าร ดาํ รงตาํ แหน่งรัชทายาทแทน ด้านการศกึ ษา ในดา้ นการศกึ ษา ทรงรเิ ริม่ สร้างโรงเรยี นข้นึ แทนวดั ประจำ� รัชกาล ได้แก่ โรงเรยี นมหาดเลก็ หลวง ซง่ึ ในปัจจบุ นั คอื โรงเรยี นวชิราวุธวิทยาลัย ดา้ นการเศรษฐกจิ ไดท้ รงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติคลงั ออมสิน พ.ศ. 2456 ขึน้ เพอ่ื ให้ ประชาชนร้จู กั ออมทรัพยแ์ ละเพือ่ ความม่ันคงในดา้ นเศรษฐกิจของประเทศ อกี ท้ังยังทรงรเิ รมิ่ ก่อตัง้ บรษิ ทั ปูนซเิ มนตไ์ ทยขึน้ ด้านการคมนาคม ในปี พ.ศ. 2460 ทรงตัง้ กรมรถไฟหลวง และเรม่ิ เปดิ การเดนิ รถไฟสายกรงุ เทพฯ ถึงเชียงใหม่
ประวัตริ ัชกาลที่ ๗ พระราชประวัติรชั กาลที่ 7 แห่งราชวงศจ์ ักรี พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจ้าอยหู่ วั (ประสตู ิ พ.ศ. 2436 ขึน้ ครองราชย์ พ.ศ. 2468 - พ.ศ. 2477)มพี ระนามเดมิ ว่า เจ้าฟ้าชาย ประชาธิปกศักดิเดช กรมหลวงสโุ ขทยั ธรรมราชา พระราชประวตั ิ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจา้ อยหู่ วั เปน็ โอรสองคท์ ่ี 76 ทรงเปน็ พระโอรสองค์เล็กของ พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หวั ซ่ึงทรงประสูติแดส่ มเด็จพระศรพี ชั รินทราบรมราชนิ นี ารถ นับว่าเปน็ พระ ราชโอรสองค์เล็กสดุ ประสูติ เมอื่ วันที่ 8 พฤศจิการยน พ.ศ. 2436 ตรงกับวัน พุธ แรม 14 คา่ํ เดอื น 11 ปมี ะเสง็ ทรงพระนามเดิมวา่ \" เจ้าฟ้าชายประชาธปิ ก ศกั ดิเดช กรมหลวงสโุ ขทัยธรรมราชา เม่อื ทรงมพี ระชนมายไุ ด้ 12 พรรษา พระองคไ์ ด้เข้าศึกษา ในวทิ ยาลัย ทหารบก ณ ประเทศองั กฤษจนจบและได้เสดจ็ กลบั มารับราชการในรัชกาล ท่ี 6 ซึง่ เป็นพระเชษฐาธริ าชของพระองค์ โดยไดร้ ับยศเปน็ นายพันโททหารบก มีตําแหน่งเป็นราชองครักษ์ และผบู้ งั คับการโรงเรยี นนายร้อยช้ันประถม ตอ่ มา ภายหลงั ไดเ้ ลอ่ื นตาํ แหนง่ เป็นลาํ ดับจนเปน็ นายพันเอก มีตาํ แหนง่ เปน็ ปลดั กรม เสนาธกิ ารทหารบก ก่อนข้ึนครองราชสมบตั ิมตี ําแหนง่ เปน็ ผบู้ ญั ชาการกองพล ทหารราบท่ี 2
ประวตั ิรชั กาลที่ ๘ พระราชประวัตริ ัชกาลที่ 8 แหง่ ราชวงศ์ จกั รีพระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาอานนั ท มหดิ ล(ประสูติ พ.ศ. 2468 ขนึ้ ครองราชย์ พ.ศ. 2472 - พ.ศ. 2489) มีพระนามเดมิ วา่ พระวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ อา นนั ทมหดิ ล พระราชประวัติ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอา นนั ทมหิดล มพี ระนามเดิมว่า พระวรวงศ์เธอ พระองคเ์ จ้าอานันทมหดิ ล ทรงพระราชสมภพ เมือ่ วนั อาทติ ยท์ ี่ 20 กนั ยายน พ.ศ. 2468 ตรงกับวันขน้ึ 3 คํ่า เดอื น 11 ปฉี ลู ณ เมืองไฮเดลแบร์ก ประเทศเยอรมนั นี ทรงเปน็ พระราชโอรสองคท์ ี่ 2 ของสมเด็จ พระราชบิดาเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมหลวงสงขลานครนิ ทร์ และสมเดจ็ พระราช ชนนีศรีสังวาลย์ ทรงมีพระพ่นี างและพระอนชุ ารว่ มสมเดจ็ พระราชบิดาและสมเดจ็ พระราชชนนีเดียวกันคือ 1. สมเด็จพระเจา้ พน่ี างเธอ เจา้ ฟ้ากลั ยาณิวฒั นา 2. สมเดจ็ พระเจ้าน้องยาเธอ เจา้ ฟ้าภูมิพลอดลุ ยเดช พ.ศ. 2472 สมเด็จพระราชบดิ า เจ้าฟา้ มหิดลอดุลยเดชกรมหลวงสงขลานครินทร์ เสดจ็ ทวิ งคต พ.ศ. 2474 พระองค์ไดเ้ สดจ็ ไปทรงศกึ ษาทีโ่ รงเรียนมาแตร์เดอี ถนนเพลินจิต พ.ศ. 2476 เสด็จพระราชดําเนนิ ไปทวปี ยโุ รป ประทับ ณ เมอื งโลซานน์ประเทศ สวิสเซอรแ์ ลนด์ พ.ศ. 2477 ทรงเสดจ็ ขึน้ ครองราชย์ เมื่อวนั ที่ 2 มนี าคม พ.ศ. 2477
ประวัติรัชกาลท่ี ๙ พระราชประวัตริ ชั กาลท่ี 9 แหง่ ราชวงศ์ จกั รพี ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัวภูมิพลอดุลย เดช(ประสูติ พ.ศ. 2470 ขึน้ ครองราชย์ พ.ศ. 2489 - ปจั จุบัน) พระราชประวัติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั ภมู พิ ลอดลุ ย เดชทรงสมภพเมอ่ื วันท่ี 5 ธนั วาคม พ.ศ. 2470 ณ เมืองเคมบริจดจม์ ลรฐั เมสสาชูเสท ประเทศ สหรฐั อเมริกา ทรงเป็นพระราชโอรสาธริ าช องค์ ท่ี 3 ในสมเด็จพระราชชนนีศรสี ังวาลย์ ( สมเดจ็ พระศรนี ครินทรทรา บรมราชชนนี ) พระองค์เปน็ พระราชโอรสองค์ เล็ก ทรงมีพระเชษฐาธริ าชวา่ \" พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ ัวอานนั ทมหิดล \" พระเจ้าอยหู่ ัวบรมโกศ รัชกาลท่ี 8 และมพี ระพีน่ าง พระนามวา่ \" สมเดจ็ พระพ่ี นางเธอเจา้ ฟ้ากลั ยาณิวฒั นา \" พระองค์ไดเ้ สด็จกลับเถลิงถวลั ยราชสมบตั ิตอ่ จากพระบรมเชษฐา เม่ือวนั ท่ี 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 ขณะมีพระชันษา 19 ปี กอ่ นครองราชย์ได้ ทรงศกึ ษาวิชาวิศวกรรมศาสตร์และได้เสด็จกลับไปศึกษาวิชานิติศาสตรแ์ ละ รฐั ประศาสนศาสตรต์ อ่ อกี ภายหลงั ทไ่ี ด้ครองราชย์แลว้ ทรงสนพระทยั ในอกั ษรศาสตร์ และการดนตรที รงรอบรภู้ าษาตา่ ง ประเทศหลายภาษาและตรสั ได้อยา่ งคล่องแคลว่ จนเปน็ ที่ประจกั ษแ์ ก่คณะ ทูตานุทตู และประชาชนชาวเมอื งนน้ั ๆ เป็นอย่างดี ตา่ งพากันชมวา่ พระองค์ทรง มคี วามรทู้ ันสมยั ท่สี ดุ พระองคห์ นึ่ง สําหรบั ดนตรนี ัน้ ทรงประพันธ์เนือ้ รอ้ งและ ทาํ นองเพลงแดค่ ณะวงดนตรีต่างๆ มเี พลงพระราชนิพนธ์ท่ีคนไทยรจู้ กั เช่น เพลง สายฝน เพลงประจํามหาวิทยาลยั จฬุ าลงกรณ์
ประวัติรัชกาลที่ ๑๐ พระนามเต็ม รัชกาลท่ี 10 สมเด็จ พระเจ้าอยู่หวั มหาวชริ าลงกรณ บดินทรเทพยว รางกูรพระนามเดมิ ของพระองค์ เดมิ วา่ สมเดจ็ พระเจา้ ลกู ยาเธอ เจา้ ฟา้ วชริ าลงกรณ บรมจักร ยาดศิ รสนั ตตวิ งศ เทเวศรธ�ำรง สุบรบิ าล อภิคุณู ประการมหติ ลาดลุ เดช ภมู พิ ลนเรศวรางกรู พระราชประวตั ิ กติ ติสิรสิ มบูรณ์สวางควฒั น์ บรมขัตตยิ ราชกุมาร ซ่งึ เป็นพระราชโอรสเพยี งพระองค์ สถาน พระราชวงั ดสุ ิต เดยี ว ในพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลย เดช และสมเดจ็ พระนางเจ้าสิรกิ ติ ิ์ พระบรมราชินนี าถ พระองค์ทรงพระราชสมภพ เมอื่ วันจนั ทร์ท่ี ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๕ เมื่อเวลา ๑๗ นาฬิกา ๔๕ นาที ณ พระทนี่ งั่ อัมพร การศึกษา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจา้ ฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกฎุ ราชกุมาร ทรงได้รบั การศกึ ษาระดบั อนบุ าลศกึ ษาท่พี ระท่ีนัง่ อดุ ร พระราชวังดุสติ และทรง เข้ารับการศึกษาระดับประถมศึกษาและระดบั มธั ยมศกึ ษา โรงเรียนจติ รลดา ระหว่างพทุ ธศักราช ๒๔๙๙ –๒๕๐๕ ทปี่ ระเทศองั กฤษระหว่างพุทธศกั ราช ๒๕๐๙ – ๒๕๑๓ หลงั จากน้ันไดท้ รงศกึ ษาระดบั เตรียมทหารทีโ่ รงเรียนคิงส์ นครซิดนีย่ ์ ประเทศ ออสเตรเลีย แล้วเขา้ รับการศกึ ษาระดับอดุ มศึกษา ทรงไดร้ ับปริญญาอักษรศาสตร บณั ฑติ (การศึกษาด้านทหาร) คณะการศึกษาดา้ นทหาร จากมหาวทิ ยาลัยนวิ เซา ทเ์ วลล์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๙
อา้ งองิ https://lifestyle.campus-star.com/ knowledge/43034.html
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: