1
ก คำนำ เอกสารรายงานแบบเสนอผลการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) ด้านการจัดการเรียนรู้วิทยาการ คำนวณและการออกแบบเทคโนโลยี สำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามธั ยมศกึ ษาร้อยเอ็ด เรื่องการพฒั นารปู แบบ การเรียนการสอนแบบผสมผสาน เพื่อพัฒนาทักษะด้านวิชาวิทยาการคำนวณ โรงเรียนหนองพอกวิทยาลัย สำนกั งานเขตพืน้ ท่ีการศึกษามธั ยมศกึ ษาร้อยเอ็ด โดยใชก้ ระบวนการ มีสว่ นรว่ มระหวา่ งผเู้ รียน ครู ผู้บริหาร สถานศกึ ษา และทกุ ฝ่ายทเี่ กี่ยวขอ้ งโดยใชโ้ รงเรียนเป็นฐานในการพัฒนา จดั ทำข้นึ เพือ่ ประกอบการพิจารณา การคัดเลือกสถานศกึ ษาเพื่อรับรางวัลโรงเรียนท่มี ีวิธปี ฏบิ ตั ทิ ่เี ปน็ เลิศ (Best Practice) ขอขอบคณุ คณะครู บุคลากรและนกั เรยี นโรงเรียนหนองพอกวิทยาลัยท่ีให้ความร่วมมือในการสนับสนุน ให้การดำเนินงานในทุก ๆ ด้านของโรงเรียน จนมีผลงาน ความสำเร็จต่างๆ บรรลุตามเป้าหมายในการจัด การศกึ ษาอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ โรงเรยี นหนองพอกวทิ ยาลยั
สารบัญ ข เร่ือง หน้า คำนำ ก สารบัญ ข 1. ความเปน็ มาและความสำคญั 1 2. จุดประสงค์/เป้าหมาย 4 3. กระบวนการ/ขนั้ ตอนการดำเนนิ งาน 5 4. ผลการดำเนินงาน 7 5. ปจั จยั ความสำเรจ็ 7 6. บทเรียนที่ได้รับ 8 7. การเผยแพร่ผลงาน หรอื รางวลั ทีไ่ ดร้ ับ 8 8 .เอกสารอา้ งองิ 9 9.ภาคผนวก 10
1 แบบเสนอผลการปฏบิ ัติทีเ่ ปน็ เลิศ (Best Practice) ดา้ นการจดั การเรียนรู้วทิ ยาการคำนวณและการออกแบบเทคโนโลยี สำนักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษาร้อยเอด็ ขอ้ มูลทวั่ ไป 1. ชอ่ื สถานศึกษา โรงเรียนหนองพอกวิทยาลยั ตำบล รอบเมอื ง อำเภอ หนองพอก จงั หวดั รอ้ ยเอด็ รหัสไปรษณยี ์ 45210 โทรศัพทห์ นว่ ยงาน 043579173 โทรสาร 043579173 E-mail [email protected] ๒. ชอื่ ครูผู้ส่งผลงาน ช่ือ – สกลุ นายสุพร มูลศรี หมายเลขโทรศพั ทม์ อื ถอื 0810552821 E-mail [email protected] ขอ้ มูลการนำเสนอผลการปฏบิ ัตทิ ่เี ป็นเลศิ ช่ือผลงาน การพฒั นารปู แบบการเรยี นการสอนแบบผสมผสาน เพ่อื พฒั นาทกั ษะด้านวชิ าวิทยาการ คำนวณ โรงเรียนหนองพอกวทิ ยาลัย สำนกั งานเขตพ้นื ท่กี ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษารอ้ ยเอด็ 1. ความเปน็ มาและความสำคัญ การศึกษาเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของการพัฒนาคุณภาพ “คน” ในประเทศ ทั้งนี้การพัฒนาคุณภาพ การศึกษา ได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ หมวด ๕ หน้าทีข่ องรัฐ มาตรา ๕๔ ได้บัญญัติให้มี การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการจัดการศึกษาในทุกระดับ และทุกรูปแบบให้สอดคล้องกับความ เปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม รัฐต้องดำเนินการให้ประชาชนได้รับการศึกษาตามความต้องการ ในระบบต่าง ๆ รวมทัง้ ส่งเสรมิ ให้มีการเรียนร้ตู ลอดชีวิต และจัดใหม้ กี ารรว่ มมือกันระหว่างรัฐ องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชนในการจัดการศึกษาทุกระดับ โดยรัฐมีหน้าที่ดำเนินการกำกับ ส่งเสริม และ สนับสนุนให้การจัดการศึกษาดังกล่าวมีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล โดยจัดให้มีแผนการศึกษาแห่งชาติ กฎหมายเพื่อพัฒนาการศึกษาของชาติ จัดให้มีการพัฒนาคุณภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาให้ก้าวหน้า ทนั การเปล่ยี นแปลงของสงั คมโลก ม่งุ พฒั นานกั เรยี นให้เป็นคนดีมวี นิ ัย ภูมิใจในชาติ สามารถเชี่ยวชาญได้ตาม ความถนัดของตน และมีความรับผิดชอบต่อครอบครัว ชุมชน สังคม ประเทศชาติ และยึดมั่นในการปกครอง ระบอบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมุข (รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย. ๒๕๖๐) จาก แนวคิดการจัดการศกึ ษาของแผนการศกึ ษาแห่งชาตไิ ด้กำหนด วสิ ยั ทศั น์ (Vision) ไว้ดงั นี้ “คนไทยทกุ คนได้รับ การศึกษาและเรียนรู้ตลอดชวี ติ อยา่ งมีคณุ ภาพ ดำรงชวี ติ อยา่ งเป็นสขุ สอดคล้องกับหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจ พอเพียง และการเปลย่ี นแปลงของโลกศตวรรษที่ ๒๑” โดยมีวตั ถปุ ระสงค์ในการจัดการศึกษา ๔ ประการ คือ ๑) เพ่ือพัฒนาระบบและกระบวนการจัดการศึกษาทีม่ คี ุณภาพและมีประสทิ ธภิ าพ ๒) เพื่อพฒั นาคนไทยให้เป็น พลเมืองดี มคี ุณลักษณะทักษะและสมรรถนะทส่ี อดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ และยุทธศาสตร์ชาติ ๓) เพื่อพัฒนาสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ และคณุ ธรรม จริยธรรม ร้รู ักสามัคคี และรว่ มมอื ผนึกกำลงั มุง่ สกู่ ารพฒั นาประเทศอย่างยงั่ ยนื ตามหลกั ปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง และ ๔) เพื่อนำประเทศไทยก้าวข้ามกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลาง และความ เหล่ือมลำ้ ภายในประเทศลดลง (สำนกั งานเลขาธิการสภาการศึกษา. ๒๕๖๒) กระทรวงศกึ ษาธกิ ารโดยสำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐานได้ปรบั ปรุงหลกั สตู ร แกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 เป็นหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พ.ศ. 2551 (ฉบับปรับปรุง
2 พ.ศ. 2560) ซึ่งกำหนด มาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวชี้วัดชั้นปี ตัวชี้วัดช่วงช้ัน และสาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง ให้ สถานศึกษาและท้องถิน่ นำไปใช้เป็น แนวทางในการจัดทำหลักสตู ร โดยสาระเทคโนโลยีสารสนเทศและการ สือ่ สาร เปน็ สาระที่ 3 ในกลุม่ สาระการเรียนรูก้ าร งานอาชีพและเทคโนโลยี การจดั ทำตัวช้ีวดั ชัน้ ปีและตัวช้ีวัด ช่วงชั้นสำหรับสาระนี้ได้นำมาตรฐานการเรียนรู้ช่วงชั้นเดิม โดยนำหลักสูตร 2544 มาพิจารณาและจัดแบ่ง เนื้อหาแต่ละชั้นปี ตามความยากง่ายและศักยภาพของเด็กในแต่ละช่วงวัย ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ท่ี เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเริ่มเข้ามามีบทบาทกับการทำงานและการดำเนินชีวิตประจำวันมากขน้ึ โดยมีเปา้ หมายสำคัญเพื่อให้โรงเรียนสามารถจัดกระบวนการเรยี นรทู้ ่ีจะชว่ ย ให้นกั เรียนมีความคิดสร้างสรรค์ สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ ไดอ้ ยา่ งรอบคอบ สามารถใชเ้ ทคโนโลยีที่เหมาะสมในการบูรณาการ กับความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เพื่อแก้ปัญหา หรือพัฒนาด้านกระบวนการออกแบบเชิง วศิ วกรรมทน่ี ำไปสู่การคิดคน้ สง่ิ ประดิษฐ์หรือสร้างสรรค์ นวัตกรรม เพือ่ ให้การจัดการศกึ ษาสอดคล้องกับการ เปลย่ี นแปลงในด้านต่าง ๆ ยกระดับการศึกษาให้ มีคณุ ภาพ มีศักยภาพในการแขง่ ขนั และการดำรงชีวิตอย่าง สร้างสรรค์ในประชาคมโลกสอดคล้องกับ ประเทศไทย 4.0 และโลกในศตวรรษที่ 21 หลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) จงึ ไดเ้ พิม่ เติมรายวิชาใหม่ในกลุ่มสาระ การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ได้แก่ วิชาเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) (สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี. 2561) การจัดการเรียนรู้ในปัจจุบันและอนาคตจะต้องมีการปรับตัวเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง และ สอดคลอ้ งกับความต้องการทางสังคมและโลกที่เปล่ียนไปอย่างรวดเร็ว นวตั กรรมการศกึ ษาไทย 4.0 ที่สำคัญ คือการนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มาผนวกเข้ากับการศึกษาสร้างเป็นเครื่องมือหรือสื่อ ทางการเรียนรู้ให้กับ นักเรียนสำหรับ ช่วยให้นักเรียนมีความตื่นตัว กระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้อยู่ตลอดเวลา มีลักษณะ กระบวนการจัดการ เรียนรู้ที่นักเรียนได้ลงมือกระทำแบบ Active Learning ซึ่งวิชาเทคโนโลยี (วิทยาการ คำนวณ) มีจุดประสงค์หลักที่มุ่งเน้นในเรื่องของการคิดเชิงวิทยาการคำนวณ ซึ่งเป็นหัวใจของการพัฒนาคน โดยมีองค์ประกอบหลัก แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1) การคิดเชิงคำนวณอย่างเป็นระบบ (Computational Thinking) ให้นักเรียนสามารถคิดได้เป็นขั้นตอน นำการเขียนโปรแกรมมาเป็นเครื่องมือในการฝึกคิดเป็น ขน้ั ตอน เปน็ วธิ ีคดิ และแก้ปัญหาเชิงวิเคราะห์ สามารถใช้จินตนาการมองปัญหาดว้ ยความคิด เชงิ นามธรรม ซ่ึง จะทำให้เหน็ แนวทางในการแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอนและมีลำดับวิธี 2) พ้นื ฐานความรู้ดา้ นเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Technology) หรือ “การรู้ดิจิทัล” (Digital Literacy) เป็นพนื้ ฐานการเรียนรทู้ ่สี ำคญั สำหรับเด็กและ เยาวชนยุคใหม่ หรือ Digital Natives 3) พื้นฐานการรู้เท่าทันสื่อและข่าวสาร (Media and Information Literacy) เป็นทักษะเกี่ยวกับการรู้เท่าทันสื่อและเทคโนโลยีดิจทิ ัล แยกแยะได้ว่าข้อมูลใดเป็นความจริงหรอื ความ คิดเห็น โดยเฉพาะข้อมูลบนสอ่ื สงั คมออนไลน์ การรเู้ ท่าทนั สือ่ ยงั ช่วยใหเ้ ดก็ และเยาวชนบริโภค สื่อเกิด ความตระหนักในความสำคัญของการเลอื กและจัดสรรเวลาทีใ่ ช้กับสื่อ รู้จักเปดิ รับสื่อ อย่างวิเคราะห์ วิพากษ์ ประเมินสิง่ ที่สื่อนำเสนอได้ แยกแยะได้ว่าส่ิงใดควรเชื่อ สิ่งใดไม่ควรเชื่อ ตลอดจนเรียนรู้ถงึ ความปลอดภยั ใน โลกไซเบอร์ รู้กฎหมายและลิขสิทธิ์ทางปัญญาต่าง ๆ เพื่อให้ เด็กและเยาวชนใช้ทางนี้ได้อย่างรู้เท่าทันและ ปลอดภยั (สำนักงานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา. ๒๕๖๒) สำนักงานเขตพื้นทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษาร้อยเอด็ มีนโยบายและจุดเน้นใหท้ ุกโรงเรียนนำเทคโนโลยี ไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอนวิทยาการคำนวณ โดยส่งเสริมให้ครูผู้สอนเข้ารับการอบรมตาม หลักสูตร ที่สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสถาบันอืน่ ๆ จัดขึ้น และจากการนิเทศ ตดิ ตามการจดั การเรยี นรูข้ องครู พบว่า บริบทของโรงเรยี นมคี วามแตกตา่ งกนั ไป ท้ังความ พรอ้ มของครูผู้สอน และอุปกรณ์การเรยี นการสอน ประกอบกบั พนื้ ฐานของนักเรียนแต่ละคนมีความแตกต่างกนั บางโรงเรียนยังมี
3 ปญั หาการจดั หลกั สูตร รวมถงึ การจัดการเรยี นการสอนในบางเรอื่ งครูผู้สอนไม่รจู้ ะเริม่ ตน้ อย่างไร บางเน้ือหา ค่อนข้างยากต้องค้นหาเทคนิค วิธีการในการถ่ายทอดให้กับนักเรียน เช่น การเขียนโปรแกรม ภาษาไพทอน และภาษา Scratch เปน็ ต้น (สำนกั งานเขตพน้ื ที่การศกึ ษามธั ยมศกึ ษรอ้ ยเอด็ . 2563) วิทยาการคำนวณ (Computing science) เป็นวิชาที่มุ่งเน้นการเรียนการสอนให้เด็กสามารถคิดเชงิ คำนวณ (Computational thinking) มคี วามพน้ื ฐานความรดู้ า้ นเทคโนโลยีดิจิทลั (Digital technology) และ มีพื้นฐานการรู้เท่าทันสื่อและข่าวสาร (Media and information literacy) การจัดการเรียนการสอนวิชา วิทยาการคำนวณ มีเป้าหมายที่สำคัญในการพัฒนานักเรียนกล่าวคือเพื่อให้นักเรียนมีความสามารถใช้ทักษะ การคิดเชิงคำนวณในการคิดวเิ คราะห์ แก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ มีทักษะในการค้นหาขอ้ มลู หรือสารสนเทศ ประเมิน จัดการ วิเคราะห์ สังเคราะห์ และนำสารสนเทศไปใช้ในการแก้ปัญหา เสามารถ ประยุกต์ใชค้ วามร้ดู ้านวทิ ยาการคอมพิวเตอร์ สอื่ ดจิ ิทลั เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร ในการแกป้ ญั หา ในชีวิตจริง การทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์เพื่อประโยชน์ต่อตนเองหรือสังคม และสามารถใช้เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารอย่างปลอดภัย รู้เท่าทัน มีความรับผิดชอบมีจริยธรรม ในการจัดการเรียนรู้วิชา วิทยาการคำนวณนั้นนักเรียนจะต้องมีองค์ความรู้ ทักษะหรือกระบวนการเรียนรู้ ดังน้ี 1) วิทยาการ คอมพิวเตอร์ การแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ การใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแก้ปัญหาใน ชีวิตประจำวัน การบูรณาการกับวิชาอื่น การเขียนโปรแกรมการคาดการณ์ผลลัพธ์ การตรวจหาข้อผิดพลาด การพัฒนาแอปพลิเคชันหรือพฒั นาโครงงานอย่างสร้างสรรค์เพอ่ื แก้ปัญหาในชวี ิตจรงิ 2)เทคโนโลยสี ารสนเทศ และการสื่อสาร การรวบรวมข้อมูล การประมวลผล การประเมินผลการนำเสนอข้อมูลหรือสารสนเทศเพ่ือ แก้ปัญหาในชีวิตจริง การค้นหาข้อมูลและแสวงหาความรู้บนอินเทอร์เน็ต การประเมินความน่าเชื่อถือของ ขอ้ มลู การเลือกใชซ้ อฟตแ์ วร์หรอื บริการบนอินเทอร์เน็ต ขอ้ ตกลงและขอ้ กำหนดในการใช้ส่อื หรือแหล่งข้อมูล ต่าง ๆ หลกั การทำงานของคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยกี ารส่ือสาร 3) การรู้ดจิ ทิ ลั การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ และการสือ่ สารอยา่ งปลอดภยั การจดั การอตั ลกั ษณ์ การรเู้ ท่าทันสือ่ กฎหมายเกีย่ วกบั คอมพิวเตอร์ การใช้ลิข สิทธ์ิของผู้อื่นโดยชอบธรรมนวัตกรรมและผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารต่อการดำเนนิ ชีวิต อาชพี สงั คม และวฒั นธรรม (สถาบนั สง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย.ี 2561) การจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน วชิ าวิทยาการคำนวณ โรงเรยี นหนองพอกวิทยาลัย ปี 2563 พบวา่ นกั เรยี นบางส่วนมีผลสัมฤทธิ์ต่ำกว่าเกณฑ์ท่กี ำหนด (โรงเรียนหนองพอกวทิ ยาลยั . 2563) ทั้งน้อี าจเป็นเพราะ เนอ้ื หาดงั กล่าวเป็นวชิ านกั เรียนตอ้ งลงมือปฏิบัติ เพือ่ เกิดทักษะการคิดเชงิ คำนวณ การคดิ วิเคราะห์ แก้ปัญหา เป็นขั้นตอนและเป็นระบบ ครูผู้สอนใช้วิธีการแบบบรรยายและสาธิตในชั้นเรียน เมื่อนักเรียนเกิดข้อสงสัย อยากกลับไปทบทวนใหมท่ ำได้ยาก ช้นิ งานท่ปี ฏบิ ตั ติ ำ่ กว่าเกณฑท์ ีป่ ระเมิน ส่งงานไม่ตรงตามเวลาทีก่ ำหนด ทำ ให้นักเรียนขาดความคิดรวบยอด เทคนิคและทักษะในกระบวนการเรยี นรู้ที่เป็นระบบ ขาดการมีปฏิสัมพันธ์ ขาดแรงจูงใจในการเรยี น ส่งผลตอ่ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ จากปญั หาท่ีพบในการจัดการเรียนการสอน จึง หาวธิ ีการหรอื นวตั กรรมท่มี าสนับสนนุ เพ่ือให้เกดิ ความเหมาะสมกับความตอ้ งการของนกั เรยี นสามารถเรยี นได้ ทุกที่ทุกเวลา โดยมีลักษณะที่ผู้สอนและนักเรียนมีปฏิสัมพันธ์กัน ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ ทำให้นักเรียนมี ความกระตือรือร้น มีแรงจูงใจในการเรียน และลดช่องว่างระหว่างบุคคล ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์เพิ่มขึ้น ไชยยศ เรืองสุวรรณ (2554) ได้เสนอแนะบทเรียนบนเว็บ การผสมผสานกันระหว่างเทคโนโลยีปัจจุบันกับ กระบวนการออกแบบระบบการเรียนการสอน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการเรียนรู้และแก้ปัญหาในด้าน ขอ้ จำกดั ของสถานท่ีและเวลา สำหรบั บทเรียนบนระบบเครือขา่ ย (Web-based Instruction : WBI) เป็นการ เรียนการสอนที่ประยุกต์ใช้โปรแกรมสื่อหลายมิติที่อาศัยประโยชน์จากคุณลักษณะของอินเทอร์เน็ตโดยการ นำเอาทรัพยากรที่มีอยู่ในเวิลด์ ไวด์ เว็บ (World Wide Web) มาออกแบบเป็นเว็บ เพื่อการเรียนการสอน
4 สนับสนุน และส่งเสริมใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ ในรูปแบบต่าง ๆ ที่มีประสิทธิภาพ เชื่อมโยงเป็นเครอื ขา่ ยที่สามารถ เรยี นไดท้ ุกที่ ทกุ เวลา โดยผสู้ อนและนักเรียนมปี ฏิสัมพันธก์ นั ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ท่ีเช่ือมโยงซึ่งกันและ กัน และ ถนอมพร เลาหจรัสแสง (2552) ที่พบว่า บทเรียนผ่านเว็บมีประโยชน์ต่อการเรียนการสอนหลาย ประการ อาทิ เปดิ โอกาสให้นักเรยี นสามารถเข้าช้ันเรยี นได้ในเวลาและสถานท่ีท่ีนกั เรียนตอ้ งการ ช่วยส่งเสริม ความเท่าเทียมกนั ทางการศกึ ษา นกั เรยี นสามารถเขา้ เรียนร่วมกนั อภิปรายร่วมกันไดไ้ รพ้ รมแดน ส่งเสริมการ เรียนรู้ตลอดชีวิต ผู้ที่ต้องการศึกษาสามารถเขา้ ไปค้นคว้าหาความรู้ได้อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา บทเรียนผ่าน เว็บ จะช่วยเปิดโอกาสให้ผู้สอนสามารถปรับปรุงเนื้อหาหลักสูตร ให้ทันสมัยได้อย่างสะดวกสบาย เนื่องจาก ข้อมูลบนเว็บมีลักษณะเป็นพลวัตร ดังนั้นผู้สอนสามารถปรับปรุงเนื้อหาหลักสูตรที่ทันสมัยแก่นักเรียนได้ ตลอดเวลา เพื่อให้เกดิ ประสิทธิภาพสูงสดุ สอดคล้องกับการศึกษาของ สายชล จินโจ (2550) ที่พบว่า การ จัดการเรียนการสอนแบบผสมผสาน เป็นการบูรณาการการเรียนการสอนได้อย่างหลากหลายและมีหลาย รูปแบบ โดยมผี สู้ อนเป็นผูน้ ำ การเรยี นการสอนนนั้ ไมว่ า่ จะเปน็ การเรยี นรู้ แบบเผชญิ หน้าในชั้นเรียนหรือจะ เป็นการเรียนรแู้ บบออนไลน์ โดยมีนักเรยี นเปน็ ผู้นำ โดยการนำ บทเรยี นคอมพวิ เตอร์ในลักษณะต่าง ๆ มาใช้ เพื่อให้การเรียนการสอนนั้น เกิดประสิทธิภาพสูงสุดภายใต้สภาพแวดล้อมของชุมชนแห่งการเรียนรู้ โดย สามารถใช้เทคโนโลยีเครือข่ายเข้ามาเป็นตัวช่วยในการส่งผ่านความรูห้ รือการติดต่อสื่อสารระหว่างนักเรียน และผู้สอน หรือระหว่างนักเรียนด้วยกันเอง อันจะทำให้เกิดการเรียนรู้ที่มีความเสมอภาคกัน ส่งผลให้เกิด คณุ ภาพทางการศกึ ษาทีส่ งู ขึ้น จากเหตุผลดังกล่าว จึงพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสาน เพื่อพัฒนาทักษะด้านวิชา วทิ ยาการคำนวณ เพอื่ ใชเ้ ปน็ สอ่ื ประกอบการเรยี นการสอน นักเรยี นสามารถเรยี นร้ไู ปพรอ้ ม ๆ กัน และเรยี นรู้ ได้ด้วยตนเองตลอดเวลา สร้างแรงจูงใจให้อยากเรียนรู้และลดช่องว่างระหว่างบุคคล นอกจากนี้ยังเป็นการ สนับสนุนให้ครูผู้สอนได้มีโอกาสเลือกใช้สื่อการเรียนการสอนได้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้การเรียนการสอน เปน็ ไปอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ เพม่ิ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนให้สูงขน้ึ เป็นไปตามจดุ มุ่งหมายหลักสูตร แกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน 2551 และเป็นแนวทางในการพฒั นาส่ือการเรียนการสอนในรายวิชาอื่นต่อไป 2. จุดประสงค/์ เป้าหมาย 2.1 จุดประสงค์ 1) เพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสาน เพื่อใช้จัดการเรียนรู้วิชาวทิ ยาการคำนวณ สำหรับนักเรียนโรงเรียนหนองพอกวิทยาลัย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาร้อยเอ็ด 2) เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ มีทักษะกระบวนการ มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ วิชาวิทยาการ คำนวณ 3) เพื่อเผยแพร่ผลงานรูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสาน ทั้งใน และนอกสถานศึกษาร่วมกบั ภาคเี ครือข่าย 2.2 เป้าหมาย - เชิงปริมาณ 1.นักเรียนโรงเรียนหนองพอกวิทยาลัย ปีการศึกษา 2564 จำนวน 1,401 คน ได้รับการเรียนผ่านรูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสาน วิชาวิทยาการคำนวณ ของโรงเรียนหนองพอก วทิ ยาลยั รอ้ ยละ 100
5 - เชิงคณุ ภาพ นักเรยี นโรงเรยี นหนองพอกวิทยาลยั มที ักษะการคดิ เชิงคำนวณสามารถคิด วิเคราะห์ แกป้ ญั หา อยา่ งเปน็ ขนั้ ตอนและเป็นระบบ ประยกุ ตใ์ ช้ความรู้ในการแกป้ ัญหาในชวี ติ จริงและทำงานรว่ มกัน อยา่ งสรา้ งสรรค์ 3. กระบวนการ/ข้นั ตอนการดำเนนิ งาน 3.1 กระบวนการ ขน้ั ท่ี 1 ศึกษาองค์ความรู้ หรอื เนื้อหาสาระที่เกี่ยวขอ้ ง ขนั้ ที่ 7 การปรบั ปรงุ และเขยี นรายงาน ขั้นท่ี 2 ประเมินความตอ้ งการ ขน้ั ที่ 6 ทดสอบร่างรูปแบบ ขั้นที่ 3 พัฒนากรอบแนวคิด ขั้นที่ 5 ยกร่างรปู แบบ ข้นั ที่ 4 สอบถามความเห็นผู้ทรงคณุ วุฒิ แผนภมู ิ กระบวนการพฒั นารปู แบบการเรียนการสอนแบบผสมผสาน เพ่อื พฒั นาทักษะด้านวิชาวิทยาการคำนวณ การพัฒนารูปแบบการเรยี นการสอนแบบผสมผสาน เพอ่ื พัฒนาทักษะด้านวิชาวิทยาการคำนวณ โดยการประยุกต์ใชว้ ธิ ีวจิ ยั และพฒั นาเพ่อื สร้างนวตั กรรมทางการศึกษา แบง่ เปน็ 7 ขน้ั ตอนด้ังน้ี ขน้ั ที่ 1 ศึกษาองค์ความร้หู รือเน้อื หาสาระทีเ่ ก่ยี วข้อง (Study the Body of Content) ศึกษา วิเคราะห์ สงั เคราะหอ์ งค์ความรู้ เก่ยี วกบั รูปแบบการสอน เพ่อื ใชพ้ ัฒนากรอบแนวคิดรปู แบบการเรียนการสอน แบบผสมผสาน รายวิชาวิทยาการคำนวณ ขนั้ ที่ 2 ประเมินความต้องการ (Assess needs for the innovative prototypes) 1) จากรายงาน ผลสมั ฤทธิ์ทางเรียนรายวชิ าวิทยาการคำนวณ และ (2) เขา้ ร่วมสงั เกตการณ์การจัดเรยี นการสอน ในภาคเรียน ท่ี 1 และ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563 เพ่ือหาองค์ประกอบ (Components) ปัจจัยนำเข้า กระบวนการ (Procedure) ขนั้ ตอน (Logical Steps) และรายละเอียด (Specifications) ขนั้ ท่ี 3 พัฒนากรอบแนวคิด (Develop Conceptual Framework) 1) เขยี นกรอบแนวคิดรปู แบบ การเรียนการสอนแบบผสมผสาน รายวิชาวทิ ยาการคำนวณ ท่ีประกอบดว้ ยทฤษฎแี ละหลกั การ องค์ประกอบ กระบวนการ ขน้ั ตอน และรายละเอยี ดของรูปแบบ (2) นำเสนอต่อกรรมการที่ปรกึ ษาและปรบั ปรุงแก้ไข ขั้นท่ี 4 สอบถามความเห็นผ้ทู รงคณุ วุฒิ (Seek Experts’ Opinions) 1) เสนอกรอบแนวคดิ รูปแบบ การเรียนการสอนแบบผสมผสาน รายวชิ าวิทยาการคำนวณ 2) ปรับปรงุ แกไ้ ขตามข้อเสนอแนะของ ผทู้ รงคณุ วุฒิ
6 ขัน้ ที่ 5 ยกร่างรปู แบบ (Draft the Innovative Prototype) จดั ทำ(รา่ ง)รปู แบบการเรยี น การสอน แบบผสมผสานราย วิชาวิทยาการคำนวณ ประกอบด้วย ทฤษฎแี ละหลกั การองคป์ ระกอบ กระบวนการ ขัน้ ตอน และรายละเอียดของ(ร่าง)รปู แบบการเรยี นการสอนแบบผสมผสาน รายวิชาวทิ ยาการคำนวณ ขั้นท่ี 6 ทดสอบร่างรปู แบบ (Test the Prototype) แบง่ เปน็ 2 ข้นั ตอน 1) การทดลองใช้เบื้องต้น (Tryout) นำรูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสาน รายวชิ าวทิ ยาการคำนวณ ไปหาประสิทธภิ าพตาม เกณฑ์ 80/80 โดยนำไปทดลองกับนกั เรยี นกลุ่มผใู้ ห้ข้อมูล แบ่งเป็น 3 ระยะ คอื 1) การทดลองรายบุคคล เลอื กลมุ่ ตัวอย่างจำนวน 3 คน 2) การทดลองแบบกลมุ่ เลก็ เลอื กล่มุ ตัวอย่างจำนวน 9 คน 3) ทดลองแบบ กลุ่มใหญ่ เลอื กกลุ่มตวั อยา่ ง จำนวน 30 คน (2) ทดลองใช้จริง (Trial Run) ทดลองกบั กลมุ่ ตวั อยา่ งนักเรยี น ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 1-6 รายวชิ าวิทยาการคำนวณ ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2563 สัปดาห์ 6 ถึงสปั ดาห์ 18 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 เพอื่ ตดั สินผลการเรยี น ขน้ั ที่ 7 การปรบั ปรงุ และเขยี นรายงาน (Finalize the Prototype and Write Final Reports) ไดร้ ูปแบบตามแผนภมู ิ แผนภูมิ รปู แบบการเรียนการสอนแบบผสมผสาน รายวิชาวทิ ยาการคำนวณ โรงเรยี นหนองพอกวทิ ยาลยั 3.2 ขั้นตอนการดำเนินงาน รปู แบบการเรียนการสอนแบบผสมผสาน รายวิชาวทิ ยาการคำนวณ ทีพ่ ัฒนาขึ้น มีลกั ษณะเป็นการ เรยี นแบบเผชิญหนา้ (F2F) และการเรียนผา่ นสื่อออนไลน์ (Online) ดว้ ยการผสมผสานแนวคดิ การเรยี นรเู้ ชงิ รุก (Active Learning) การเรียนรูโ้ ดยใชป้ ัญหาเป็นฐาน (Problem-based Learning) และแนวคดิ ห้องเรียน กลบั ดา้ น (Flipped Classroom) โดยใช้เวลาในการกำหนด สัดส่วน การเรยี นแบบ (F2F) การเรยี นผ่านส่ือ ออนไลน์ ประมาณ 70 : 30 โดยรูปแบบแบ่งเป็น 4 องค์ประกอบ ดังน้ี ปัจจัยนำเข้า (Input) ประกอบด้วย ผู้สอน นักเรียน หลักสูตร สื่อการเรียนการสอน วิธีการจัดการ เรียนการสอน และวธิ ีการประเมนิ ผล กระบวนการ (Process) โดยในสัปดาห์แรกจะเป็นการปฐมนิเทศเพื่อให้เตรียมความพร้อมให้กับ นักเรียน แจ้งวัตถุประสงค์รายวิชา แนวทางในการจัดการเรยี นการสอน การประเมนิ ผล การทดลองใช้ระบบ
7 จัดการเรียนการสอน สื่อการเรียนการสอนต่างๆ และการแบ่งกลุ่มเพื่อทำกจิ กรรมกลุ่มยอ่ ยในแต่ละสัปดาห์ หลังจากนั้นจะเปน็ การจัดการเรยี นการสอนแบบผสมผสานโดยจะแบง่ เปน็ 2 ส่วน คอื กิจกรรมการเรยี นรดู้ ้วยตนเองผ่านเว็บไซต์ Google Site สื่อออนไลนท์ ค่ี รูจดั เตรียมเนอ้ื หาไว้เป็น หนว่ ย โดยใช้เวลาร้อยละ 30 ในการจดั การเรยี นการสอนน้ผี ูส้ อนทำหนา้ ทส่ี งั เกตการณแ์ ละให้คำปรึกษา กจิ กรรมการเรียนรูใ้ นชนั้ เรยี น ใช้เวลารอ้ ยละ 70 มีกจิ กรรมยอ่ ย ได้แก่ 1) ทดสอบก่อนเรียน ระหว่างเรียน ตอบคำถามผ่านแอปพลิเคชัน อาทิ Google Form โปรแกรม liveworksheets โปรแกรม Kahoot 2) บรรยายในชนั้ เรยี น ผ่านโปรแกรมออนไลน์ อาทิ Meet โปรแกรม Zoom 3) บริหารจัดการชั้นเรียนโดยใช้ Google Classroom โดยมีการมอบภาระงาน ใบความรู้ ส่อื รว่ มกบั สอ่ื สงั คมออนไลน์ตา่ งๆ อาทิ Facebook Line Mail โดยมผี สู้ อนเปน็ ผู้ดแู ลกจิ กรรม 4) กิจกรรมกลุ่มย่อย ได้แก่ ระดมสมองวิเคราะห์และอธิบายปัญหา ตั้งสมมติฐานและ จัดลำดับความสำคัญ กำหนดประเด็นการเรียนรู้เพิ่ม ค้นหาความรู้เพิ่มเติม กลับมาทำงานกลุ่มต่อไปได้ สงั เคราะห์ประยกุ ตใ์ ชค้ วามรูใ้ หม่ สรุปผล และส่งงานผา่ นระบบ Google Classroom 5) การประเมินผล ของการเรียนการสอนแต่ละหน่วยด้วยการทำแบบทดสอบหลังเรียน อาทิ Google Form โปรแกรม livework sheets ผลลัพธ์ (Output) ผลทเี่ กดิ ตอ่ นักเรียนได้แก่ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน และความพงึ พอใจของนักเรียน ท่ีมตี อ่ การเรยี นการสอนด้วยรปู แบบการเรียนการสอนแบบผสมผสาน ข้อมลู ย้อนกลบั (Feedback) เปน็ กระบวนการประเมนิ ผลของผลลพั ธ์ของระบบทุกองค์ประกอบว่ามี จุดเดน่ จดุ ด้อยอะไรเพ่อื นำมาปรับปรุงแก้ไขตอ่ ไป 4. ผลการดำเนินงาน 1. รปู แบบการเรยี นการสอนแบบผสมผสาน รายวิชาวิทยาการคำนวณ ประกอบด้วย 4 องคป์ ระกอบ หลัก องค์ประกอบที่ 1 ปัจจัยนำเข้า ประกอบด้วย ผู้สอน นักเรียน หลักสูตร สื่อการเรียนการสอน วิธีการ จัดการเรยี นการสอน และการประเมนิ ผล องค์ประกอบท่ี 2 กระบวนการ โดยมกี ารปฐมนิเทศในสัปดาห์แรก หลังจากนั้นแต่ละสัปดาห์จะมีขั้นตอนการเรียนการสอน ดังนี้ 1) กิจกรรมการเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านเว็บไซต์ Google Site สอ่ื ออนไลน์ทีค่ รจู ัดเตรยี มเนื้อหาไว้ 2) กจิ กรรมการเรยี นรู้ในชั้นเรยี น มีกิจกรรมย่อยตามลำดับ ดังนี้ (1) ทดสอบก่อนเรียน ทดสอบระหว่างเรียน 2) ทบทวนความรู้ 3) กำหนดประเด็นปัญหา 4) กิจกรรม กลมุ่ ยอ่ ย 5) การประเมินผล องคป์ ระกอบท่ี 3 ผลลัพธ์ และองคป์ ระกอบที่ 4 ขอ้ มลู ยอ้ นกลบั 2. สอื่ การเรยี นการสอนออนไลน์ด้วย Google Site ในรายวิชาวทิ ยาการคำนวณ มคี ุณภาพตามเกณฑ์ ประเมินของผู้เชี่ยวชาญ 3. นักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสานรายวิชาวิทยาการคำนวณ มผี ลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นสงู กว่าก่อนเรยี น 4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนการสอนตามรูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสาน รายวชิ าวิทยาการคำนวณในระดบั มาก 5. ปัจจยั ความสำเรจ็ ปจั จยั สำคญั ท่คี วรคำนึงถงึ ในการออกแบบระบบการเรยี นการสอนแบบผสมผสานให้ประสบผลสำเร็จ ประกอบ ดว้ ย 3 ปัจจยั คอื 1. ปัจจัยด้านนักเรียน (audience) เนื่องจากความแตกต่างระหว่างบุคคลของของนักเรียน ครผู ูส้ อนควรออกแบบบทเรยี นให้มีรูปแบบยดื หยุน่ และมคี วามหลากหลาย เพอื่ ให้ใหส้ อดคลอ้ งกับวิธีการเรียน
8 รูปแบบการเรียนรู้ รูปแบบการคิด ความสามารถในการเรียนรู้ และบุคลิกภาพของนักเรียนแต่ละคน เพื่อให้ นกั เรียนที่มีความแตกตา่ งกันเกิดการเรยี นรู้ได้อย่างเทา่ เทียมกันตามศักยภาพของตนเอง 2. ปัจจัยด้านเนื้อหา (content) เนื่องจากเนื้อหาที่ใช้ในการเรียนการสอนมีความความแตกต่างกัน ดังน้ันครูผู้สอนควรออกแบบกิจกรรมการเรยี นใหส้ อดคลอ้ งกบั ลักษณะเนอื้ หา เพอ่ื ให้นกั เรยี นเกดิ การเรียนรู้ได้ ดีที่สุด เนื้อหาที่เหมาะสมกับการเรียนแบบออนไลน์ คือ เนื้อหาที่มีระดับความยากไม่มากนัก และเนื้อหาท่ี เหมาะสมกับการเรียนในห้องเรียน คือ เนื้อหาที่มีความซับซ้อน ต้องการคำอธิบายเพื่อความกระจ่างในการ เรียนจากผสู้ อน และการฝกึ ปฏิบตั ิการ 3. ปัจจัยด้านระบบโครงข่ายพื้นฐาน (infrastructure) เนื่องจากความสามารถในเข้าถึงระบบการ จัดการเรียนรู้บนเว็บแบบผสมผสานที่แตกต่างกัน ครูผู้สอนควรออกแบบบทเรียนโดยคำนึงถึงความสามารถ ของระบบโครงข่ายพื้นฐาน ประกอบด้วย ความเสถียรของระบบการเชือ่ มต่อกับระบบเครือข่าย ความเร็วใน การสง่ ผ่าน รับและส่งขอ้ มูล รปู แบบของสือ่ สำหรบั บทเรียนบนเวบ็ เปน็ ตน้ 6. บทเรียนท่ีไดร้ ับ 1. การนำรปู แบบการเรยี นการสอนแบบผสมผสาน ไปใช้ควรพจิ ารณาและคำนงึ ถงึ สัดส่วนของเน้ือหา ควรจะเป็นวิชาที่มีเนือ้ หาเป็นการบรรยายเปน็ หลักเนื่องจากจะสามารถนำเสนอเนื้อหาสว่ นใหญ่ให้นักเรียนไป ศกึ ษาดว้ ยตนเองได้ง่าย 2. การนำเทคโนโลยีสารสนเทศช่วยสนับสนนุ การจัดการเรียนการสอนตามรูปแบบการเรยี นการสอน แบบผสมผสาน ไปใชจ้ ะต้องมกี ารประยกุ ต์ใชร้ ะบบใหเ้ หมาะสมกับเน้ือหาวชิ าน้ันๆ และสอดคลอ้ งกบั การเรียน การสอนที่ต้องการส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ขั้นตอนต่างๆ สามารถปรับเปลี่ยนให้มีความยืดหยุ่นกั บ เนื้อหาและระยะเวลาได้ ผู้สอนจำเป็นต้องมีทักษะความสามารถด้านเทคโนโลยี ควรจัดทำคู่มือแนะนำการใช้ งานสำหรบั ครูผูส้ อนและนกั เรยี น 3. ควรมีการสำรวจความพร้อมของอุปกรณ์การเรียน ระบบเครือข่าย ความเร็วอินเตอร์เน็ตของ นกั เรยี นก่อนนำรูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสานไปใช้ 7. การเผยแพรผ่ ลงาน หรือรางวลั ท่ไี ด้รบั รูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสาน และสื่อการเรียนการสอนที่ผ่านการประเมินแล้ว และถูก นำไปใช้ในการจดั การเรียนรู้กบั นักเรยี น ในชว่ งสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของเชื้อไวรสั โคโรนา่ ๑๙ (COVID – 19) ได้รับการเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์โรงเรียน ครูทุกคนนำนวัตกรรมไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน ทั้งการ สอนออนไลน์และออนไซต์สามารถนำมาบรู ณาการ ร่วมกับกลมุ่ สาระอ่นื ๆ ในการจดั การเรียนการสอนผ่านสื่อ ออนไลน์ และมีการเผยแพรข่ ยายผล ดังนี้ 1. โรงเรียนหนองพอกวิทยาลัย จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ(Workshop) การพัฒนาบทเรียนออนไลน์ ในสถานศกึ ษโดยโดยเผยแพร่ผา่ นเวบ็ ไซต์ https://sites.google.com/phokwit.ac.th/nponline ระหวา่ งวนั ท่ี 21-25 มิถุนายน 2564 2.เผยแพร่ผลงานการปฏบิ ัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) ด้านการจัดการเรียนรู้วิทยาการคำนวณและ การออกแบบเทคโนโลยีการนิเทศ กำกับ ติดตาม การจัดการเรียนรู้วิทยาการคำนวณในรูปแบบออนไลน์ จากคณะกรรมการเขตพื้นท่ี วนั ท่ี 19 สิงหาคม ๒๕64 3.โรงเรียนหนองพอกวิทยาลยั ไดร้ ับรางวลั เหรียญทองชนะเลิศ การประกวดคัดเลือกโรงเรียนท่ีมีผล การปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) ด้านการจัดการเรียนรู้วิทยาการคำนวณและการออกแบบเทคโนโลยี ประจำปี พ.ศ. 2564 ประเภทสถานศึกษาขนาดกลาง ระดับเขตพื้นทีก่ ารศึกษา 31 สงิ หาคม 2564 4.โรงเรียนหนองพอกวิทยาลัย ได้รับคัดเลอื กเป็นตวั แทนของสำนกั งานเขตฯ การคดั เลือกนวัตกรรม
9 หรือรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่เป็นแบบอย่างได้ ในสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ประจำปี 2564 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เรื่อง “การพัฒนา นวัตกรรม การจัดการเรียนรู้ ด้วยกระบวนการ PHOKWIT Model ของโรงเรียนหนองพอกวิทยาลัย ภายใต้ สถานการณก์ ารแพร่ระบาดของเชือ้ โรคติดตอ่ ไวรสั โคโรนา 2019” 5. โรงเรียนหนองพอกวิทยาลัย ได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนการนำเสนอผลงานการถอดบทเรียน กิจกรรมการคัดเลือก 129 สุดยอด BEST PRACTICES การจัดการเรียนรู้ Active Learning ร่วมกับภาคี เครือข่าย โดย สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน 6.โรงเรียนหนองพอกวิทยาลัย ได้รับรางวัลชนะเลิศ ระดับเขตพื้นที่ รางวัลการวิจัยและพัฒนา นวัตกรรมการเรียนรู้ Active Learning ร่วมกับภาคเี ครอื ขา่ ย ประจำปี 2564 7.นายสพุ ร มูลศรี ไดร้ ับรางวลั เหรียญทอง ชนะเลศิ ประเภทบุคคล ท่มี ผี ลการปฏบิ ตั ิท่เี ปน็ เลิศ (Best Practice) ด้านการจัดการเรยี นรูว้ ทิ ยาการคำนวณและการออกแบบเทคโนโลยี ระดับเขตพน้ื ท่ีการศึกษา เอกสารอ้างองิ ไชยยศ เรอื งสวุ รรณ.(2554).การออกแบบพัฒนาโปรแกรมบทเรียนและบทเรยี นบนเว็บ.พมิ พ์ครัง้ ท่ี 15 มหาสารคาม : ภาควิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลยั มหาสารคาม. ถนอมพร เลาหจรสั แสง.(2552).Designing e-Learning หลกั การออกแบบและการสร้างเวบ็ เพอื่ การเรียนการสอน.เชียงใหม่ : มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม.่ รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560. ราชกจิ จานุเบกิ ษา. เล่ม 134 ตอนท่ี 40 ก. 6 เมษายน 2560. หน้า 1-90 สมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ ัวฯ. จาก https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/809046 โรงเรยี นหนองพอกวิทยาลัย.(2563).รายงานผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น ปีการศึกษา 2563.รอ้ ยเอ็ด : โรงเรยี น หนองพอกวทิ ยาลยั . สถาบนั ส่งเสริมการสอนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลย.ี (2561). คมู่ อื รายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ) ตามมาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตัวช้วี ดั กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์ (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ.2560) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : สถาบนั สง่ เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ. สํานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษามัธยมศึกษาร้อยเอ็ด. (2563) “การอบรมเชงิ ปฏบิ ัติการจัดการเรียนรู้วทิ ยาการ คำนวณสำหรับครู Coding for Teacher สำหรับครูผู้สอนวทิ ยาการคำนวณ ระดับชัน้ มธั ยมศกึ ษาปี่ท่ี 1-3.” ร้อยเอ็ด: กลมุ่ นเิ ทศติดตาม และประเมินผลการจัดการศกึ ษา. สายชล จนิ โจ. (2550). การพัฒนารูปแบบการเรยี นการสอนแบบผสมผสาน รายวิชาการเขยี น โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ 1 สาขาคอมพิวเตอรธ์ รุ กิจ. วิทยานิพนธ์ ปรชั ญาดุษฎบี ัณฑติ . มหาวิทยาลัยเทคโนโลยพี ระจอมเกล้าพระนครเหนือ. กรงุ เทพฯ. สำนกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา. (๒๕๖๒) “สภาวะการศกึ ษาไทย 2561/2562 การปฏิรปู การศึกษาใน ยุคดจิ ทิ ัล”. กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา.
10 ภาคผนวก
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27 การขยายผลรูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสาน ของโรงเรียนหนองพอกวิทยาลัยนั้น ได้ แบ่งกลุ่มการจัดการเรียนรู้ผ่านช่องทาง Facebook ออกเป็น 6 ระดับชั้น โดยมีข้อมูลตารางเรียน แบบเช็ค เวลาเรียน ช่องทางการส่งงาน และช่องทางการติดต่อสื่อสารระหว่างครูกับผู้เรียน โดยคุณครูใช้รูปแบบการ สอนทีห่ ลากหลาย เชน่ Google meet, Google classroom, Google site และLine เปน็ ตน้ นอกจากนย้ี ังมี การวัดและประเมินผลในรูปแบบออนไลน์ที่หลากหลาย เช่น การทดสอบผ่านรูปแบบเกม การทดสอบผ่าน Google Form และการทดสอบผ่านการสง่ ชิ้นงาน การจดั กจิ กรรมการเรียนรูด้ ว้ ยรูปแบบ Online ผเู้ รียนสามารถเรียนรู้จากส่ือออนไลน์อน่ื ๆ เช่น การจดั การเรียนการสอนผ่านทางไกล DLTV โดย เขา้ ไปทีเ่ ว็บไซต“์ หนองพอกวทิ ยาลยั ออนไลน”์ ที่เปน็ แหล่งรวมรวบสอื่ การจัดการเรียนรทู้ ้งั ภายในและภายนอก โรงเรียน มีตารางการออกอากาศ ช่องทางการรับชมและโหลดใบงาน สำหรับการทบทวนเนื้อหาวิชาเรียน แสดง การจดั กจิ กรรมการเรียนร้ดู ้วยรูปแบบ on-air หลงั จากท่ีคณุ ครูได้ทำการจดั การเรียนการสอนออนไลน์ โรงเรยี นหนองพอกวทิ ยาลยั ได้จัดช่องทาง การรวมใบงาน แบบฝกึ หัด และคลปิ วดิ ีโอการสอนของครู โดยรวบรวมเปน็ รายสัปดาห์เพอ่ื ให้ผู้เรียนสะดวกใน การค้นหา ผู้เรยี นสามารถเข้าศกึ ษาและทบทวนบทเรยี นยอ้ นหลังได้ นอกจากน้ียงั มีชอ่ งทางการจัดการเรียนรู้
28 อื่นๆ เช่น สื่อดิจิทัล Project 14 การจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ออนไลน์ ห้องเรียน DLTV และ DLIT Classroom เป็นตน้ การจัดกิจกรรมการเรียนรดู้ ว้ ยรปู แบบ on-hand และ on-demand การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 8 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ โรงเรียนจัดกิจกรรมการเรียนรู้ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคติดต่อไวรัสโคโรนา 2019 ของ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ โดยนำรูปแบบการเรียนการสอนแบบผสมผสาน มีการดำเนินกิจกรรม โดยนำเทคโนโลยีมาบูรณาการ เช่น Google meet Google site Facebook และLINE โดยผู้สอนเลือกใช้ ตามความเหมาะสม ความถนัด และความสนใจของครู โดยในปัจจุบันโรงเรียนหนองพอกวิทยาลัยได้นำ นวัตกรรมสื่อ เรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียน เกิดองค์ความรู้ที่หลากหลาย สำหรับช่องทางการติดต่อสื่อสารหลักขอ โรงเรยี นหนองพอกวิทยาลยั คอื กล่มุ Facebook แบง่ ออกเป็น 6 ระดับชน้ั โดยมขี ้อมลู ตารางเรียน แบบเช็ค เวลาเรียน ช่องทางการส่งงาน และช่องทางการติดต่อสื่อสารระหว่างครูกับผู้เรียน โดยคุณครูใช้รูปแบบการ สอนท่หี ลากหลาย เชน่ Google meet, Google classroom, Google site และLine เปน็ ตน้ นอกจากนี้ยังมี การวัดและประเมินผลในรูปแบบออนไลน์ที่หลากหลาย เช่น การทดสอบผ่านรูปแบบเกม การทดสอบผ่าน Google Form และการทดสอบผา่ นการส่งช้ินงาน ดงั น้ี กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาพลศึกษา มีการจัดการเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น Google site Google Meet โดยนำมาบรู ณาการกับวิชาเรยี นใหผ้ ู้เรียนได้เรยี นเร่อื งของกีฬาผา่ นช่องทางออนไลน์ การจดั การเรยี นการสอนกล่มุ สาระการเรียนรู้สขุ ศึกษาและพลศึกษา
29 กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ มีนำเทคโนโลยี เช่น Google Meet และGoogle Clasroom จัดการเรียนรู้ที่เสริมสร้างสุนทรียะด้านศิลปะ ดนตรี ทัศนศิลป์ และนาฏศิลป์ โดยนำวิดีโอตัวอย่างการเร่อื ง ดนตรีและนาฏศิลป์บูรณาการในบทเรียน เช่น การบรรเลงดนตรีประกอบ ให้เหมาะสมกับ การแสดง การสรา้ งสรรคอ์ อกแบบป้ายวรรณคดที ่ีใชใ้ นการแสดง และออกแบบทา่ รำนาฎศลิ ป์ การจดั การเรียนการสอนกลมุ่ สาระการเรียนรู้ศลิ ปะ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน รักภาษาไทย และการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง โดยนำสื่อเทคโนโลยีเข้ามาบูรณาการในบทเรียนวรรณคดี สำหรบั นกั เรียนระดับชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 เรอื่ ง พยัญชนะไทย มาออกแบบการเรยี นรู้ การจัดการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย 4.4) กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ที่นำองค์ความรู้ ทางทฤษฎีหรือหลักการทางวิทยาศาสตร์ และความรู้ด้านเทคโนโลยีมาบูรณาการผ่านช่องทางต่างๆ .ใน รปู แบบหลายหลาย เ เพ่อื ใหผ้ ูเ้ รียนได้มีส่วน รายวิชาเทคโนโลยี บูรณาการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาทักษะ และองค์ความรู้เกี่ยวกับ วิทยาการสมัยใหม่ โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นให้ผูเ้ รียนสามารถสร้างนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี เช่น การนำนาฏมวยไทยที่เป็นผลงานโดดเด่นของโรงเรียนมาเป็นสื่อในการจัดการเรียนการสอนนักเรียน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เรื่อง การออกแบบจัดทำเว็บไซต์ โดยให้นักเรียนร่วมกันออกแบบจัดทำเว็บไซต์ โรงเรียนหนองพอกวิทยาลัย เพอื่ เผยแพร่ผลงาน และรางวัลทไี่ ด้รบั
30
Search
Read the Text Version
- 1 - 33
Pages: