แบบฝึกหดั 1. กาพยเ์ หเ่ รือ เปน็ บทนิพนธข์ องใคร ก. สมเดจ็ พระสมณเจ้า กรมพระปรมานุชติ ชิโนรส ข. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยหู่ วั ค. เจ้าฟา้ ธรรมธิเบศร ง. หม่อมเจา้ สทิ ธพิ ร กฤดากร 2. เรือพยุหยาตราทางชลมารคมกี ารแกะสลักโขนเรอื เปน็ รูปอะไร ก. สตั วต์ า่ งๆ ข. ดอกไม้นานาพันธ์ุ ค.ครุฑ ง.ตน้ แพร้ว 3. สวุ รรณหงส์ทรงภู่หอ้ ย งามชดช้อยลอยหลงั สินธุ์ เพียงหงส์ทรงพรหมินทร์ ลินลาศเลือ่ นเตอื นตาชม บทความดงั กลา่ ว มกี ารเปรยี บเทยี บของส่ิงใด ก. เปรยี บเทียบเรือสวุ รรณหงส์กบั หงสพ์ าหนะของพระพรหม ข. เปรียบเทยี บเรอื สวุ รรณหงส์กบั ความงามของพระหรหม ค. เปรียบเทยี บหงส์ของพระพรหม์กับนางรา ง. เปรียบเทียบหงสก์ บั พระพรหม 4. “ไมเ่ ทียมทนั ” เปน็ คาเปรียบเทยี บทใี่ ห้ความรู้สกึ อย่างไร ก. เสมอตน ข. เจยี มตัว ค. มีคา่ สูงกวา่ ส่งิ อืน่ ๆ ง. น้อยเกนิ ไป 5. “เรือชายชมมิ่งไม้ รมิ ท่าไสวหลากหลายพรรณ เพลด็ ดอกออกแกมกนั ส่งกล่นิ เกลีย้ งเพยี งกลนิ่ สมร” บทความดังกลา่ ว คาใดเปน็ คาที่กวี ใช้แทน นางงามซึ่งเปน็ ทร่ี กั ก.มงิ่ ไม้ ข.ดอก ค.กลน่ิ เกลี้ยง ง.สมร 6. “มลิวันพนั จิกจวง ดอกเป็นพวงร่วงเรณู หอมมาน่าเอน็ ดู ชชู ่นื จิตคดิ วนดิ า” ข้อความที่ขดี เส้นใต้ เป็นการใชค้ าอย่างไร ก. การใชค้ าที่ก่อใหเ้ กิดภาพหรือความร้สู กึ ข. การเปรียบเทยี บสง่ิ หน่ึงเปน็ อกี สง่ิ หนง่ึ หรอื อุปลกั ษณ์ ค. การกลา่ วเกินจริง ง. การใชถ้ ้อยคาท่มี ีความหมายกว้างออกไป
7. “เรยี มทนทกุ ข์แตเ่ ช้า ถงึ เยน็ มาส่สู มคืนเขญ็ หม่นไหม้ ชายใดจากสมรเป็น ทุกขเ์ ทา่ เรียมเลย จกั ควู่ นั เดยี วได้ ทุกข์ปมิ้ ปานปี” ก. การใชค้ าท่กี อ่ ใหเ้ กดิ ภาพหรอื ความรสู้ ึก ข. การเปรียบเทยี บส่งิ หนง่ึ เปน็ อกี สงิ่ หนง่ึ หรืออุปลกั ษณ์ ค. การกลา่ วเกนิ จริง ง. การใชถ้ ้อยคาท่ีมีความหมายกว้างออกไป 8. สมเด็จฯกรมพระยาดารงราชานุภาพทรงสนั นิษฐานวา่ ลักษณะการเห่ของไทยน้ันแตเ่ ดิมมามอี ยู่ ๒ ประเภท ได้แก่ อะไรบา้ ง ก. เหเ่ นอื่ งในงานพระราชพิธี และ เหส่ าหรบั เรอื เทยี่ วเตรก่ ันในพื้นเมอื ง ข. เหเ่ น่ืองในงานพระราชพธิ ี และ เห่สาหรับงานรื่นเริง ค. เห่เนอ่ื งในโอกาสต้อนรับแขกบบ้านแขกเมือง และ เห่สาหรบั เรอื เทยี่ วเตร่กนั ในพน้ื เมอื ง ง. เห่เนื่องในโอกาสตอ้ นรบั แขกบบ้านแขกเมือง และ เหส่ าหรับงานรื่นเรงิ 9. บทเห่เรอื ของเจา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศรน้ีเป็นบทเห่เรอื ประเภทใด ก. เหเ่ นื่องในงานพระราชพิธี ข. เห่สาหรับงานรื่นเรงิ ค. เห่สาหรบั เรอื เท่ยี วเตร่กนั ในพ้นื เมอื ง ง. เห่เนือ่ งในโอกาสตอ้ นรบั แขกบบ้านแขกเมือง 10. “เหเ่ รือเล่น” เปน็ อกี ชอื่ หนึ่งของการเห่เรอื แบบใด ก. เหเ่ น่อื งในงานพระราชพิธี ข. เห่สาหรบั งานรน่ื เรงิ ค. เหส่ าหรบั เรือเทีย่ วเตร่กันในพน้ื เมือง ง. เหเ่ นือ่ งในโอกาสตอ้ นรับแขกบบ้านแขกเมอื ง 11. กาพยเ์ หเ่ รอื ใชร้ ูปแบบคาประพันธ์แบบใด ข. โคลงสี่สุภาพ และ กลอน ๔ ก. โคลงสี่สุภาพ และ กาพย์ยานี ๑๑ ง. รา่ ยยาว 1 บท และ โครงสีส่ ุภาพ ค. กาพยย์ านี ๑๑ และ กลอน ๔ 12. ดเุ หวา่ เจ่าจับรอ้ ง สน่นั ก้องซ้องเสยี งหวาน ไพเราะเพราะกงั วาน ปานเสียงนอ้ งร้องส่งั ชาย ข้อความทขี่ ีดเส้นใต้มีความหมายวา่ อย่างไร ก. เปน็ กรยิ าของนกดุเหว่าท่บี นิ ลอ่ ง แตป่ ากกร็ อ้ งดว้ ยเสียงไพเราะ ข. เป็นกรยิ าของนกดุเหวา่ ท่ีเกาะน่งิ ๆทีท่าซบเซา แตป่ ากกร็ ้องด้วยเสยี งไพเราะ ค. เป็นกรยิ าของนกดุเหวา่ ที่เกาะน่งิ ๆด้วยทีทา่ ครื้นเครง แตป่ ากกร็ อ้ งด้วยเสยี งไพเราะ ง. ไม่มขี ้อใดถกู ต้อง
13. การใช้ถอ้ ยคาของเจา้ ฟา้ ธรรมธเิ บศรขอ้ ใดไมถ่ ูกตอ้ ง เดยี วกนั หรือ ก. ทรงใชค้ าไทยง่ายๆ มคี วามหมายแจ่มแจง้ แสดงความรูสกึ และอารมณ์ได้ชัดเจน ข. ทรงใชค้ ากริยาที่แสดงกรยิ าเด่นชัด ค. ทรงสามารถใช้ถอ้ ยคาหลากหลาย สื่อความหมายไดอ้ ย่างชดั เจนในการบรรยายสง่ิ คลา้ ยคลงึ กนั ง. ทรงสามารถใส่สัมผสั ในทุกๆบทได้อย่างเป็นเลศิ 14. ข้อใดมีการพรรณนาต่างจากข้ออืน่ ก. เรอื ครุฑยดุ นาคหว้ิ ลว่ิ ลอยมาพาผนั ผยอง พลพายกรายพายทอง ร้องโห่เหโ่ อ้เหม่ า ข. เรือม้าหน้ามุ่งน้า แลน่ เฉอ่ื ยฉ่าลาระหง เพยี งมา้ อาชาทรง องคพ์ ระพายผายผนั ผยอง ค. สุวรรณหงส์ทรงพู่ห้อย งามชดช้อยลอยหลงั สนิ ธุ์ เพยี งหงส์ทรงพรหมนิ ทร์ ลินลาศเลื่อนเตอื นตาชม ง. พระเสด็จโดยแดนชล ทรงถอื ตน้ งามเฉดิ ฉาย ก่ิงแก้วแพร้วพรรณราย พายอ่อนหยบั จับงามงอน ให้ใชข้ ้อความตอ่ ไปนต้ี อบคาถามข้อ 15-17 (1) ประยงคท์ รงพวงห้วย ระย้าย้อยหอ้ ยพวงกรอง เหมือนอุบะนวลละออง เจ้าแขวนไวใ้ ห้เรียมชม บานเกล่อื นกลาดดาษดาไป (2) สาวหยุดพุทธชาด วางให้พขี่ ้างทีน่ อน นึกน้องกรองมาลยั (3) เต็งแต้วแก้วกาหลง บานบษุ บงสง่ กลิ่นอาย หอมอยู่ไม่รู้หาย คล้ายกลน่ิ ผา้ เจา้ ตาตรู (4) ลาดวนหวนหอมตรลบ กล่นิ อายอบสบนาสา นกึ ถวิลกล่ินบุหงา ราไปเจา้ เศรา้ ถงึ นาง 15. ขอ้ ใดแสดงถงึ ความสัมพนั ธอ์ ันลึกซ้งึ ระหว่างกวแี ละนางอันเปน็ ท่ีรกั ก. ขอ้ (1) ข. ขอ้ (2) ค.. ขอ้ (3) ง. ขอ้ (4) 16. ข้อใดแสดงประเภทของงานฝมี ือกุลสตรีไทยต่างจากข้ออ่ืน ก. ขอ้ (1) ข. ข้อ (2) ค.. ข้อ (3) ง. ขอ้ (4) 17. ข้อใดแสดงให้เห็นถึงการถา่ ยทอดวฒั นธรรมของสงั คมโลก ก. ขอ้ (1) ข. ขอ้ (2) ค.. ข้อ (3) ง. ขอ้ (4)
18 คาประพนั ธต์ อ่ ไปนใี้ ช้ภาพพจน์ตามขอ้ ใด “ฉนั มองคล่ืนรนื่ เรเ่ ขา้ เหฝ่ ั่ง พร่าฝากฝงั ภักดีไม่มีสอง มองดาวเฟีย้ มเยี่ยมพักตรล์ ักษณ์ลายอง จากคันฉอ่ งชลาลัยใสสะอาง ก. บคุ คลวตั และอุปลกั ษณ์ ข. สัญลักษณ์และอติพจน์ ค. บคุ คลวัตและสญั ลักษณ์ ง. อปุ ลักษณแ์ ละอติพจน์ 19. ขอ้ ใดใช้ภาพพจน์ ก. แขกเต้าเคลา้ ค่เู คียง เรยี งจับไม้ไซป้ ีกหาง เรยี มคะนึงถงึ เอวบาง เคยแนบขา้ งรา้ งแรมนอน ข. ปกั ษีมหี ลายพรรณ บ้างชมกนั ขนั เพรียกไพร ย่ิงฟงั วังเวงใจ ลว้ นหลายลากมากภาษา ค. ลมชวยรวยกลนิ่ น้อง หอมเร่อื ยต้องคลองนาสา เคลือบเคลน้ เหน็ คล้ายมา เหลียวหาเจา้ เปลา่ วงั เวง ง. พกิ ุลบุนนาคบาน กลิน่ หอมหวานซ่านขจร แมน้ นชุ สดุ สายสมร เหน็ จะวอนอ้อน ใชค้ าประพันธ์ต่อไปน้ี ตอบคาถามข้อ ๒๐-๒๑ นาวาแนน่ เปน็ ขนดั ลว้ นรูปสัตว์แสนยากร เรอื ริ้วทวิ ธงสลอน สาครลนั่ คล่ันครนื้ ฟอง เรอื ครฑุ ยดุ นาคห้วิ ลิ่วลอยมาพาผนั ผยอง พลพายกรายพายทอง รอ้ งโห่เห่โอเ้ ห่มา 20. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะเดน่ ของคาประพนั ธข์ ้างต้น ก. ภาพ ข. เสยี ง ค. แสงสี ง. อารมณ์ 21. ภาพสะท้อนในดา้ นใดไม่ไดป้ รากฏอย่ใู นคาประพนั ธข์ า้ งต้น ก. วัฒนธรรมพ้ืนบา้ น ข. ศลิ ปะ ค. ประเพณี ง. วรรณกรรม
เฉลย แบบฝกึ หัด ๑. ค ๒. ก ๓. ก ๔. ค ๕. ง ๖. ง ๗. ค ๘. ก ๙. ค ๑๐. ค ๑๑. ก ๑๒. ข ๑๓. ง ๑๔. ก ๑๕. ข ๑๖. ค ๑๗. ง ๑๘. ก ๑๙. ก ๒๐. ค ๒๑. ก
Search
Read the Text Version
- 1 - 5
Pages: