บทท่ี 1 บทนำ 1. ควำมเป็ นมำและควำมสำคญั ของปัญหำ เนื่องจากบา้ นในอดีตช่งึ เป็นบา้ นไม้ ปรากฏว่า พบปลวกจานวนมากกดั กินไมจ้ นไดร้ ับความเสียหายอยา่ งมาก ชาวบา้ นจึงตอ้ งหาซ้ือยามากาจดั ปลวกมาฉีดพน่ ประจา เมือ่ มีปลวกกท็ าใหส้ ิ่งของไดร้ ับความเสียหาย สิ้นเปลืองเงิน เเละสารเคมที ี่ใชฆ้ า่ ปลวกกเ็ ป็นอนั ตรายอีกดว้ ย จากความรู้เดมิ ทราบวา่ มีใบพืชชนิดที่ช่วยป้องกนั แมลงพวก มด และ ยงุ กห็ นา้ จะมพี ืชที่สามารถกาจดั ปลวกไดจ้ ึงคน้ ควา้ จากอนิ เตอร์เนต็ ทราบวา่ น้าค้นั จากใบสกั ใบข้เี หลก็ ใบนอ้ ยหน่า และใบเสลดพงั พอน สามารถนามากาจดั ปลวกได้ คณะผูจ้ ดั ทาโครงงาน จึงไดท้ าการทดลองนาใบพืชท้งั 4ชนิด มาโขลกกรองเอาน้ามากาจดั ปลวก ปรากฎ วา่ น้า จาก ใบข้ีเหลก็ กาจดั ปลวกไดด้ ที ส่ี ุด โดยฉีดพ่น หรือราดทตี่ วั ปลวก และเพอ่ื ป้องกนั ไม่ใหป้ ลวกรุ่นใหม่มาข้นึ อีก พวก เราไดท้ ดลองนาน้าจาก ใบข้ีเหลก็ มาผสมกบั แป้งดินพอง ใส่พิมพ์ ตากใหแ้ หง้ เวลาใชก้ ท็ ุบใหเ้ ป็นผง นาไปโรยบริเวณ ทเี่ คยมปี ลวกข้ึนปรากฎวา่ ในเวลาที่ทดลอง 4 สปั ดาห์ปลวกไมก่ ลบั มาข้นึ บริเวณทโ่ี รยแป้งอีก ย่อหน้ำแรก จะตอ้ งอภิปรายถึงความเป็นมา ปัญหา ขอ้ ดี ขอ้ เสีย หรือขอ้ โตแ้ ยง้ ของการทดลอง ท่ีไดท้ าการก่อนหนา้
2 ● ย่อหน้ำทีส่ อง จะตอ้ งอภิปรายถงึ ความสาคญั ขอ้ ดีของปัญหา รวมถึงแนวทางแกไ้ ขปัญหาใน กวา้ ง เรื่องที่เราสนใจจะดาเนินการทา ควรมเี อกสารหรือที่มาของปัญหาที่อา้ งอิงเพอ่ื สนบั สนุนหรือ แคบ โตแ้ ยง้ สิ่งที่ เราจะทาการทดลองน้นั ● ย่อหน้ำสุดท้ำย ตอ้ งอภิปรายสรุปเป้าหมายหรือเหตุผลท่ีจะทา เพอ่ื แกป้ ัญหาท่ีงานที่เราจะทา และตอ้ งท้ิงทา้ ยดว้ ยรูปแบบดงั น้ี คือ ดงั น้นั ผศู้ กึ ษาจึงมุ่งศกึ ษา .............................………………………….............................………... .............................................................เพ่อื .........................................................................ต่อไป รูปแบบกำรเขยี น ควำมเป็ นมำและควำมสำคญั ของปัญหำ ปัญหาวิจยั เขียนจากกวา้ งไปแคบ(ลึก) เขียนเรื่องทว่ั ๆ ไป เขียนเรื่องเฉพาะ สรุปช้ีใหเ้ ห็นปัญหา ท่ีศกึ ษาเพอื่ แกป้ ัญหา กอบแกว้ ตะนะพนั ธุ.์ 2557(กนั ยายน, 26). “หลกั กำรเขยี น ควำมเป็ นมำ และควำมสำคญั ของ ปัญหำ | Kobkaew ....” [ออนไลน์]. ท่ีมา : http://kobkaewtk.wordpress.com/ 2. วตั ถุประสงค์ 1.เพ่ือเปรียบเทียบการกาจดั ปลวกดว้ ยน้าค้นั ใบสกั ใบนอ้ ยหน่า ใบข้ีเหลก็ และใบเสลดพงั พอน
3 2. เพือ่ นาสมุนไพรท่ีมีสมบตั ิกาจดั ปลวกไดด้ ีมาทาแป้งป้องกนั การทารัง ของปลวก 3.เพอื่ กาจดั และป้องกนั ปลวกดว้ ยสมุนไพรในทอ้ งถิ่น 4.เพือ่ ใชท้ กั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ มาทาสารกาจดั ปลวก อยา่ ง ปลอดภยั และประหยดั คา่ ใชจ้ ่าย หมายถึงแนวทางหรือทิศทางในการคน้ หาคาตอบ เป็นเร่ืองที่ตอ้ งการทา - เป็นการกาหนดว่าตอ้ งการศกึ ษาในประเด็นใดบา้ งในเรื่องที่จะศึกษาคน้ ควา้ โดยบ่ง บอกส่ิงที่จะทา ท้งั ขอบเขต และคาตอบที่คาดวา่ จะไดร้ ับ - เป็นการนาเอาความคดิ ของประเดน็ ปัญหามาขยาย รายละเอียด โดยใชภ้ าษาที่ชดั เจน เขา้ ใจง่าย เขียนเป็นขอ้ หรือเขียนรวมเป็นขอ้ เดียวกนั - อยา่ นาประโยชน์ท่ีคาดวา่ จะไดร้ ับมาเขียนเพราะประโยชนท์ ่ีคาดวา่ จะไดร้ ับเป็นผลที่ คาดว่าจะเกิดข้ึนหลงั จากสิ้นสุดการศึกษาคน้ ควา้ แนวกำรเขียนวตั ถุประสงค์ของกำรศึกษำค้นคว้ำ 1.วตั ถุประสงคเ์ ขียนในรูปเป้าหมายการศกึ ษาคน้ ควา้ ไมใ่ ช่วธิ ีการ 2.วตั ถปุ ระสงคส์ อดคลอ้ งกบั ช่ือเรื่อง 3.วตั ถปุ ระสงคช์ ดั เจน ไมก่ ากวม
4 4. ใหใ้ ชค้ าวา่ “เพือ่ ” คำทใ่ี ช้สำหรบั กำรเขยี นวตั ถุประสงค์ เช่น เพอื่ ศึกษา เพอื่ สารวจ เพือ่ คน้ หา เพื่อบรรยาย เพ่ืออธิบาย เพ่ือพฒั นา เพือ่ เปรียบเทียบ ...กบั ... เพ่ือพสิ ูจน์ เพื่อแสดงใหเ้ ห็น เพ่ือศึกษาความสมั พนั ธ์ เพือ่ ประเมิน เพ่ือสงั เคราะห์ เพื่อ เปรียบเทียบ....กบั ........ เพอ่ื ศึกษาอทิ ธิพลของ......ที่มีต่อ.. เพ่ือศกึ ษาอิทธิพลของ...ท่ีมีต่อ... เพ่ือวเิ คราะห์ปัจจยั ที่มี / ส่งผล/อิทธิพล/ผลกระทบ... 3. สมมุตฐิ ำน (ถา้ มี) -น้าท่ีค้นั จากใบข้เี หลก็ สามารถกาจดั ปลวกไดด้ ีกวา่ น้าทค่ี ้นั จากใบสัก ใบนอ้ ยหน่า และใบเสลดพงั พอน -แป้งดินสอพองทีผ่ สมดว้ ยน้าค้นั จากใบข้เี หล็กป้องกนั ปลวกได้ 4. ขอบเขตของกำรศึกษำ 4.1 ประชำกรทีใ่ ช้ในกำรศกึ ษำ ประชากร หมายถงึ สมาชิกทกุ หน่วยของสิ่งท่ีสนใจศกึ ษา ซ่ึงไม่ไดห้ มายถงึ คนเพียง อยา่ งเดียว ประชากรอาจจะเป็นสิ่งของ เวลา สถานที่ ฯลฯ เช่น ถา้ สนใจความคิดเห็นของคน ไทยที่มตี ่อการเลือกต้งั ประชากร คือ คนไทยทุกคน หรือถา้ สนใจอายกุ ารใชง้ านของเคร่ือง คอมพิวเตอร์ยห่ี อ้ หน่ึง ประชากรคือเคร่ืองคอมพิวเตอร์ยห่ี อ้ น้นั ทุกเครื่อง แต่การเก็บขอ้ มลู กบั ประชากรทุกหน่วยอาจทาใหเ้ สียเวลาและค่าใชจ้ ่ายท่ีสูงมากและบางคร้ังเป็นเรื่องที่ตอ้ ง
5 ตดั สินใจภายในเวลาจากดั การเลอื กศกึ ษาเฉพาะบางส่วนของประชากรจึงเป็นเร่ืองท่ีมีความ จาเป็น เรียกวา่ “กล่มุ ตวั อยา่ ง” ประเภทของประชำกร จาแนกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ 1. ประชำกรที่มจี ำนวนจำกดั เป็นประชากรที่สามารถนบั จานวนได้ เช่น จานวน นกั ศกึ ษา จานวนนกั เรียน ฯลฯ 2. ประชำกรทม่ี จี ำนวนไม่จำกดั เช่น จานวนเมด็ ทราย ดวงดาวบนทอ้ งฟ้า ฯลฯ รูปแบบกำรเขยี นประชำกรทใ่ี ช้ในกำรศกึ ษำ ประชากรที่ใชใ้ นการศกึ ษาคร้ังน้ี ไดแ้ ก่ นกั เรียนช้นั ..........................โรงเรียน ............................... จานวน ....................หอ้ งเรียน เป็นนกั เรียนท้งั สิ้น .............คน 4.2 กล่มุ ตวั อย่ำงทใ่ี ช้ในกำรศกึ ษำ กลุ่มตวั อยา่ ง หมายถึง ส่วนหน่ึงของประชากรท่ีนามาศกึ ษาซ่ึงเป็นตวั แทนของ ประชากร การทก่ี ลุม่ ตวั อยา่ งจะเป็นตวั แทนทีด่ ีของประชากรเพือ่ การอา้ งองิ ไปยงั ประชากร อยา่ งน่าเช่ือถือไดน้ ้นั จะตอ้ งมกี ารเลอื กตวั อยา่ งและขนาดตวั อยา่ งท่ีเหมาะสม ซ่ึงจะตอ้ งอาศยั สถติ ิเขา้ มาช่วยในการสุ่มตวั อยา่ งและการกาหนดขนาดของกล่มุ ตวั อยา่ ง ประเภทของกำรสุ่มตวั อย่ำง การสุ่มตวั อยา่ งมหี ลายวธิ ี แต่ครูแนะนาการสุ่มตวั อยา่ งสาหรับนกั เรียน คือ 1. กำรสุ่มตวั อย่ำงแบบง่ำย นิยมใชก้ นั 2 วธิ ีคือ 1.1 การจบั ฉลาก 1.2 การใชต้ ารางเลขสุ่ม 1.2.1 การจบั ฉลาก ใชก้ บั ประชากรขนาดเลก็ มขี ้นั ตอนคือ
6 (1) เขียนบญั ชีรายช่ือ โดยรวบรวมทุกๆหน่วยของประชากรและให้ หมายเลขกากบั เช่น รายช่ือเจา้ หนา้ ท่ีทุกคนในแผนก รายชือ่ นกั เรียน ทุกคนในช้นั เรียน (2) ทาฉลากหมายเลขเท่ากบั ประชากรเป้าหมายท่ีอยใู่ นบญั ชีรายช่ือ (3) นาฉลากมาเคลา้ ปนกนั ใหท้ วั่ (4) จบั ฉลากข้ึนมาคร้ังละ 1 ใบใหค้ รบจานวนตวั อยา่ งท่ตี อ้ งการ 1.2.2 การใชต้ ารางเลขสุ่ม นิยมใชก้ บั ประชากรขนาดใหญ่ท่ีมีบญั ชีรายช่ือ ทุกหน่วยยอ่ ยของประชากรไวแ้ ลว้ โดยปกติตารางเลขสุ่มน้ีสร้างข้ึนจากการ สุ่มโดยเคร่ืองคอมพิวเตอร์ มขี ้นั ตอนดงั น้ี (1) กาหนดขนาดตวั อยา่ งท่ีตอ้ งการสุ่ม (2) กาหนดจานวนหลกั ตวั เลขที่ตอ้ งการสุ่ม (3) กาหนดทิศทางการอ่านใหแ้ น่ใจวา่ จะอา่ นจากขวาไปซา้ ย หรือบนมาล่าง (4) หาเลขเริ่มตน้ โดยการสุ่มเช่นสุ่มตวั เลขโดยกาหนดในใจว่า จะเลือกตวั เลขใด (5) เรียกเลขสุ่มจนครบตามจานวนตวั อยา่ งจึงหยดุ 2. กำรสุ่มตวั อย่ำงแบบเป็ นระบบ เป็นการสุ่มตวั อยา่ งจากหน่วยยอ่ ยของประชากรท่ีมี ลกั ษณะใกลเ้ คียงกนั มีข้นั ตอนการสุ่มดงั น้ี 2.1 สุ่มหน่วยเร่ิมตน้ 2.2 คานวณระยะห่างของหน่วยต่อไป ระยะห่างระหว่างหมายเลข (������) = ������ จานวนประชากรทั้งหมด (800 คน) = 10 ������ = จานวนกล่มุ ตัวอย่าง (80 คน) 2.3 นบั ระยะห่างเท่าๆ กนั เช่น 10 , 20 , 30 ... 2.4 กาหนดหมายเลขตวั อยา่ งดงั น้ี
7 เลขเร่ิมตน้ 10 ตวั อยา่ งเช่น มปี ระชากร 800 คน ตอ้ งการตวั อยา่ ง 80 คน 2.5 สุ่มเลขเร่ิมตน้ หรือจบั สลากกไ็ ดใ้ น 800 คน สมมตุ ิไดเ้ ลข 5 ดงั น้นั จึงสุ่มทกุ ๆ 10 คน สุ่มจนไดค้ รบจานวนกลุม่ ตวั อยา่ ง รูปแบบกำรเขยี นกล่มุ ตวั อย่ำงท่ใี ช้ในกำรศึกษำ กลุ่มตวั อยา่ งท่ีใชใ้ นการศกึ ษาคร้ังน้ีเป็นนกั เรียน(ท่ี...)ระดบั ช้นั ...................................... โรงเรียน....................................... ปี การศกึ ษา 25... จานวน.............คน (นคร เสรีรักษ์และภรณี ดรี ำษฎร์วเิ ศษ , 2555 อ้ำงถงึ ใน กอบแก้ว ตะนะพนั ธ์ุ , 2557.) 4.3 เนื้อหำทใี่ ช้ในกำรศึกษำ เน้ือหาที่ใชใ้ นการศึกษาเป็นเน้ือหาที่เลอื กจากปัญหาท่ีพบในโรงเรียนหรือเรื่องที่นกั เรียนสนใจ คือ .......................(ระบุเร่ืองท่ีนกั เรียนสนใจ ต้งั ชื่อเรื่อง)......................... 4.4 ระยะเวลำ ระยะเวลาที่ใชใ้ นการศกึ ษาคร้ังน้ี ดาเนินการในปี การศึกษา 25... 5. ประโยชน์ทีค่ ำดว่ำจะได้รับ เป็นความสาคญั ของการศกึ ษาที่ผศู้ กึ ษาพิจารณาว่าการศกึ ษาเร่ืองน้นั ทาใหท้ ราบผลการศึกษา เรื่องสมุนไพรกาจดั ปลวก และผลการศกึ ษาน้นั มีประโยชนต์ ่อผทู้ ี่ใชก้ าจดั ปลวกตามบา้ นเรือน หรือท่ี
8 ต่างๆ เช่น การระบุประโยชนท์ ่ีเกิดจากการนาผลการศึกษาไปใช้ ไมว่ ่าจะเป็นการเพมิ่ พูนความรู้ หรือ นาไปเป็นแนวทางในการปฏิบตั ิ หรือแกป้ ัญหา หรือพฒั นาคุณภาพ หลกั ในการเขียนมดี งั น้ี 1. ระบุประโยชน์ที่อาจเกิดจากผลที่ไดจ้ ากการศกึ ษา 2. สอดคลอ้ งกบั วตั ถปุ ระสงคแ์ ละอยใู่ นขอบเขตของการศึกษาที่ไดศ้ ึกษา 3. ในกรณีที่ระบุประโยชน์มากกว่า 1 ประการ ควรระบุเป็นขอ้ 4. เขียนดว้ ยขอ้ ความส้นั กะทดั รดั ชดั เจน 5. การระบุน้นั ผศู้ กึ ษาตอ้ งตระหนกั ว่ามคี วามเป็นไปได้ การศกึ ษาคน้ ควา้ ทุกเร่ือง ผศู้ กึ ษาวา่ ผลการศกึ ษาจะก่อใหเ้ กิดประโยชน์อยา่ งไร ประโยชนข์ อง การศึกษามีไดห้ ลายลกั ษณะ เช่น การนาผลการศกึ ษาไปใชใ้ นการกาหนดนโยบาย ปรับปรุงการ ปฏบิ ตั ิงาน ใชเ้ ป็นแนวทางการตดั สินใจ การแกป้ ัญหา หรือศึกษาคน้ ควา้ ต่อไป คำทีใ่ ช้สำหรบั กำรเขียนประโยชน์ที่คำดว่ำจะได้รับ เช่น 1. เพือ่ เป็นแนวทางในการพฒั นา.......................................... 2. ไดท้ ราบถงึ สาเหตุ( ทศั นคติ ) ของนกั เรียน.............................ที่ม.ี ......... 3. เป็นแนวทางในการ...........................................( เช่น ศกึ ษาปัญหาต่างๆ ท่ีมี ในโรงเรียน) 4. นกั เรียนมคี วามพงึ พอใจต่อ...................... 5. ผลการศกึ ษาที่พบ ช่วยใหเ้ กิด(องคค์ วามรู้ใหม่ วิธีการใหม่ แนวทางใหม่ การจดั การเรียนรู้ ใหม่) ใน........ (นภิ ำ ศรีไพโรจน์ , 2556 อ้ำงถงึ ใน กอบแก้ว ตะนะพนั ธ์ุ , 2557.)
9 บทท่ี 2 เอกสารและงานวิจยั ทีเ่ กย่ี วขอ้ ง (เกรน่ิ นำ) กำรศึกษำในครง้ั นี้ ผ้ศู ึกษำไดศ้ ึกษำเอกสำรและงำนวิจัยทเ่ี กยี่ วข้อง โดยแบง่ เนอ้ื หำของ เอกสำรและงำนวจิ ยั ออกเป็นหัวขอ้ ต่ำงๆ ดงั นี้ 1. ควำมหมำยของ... ( ตวั แปรทีศ่ ึกษำ : ถ้ำมมี ำกกว่ำ 1 ให้แยกขอ้ ) 2. แนวคิด/ทฤษฎีในเรอ่ื ง... ( ตัวแปรทีศ่ กึ ษำ : ถ้ำมีมำกกวำ่ 1 ใหแ้ ยกข้อ) 3. ควำมสำคัญของ... ( ตัวแปรที่ศึกษำ : ถ้ำมมี ำกกวำ่ 1 ให้แยกข้อ) 4. องค์ประกอบของ... ( ตวั แปรท่ศี ึกษำ : ถ้ำมมี ำกกวำ่ 1 ใหแ้ ยกข้อ) 5. งำนวิจยั ท่เี ก่ียวขอ้ ง 5.1 งำนวิจัยในประเทศ 5.2 งำนวิจยั ตำ่ งประเทศ นำมำจำก ••ตำรำ••บทควำมทำงวชิ ำกำร••ส่ิงพมิ พต์ ่ำง ๆ
10
Search
Read the Text Version
- 1 - 10
Pages: