Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ใบความรู้ หน่วยที่ 1 เรื่อง ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

ใบความรู้ หน่วยที่ 1 เรื่อง ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

Published by wilainoot_kusalakara, 2018-05-03 00:53:27

Description: ใบความรู้ หน่วยที่ 1 เรื่อง ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

Search

Read the Text Version

แผนการเรียนรู้ ๒๕๖๑หน่วยที่ 1 : ความรู้ทว่ั ไปเก่ียวกบั คอมพิวเตอร์ ครูวิไลนุช กศุ ลากร สาขาวชิ าคอมพวิ เตอร์ธุรกจิ วทิ ยาลยั อาชีวศึกษาขอนแกน่ 03/05/61

เทคโนโลยีสารสนเทศ 1บทที่ 1 : ระบบคอมพวิ เตอร์คอมพิวเตอร์เขา้ มามีบทบาทท่ีสาคญั ย่ิงต่อสงั คมของมนุษยเ์ ราในปัจจุบนั แทบทุกวงการลว้ นนาคอมพิวเตอร์เขา้ ไปเก่ียวขอ้ งกบั การใชง้ าน จนกลา่ วไดว้ า่ คอมพิวเตอร์เป็นปัจจยั ที่สาคญั อยา่ งยิ่งต่อการดาเนินชีวติและการทางานในชีวติ ประจาวนั ฉะน้นั การเรียนรู้เพื่อทาความรู้จกั กบั คอมพิวเตอร์จึงถือเป็นส่ิงที่มีความจาเป็นเป็นอยา่ งย่งิ เพ่ือที่จะทราบวา่ คอมพิวเตอร์คืออะไร ทางานอยา่ งไร และมีความสาคญั ต่อมนุษยอ์ ยา่ งไร เราจึงควรทาการศึกษาในหวั ขอ้ ต่อไปน้ี1.1 ความหมายและลกั ษณะการทางานของคอมพวิ เตอร์ 1.1.1 ความหมายของคอมพวิ เตอร์ คอมพิวเตอร์มาจากภาษาละตินวา่ Computare ซ่ึงหมายถึง การนบั หรือ การคานวณพจนานุกรม ฉบบัราชบณั ฑิตยสถานพ.ศ.2525 ใหค้ วามหมายของคอมพิวเตอร์ไวว้ า่ \"เคร่ืองอิเลก็ ทรอนิกส์ แบบอตั โนมตั ิ ทาหนา้ ท่ีเหมือนสมองกล ใชส้ าหรับแกป้ ัญหาต่างๆ ท่ีง่ายและซบั ซอ้ นโดยวิธีทางคณิตศาสตร์ \" คอมพิวเตอร์จึงเป็นเคร่ืองจกั รอิเลก็ ทรอนิกส์ที่ถกู สร้างข้ึนเพ่ือใชท้ างานแทนมนุษย์ ในดา้ นการคิดคานวณและสามารถจาขอ้ มลู ท้งั ตวั เลขและตวั อกั ษรไดเ้ พ่ือการเรียกใชง้ านในคร้ังต่อไป นอกจากน้ี ยงั สามารถจดั การกบั สญั ลกั ษณ์ไดด้ ว้ ยความเร็วสูง โดยปฏิบตั ิตามข้นั ตอนของโปรแกรม คอมพิวเตอร์ยงั มีความสามารถในดา้ นต่างๆ อีกมาก อาทิเช่น การเปรียบเทียบทางตรรกศาสตร์ การรับส่งขอ้ มลู การจดั เกบ็ ขอ้ มลู ในตวั เครื่องและสามารถประมวลผลจากขอ้ มลู ต่างๆ ได้ 1.1.2 ลกั ษณะการทางานของคอมพวิ เตอร์ คอมพิวเตอร์ไม่วา่ จะเป็นประเภทใดกต็ าม จะมีลกั ษณะการทางานของส่วนต่างๆ ที่มีความสัมพนั ธ์กนัเป็นกระบวนการ โดยมีองคป์ ระกอบพ้ืนฐานหลกั คือ Input Process และ output ซ่ึงมีข้นั ตอนการทางานดงั ภาพ ภาพท่ี 1 ข้นั ตอนการทางานของคอมพิวเตอร์ ข้ันตอนที่ 1 : รับข้อมลู เข้า (Input) เร่ิมตน้ ดว้ ยการนาขอ้ มูลเขา้ เครื่องคอมพิวเตอร์ ซ่ึงสามารถผา่ นทางอุปกรณ์ชนิดต่างๆ แลว้ แต่ชนิดของขอ้ มลู ที่จะป้ อนเขา้ ไป เช่น ถา้ เป็นการพิมพข์ อ้ มลู จะใชแ้ ผงแป้ นพิมพ์ (Keyboard) เพื่อพิมพข์ อ้ ความหรือโปรแกรมเขา้ เครื่อง ถา้ เป็นการเขียนภาพจะใชเ้ ครื่องอา่ นพิกดั ภาพกราฟิ ก (Graphics Tablet) โดยมีปากกาชนิด

ระบบคอมพิวเตอร์ 2พิเศษสาหรับเขียนภาพ หรือถา้ เป็นการเล่นเกมกจ็ ะมีกา้ นควบคุม (Joystick) สาหรับเคล่ือนตาแหน่งของการเลน่บนจอภาพ เป็นตน้ ข้ันตอนท่ี 2 : ประมวลผลข้อมูล (Process เมื่อนาขอ้ มลู เขา้ มาแลว้ เคร่ืองจะดาเนินการกบั ขอ้ มูลตามคาสงั่ ท่ีไดร้ ับมาเพื่อใหไ้ ดผ้ ลลพั ธ์ตามที่ตอ้ งการการประมวลผลอาจจะมีไดห้ ลายอยา่ ง เช่น นาขอ้ มลู มาหาผลรวม นาขอ้ มลู มาจดั กล่มุ นาขอ้ มลู มาหาค่ามากท่ีสุดหรือนอ้ ยที่สุด เป็นตน้ ข้นั ตอนท่ี 3 : แสดงผลลพั ธ์ (Output) เป็นการนาผลลพั ธ์จากการประมวลผลมาแสดงใหท้ ราบทางอุปกรณ์ที่กาหนดไว้ โดยทว่ั ไปจะแสดงผา่ นทางจอภาพ หรือเรียกกนั โดยทว่ั ไปวา่ \"จอมอนิเตอร์\" (Monitor) หรือจะพิมพข์ อ้ มลู ออกทางกระดาษโดยใชเ้ คร่ืองพิมพก์ ไ็ ด้1.1.3 ลกั ษณะเด่นของคอมพวิ เตอร์เครื่องคอมพิวเตอร์ถูกสร้างข้ึนมาเพ่ือใหม้ ีจุดเด่น 4 ประการ เพ่ือทดแทนขอ้ จากดั ของมนุษย์เรียกวา่ 4 S special ดงั น้ี1. หน่วยเกบ็ (Storage) หมายถึง ความสามารถในการเกบ็ ขอ้ มลู จานวนมากและเป็น เวลานาน นบั เป็นจุดเด่นทางโครงสร้างและเป็นหวั ใจของการทางานแบบอตั โนมตั ิของเครื่องคอมพิวเตอร์ ท้งั เป็นตวั บ่งช้ีประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องดว้ ย2. ความเร็ว (Speed) หมายถึง ความสามารถในการประมวลผลขอ้ มลู (Processing Speed) โดยใชเ้ วลานอ้ ย เป็นจุดเด่นทางโครงสร้างท่ีผใู้ ชท้ วั่ ไปมีส่วนเก่ียวขอ้ งนอ้ ยท่ีสุด เป็นตวั บ่งช้ีประสิทธิภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์ท่ีสาคญั ส่วนหน่ึงเช่นกนั3. ความเป็ นอตั โนมตั ิ (Self Acting) หมายถึง ความสามารถในการประมวลผลขอ้ มลู ตามลาดบัข้นั ตอนไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและต่อเน่ืองอยา่ งอตั โนมตั ิ โดยมนุษยม์ ีส่วนเก่ียวขอ้ งเฉพาะในข้นั ตอนการกาหนดโปรแกรมคาสงั่ และขอ้ มูลก่อนการประมวลผลเท่าน้นั4. ความน่าเช่ือถอื (Sure) หมายถึง ความสามารถในการประมวลผลใหเ้ กิดผลลพั ธท์ ี่ถูกตอ้ ง ความน่าเช่ือถือนบั เป็นสิ่งสาคญั ที่สุดในการทางานของเครื่องคอมพิวเตอร์ ความสามารถน้ีเก่ียวขอ้ งกบั โปรแกรมคาสงั่และขอ้ มลู ท่ีมนุษยก์ าหนดใหก้ บั เครื่องคอมพิวเตอร์โดยตรง กลา่ วคือ หากมนุษยป์ ้ อนขอ้ มลู ท่ีไม่ถกู ตอ้ งใหก้ บัเครื่องคอมพิวเตอร์กย็ อ่ มไดผ้ ลลพั ธท์ ี่ไมถ่ ูกตอ้ งดว้ ยเช่นกนั1.1.4 ประโยชน์ของคอมพวิ เตอร์จากการที่คอมพิวเตอร์มีลกั ษณะเด่นหลายประการ ทาใหถ้ กู นามาใชป้ ระโยชนต์ ่อการดาเนินชีวติ ประจาวนั ในสังคมเป็นอยา่ งมาก ท่ีพบเห็นไดบ้ ่อยที่สุดกค็ ือ การใชใ้ นการพิมพเ์ อกสารต่างๆ เช่น พิมพ์จดหมาย รายงาน เอกสารต่างๆ ซ่ึงเรียกวา่ งานประมวลผล ( word processing ) นอกจากน้ียงั มีการประยกุ ตใ์ ช้คอมพิวเตอร์ในดา้ นต่างๆ อีกหลายดา้ น ดงั ต่อไปน้ี1. งานธุรกิจ เช่น บริษทั ร้านคา้ หา้ งสรรพสินคา้ ตลอดจนโรงงานต่างๆ ใชค้ อมพิวเตอร์ในการทาบญั ชี งานประมวลคา และติดต่อกบั หน่วยงานภายนอกผา่ นระบบโทรคมนาคม นอกจากน้ีงานอตุ สาหกรรม ส่วนใหญ่กใ็ ชค้ อมพิวเตอร์มาช่วยในการควบคุมการผลิต และการประกอบชิ้นส่วนของอุปกรณ์ต่างๆ เช่น โรงงาน

เทคโนโลยีสารสนเทศ 3ประกอบรถยนต์ ซ่ึงทาใหก้ ารผลิตมีคุณภาพดีข้ึนบริษทั ยงั สามารถรับ หรืองานธนาคาร ที่ใหบ้ ริการถอนเงินผา่ นตู้ฝากถอนเงินอตั โนมตั ิ ( ATM ) และใชค้ อมพิวเตอร์คิดดอกเบ้ียใหก้ บั ผฝู้ ากเงิน และการโอนเงินระหวา่ งบญั ชีเชื่อมโยงกนั เป็นระบบเครือข่าย 2. งานวิทยาศาสตร์ การแพทย์ และงานสาธารณสุข สามารถนาคอมพิวเตอร์มาใชใ้ นนามาใชใ้ นส่วนของการคานวณท่ีค่อนขา้ งซบั ซอ้ น เช่น งานศึกษาโมเลกุลสารเคมี วิถีการโคจรของการส่งจรวดไปสู่อวกาศ หรืองานทะเบียน การเงิน สถิติ และเป็นอุปกรณ์สาหรับการตรวจรักษาโรคได้ ซ่ึงจะใหผ้ ลท่ีแมน่ ยากวา่ การตรวจดว้ ยวธิ ีเคมีแบบเดิม และใหก้ ารรักษาไดร้ วดเร็วข้ึน 3. งานคมนาคมและสื่อสาร ในส่วนท่ีเกี่ยวกบั การเดินทาง จะใชค้ อมพิวเตอร์ในการจองวนั เวลา ที่นง่ัซ่ึงมีการเชื่อมโยงไปยงั ทุกสถานีหรือทุกสายการบินได้ ทาใหส้ ะดวกต่อผเู้ ดินทางที่ไม่ตอ้ งเสียเวลารอ อีกท้งั ยงั ใช้ในการควบคุมระบบการจราจร เช่น ไฟสญั ญาณจราจร และ การจราจรทางอากาศ หรือในการสื่อสารกใ็ ชค้ วบคุมวงโคจรของดาวเทียมเพื่อใหอ้ ยใู่ นวงโคจร ซ่ึงจะช่วยส่งผลต่อการส่งสญั ญาณใหร้ ะบบการส่ือสารมีความชดั เจน 4. งานวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม สถาปนิกและวศิ วกรสามารถใชค้ อมพิวเตอร์ในการออกแบบหรือ จาลองสภาวการณ์ ต่างๆ เช่น การรับแรงสนั่ สะเทือนของอาคารเม่ือเกิดแผน่ ดินไหว โดยคอมพิวเตอร์จะคานวณและแสดงภาพสถานการณ์ใกลเ้ คียงความจริง รวมท้งั การใชค้ วบคุมและติดตามความกา้ วหนา้ ของโครงการต่างๆ เช่น คนงาน เครื่องมือ ผลการทางาน 5. งานราชการ เป็นหน่วยงานท่ีมีการใชค้ อมพิวเตอร์มากท่ีสุด โดยมีการใชห้ ลายรูปแบบ ท้งั น้ีข้ึนอยู่กบั บทบาทและหนา้ ที่ของหน่วยงานน้นั ๆ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ มีการใชร้ ะบบประชุมทางไกลผา่ นคอมพิวเตอร์ , กระทรวงวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไดจ้ ดั ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพ่ือเชื่อมโยงไปยงั สถาบนัต่างๆ , กรมสรรพากร ใชจ้ ดั ในการจดั เกบ็ ภาษี บนั ทึกการเสียภาษี เป็นตน้ 6. การศึกษา ไดแ้ ก่ การใชค้ อมพิวเตอร์ทางดา้ นการเรียนการสอน ซ่ึงมีการนาคอมพิวเตอร์มาช่วยการสอนในลกั ษณะบทเรียน CAI หรืองานดา้ นทะเบียน ซ่ึงทาใหส้ ะดวกต่อการคน้ หาขอ้ มลู นกั เรียน การเกบ็ ขอ้ มลู ยืมและการส่งคืนหนงั สือหอ้ งสมุด1.2 ประวตั คิ วามเป็ นมาและยุคของคอมพวิ เตอร์ พฒั นาการทางดา้ นเทคโนโลยใี นช่วง 100 ปี ท่ีผา่ นมาไดพ้ ฒั นาไปอยา่ งรวดเร็ว โดยเฉพาะอยา่ งย่งิเทคโนโลยที างดา้ น คอมพิวเตอร์ เมื่อ 50 ปี ท่ีแลว้ มา มีคอมพิวเตอร์ข้ึนใชง้ าน ต่อมาเกิดระบบสื่อสารโทรคมนาคมสมยั ใหม่เกิดข้ึนมากมาย และมีแนวโนม้ การพฒั นาอยา่ งต่อเนื่อง เราสามารถแบ่งพฒั นาการคอมพิวเตอร์จากอดีตสู่ปัจจุบนั สามารถแบ่งเป็นยคุ ก่อนการใชไ้ ฟฟ้ าอิเลก็ ทรอนิคส์ และยคุ ที่เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้ าอิเลก็ ทรอนิคส์ 1.2.1 เคร่ืองคานวณในยุคประวตั ศิ าสตร์ ในยคุ เริ่มแรก ไดแ้ ก่ เคร่ืองจกั รกลหรือสิ่งประดิษฐข์ ้ึนเพื่อช่วยในการ คานวณ โดยท่ียงั ไมม่ ีการ นาวงจรอิเลก็ ทรอนิกส์ เขา้ มาใชป้ ระโยชนร์ ่วมดว้ ย ลาดบั เครื่องมือข้ึนมามีดงั น้ี  ในระยะ 5,000 ปี ที่ผา่ นมา มนุษยเ์ ริ่มรู้จกั การใชน้ ิ้วมือและนิ้วเทา้ ของตนเพ่ือช่วยในการคานวณและพฒั นา มาใชอ้ ปุ กรณ์อ่ืน ๆ เช่น ลกู หิน ใชเ้ ชือกร้อยลกู หินคลา้ ยลกู คิด

ระบบคอมพวิ เตอร์ 4 ต่อมาประมาณ 2,600 ปี ก่อนคริสตกาล ชาวจีนไดป้ ระดิษฐเ์ ครื่องมือเพื่อใชใ้ นการ คานวณข้ึนมาชนิดหน่ึง เรียกวา่ ลูกคิด ซ่ึงถือไดว้ า่ เป็นอปุ กรณ์ใชช้ ่วยการคานวณท่ีเก่าแก่ที่สุดในโลกและคงยงั ใชง้ านมาจนถึงปัจจุบนั เครื่องคานวณเครื่องแรกของโลก ไดแ้ ก่ ลกู คิด มีการใชล้ กู คิดในหมู่ ชาวจีนมากกวา่ 7000 ปี และใชใ้ นอียปิ ตโ์ บราณมากกวา่ 2500 ปี ลกู คิด ของชาวจีนประกอบดว้ ยลกู ปัดร้อยอยใู่ นราวเป็นแถวตามแนวต้งั โดย แต่ละแถวแบ่งเป็นคร่ึงบนและล่าง คร่ึงบนมีลกู ปัด 2 ลกู คร่ึงล่างมี ลกู ปัด 5 ลกู แต่ละแถวแทนหลกั ของตวั เลข  พ.ศ. 2158 นกั คณิตศาสตร์ชาวสกอ็ ตแลนดช์ ่ือ John Napier ไดป้ ระดิษฐอ์ ุปกรณ์ใช้ ช่วยการคานวณข้ึนมา เรียกวา่ Napier's Bones เป็นอปุ กรณ์ท่ีลกั ษณะคลา้ ยกบั ตารางสูตรคณู ในปัจจุบนั เคร่ืองมือชนิดน้ีช่วยให้ สามารถ ทาการคูณและหาร ไดง้ ่ายเหมือนกบั ทาการบวก หรือลบโดยตรง  พ.ศ. 2185 นกั คณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศสช่ือ Blaise Pascal ซ่ึงในขณะน้นั มีอายเุ พียง 19 ปี ได้ออกแบบ เครื่องมือในการคานวณโดย ใชห้ ลกั การหมุนของฟันเฟื องหน่ึงอนั ถกู หมุนครบ 1 รอบ ฟันเฟื องอีกอนั หน่ึงซ่ึงอยู่ ทางดา้ นซา้ ยจะถกู หมุนไปดว้ ยในเศษ 1 ส่วน 10 รอบ เคร่ืองมือของปาสคาลน้ีถกู เผยแพร่ออกสู่สาธารณะชน เม่ือ พ.ศ. 2188 แต่ไม่ประสบความสาเร็จเท่าที่ควรเนื่องจากราคาแพง และเม่ือใชง้ านจริงจะเกิดเหตุการณ์ท่ีฟันเฟื องติดขดั บ่อยๆ ทาใหผ้ ลลพั ธ์ท่ีไดไ้ มค่ ่อยถูกตอ้ งตรงความเป็นจริง  พ.ศ. 2373 Chales Babbage ถือกาเนิดท่ีประเทศองั กฤษ เม่ือ พ.ศ. 2334 จบการศึกษาทางดา้ นคณิตศาสตร์ จากมหาวิทยาลยั แคมบริดจ์ และไดร้ ับตาแหน่ง Lucasian Professor ซ่ึงเป็นตาแหน่งท่ี Isaac Newtonเคยไดร้ ับมาก่อน ในขณะท่ีกาลงั ศึกษาอยนู่ ้นั Babbage ไดส้ ร้างเครื่อง หาผลต่าง (Difference Engine) ซ่ึงเป็นเคร่ืองท่ีใชค้ านวณ และพิมพต์ ารางทางคณิตศาสตร์อยา่ งอตั โนมตั ิ จนกระทง่ั ปี พ.ศ. 2373 เขาไดร้ ับความช่วยเหลือจากรัฐบาลองั กฤษเพ่ือสร้างเครื่อง Difference Engine ข้ึนมาจริงๆ แต่ในขณะที่ Babbage ทาการสร้างเครื่อง Difference Engineอยนู่ ้นั ไดพ้ ฒั นาความคิดไปถึง เครื่องมือในการคานวณท่ีมีความสามารถสูงกวา่ น้ี ซ่ึงกค็ ือเคร่ืองที่เรียกวา่ เคร่ืองวิเคราะห์(Analytical Engine) และไดย้ กเลิกโครงการสร้างเครื่อง DifferenceEngine ลงแลว้ เริ่มตน้ งานใหม่ คือ งานสร้างเครื่องวิเคราะห์ ในความคิดของเขา โดยที่เครื่องดงั กล่าวประกอบไปดว้ ยชิ้นส่วนที่สาคญั4 ส่วน คือ 1. ส่วนเกบ็ ขอ้ มลู เป็นส่วนท่ีใชใ้ นการเกบ็ ขอ้ มลู นาเขา้ และ ผลลพั ธ์ที่ไดจ้ ากการคานวณ 2. ส่วนประมวลผล เป็นส่วนท่ีใชใ้ นการประมวลผลทางคณิตศาสตร์ 3. ส่วนควบคุม เป็นส่วนที่ใชใ้ นการเคล่ือนยา้ ยขอ้ มลู ระหวา่ งส่วนเกบ็ ขอ้ มลู และส่วนประมวลผล 4. ส่วนรับขอ้ มูลเขา้ และแสดงผลลพั ธ์ เป็นส่วนที่ใชร้ ับทราบขอ้ มลู จากภายนอกเครื่องเขา้ สู่ส่วนเกบ็ และ แสดงผลลพั ธ์ท่ีไดจ้ ากการคานวณใหผ้ ใู้ ชไ้ ดร้ ับทราบ

เทคโนโลยีสารสนเทศ 5 เป็นที่น่าสงั เกตวา่ ส่วนประกอบต่างๆ ของเครื่อง Analytical Engine มีลกั ษณะใกลเ้ คียงกบั ส่วนประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ ในปัจจุบนั แต่น่าเสียดายท่ีเครื่อง Analytical Engine ของ Babbage น้นั ไม่สามารถ สร้างให้สาเร็จข้ึนมาได้ ท้งั น้ีเน่ืองจากเทคโนโลยี สมยั น้นั ไมส่ ามารถสร้างส่วนประกอบต่างๆ ดงั กล่าว และอีกประการหน่ึงกค็ ือ สมยั น้นั ไม่มีความจาเป็น ตอ้ งใชเ้ ครื่องที่มีความสามารถสูงขนาดน้นั ดงั น้นั รัฐบาล องั กฤษจึงหยดุ ใหค้ วามสนบั สนุนโครงการของ Babbage ในปี พ.ศ. 2385 ทาใหไ้ ม่มีทุนที่จะทาการวิจยั ต่อไป สืบเน่ืองจากมาจากแนวความคิดของ Analytical Engine เช่นน้ีจึงทาให้ Charles Babbage ได้รับการยกย่อง ให้เป็ น บดิ าของเครื่องคอมพวิ เตอร์  พ.ศ. 2385 ชาวองั กฤษ ช่ือ Lady Auqusta Ada Byron ไดท้ าการแปลเร่ืองราวเกี่ยวกบั เครื่องAnalytical Engine จากภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาองั กฤษ ในระหวา่ งการแปลทาให้ Lady Ada เขา้ ใจถึงหลกั การทางานของเคร่ือง Analytical Engine และไดเ้ ขียนรายละเอียดข้นั ตอนของคาสงั่ ใหเ้ ครื่องน้ีทาการคานวณที่ยงุ่ ยาก ซบั ซอ้ นไวใ้ นหนงั สือทางคณิตศาสตร์เล่มหน่ึง ซ่ึงถือวา่ เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์โปรแกรมแรกของโลก และจากจุดน้ีจึงถือวา่ Lady Ada เป็ นโปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก (มีภาษาท่ีใชเ้ ขียนโปรแกรมที่เก่แก่ อยหู่ น่ึงภาษาคือภาษา Adaมาจาก ชื่อของ Lady Ada) นอกจากน้ี Lady Ada ยงั คน้ พบอีกวา่ ชุดบตั รเจาะรู ที่บรรจุคาสงั่ ไวส้ ามารถนากลบั มาทางานซ้าไดถ้ า้ ตอ้ งการ นน่ั คือหลกั ของการทางานวนซ้า หรือเรียกวา่ Loop เคร่ืองมือท่ีใชใ้ นการคานวณท่ีถกูพฒั นาข้ึนในศตวรรษที่ 19 น้นั ทางานกบั เลขฐานสิบ (Decimal Number) แต่เมื่อเริ่มตน้ ของศตวรรษท่ี 20 ระบบคอมพิวเตอร์ไดถ้ กู พฒั นาข้ึนจึงทาใหม้ ีการเปลี่ยนแปลงมาใช้ เลขฐานสอง (Binary Number) กบั ระบบคอมพิวเตอร์ที่เป็นผลสืบเน่ืองมาจากหลกั ของพีชคณิต 1.2.2 การกาเนดิ ของเครื่องคอมพวิ เตอร์อเิ ลก็ ทรอนิกส์ เครื่องมือท้งั หลายที่ถกู ประดิษฐข์ ้ึนมาในยคุ ก่อนน้นั ส่วนมากประกอบดว้ ยฟันเฟื อง รอก คาน ซ่ึงเป็นวสั ดุที่มีขนาดใหญ่ และมีน้าหนกั มากทาใหก้ ารทางานลา่ ชา้ และผดิ พลาดอยเู่ สมอ ดงั น้นั ในยุคต่อมาจึงพยายามพฒั นาเคร่ืองมือ ใหม้ ีขนาดเลก็ ลง แต่มีประสิทธิภาพสูงข้ึน ดงั น้ี  พ.ศ. 2480 ศาสตราจารย์ Howard Aiken แห่งมหาลยัวิทยาลยั ฮาวาร์ด ไดพ้ ฒั นาเคร่ืองคานวณ ตามแนวคิด ของ Babbage ร่วมกบัวิศวกรของบริษทั IBM สร้างเคร่ืองคานวณตามความคิดของ Babbage ได้สาเร็จ โดยเครื่องดงั กลา่ วทางานแบบเคร่ืองจกั รกลปนไฟฟ้ า และใช้บตั รเจาะรูเป็นสื่อในการนาเขา้ ขอ้ มลู สู่ เคร่ืองเพื่อทาการประมวลผล การพฒั นาดงั กลา่ วมาเสร็จสิ้นในปี พ.ศ. 2487 โดยเคร่ืองมือน้ีมีช่ือวา่ MARK 1และเน่ืองจากเคร่ืองน้ีสาเร็จไดจ้ ากการสนบั สนุน ดา้ นการเงินและบุคลากรจากบริษทั IBM ดงั น้นั จึงมีอีกช่ือ หน่ึงวา่IBM Automatic Sequence Controlled Calculator และนบั เป็นเคร่ืองคานวณแบบอตั โนมตั ิเครื่องแรกของโลก1.2.3 ยุคของคอมพวิ เตอร์ ยคุ ของคอมพิวเตอร์สามารถจดั แบ่งคอมพิวเตอร์ออกได้เป็น 5 ยคุ

ระบบคอมพวิ เตอร์ 6 ยคุ ที่หนง่ึ ( First Generation Computer) พ.ศ. 2489-2501 เป็นการประดิษฐเ์ ครื่องคอมพิวเตอร์ท่ีมิใช่เคร่ืองคานวณ โดยเมาชล์ ีและเอก็ เคอร์ต (Mauchly andEckert) ไดน้ าแนวความคิดน้นั มาประดิษฐเ์ ป็นเคร่ืองคอมพิวเตอร์ท่ีมีประสิทธิภาพมากเคร่ืองหน่ึงเรียกวา่ ENIAC(Electronic Numerical Integrator and Calculator) ซ่ึงต่อมาไดท้ าการปรับปรุงการทางานของเครื่องคอมพิวเตอร์ให้มีประสิทธิภาพดียง่ิ ข้ึน และไดป้ ระดิษฐเ์ คร่ือง UNIVAC (Universal Automatic Computer) ข้ึนเพ่ือใชใ้ นการสารวจสามะโนประชากรประจาปี จึงนบั ไดว้ า่ UNIVAC เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์เคร่ืองแรกของโลกที่ถกู ใชง้ านในเชิงธุรกิจ ซ่ึงนบั เป็นการเร่ิมของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ในยคุ แรกอยา่ งแทจ้ ริง เครื่องคอมพิวเตอร์ในยคุ น้ีใชห้ ลอดสุญญากาศในการควบคุมการทางานของเครื่อง ซ่ึงทางานไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว แต่มีขนาดใหญ่มากและราคาแพง ยคุ แรกของคอมพิวเตอร์สิ้นสุดเมื่อมีผปู้ ระดิษฐท์ รานซิสเตอร์มาใชแ้ ทนหลอดสุญญากาศลกั ษณะเฉพาะของเครื่องคอมพวิ เตอร์ยุคท่ี 1  ใชอ้ ุปกรณ์ หลอดสุญญากาศ (Vacuum Tube) เป็นส่วนประกอบหลกั ทาใหต้ วั เคร่ืองมีขนาดใหญ่ ใช้ พลงั งานไฟฟ้ ามาก และเกิดความร้อนสูง  ทางานดว้ ยภาษาเคร่ือง (Machine Language) เท่าน้นั เร่ิมมีการพฒั นาภาษาสญั ลกั ษณ์ (Assembly / Symbolic Language) ข้ึนใชง้ านยุคทีส่ อง ( Second Generation Computer) พ.ศ. 2501-2506) มีการนาทรานซิสเตอร์ มาใชใ้ นเครื่องคอมพิวเตอร์จึงทาให้ ทาเคร่ืองมีขนาดเลก็ ลง และสามารถเพ่ิมประสิทธิภาพในการทางานใหม้ ีความรวดเร็วและแม่นยามากยงิ่ ข้ึน นอกจากน้ี ในยคุ น้ียงั ไดม้ ีการคิดภาษาเพ่ือใชก้ บั เครื่องคอมพิวเตอร์เช่น ภาษาฟอร์แทน (FORTRAN) จึงใหง้ ่ายต่อการเขียนโปรแกรมสาหรับใชก้ บั เคร่ืองลกั ษณะเฉพาะของเครื่องคอมพวิ เตอร์ยุคท่ี 2 เป็ น  ใชอ้ ปุ กรณ์ ทรานซิสเตอร์ (Transistor) ซ่ึงสร้างจากสารก่ึงตวั นา (Semi-Conductor) อปุ กรณ์หลกั แทนหลอดสุญญากาศ เนื่องจากทรานซิสเตอร์เพียงตวั เดียว มี ประสิทธิภาพในการทางานเทียบเท่าหลอดสุญญากาศไดน้ บั ร้อยหลอด ทาใหเ้ ครื่อง คอมพิวเตอร์ในยคุ น้ีมีขนาดเลก็ ใชพ้ ลงั งานไฟฟ้ านอ้ ย ความร้อนต่า ทางานเร็ว และ ไดร้ ับความน่าเช่ือถือมากย่ิงข้ึน  เกบ็ ขอ้ มลู ได้ โดยใชส้ ่วนความจาวงแหวนแม่เหลก็ (Magnetic Core)  มีความเร็วในการประมวลผลในหน่ึงคาสง่ั ประมาณหน่ึงในพนั ของวินาที (Millisecond : mS)  สง่ั งานไดส้ ะดวกมากข้ึน เนื่องจากทางานดว้ ยภาษาสญั ลกั ษณ์ (Assembly Language)  เริ่มพฒั นาภาษาระดบั สูง (High Level Language) ข้ึนใชง้ านในยคุ น้ี

เทคโนโลยีสารสนเทศ 7 ยุคทส่ี าม ( Third Generation Computer) พ.ศ. 2507-2512) คอมพิวเตอร์ในยคุ น้ีเร่ิมตน้ ภายหลงั จากการใชท้ รานซิสเตอร์ไดเ้ พียง 5 ปี เน่ืองจากไดม้ ีการประดิษฐ์คิดคน้ เก่ียวกบั วงจรรวม (Integrated-Circuit) หรือเรียกกนั ยอ่ ๆ วา่ \"ไอซี\" (IC) ซ่ึงไอซีน้ีทาใหส้ ่วนประกอบและวงจรต่างๆ สามารถวางลงไดบ้ นแผน่ ชิป (chip) เลก็ ๆ เพียงแผน่ เดียว จึงมีการนาเอาแผน่ ชิปมาใชแ้ ทนทรานซิสเตอร์ทาใหป้ ระหยดั เน้ือที่ไดม้ าก นอกจากน้ียงั เริ่มมีการใชง้ านระบบจดั การฐานขอ้ มูล (Data Base Management Systems : DBMS)และมีการพฒั นาเครื่องคอมพิวเตอร์ใหส้ ามารถทางานร่วมกนั ไดห้ ลายๆ งานในเวลาเดียวกนั และมีระบบที่ผใู้ ช้สามารถโตต้ อบกบั เคร่ืองไดห้ ลายๆ คน พร้อมๆ กนั (Time Sharing)ลกั ษณะเฉพาะของเครื่องคอมพวิ เตอร์ยุคท่ี 3  ใชอ้ ปุ กรณ์ วงจรรวม (Integrated Circuit : IC) หรือ ไอซี และวงจรรวม สเกลขนาดใหญ่ (Large Scale Integration : LSI) เป็นอปุ กรณ์หลกั  ความเร็วในการประมวลผลในหน่ึงคาสง่ั ประมาณหน่ึงในลา้ นของวินาที (Microsecond : MS) (สูงกวา่ เคร่ืองคอมพิวเตอร์ในยคุ ท่ี 1 ประมาณ 1,000 เท่า)  ทางานไดด้ ว้ ยภาษาระดบั สูงทว่ั ไป ยคุ ท่ีสี่ ( Fourth Generation Computer) พ.ศ. 2513-2532) เป็นยคุ ที่นาสารก่ึงตวั นามาสร้างเป็นวงจรรวมความจุสูงมาก (Very Large Scale Integrated : VLSI) ซ่ึงสามารถยอ่ ส่วนไอซีธรรมดาหลายๆ วงจรเขา้ มาในวงจรเดียวกนั และมีการประดิษฐ์ ไมโครโพรเซสเซอร์(Microprocessor) ข้ึน ทาใหเ้ ครื่องมีขนาดเลก็ ราคาถกู ลง และมีความสามารถในการทางานสูงและรวดเร็วมาก จึงทาใหม้ ีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal Computer) ถือกาเนิดข้ึนมาในยคุ น้ีลกั ษณะเฉพาะของเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ยคุ ท่ี 4 ใชอ้ ปุ กรณ์ วงจรรวมสเกลขนาดใหญ่ )Large Scale Integration : LSI) และวงจรรวมสเกลขนาดใหญ่มาก(Very Large Scale Integration : VLSI) เป็นอปุ กรณ์หลกั มีความเร็วในการประมวลผลแต่ละคาสงั่ ประมาณหน่ึงในพนั ลา้ นวนิ าที(Nanosecond : nS) และพฒั นาต่อมาจนมีความเร็วในการประมวลผลแต่ละคาสง่ั ประมาณหน่ึงในลา้ นลา้ นของวินาที (Picoseconds : pS)ยุคทห่ี ้า ( Fifth Generation Computer) พ.ศ. 2533 จนถึงปัจจุบัน)ในยคุ น้ี ไดม้ ่งุ เนน้ การพฒั นา ความสามารถในการทางานของระบบคอมพิวเตอร์และความสะดวกสบายในการใชง้ านเคร่ืองคอมพิวเตอร์ อยา่ งชดั เจน มีการพฒั นาสร้างเคร่ืองคอมพิวเตอร์แบบพกพาขนาดเลก็ ขนาดเลก็ (Portable Computer) ข้ึนใชง้ านในยคุ น้ีโครงการพฒั นาอุปกรณ์ VLSI ใหใ้ ชง้ านง่าย และมีความสามารถสูงข้ึน รวมท้งั โครงการวิจยั และพฒั นาเก่ียวกบั ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) เป็นหวั ใจของการพฒั นาระบบคอมพิวเตอร์ในยคุ น้ี โดยหวงัใหร้ ะบบคอมพิวเตอร์มีความรู้ สามารถวิเคราะห์ปัญหาดว้ ยเหตุผล

ระบบคอมพิวเตอร์ 8 องคป์ ระกอบของระบบปัญญาประดิษฐ์ ประกอบดว้ ย 4หวั ขอ้ ไดแ้ ก่ 1. ระบบหุ่นยนต์ หรือแขนกล (Robotics or RobotarmSystem) คือหุ่นจาลองร่างกายมนุษยท์ ี่ควบคุมการทางานดว้ ยเคร่ืองคอมพิวเตอร์ มีจุดประสงคเ์ พ่ือใหท้ างานแทนมนุษยใ์ นงานท่ีตอ้ งการความเร็ว หรือเสี่ยงอนั ตราย เช่น แขนกลในโรงงานอุตสาหกรรม หรือหุ่นยนตก์ รู้ ะเบิด เป็นตน้ 2. ระบบประมวลภาษาพูด (Natural Language Processing System) คือ การพฒั นาใหร้ ะบบคอมพิวเตอร์สามารถสงั เคราะห์เสียงที่มีอยใู่ นธรรมชาติ (Synthesize) เพ่ือสื่อความหมายกบั มนุษย์ เช่น เคร่ืองคิดเลขพดู ได้ (Talking Calculator) หรือนาฬิกาปลุกพดู ได้ (Talking Clock) เป็นตน้ 3. การรู้จาเสียงพดู (Speech Recognition System) คือ การพฒั นาใหร้ ะบบคอมพิวเตอร์เขา้ ใจภาษามนุษย์และสามารถจดจาคาพดู ของมนุษยไ์ ดอ้ ยา่ งต่อเน่ือง กลา่ วคือเป็นการพฒั นาใหเ้ ครื่องคอมพิวเตอร์ทางานไดด้ ว้ ยภาษาพดู เช่น งานระบบรักษาความปลอดภยั งานพิมพเ์ อกสารสาหรับผพู้ ิการ เป็นตน้ 4. ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert System) คือ การพฒั นาใหร้ ะบบคอมพิวเตอร์มีความรู้ รู้จกั ใชเ้ หตุผลในการวเิ คราะหป์ ัญหา โดยใชค้ วามรู้ที่มี หรือจากประสบการณ์ในการแกป้ ัญหาหน่ึง ไปแกไ้ ขปัญหาอ่ืนอยา่ งมีเหตุผล ระบบน้ีจาเป็นตอ้ งอาศยั ฐานขอ้ มลู (Database) ซ่ึงมนุษยผ์ มู้ ีความรู้ความสามารถเป็นผกู้ าหนดองคค์ วามรู้ไว้ในฐานขอ้ มลู ดงั กล่าว เพ่ือใหร้ ะบบคอมพิวเตอร์สามารถวเิ คราะห์ปัญหาต่างๆ ไดจ้ ากฐานความรู้น้นั เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์วเิ คราะห์โรค หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ทานายโชคชะตา เป็นตน้1.3 ประเภทของคอมพวิ เตอร์ จากประวตั ิความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ จะเห็นไดว้ า่ เทคโนโลยีทางดา้ นคอมพิวเตอร์มีการพฒั นาเปล่ียนแปลงไปอยา่ งรวดเร็วมาก ทาใหป้ ัจจุบนั มีเคร่ืองคอมพิวเตอร์ใหเ้ ลือกใชม้ ากมายหลายรูปแบบตามความตอ้ งการของผใู้ ช้ การแบ่งประเภทของคอมพิวเตอร์น้นั สามารถจาแนกออกไดเ้ ป็น 3 กลุ่มหลกั ดงั น้ี 1.3.1 ประเภทของคอมพวิ เตอร์ตามวธิ ีการทางานภายในเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ วิธีการทางานภายในของเครื่องคอมพิวเตอร์ทาสามารถจาแนกคอมพิวเตอร์ได้ 3 แบบ คือ  คอมพวิ เตอร์แบบแออนาลอ็ ก (Analog Computer) หมายถึง เครื่องมือประมวลผลขอ้ มลู ท่ีอาศยัหลกั การวดั (Measuring Principle) ทางานโดยใชข้ อ้ มลู ที่มีการเปล่ียนแปลงแบบต่อเน่ือง (Continuous Data) แสดงออกมาในลกั ษณะสญั ญาณที่เรียกวา่ Analog Signal เคร่ืองคอมพิวเตอร์ประเภทน้ีมกั แสดงผลดว้ ยสเกลหนา้ ปัดและเขม็ ช้ี เช่น การวดั ค่าความยาว โดยเปรียบเทียบกบั สเกลบนไมบ้ รรทดั การวดั ค่าความรอ้ นจากการขยายตวั ของปรอทเปรียบเทียบกบั สเกลขา้ งหลอดแกว้

เทคโนโลยีสารสนเทศ 9 นอกจากน้ียงั มีตวั อยา่ งของ Analog Computer ท่ีใชก้ ารประมวลผลแบบเป็นข้นั ตอน เช่น เคร่ืองวดัปริมาณการใชน้ ้าดว้ ยมาตรวดั น้า ที่เปลี่ยนการไหลของน้าใหเ้ ป็นตวั เลขแสดงปริมาณ อปุ กรณ์วดั ความเร็วของรถยนตใ์ นลกั ษณะเขม็ ช้ี หรือเคร่ืองตรวจคล่ืนสมองท่ีแสดงผลเป็นรูปกราฟ เป็นตน้  คอมพวิ เตอร์แบบดจิ ติ ลั (Digital Computer) ซ่ึงกค็ ือคอมพิวเตอร์ท่ีใชใ้ นการทางานทวั่ ๆไปนน่ั เอง เป็นเคร่ืองมือประมวลผลขอ้ มลู ที่อาศยั หลกั การนบั ทางานกบั ขอ้ มลู ท่ีมีลกั ษณะการเปล่ียนแปลงแบบไม่ต่อเนื่อง (Discrete Data) ในลกั ษณะของสญั ญาณไฟฟ้ า หรือ Digital Signal อาศยั การนบั สญั ญาณขอ้ มลู ที่เป็นจงั หวะดว้ ยตวั นบั (Counter) ภายใตร้ ะบบฐานเวลา (Clock Time) มาตรฐาน ทาใหผ้ ลลพั ธเ์ ป็นที่น่าเช่ือถือ ท้งัสามารถนบั ขอ้ มลู ใหค้ ่าความละเอียดสูง เช่นแสดงผลลพั ธเ์ ป็นทศนิยมไดห้ ลายตาแหน่ง เป็นตน้ เน่ืองจาก Digital Computer ตอ้ งอาศยั ขอ้ มลู ที่เป็นสญั ญาณไฟฟ้ า (มนุษยส์ มั ผสั ไมไ่ ด)้ ทาใหไ้ ม่สามารถรับขอ้ มลู จากแหล่งขอ้ มลู ตน้ ทางไดโ้ ดยตรง จึงจาเป็นตอ้ งเปล่ียนขอ้ มลู ตน้ ทางที่รับเขา้ (Analog Signal)เป็นสญั ญาณไฟฟ้ า (Digital Signal) เสียก่อน เม่ือประมวลผลเรียบร้อยแลว้ จึงเปล่ียนสญั ญาณไฟฟ้ ากลบั ไปเป็นAnalog Signal เพ่ือส่ือความหมายกบั มนุษยต์ ่อไป โดยส่วนประกอบสาคญั ท่ีเรียกวา่ ตวั เปลี่ยนสญั ญาณขอ้ มลู (Converter) คอยทาหนา้ ที่ในการเปล่ียนรูปแบบของสญั ญาณขอ้ มลู ระหวา่ ง Digital Signal กบั Analog Signal  คอมพวิ เตอร์แบบลูกผสม (Hybrid Computer) เครื่องประมวลผลขอ้ มลู ที่อาศยั เทคนิคการทางานแบบผสมผสาน ระหวา่ ง Analog Computer และ Digital Computer โดยทว่ั ไปมกั ใชใ้ นงานเฉพาะกิจ โดยเฉพาะงานดา้ นวทิ ยาศาสตร์ เช่น เคร่ืองคอมพิวเตอร์ในยานอวกาศ ที่ใช้ Analog Computer ควบคุมการหมุนของตวัยาน และใช้ Digital Computer ในการคานวณระยะทาง เป็นตน้ การทางานแบบผสมผสานของคอมพิวเตอร์ชนิดน้ียงั คงจาเป็นตอ้ งอาศยั ตวั เปล่ียนสญั ญาณ (Converter) เช่นเดิม 1.3.2 ประเภทของคอมพวิ เตอร์ตามวตั ถุประสงค์ของการใช้งาน จาแนกไดเ้ ป็น 2 ประเภท คือ  เคร่ืองคอมพวิ เตอร์เพอ่ื งานเฉพาะกจิ (Special Purpose Computer) หมายถึงเครื่องประมวลผลขอ้ มลู ท่ีถกู ออกแบบตวั เคร่ืองและโปรแกรมควบคุม ใหท้ างานอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงเป็นการเฉพาะ(Inflexible) โดยทวั่ ไปมกั ใชใ้ นงานควบคุม หรืองานอุตสาหกรรมท่ีเนน้ การประมวลผลแบบรวดเร็ว เช่นเครื่องคอมพิวเตอร์ควบคุมสญั ญาณไฟจราจร คอมพิวเตอร์ควบคุมลิฟท์ หรือคอมพิวเตอร์ควบคุมระบบอตั โนมตั ิในรถยนต์ เป็นตน้  เคร่ืองคอมพวิ เตอร์เพอ่ื งานอเนกประสงค์ (General Purpose Computer) หมายถึงเครื่องประมวลผลขอ้ มลู ท่ีมีความยดื หยนุ่ ในการทางาน (Flexible) โดยไดร้ ับการออกแบบใหส้ ามารถประยกุ ตใ์ ชใ้ นงานประเภทต่างๆ ไดโ้ ดยสะดวก โดยระบบจะทางานตามคาสงั่ ในโปรแกรมท่ีเขียนข้ึนมา และเม่ือผใู้ ชต้ อ้ งการให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทางานอะไร กเ็ พียงแต่ออกคาสงั่ เรียกโปรแกรมท่ีเหมาะสมเขา้ มาใชง้ าน โดยเราสามารถเกบ็โปรแกรมไวห้ ลายโปรแกรมในเครื่องเดียวกนั ได้ เช่น ในขณะหน่ึงเราอาจใชเ้ คร่ืองน้ีในงานประมวลผลเก่ียวกบัระบบบญั ชี และในขณะหน่ึงก็สามารถใชใ้ นการออกเชค็ เงินเดือนได้ เป็นตน้ 1.3.3 ประเภทของคอมพวิ เตอร์ตามหลกั การประมวลผล จาแนกออกไดเ้ ป็น 4 ชนิด โดยพิจารณาจากความสามารถในการเกบ็ ขอ้ มลู และ ความเร็วในการประมวลผล เป็นหลกั ดงั น้ี

ระบบคอมพิวเตอร์ 10  ซุปเปอร์คอมพวิ เตอร์ (Super Computer) หมายถึง เครื่องประมวลผลขอ้ มลู ท่ีมีความสามารถในการประมวลผลสูงท่ีสุด โดยทวั่ ไปสร้างข้ึนเป็นการเฉพาะเพ่ืองานดา้ นวิทยาศาสตร์ที่ตอ้ งการการประมวลผลซบั ซอ้ น และตอ้ งการความเร็วสูง เช่น งานวิจยั ขีปนาวธุ งานโครงการอวกาศสหรัฐ (NASA) งานส่ือสารดาวเทียม หรืองานพยากรณ์อากาศ เป็นตน้  เมนเฟรมคอมพวิ เตอร์ (Mainframe Computer) หมายถึง เคร่ืองประมวลผลขอ้ มูลท่ีมีส่วนความจาและความเร็วนอ้ ยลง สามารถใชข้ อ้ มลู และคาสง่ั ของเคร่ืองรุ่นอื่นในตระกลู (Family) เดียวกนั ได้ โดยไม่ตอ้ งดดั แปลงแกไ้ ขใดๆ นอกจากน้นั ยงั สามารถทางานในระบบเครือข่าย (Network) ไดเ้ ป็นอยา่ งดี โดยสามารถเช่ือมต่อไปยงั อปุ กรณ์ที่เรียกวา่ เคร่ืองปลายทาง (Terminal) จานวนมากได้ สามารถทางานไดพ้ ร้อมกนั หลายงาน(Multi Tasking) และใชง้ านไดพ้ ร้อมกนั หลายคน (Multi User) ปกติเคร่ืองชนิดน้ีนิยมใชใ้ นธุรกิจขนาดใหญ่ มีราคาต้งั แต่สิบลา้ นบาทไปจนถึงหลายร้อยลา้ นบาท ตวั อยา่ งของเครื่องเมนเฟรมที่ใชก้ นั แพร่หลายกค็ ือ คอมพิวเตอร์ของธนาคารที่เช่ือมต่อไปยงั ตู้ ATM และสาขาของธนาคารทวั่ ประเทศนน่ั เอง  มนิ คิ อมพวิ เตอร์ (Mini Computer) ธุรกิจและหน่วยงานที่มีขนาดเลก็ ไม่จาเป็นตอ้ งใช้คอมพิวเตอร์ขนาดเมนเฟรมซ่ึงมีราคาแพง ผผู้ ลิตคอมพิวเตอร์จึงพฒั นาคอมพิวเตอร์ใหม้ ีขนาดเลก็ และมีราคาถกู ลงเรียกวา่ เคร่ืองมินิคอมพิวเตอร์ โดยมีลกั ษณะพิเศษในการทางานร่วมกบั อปุ กรณ์ประกอบรอบขา้ งที่มีความเร็วสูงได้มีการใชแ้ ผน่ จานแมเ่ หลก็ ความจุสูงชนิดแขง็ (Hard disk) ในการเกบ็ รักษาขอ้ มูล สามารถอา่ นเขียนขอ้ มลู ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว หน่วยงานและบริษทั ท่ีใชค้ อมพิวเตอร์ขนาดน้ี ไดแ้ ก่ กรม กอง มหาวิทยาลยั หา้ งสรรพสินคา้ โรงแรมโรงพยาบาล และโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ  ไมโครคอมพวิ เตอร์ (Micro Computer) หมายถึงเคร่ืองประมวลผลขอ้ มลู ขนาดเลก็ มีส่วนของหน่วยความจาและความเร็วในการประมวลผลนอ้ ยท่ีสุด สามารถใชง้ านไดด้ ว้ ยคนเดียว จึงมกั ถกู เรียกวา่คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal Computer : PC) เคร่ืองไมโครคอมพิวเตอร์จาแนกออกไดเ้ ป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ 1. แบบติดต้งั ใชง้ านอยกู่ บั ที่บนโต๊ะทางาน (Desktop Computer) 2. แบบเคลื่อนยา้ ยได้ (Portable Computer) สามารถพกพาติดตวั อาศยั พลงั งานไฟฟ้ าจากแบตเตอร่ีจาก ภายนอก ส่วนใหญม่ กั เรียกตามลกั ษณะของการใชง้ านวา่ Laptop Computer หรือ Notebook Computer PDAs - Personal Digital Assistants Palmtop Computer