Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 33342_Best-Practชัย

33342_Best-Practชัย

Published by nikom25281, 2021-09-17 06:34:50

Description: 33342_Best-Practชัย

Search

Read the Text Version

Best Practice 1-62 Best practice จดั ทำโดย นำยนคิ ม บญุ นิสสยั ครปู ระจำศูนยก์ ำรเรยี นชมุ ชน กศน.ตำบลบำ้ นเตำ่ ศูนยก์ ำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอธั ยำศยั อำเภอบำ้ นแทน่ สำนกั งำนส่งเสรมิ กำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอัธยำศยั จงั หวดั ชยั ภมู ิ สำนกั งำนส่งเสรมิ กำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอธั ยำศยั

Best Practice 1-62 บันทกึ ขอ้ ความ สว่ นราชการ ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอบา้ นแท่น ท่ี ศธ ๐๒๑๐.๒๖๐๔/ 13 กนั ยายน พ.ศ.๒๕๖4 เร่ือง ขอส่งนวตั กรรม/กระบวนการ/วธิ ีการปฏบิ ตั ทิ ่ีเปน็ เลิศ(Best Practce) ประจาปีงบประมาณ ๖๔ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- เรียน ผอู้ านวยการศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอบ้านแทน่ ตามท่ศี ูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอบา้ นแทน่ ให้มีการจดั ทารายงานนวัตกรรม/ กระบวนการ/วิธีการปฏบิ ัตทิ ่ีเป็นเลิศ(Best Practice)การบูรณาการจดั การเรยี นการสอนโดยใช้แหลง่ เรยี นรูใ้ น ชุมชน และใช้ กศน.ตาบลเป็นฐาน ของครปู ระจาศูนย์การเรียนชุมชนน้นั ข้าพเจ้า นายนคิ ม บุญนสิ สยั ครูศูนย์การเรยี น ชุมชนตาบลบา้ นเต่า ไดจ้ ัดทารายงานนวตั กรรม/กระบวนการ/วธิ ีการปฏิบตั ิทีเ่ ปน็ เลศิ (Best Practice)การบรู ณา การจัดการเรียนการสอนโดยใช้แหลง่ เรยี นรู้ในชุมชนและใช้ กศน.ตาบลเป็นฐาน ประจาปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ตาม นโยบายและจุดเน้นการดาเนินงานของ กศน.ตาบล จงึ รายงานมาพร้อมเอกสาร ดงั แนบ จงึ เรยี นมาเพ่อื โปรดพิจารณาอนมุ ัติ (นายนคิ ม บุญนิสสัย) ครู ศรช.ตาบลบา้ นเตา่ (นางชุลีพร เพ็ญจันทร)์ ผู้อานวยศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอบ้านแทน่

Best Practice 1-62 นวตั กรรม/กระบวนการ/วิธีการปฏบิ ัติทเ่ี ป็นเลิศ(Best Practice) การบรู ณาการจัดการเรยี นการสอนโดยใชแ้ หล่งเรียนรใู้ นชุมชน โดยใช้ กศน.ตาบลเป็นฐาน ช่อื ผลงาน การบูรณาการสอนโดยใชแ้ หล่งเรียนรใู นชมุ ชน ตาบลบ้านเต่า อาเภอบ้านแท่น จงั หวัดชยั ภูมิ ช่ือผ้เู สนอผลงาน กศน.ตาบลบา้ นเตา่ หมู่ 1 ตาบลบา้ นเต่า อาเภอบ้านแท่น จงั หวดั ชยั ภมู ิ สงั กัด ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอบ้านแท่น สานักงานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จังหวดั ชัยภมู ิ โทรศัพท์ /โทรสาร : 044-886305 ผบู้ ริหาร นางชุลีพร เพญ็ จันทร์ ผู้อานวยการศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศยั อาเภอบ้านแทน่

Best Practice 1-62 ความเป็นมาและสภาพปญั หา การศึกษาเปน็ กระบวนการท่ีมงุ่ พฒั นาคนใหเ้ ปน็ มนุษย์ท่ีมีคุณภาพมีความสามารถเตม็ ศักยภาพ มีการพัฒนาทีส่ มดุลท้ังสติปญั ญา จติ ใจ ร่างกาย และสงั คม เพอื่ เสริมสร้างการพัฒนาและการเจรญิ เติบโตทาง เศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศ การศึกษาเป็นกระบวนการถ่ายทอดและเรียนรู้ในการทีจ่ ะสรา้ งสรรคแ์ ละ พฒั นา คนทัง้ ในแงค่ วามรู้ความคิดตลอดจนคณุ ธรรมและจรยิ ธรรมเพอ่ื ใหส้ ามารถดารงชีวติ อย่ใู นสงั คมได้อยา่ งมคี วามสขุ สามารถสนองตอบทิศทางในการพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมของประเทศชาติซึง่ ประเทศทีต่ อ้ งการความก้าวหน้า ตา่ งใหค้ วามสาคัญกับการพัฒนาคนโดยอาศัยการศึกษาเปน็ เครื่องมอื สาหรบั ประเทศไทยเป็นประเทศท่ีกาลงั พฒั นาและมปี ญั หาเกี่ยวกับกาลงั คนท่จี ะตอบสนองนโยบายการพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมค่อนขา้ งมากอนั สืบ เน่อื งมาจากระบบและวิธีการจดั การศึกษาที่ไมส่ ามารถสรา้ งและกระจายโอกาสรวมท้ังคุณภาพการศึกษาได้อยา่ ง เทา่ เทียมกนั โดยเฉพาะอย่างย่ิงทิศทางการเปลีย่ นแปลงไปสู่ยคุ อตุ สาหกรรมทีผ่ า่ นมาและการกา้ วสู่สังคมแหง่ การ เรยี นรูใ้ นทศวรรษที่ 21 ดังน้ันระบบการศึกษาของประเทศไทยจงึ ถกู ทา้ ทายจากแรงผลักดันการเปลี่ยนแปลงทาง สังคมค่อนขา้ งมาก พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 15 ระบุวา่ การจัดการศกึ ษามี 3 รูปแบบทสี่ ามารถ ให้บริการแก่ประชาชนกลมุ่ เป้าหมายได้อยา่ งทั่วถึง คือ การศึกษาในระบบที่กาหนดจุดมุง่ หมาย วิธกี ารจดั การ ศึกษา หลักสตู ร ระยะเวลาของการศึกษา การวัดผลและประเมนิ ผล ซ่ึงเปน็ เง่ือนไขของการสาเร็จการศึกษาท่ี แน่นอนสว่ นการศึกษานอกระบบโรงเรยี นเปน็ การศึกษาท่ีมีความยดื หยนุ่ ในการกาหนดจุดมุ่งหมายรปู แบบ วธิ ีการ จัดการศกึ ษา ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล โดยเนือ้ หาสาระของหลักสูตรต้องมคี วามเหมาะสม สอดคลอ้ งกับสภาพปัญหาและความต้องการของบคุ คลแต่ละกลุ่มและการศกึ ษาตามอัธยาศัยเป็นการศึกษาทีใ่ ห้ ผูเ้ รียนได้เรียนรูด้ ว้ ยตนเองตามความสนใจ ศกั ยภาพ ความพร้อม และโอกาส โดยศึกษาจากบคุ คล ประสบการณ์ สงั คม สภาพแวดล้อม ส่ือ หรอื แหลง่ ความรู้อ่นื ๆ ดังนั้น เพ่ือรองรับสังคมผู้เรียนและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้เรียน กลุ่มผู้เรียนในระดับหมู่บ้านหรือชุมชนถือ เป็นกลไกสาคัญท่ีมบี ทบาทสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้เรียน เน่ืองจากมคี วาม ใกล้ชิดเข้าใจสภาพปัญหาและความต้องการของผู้เรียน รวมถึงสามารถเข้าถึงและพัฒนาผู้เรียนในชุมชนได้ดีท่ี สุดแต่ในปัจจุบันกลับพบว่ากลุ่มผู้เรียนในบางพ้ืนท่ียังขาดความเข้มแข็งในการดาเนินงานเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ ผู้เรียนทั้งด้านร่างกาย จิตใจและสังคม กล่าวคือบางกลุ่มเพิ่งอยู่ในระยะเริ่มต้นของการรวมตัว หรือบางกลุ่มแม้ จะมกี ารรวมตัวมานานแล้วแต่ขาดการดาเนินกจิ กรรมอย่างต่อเน่ืองให้แก่ผเู้ รยี นในชมุ ชน กศน.ตาบลบ้านเต่า ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอบ้านแท่น ได้เล็งเห็น ความสาคญั ดังกล่าวจงึ ไดจ้ ดั โครงการนข้ี ึน้ วตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือเสรมิ สร้างความรู้ความคดิ ให้กับผเู้ รียนมีศักยภาพในการใช้แหลง่ เรียนรูใ้ นชมุ ชนเปน็ กลไกสนับสนนุ การสรา้ งรักและหวงแหนแหล่งเรยี นรใู้ นชุมชนใหแ้ กผ่ ูเ้ รียนในชมุ ชน

Best Practice 1-62 สาหรับในปัจจุบัน กศน.ตาบลบา้ นเต่า..อาเภอบ้านแท่นจังหวัด ชัยภูมิ พบวา่ ได้มีกลมุ่ ผู้เรียนกศน.ตาบล บ้านเต่า มจี านวน. 268 . คน โดยมีกจิ กรรมใช้แหล่งเรียนรู้ในชุมชนผู้เรยี นทไ่ี ด้เคยดาเนินงานมาแล้วดังนี้ รายละเอยี ดขนั้ ตอนการจัดการเรยี นรจู้ ากแหล่งเรยี นรู้ 1. ข้ันสารวจ ผูส้ อนให้ผเู้ รยี นศึกษา สารวจแหล่งเรยี นรูใ้ นโรงเรียน และ ในชุมชนของผู้เรียน 2. ขน้ั เรียนรู้ เปน็ ขั้นทีผ่ เู้ รยี นไดศ้ กึ ษาแหล่งเรียนรู้ และปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ที่เกดิ จากการเรยี นรู้ และมกี าร วางแผนรว่ มกนั ในการปฏบิ ตั งิ าน 3. ข้นั ประเมนิ ผล เป็นข้ันตอนการวัดและประเมินผลตามสภาพจริงโดยให้ บรรลุจดุ ประสงค์การเรียนรู้ท่ี กาหนดไว้ในการจัดการเรียนรู้ โดยมีครู ผูเ้ รยี น ผูป้ กครอง เปน็ ผปู้ ระเมนิ 4. ขัน้ นาไปใช้ เปน็ ขั้นที่ผู้เรยี นสามารถนาความรู้ท่ไี ด้จากแหล่งเรยี นรู้ไปใช้ในชวี ิตประจาวนั 5. ขั้นประยุกต์ความรูแ้ ละเผยแพร่ผลงาน ขน้ั ที่ผเู้ รียน นาความรู้ ที่ได้ เรียนรู้ไปประยุกตใ์ ช้ ในชวี ิตประจาวนั และเผยแพร่ นาไปใช้เกิดประโยชน์สงู สดุ กบั ผเู้ รยี นตอ่ ไป แผนการจัดการเรียนรู้จากแหล่งเรยี นรู้ การใชแ้ หล่งเรยี นรูม้ คี วามสาคญั ในกระบวนการจัดการเรยี นรสู้ าหรับผเู้ รยี นเพราะผ้เู รียนสามารถเรยี นรู้ จากสภาพจรงิ การจัดการเรียนรจู้ ากแหล่งเรยี นร้จู ะเกีย่ วข้องกบั บุคคล สถานที่ ธรรมชาติ หน่วยงานองค์กร สถาน ประกอบการ ชุมชน และสง่ิ แวดลอ้ มอื่นๆ ซึ่งผ้เู รยี น ผู้สอน สามารถศกึ ษาค้นควา้ หาความรู้หรือเรอ่ื งท่ีสนใจได้จาก แหลง่ เรียนรูท้ งั้ ท่ีเปน็ ธรรมชาติ และทม่ี นุษยส์ รา้ งขนึ้ ชมุ ชนและธรรมชาตเิ ป็นขุมทรพั ย์มหาศาลทีเ่ ราสามารถ คน้ พบความรไู้ ด้ไม่รูจ้ บ ทาให้ผ้เู รียนเกิดการเรียนรแู้ ละสรา้ งองค์ความรู้ดว้ ยตนเอง ลักษณะเด่นของการจดั การเรียนรจู้ ากแหลง่ เรียนรู้มดี ังนี้ 1 ผูเ้ รยี นไดป้ ฏิบตั ิจริง ค้นคว้าหาความรดู้ ว้ ยตนเอง 2.ผเู้ รียนไดฝ้ ึกทางานเป็นกล่มุ รว่ มคิดร่วมทาร่วมแก้ไขปัญหาต่างๆซึง่ จะชว่ ยใหเ้ กดิ การเรียนรู้ และทกั ษะ กระบวนการต่าง ๆ 3.ผเู้ รียนไดฝ้ ึกทกั ษะการสงั เกตการเก็บข้อมูลการวเิ คราะหข์ ้อมลู การตีความและการสรปุ ความ คดิ แก้ปัญหา อย่างเป็นระบบ 4. ผู้เรียนไดป้ ระเมินผลการทางานด้วยตนเอง 5. ผ้เู รียนสามารถนาความรู้ท่ีได้ไปประยุกต์ใชแ้ ละเผยแพรค่ วามรู้ได้ 6. ครผู ูส้ อนเปน็ ท่ปี รกึ ษา ให้ความรู้ ใหค้ าแนะนา ให้การสนับสนุน

Best Practice 1-62 แบบสารวจแหล่งการเรยี นรู้/ภมู ปิ ญั ญา กศน.ตาบลบา้ นเตา่ หน่วยงาน/สถานศึกษา ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอบา้ นแท่น 1. ชือ่ แหล่งเรยี นรู้ ปรางคก์ ู่..................... 2. ท่ตี ัง้ เลขที่ ต้ังอย่เู ขตพนื้ ที่บ้านหนองแฝก หมู่ 6 ตาบลบา้ นเต่า อ.บา้ นแทน่ จ.ชัยภูมิ 3. ผู้จัดการแหล่งเรยี นร/ู้ ภมู ิปัญญา/เจา้ ของ/ผูต้ ิดต่อ เทศบาลบ้านเต่า อาเภอบา้ นแทน่ จงั หวดั ชยั ภูมิ 4. หนว่ ยงาน/องคก์ รท่รี ับผิดชอบ  สว่ นราชการ  วัด  สถานประกอบการ  เอกชน  องค์กรชุมชน  โบราณสถาน  อน่ื ๆ (ระบุ)...................... 5. ประเภทแหล่งเรยี นรู้/ภูมิปัญญา  บุคคล  สถานท่ี  หนว่ ยงานภาครัฐ  องคก์ รเอกชน  สถาบันศาสนา  อน่ื ๆ(ระบ)ุ ....................... 6. องค์ความรู้เรอื่ ง x ประวตั เิ ก่ยี วกบั โบราณวตั ถุ เ 7. การใช้ประโยชน์ของแหล่งเรยี นร/ู้ ภมู ปิ ญั ญา/ความสาคัญของแหล่งเรยี นรู้/ภมู ิปัญญา ศกึ ษาการเกยี่ วกับโบราณสถาน ประวัติความเปน็ มาของโบราณสถาน 8. รางวัลเชิดชเู กียรติ (ถ้าม)ี ............................................... 9. ประวัตเิ กยี่ วกบั โบราณวัตถุและ ภาพประกอบแหล่งเรยี นร/ู้ ภมู ปิ ญั ญา ภูมปิ ระเทศ: ที่ราบ สภาพทว่ั ไป: บริเวณท่ีต้งั ก่กู ่อนการบูรณะปฏิสงั ขรณ์เป็นเนินดิน ลอ้ มรอบดว้ ยทุง่ นา สูงกวา่ พ้นื ท่ีโดยรอบประมาณ 2 เมตร มีตน้ ไมป้ กคลุมค่อนขา้ งหนาแน่น ดา้ นทิศตะวนั ตกของโบราณสถานห่างออกไปประมาณ 60 เมตร มีลา หว้ ยไหลผา่ นออ้ มไปทางทิศเหนือของโบราณสถาน พ้นื ที่โดยรอบท่ีเป็ นทุง่ นาปลูกขา้ วเหนียวเป็ นหลกั นอกจากน้ียงั ปลูกออ้ ย เล้ียงสัตว์ และปลูกพชื ผกั สวนครัว ความสูงจากระดับนา้ ทะเลปานกลาง: 201 เมตร

Best Practice 1-62 ทางนา้ : ลาน้าเชิญ, ลาหว้ ยธรรมชาติ (ไม่ทราบชื่อ) สภาพธรณวี ทิ ยา: ปรางคก์ ู่บา้ นหนองแฝกต้งั อยบู่ นเนินดินท่ามกลางท่ีราบที่ทบั ถมจากน้ากอนน้าพา ลกั ษณะทางธรณีวทิ ยา ของพ้นื ที่เป็ นหินทรายในหมวดหินภูกระดึง ยุคทางโบราณคดี: ยคุ ประวตั ิศาสตร์ สมยั /วฒั นธรรม: สมยั บายน, สมยั อยธุ ยา, สมยั อยธุ ยาตอนปลาย อายทุ างโบราณคด:ี พุทธศตวรรษท่ี 18, พทุ ธศตวรรษที่ 23-24 ประเภทของแหล่งโบราณคดี: ศาสนสถาน สาระสาคญั ทางโบราณคด:ี จากการทางานของกรมศิลปากรที่ผา่ นมา (ดุสิต ทุมมากรณ์ และทนงศกั ด์ิ หาญวงษ์ 2553) ทาใหไ้ ดข้ อ้ มูล ปรางคก์ ู่บา้ นหนองแฝกในแง่มุมตา่ งๆ ดงั น้ี ประวตั โิ บราณสถาน จากคาบอกเล่าของชาวบา้ นที่สมั ภาษณ์โดยเจา้ หนา้ ที่กรมศิลปากร (2553) ไดข้ อ้ มูลวา่ เมื่อกวา่ 40 ปี ท่ีผา่ น มา พ้นื ท่ีบริเวณน้ีเป็ นป่ าไมม้ ีตอ้ นไมป้ กคลุมหนาแน่น ตวั โบราณสถานพงั ทลาย มีการเคลื่อนยา้ ยหินออกไป ดา้ นนอกและขดุ ดินออกไปจนเห็นหอ้ งภายในโคปุระ มีแทน่ ประดิษฐานประติมากรรมรูปเคารพ ซ่ึงเคยมีรูป เคารพประทบั ยนื ติดต้งั อยบู่ นแทน่ น้ี มีประติมากรรมหินทราย ท่าทางประทบั นงั่ ไม่มีส่วนเศียร ต้งั อยดู่ า้ นหนา้ ปราสาท มีการสรงน้าปรางคก์ ่ใู นช่วงเดือนเมษายน เมื่อประมาณกวา่ 20 ปี ที่ผา่ นมา ไดม้ ีพระธุดงค์ 2 รูป เขา้ มาพกั อาศยั อยใู่ นพ้ืนท่ีโบราณสถาน ไดน้ าชาวบา้ นมา ขดุ ลอกสระน้าดา้ นหนา้ โบราณสถาน จนลึกกวา่ ระดบั สระเดิม 2-3 เมตร โดยอา้ งวา่ ขดุ หาโบราณสถาน โบราณวตั ถุบางอยา่ งท่ีมีคุณคา่ สาคญั แตไ่ มพ่ บโบราณวตั ถุใดๆ จากน้นั กไ็ ดเ้ คลื่อนยา้ ยหินหล่นของ โบราณสถานบางส่วน ไปวางเรียงไวโ้ ดยรอบสระช้นั บน นาชาวบา้ นกลุ่มหน่ึงพร้อมกบั ดินหลายคนั รถมาถม ปิ ดทบั ภายในหอ้ งปราสาทจนเตม็ สูงเทา่ ระดบั กรอบประตูตวั บนของปราสาทประธานและนาหินหล่นมาวาง เรียงปิ ดทบั ผวิ หนา้ ดินเอาไว้ ส่วนบริเวณกาแพงแกว้ กไ็ ดข้ นยา้ ยหินหล่นข้ึนไปวางเรียง จนทาใหเ้ ห็นรูปแบบที่ ผดิ ไปจากเดิมอยา่ งชดั เจน เมื่อเสร็จแลว้ พระธุดงคก์ เ็ ดินทางไปอยทู่ ่ีอ่ืน

Best Practice 1-62 พ.ศ.2548 องคก์ ารบริหารส่วนตาบลบา้ นเตา่ สนบั สนุนงบประมาณใหส้ านกั ศิลปากรท่ี 12 นครราชสีมา ขดุ แตง่ และขดุ คน้ โบราณสถานปรางคก์ ู่บา้ นหนองแฝกจนแลว้ เสร็จ พ.ศ.2550 องคก์ ารบริหารส่วนตาบลบา้ นเต่า (ปัจจุบนั คือเทศบาลตาบลบา้ นเตา่ ) สนบั สนุนงบประมาณใหส้ านกั ศิลปากรที่ 12 นครราชสีมา บูรณะปราสาทประธานและบรรณาลยั ของโบราณสถานปรางคก์ ู่บา้ นหนองแฝก พ.ศ.2551 องคก์ ารบริหารส่วนตาบลบา้ นเตา่ สนบั สนุนงบประมาณใหส้ านกั ศิลปากรท่ี 12 นครราชสีมา บูรณะ กาแพงแกว้ และสระน้าของโบราณสถานปรางคก์ ่บู า้ นหนองแฝก สภาพโบราณสถานก่อนการบูรณะ (ก่อน พ.ศ.2550) สภาพทว่ั ไปของส่ิงก่อสร้างยงั คงอยใู่ นสภาพครบถว้ นตามโครงสร้างสถาปัตยกรรม แต่มีลกั ษณะทรุด เอียงและหลุดออกจากตาแหน่งเดินในบางจุด มีรากไมใ้ หญ่แทรกระหวา่ งกอ้ นหิน ทาใหเ้ กิดช่องวา่ งระหวา่ ง กอ้ นหินหลายจุด และบางจุดยงั ไดท้ าใหห้ ินแตกพงั ทลาย เหนือช้นั ฐานข้ึนไปมีลกั ษณะเอียงออกจากแนวเดิมมาก ทางกรมศิลปากรจึงไดด้ าเนินการโครงสร้างไมค้ ้ายนั เสริมความมนั่ คงไว้ ส่วนบนหรือส่วนหลงั คาอาคารส่วนใหญ่พงั ทลาย สามารถเห็นเคา้ โครงเดิมเพยี งบางจุดเท่าน้นั ในบางตาแหน่ง โดยเฉพาะแนวกาแพงแกว้ ท่ีปรากฏร่องรอยของหินหล่นท่ีถูกนาข้ึนไปวางเรียงใหม่ ทาใหเ้ ห็นรูปทรงที่ผดิ ไป จากเดิม ลกั ษณะโบราณสถาน แผนผงั โบราณสถานปรางคก์ ู่บา้ นหนองแฝกมีแผนผงั เป็ นรูปส่ีเหล่ียมผนื ผา้ หนั ดา้ นหนา้ ไปทางทิศตะวนั ออก ประกอบ ไปดว้ ยโบราณสถานในพ้นื ท่ี ไดแ้ ก่ ปราสาทประธาน วหิ าร (บรรณาลยั ) โคปุระ กาแพงแกว้ และสระน้า 1 สระ ปราสาทประธาน ปราสาทประธานต้งั หนั หนา้ ไปทางทิศตะวนั ออก แผนผงั รูปส่ีเหลี่ยมผนื ผา้ ขนาด 7x8 เมตร ส่วนฐานหอ้ งมุขมี ขนาด 3x3.5 เมตร ก่อเรียงดว้ ยศิลาแลง 3 ช้นั สูงจากพ้ืนดินประมาณ 90 เซนติเมตร บริเวณก่ึงกลางของฐาน ดา้ นหนา้ ก่อเรียงศิลาแลงเป็นข้นั บนั ได 3 ข้นั ขนาดกวา้ ง 1 เมตร เหนือจากช้นั ฐานข้ึนไปเป็ นส่วนเรือนธาตุ ทางดา้ นทิศเหนือและทิศตะวนั ออกคงเหลือหลกั ฐานถึงช้นั กรอบ ประตูและทบั หลงั มีความสูงจากช้นั ฐานข้ึนไปประมาณ 3 เมตร ก่อเรียงดว้ ยศิลาแลง 10 ช้นั ส่วนทางทิศใตแ้ ละ ตะวนั ตกเหลือหลกั ฐานนอ้ ยกวา่

Best Practice 1-62 ประตูดา้ นทิศเหนือ ใต้ และตะวนั ตก ก่อเรียงศิลาแลงปิ ดช่องประตูจนเตม็ กรอบ ลกั ษณะเหมือนกบั บานประตู ปิ ดไว้ (ประตูหลอก) ส่งกรอบประตูดา้ นทิศตะวนั ออกเป็ นประตูทางเขา้ สู่หอ้ งภายในปราสาท หอ้ งครรภคฤหะภายในส่วนเรือนธาตุของปราสาท เป็นห้องรูปสี่เหล่ียมจตั ุรัสขนาด 2x2 เมตร จากการศึกษาของ กรมศิลปากรไมพ่ บหลกั ฐานการก่อเรียงศิลาแลงเป็นพ้ืนที่ภายใน สนั นิษฐานวา่ พ้ืนท่ีภายในเดิมคงก่อเรียงดว้ ย ศิลาแลง แต่ถูกรบกวนจากการลกั ลอบขดุ หาโบราณวตั ถุและร้ือทาลายพ้นื เสียหาย เหลือหลกั ฐานอยเู่ พยี งช้นั ดิน ที่อดั แน่น ส่วนภายในห้องมุขเป็นห้องรูปส่ีเหล่ียมผนื ผา้ ขนาด 1.2x1.5 เมตร พ้ืนก่อเรียงดว้ ยศิลาแลง วหิ ารหรือบรรณาลยั วหิ ารมีผงั รูปส่ีเหลี่ยมผนื ผา้ ขนาด 5x8 เมตร หนั หนา้ ไปทางทิศตะวนั ตก ส่วนฐานก่อเรียงดว้ ยศิลาแลง 2 ช้นั สูง จากพ้นื ดินประมาณ 60 เซนติเมตร ผนงั อาคารก่อทึบท้งั 3 ดา้ น สูงจากช้นั ฐานข้ึนไปประมาณ 2.5 เมตร ก่อเรียง ดว้ ยศิลาแลง 6-10 ช้นั ผนงั ดา้ นทิศเหนือทรุดเอียงไปทางดา้ นนอก ภายในวิหารแบ่งออกเป็น 2 หอ้ ง คือห้องมุข ดา้ นหนา้ และหอ้ งภายในวหิ าร ซ่ึงภายในมีฐานประติมากรรมหินทราย 1 ฐาน โคปุระ โคปุระหรือซุม้ ประตูทางเขา้ สู่โบราณสถาน มีแผนผงั เป็นรูปกากบาท ขนาด 8x12.5 เมตร ทางดา้ นทิศ ตะวนั ออกซ่ึงเป็นดา้ นหนา้ มีหอ้ งมุขยนื่ ออกไปขนาด 3x5 เมตร พ้ืนที่ภายในแบ่งออกเป็ น 3 หอ้ ง คือ ห้องตรง กลาง หอ้ งดา้ นทิศเหนือ และหอ้ งดา้ นทิศใต้ หอ้ งตรงกลางมีแผนผงั รูปกากบาท ขนาด 4.7x5.7 เมตร พ้ืนที่ภายในก่อวางเรียงดว้ ยศิลาแลง บริเวณก่ึงกลาง หอ้ งเย้อื งไปทางเหนือเลก็ นอ้ ย มีแทน่ ประติมากรรม 1 แท่น (อยใู่ นตาแหน่งเดิม) ทาจากหินทรายสีเทา ขนาด 63x63x50 เซนติเมตร ดา้ นบนตรงกลางแทน่ สลกั เป็นช่องสี่เหบ่ียมขนาด 25x25 เซนติเมตร ลึก 5 เซนติเมตร และตรงกลางช่องเป็นหลุมกลมขนาดเลน็ ผา่ ศูนยก์ ลาง 18 เซนติเมตร ลึก 35 เซนติเมตร ทางดา้ นทิศเหนือของ แทน่ สลกั เป็นร่องน้ายนื่ ออกไปจากแทน่ หอ้ งดา้ นทิศเหนือมีขนาด 1.5x2.5 เมตร หอ้ งดา้ นทิศใตม้ ีขนาด 1x2.5 เมตร ท้งั 2 หอ้ งก่อเรียงศิลาแลงเป็นพ้นื ภายใน ส่วนหอ้ งมุขดา้ นหนา้ ที่ยนื่ ออกไปจากโคปุระน้นั ต้งั อยบู่ นฐานท่ีก่อเรียงศิลาแลงเชื่อมออกมาจากฐานโค ปุระ หอ้ งภายในมีขนาด 1x2.5 เมตร ก่อเรียงศิลาแลงเป็นพ้ืนที่ภายใน กาแพงแกว้ กาแพงแกว้ ลอ้ มรอบโบราณสถาน แผนผงั รูปส่ีเหล่ียมผนื ผา้ ขนาด 24.5x36 เมตร แนวกาแพงดา้ นทิศเหนือและ ใตย้ าว 36 เมตร ส่วนดา้ นทิศตะวนั ตกยาว 24.5 เมตร ส่วนดา้ นทิศตะวนั ออกซ่ึงก่อสร้างตอ่ ออกมาจากโคปุระ น้นั แบ่งแนวกาแพงแกว้ ออกเป็น 2 ส่วน คือ ดา้ นทิศตะวนั ออกซีกทิศเหนือ มีขนาดยาว 5 เมตร และดา้ น ตะวนั ออกซีกทิศใตย้ าว 7 เมตร

Best Practice 1-62 ส่วนฐานกาแพงแกว้ ก่อดว้ ยศิลาแลง 2 ช้นั ช้นั ล่างสุดเป็นฐานเรียบ สูงจากพ้นื ดิน 15 เซนติเมตร ช้นั ท่ี 2 สลกั หิน เป็นรูปบวั ควา่ สูงประมาณ 60 เซนติเมตร และผวิ ที่ดา้ นบนของช้นั บวั คว่าจะสลกั หินเป็นรูปส่ีเหล่ียมแนวยาว เพ่อื รองรับส่วนยอดกาแพง 1 ช้นั สูง 60 เซนติเมตร กาแพงแกว้ ที่สมบูรณ์สูงจากพ้นื ดินประมาณ 2.45 เมตร ก่อ ดว้ ยศิลาแลง 8 ช้นั ส่วนดา้ นทิศตะวนั ออกซีกทิศใต้ มีการก่อเรียงศิลาแลงเพื่อเป็นช่องประตูทางเขา้ มีขนาดกวา้ ง 1 เมตร ไม่พบชิ้นส่วนกรอบประตู สระน้า สระน้าต้งั อยนู่ อกกาแพงแกว้ ห่างจากมุมกาแพงแกว้ ดา้ นทิศตะวนั ออกเฉียงเหนือประมาณ 3 เมตร ก่อดว้ ยศิลา แลงลดหลน่ั ลงไปยงั กน้ สระเป็นข้นั บนั ได 12-13 ช้นั (ดา้ นทิศเหนือและใต้ 12 ช้นั ดา้ นทิศตะวนั ออกและ ตะวนั ตก 13 ช้นั ) ลึกประมาณ 2.5 เมตร ขอบสระดา้ นบนสุดมีขนาด 13.5x18.5 เมตร ขอบสระดา้ นล่างสุดขนาด 6x8 เมตร การก่อสร้างโบราณสถาน โบราณสถานปรางกู่บา้ นหนองปฝกใชศ้ ิลาแลงเป็นวสั ดุหลกั ในการก่อสร้าง และมีหินทรายสีเทาเป็น ส่วนประกอบร่วม โดยเพาะในส่วนของกรอบประตู เสาประดบั กรอบประตู ทบั หลงั ส่วนยอดของปราสาท ประธาน และส่วนที่เป็นแท่นรองประติมากรรม การก่อสร้างในส่วนของช้นั ฐานรากไดก้ ่อวางเรียงศิลาแลง 1 กอ้ น ตามตาแหน่งและแนวของส่ิงก่อสร้างในแต่ ละจุด บนช้นั บดอดั แน่นของดินทรายและหินกรวดท่ีบดอดั เป็นช้นั หนาเพื่อรองรับฐานรากของสิ่งก่อสร้าง จากน้นั จึงก่อวางเรียงหินประกอบหินข้ึนเป็นอาคาร ลกั ษณะการก่อและวางเรียงประกอบหิน มีท้งั การใชห้ ิน ทรายทรงสี่เหลี่ยมที่ผวิ ดา้ นบนและดา้ นขา้ งเรียบ นามาวางซอ้ นกนั แนวด่ิง และวางชนกนั ในแนวระนาบ โดยใช้ ลกั ษณะการวางซอ้ นแบบเหล่ือมสลบั เพือ่ เป็ นกน็ การถ่ายน้าหนกั จากช้นั บนสู่ช้นั ล่าง และในบางตาแหน่งพบ การวางเรียงประกอบหินโดยไมเ่ หล่ือมสลกั กม็ ีเทคนิควธิ ีการวางเรียงประกอบหินอีกแบบหน่ึงคือ การตกตา่ ง หินเป็นรอยบา่ หรือาเป็นเดือยดา้ นขา้ งและดา้ นบนของหิน เพอ่ื นาหินมาวางเรียงประกอบชนกนั ใหแ้ นบสนิท กนั พดิ ีกบั รอยบา่ หรือเดือยท่ีทาไวเ้ ป็นการเขา้ หินลกั ษณะคลา้ ยการทาบา่ หรือเขา้ เดือยแบบสถาปัตยกรรมเครื่อง ไม้ ลกั ษณะที่พบอีกอยา่ งหน่ึงคือการก่อเรียงประกอบหินชุดกรอบประตู มีการตกแต่งหินทรายบริเวณท่ีหินตอ้ ง ประกบซอ้ นกนั ใหเ้ ป็ นแนวลาดเอียง 45 องศา และขดั ผวิ เรียบเมื่อนาหินมาวางเรียงประกบกนั รอยต่อของหินจะ แนบสนิทกนั จนไม่เห็นช่องระหวา่ งหินและในบางตาแหน่งท่ีหินทรายวางชนกนั มีการใชเ้ หล็กรูปตวั ไอ (I) มา เป็นตวั ยดึ ระหวา่ งกอ้ นหิน โดยการสกดั แต่งหินใหเ้ ป็นร่องรูปตวั ไอ นาเหล็กรูปตวั ไอวางลงไปแลว้ นาตะกว่ั มา เทปิ ดทบั จนเตม็ ร่องรูปตวั ไอ พบเห็นไดท้ ี่ตาแหน่งของหินชุดทบั หลงั และส่วนยอดของปราสาทประธาน

Best Practice 1-62 การสลกั ลวดลายบนโบราณสถานพบวา่ มีร่องรอยสลกั ลวดลายเฉพาะบริเวณแนวกาแพงแกว้ ดา้ นทิศใตแ้ ละทิศ ตะวนั ตก ซ่ึงตกแตง่ หินเป็นรูปบวั คว่าและบวั หงายเท่าน้นั ส่วนบริเวณอ่ืนๆ ไม่ปรากฏลวดลายสลกั ท่ีชดั เจน ไม่ วา่ จะเป็นส่วนทบั หลงั หนา้ บนั เสาประดบั กรอบประตู หรือส่วนผนงั อาคาร แมก้ ระทงั่ เคร่ืองตกแต่ง สถาปัตยกรรมท่ีมกั พบ เช่น บนั แถลง ที่ประดบั ตามมุมของส่วนช้นั ยอดปราสาทประธานกไ็ มพ่ บจากการขดุ แต่ง โบราณวตั ถุ กระเบ้ืองมุงหลงั คา จากการขดุ แต่งขดุ คน้ พบกระเบ้ืองมุงหลงั คาชนิดกาบกลว้ ยท้งั ตวั ผแู้ ละตวั เมีย (กาบกลว้ ยตวั ผยู้ าว 20-25 เซนติเมตร กวา้ ง 9-14 เซนติเมตร กาบกลว้ ตวั เมียยาว 24-30 เซนติเมตร กวา้ ง 15-19 เซนติเมตร) รวมท้งั เชิงชาย หรือกระเบ้ืองหนา้ อุด มีลวดลายกลีบบวั ยาวสี่กลีบภายในกรอบส่ีเหลี่ยม เหล็กรูปตวั ไอ (I) เหล็กรูปตวั ไอ (I) ใชใ้ นการช่วยยดึ เกาะระหวา่ งกอ้ นหิน โดยการขดุ เซาะร่องลงไปในหิน 2 กอ้ นท่ีวางชิดติดกนั ใหเ้ ป็นร่องรูปตวั ไอ จากน้นั จึงนาเหลก็ รูปตวั ไอวางฝังลงไปในร่องน้นั แลว้ เทตะกว่ั ปิ ดทบั เหล็กจนเตม็ ร่อง เหล็กรูปตวั ไอที่พบจึงมกั มีตะกวั่ ติดอยู่ ประติมากรรมรูปเคารพทางศาสนา ประติมากรรมรูปเคารพทางศาสนาท่ีสาคญั ที่พบจากการทางานของกรมศิลปากร ไดแ้ ก่ 1. พระสุริยะไวโรจนะหรือพระจนั ทรไวโรจนะ ทาจากหินทราย ขนาดองคส์ ูง 36 เซนติเมตร ความสูงรวมฐาน 60 เซนติเมตร หนา้ ตกั กวา้ ง 23 เซนติเมตร ประทบั ราบขดั สมาธิราบเหนือฐานบวั พระพกั ตร์รูปเหล่ียม ทรงกระบงั หนา้ และกณุ ฑล พระหตั ถท์ ้งั 2 ขา้ งประคองขาดยาไวเ้ หนือพระนาภี รูปแบบศิลปะบายน อายรุ าวพทุ ธศตวรรษที่ 18 พบส่วนองคใ์ นบริเวณ ใกลก้ บั ส่วนฐานของปราสาทประธานดา้ นทิศใต้ ส่วนเศียรพบที่ดา้ นหนา้ วหิ าร โดยวางอยบู่ นฐานอาคาร พระ สุริยะไวโรจนะและพระจนั ทรไวโรจนะเป็นบริวารของพระไภษชั ยคุรุ ท้งั 2 องคม์ ีลกั ษณะทางประติมาน คลา้ ยคลึงกนั จึงไมแ่ น่ชดั วา่ เป็นองคใ์ ด 2. พระไภษชั ยคุรุไวฑูรยประภา ทาจากหินทราย สูง 42 เซนติเมตร ความสูงรวมฐาน 70 เซนติเมตร หนา้ ตกั วา้ ง 34 เซนติเมตร ประทบั ขดั สมาธิราบเหนือฐานบวั พระศอหกั พระพกั ตร์รูปเหลี่ยม ทรงกระบงั หนา้ และกณุ ฑล พระหตั ถท์ ้งั 2 ขา้ ง

Best Practice 1-62 ประคองวชั ระและกระด่ิงพระนาภี รูปแบบศิลปะบายน พบอยทู่ ี่ส่วนฐานปราสาทประธานดา้ นทิศใต้ ส่วนองค์ และเศียรพบแยกออกจากกนั ประมาณ 30 เซนติเมตร 3. พระโพธิสัตวว์ ชั ระปาณีทรงครุฑ ทาจากหินทราย สูง 43 เซนติเมตร ความสูงรวมฐาน 62 เซนติเมตร หนา้ ตกั วา้ ง 22 เซนติเมตร สวมกรอง ศอ พระพตั กร์เหล่ียม เกลา้ ผมเป็นมวยรูปทรงกระบอก พระหตั ถข์ วาถือวชั ระ พระหตั ถซ์ ้ายถือวตั ถุทรงกระบอก รูปแบบศิลปะบายน พบวางต้งั ตรงอยใู่ นหอ้ งดา้ นหนา้ วหิ าร ติดกบั ผนงั หอ้ งดา้ นทิศใต้ โดยส่วนองคแ์ ละเศียร พบแยกออกจากกนั 4. พระยมทรงกระบือ ทกจากหินทราย สูง 45 เซนติเมตร ความสูงรวมฐาน 66 เซนติเมตร หนา้ ตกั กวา้ ง 13 เซนติเมตร สวม กรองศอ พระพกั ตร์รูปเหล่ียม ทรงกระบงั หนา้ และกณุ ฑลทรงกลม พระหตั ถท์ ้งั 2 ขา้ งถือวตั ถุทรงกระบอก รูปแบบศิลปะบายน พบวางต้งั ตรงอยภู่ ายในหอ้ งดา้ นหนา้ วหิ าร ติดกบั ผนงั ดา้ นทิศใต้ เคียงคูก่ บั พระวชั รปาณี ทรงครุฑ ลาตวั ช่วงบนแตกหกั เป็นหลายชิ้น ส่วนเศียรแยกออกจากลาตวั 5. พระพทุ ธรูปบุเงินปางมารวชิ ยั พระพุทธรูปบุเงินปางมารวชิ ยั แกนในเป็ นผงวา่ นผสมยางไม้ ศิลปะลาว อายรุ าวพทุ ธศตวรรษท่ี 23-24 พบบรรจุอยใู่ นภาชนะดินเผาทรงหมอ้ เน้ือดิน จานวน 2 ใบ ใบท่ี 1 จานวน 20 องค์ ใบท่ี 2 จานวน 29 องค์ รวม ท้งั สิ้น 49 องค์ ขนาดสูงต้งั แต่ 7-16 เซนติเมตร พบใกลก้ บั ฐานกาแพงแกว้ ดา้ นทิศเหนือดา้ นใน ในระดบั ลึกลง ไปจากพ้ืนใชง้ านของโบราณสถานประมาณ 20 เซนติเมตร 6. นางปรัชญาปารมิตา พบในภาชนะดินเผาร่วมกบั พระพุทธรูปบุเงิน สูง 7.9 เซนติเมตร สภาพชารุด ส่วนพระวรกายและส่วน พระบาทแยกออกจากกนั พระกรท้งั 2 ขา้ งหกั หายไป สวมกระบวั หนา้ นุ่งผา้ จีบเป็นริ้ว ชกั ชายผา้ พบั มว้ นคลี่ ออกทางดา้ นหนา้ รูปแบบศิลปะบายน แท่นบรรจุวตั ถุมงคล ทาจากหินทรายสีเทา พบดา้ นทิศตะวนั ออกของปราสาทประธาน 3 ชิ้น ลกั ษณะทรงลูกลาศก์ ขนาดประมาณ 17x17x17 เซนติเมตร ดา้ นบนตรงกลางเป็ นหลุมส่ีเหลี่ยมจตั ุรัส ขนาด 6x6 เซนติเมตร ลึก 4-5 เซนติเมตร บริเวณขอบนอกดา้ นบนโดยรอบเจาะเป็นหลุมส่ีเหลี่ยม 16 หลุม ขนาด 0.5x0.5 เซนติเมตร ลึก 0.5 เซนติเมตร แทง่ หินบดและแท่นหินบด

Best Practice 1-62 แท่งหินบดและแทน่ หินบดทาจากหินทราย ภาชนะดินเผา พบท้งั ภาชนะดินเผาเน้ือดินและเน้ือแกร่ง สภาพสมบูรณ์และเป็นชิ้นส่วน ภาชนะดินเผาเน้ือแกร่งส่วนใหญ่เป็ น เคร่ืองถว้ ยเขมรกลุ่มเตาบา้ นกรวด จ.บุรีรัมย์ อายรุ าวพทุ ธศตวรรษที่ 18 เช่น ไหทรงเทา้ ชา้ ง กระปุก ชาม อา่ ง ไห สังขด์ ินเผา ขนาดยาง 12 เซนติเมตร พบภายในหอ้ งมุขของปราสาทประธาน สันนิษฐานวา่ สร้างข้ึยในสมยั บายน กระดิ่งทองเหลือง พบจานวน 2 ใบ พบวางอยคู่ ู่กนั บนฐานดา้ นทิศตะวนั ตกของปราสาทประธาน ใบท่ี 1 ขนาดสูง 11 เซนติเมตร เส้นผา่ ศูนยก์ ลางปาก 7.2 เซนติเมตร ใบท่ี 2 ขนาดสูง 12 เซนติเมตร เส้นผา่ ศูนยก์ ลางปาก 7.7 เซนติเมตร สันนิษฐานวา่ เป็ นรูปแบบศิลปะลาว อายรุ าวพทุ ธศตวรรษท่ี 23-24 ลาดบั อายุสมยั มีการเริ่มใชพ้ ้นื ที่ปรางคก์ ู่บา้ นหนองแฝกมาต้งั แตพ่ ทุ ธศตวรรษที่ 18 ปรากฏหลกั ฐานการอยอู่ าศยั และศาสน สถาน คือปรางคก์ ู่ ซ่ึงเป็นศาสนสถานประจาโรงพยาบาลหรืออโรคยาศาล ภายใตพ้ ระบารมีของพระโพธิสตั วผ์ ู้ ทรงการแพทยใ์ นคติความเช่ือของพุทธศาสนามหายาน ในสมยั พระเจา้ ชยั วรมนั ท่ี 7 หรือสมยั บายน ราวพุทธศตวรรษท่ี 19 ศาสนสถานแห่งน้ีถูกทิ้งร้างไป จนราวพทุ ธศตวรรษท่ี 23-24 หรือราวสมยั อยธุ ยาตอน ปลาย ชุมชนในวฒั นธรรมลาวจึงเขา้ มาอยอู่ าศยั และพฒั นาพ้นื ที่เป็นวดั สืบมาจนถึงปัจจุบนั การใช้ประโยชน์: ศาสนสถาน ผ้เู รียบเรียงข้อมูล-ผ้ดู ูแลฐานข้อมูล: ภาวณิ ี รัตนเสรีสุข เรียบเรียง, ทนงศกั ด์ิ เลิศพพิ ฒั นว์ รกุล ดูแลฐานขอ้ มูล 9. ภาพประกอบแหล่งเรียนรู้/ภูมปิ ญั ญา

Best Practice 1-62

Best Practice 1-62 1. ชอ่ื แหล่งเรยี นรู้ การแปรรูปผลิตภณั ฑจ์ ากตน้ กก 2. ท่ตี งั้ เลขท่ี 217 ม.1 ต.บา้ นเต่า อ.บา้ นแท่น จ.ชัยภมู ิ 3. ผจู้ ัดการแหลง่ เรียนรู/้ ภูมิปัญญา/เจ้าของ/ผ้ตู ดิ ต่อ นายโยธิน อรรควงษ์ โทร 087-1325284 4. หน่วยงาน/องคก์ รทรี่ ับผิดชอบ  สว่ นราชการ  วัด  สถานประกอบการ  เอกชน  องค์กรชุมชน  อื่นๆ (ระบุ)...................... 5. ประเภทแหล่งเรียนรู้/ภมู ิปญั ญา  บคุ คล  สถานท่ี  หน่วยงานภาครัฐ  องคก์ รเอกชน  สถาบันศาสนา  อนื่ ๆ(ระบุ)....................... 6. องคค์ วามรเู้ ร่ือง การจักสานและแปรรูปผลติ ภณั ฑจ์ ากตน้ กก 7. การใชป้ ระโยชนข์ องแหล่งเรยี นรู/้ ภูมิปญั ญา/ความสาคญั ของแหลง่ เรยี นร/ู้ ภมู ิปญั ญา ศึกษาการดาเนนิ ชวี ติ แบบพอเพยี ง โดยนาหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาดาเนนิ ชีวติ 8. รางวลั เชดิ ชูเกยี รติ (ถ้ามี) 9. ภาพประกอบแหล่งเรยี นรู้/ภูมิปญั ญา

Best Practice 1-62 1. ชอื่ แหลง่ เรยี นรู้การทาปยุ๋ นา้ หมกั /ปุ๋ยหมักอินทรยี ์ชีวภาพ 2.ท่ีต้งั เลขที่140 ม.9ต.บ้านเต่า อ.บา้ นแท่น จ.ชัยภมู ิ 3.ผ้จู ดั การแหลง่ เรียนร้/ู ภูมิปญั ญา/เจ้าของ/ผตู้ ดิ ต่อนายดุสติ ชานาญโทร 084-9590879 4.หน่วยงาน/องคก์ รทีร่ บั ผิดชอบ ส่วนราชการวัด สถานประกอบการ เอกชน องค์กรชมุ ชน อืน่ ๆ (ระบุ)...................... 5. ประเภทแหล่งเรยี นร/ู้ ภูมิปัญญาบุคคลสถานที่หนว่ ยงานภาครฐั องค์กรเอกชน สถาบันศาสนา อ่ืนๆ(ระบ)ุ ....................... 6. องค์ความรเู้ ร่ือง การทาปุ๋ยนา้ หมัก/ปุย๋ หมักอินทรยี ์ชวี ภาพ 7. การใชป้ ระโยชนข์ องแหล่งเรียนรู้/ภมู ปิ ัญญา/ความสาคญั ของแหล่งเรียนร้/ู ภูมิปญั ญา ศกึ ษาการดาเนนิ ชวี ิตแบบพอเพียง โดยนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาดาเนนิ ชีวติ 8. รางวัลเชิดชูเกียรติ (ถ้ามี) 1.ไดร้ ับรางวลั การประกวดผใู้ หญ่บา้ นยอดเย่ียมปี2547จากหน่วยงาน กระทรวงมหาดไทย 9. ภาพประกอบแหล่งเรยี นรู้/ภมู ิปัญญา 10.ผู้สารวจ นายนิคม บนุ ิสสยั ตาแหนง่ ครูศรช.

Best Practice 1-62 1. ช่ือแหลง่ เรยี นรู้การแปรรูปผลติ ภัณฑ์จากตน้ กก 2.ท่ตี ้งั เลขที่217 ม.1ต.บา้ นเต่า อ.บ้านแทน่ จ.ชยั ภูมิ 3.ผจู้ ดั การแหลง่ เรียนรู/้ ภูมิปัญญา/เจ้าของ/ผ้ตู ดิ ต่อนายโยธิน อรรควงษ์ โทร 087-1325284 4. หน่วยงาน/องค์กรท่ีรบั ผิดชอบ ส่วนราชการ วัด สถานประกอบการ เอกชน องค์กรชมุ ชน  อืน่ ๆ (ระบ)ุ ...................... 5. ประเภทแหล่งเรยี นรู้/ภมู ิปญั ญาบุคคล สถานท่ี หน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชน สถาบนั ศาสนา  อื่นๆ(ระบ)ุ ....................... 6. องคค์ วามร้เู รอ่ื ง การจักสานและแปรรปู ผลติ ภณั ฑ์จากตน้ กก 7. การใชป้ ระโยชน์ของแหล่งเรียนรู/้ ภูมปิ ญั ญา/ความสาคัญของแหลง่ เรยี นรู/้ ภมู ปิ ญั ญา ศึกษาการดาเนินชวี ิตแบบพอเพยี ง โดยนาหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาดาเนินชีวติ 8. รางวัลเชดิ ชูเกยี รติ (ถา้ มี) 9. ภาพประกอบแหล่งเรยี นร/ู้ ภมู ปิ ญั ญา 10.ผู้สารวจ นายนิคม บุนิสสัย ตาแหน่ง ครูศรช.

Best Practice 1-62 1. ช่อื แหล่งเรยี นรู้การปลกู หนอ่ ไมฝ้ รัง่ 2.ทต่ี งั้ เลขท่ี217 ม.1ต.บ้านเต่า อ.บา้ นแทน่ จ.ชยั ภูมิ 3.ผจู้ ัดการแหล่งเรียนรู้/ภูมิปัญญา/เจา้ ของ/ผตู้ ิดต่อนางมุกดา แก้วภเู ขยี ว โทร 4. หน่วยงาน/องค์กรท่ีรับผิดชอบ สว่ นราชการ วดั สถานประกอบการ เอกชน องค์กรชุมชน  อน่ื ๆ (ระบ)ุ ...................... 5. ประเภทแหล่งเรยี นรู้/ภูมิปญั ญาบุคคล สถานท่ี หน่วยงานภาครฐั องค์กรเอกชน สถาบนั ศาสนา  อ่ืนๆ(ระบ)ุ ....................... 6. องคค์ วามร้เู รอ่ื ง การปลูกหนอ่ ไม้ฝร่ัง 7. การใช้ประโยชน์ของแหล่งเรยี นร/ู้ ภูมปิ ัญญา/ความสาคญั ของแหล่งเรียนร/ู้ ภูมิปัญญา ศกึ ษาการดาเนนิ ชวี ติ แบบพอเพยี ง โดยนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาดาเนนิ ชีวติ 8. รางวัลเชิดชเู กยี รติ (ถ้ามี) 9. ภาพประกอบแหล่งเรยี นรู้/ภมู ปิ ัญญา 10.ผู้สารวจ นายนิคม บนุ ิสสัย ตาแหนง่ ครูศรช.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook