หนงั สอื สบิ สมนุ ไพรไทยทค่ี วรมไี วต้ ดิ บา้ น จดั ทาโดย กศน.ตาบลบา้ นเตา่ ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอบา้ นแทน่ สานกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จงั หวดั ชยั ภมู ิ สานกั งานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั
1.ฟ้าทะลายโจร ชื่ออื่น : ฟ้าทะลาย หญ้ากันงู นา้ ลายพังพอน เมฆทะลาย ฟ้าสะท้าน ในมุมมองการเกิดโรคหรืออาการตามศาสตร์การแพทย์แผนไทยน้ัน อาการไข้ ไอ เจ็บ คอ เป็นอิทธิพลของธาตุไฟท่ีเพ่ิมปริมาณสูงข้ึน ทาให้เกิดอาการดังกล่าว เราจึงสามารถ ใช้สมุนไพรฤทธ์ิเย็น (สมุนไพรฟ้าทะลายโจร) เพ่ือใช้ในการรักษาอาการที่ส่งผลมาจาก อิทธิพลของไฟที่เพ่ิมขึ้นได้ พูดง่ายๆคือ ใช้ความเย็น ปรับหรือลดปริมาณความร้อนใน ร่างกายให้สมดุลน่ันเอง แต่หากใช้ในปริมาณเกินความจาเป็นก็อาจส่งผลทาให้ ร่างกาย มีปริมาณความเย็นเกินไป ส่งผลทาให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ตามมาได้ เช่น อาการชา ต่างร่างกาย แขน-ขาอ่อนแรง ท้องอืดท้องเฟ้อ ท้องเสีย หรือผื่นแพ้ตามร่างกาย เป็นต้น คำแนะนำ 1. บรรเทาอาการเจ็บคอ 2. บรรเทาอาการของโรคหวัด (common cold) เช่น เจ็บคอ ปวดเม่ือยกล้ามเน้ือ ขนำดและวิธีใช้ รับประทานคร้ังละ 500 มิลลิกรัม – 2 กรัม วันละ 4 คร้ัง หลังอาหารและก่อน นอน ข้อห้ำมใช้ ห้ามใช้ ในผู้ที่มีอาการแพ้ ฟ้าทะลายโจร ห้ามใช้ ในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร เน่ืองจากอาจทาให้เกิดทารกวิรูปได้
คำเตือน หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทาให้แขนขามีอาการชาหรืออ่อนแรง หากใช้ฟ้าทะลายโจรติดต่อกัน 3 วัน แล้วไม่หาย หรือ มีอาการรุนแรงข้ึนระหว่าง ใช้ ยา ควรหยุดใช้ และพบแพทย์ ควรระวังการใช้ร่วมกับสารกันเลือดเป็นลิ่ม (anticoagulants) และยาต้านการจับ ตัวของเกล็ดเลือด (antiplatelets) ควรระวังการใช้ร่วมกับยาลดความดันเลือดเพราะอาจเสริมฤทธ์ิกันได้ ควรระวังการใช้ร่วมกับยาที่กระบวนการเมแทบอลิซึม ผ่านเอนไซม์ Cytochrome P450 (CYP) เนื่องจากฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ยับย้ังเอนไซม์ CYP1A2, CYP2C9 และCYP3A4 อำกำรไม่พึงประสงค์ อาจทาให้เกิดอาการผิดปกติของทางเดินอาหาร เช่น ปวดท้อง ท้องเดิน คล่ืนไส้ เบื่ออาหาร วิงเวียนศีรษะ ใจส่ัน และอาจเกิดลมพิษได้ 2.ลูกใต้ใบ งำนวจิ ัยและสรรพคุณ ประโยชนแ์ ละสรรพคณุ ลูกใตใ้ บ รูปแบบและขนาดวธิ ีใช้ แก้ไข้ ให้นาตน้ สด 1 กามอื ตม้ กบั น้าปริมาณ 2 ถว้ ยแกว้ จากนน้ั เคย่ี วจนเหลอื นา้ 1 1/2 ถ้วยแก้ว รบั ประทานคร้ังละครึง่ ถว้ ยแกว้ รักษาโรคเรมิ ใหใ้ ช้ลูกใตใ้ บประมาณ 5 ใบ ตาผสมกบั เหลา้ แล้วค้ันเอาแตน่ ามา จากนนั้ ใช้ สาลชี บุ นา้ ยามาแปะตรงท่ีเป็น รกั ษาอาการปวดขอ้ ใช้ยอดออ่ นมาตม้ กับนา้ แล้วด่ืมรกั ษาอาการปวดกระดกู ปวดข้อ
แก้ปวดเมอื่ ย นาลูกใตใ้ บมาล้างนา้ และสบั เป็นชน้ิ เล็ก ๆ ตากแดดใหแ้ หง้ ตม้ ใสห่ มอ้ ดนิ นามาด่ืมแทนชา แกไ้ อ นาใบอ่อนของตน้ ใต้ใบ 1 กามือ ตม้ กบั นา้ 2 แก้ว เคยี่ วจนเหลอื นา้ 1 1/2 แก้วใช้ จิบแก้ไอ ขับประจาเดือน นาต้นลูกใตใ้ บมาตม้ กนิ กจ็ ะช่วยปรบั สมดุลเลอื ดลมในร่างกาย ทาให้ ประจาเดอื นมาเปน็ ปกติได้ ไข้ทบั ระดู ให้นาลกู ใต้ใบทงั้ 5 มาลา้ งนา้ สะอาด นามาตาผสมเหล้าขาว คั้นเฉพาะนา้ ยามา ดื่มครง้ั ละ 1 ถว้ ยชา บารงุ สายตาให้ใช้ผลตม้ ด่มื และยังช่วยรักษาโรคตา กาจัดพษิ ออกจากตับ ใชต้ ้มด่ืมติดตอ่ กันประมาณ 1 สัปดาห์ ปอ้ งกันไม่ให้ตบั ถกู ทาลาย จากสารพษิ ตา่ ง ๆ และช่วยบารงุ ตบั ขอ้ แนะนาและข้อควรระวงั 1. สตรมี คี รรภ์ห้ามรบั ประทานลกู ใต้ใบเพราะลกู ใต้ใบมีสรรพคุณในการขบั ประจาเดือนซ่ึง อาจกอ่ ให้เกิดอนั ตรายได้ 2. ลกู ใต้ใบมีฤทธท์ิ างเภสชั ทีเ่ หมอื นกับยาแอสไพรนิ ดังนน้ั ผู้ทม่ี ปี ญั หาเกยี่ วกบั การแข่งตวั ของ เลือดไม่ควรรบั ประทาน 3. การใชส้ มนุ ไพรลูกใตใ้ บนน้ั ไมค่ วรใชต้ ิดตอ่ กันนานเกนิ ไป และไมค่ วรใชเ้ กิดขนาดท่ีระบุใน ฉลากผลิตภัณฑ์ 4. ผู้ท่ีเป็นโรคตับ โรคไตควรปรกึ ษาแพทยก์ ่อนใชเ้ สมอ
3.ข่ำ ประโยชน์และสรรพคณุ ขำ่ เปน็ ยำขบั ลม บำรงุ ธำตุ เปน็ ยำระบำยออ่ นๆ ช่วยบรรเทำอำกำรไอ ช่วยยอ่ ยอำหำร แก้บดิ แกป้ วดท้องจกุ เสยี ด แกโ้ รคปวดข้อ และโรคหลอดลมอกั เสบ ขับนำคำวปลำ ขับรก ใช้ภำยนอกทำรกั ษำกลำกเกลอื น แกไ้ ฟลวด แก้นำรอ้ นลวก แก้ลมพษิ และโรคลมป่วง แกส้ ันนบิ ำตหนำ้ เพลงิ รักษำโรคกลำกเกลอื น ขับลม แก้ทอ้ งอืดท้องเฟอ้ ชว่ ยยับยงั กำรเกดิ แผลในกระเพำะอำหำร ต้ำนเชือวณั โรค ต้ำนภมู ิแพ้ และตำ้ นอนมุ ูลอสิ ระ แก้พษิ จำกแมลงสตั วก์ ัดตอ่ ย ช่วยแกต้ ะคริวและเหนบ็ ชำ รปู แบบและขนำดวิธใี ช้ วธิ แี ละปรมิ าณทใ่ี ช้ : 1. รักษาทอ้ งขนึ้ ทอ้ งอดื ทอ้ งเฟอ้ ขบั ลม แกท้ อ้ งเดิน (ทเ่ี รียกโรคปว่ ง) แก้บดิ อาเจยี น ปวด ทอ้ ง ใช้เหงา้ ขา่ แกส่ ด ยาวประมาณ 1-1 ½ นว้ิ ฟตุ (หรอื ประมาณ 2 องคลุ )ี ตาให้ละเอยี ด เตมิ น้าปูนใส ใช้น้ายาดืม่ ครง้ั ละ ½ ถว้ ยแกว้ วนั ละ 3 เวลา หลังอาหาร
2. รกั ษาลมพิษ ใชเ้ หงา้ ขา่ แกๆ่ ท่สี ด 1 แง่ง ตาใหล้ ะเอยี ด เตมิ เหล้าโรงพอใหแ้ ฉะๆ ใช้ทงั้ เนอ้ื และน้า ทาบริเวณท่เี ปน็ ลมพิษบ่อยๆ จนกว่าจะดีข้ึน 3. รกั ษากลากเกลื้อน โรคผิวหนงั ใชเ้ หง้าข่าแก่ เทา่ หวั แม่มอื ตาให้ละเอียดผสมเหล้าโรง ทา ท่ีเปน็ โรคผวิ หนงั หลายๆ ครง้ั จนกว่าจะหาย เหงา้ แก่สดหรือแหง้ ใช้รกั ษาอาการท้องอดื ท้องเฟอ้ แน่นจุกเสยี ด ให้ใชป้ ระมาณเท่าหัวแม่ มอื ใชส้ ดประมาณ 5 กรมั และแหง้ ประมาณ 2 กรมั นามาทบุ ใหแ้ ตกแลว้ ต้มเอาน้าดมื่ เหง้าสด ใชร้ ักษาเกลอื้ น นาเหง้าสดมาฝนผสมกบั เหลา้ โรงหรอื น้าส้มสายชู หรอื ตาแล้วนามา แชแ่ อลกอฮอล์ ใชท้ าทเี่ ปน็ ตามคาแนะนาของกระทรวงสาธารณสขุ (สาธารณสขุ มลู ฐาน) ใชข้ า่ รักษาอาการแนน่ จกุ เสยี ด ใชเ้ หง้าสด 5 กรัม หรอื เหงา้ แหง้ 2 กรัม ตม้ กบั น้าจนเดือด รินนา้ ดม่ื ใชห้ ัวข่าตาละเอยี ดผสมน้าปูนใส 2 แก้ว นามาด่ืม ใช้ขา่ รักษากลาก เกลือ้ น ใช้เหง้าข่าปอกเปลอื ก จมุ่ เหล้าแลว้ เอามาทาบรเิ วณที่เป็นเกลอ้ื น ทาแรงๆ ทาเชน่ น้ี 4- 5 วนั ก็จะหาย ใชเ้ หงา้ ข่าแกๆ่ ล้างให้สะอาดฝานเป็นแว่นบางๆ หรอื ทบุ พอแตก นาไปแช่เหลา้ ขาวท้ิงไว้ สกั 1 คนื ทาความสะอาดขดั ถูบริเวณทีเ่ ป็นเกลอ้ื นจนพอแดงและแสบ แลว้ เอาข่าทแี่ ชไ่ ว้ มาทาเฉพาะบรเิ วณทีเ่ ปน็ เกลอ้ื น จะรสู้ กึ แสบๆ เย็นๆ ทาเชา้ และเย็นหลังอาบน้าทุกวัน ประมาณ 2สัปดาห์ เกลอื้ นจะจางลง และหายไปในทส่ี ดุ ใชเ้ หงา้ ข่าลา้ งให้สะอาด ฝานเป็นแผ่นบางๆ นาไปแช่เหล้า 35 ดกี รี ประมาณ 5 นาที แล้วทาที่มผี ื่นคนั อาการจะหายไป และถา้ แชค่ า้ งคืนจะใช้รกั ษาเกลอ้ื นได้ดี ใช้เหง้าขา่ สดตดั ท่อนละ 1 นวิ้ ทุบใหแ้ ตกพอชา้ อยา่ ถึงกบั ละเอยี ด ใสถ่ ว้ ยแช่เหล้าโรง ประมาณ 1/4 ถว้ ยชา ใช้สาลีชุบทาวันละครง้ั ใช้เหง้าขา่ แก่ๆ นามาตาพอแหลก แลว้ ผสมเหลา้ หรืออลั กอฮอล์ แช่ไว้ 1 คืน ใชท้ าแก้ เกลื้อน หรอื กลาก ขอ้ แนะนำและข้อควรระวงั เนอื่ งจากข่าเป็นพืชสมนุ ไพรทมี่ กี ารใช้มาตั้งแตโ่ บราณมาแล้ว อีกทง้ั ใชเ้ ป็น ส่วนประกอบของอาหารทใ่ี ช้รับประทานในชวี ติ ประจาวนั หลายๆเมนู ดังนี้ จงึ ไม่คอ่ ย พบอาการขา้ งเคยี งในการรับประทานขา่ แต่อาจจะมีขอ้ ควรระวงั ในอาการขา้ งเคยี ง อย่บู า้ ง ในกรณีการใชข้ า่ เปน็ ยาสมนุ ไพรทใ่ี ชท้ าทางผวิ หนัง เนอ่ื งจากบางคนอาจจะ แพ้ข่า โดยอาการทพี่ บก็คือเมอ่ื ใชข้ า่ ทาตรงบรเิ วณท่เี ปน็ โรคผวิ หนงั แลว้ อาจจะมี อาการแสบรอ้ นมากกค็ วรหยดุ ใช้ในทันที
4.กระเทียม ประโยชนแ์ ละสรรพคณุ กระเทยี ม 1. เปน็ ยำขับลม 2. แก้ลมจกุ เสียด แก้ทอ้ งอืดท้องเฟอ้ 3. แกธ้ ำตพุ ิกำร อำหำรไม่ย่อย 4. ขับเสมหะ ขับเหงื่อ 5. ชว่ ยลดไขมนั 6. รกั ษำปอด แกป้ อดพกิ ำร 7. แกอ้ ุจจำระเปน็ มูกเลอื ด 8. เปน็ ยำบำรุงธำตุ กระจำยโลหิต 9. ช่วยขบั ปัสสำวะ 10. แก้บวมพพุ อง 11. เป็นยำขบั พยำธิ 12. แกต้ ำปลำ 13. แกต้ ำแดง นำตำไหล ตำฟำง 14. รักษำโรคลกั ปดิ ลักเปดิ 15. รกั ษำมะเร็งคดุ 16. รกั ษำรดิ สดี วง 17. แก้ไอ แก้สะอกึ 18. บำบัดโรคในอก แก้พรรดึก 19. รักษำฟันเปน็ รำมะนำด 20. แกห้ อู ือ 21. แก้อัมพำต ลมเข้ำขอ้ 22. แก้อำกำรชกั กระตุกของเด็ก
23. รักษำวัณโรค 24. แกโ้ รคประสำท 25. แกห้ ืด 26. แก้ปวดมวนในท้อง 27. บำรงุ สขุ ภำพทำงกำมคณุ 28. ขับโลหิตระดู 29. บำรุงเส้นประสำท 30. แกไ้ ข้ 31. แก้ฟกชำ 32. แกป้ วดกระบอกตำ 33. แก้โรคในปำก 34. แก้หวดั คัดจมูก แก้ไขเ้ พอ่ื เสมหะ 35. ช่วยทำใหผ้ มเงำงำม บำรุงเส้นผมใหด้ กดำ 36. รักษำแผลเรอื รัง 37. รักษำกลำกเกลอื น แก้โรคผิวหนัง 38. แกพ้ ษิ แมลงสัตวก์ ดั ต่อย 39. ช่วยตำ้ นอนมุ ลู อสิ ระ 40. แก้โรคโรคเบำหวำน 41. แก้อำกำรออ่ นล้ำ ออ่ นเพลยี 42. ลดควำมดนั โลหิต 43. ลดระดับไขมนั ในเลือด รูปแบบและวธิ ีกำรใชก้ ระเทียม ปริมาณการรบั ประทานกระเทยี มทีเ่ หมาะสมตอ่ วนั ผู้ใหญ่ ควรรบั ประทานกระเทยี มสด 4 กรมั ต่อวนั หากเป็นผงกระเทยี มแหง้ หรอื แบบสกดั ควรรบั ประทานประมาณ 300 มลิ ลิกรมั เป็นเวลา 2-3 ครั้งตอ่ วนั ตามคาแนะนาของกระทรวงสาธารณสุข (สาธารณสุขมูลฐาน) การใชก้ ระเทยี มรักษาอาการแน่นจกุ เสียด • ก.นากระเทยี ม 5-7 กลบี บดใหล้ ะเอยี ด เตมิ น้าส้มสายชู 2 ชอ้ นโต๊ะ เกลือและน้าตาลนิด หนอ่ ย ผสมใหเ้ ข้ากนั กรองเอาเฉพาะนา้ ด่มื • นากระเทยี มมาปอกเปลือก นาเฉพาะเนอ้ื ใน 5 กลบี มาซอยใหล้ ะเอียด รับประทานกับน้า
หลงั อาหารทุกม้ือ แก้ปวดทอ้ ง อาหารไม่ยอ่ ย การใช้กระเทียมรักษากลาก เกลอ้ื น • นากระเทยี มมาขูดให้เป็นช้นิ เลก็ ๆ หรอื บดให้แหลก พอกทผ่ี วิ หนัง แล้วปิดด้วยผ้าพนั แผลไว้ นานอยา่ งน้อย 20 นาที จงึ ลา้ งออกด้วยน้าสะอาด ทาซา้ เช้าเย็นเปน็ ประจาทกุ วัน • ขดู ผิวหนังสว่ นทีเ่ ปน็ เกลื้อนใหพ้ อเลอื ดซมึ ดว้ ยใบมีด แล้วใช้กระเทยี มสดทา ทาเชน่ นีท้ ุกวัน 10 วนั กจ็ ะหาย กระเทียมแกป้ วดฟนั • นาหัวกระเทยี ม 1 กลีบ ปอกเปลือกออกแลว้ นามาตาจนละเอยี ด ขณะท่ตี าให้ใสเ่ หลือไป ดว้ ยสักเลก็ นอ้ ย แล้วนาไปพอกหรอื อดุ ไวบ้ ริเวณฟันทีป่ วด บิด • นาหัวกระเทยี ม 12-15 กลีบ ปอกเปลือก รบั ประทานดิบๆ วนั ละ 3 คร้ัง หลังอาหารอาจ ใชน้ า้ ผึง้ หรอื นา้ ตาลออ้ ย ชว่ ยกลบรสเผด็ ของกระเทยี มก็ได้ รักษาแผลทีเ่ นา่ เปอื่ ยและเปน็ หนอง • นาหวั กระเทยี ม 1 หวั มาปอกเปลอื กแลว้ ตาใหล้ ะเอยี ด พอกบรเิ วณทเี่ ปน็ แผล โดยพอกทงิ้ เอาไวป้ ระมาณ 30 นาที จึงเอาออกแลว้ ทาความสะอาดแผลหรือจะนากระเทยี มท่ีตาแล้วไป แชใ่ นนา้ อนุ่ และปิดฝาทงิ้ เอาไวป้ ระมาณ 2-3 ชัว่ โมง จงึ กรองเอานา้ มาใชล้ า้ งแผล กไ็ ดผ้ ลดี เช่นกนั ลดไขมันในเสน้ เลอื ด ลดความดันโลหติ หรอื เพอื่ รกั ษาโรคเสน้ เลอื ดหวั ใจและสมองตบี ตนั • กินกระเทยี มสดคร้งั ละ 5 กรมั โดยสบั หรอื บดตวงได้ราว 1 ชอ้ นชาพนู กินพร้อมอาหารวัน ละ 3 เวลา อยา่ กนิ กระเทียมตอนทอ้ งวา่ ง เพราะจะระคายเคืองตอ่ กระเพาะ ลาไส้ ในกรณตี อ้ งการกนิ เป็นประจา เพอ่ื ปอ้ งกันเบาหวาน และขจดั พิษสารตะกวั่ • นากระเทยี มกลบี ใหญ่ ๆ เพยี ง 3 กลบี ทุบให้แตก กลืนกับน้าอุน่ 1 แกว้ ทกุ ๆ เชา้ หลงั ต่นื นอน นา้ อุน่ จะชว่ ยไมใ่ หเ้ กดิ การระคายเคอื งในกระเพาะ ขนาดและวธิ ีใชส้ าหรบั แกไ้ อ • นากระเทยี ม และขิงสดอยา่ งละเท่ากนั ตาละเอียด ละลายนา้ ออ้ ยสด ค้ันเอานา้ จิบแกไ้ อ กดั เสมหะ ทาใหเ้ สมหะแหง้ ตารายาไทยบางตารบั ให้คัน้ กระเทียมกบั นา้ มะนาวเติมเกลอื ใช้จบิ หรอื กวาดคอ ขอ้ แนะนำและขอ้ ควรระวัง ทฤษฎแี พทยจ์ นี กล่าวไวว้ า่ กระเทยี มมคี ณุ สมบตั ริ ้อน รสเผ็ด สาหรับผทู้ เ่ี ป็นโรคร้อนเพราะ ยีนพรอ่ ง คอื มอี าการหน้าแดง มไี ข้หลงั เทยี่ ง คอแหง้ ท้องผกู ร้อนในกระหายนา้ ไมค่ วรกิน
หรือกินไดเ้ ลก็ นอ้ ย ผู้ทเ่ี ปน็ แผลในกระเพาะอาหาร หรอื กระเพาะอาหารอกั เสบเร้อื รัง มกี รดในกระเพาะอาหาร มากเกนิ ไป หรอื ตาแดง ไม่ควรกินกระเทยี ม เนือ่ งจากกระเทยี มมีรสฉุน กระเทยี มท่ปี รุงสกุ แลว้ จะไม่มกี ลน่ิ หรอื เมอื่ จาเป็นต้องกนิ กระเทียมดิบ หลังจากกินกระเทียม ให้เค้ยี วใบชาหรือน้าชาแกๆ่ บว้ นปาก หรือจะเคย้ี วพทุ รา จีนสกั 2-3 เมด็ กไ็ ด้ กลน่ิ กระเทยี มก็จะหายไป แม้วา่ กระเทยี มจะเปน็ พชื ที่มีสรรพคณุ อยมู่ ากมาย แตค่ ณุ ก็ไมค่ วรที่จะเลือกใชก้ ระเทียมเพอ่ื หวงั ผลในการรกั ษาอาการหรอื โรคใดโรคหนงึ่ อกี ทัง้ ผลลพั ธท์ ไี่ ด้ในแตล่ ะบคุ คลกอ็ าจจะ แตกตา่ งกนั ออกไป ดังนน้ั คุณควรเลอื กรับประทานใหห้ ลากหลายและครบ 5 หมู่ จะเป็น ทางเลอื กทดี่ ีที่สุด เพราะพชื ผกั สมุนไพรทัว่ ๆ ไป ถา้ ศกึ ษากันจรงิ ๆ แลว้ มนั กม็ ีประโยชน์ไม่ นอ้ ยไปกวา่ กนั เลย 5.ขิง ประโยชน์และสรรพคณุ ขงิ เป็นยำบำรุงกำลงั และยำอำยวุ ฒั นะ ชว่ ยต่อต้ำนอนุมลู อสิ ระที่มีในร่ำงกำย ชว่ ยให้ระบบขบั ถ่ำยในร่ำงกำยดีขนึ ชว่ ยรกั ษำอำกำรร้อนใน ขบั ล้ำงสำรพษิ และคอเลสเตอรอล,ไขมนั ออกจำกรำ่ งกำย ช่วยแก้อำกำรหนำวสั่น ชว่ ยทำใหร้ ำ่ งกำยอบอ่นุ ขนึ ช่วยบรรเทำอำกำรคลืน่ ใส้อำเจยี นได้ ชว่ ยลดอำกำรปวดศีรษะและไมเกรนได้ แกท้ ้องอดื ท้องเฟอ้ ขบั ลม สำมำรถช่วยรักษำโรคนิ่ว
ชว่ ยขบั ถำ่ ยของเสียออกจำกลำไส้ ชว่ ยต่อต้ำนเชือแบคทเี รยี ช่วยในกำรย่อยอำหำร ชว่ ยลดกล่ินปำก แกอ้ ำกำรปำกเหมน็ ขงิ เปน็ พชื ทีม่ คี วามสาคญั ทางอาหารเนอ่ื งมธี าตุฟอสฟอรสั และวิตามิน เอ สูงและยงั ชว่ ย ในการปรับปรงุ รสชาตอิ าหาร คนโบราณนาสว่ นตา่ งๆ ของขงิ ได้แก่ แงง่ ขงิ เปลอื กขงิ นา้ มัน หอมระเหยและใบ สดๆ มาใช้เป็นยาสมุนไพร เพอื่ รกั ษาโรคชนิดต่างๆ การใชเ้ ป็นอาหาร ขงิ นามาทาอาหารไดห้ ลากหลาย ขงิ อ่อนใชเ้ ป็นผักจ้มิ ใชท่ าผดั ขิง ใสในยา เชน่ ยาหอยแครง ใส่ในแกงฮังเล นา้ พรกิ ก้งุ จ่อม ซอยใส่ในตม้ ส้มปลา เมย่ี งคา ไก่สามอย่าง ใช้ทาขิงดอง ใส่ในบวั ลอยไข่หวานเพอื่ ดบั กลน่ิ คาวไข่ ทาเป็นอาหารหวาน เช่น นา้ ขิง เตา้ ฮวย ขงิ แชอ่ ิ่ม ขนมปงั ขิง และยงั ทาเปน็ ขิงผงสาเร็จรูป สาหรบั ชงด่มื ไดอ้ ีกด้วย รปู แบบและขนำดวิธีใช้ขงิ ขิงแกห้ วดั แกไ้ อ ใช้เหงา้ ขงิ สดอายุ 11-12 เดอื น ขนาดเท่าหวั แมม่ อื หนักประมาณ 5 กรมั ทุบใหแ้ ตก แลว้ ต้มเอานา้ มาดมื่ ถา้ มอี าการไอรว่ มด้วยกอ็ าจผสมน้าผง้ึ ในน้าขิง หรอื อาจ เหยาะเกลือลงในนา้ ขงิ เล็กน้อยหากมอี าการไอรว่ มกบั เสมหะ เกลือจะทาให้ระคายคอและขับ เสมหะที่ติดในลาคอออกมา จบิ น้าขงิ บอ่ ยๆ แทนน้า รบั รองอาการหวดั หายเป็นปลดิ ท้งิ ขงิ แก้ทอ้ งอดื ทอ้ งเฟอ้ จกุ เสยี ดแนน่ แกป้ วดท้อง นาขิง 30 กรมั ชงกับนา้ เดอื ด 500 มิลลลิ ิตร แช่ท้ิงไว้ 1 ช่ัวโมง ดม่ื คร้ังละ 2 ช้อนโตะ๊ (60 มลิ ลลิ ติ ร) ใช้ ขิงแกต่ ม้ กบั นา้ รนิ นา้ ดื่มแก้โรคจุกเสยี ด ทาให้หลับสบาย ขงิ แกย่ าว 2 นิ้ว ทุบพอแหลก เทน้าเดือดลงไปคร่ึงแก้ว ปดิ ฝา ตัง้ ทง้ิ ไว้นาน 5 นาที รินเอาแตน่ า้ มาด่มื ระหวา่ งอาหารแตล่ ะม้ือ ใช้ผงขิงแหง้ 1 ชอ้ น โตะ๊ ปาดๆ หรอื 0.6 กรัม ถ้าขิงแกส่ ดยาวประมาณ 1 องคลุ ี หรือประมาณ 5 กรมั ต้มกับน้า เติมนา้ ตาลด่ืมทกุ ๆ วนั ถ้าเปน็ ผงขิงแห้งให้ชงน้าร้อน เติมนา้ ตาลดมื่ ขงิ แก้ไอ ใช้เหง้าสดประมาณ 60 กรมั นา้ ตาลทรายแดง 30 กรมั ใสน่ ้า 3 แก้ว นาไปตม้ เคี่ยวให้เหลอื ครึง่ แกว้ แล้วจิบตอนอุ่นๆ หรือใชฝ้ นกับมะนาวแทรกเกลอื ใชก้ วาดคอหรือจบิ บ่อยๆ ในกรณที ่ีตอ้ งการใช้ ขบั เสมหะ คนั้ นา้ ขงิ สดประมาณครึ่งถว้ ย ผสมนา้ ผึ้ง 30 กรมั อนุ่ ให้ รอ้ นก่อนดืม่ ส่วนในรายทไี่ อเรอ้ื รงั ใชน้ า้ ผ้ึงประมาณ 500 กรัม นา้ ค้นั จากเหงา้ สด ประมาณ 1 ลติ รนามาผสมกนั แล้วเคยี่ วในกระทะทองเหลอื ง (ถ้าไม่มอี าจใช้กระทะสแตน เลสทท่ี นกรดทนดา่ งได้ แต่ ไม่ควรใชก้ ระทะเหล็ก) จนนา้ ระเหยไปหมดจงึ นามาป้ันเปน็ ลูกกลอนเทา่ เม็ดลูกพทุ ราจีน ให้อมกินครงั้ ละ 1 เมด็ วนั ละ 3 ครงั้ ทาปวดขอ้ ใช้น้าคัน้ จากเหง้าสด ผสมกาวหนังววั เคย่ี วให้ขน้ นาไป พอกบรเิ วณท่ีปวด หรอื ใชเ้ หง้าสดย่างไปตา ผสมนา้ มนั มะพร้าวใช้ทาบรเิ วณที่ปวด แก้คล่นื ไส้ อาเจียน ขิงสด ๓๐ กรัมสบั ใหล้ ะเอยี ด ต้มดม่ื ขณะทอ้ งวา่ ง ใชข้ งิ แกส่ ด หรือแห้ง
ขงิ สดขนาดหวั แม่มอื (ประมาณ 5 กรัม) ทุบใหแ้ ตก ถ้าแหง้ 5-7 ชน้ิ ตม้ กับน้าด่ืม นาขิงสด 3 หัว หวั โตยาวประมาณ 5 นิ้ว ใสน่ า้ 1 แก้ว ตม้ จนเหลือ 1/2 แกว้ (ประมาณ 15-20 นาที หลงั จากเดือดแล้ว) รนิ เอานา้ ดม่ื แก้ปวดประจาเดอื น ขงิ แหง้ 30 กรัม นา้ ตาลออ้ ย (หรอื นา้ ตาลทรายแดง) 30 กรมั ต้มนา้ ดม่ื เด็กเป็นหวดั เยน็ เอาขงิ สดและรากฝอยต้นหอมตารวมกนั เอาผ้าหอ่ ค้นั เอา แต่น้าทาทคี่ อ ฝา่ มอื ฝา่ เทา้ หนา้ อก และหลังของเดก็ ผมร่วงหัวล้าน ใช้เหงา้ สด นาไปผงิ ไฟใหอ้ ุน่ ตาพอกบริเวณท่ีผมร่วง วนั ละ 2 ครั้ง สกั 3 วนั ถา้ เหน็ ว่า ดขี น้ึ อาจจะใช้พอกต่อไปจน กวา่ ผมจะขนึ้ ยาขมเจรญิ อาหาร ใชเ้ หง้าสดประมาณ 1 องคลุ ี ถา้ ผงแหง้ ใช้ 1/2 ชอ้ นโตะ๊ หรือประมาณ 0.6 กรมั ผงขงิ แหง้ ชงกับน้าดืม่ เหงา้ สดตม้ นา้ หรอื ปรงุ อาหาร เช่น ผดั หรอื รบั ประทาน สดๆ เช่น กับลาบ แหนม และอนื่ ๆ ลดความดนั โลหิต ใช้ขิงสดเอามาฝานต้มกับนา้ รับประทาน 6.ไพล ประโยชน์และสรรพคณุ ไพล 1. ชว่ ยขับโลหติ ร้ำยทังหลำยใหต้ กเสีย 2. ขับระดูสตรี 3. แก้ฟกชำ 4. แกเ้ คลด็ บวม 5. ขบั ลมในลำไส้ ขบั ระดู 6. ใชไ้ ลแ่ มลง
7. แกจ้ ุกเสียด 8. รกั ษำโรคเหนบ็ ชำ 9. แกป้ วดท้อง บิดเป็นมกู เลอื ด 10. ชว่ ยสมำนแผล สมำนลำไส้ 11. แกล้ ำไสอ้ ักเสบ 12. แกม้ ุตกิดระดูขำว 13. ขบั ลม 14. แก้ท้องอืดทอ้ งเฟอ้ 15. แก้ท้องผูก 16. แก้อำเจยี น 17. แก้ปวดฟัน 18. เป็นยำรกั ษำหืด 19. แก้เคล็ดขัดยอก ข้อเทำ้ แพลง 20. แก้โรคผวิ หนัง แกฝ้ ี ดูดหนอง สมำนแผล 21. แกป้ วดเมอ่ื ยกลำ้ มเนอื 22. เป็นยำชำเฉพำะที่ 23. ใช้ป้องกนั เล็บถอด 24. ใช้ตม้ นำอำบหลังคลอด 25. รักษำอำกำรปวดเมอื่ ย เคลด็ ขดั ยอก ฟกชำ 26. ลดอำกำรอักเสบ บวม เส้นตึง เมอ่ื ยขบ เหนบ็ ชำ และลดอำกำรปวด 27. ชว่ ยทำใหป้ ระจำเดือนมำปกติ แกท้ อ้ งอดื ทอ้ งเฟ้อ นอกจากนบี้ ญั ชียาจากสมนุ ไพร: ทม่ี ีการใช้ตามองคค์ วามรดู้ ั้งเดิม ตามประกาศ คณะกรรมการแห่งชาติดา้ นยา (ฉบบั ท่ี 5) ปรากฏการใช้เหงา้ ไพล ในยารักษาอาการทาง ระบบทางเดนิ อาหาร ตารับ “ยาประสะกานพล”ู มีสว่ นประกอบของไพลร่วมกบั สมนุ ไพร ชนิดอ่ืนๆ ในตารับ มสี รรพคณุ บรรเทาอาการปวดท้อง จกุ เสียด แน่นเฟ้อจากอาหารไม่ยอ่ ย เนอื่ งจากธาตุไมป่ กติ และยารักษากลมุ่ อาการทางสูติศาสตร์-นรเี วชวทิ ยา ปรากฏตารับ “ยา ประสะไพล” มีไพลเป็นสว่ นประกอบหลกั ร่วมกับสมุนไพรชนดิ อื่นๆ ในตารับ ใชใ้ นสตรีที่ระดู มาไมส่ ม่าเสมอ หรอื มาน้อยกว่าปกติ และขับนา้ คาวปลาในสตรีหลงั คลอดบตุ ร รปู แบบและขนำดวิธกี ำรใชไ้ พล แก้ทอ้ งขึน้ ท้องอดื ทอ้ งเฟอ้ ขับลม ใชเ้ หง้าไพลแหง้ บดเป็นผง รับประทานคร้งั ละ ½ ถึง 1 ช้อนชา ชงน้ารอ้ น ผสมเกลอื เล็กนอ้ ย ด่ืม
รักษาอาการเคลด็ ขดั ยอก ฟกช้าบวม ขอ้ เท้าแพลง ใช้หัวไพลฝนทาแกฟ้ กบวม เคล็ด ขัด ยอกใช้เหงา้ ไพล ประมาณ 1 เหง้า ตาแล้วคน้ั เอาน้าทาถูนวดบรเิ วณทมี่ อี าการ หรอื ตาให้ ละเอียด ผสมเกลอื เลก็ นอ้ ยคลุกเคล้า แลว้ นามาหอ่ เป็นลกู ประคบ อังไอน้าใหค้ วามรอ้ น ประคบบริเวณปวดเมือ่ ยและบวมฟกช้า เชา้ -เยน็ จนกว่าจะหาย หรอื ทาเป็นนา้ มนั ไพลไวใ้ ช้ก็ ได้ โดยเอาไพล หนกั 2 กโิ ลกรมั ทอดในน้ามันพืชร้อนๆ 1 กิโลกรัม ทอดจนเหลอื งแลว้ เอา ไพลออก ใส่กานพลผู งประมาณ 4 ชอ้ นชา ทอดตอ่ ไปดว้ ยไฟออ่ นๆ ประมาณ 10 นาที กรองแล้วรอจนนา้ มนั อนุ่ ๆ ใส่การบูรลงไป 4 ช้อนชา ใส่ภาชนะปดิ ฝามิดชดิ รอจนเย็น จึง เขย่าการบรู ใหล้ ะลาย น้ามนั ไพลนี้ใชท้ าถนู วดวันละ 2 ครง้ั เชา้ -เยน็ หรือเวลาปวด (สูตรน้ี เปน็ ของ นายวบิ ลู ย์ เขม็ เฉลมิ อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา) การเตรยี มสมนุ ไพรไวใ้ ชร้ ักษาเอง เก็บเหง้าไพลสดท่แี กจ่ ดั อายุ ๑๐ เดือนขึน้ ไป เพราะเป็นชว่ งท่มี สี ารสาคญั อยู่มาก ทาไว้ใช้ได้ ๓ รูปแบบ ดังนี้ • นาเหง้าไพลสดมาตาให้แหลกพอกบริเวณทม่ี อี าการ • ใช้เหง้าสดลา้ งใหส้ ะอาดหั่นเป็น ชิ้นบางๆ ตม้ กบั นา้ มนั พชื โดยใช้ไฟออ่ นๆ ในอตั รา ๒:๑ ต้ม จนนา้ มนั ทไี่ ดเ้ ปน็ สเี หลอื งใส กรองเอาเฉพาะนา้ มัน อาจผสม การบรู เล็กน้อย เพอ่ื ประคบ บริเวณที่มอี าการ เช้า-เยน็ หรอื เวลาปวดจนกวา่ จะหาย • ใช้เหงา้ ไพลสดตาผสมการบูรประมาณ ๑ ช้อนโตะ๊ ห่อเปน็ ลูกประคบและอังไอน้าใหร้ อ้ น ใชป้ ระคบบริเวณท่ีปวดวันละ ๒ ครงั้ จะช่วยบรรเทาอาการปวดได้ดี และยงั มีกลนิ่ สมนุ ไพรที่ ทาใหร้ า่ งกายและจิตใจได้ผ่อนคลายลงได้ แก้บดิ ท้องเสยี ใชเ้ หงา้ ไพลสด 4-5 แว่น ตาให้ละเอียด คัน้ เอาแตน่ า้ เตมิ เกลือครงึ่ ชอ้ นชา ใช้ รบั ประทาน หรอื ฝนกับนา้ ปนู ใส รบั ประทาน เป็นยารกั ษาหดื ใชเ้ หง้าไพลแห้ง 5 ส่วน พริกไทย ดีปลี อย่างละ 2 สว่ น กานพลู พมิ เสน อยา่ งละ ½ สว่ น บดผสมรวมกนั ใชผ้ งยา 1 ชอ้ นชา ชงน้าร้อนรบั ประทาน หรอื ปนั้ เปน็ ลกู กลอนดว้ ยน้าผง้ึ ขนาดเทา่ เม็ดพทุ รา รบั ประทานครง้ั ละ 2 ลกู ต้อง รบั ประทานตดิ ต่อกันเวลานาน จนกวา่ อาการจะดขี น้ึ เป็นยาแกเ้ ล็บถอด ใชเ้ หง้าไพลสด 1 แงง่ ขนาดเท่าหัวแมม่ อื ตาให้ละเอียดผสมเกลือและ การบรู อยา่ งละประมาณคร่งึ ชอ้ นชา แล้วนามาพอกบริเวณทเ่ี ป็นหนอง ควรเปลย่ี นยาวันละ ครัง้ ชว่ ยทาใหผ้ ิวหนังช่มุ ชืน่ และเปน็ ยาช่วยสมานแผลด้วย ใช้เหงา้ สด 1 แง่ง ฝานเป็นชนิ้ บางๆ ใช้ตม้ รวมกบั สมุนไพรอน่ื ๆ เนื่องจากไพลม่นี า้ มนั หอมระเหย การใช้วิธีการใชไ้ พลรักษาอาการบวม ฟกชา้ อักเสบตามคาแนะนาของกระทรวงสาธารณสุข (สาธารณสุขมลู ฐาน)
1. นาไพลมาฝานเปน็ ชน้ิ บางๆ ใช้ถนู วดบรเิ วณท่อี ักเสบ 2. เตรียมนา้ มันไพลด้วยการจ่ีในกะทะ (คว่ั ในกะทะ) จนไดน้ ้ามนั สีเหลอื ง นามาทาถูนวด หมายเหตุ: ครมี นา้ มนั ไพลขององคก์ ารเภสชั กรรม เตรยี มจากนา้ มนั ซึ่งกลน่ั จากหวั ไพล สาระสาคญั จะเป็นน้ามนั หอมระเหย ยาจากสมนุ ไพรในบัญชียาหลักแหง่ ชาติ ครมี ทมี่ นี า้ มนั ไพลร้อยละ 14 ทาและถูเบา ๆ วนั ละ 2-3 ครั้ง บริเวณทม่ี อี าการปวดเมือ่ ย ปวดบวม จากกลา้ มเน้อื อักเสบ เคลด็ ยอก ฟกช้า 7.ขมนิ ชัน ประโยชนแ์ ละสรรพคณุ ขมนิ ชัน 1. ชว่ ยเจรญิ อำหำร 2. ยำบำรุงธำตุ ฟอกเลอื ด 3. แกท้ ้องอืดเฟ้อ แน่น จกุ เสยี ด 4. ชว่ ยลดนำหนกั 5. ปวดประจำเดอื น ประจำเดอื นมำไมป่ กติ 6. อำกำรดีซ่ำน 7. แก้อำกำรวงิ เวียน 8. แก้หวดั 9. แกอ้ ำกำรชัก ลดไข้ 10. ขับปสั สำวะ 11. รักษำอำกำรทอ้ งมำน 12. แกไ้ ข้ผอมแหง้ 13. แก้เสมหะและโลหติ เปน็ พษิ โลหติ ออกทำงทวำรหนกั และเบำ 14. แก้ตกเลือด 15. แก้อำกำรตำบวม 16. แก้ปวดฟนั เหงือกบวม
17. มีฤทธร์ิ ะงบั เชอื ต้ำนวณั โรค 18. ปอ้ งกนั โรคหนองใน 19. แกท้ ้องเสยี แกบ้ ดิ 20. รกั ษำมะเร็งลำม 21. ช่วยลดอำกำรฟกชำบวม ปวดไหลแ่ ละแขน บวมชำและปวดบวม 22. แกป้ วดขอ้ 23. ใช้สมำนแผลสดและแผลถลอก ผสมยำนวดคลำยเสน้ แก้เคล็ดขัดยอก 24. แก้นำกัดเทำ้ แก้ชันนะตุ 25. แกก้ ลำกเกลอื น แก้โรคผิวหนังผ่นื คัน 26. ใชส้ มำนแผล รักษำฝี แผลพุพอง 27. ลดอำกำรแพ้ อกั เสบจำกแมลงสัตวก์ ดั ตอ่ ย 28. ใชห้ ำ้ มเลอื ด 29. รักษำผิว บำรงุ ผวิ 30. ช่วยลดหน้ำทอ้ งลำยหลงั คลอดบุตร 31. ช่วยลดกล่ินปำก ประเทศ สรรพคุณทำงยำขมินชนั อนิ เดยี - ใหก้ ลน่ิ หอม เป็นยากระต้นุ และช่วยขบั ลม - ผงขม้นิ ผสมกับน้ามะนาวใชพ้ อกเพอื่ รกั ษาอาการ บาดเจบ็ เคลด็ ขัด ยอก บวม - รกั ษาความผดิ ปกตขิ องระบบนา้ ดี - รักษาอาการเบ่ืออาหาร - โรคหวัด - แกไ้ อ - แผลจากโรคเบาหวาน - ความผิดปกติของตับ - โรคขอ้ รูมาติซมึ (rheumatism) - ไซนัสอกั เสบ (sinusitis) จีน - ปวดทอ้ ง (abdominal pain) - ทอ้ งมาน (ascites) - ดีซ่าน (icterus)
- แกไ้ ขเ้ ร้ือรงั ไทย - รกั ษาอาการผอมเหลอื ง - แกโ้ รคผิวหนัง - แกท้ อ้ งร่วง - สมานแผล - ขับลม - รักษาอาการท้องอดื ทอ้ งเฟอ้ แกธ้ าตพุ กิ าร อาหารไมย่ อ่ ย - รักษาแผลในกระเพาะอาหาร รปู แบบและขนำดวธิ ีกำรใชข้ มนิ ชัน แกอ้ าการทอ้ งอดื ทอ้ งเฟ้อ แนน่ จุกเสยี ด อาหารไมย่ ่อย อาการแสบคนั แกห้ ิว และแก้ กระหาย ทาโดยลา้ งขมน้ิ ชันให้สะอาด ไม่ตอ้ งปอกเปลือกออก ห่นั เปน็ ชิ้นบาง ๆ ตากแดดจดั สกั 1-2 วัน บดใหล้ ะเอยี ดผสมกบั น้าผึ้งปน้ั เปน็ เม็ดขนาดปลายนว้ิ ก้อย กนิ ครง้ั ละ 2-3 เมด็ วนั ละ 3 -4 คร้ัง หลงั อาหารและก่อนนอน แตบ่ างคนเม่อื กินยาน้ีแล้วแนน่ จกุ เสยี ดให้หยดุ กนิ ยานี้ ใชภ้ ายใน(ยารับประทาน): • ยาแคปซลู ท่มี ผี งเหงา้ ขม้ินชนั แหง้ 250 มิลลกิ รัม รบั ประทานครั้งละ 2-4 แคปซลู วันละ 4 คร้งั หลังอาหารและกอ่ นนอน อาจป้ันเปน็ ลกู กลอนกับนา้ ผ้งึ • เหง้าแกส่ ดยาวประมาณ 2 นิว้ ขูดเปลอื ก ล้างน้าให้สะอาดตาใหล้ ะเอียด เติมน้า ค้นั เอาแต่ นา้ รับประทานคร้งั ละ 2 ช้อนโต๊ะ วันละ 3-4 คร้งั ใชภ้ ายนอก: • ใช้เหง้าขม้ินแกส่ ดฝนกับน้าสุก หรือผงขม้ินชนั ทาบริเวณทเี่ ป็นฝี แผลพพุ อง หรอื อกั เสบ จากแมลงสัตว์กัดตอ่ ย • เหงา้ แก่แห้ง บดเปน็ ผงละเอียด ทาบริเวณท่เี ป็นเม็ดผ่ืนคัน • เหงา้ แหง้ บดเป็นผง นามาเคีย่ วกับน้ามนั พชื ทาน้ามันใสแ่ ผลสด • เหงา้ แก่ 1 หัวแม่มอื ล้างสะอาดบดละเอยี ด เติมสารสม้ เลก็ น้อย และน้ามนั มะพร้าวพอ แฉะๆใช้ทาบริเวณทเ่ี ปน็ แผลพพุ อง ทหี่ นงั ศรี ษะ ขนาดที่ใชใ้ นการรกั ษาอาการ dyspepsia รบั ประทานผงขมิ้นชนั ในขนาด 1.5 - 4 กรัมต่อวัน โดยแบง่ ใหว้ นั ละ 3 - 4 ครั้ง หลงั อาหาร และก่อนนอน หรอื รับประทานขมนิ้ ชันในรูปแบบแคปซูลทม่ี ผี งเหง้าขมนิ้ ชนั อบแหง้ 250 มก. รบั ประทานคร้ังละ 2 – 4แคปซูล วนั ละ 4 คร้งั หลังอาหารและก่อนนอน
8.ตระไคร้ ประโยชนแ์ ละสรรพคณุ ตะไคร้ ช่วยขบั ลม ลดอำกำรทอ้ งอดื ทอ้ งเฟอ้ แนน่ จกุ เสยี ด แกอ้ ำกำรเกร็ง ช่วยขับเหง่อื แก้โรคทำงเดนิ ปสั สำวะ แกอ้ ำกำรขดั เบำ แกน้ ่วิ แก้ปสั สำวะเปน็ เลือด แก้เบือ่ อำหำร ทำใหเ้ จริญอำหำร ชว่ ยยอ่ ยอำหำร ลดควำมดนั โลหิต แกก้ ระษยั เป็นยำรกั ษำเกลือน แกไ้ ข้หวัด ขบั ประจำเดอื น ขับระดูขำว ใช้ภำยนอกทำแก้อำกำรปวดบวมตำมขอ้ ชว่ ยขบั เหง่อื แก้กระหำยนำ ช่วยป้องกันโรคมะเรง็ ลำไสใ้ หญ่ บรรเทำอำกำรหวัด อำกำรไอ มีเสมหะ ช่วยบรรเทำอำกำรวงิ เวียนศรี ษะ ช่วยในกำรรักษำอหิวำตกโรค ใช้สว่ นของเหง้า ลาต้นและใบของตะไคร้ เป็นสว่ นประกอบของอาหารทสี่ าคญั หลายชนิดเช่น ต้มยา และอาหารไทยหลายชนดิ และใชเ้ ปน็ เครอ่ื งเทศประกอบอาหาร สาหรับดับกลิ่นคาวเช่นเดยี วกับ ขิง ข่า ใบมะกรดู ใหอ้ าหารมีกลิน่ หอม และปรับปรงุ รสให้
นา่ รบั ประทานมากขึน้ สามารถนามาใชท้ าเปน็ นา้ ตะไคร้ น้าตะไคร้ใบเตย ช่วยดับรอ้ นแก้ กระหายไดเ้ ป็นอย่างดี สามารถนาไปแปรรูปเป็นผลติ ภณั ฑไ์ ดห้ ลายชนดิ เชน่ เครื่องปรุง อบแหง้ ตะไครแ้ หง้ สาหรบั ชงดืม่ นามาสกัดเป็นนา้ มันหอมระเหย เป็นต้น รปู แบบและขนำดวธิ ใี ช้ ใช้รกั ษาอาการขดั เบา เหง้าและลาต้นสด หรอื แหง้ 1 กามอื หรอื นา้ หนักสด 40-60 กรมั แห้ง 20-30 กรัม ทุบตม้ กบั นา้ พอควร แบ่งด่ืม 3 ครงั้ ๆ ละ 1 ถ้วยชา (75 มิลิลิตร) กอ่ น อาหาร หรอื จะห่ันตะไคร้ คว่ั ดว้ ยไฟออ่ น ๆ พอเหลอื ง ชงดว้ ยนา้ เดอื ด ปดิ ฝาทง้ิ ไว้ 5-10 นาที ด่ืมแต่นา้ 3 ครง้ั คร้ังละ 1 ถ้วยชา ก่อนอาหาร ใช้รกั ษาทอ้ งอืดท้องเฟอ้ แนน่ จกุ เสยี ด ใช้เหงา้ และลาตน้ สด1 กามอื นา้ หนัก 40-60 กรัม ทุบพอแตก ตม้ กับนา้ 2 ถ้วยแกว้ เดอื ด 5-10 นาที ดื่มแต่นา้ ครงั้ ละ 1/2 แก้ว วนั ละ 3 ครั้งหลงั อาหาร การใชต้ ะไคร้รักษาอาการแน่นจกุ เสียด ตามคาแนะนาของกระทรวงสาธารณสุข (สาธารณสขุ มลู ฐาน) 1. นาตะไคร้ท้งั ตน้ รวมทง้ั รากจานวน 5 ตน้ สับเป็นท่อน ตม้ กบั เกลอื เติมน้าต้ม 3 ส่วน ให้เหลือ 1 สว่ น ดม่ื ครง้ั ละ 1 ถ้วยแก้ว ติดตอ่ กนั 3 วัน จะหายปวดท้อง 2. นาลาตน้ แก่สดๆทบุ พอแหลกประมาณ 1 กามือ (40-60 กรัม) ตม้ เอานา้ ด่มื ใช้รักษาอาการเมาคา้ ง ใชต้ น้ สดโขลกค้นั เอานา้ ด่ืมแก้อาการเมาในกรณีผทู้ ่เี มา มากๆ ชว่ ยให้สรา่ งเร็ว 9.บอระเพด็ ประโยชน์และสรรพคณุ บอระเพด็ 1. แก้ไข้ทุกชนิด 2. แก้พิษฝดี ำษ 3. เป็นยำขมเจริญอำหำร
4. ชว่ ยย่อยอำหำร 5. บำรุงนำดี บำรุงไฟธำตุ 6. แก้โรคกระเพำะอำหำร 7. บำรุงร่ำงกำย 8. แก้สะอกึ 9. แกม้ ำลำเรยี 10. เป็นยำขบั เหงือ่ ดับกระหำย แกร้ ้อนในดีมำก 11. แก้อหวิ ำตกโรค 12. แกท้ อ้ งเสีย 13. แก้ไขจ้ บั สน่ั 14. ระงับควำมรอ้ น ทำใหเ้ นอื เย็น 15. แก้โลหิตพิกำร 16. เปน็ ยำพอกบำดแผล ทำใหเ้ ยน็ และบรรเทำอำกำรปวด 17. ดับพิษปวดแสบปวดรอ้ น พอกฝี 18. แกฟ้ กชำ แก้คัน แก้รำมะนำด ปวดฟนั 19. แก้เสมหะเป็นพษิ 20. เป็นยำอำยวุ ฒั นะ นา้ สกัดหรือนา้ ต้มจากบอระเพด็ สามารถใช้ฉีดพน่ กาจดั และปอ้ งกนั หนอนแมลง ศัตรูพชื อาทิ หนอนใยผกั และเพลย้ี ต่างๆ ได้เปน็ อย่างดี ส่วนลาต้น และใบของบอระเพด็ สามารถใชผ้ สมในอาหารสัตว์หรือให้สัตว์กินโดยตรง เพอื่ ใหส้ ัตวม์ รี า่ งกายแข็งแรง และรกั ษา โรคในสตั ว์ ทงั้ โค กระบอื สกุ ร ไก่ และอ่นื ซึง่ ชาวบา้ นนิยมให้ไกช่ นกินในระยะกอ่ นออกชน นอกจากน้ลี าตัน และใบยังสามารถนามาบด และใช้พอกศรี ษะหรอื สระผม สาหรับกาจัดเหา ไดอ้ กี ด้วย รูปแบบและขนำดวธิ ีใช้ รกั ษาอาการไข้ ใช้เถาบอระเพ็ดที่ไม่แกห่ รือออ่ นจนเกินไป (เถาเพสลาก) ประมาณ 1- 1.5 ฟตุ (2.5 คืบ) หรอื เถา นา้ หนัก 30-40 กรมั โดยตา เตมิ นา้ เลก็ น้อย คั้นเอานา้ ดมื่ หรอื ต้ม กับนา้ 3 สว่ น เคยี่ วให้เหลือ 1 ส่วน หรือบดเปน็ ผง ทาใหเ้ ปน็ ลกู กลอนรบั ประทานวนั ละ 2 ครัง้ กอ่ นอาหาร เช้า เยน็
10.กญั ชงและกัญชา สรรพคุณของกญั ชง 1. ใบมีสรรพคุณเปน็ ยาบารุงโลหติ (ใบ)[5] 2. ชว่ ยทาใหร้ ู้สกึ ผอ่ นคลาย สดชนื่ ช่วยให้นอนหลับสบาย ช่วยรกั ษาอาการวิงเวยี น ศรี ษะ ปวดศรี ษะหรอื ไมเกรน และชว่ ยแก้กระหาย (ใบ)[5] 3. ใช้รักษาโรคทอ้ งรว่ ง โรคบดิ (ใบ)[5] 4. ภูมิปญั ญาของชาวมง้ จะใชเ้ มล็ดสดเปน็ ยาสลายน่วิ โดยนามาเคยี้ วสด ๆ (เมลด็ )[1] 5. ช่วยบรรเทาอาการเจบ็ ปวด คลายกล้ามเนอ้ื รกั ษาโรคเกาต์ (ใบ)[5] ประโยชนข์ องกญั ชง 1. เปลอื กจากลาต้นใหเ้ ส้นใยเพื่อนาไปใชท้ าเป็นเสน้ ด้ายและเชือก ใชส้ าหรับการทอผ้า ทาเครือ่ งนุ่งหม่ ฯลฯ[1] นอกจากน้ยี ังใชใ้ นพิธีกรรมต่าง ๆ และใช้เป็นรองเท้าของคน ตายเพอ่ื เดินทางไปสู่สวรรค์ ใชท้ าเปน็ ดา้ ยสายสิญจนใ์ นพธิ กี รรมตา่ ง ๆ และใชใ้ น พิธีอัวเน้งหรือพธิ เี ข้าทรง ซึ่งเป็นงานประเพณสี าคญั ของชาวมง้ เสน้ ใยจากต้นกญั ชง น้ันมคี วามผกู พนั กบั วิถชี ีวิตของคนม้ง[4] 2. เน้อื ของลาตน้ ทลี่ อกเปลือกออกแลว้ สามารถนามาผลิตเปน็ กระดาษได้[1] 3. แกนของต้นกัญชงจะมคี ุณสมบตั ใิ นการดูดซบั กล่ิน น้า หรอื นา้ มนั ได้ดี ในตา่ งประเทศ นยิ มนาไปผลติ เป็นพลังงานชวี มวลในรูปแบบตา่ ง ๆ เช่น ถา่ นไม้, Alcohol, Ethanol, Methanol นอกจากน้ี แกนกญั ชงยังถกู นาไปผลิตเปน็ ผลิตภณั ฑเ์ พอ่ื การตกแต่ง อาคารและเฟอรน์ เิ จอรอ์ ีกดว้ ย[5] 4. เมลด็ ใชเ้ ป็นอาหารของคนและนก เมล็ดกัญชงที่เกบ็ ไดส้ ามารถนามาสกัดเอานา้ มันมา ใช้ในการปรงุ อาหารได้ ซ่งึ จากการศึกษากพ็ บวา่ ในนา้ มันจากเมล็ดนั้นมโี อเมก้า3 สูง มาก นอกจากนีย้ งั มโี อเมก้า 6, โอเมก้า 9, linoleic acid, alpha- และ gamma- linolenic acid และสารในกล่มุ วติ ามิน เช่น วติ ามนิ อี ซ่ึงเมอื่ บรโิ ภคแล้วจะมี
ประโยชน์ตอ่ การป้องกนั โรคหัวใจและหลอดเลอื ด และชว่ ยลดการเกิดโรคมะเรง็ ใน รา่ งกายไดอ้ ีกดว้ ย[1],[2] 5. น้ามนั จากเมลด็ สามารถไปผลติ เปน็ น้ามันซักแหง้ ทาสบู่ เครอ่ื งสาอาง ครมี กันแดด แชมพู สบู่ โลชน่ั บารุงผวิ ลิปสติก ลิปบาล์ม แผน่ มาสก์ หนา้ หรอื แม้กระท่ังเปน็ น้ามัน เชอื้ เพลิง และถกู พัฒนาเปน็ ตารับครมี น้ามันกัญชงท่ีให้ความชุ่มชืน้ และช่วยบารงุ ผวิ แหง้ เพอ่ื รกั ษาโรคผิวแห้งคันและสะเกด็ เงินทไ่ี ดผ้ ลเป็นอย่างด[ี 2],[5] 6. เมลด็ นอกจากจะใหน้ า้ มนั แลว้ ยังพบวา่ มโี ปรตนี สูงมากอกี ด้วย โดยสามารถนามาใช้ ในการทาผลติ ภณั ฑต์ ่าง ๆ ได้มากมาย เช่น เนย ชสี เตา้ หู้ โปรตีนเกษตร นม ไอศกรีม นา้ มนั สลดั อาหารวา่ ง อาหารเสรมิ ฯลฯ หรอื ผลติ เปน็ แป้งทดแทนถัว่ เหลอื งไดเ้ ปน็ อย่างดี ซ่งึ ในอนาคตอาจใช้เปน็ ทางเลอื กในการบริโภคแทนถว่ั เหลอื งซึ่งเปน็ พืช GMOs ก็เป็นได้[1],[5] 7. ในสว่ นของใบก็สามารถนาไปใช้ทาประโยชนไ์ ดห้ ลายอย่าง ตั้งแต่เปน็ อาหาร ยารักษา โรค เครอื่ งสาอาง รวมไปถึงการนาใบมาเปน็ ชาเพื่อสุขภาพ, นามาเปน็ ผงผสมกบั สารอาหารอน่ื ๆ เพอ่ื ผลิตเป็นอาหารเสรมิ , ผลติ เป็นอาหารโดยตรงอยา่ งเส้นพาสต้า คกุ ก้ี หรอื ขนมปัง, ใชท้ าเบียร,์ ไวน์, ซ้อสจมิ้ อาหาร ฯลฯ[3],[5] และยังใช้ประโยชนโ์ ดย นามาสกดั เปน็ นา้ มนั หอมระเหยเพอื่ ใชใ้ นอตุ สาหกรรมเครอ่ื งสาอาง ทม่ี คี ณุ สมบัติชว่ ย ดแู ลผิวพรรณ ทาใหผ้ วิ ชุ่มชื้น เหมาะกับผวิ แพง้ า่ ย ผวิ บอบบาง[5] 8. ในประเทศญ่ีปุน่ มกี ารปลูกตน้ กญั ชงเพอื่ กาจัดกมั มันตภาพรังสีให้สลายตวั ที่จงั หวดั Fugushima และสารกัมมนั ตภาพรังสรี วั่ จากโรงงานไฟฟ้านวิ เคลยี ทร่ี ะเบดิ จากสนึ ามิ ซมึ ลงดินจนไมส่ ามารถทาการเกษตรได[้ 3] 9. กญั ชงจัดเป็นเส้นใยมงคลทช่ี าวญป่ี ่นุ นยิ มนามาตดั กโิ มโน เพราะเป็นผ้าที่มีความ ทนทานนบั รอ้ ยป[ี 3]
Search
Read the Text Version
- 1 - 23
Pages: